ลำดับตอนที่ #9
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : [SF] What's your name?
พล็อตนี้ได้ตอนนั่งว่างๆระหว่างการทำงานในวันที่ฝนตกหนักมาก = =
__________________________________________
Mission Complete !!
__________________________________________
ภายในร้านกาแฟที่ส่งกลิ่นหวานอบอวลไปทั่วทั้งร้านนี้ กลิ่นหอมของเมล็ดกาแฟบดและกลิ่นเนยของเบเอร์รี่ที่ผสมผสานเข้ากันอย่างลงตัว เจ้าของร้านเองก็ดูดีเข้ากับยรรยากาศหวานๆนี่ซะเหลือเกิน ทำเอาคนมองอย่าง ‘ปาร์คชานยอล’ เคลิ้มไปกับร่างสูงผอมและผิวขาวที่อยู่หลังเคาน์เตอร์กำลังชงกาแฟให้ลูกค้าอยู่นั้นช่างสะกดใจคนมองเสียเหลือเกิน
ลมหายใจพรูออกทางปากอย่างคนคิดไม่ตก เมื่ออยากรู้จักคนที่แสนเท่นี่ซะเหลือเกินแต่ก็ไม่รู้ว่าจะทำวิธีไหนดีนอกจากการมานั่งดื่มกาแฟและมองรอยยิ้มของเจ้าของร้านทุกวัน แต่ถ้าจะบอกว่าดื่มกาแฟนั้นก็คงไม่ถูกต้องเสียทีเดียวเพราะชานยอลไม่ถูกกับกาแฟ ดังนั้นเมนูของปาร์คชานยอลก็คือ..
“โกโก้ปั่นเพิ่มวิปครีมกับเค้กช็อคโกแลตได้แล้วครับ” น้ำเสียงนุ่มหูมาพร้อมกับกลิ่นหอมหวาน ดวงตากลมโตเบิกกว้างอย่างตกใจเมื่อเห็นว่าเป็นใครกันที่นำมาเสิร์ฟ รอยยิ้มของคุณเจ้าของร้านนั้นช่างอบอุ่นและดูดีเสียจนคนมองเคลิ้มไป
“เครื่องดื่มและเค้กของเราถูกใจคุณลูกค้าใช่ไหมครับ มีอะไรจะติชมไหมครับ” เสียงไพเราะนั้นยังคงไหลผ่านหูของคนทำหน้าตกใจไปอย่างต่อเนื่อง ชานยอลเหมือนโดนแช่แข็งไว้อย่างไรอย่างนั้นเลย
“ผมขอนั่งด้วยคนนะครับ” โดยที่ไม่รอฟังคำตอบร่างสูงก็ลงนั่งฝั่งตรงข้ามเสียเลย ขอบอกเลยว่าด้วยดีกรีจบนอกอย่างเขาทำไมจะดูไม่ออกว่าเด็กคนนี้มาที่ร้านทุกวันน่ะแอบมองตนอยู่และแน่นอนว่าเขาก็แอบสนใจเด็กน้อยตาโตนี่เช่นกัน ดูจากท่าทางแล้วก็คงจะเรียนอยู่มหาวิทยาลัยปี3นั่นแหละ บางวันก็เห็นหอบงานมาทำด้วย
“อะ.. เอ่อ...” จะทำอย่างไรได้เล่าก็เจ้าประคุณรุนช่องเล่นลงนั่งฝั่งตรงข้ามพาลให้ใจสั่นเล่นเสียแล้ว จะเสียมารยาทบอกว่าไม่อนุญาตก็กระไรอยู่ หัวใจน่ะเต้นโครมครามยิ่งกว่ากลองชุดที่ชอบดีเสียอีก เมื่อไม่เห็นทางหนีทีไล่จากดวงตาเรียวแสนอบอุ่นคู่นั้น ชานยอลก็ได้แต่ก้มหน้าลิ้นรสเค้กชิ้นใหญ่กับโกโก้หวานนี้เสียเลย คุณเจ้าของร้านก็ส่งยิ้มอบอุ่นแล้วตั้งซอกเท้าคางกับโต๊ะมองเด็กตรงหน้าที่ก้มหน้าก้มตาทานเค้กด้วยแววตามีความสุขเสียเหลือเกิน
“ชอบเค้กร้านของเรามากใช่ไหมครับ ผมเห็นคุณมาทุกวันเลย” แค่บริบทว่า ‘ผมเห็นคุณมาทุกวันเลย’ ชานยอลก็แก้มแดงจนอีกคนยิ้มอย่างเอ็นดูส่งให้
“ก็ อ่า... เอ่อ... ครับ อร่อยดี ไม่หวานมากแต่ก็ได้รสช็อคโกแลตดีครับ ผมชอบ” ชานยอลนึกดีใจที่ตัวเองไม่สั่นจนพูดไม่รู้เรื่อง คุณเจ้าของร้านใจดียิ้มกริ่มแล้วยื่นหน้าเข้ามาใกล้เด็กหนุ่มที่ก้มหน้างุด
“ชอบผมหรือเค้กครับ” ชานยอลเงยหน้าขึ้นมองคนตรงหน้าอย่างตกใจแล้วก็เหวอเสียจนคุณเจ้าของร้านยิ้มขำ “ผมล้อเล่นน่ะ” แต่หัวใจของชานยอลน่ะไม่ล้อเล่นนะ! เกือบเป็นลมไปแล้วไงล่ะ
“ผมดีใจนะที่คุณชอบเค้กของร้านผมแล้วก็มาบ่อยๆแบบนี้ คุณรู้ไหมว่าผมดีใจมากเลย มันทำให้ผมมีกำลังใจในการทำร้านนี้ต่อไป” คนพูดจะรู้ไหมนะว่าคนฟังน่ะทั้งดีใจ ตื้นตันแล้วก็มีความสุขมากแค่ไหนที่ได้ยินแบบนี้ มันเหมือนกันว่าชานยอลเป็นกำลังใจและแรงผลักดันให้ร้านนี้ขับเคลื่อนต่อไป มองรอยยิ้มของเด็กตากลมจนอิ่มใจคุณเจ้าของร้านก็ลุกขึ้นเท้าสองมือไว้กับขอบโต๊ะก่อนที่จะโน้มตัวลงหาคุณลูกค้ากิตติมศักดิ์ที่เจ้าของร้านต้องออกมาชงโกโกและตักเค้กชิ้นโตมาเสิร์ฟให้ทุกวัน
“วันนี้ผมเลี้ยงคุณเองนะ หวังว่าพรุ่งนี้คุณจะมาอีก” แก้มกลมแดงเรื่อ ชานยอลเสหน้าหลบสายตาเพราะไม่อาจทนสบตากับดวงตาคู่นั้นได้นาน
“ครับ ผมจะมา” คุณเจ้าของร้านยิ้มกว้างกว่าเดิมแล้วโน้มตัวลงมาใกล้คนเขินที่เอาแต่ก้มหน้าใช้ส้อมจิ้มเศษเค้กในจานเล่นไปมา
“ถ้าคุณมาพรุ่งนี้ ผมจะมอบของพิเศษให้คุณ.. สำหรับคุณคนเดียว” หัวใจดวงน้อยเต้นไม่เป็นระส่ำเลยแต่ชานยอลก็พยักหน้ารับกลับไป อยากรู้จังว่าของพิเศษนั้นคืออะไรกันนะ? เมื่อเห็นเด็กขี้อายพยักหน้าเป็นสัญญาว่าพรุ่งนี้จะมาร่างสูงก็เดินกลับเข้าไปอยู่หลังเคาน์เตอร์ดังเดิมแต่สายตาก็ยังคงมองมาที่เด็กหนุ่มตากลมที่นั่งอยู่โต๊ะริมกระจกร้าน ยิ้มกว้างอย่างถูกใจจนลูกน้องคนสนิทเอ่ยปากแซว
“ชอบเขาเหรอเฮีย? น่ารักนะ มาทุกวันเลยเฮียชอบก็จีบเลยดิผมสนับสนุน” เจ้าของร้านหันกลับไปยักคิ้วให้2จึกก่อนที่จะพูดประโยคที่ทำให้เด็กหลังเคาน์เตอร์โห่ร้องแซวไม่หยุด ร่างสูงหันมองเด็กหนุ่มที่เผอิญหันมาสบตาแล้วก็รีบหันหน้าหนีไปอย่างเขินอาย จุดนี้ไม่ได้ใกล้จนเห็นริ้วรอยแดงจางๆบนแก้มใสหรอกแต่ก็พอจะรู้ว่าคนที่แอบมองน่ะกำลังเขินอายอยู่เป็นแน่
“ก็กำลังจีบอยู่นี่ไงล่ะ!”
วันนี้ชานยอลมาตามนัดและก็ได้รู้ว่าของพิเศษที่ว่าน่ะคือ เค้กชิฟฟอนหลากรสที่ตัดพอดีคำและนมสดอุ่นๆหนึ่งแก้วโต ที่เหมาะกับอากาศวันนี้ยิ่งนัก อยู่ๆฝนก็ตกลงมาแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย บรรยากาศด้านนอกร้านคงจะชื้นและถ้าเลือกได้ชานยอลขอนั่งมองหยดน้ำตามกระจกบานใสดีกว่าที่จะเดินออกไปเหยียบย่ำอะไรแบบนั้น
ถึงแม้ว่าวันนี้จะได้ของพิเศษตอบแทนจากคุณเจ้าของร้านใจดีแต่ตัวคนให้กลับไม่อยู่เสียอย่างนั้น มันน่าน้อยใจจัง นัดคนอื่นมาแต่ตัวเองกลับไม่อยู่เสียนี่ เจ้าตัวเลยได้แต่นั่งเท้าคางจิ้มเค้กชิฟฟอนแสนอร่อยขึ้นทานพร้อมกับหันมองหยดน้ำที่ไหลหยดตามเนื้อกระจกใส บรรยากาศชวนเหงาอยู่ไม่น้อย นี่ถ้าได้ทานเค้กแสนอร่อยกับนมอุ่นๆยามฝนตกเย็นฉ่ำด้วยกันแบบนี้ล่ะก็... คงจะโรแมนติกไม่น้อย แต่ติดตรงที่เขาคนนั้นไม่อยู่เสียนี่
“โอ๊ะ.. นี่เรายังไม่รู้จักชื่อเขาเลยนินา” ว่าแล้วชานยอลก็ยกสองมือขึ้นขยี้ผมตัวเองจนยุ่งเหยิงแล้วก็บ่นงึมงำว่าตัวเองที่สะเพร่าทำไมถึงไม่ถามชื่อคนที่เป็นเจ้าของดวงตาเรียวแสนอบอุ่นคู่นั้นเสียที แต่ใครล่ะจะกล้าแค่ได้อยู่ใกล้กันเกิน10ก้าว ชานยอลก็จะเป็นลมล้มพับเสียแล้ว
“ฮือ... ครั้งหน้าจะต้องถามชื่อให้ได้เลย” แม้จะยกมือสัญญาเป็นมั่นเป็นเหมาะกับตัวเองแล้วแต่ก็ไม่รู้ว่าครั้งหน้าจะกล้าเอ่ยปากถามชื่อเขาไหมนะ?
นั่งต่อได้อีกไม่นานฝนก็เริ่มซาและแน่นอนว่าคนที่นั่งแกร่วทานเค้กกับนมอุ่นจนหมดแก้วแล้วนั้นคงจะต้องจรลีรีบกลับบ้านเพราะไม่เช่นนั้นฝนอาจจะตกลงมาอีกก็เป็นได้แล้วถ้าเป็นอย่างนั้นคงจะแย่น่าดู การที่อยู่ท่ามกลางบรรยากาศแสนโรแมนติกแบบนี้แต่กลับนั่งอยู่คนเดียวน่ะ.. มันช่างน่าหดหู่เสียเหลือเกิน
ชานยอลเก็บของแล้วก็สะพายเป้ไว้ด้านหลังก่อนที่จะเดินออกจากร้านไปพร้อมกับโน้ตเล็กๆไว้บนจานเค้กและแก้มนมด้วย เสียงผลักบานประตูออกไปทำเอาเด็กในร้านเอ่ยเรียกไว้ไม่ทัน เด็กตัวสูงเดินเลี้ยวออกไปยังหน้าปากซอยเพื่อขึ้นรถประจำทางกลับบ้าน พ้นแผ่นหลังเล็กลับตาเพียงเสี้ยววินาทีรถคันสวยสีดำก็แล่นเข้ามาจอดหน้าร้านในที่จอดประจำ บานประตูรถเปิดออกพร้อมกับร่างของเจ้าของมันก้าวออกมาอย่างเร่งรีบเพื่อเข้าไปในร้าน สายตาเบนหันหันไปมองโต๊ะริมกระจกตัวที่สามแต่แล้วก็ต้องผิดหวังเมื่อมันว่างเปล่า ไม่พบกับเด็กตัวสูงตาโตแก้มกลมคนนั้น
“เขากลับไปแล้วเฮีย ผมเรียกไม่ทน” พยักหน้าตอบรับคำตอบของลูกน้องเบาๆก่อนที่จะเดินไปที่โต๊ะตัวนั้นแล้วก็นึกค่อนขอดในใจถึงงานที่ดันมาเรียกตัวด่วนในวันสำคัญแบบนี้
“หื้ม??” ฝ่ามือใหญ่เอื้อมออกไปหยิบโพสอิทสีชมพูอ่อนที่แปะอยู่ตรงขอบจานเค้กขึ้นมาอ่านและหยิบอีกใบที่ข้างแก้มนมใบใหญ่ ริมฝีปากบางได้รูปวาดรอยยิ้มกว้างจนดวงตาคู่เรียวนั้นวาดโค้งเป็นขีดคล้ายดั่งเส้นพระจันทร์เสี้ยว ข้อความสั้นๆเพียงแค่นั้นก็ทำให้คนอ่านยิ้มได้แล้ว
เค้กอร่อยมากครับ ถ้าเอาวางขายผมว่าต้องขายได้แน่ๆ :)
นมสดอุ่นๆเหมาะกับวันที่ฝนตกมากครับ แต่ดื่มคนเดียวเหงาจัง TT
แค่ข้อความสั้นๆก็ทำให้มีกำลังใจต่อแล้ว แต่ก็อยากได้ยินคนเขียนพูดมันจากปากจังเลยนะ เอ?? แต่จะว่าไปเราก็ยังไม่รู้ชื่อกันเลยนินา จีบเขาภาษาอะไรล่ะเนี่ย เจอกันคราวหน้สงสัยต้องแอบเนียนถามชื่อกันซะแล้ว
“ยิ้มอะไรน่ะเฮีย หนุ่มน้อยคนนั้นส่งโพสอิทบอกรักเหรอไงถึงได้ยิ้มไม่หุบเชียว” สายตากรุ้มกริ่มจากลูกน้องคนสนิทยิ้มล้อเลียนและส่งสายตามองมายังโพสอิทในมือของเจ้านายแต่ก็ไม่ได้ทำอะไรให้คุณเจ้านายเขินอายได้แต่อย่างใด
“อยากโดนไล่ออกหรือไงกลับไปทำงานเลยไป นี่ฉันยังไมได้คิดบัญชีที่แกปล่อยเขากลับไปก่อนเลยนะ”
“เฮ้ย! เฮียผมมีงานที่ต้องทำอีกเยอะ งั้นผมไปก่อนนะเฮีย” แล้วเจ้าลูกน้องตัวดีก็วิ่งหนีไปเลยทิ้งให้คุณเจ้านายยืนยิ้มเป็นคนบ้ากับโพสอิทสองแผ่นในมือไปคนเดียว
“ขอบคุณสำหรับโพสอิทนะครับ”
ตอนนี้คุณเจ้าของร้านกาแฟคนเก่งกำลังหงุดหงิดและร้านกาแฟแห่งนี้ก็กำลังจะกลายเป็นสนามรบเอาเสียแล้ว เมื่อเจ้านายของทุกคนกำลังหงุดหงิดได้ที่และยืนชงกาแฟเสียงดังจนลูกค้าคนอื่นสะอุ้งไปหลายทีแล้วน่ะสิ แม้ว่าลูกน้องคนสนิทจะเข้าไปอาสาทำเองแต่ทว่ากลับโดนสายตาพิฆาตกลับมาเสียนี่ ใครล่ะจะกล้ายุ่งเวลาเจ้านายโมโหน่ะ
เสียงเครื่องชงกาแฟและแรงกระแทกแก้วพลาสติกดังขึ้นอีกครา โชคดีที่ไม่มใครสั่งเครื่องดื่มร้อนและเดชะบุญที่แก้วของร้านนี้ไม่ใช่กระเบื้องทุกใบไม่อย่างนั้นวันนี้คงต้องปิดร้านแล้วไปขนซื้อแก้วใหม่กันเสียล่ะ และสาเหตุที่ทำให้เจ้านายหงุดหงิดอารมณ์เสียจนลูกค้าขวัญหนีดีฝ่อแบบนี้ก็คือ... เด็กน้อยเจ้าของดวงตากลมๆคนนั้นไม่มาที่ร้านสามวันแล้วน่ะสิ เจ้านายของพวกตนเลยคิดถึงมากและหงุดหงิดมากเป็นพิเศษ
“น่าเฮียเดี๋ยวน้องเขาก็มา” พูดยังไม่ทันขาดคำเด็กหนุ่มตากลมก็เปิดประตูร้านเข้ามา ใบหน้าน่ารักแดงเรื่อ ปลายจมูกรั้นนั้นก็แดงเรื่อเช่นกัน ด้วยความที่เป็นคนขาวอยู่แล้วก็ยิ่งซีดเข้าไปใหญ่ เด็กหนุ่มเดินไปนั่งฟุบหน้ากับโต๊ะประจำแล้วหันหน้าออกไปมองนอกกระจก ดูเศร้าและหดหู่ยิ่งกว่าอากาศขมุกขมัวด้านนอกเสียอีก
ยังไม่ทันที่คุณเจ้าของร้านกาแฟจะได้เข้าไปคุย ชานยอลก็ลุกขึ้นพรวดแล้วถลาอออกไปนอกร้านทันทีที่เห็นใครบางคนเดินผ่านมา ดวงตาเรียวคู่ที่คอยเฝ้ามองอยู่ฉายแววไม่พอใจทันทีที่เห็นว่าเด็กน้อยของตัวเองทำท่างอนง้อขอคืนดีกับคนที่เขาไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน คว้าเอื้อมมือไปจับแต่ก็ถูกใครคนนั้นผลักออกและคงจะดูต่อว่าด้วยถ้อยคำดูถูกสินะถึงได้ทำท่าจะร้องไห้แบบนั้น ใบหน้าน่ารักที่พยายามกลั้นน้ำตานั้นช่างสงสารเหลือเกิน
ก่อนที่ชายคนนั้นจะเดินจากไป เด็กหนุ่มก็คว้าข้อมือของอีกคนไว้แต่กลับโดนสะบัดออกแม้จะอ้อนวอนแค่ไหนแต่คนนั้นก็เลือกที่จะเดินหนีออกจากการเหนี่ยวรั้งนี้ชานยอลยืนมองแผ่นหลังกว้างนั้นที่เดินจากไปด้วยน้ำตา ไม่เคยรู้สึกเสียใจเท่านี้มาก่อนเลย คนที่มองอยู่ก็ทนไม่ไหวจนต้องเดินออกไปพาเด็กหนุ่มกลับเข้ามาด้านในร้านโดยเลือกโต๊ะที่ใกล้กับหน้าเคาน์เตอร์มากที่สุด เด็กน้อยนั่งก้มหน้าโดยทีคุณเจ้าของร้านยืนมองอยู่ข้างๆ ฝ่ามืออุ่นลูบกลุ่มผมนิ่มเบาๆอย่างปลอบโยน
“ช่างเขาเถอะนะ ถ้าเขาไปแล้วพี่ขอดูแลเราต่อจากเขาได้ไหม?” ดวงตากลมใสที่แดงน้อยๆเงยขึ้นสบกับดวงตาคู่เรียวที่มองจ้องมาอย่างมีความหมาย แววประกายในตาคล้ายดั่งแสงระยิบระยับในยามค่ำคืน
“พี่จะดูแลผมจริงๆเหรอครับ” น้ำเสียงหวานปนเศร้าเอ่ยถาม ชานยอลเงยหน้าขึ้นสบดวงตาเรียวอบอุ่นนั้นอีกครั้งก่อนที่จะก้มหน้าลง
“แน่นอน ขอให้พี่ได้ดูแลเราอะไรพี่ก็ทำให้ได้” น้ำเสียงอบอุ่นมาพร้อมกับสัมผัสอุ่นๆบนเส้นผมที่ใครอีกคนกำลังลูบหัวเขาปลอบใจ
“ทำได้ทุกอย่างเลยเหรอครับ” ชานยอลเงยหน้าขึ้นมองอีกคนด้วยแววตาซุกซน รอยยิ้มบนใบหน้าน่ารักนั้นเรียกให้คนมองหัวใจเต้นสะดุดจังหวะ
“อื้อ” ทำได้แค่ตอบรับไปเบาๆเท่านั้นเอง ตอนนี้หัวใจของชายหนุ่มเต้นระรัวเร็วเสียแล้ว ดวงตากลมโตคู่นั้นทอแววสดใสเป็นประกายและซุกซนคล้ายแววตาของน้องเหมียวแสนซนยามอ้อนเจ้าของเสียเหลือเกิน
“ถ้าอย่างนั้นเริ่มจากชื่อของพี่ก่อนเป็นไงครับ” ชานยอลยิ้มกว้าง กว้างที่สุดจนดวงตากลมโค้งเป็นขีด แก้มใสดันจนมองเห็นรอยยิ้มโค้งพระจันทร์บนใบหน้าขาวใสนั้น
“แล้วก็ต่อด้วยเบอร์โทรศัพท์ของพี่นะครับ”
이름이 뭐예요? 전화번호 뭐예요?
뭐예요? 뭐예요? What's your name?
คุณชื่ออะไรกันล่ะ? เบอร์โทรศัพท์ล่ะเบอร์อะไร?
อะไรนะ? อะไรกัน? ชื่อของคุณน่ะชื่ออะไรนะ?
เมื่อเห็นร่างสูงที่คุ้นตาเดินผ่านมา ชานยอลก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วถลาออกจากร้านไปยืนขวางทางคนที่กำลังจะเดินผ่านไป ใบหน้าน่ารักยู่ลงคล้ายกับคนจะร้องไห้แต่ชายคนนั้นเพียงแค่ถอนหายใจ
“ไหนล่ะพี่ชายคนนั้นของแกน่ะ ชานยอล” เสียงทุ้มเอ่ยถาม ชานยอลยังคงตีหน้าเศร้าเล่นละครให้คนด้านในดูอยู่ ละครฉากเล็กๆที่นำแสดงโดย ปาร์คชานยอล
“อยู่ในร้าน คนที่ใส่เสื้อเชิ้ตสีขาว กางเกงสแล็คสีดำน่ะ” ร่างสูงเพียงแค่เหลือบตาเข้าไปมองและยิ้มมุมปาก
“ก็ใช้ได้นะ ตาถึงนะแกแล้วทำไมต้องเรียกฉันมาช่วยแกด้วยเห็นทุกทีก็ออกโรงเองตลอด” ชานยอลทำหน้าเศร้าแล้วเอื้อมมือไปจับข้อมือของอีกฝ่ายแต่โดนสะบัดทิ้ง
“ไม่ได้หรอก ฉันจ้องพี่เขามานานแล้วแต่ไม่เห็นเขาจะรุกสักทีฉันก็เลยรุกองมันซะเลย” ร่างสูงกกว่าเพียงแค่หัวเราะหึๆ ชานยอลทำท่าเหมือนขอโอกาสอีกครั้งแต่กลับไม่ได้รับความสนใจจากคนตรงหน้าเอาเสียเลย แต่ดูท่าว่าคนด้านในคงจะสนใจอยู่ล่ะสิท่า
“ร้ายมากนะ ว่าแต่แกน่ะหลบไปได้แล้วหมดเวลาของแกแล้วไปๆ หลบๆ” ว่าแล้วก็เดินผ่านไปแต่ชานยอลกลับคว้าข้อมือเพื่อนไว้
“จะรีบไปไหนวะไอ้คริส จะไปหาพี่ลู่คนแมนของแกหรือไงวะ” คริสสะบัดมือที่จับอยู่ออก
“ก็เออสิ เสียเวลาว่ะไปแล้วๆ มีอะไรก็บอกล่ะกันตอนนี้พี่ลู่รอฉันนานแล้วไปล่ะ” แล้วคริสก็เดินจากไป ชานยอลยืนมองตามหลังของอีกคนไปนิ่งๆแล้วเริ่มนับเลขในใจ
3...
2...
1...
เสียงประตูร้านถูกเปิดออกและเพียงอึดใจอ้อมแขนอบอุ่นก็โอบล้อมรอบกายแล้วพาเดินกลับเข้ามาในร้าน กลิ่นหวานหอมละมุนกับความอบอุ่นที่ล้อมรอบกายทำให้เด็กหนุ่มลอยยิ้มกับตัวเอง นี่เขาก็คิดอยู่นะว่าถ้าคุณเจ้าของร้านเปิดประตูออกไปหาเขาก่อนที่บทละครสั้นจะจบจะทำอย่างไรกัน ก็บทพูดและการแสดงมันสวนทางกันเสียขนาดนี้ นี่ถ้ามีคนเดินผ่านสักหน่อยคงสนุกกันล่ะทีนี้
“เริ่มจากชื่อของพี่ก่อนเป็นไงครับ”
“แล้วก็ต่อด้วยเบอร์โทรศัพท์ของพี่นะครับ”
“โอเซฮุน 010123456789 แล้วนายล่ะ”
Mission Complete !!
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น