ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Sweet line Project] KrisYeol : My puppy คุณหมาแสนรัก [END]

    ลำดับตอนที่ #9 : My puppy - 9

    • อัปเดตล่าสุด 6 มี.ค. 57


    ^___________^
     
     
    ___________________________
     
     
     
    จนอ่านหนังสือจบก็ใกล้จะบ่ายอยู่แล้ว ชานยอลหันมองนาฬิกาที่วางอยู่ข้างๆโทรทัศน์ก่อนที่จะหันมามองคนที่นั่งนิ่งให้เขานอนหนุนอกก็หัวเราะคิกคักเลย ก็ไหงนั่งแอบจุมพิตที่ผมของเขาอยู่ดีๆก็หลับไปเสียอย่างนั้นล่ะ? คนตัวโตนี่ใช้ไม่ได้เลยน้า~ ชานยอลขยับตัวไปวางหนังสือไว้ที่โต๊ะเล็กหน้าโซฟาแล้วหันกลับมาสนใจคนที่นั่งหลับอยู่นี้แทน
     
    ชานยอลเคยแอบมองสำรวจเครื่องหน้าของคนๆนี้ไปแล้วนับครั้งไม่ถ้วนแต่ไม่รู้ทำไมทุกครั้งที่มองก็ยิ่งหลงใหล ยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกใจเต้นกับใบหน้าได้รูปนี้ ดูท่าว่าชานยอลจะ ‘หลงรัก’ เจ้าของใบหน้าคมนี้เสียแล้วน่ะสิ คิดได้แบบนั้นก็รู้สึกร้อนที่สองแก้มเสียแล้วสิ ชานยอลขยับตัวเข้าไปแล้วก้มหน้าลงไปใกล้จนห่างกันเพียงสุดลมหายใจ อมยิ้มแล้วมองค้างอยู่แบบนั้น ชานยอลชอบมองใบหน้าของคนนี้ยามหลับ มันดูสวยงามวิจิตรราวกับภาพวาด
     
    เปลือกตาที่บดบังนัยน์ตาคมลืมขึ้นก็เห็นใบหน้าน่ารักลอยเด่นอยู่ตรงหน้า ริมฝีปากบางได้รูปวาดรอยยิ้มพร้อมกับเอื้อมมือขึ้นลูบแก้มนิ่มของคนที่แอบลอบมองใบหน้าของเขายามหลับแต่เมื่อครู่คริสไม่ได้หลับเพียงแค่หลับตาพักสายตาเท่านั้น ฝ่ามือใหญ่ช้อนแก้มของชานยอลไว้แล้วโน้มลงมารับจูบแผ่วเบาที่ช่างอ่อนหวาน คริสเพียงแค่แตะค้างริมฝีปากบนริมฝีปากอิ่มเท่านั้น ถ้าชานยอลไม่อนุญาตเขาก็จะกระทำจาบจ้วงเด็ดขาด ตัวเขาอยากจะถนุถนอมคนน่ารักนี้ให้มากที่สุด
     
    ชานยอลขยับตัวเข้าใกล้ เอียงใบหน้าเพียงนิดก่อนที่จะเริ่มกดริมฝีปากเบาๆ เพียงแค่นั้นคริสก็เริ่มนำเกมจูบตอบ เคล้นคลึงกลีบปากนิ่มแผ่วเบาเป็นจังหวะ บดเบียดและทาบกับกันเป็นจังหวะ อ้อมแขนยาวตวัดกอดแล้วรั้งชานยอลให้ขยับตัวเข้ามาใกล้ สองมือของชานยอลวางทาบไว้ที่ไหล่แข็งแรงของคริส ริมฝีปากบางยังคงกดป้อนจูบไม่ห่าง ขยับเคล้นคลึงเข้าหากันไม่แยกจาก จูบต่อจูบอยู่นานกว่าที่คริสจะถอนจูบออก นัยน์ตาคมยังมองสบกับนัยน์ตาโตที่สะท้อนเงาของเขาอยู่ในนั้น
     
    “อ่านหนังสือเสร็จแล้วเหรอครับ” คริสไล้หัวแม่มือเช็ดหยดน้ำใสที่มุมปากของชานยอลออกให้ เจ้าตัวที่แก้มแดงก็พยักหน้ารับช้าๆ
     
    “มิน่าล่ะถึงมานั่งจ้องหน้ากันใกล้ๆแบบนี้ได้” ว่าแล้วก็หัวเราะอารมณ์ ชานยอลก็เลยนึกหมั่นไส้ฟาดมือที่อกเข้าให้แรงๆเลย ไม่ห่วงด้วยว่าจะเจ็บหรือเปล่าเพราะชานยอลไม่สนใจ
     
    “ไปทำมื้อเที่ยงเลยนะ!” คริสลูบที่หน้าอกของตัวเองแต่ก็ยังคงยิ้มขำๆจนชานยอลจะฟาดอีกสักเพี๊ยะนี่ล่ะริมฝีปากบางถึงได้หุบยิ้ม
     
    “กินอะไรเบาๆไปก่อนก็แล้วกันนะครับ” ชานยอลพยักหน้าก่อนที่จะขยับตัวลุกขึ้นยืนแล้วบิดไล่ความเมื่อยขบที่ต้องนั่งอ่านหนังสือนานๆ คริสลุกขึ้นยืนแล้วบีบปลายจมูกของชานยอลอย่างหยอกเย้า
     
    “นั่งรออยู่นี่นะเดี๋ยวไปทำมาให้” ชานยอลยิ้มกว้าง
     
    “ก็มันแน่อยู่แล้วที่นายต้องทำน่ะ” แล้วเจ้าตัวก็ลงนั่งที่โซฟาพร้อมกับหยิบหมอนใบใหญ่มาวางไว้ที่ตัก มือเรียวคว้ารีโมทมากดรายการโทรทัศน์ดูซะเลย คริสที่ยืนมองอยู่ก็หัวเราะเบาๆแล้วเดินไปที่ห้องครัวเพื่อทำมื้อเที่ยงให้คนที่กำลังอารมณ์ดีนี้
     
    ชานยอลที่นั่งเท้าคางกับหมอนใบโตหันไปมองคริสที่เดินง่วนอยู่กับการเตรียมมือเที่ยงที่มันค่อนไปทางบ่ายแล้วก็วาดรอยยิ้ม ชีวิตประจำวันของชานยอลก็เป็นแบบนี้แหละ มีคริสอยู่ด้วยกันตลอด มีคริสคอยดูแล มีคริสคอยเอาใจใส่และมีคริสคอยอยู่ข้างๆเสมอ .... ถ้าวันที่ตัวเขาไม่มีคนนี้อยู่ข้างกายมันจะเป็นยังไงนะ
     
    คนที่คิดมากไปสะระตะก็ทำหน้าหงอย ลืมสนใจโทรทัศน์ที่เปิดไปเสียสิ้น คริสที่อยู่ในห้องครัวแอบโผล่หน้ามาดูก็เห็นคนน่ารักของเขาทำหน้าเศร้าเหมือนกับคิดอะไรอยู่ในหัว มันคงจะไม่พ้นเรื่องของเขาแน่ๆ เพราะบางทีตัวเขาก็สังเกตว่าชานยอลมักจะมองมาที่เขาด้วยสายตาเศร้าสร้อย เหม่อลอยด้วยใบหน้าที่เศร้าหมอง 
     
    ....... หรือบางทีอาจจะถึงเวลาที่เขาต้องบอกความจริงเสียที ตัวเขาทนไม่ได้หรอกที่จะเห็นคนน่ารักต้องมาทำหน้าเศร้าแบบนี้ ก็หวังว่าชานยอลจะไม่โกรธเขามากน่ะนะ
     
     
     
     
    หลังจากมื้อเที่ยงผ่านไป ชานยอลก็จัดการเก็บจานทั้งหลายไปล้างก่อนที่ใครอีกคนจะค้านได้ทัน คริสก็เลยต้องยอมและปล่อยไปเลยตามเลย ตัวเขาก็ไปเตรียมวัตถุดิบเพื่อที่จะเตรียมทำหม้อไฟเย็นนี้ ชานยอลหันมองคริสที่เดินวุ่นไปมาแล้วบางทีก็วกกลับมาหอมแก้มเขาด้วยสายตาหมั่นไส้ อยากจะเอาฟองน้ำยาล้างจานป้ายลูกตาจริงๆเลย
     
    “ดูเหมือนของจะขาดเยอะเลยแหะ ต้องออกไปซื้อ” ชานยอลที่ล้างจานเสร็จแล้วก็ถอดถุงมือออกแล้วยกมืออาสา
     
    “ฉันไปซื้อเอง นายก็เตรียมของไปนะ” คริสเลิกคิ้วแล้วมองชานยอลที่ยังยิ้มนำทัพขันอาสา
     
    “แน่ใจนะว่าจะไม่หลงทาง” คนที่โดนกลัวว่าจะหลงทางพองลมแล้วยกมือเท้าเอวใส่
     
    “ฉันอยู่ที่นี่มาก่อนนายอีกนะ!!” คริสหัวเราะแล้วโยกหัวของชานยอลเบาๆ
     
    “ก็ได้ครับเดี๋ยวจดให้นะว่าต้องซื้ออะไรบ้าง ถ้าอยากกินอะไรเพิ่มก็ซื้อมานะครับ” ชานยอลยิ้มรับ แหงล่ะในที่สุดก็แย่งหน้าที่ของคริสทำได้แล้ว ก็คนตัวโตนี่เหมาทำแทบจะทุกอย่างเลยชานยอลก็เลยไม่ได้ทำอะไรเลยสักอย่าง แล้วคนที่ไฮเปอร์แบบชานยอลจะทนนั่งนิ่งๆได้นานแค่ไหนกัน พอนั่งนิ่งมันก็เบื่อแล้วก็พาลจะหลับเอาทุกทีเลย
     
    ชานยอลเดินออกจากบ้านพร้อมกับใบกระดาษจดของที่ต้องซื้อ เดินอารมณ์ดีไปยังร้านขายของแถวบ้าน ที่เดินไปนี่ก็เพราะมีจุดประสงค์นั่นแหละ เดินไปไม่นานก็ถึงร้านขายของ ริมฝีปากอิ่มวาดรอยยิ้มแล้วเดินเข้าร้านไปเลือกซื้อของตามรายการที่ได้รับมาและแอบพิเศษด้วยไอศกรีมหนึ่งแท่ง แหงล่ะ ก็เพราะสิ่งนี้นี่แหละถึงยอมเดินออกมา
     
    เดินหิ้วถุงด้วยมือข้างหนึ่ง ส่วนอีกข้างก็ถือไอศกรีมกินช่างมีความสุขเสียจริง คริสชอบบ่นทุกทีเวลาที่ชานยอลกินไอศกรีม ก็แหงล่ะกินเยอะขนาดนั้นมันก็ไม่ได้มีประโยชน์ต่อร่างกายสักเท่าไหร่แต่มันเย็นแล้วก็อร่อย ดังนั้นชานยอลก็มักจะแอบกินอยู่ตลอดนั่นแหละ ชานยอลเดินไปเรื่อยๆไม่ได้รีบร้อนอะไรแต่แล้วก็ต้องหันไปตามเสียงเรียกที่มีคนเอ่ยเรียกเขาจากด้านหลัง
     
    “คุณชานยอลครับ” ใครสักคนกำลังปั่นจักรยานเข้ามาด้วยรอยยิ้มกับดวงตาคมดุดูคลับคล้ายคลับคลาว่ามันเหมือนดวงตาของใครสักคนชอบกล เขาคนนั้นปั่นจักรยานมาจอดใกล้ๆ
     
    “คุณเป็นใคร รู้จักผมได้ยังไง” ชานยอลเอ่ยถามพร้อมกับทำหน้าสงสัย เขาคนนั้นยังคงยิ้ม
     
    “ใครๆก็รู้จักคุณครับ ขอบคุณนะครับ” ชานยอลกระพริบตาปริบๆมองอีกคนด้วยความสงสัยว่าเขาคนนั้นมาขอบคุณทำไม เรื่องอะไรและท้ายที่สุดเขาเป็นใคร?
     
    “ขอบคุณ? ขอบคุณทำไมครับ” แม้จะสงสัยแต่ก็ไม่ได้รับคำตอบเมื่อโทรศัพท์ของอีกฝ่ายดังขึ้น คนนั้นกดรับสายแล้วบอกว่าจะรีบไปจากนั้นก็ขอตัวแล้วปั่นจักรยานออกไปเลย
     
    “พิลึกคนดีแท้” ชานยอลก็ยังเดินกลับบ้านด้วยความสงสัยว่าเหตุใดเขาคนนั้นถึงมาขอบคุณเขา ทำไมถึงรู้จักชื่อเขาแล้วอย่างสุดท้าย... เขาคนนั้นเป็นใคร
     
    ชานยอลเปิดประตูเข้าบ้านไปก็ได้ยินเสียงของคนอยู่บ้านกำลังทำครัว เรื่องที่พบเจอมาเมื่อครู่ก็เลือนหายออกไปจากความคิด เจ้าตัวเดินเข้าไปในห้องครัวก็เห็นคริสกำลังเตรียมวัตถุดิบที่จะทำหม้อไฟแยกจัดเป็นแต่ละอย่างวางรียงอย่างสวยงาม บางทีเขาก็เคยคิดนะว่าถ้าคริสไม่ใช่น้องไข่หวานเขาก็คงจะเป็นเซฟมือทองเลยล่ะ
     
    “กลับมาแล้วเหรอครับ” ชานยอลยิ้มแล้วชูถุงให้ดูว่าตัวเองนั้นกลับมาพร้อมกับของที่สั่งไปไม่ขาดตกบกพร่อง ชานยอลเดินไปวางถุงที่เคาน์เตอร์ครัวข้างกันกับคริสแล้วช่วยหยิบมันออกมาจากถุง 
     
    “ฉันช่วยนะ” คริสหันมายิ้มแล้วพยักหน้าอนุญาต เมื่อได้รับคำอนุญาตชานยอลก็จัดการแกะผักที่ซื้อมาเพิ่มเอาไปล้างก่อนที่จะให้มันสะเด็ดน้ำในตะกร้าวางผัก
     
    “เดี๋ยวชานยอลหั่นผักกับเต้าหู้แล้วก็พวกของอื่นๆที่จะใส่นะครับ เดี๋ยวผมจะต้มน้ำซุปก่อน” 
     
    “รับทราบ” ชานยอลหันหน้ามาตะเบ๊ะท่าใส่และรับคำอย่างแข็งขันจนคริสอดไม่ได้ที่จะหัวเราะอย่างเอ็นดูแล้วยื่นหลังปลายนิ้วไปไล้ที่แก้มนิ่มอย่างแผ่วเบา
     
    คริสผละตัวออกไปเตรียมทำน้ำซุปโดยปล่อยให้ชานยอลจัดการหั่นผักทั้งหลาย แม้จะอนุญาตให้ทำแต่เขาก็ยังหันมองชานยอลเป็นระยะๆ ก็เป็นห่วงว่าจะโดนมีดบาดนั่นแหละ ถึงจะรู้ว่าชานยอลก็ทำอาหารเป็นและคงไม่มีอุบัติเหตุแบบนั้นหรอกแต่เขาก็ยังไม่อยากจะไว้ใจจนกว่าชานยอลจะวางมีดนั่นแหละ
     
    ชานยอลที่กำลังตั้งใจจัดการกับของตรงหน้าก็รู้สึกจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษ รู้สึกอารมณ์ดีทุกครั้งที่ได้ทำกิจกรรมร่วมกับคริส จะแค่ช่วยกันตากผ้าแค่นี้ตัวเขาก็มีความสุขแล้ว หัวใจของชานยอลกำลังฮัมเพลงเป็นเพลงรักหวานซึ้งที่พวกเขาเคยได้ฟังด้วยกันก่อนนอน มันทั้งหวานละมุน สุขจนล้นและพาให้ตัวเขาล่องลอยอยู่ในอากาศ
     
    “เป็นไงครับเสร็จหรือยัง” คริสเอ่ยถาม ชานยอลหันไปมองก่อนที่จะยิ้มให้
     
    “เกือบเสร็จแล้ว หิวแล้วหรือไง” คริสหัวเราะแล้วเดินมาซ้อนหลังพร้อมกับยื่นมือไปทาบจับกับมือของชานยอลทั้งสองข้างแล้วช่วยกันหั่นผักตรงหน้าเป็นท่อนๆ
     
    “ก็ยังไม่หิวหรอกแต่อยากอยู่ใกล้ๆ” ว่าแล้วคริสก็หยุดมือแล้วฉกความหอมจากแก้มของคนในอ้อมแขนเสียฟอดใหญ่
     
    “เพราะฉันน่ารักล่ะสิ” ชานยอลหันหน้าไปถาม คริสหัวเราะแล้วเริ่มลงมือจัดการเตรียมของตรงหน้าแทนชานยอลที่เพียงแค่จับไว้เฉยๆและทำตามการชักนำของเขา
     
    “ก็น่ารักจริงๆนั่นแหละ” คนเขินก็ได้แต่ก้มหน้ามองสองมือของเราที่ทาบจับกันนี้ด้วยรอยยิ้มเขินอาย คริสก็เหลือบมองแล้วแย้มยิ้มไปด้วยกัน ช่วงเวลาแห่งความสุขกำลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจนเกือบจะล้นอยู่แล้ว ชานยอลกำลังคิดว่าคนด้านหลังกำลังทำให้ตัวเขาเคยตัว เคยตัวที่จะต้องมีคนๆนี้อยู่ด้วยตลอดเวลา ค่อยๆเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตเขาทีละนิดทีละน้อยจนตอนนี้คริสครอบงำทั้งชีวิตของตัวเขาไปเสียแล้ว .... ถ้าเลือกได้เขาก็ไม่อยากให้คริสจากไปไหน
     
    แต่มันจะมีวันนั้นหรือเปล่านะ?
     
     
     
     
    หลังจากที่จัดเตรียมของทุกอย่างเรียบร้อย คริสกับชานยอลก็ช่วยกันจัดหม้อไฟแล้วนำมาตั้งบนเตาแก๊สเล็กที่อยู่กลางโต๊ะรับประทานอาหาร ตอนนี้กำลังรอให้ทุกอย่างเดือดอยู่ ชานยอลนั่งเท้าคางแล้วมองหน้าคริสด้วยสีหน้าเหมือนหนักใจอะไรสักอย่าง คริสเองก็มองชานยอลด้วยสีหน้าไม่ค่อยจะเข้าใจว่าคนตรงหน้าของเขาเป็นอะไร บทจะน่ารักสดใสก็เป็น พอบทจะทำหน้าหมองก็เป็นขึ้นมาไม่ได้ถามเขาสักคำว่าตัวเขาจะปรับอารมณ์ตามทันหรือเปล่า
     
    ชานยอลถอนหายใจแล้วฟุบหน้าลงกับโต๊ะก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นมามองใบหน้าคมที่อยู่ฝั่งตรงข้าม ช่างเถอะ... อะไรที่มันยังไม่เกิดก็ช่างเถอะแต่ไม่รู้ทำไมถึงรู้สึกแปลกๆชอบกล เมื่อหม้อไฟของทั้งสองเดือดคริสก็จัดการตักแบ่งใส่ชามเล็กให้ชานยอลก่อนที่จะตักให้ตัวเอง พอชานยอลได้ลิ้มรสอร่อยของหม้อไฟที่อยากกินก็พาลให้ลืมเรื่องทุกข์ใจไปเสียสิ้น บางทีนี่อาจจะเป็นเรื่องดีของชานยอลอีกหนึ่งเรื่องก็เป็นได้
     
    ทั้งคู่ผลัดกันป้อนแล้วก็ตักให้กันดูช่างเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขยิ่งนัก จนหม้อไฟพร่องไปจนเกือบจะหมดชานยอลก็วางตะเกียบลงแล้วมองคริสที่กำลังตักเนื้อหมูใส่ชามตัวเอง ดวงตาคมเหลือบมองก็เห็นว่าชานยอลมองเขาอยู่ คริสวางทุกอย่างแล้วยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม
     
    “วันนี้ชานยอลดูแปลกๆนะ มีอะไรหรือเปล่าครับ” ชานยอลที่มองหน้าคริสอยู่ก็พยักหน้ารับ
     
    “ก็มีนะ จริงๆคิดมานานแล้วล่ะว่าจะถามดีไหม”
     
    “ก็ถามสิครับ ผมจะตอบทุกคำถามเลย” คริสยิ้มแล้วยื่นมือไปลูบที่แก้มนิ่มของชานยอล
     
    “คริส... เหลือเวลาอีกนานไหมที่นายจะไปจากฉัน” ชานยอลมองหน้าจ้องสบตาด้วยความจริงจัง ตัวเขาอยากรู้จริงๆว่าพวกเขายังเหลือเวลาด้วยกันอีกนานแค่ไหน บนโลกที่บิดเบี้ยวใบนี้เรื่องแปลกประหลาดสักแค่ไหนมันก็สามารถเกิดขึ้นได้จริง 
     
    “ผมจะอยู่กับคุณ” ชานยอลมองรอยยิ้มของคริสที่มอบให้แล้วก็รู้สึกจุกที่อก มันแน่นไปหมด ถ้าเขาจะขอต่อรองไม่ให้คนๆนี้ไปได้ไหมนะ
     
    “จะอยู่ด้วยกันนานแค่ไหนล่ะ” คริสลุกจากที่นั่งของตัวเองมานั่งข้างๆชานยอลแล้วลูบไล้แก้มนิ่มไปมา อีกมือก็กอบกุมมือของชานยอลไว้
     
    “ตราบเท่าที่คุณอยากให้ผมอยู่ ตลอดชีวิตผมก็อยู่ได้” ชานยอลแย้มยิ้มขำแล้วดึงมือออกจากการกอบกุมแล้วชกเข้าที่อกของคนพูดดีนั้นสักที แม้จะไม่แรงแต่คริสก็คงเจ็บอยู่นิดๆล่ะก็เจ้าตัวเล่นจับหน้าอกแล้วก็ทำหน้าเจ็บจะเป็นจะตายน่ะ
     
    “เจ็บเหรอ? อีกสักทีดีไหม?” ชานยอลชูกำปั้นขึ้น คริสจับมันไว้ก่อนที่จะมันจะชกเข้ามาซ้ำที่เดิม
     
    “ไม่ดีครับ” คริสส่ายหน้าหวืด “ไม่ต้องคิดมากนะครับ ไม่ว่ายังไงผมก็อยู่กับคุณนะ” คริสจับมือของชานยอลทั้งสองข้างให้แนบที่แก้มของเขา
     
    “แต่สักวันน้องไข่หวานก็ต้องกลับมา” ดวงตากลมโตที่มองสบอยู่นี้ทอแววหมองเศร้า แล้วแบบนี้คริสจะกล้าโกหกต่อไปได้อีกอย่างไรกัน… มันคงถึงเวลาแล้วล่ะ
     
    “แต่ผมก็ยังอยู่กับคุณนะชานยอล ไม่ว่ายังไงผมก็ไม่ไปจากคุณหรอก” คริสกำลังวาดแผนการอะไรในหัวก่อนที่จะส่งยิ้มให้ชานยอล
     
    “พรุ่งนี้ไปที่ที่หนึ่งกับผมนะ” ชานยอลเอียงคอใส่
     
    “ไปไหน?”
     
    “เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็รู้ครับ เชื่อผมนะคนดีว่าผมจะอยู่กับคุณจนกว่าคุณจะเอ่ยปากบอกว่าไม่ต้องการผมในชีวิตแล้ว” คริสแนบมือของชานยอลให้แนบแก้มมากยิ่งขึ้นก่อนที่จะยื่นหน้าเข้าไปทิ้งรอยสัมผัสอุ่นไว้ที่ริมฝีปากอิ่มสีสดคู่นั้น ชานยอลทำหน้าตาหมั่นไส้ใส่คนชอบมาทำรุ่มร่ามรุงรังตัวเขาเสียเหลือเกิน
     
    “ชอบมาทำรุ่มร่ามนะเดี๋ยวจะตีให้มือหักเลย” คริสหัวเราะแล้วปล่อยมือของชานยอลออกก่อนที่จะแบสองมือไปตรงหน้าของชานยอล
     
    “ตีผมเลยก็ได้นะแต่ผมก็ไม่เลิกรุ่มร่ามกับชานยอลอยู่ดี” ชานยอลหัวเราะเสียงสดใสแล้วตีสองมือนั้นเบาๆ
     
    “ก็พอจะรู้อยู่หรอก ลูกหมาขี้อ้อนที่ชอบทำรุ่มร่ามน่ะ” ชานยอลชี้นิ้วใส่แล้วก็หัวเราะอารมณ์ดีโดยมีคริสกุมมือของชานยอลไว้ข้างหนึ่ง ชานยอลเอื้อมมือไปหยิบชามของคริสที่วางอยู่ฝั่งตรงข้ามมาไว้ตรงหน้าตัวเองก่อนที่จะคีบเนื้อหมูชิ้นนุ่มป้อนคนข้างตัว
     
    “แต่ชานยอลก็ชอบใช่ไหมล่ะ” ชานยอลกลั้นรอยยิ้มไว้ ไม่ยอมแสดงออกว่าชอบจริงๆนั่นแหละ ใครเขาจะบอกกันเล่า! เนอะ~
     
    “กินเข้าไปเลยคริส ไม่ต้องพูดมากเลยนะ” แล้วชานยอลก็จัดการป้อนคนข้างตัวไม่ให้ได้ปากว่างแล้วมาแซวเขาอีกและแน่นอนที่คริสก็ไม่คิดที่จะพูดอะไรอยู่แล้ว แค่นั่งกุมมือชานยอลแล้วให้คนน่ารักป้อนข้าวให้มันสุขกว่ากันเยอะ ดวงตากลมทอแววประกายมีความสุขอีกครั้ง ริมฝีปากอิ่มสีสดที่เขาชอบสัมผัสนั้นวาดรอยยิ้มจางๆ ใบหน้าน่ารักแต่งแต้มไปด้วยความสุขนั้นคือสิ่งที่คริสชอบมองและชอบสัมผัสมัน
     
    ขอโทษนะชานยอล ผมคงโกหกคุณอีกต่อไปไม่ได้แล้ว ผมไม่อยากให้คุณมาทุกข์ใจอะไรเพราะผมอีก ผมอยากรักษารอยยิ้มของคุณเอาไว้... ขอโทษครับ ผมหวังว่าคุณจะให้อภัยผมนะ
     
     
     
     
     
    ชานยอลกำลังกลัว... กลัวอะไรก็ตามแต่ที่คริสบอกว่าจะพาเขาไปดู ไม่รู้ทำไมแต่ไม่รู้สึกอยากรู้มันเลยสักนิด ทั้งๆที่คิดว่าตัวเขาน่าจะค้นหาความจริงที่ว่าคริสเป็นใคร มาจากไหนและมาที่บ้านเขาทำไม ไม่ว่าคนๆนี้จะโกหกอะไรเขา เขาก็พร้อมที่จะรับฟัง(แต่ไม่รับปากว่าจะไม่โกรธหรอกนะ) เขาไม่ใช่คนที่กล้าหาญชาญชัยอะไรนักหรอก ถ้าจะบอกกันตรงๆคือ ปาร์คชานยอลน่ะขี้ขลาด………. มากเสียด้วย
     
    ก็เลยได้แต่นอนพลิกตัวไปมาแสร้งทำเป็นว่าหลับไม่ยอมตื่นนี่แหละ แล้วพลันก็เหมือนจะได้ยินเสียงฝีเท้าเดินขึ้นมา เปลือกตาบางก็ปิดลงบดบังนัยน์ตากลมที่ฉายแววกังวลไว้แทบจะทันควัน บานประตูถูกเปิดออกเบาๆเพราะกลัวว่าอีกคนที่ยังนอนอยู่บนเตียงจะหลับและก็เป็นดั่งคาดที่คนบนเตียงยังหลับอยู่ คนที่โผล่หน้าเข้ามาในห้องระบายยิ้มบางๆ
     
    เสียงฝีเท้าที่ก้าวเข้ามาใกล้ก็ยิ่งทำให้หัวใจของชานยอลนั้นเต้นรัวเร็วไปไกลเกินกว่าเสียงฝีเท้านั้นเสียอีก คนตัวสูงกว่านั้นเดินอ้อมเตียงมาลงนั่งที่ขอบเตียงฝั่งที่ชานยอลนอน ปลายนิ้วเสลาแตะลงที่กลุ่มผมนิ่มแล้วขยับปลายนิ้วลูบไล้เส้นผมกรุ่นกลิ่นหอมแผ่วเบา ริมฝีปากบางได้รูปวาดรอยยิ้มเต็มใบหน้า นัยน์ตาคมมองเสี้ยวหน้ายามหลับพริ้มของคนน่ารัก
     
    “ชานยอล..” เสียงนุ่มทุ้มเอ่ยออกมาแค่นั้นคล้ายดั่งละเมอฝัน เจ้าของชื่อที่ยังแกล้งหลับก็นอนรอฟังว่าเจ้าของเสียงทุ้มนั่นจะเอ่ยอะไรต่อแต่ก็ไม่มีสิ่งใดลอดผ่านริมฝีปากได้รูปคู่นั้นอีกเลย มือที่ลูบอยู่บนกลุ่มผมนั้นก็ยังคงลูบไล้ไม่ห่าง คนที่นอนหลับตาอยู่ก็ว่าจะลืมตาตื่นสักทีถ้าคนข้างตัวนี้ไม่ยอมพูดอะไร ชานยอลรู้สึกได้ถึงสัมผัสอุ่นๆที่กดสัมผัสลงมาที่ข้างขมับ
     
    คริสละสัมผัสออกก่อนที่จะไล้ปลายนิ้วตามแนวแก้มและไล้เรื่อยลงมาที่กลีบปากอิ่มสีสด ไล้ปลายนิ้วกดสัมผัสเนื้อนิ่มนั้นแผ่วเบา เปลือกตาสีเปลือกไข่มุกค่อยๆลืมเปิดขึ้นก็เห็นใบหน้าคมที่ระบายยิ้มเสียเต็มใบหน้าอยู่ห่างไปเพียงสุดปลายลมหายใจ ปลายจมูกโด่งกดลงที่แก้มนิ่มใสเสียฟอดใหญ่
     
    “นี่แน่ะ.. ฉวยโอกาส” ชานยอลฟาดมือเข้าที่แขนของคริสไม่เบานัก เสียงทุ้มเปล่งเสียงหัวเราะเบาๆในลำคอ
     
    “ตื่นได้แล้วครับ ถ้าไม่ตื่นจะฉวยโอกาสมากกว่านี้อีกนะ” ชานยอลยู่หน้าใส่ก่อนที่จะฟาดมือเข้าที่ต้นแขนของคนที่โน้มตัวลงมาหาแรงๆ 
     
    “ฉันตื่นแล้วก็ลุกออกไปสิ ฉวยโอกาสชะมัด” คริสยื่นมือไปขยี้เส้นผมของชานยอลก่อนที่จะลุกขึ้นนั่งตัวตรง ชานยอลลุกขึ้นนั่งด้วยสีหน้ามุ่ยๆ
     
    “เป็นอะไรครับ ตื่นมาก็อารมณ์ไม่ดีเลย” คริสไล้แก้มของชานยอลเบาๆ ดวงตากลมมองสบกับดวงคาคมที่ทอดมองมาด้วยสายตาเป็นห่วง จะให้พูดได้ยังไงกันล่ะว่าเขากำลังกังวลอะไรสักอย่างที่คริสจะพาเขาไปนี่แหละ
     
    “ไม่มีอะไรหรอก ฉันแค่ฝันร้ายน่ะ” คริสหัวเราะเบาๆก่อนที่จะรวบตัวชานยอลมากอดไว้ ฝ่ามืออุ่นลูบปลอบประโลมที่กลุ่มผมนิ่มและแผ่นหลังบาง ลูบอยู่อย่างนั้น ชานยอลยกแขนขึ้นกอดตอบพร้อมกับเอียงใบหน้าซบเข้าที่ไหล่
     
    “ฝันร้ายจะกลายเป็นดีนะครับ” ชานยอลขยับอ้อมแขนที่กอดคริสให้แน่นเข้าอีก
     
    “แค่มีนายอยู่ ฉันก็ไม่ฝันร้ายแล้ว” คริสหัวเราะแล้วขยับอ้อมแขนกอดตอบ
     
    “ผมจะอยู่กับชานยอลนะ” เพียงแค่คำสัญญาสั้นๆคนที่กำลังกลัวกังวลอะไรไปสารพัดก็แย้มยิ้มแล้วรู้สึกคลายกังวลลงได้อย่างน่าประหลาด
     
     
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×