ลำดับตอนที่ #8
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : Episode 2 : Who are you? – 3
มาแล้ววววววววววววววววววววววววววววววว เพิ่งเคลียร์งานเสร็จ T___________T
ทุกคนชอบเรื่องที่เราแต่งกันใช่ป่ะ? คือ ชอบไม่ชอบ ไม่สนุกบอกได้นะ แต่ยังไงเราก็จะแต่งต่ออยู่ดีนั่นล่ะ 5555555555
________________________________
“อะไรนะ!!!!!” ชานยอลตะโกนเสียลั่นบ้านโดยที่มีคริสนั่งมองหน้ายิ้มๆ
“จะไปจริงๆเหรอ ไปด้วยนะ” สองมือของชานยอลเขย่าปลายแขนเสื้อของคริสไว้ ชายหนุ่มขยิบแขนออกก่อนจะใช้แขนนั้นโอบร่างคนข้างกายให้เข้ามาแนบชิด
“ต้องไปสิ แล้วก็ชานยอลไปด้วยไม่ได้หรอก” พองแก้มจนป่องก่อนจะก้มหน้าลงซุกกับอกของคนที่กอดอยู่นี้ ก็เข้าใจว่ากลับจีนไปด้วยไมได้แต่ว่าชานยอลไม่อยากอยู่คนเดียวนิ! ก็รู้ว่าที่กลับไปเพราะแม่ของคริสไม่สบายก็เลยโทรมาบอกว่าจะกลับจีนไปรักษาตัวและจะได้ทำเรื่องธุรกรรมอะไรก็ไม่รู้ที่ชานยอลฟังไม่เข้าใจ แค่บอกว่าคริสจะบินกลับจีน หัวใจของชานยอลก็ฟ่อเสียแล้ว
“ก็ไม่อยากให้ไปนินา ไม่อยากอยู่คนเดียว .. คริสอ่า...” คริสกดจูบลงที่กระหม่อมสวยเบาๆก่อนจะโอบร่างที่สะอื้นไห้เข้ามากอดให้แนบชิด
“จะรีบกลับมานะ ไม่ต้องกลัวนะนายไม่ได้อยู่ลำพังเสียหน่อย ...” ชานยอลเงยหน้าทั้งน้ำตาขึ้นมามองคนปลอบอย่างสงสัย ใบหน้าที่แดงเรื่อนั้นเรียกรอยยิ้มจากคริสได้ไม่ยากเลย
“ฉันอยู่ข้างนายเสมอไง ลืมแล้วหรือไง” เรียวนิ้วยาวจิ้มเข้าที่หน้าผากมนเบาๆ แต่ชานยอลกลับแบะปากร้องไห้เสียยกใหญ่
“ไม่เอาอ่ะ จะให้คริสอยู่กับฉัน ไม่เอาคำพูดแบบนั้น!!” คนที่อยู่ด้วยกันมาตั้งหลายปีอยู่ๆจะมาหายไปแบบนี้ได้อย่างไรกัน! ปาร์คชานยอลไม่ยอมหรอก!!
“ชานยอลมีเหตุผลหน่อยสิ ฉันต้องกลับไปทำธุระเรื่องวีซ่าด้วยแล้วที่สำคัญ... แม่ต้องนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาลนะ” ชานยอลก้มหน้าลงก่อนนิ่ง คริสดึงตัวคนที่นั่งก้มหน้าเข้ามากอดแล้วลูบแผ่นหลังเล็กเบาๆ
“ถ้าอย่างนั้นคืนนี้ห้ามปล่อยนะจนกว่าจะถึงเช้าวันพรุ่งนี้” คำขอที่แสนเอาแต่ใจแต่ชายหนุ่มกลับไม่ถือซ้ำยังกอดคนในอ้อมแขนแน่นกว่าเดิมเสียอีก ขอแค่ให้ชานยอลเอ่ยมาคริสก็พร้อมที่จะทำให้ทุกอย่าง
เมื่อชานยอลลืมตาตื่นขึ้นมาข้างกายก็ไร้ร่างของคนที่นอนกอดตนไว้ทั้งคืนเสียแล้ว กายบางลุกขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วแล้วมองไปยังมุมห้องที่เมื่อก่อนนอนยังมีกระเป๋าเดินทางที่ตนเป็นคนจัดเตรียมไว้ให้คนที่จะต้องเดินทางทั้งน้ำตา แต่บัดนี้มันไม่อยู่ตรงนั้นเสียแล้ว เพียงแค่นี้หยดน้ำตาก็ไหลรินออกจากหางตา
ชานยอลไม่ใช่คนที่จะร้องไห้กับอะไรได้ง่ายๆ ชานยอลไม่ใช่คนอ่อนแอ แต่ชานยอลจะไม่เป็นตัวของตัวเองทุกครั้งที่ข้างกายไม่มีคริสอยู่ด้วย ครั้งหนึ่งที่โรงเรียนเคยจัดสัมมนาที่แถบทะเลทางใต้ร่วมกับโรงเรียนอนุบาลอื่นๆ ชายหนุ่มจะตามไปทีหลังเนื่องเพราะคุณแม่ของคริสล้มในห้องน้ำ ชายหนุ่มต้องไปโรงพยาบาลจัดการให้เรียบร้อยก่อนที่จะมาทำงานได้
แม้ว่าคุณใหญ่จะบอกว่าไม่ต้องมาแล้วก็ตาม ช่วงเวลาสองวันที่ข้างกายชานยอลไม่มีคริสอยู่นั้น เด็กหนุ่มคนนี้ช่างไร้ชีวิตชีวายิ่งนัก คุณครูท่านอื่นได้แต่มองอยู่ห่างๆและพยายามดูแลคุณครูไม่ให้เดินชนโน้นนี่ล้มไปเสียก่อน เด็กที่ร่าเริงเอาแต่นั่งเหม่อมองมือถือของตนช่างน่าหดหู่ยิ่งนัก แต่แล้วเมื่อชายหนุ่มเดินเข้าห้องประชุมมา ชานยอลก็ลุกขึ้นแล้ววิ่งเข้าไปกอดคนที่เพิ่งมาใหม่เสียจนลืมไปเสียแล้วกระมังว่าตนนั้นอยู่ในห้องประชุม
วันนี้และอีกหกวันข้างหน้าเป็นวันหยุดของทางโรงเรียนอนุบาลและแน่นอนที่ชานยอลจะต้องอยู่คนเดียวจนกว่าที่คริสจะกลับมา กล่องอาหารและน้ำแร่วางไว้ที่ข้างประตูพร้อมกับกระดาษโน้ตแผ่นเล็กๆที่เขียนไว้ว่า ‘ดูแลตัวเองดีๆนะ’ เพียงแค่นั้นน้ำตาที่ยังไม่แห้งสนิทก็รื้นขึ้นมาอีกครั้ง ความจริงที่ว่าข้างกายตอนนี้ของปาร์คชานยอลไร้ซึ่งคริสก็ประจักษ์แก่ความรู้สึก ชานยอลก้มหน้าลงซุกที่เข่าทั้งสองข้างที่ตั้งชัน กอดไว้แน่นๆและแปล่งเสียงร้องอย่างเหงาหงอยออกมา
วันทั้งวันชานยอลเอาแต่นอนอยู่ในบ้านและร้องไห้เงียบๆอยู่คนเดียว รู้สึกเจ็บปวดทุกครั้งที่คิดว่าตนนั้นต้องห่างไกลจากคนที่คิดถึงตั้งหลายหมื่นกิโลเมตร เมื่อเปิดเปลือกตาขึ้นมาอีกครั้งก็พบว่ารอบข้างนั้นมืดสนิท กายบางค่อยๆหยัดตัวขึ้นนั่ง ท้องของชานยอลส่งเสียประท้วงเบาๆก่อนจะเจ้าตัวจะลุกขึ้นยืนเดินโซเซออกจากตัวบ้านไปหาอาหารทานเสียหน่อย อากาศยามค่ำคืนนี้ออกจะหนาวเย็นเสียหน่อย สองมือของชานยอลต้องยกขึ้นลูบแขนตัวเองเบาๆ ด้วยเพราะความผิดของเจ้าตัวด้วยล่ะที่ไม่ได้หยิบเสื้อคลุมออกมา
“นี่ถ้าคริสรู้ว่าลืมเอาเสื้อคลุมออกมาด้วยนะ โดนตีตายแน่ๆเลยอ่ะ” บ่นเบาๆก่อนจะเดินตัวลู่แล้วลูบแขนตัวเองเข้ามินิมาร์ทที่เปิด24ชม.ไป ชานยอลเดินวนอยู่หลายรอบกว่าที่เขานั้นจะหยิบถ้วยรามยอนมากดน้ำแล้วเดินถือมันไปนั่งรอที่มุมหนึ่งที่จัดไว้สำหรับให้นั่งทานรามยอน ชานยอลเพียงแค่นั่งมองชามรามยอนนิ่งๆ แค่อากาศหนาวเหน็บที่เกาะผิวกายก็เรียกหยดน้ำตาจากเด็กหนุ่มขี้เหงาได้ไม่ยาก
กว่าที่ชานยอลจะเลิกนั่งมองและทานรามยอนให้หมดถ้วยนาฬิกาดิจิตอลในร้านก็บอกเวลาว่าเที่ยงคืนครึ่งเสียแล้ว คนตัวบางเดินออกมาจากร้านพร้อมกับขยี้หัวตัวเองจนยุ่งเหยิง ถ้ารู้แบบนี้เอาไปต้มที่บ้านยังจะดีเสียกว่าอีก แม้ว่ารอบข้างจะไม่เปลี่ยวและมืดเสียทีเดียวแต่ทว่า... ความรู้สึกที่เหมือนกับวันนั้นที่โดนตามน่ะมันก็ยังคงติดอยู่ในความรู้สึกนะ แล้วยิ่งอยู่ตัวคนเดียวแบบนี้จะไปพึ่งใครได้ล่ะ
ชานยอลพยายามที่จะช่วงขายาวๆของตัวเองก้าวยาวๆเพื่อที่จะได้ถึงบ้านให้ไวขึ้นแต่ทว่าเดินจากหน้ามินิมาร์ทมาได้ไม่เท่าไหร่สียงฝีเท้าอีกคู่หนึ่งก็ดังขึ้น ชานยอลยืนตัวแข็งทื่อก่อนที่เสียงฝีเท้านั้นจะเดินเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ ..เรื่อยๆ.. และเดินผ่านเฉียดไป แผ่นหลังของชายวัยกลางคนที่ทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่เพิ่งเลิกเวรกำลังรีบตรงดิ่งกลับบ้านพร้อมกับถุงอาหารมากมาย
“ฟู่ววววว~” ชานยอลยกมือขึ้นตบอกเบาๆอย่างโล่งอกเมื่อเสียงฝีเท้านั้นเป็นของคนที่เพิ่งเดินผ่านไปนี่เอง คนตัวบางเลยออกเท้าก้าวไปอีกครั้งและทีนี้เสียงฝีเท้าหนักๆก็ดังขึ้นมาอีก ชานยอลกัดริมฝีปากเบาๆก่อนจะวาดรอยยิ้มเมื่ออาจจะเป็นใครสักคนที่เดินผ่านมาทางนี้ก็เป็นได้ เสียงฝีเท้านั่นย่ำนักเข้ามาใกล้ชานยอลเลยตัดสินใจหันหลังกลับไปมอง
“อ๊ะ....” ทางเบื้องหลังนั้นร้างไร้ผู้คนสัญจรและแน่นอนบนถนนเส้นนี้มีเพียงแค่ชานยอลแต่เพียงผู้เดียว..
ชานยอลไม่รู้ว่าตนนั้นวิ่งเร็วแค่ไหน ใช้เวลากี่นาทีที่จะกลับมาถึงบ้านของชายหนุ่มกัน เมื่อเปิดประตูเข้ามาคนตัวบางก็วิ่งไปซุกอยู่ที่มุมห้อง ทั้งๆที่ตนก็ช่วงขายาวและวิ่งเร็วแล้วแต่ทว่าเสียงฝีเท้านั้นกลับวิ่งตามมาเสียติดๆ ชานยอลไม่กล้าหันกลับไปมองอีก กลัวเหลือเกินว่าถ้าหันกลับไปแล้วจะไม่เจอกับสิ่งใด มีเพียงแค่หูของตนนั้นจะได้ยินเสียงฝีเท้าที่ไล่ตามเท่านั้น
หยดน้ำตาไหลรินอาบแก้มอิ่ม กลีบปากสีหวานเม้มแน่อย่างกลัวสุดขีด หัวใจเต้นรัวเร็วด้วยเพราะกลัวว่าสิ่งนั้นจะตามมาถึงที่ที่ปลอดภัยสำหรับ ว่าสถานที่นี้จะปลอดภัยแต่ก็ไร้คนปกป้อง ปาร์คชานยอลก็ไม่รู้สึกถึงความปลอดภัยอยู่ดี สองมือยกขึ้นกอดเข่าแล้วพยายามซุกตัวเข้ากับมุมกำแพงห้องให้ได้มากที่สุด ซุกเพื่อหาความปลอดภัยที่ไม่มีเลยสำหรับรอบกายนี้ ...คริสนายอยู่ที่ไหน รีบๆกลับมาได้ไหม ฉันกลัว ไม่อยากอยู่คนเดียว...
เปลือกตาบางที่ปิดอยู่ค่อยๆลืมขึ้นเมื่อหูได้ยินเสียงบางอย่างที่แปลกไป นัยน์ตากลมมองนาฬิกาที่บอกเวลาไว้ว่าเกือบจะตีสี่แล้ว แต่ทว่าเสียงที่ได้ยินอยู่นี่ มันผิดวิสัยของคนธรรมดาไปเสียหน่อยนะ... เสียงย่ำเท้ารอบๆบ้านเสียดสีกับเสียงยอดหญ้าที่ดังเสียดหู กายบางค่อยๆหยัดขึ้นนั่งแล้วคลานไปยังบานหน้าต่างบานเล็กเหนือกำแพงฝั่งที่ตนนอน เมื่อบานหน้าต่างถูกเปิดออกรอบๆนั้นก็ไม่มีใคร ยอดหญ้าสีเขียวยังคงนิ่งไม่ไหวติง
ชานยอลเลือกที่จะนอนซุกตัวอยู่ในผ้าห่มที่คลุมมิดทั้งตัว เลือกที่จะนอนคุดคู้และฟังเสียงเดินย่ำนั้นไปเงียบๆ หยดน้าตาไหลรินหยดลงจากปลายหางตาลงที่หมอนหมุนอย่างเงียบๆ ...เพียงลำพัง
เช้าแล้ว .. แต่ทว่าชานยอลยังไมได้นอนเลยหลังจากนั้นมา เสียงร้องของนกตัวเล็กและเสียงผู้คนเริ่มดังขึ้นจอแจ ผ้าห่มผืนหนาค่อยๆถูกเลื่อนลง เส้นผมสีน้ำตาลอ่อนค่อยๆโผล่ออกมา เส้นผมสีสวยที่ยุ่งเหยิงค่อยๆไถกลิ้งไปตามหมอนนุ่มที่นอนหนุน เปลือกตาบางกระพริบอีกครั้งก่อนที่จะปิดเปลือกตาลงและจมลงสู่ห้วงนิทรา
กว่าที่เปลือกตาบางจะลืมขึ้นมาอีกครั้งก็เป็นเวลาพลบค่ำเสียแล้ว กายบางลุกขึ้นนั่งก่อนจะสะบัดหัวไล่ความมึนงงให้ออกไป สองมือสางผมขึ้นรวบมัดครึ่งหัวก่อนที่เจ้าตัวจะลุกขึ้นไปอาบน้ำและเดินออกไปหาอะไรทานเพราะวันนั้นทั้งวันตนเพิ่งตื่นและยังไมได้ทานอะไรเลย ร้านต๊อกบกกีเป็นร้านที่ชานยอลเลือกที่จะมายืนกินแก้หนาว คืนนี้อากาศก็เริ่มหนาวอีกแล้ว เสื้อคลุมตัวหนาของคนที่อยู่ห่างไกลถูกสวมทับกายเล็กของคนที่ยืนกอดอกเคี้ยวตอกบกกีอย่างอร่อยอยู่นี้
ชานยอลที่กำลังยืนกินตอกบกกีอยู่นั้นก็รีบหันกลับไปมองด้านหลังทันที หันมองหาสายตาเมื่อครู่ที่มองจ้องมาที่ตนแต่ด้านหลังกลับไม่มีใครสักคนเช่นเดิม.. ใบหน้าหวานขมวดคิ้วมุ่นก่อนจะรีบกินให้อิ่มแล้วรีบออกกลับบ้านทันที ใจจริงชานยอลก็อยากรู้ว่าคนที่ตามตนนั้นเป็นใครทว่าใครของเด็กหนุ่มก็ไม่กล้าพอที่จะหันกลับไปมองยามที่เสียงฝีเท้านั้นดังขึ้น
“คริสอ่า รับสายสิ” แม้จะกดโทรออกไปหาปลายสายกี่ครั้ง ฝ่ายนั้นก็ไม่เคยรับและไม่เคยโทรกลับมาหาเลย
“คริสอ่า ทำไมไม่รับสายฉันล่ะ!” ชานยอลกดตัดสายแล้วกดต่อไปใหม่ยังหมายเลขเดิม แต่ผลปรากฏก็เหมือนๆทุกครั้งที่ไม่มีใครรับเลยแม้แต่น้อย และชานยอลก็เขวี้ยงโทรศัพท์ไปให้ห่างๆตัวในเมื่อมีแล้วชายหนุ่มไม่ยอมรับสายตน จะมีมันไว้ทำไม..
“อ๊ะ.. เสียงนั้นมาอีกแล้ว” เสียงย่ำเท้าและเสียงเสียดสีกันของยอดหญ้านั้นช่างหลอนโสตประสาทเสียจริง ชานยอลยกสองมือขึ้นปิดหู หยดน้ำตาเม็ดใสไหลกลิ้งลงอาบแก้มขาวอย่างหวาดกลัว ฟันขาวกัดริมฝีปากช้ำไว้เพื่อกลั้นเสียงสะอื้นไห้ ด้วยกลัวว่ามันผู้นั้นจะรับรู้ว่าตนนั้นอยู่ในนี้
เสียงนั้นยังคงกวนใจชานยอลทั้งคืน และคนตัวบางก็นั่งกอดเข่าซุกตัวที่มุมห้องทั้งคืน เมื่อแสงอาทิตย์ค่อยๆโผล่พ้นขึ้นขอบฟ้า แสงสว่างค่อยๆสาดฉายแสงเข้ามาในห้องนอนค่อยๆไล้สาดเข้ามาผ่านมุมห้องที่มืดมิดให้สว่างขึ้น ชานยอลค่อยๆคลานออกจากมุมที่มืดมิดมาลงนอนที่ฟูกหนา กลิ่นอายของความอบอุ่นและกลิ่นหอมจางๆที่ติดตัวเจ้าของห้องนี้กระจายอยู่ทั่วอากาศในห้อง กลิ่นกายหอมอ่อนๆที่อยู่ทั่วไปเรียกน้ำตาจากเด็กหนุ่มได้ไม่ยากเลย
ผ้าห่มผืนหนาที่ยังคงไอเย็นคลุมห่มกายบาง ชานยอลนอนขดตัวคู้อยู่ด้านใน กลิ่นหอมๆที่คุ้นชินเป็นดั่งเครื่องประโลมใจที่ทำให้อบอุ่นและปลอดภัย แต่ชานยอลอยากได้อ้อมกอดของใครบางคนมากกว่าแค่กลิ่นกายจางๆนี้ อยู่ๆเจ้าตัวที่นอนสงบนิ่งอยู่ปลายเท้าก็แผดเสียงร้องดังลั่น ชานยอลรีบลุกขึ้นคว้าเจ้าเครื่องมือสื่อสารขึ้นมากดรับสายทันทีโดยที่ไม่ต้องดูรายชื่อคนที่โทรเข้ามา ... เพราะท่วงทำนองเพลงแบบนี้มีแค่คนๆนั้นคนเดียว
“คริสอ่า ทำไมไม่รับสายเราเลย!” เสียงทุ้มที่สั่นเครือถามปลายสายออกไปเป็นคำแรก
...ก็โทรกลับมาแล้วนี่ไง พอดีมันวุ่นๆน่ะ ตื่นแล้วเหรอทำไมตื่นเช้าจังเลยหื้ม... เพียงแค่นี้หนดน้ำตาที่ยังไม่แห้งสนิทดีก็ไหลรินอีกครั้ง
“อึก... คริสอ่า กลับมาเร็วๆได้ไหม ใครก็ไม่รู้ตามฉันอีกแล้ว”
...อะไรนะ! แล้วนี่อยู่ที่ไหน...
“ฉันอยู่ที่บ้านของคริส คริสรีบๆกลับมาได้ไหมฉันกลัว”
...อีกสักวัน สองวันฉันจะรีบกลับนะ เอกสารที่นี่ของฉันมีปัญหา ไม่ต้องกลัวนะชานยอล...
“อึก....คริสอ่า..” ชานยอลสะอื้นแทบขาดใจเมื่อใครคนอีกคนจะยังไม่กลับมาหาตนในเร็วๆนี้
...จำไว้นะ ฉันอยู่กับนายเสมอ... น้ำเสียงนุ่มลึกที่เรียกหยดน้ำตาจากชานยอลได้อีกมากโข คริสยังคงคือสายฟังอีกฝ่ายร้องไห้สะอื้นจนชานยอลนั่นหลับไปเอง ชายหนุ่มถึงกดตัดสายไป
ค่ำคืนนี้ชานยอลนอนตื่นค่ำกว่าที่ผ่านมาเพราะทั้งอดนอนและยังร้องไห้อย่างหนักเสียอีก เปลือกตาบางที่บวมช้ำค่อยลืมขึ้นช้าๆ ภาพตรงหน้าหมุนเวียนอยู่สักแปบก่อนที่จะนิ่งสนิทเหมือนเดิม สองแขนยาวค่อยๆยันหยัดพยุงตัวขึ้นนั่ง แสงจันทร์อาบไล้ไปทั่วพื้นที่ในห้องสี่เหลี่ยมนี้ ดวงตากลมมองไปรอบๆก่อนจะลุกขึ้นเข้าไปทำธุระส่วนตัวในห้องน้ำ เพียงไม่นานคนตัวบางก็ออกมาพร้อมกับเสื้อผ้าชุดใหม่และผ้าเช็ดผมที่สะบัดเช็ดเส้นผมสลวยสีอ่อนของตัวเองเบาๆ
ในขณะที่กำลังยืนเช็ดผมให้แห้งอยู่นั้น อยู่ๆเสียงฝีเท้าเช่นเดิมก็ดังขึ้นอีกครั้ง ผ้าที่ชื้นน้ำค่อยๆตกลงพื้นข้างปลายเท้าของคนตัวบาง ใบหน้าน่ารักฉายแววสีหน้าท่าทางกลัวจับใจ คิดถึงใครบางคนขึ้นมาจับใจ ชานยอลวิ่งไปคว้าโทรศัพท์ของตนเพื่อติดต่อไปหาคนที่อยู่ห่างไกล แต่ทว่าปลายสายกลับปิดเครื่อง ชานยอลเขวี้ยงโทรศัพท์ทิ้งลงกับฟูกนอนอีกครั้งก่อนจะตัดสินใจวันนี้เป็นไงเป็นกันเขาจะต้องจัดการคนที่มาตามตนให้ได้
วันนี้ชานยอลเลือกที่จะฝากท้องไว้ที่มินิมาร์ทที่เปิดตลอดคืนอีกครั้ง ชานยอลยังคงกินแบบเนิบนาบและคอยเฝ้าสังเกตถึงคนที่จะต้องมาตามตนแน่ๆ แม้ว่าเส้นทางจะเปลี่ยวและร้างไร้ผู้คนแค่ไหนแต่โสตประสาทของคนตัวบางกลับได้ยินเสียงที่ดังก้องทั้งซอยนี่มีเพียงแค่เสียงฝีเท้าเดินของตนเอง .. เพียงผู้เดียว.. และตลอดคืนนั้นปาร์คชานยอลก็ได้นอนหลับไปช่วงเวลากลางคืนเสียที..
สัมผัสจาบจ้วงที่ไล้ตามเนื้อเนียนพาลทำให้คนที่กำลังนอนอยู่นี้บิดเร่าด้วยรำคาญ สัมผัสร้อนที่ลากไล้อยู่นี้เรียกปลายหัวคิ้วขมวดมุ่นอย่างขัดใจ ของแขนเรียวถูกจับกดทับ รสสัมผัสจาบจ้วงไล้เล็มแถวๆซอกคอและต่ำลงมาเรื่อยๆ อาภรณ์ชิ้นบางค่อยๆอันตรธานหายไปทีละชิ้นจนแสงจันทร์กระทบไล้อาบเรือนร่างขาวเปลือยนี้
ความเจ็บแล่นริ้วขึ้นมาพร้อมกับความรู้สึกอึดอัดทั้งหลายที่ตามมา กายบางพลิกหนีสัมผัสนั้นอย่างขัดใจ เม็ดเหงื่อที่ไหลตามกรอบหน้าหนาวถูกเช็ดออกพร้อมกับแรงที่กระทั้นเข้ามา กลีบปากอิ่มเผยอออกครางเสียงหวานออกมา ปลายเรียวนิ้วที่สัมผัสไปทั่วผิวเนียนเรียกเปลือกตาบางให้กระพริบถี่ๆ ก่อนที่ทุกอย่างจะมืดดับไปอีกครั้งพร้อมกับสัมผัสด้านล่างที่ผ่อนแรงแล้วแทรกเข้ามาอย่างหนักหน่วง เงามืดสนิทของใครบางคนกำลังทาบทับร่างของชานยอลอยู่...
เปลือกตาบางลืมขึ้นอย่างรวดเร็วพร้อมกับสองมือที่ยันกายลุกขึ้นนั่งมองไปรอบๆห้อง .. ก็ไม่มีสิ่งใดผิดปกติ ประตูห้องก็ยังคงล็อคเหมือนเดิมและร่างกายของชานยอลก็ไม่มีรอยแดงหรืออาการเจ็บแต่อย่างใด สองมือยกขึ้นขยี้ผมจนมันฟูฟ่องก่อนจะสับสนกับตัวเองว่า เมื่อคืนนี้เพียงแค่ฝันไป .. หรือมันคือเรื่องจริง ปลายเรียวนิ้วสัมผัสที่กลีบปากอิ่มของตนเบาๆ คล้ายว่าสัมผัสอุ่นยังคงติดอยู่ที่ริมฝีปากนี้จางๆ
เจ้าตัวดีส่งเสียงร้องเรียกให้เจ้าของมันกดรับสายและแน่นอนที่ชานยอลรีบตะครุบมากดรับทันที “คริส!!!”
...ว่าไงครับ โทรมาปลุกหรือเปล่า...
“ไม่เลยๆ เมื่อไหร่คริสจะกลับมาล่ะ คิดถึงแล้วนะรีบๆกลับมาเถอะนะ” ปลายเสียงเว้าวอนอยู่ในที
...พรุ่งนี้เช้าก็น่าจะถึงเกาหลีนะ...
“จริงเหรอ!!!! รีบๆมานะ เดี๋ยวจะไปรอรับที่สนามบิน!”
...ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวไปหาที่บ้านเอง...
“เอาอย่างนั้นเหรอ? ก็ได้ๆ รีบๆกลับมานะ คริสอ่า คิดถึงที่สุดเลยนะ” ชานยอลได้ยินเสียงเสียงนุ่มที่หัวเราะเบาๆก่อนจะขอตัววางสายไปก่อน เจ้าตัวดีลงนอนกลิ้งกับฟูกนอน รอยยิ้มกว้างๆถูกระบายบนใบหน้าหวานเมื่อคิดถึงว่าพรุ่งนี้ชายหนุ่มจะกลับมาแล้ว แต่แล้วเรื่องเมื่อคืนก็แว่บเข้าสู่สมองอีกครั้ง .. สัมผัสที่ร้อนแรงและหวานล้ำนั้น มันคือเรื่องจริงหรือแค่ฝันไปกันนะ
วันนี้ชานยอลตั้งใจที่จะทำความสะอาดบ้านน้อยหลังนี้เสียหน่อยด้วยว่าพรุ่งนี้เจ้าของห้องก็จะกลับมาแล้ว สองมือรวบเส้นผมสีอ่อนมัดไว้ทั้งหัวก่อนจะถลกแขนเสื้อเตรียมพร้อมลุยงานปัดกวาดเช็ดถูและแน่นอนที่คนตัวบางนี้จะต้องเก็บกวาดทุกอย่างให้เป็นระเบียบเรียบร้อยตามเดิม สิ่งใดวางอยู่ตรงไหนมันจะต้องอยู่ตรงนั้นไม่ผิดเพี้ยน
ขณะที่กำลังเก็บโต๊ะเล็กๆที่ชายหนุ่มมักจะใช้นั่งทำงานและอ่านหนังสือชิดริมผนังอยู่นี้ บางอย่างที่เป็นแผ่นพับสีชมพูในมือก็สร้างความสงสัยให้เด็กหนุ่มได้ไม่ยาก ตัวอักษรจีนสีทองที่ด้านหน้าที่ชานยอลอ่านไม่ออก แก้มขาวพองออกก่อนจะถือวิสาสะเปิดมันออกดูด้วยความอยากรู้อยากเห็น ตัวอักษรจีนอะไรก็ไม่รู้เยอะแยะเต็มไปหมดแต่ทว่าสิ่งเดียวที่ดวงตากลมของชานยอลจับจ้องคือรูปถ่ายของผู้หญิงสาวหน้าตาสะสวย ดวงตากลมโตที่กรีดอายไลน์เนอร์คมเฉี่ยว รับกับริมฝีปากบางสีชมพูอ่อน หล่อนชื่ออะไรชานยอลอ่านไม่ออกหรอกแต่ทว่าประโยคที่เขียนวันกำกับไว้เนี่ยสิเรียกม่านน้ำตาจากคนนี้ได้ไม่ยาก เนื้อหาข้อความว่าอย่างไรนั้นชานยอลไม่อาจทราบแต่ที่ชานยอลรู้เพียงสิ่งเดียวคือ มันเขียนวันที่ไว้คือวันที่สองที่คริสถึงประเทศจีน
“นี่สินะเหตุผลที่ต้องกลับจีนแล้วฉันไปด้วยไม่ได้น่ะ....” หยดน้ำตาไหลรดลงบนกระดาษนั้นในมือ ชานยอลปาดมันทิ้งก่อนจะเก็บมันไว้ที่เดิม ผ้าขนหนูที่เคยสีขาวถูกวางลงในกะละมังที่คนตัวบางยกขึ้นเอาไปเก็บ กายบางหันกลับไปมองที่ที่เล่มแผ่นพับนั้นวางไว้ด้วยสายตานิ่งเฉย
“ไม่มีวันที่ฉันจะยอมปล่อยคริสให้เธอหรอก”
ชานยอลเดินเอาผ้าขนหนูและผ้าขี้ริ้วที่ตนนำไปเช็ดทำความสะอาดมาซักตากที่หน้าบ้าน หลังมือเล็กยกขึ้นปาดเช็ดเม็ดเหงื่อที่ไหลรินอย่างกับสายน้ำ ชานยอลยกกะละมังน้ำที่ใช้ซักผ้าเทรดต้นไม้และดอกไม้ริมรั้วอย่างสนุกสนาน เมื่อรดน้ำต้นไม้จนเสร็จชานยอลก็หมุนตัวหมายจะเดินกลับเข้าบ้านหลังน้อยที่อยู่ในส่วนด้านหน้าของพื้นที่กว้างขวางนี้ แต่แล้วเด็กหนุ่มก็รู้สึกว่าที่บ้านหลังใหญ่ที่ห่างออกไปไม่ไกลมากนั้นมีใครบางคนกำลังจ้องมองมาที่ตัวเขาอยู่
ใบหน้าน่ารักเอียงคอมองอย่างสงสัยก่อนจะยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจเพราะในบ้านหลังนั้นไม่มีใครอยู่มาเป็นแรมปีแล้วจะมีก็แต่แม่บ้านและคนสวนสอง สามคนเท่านั้นที่จะดูแลภายในบ้าน ชานยอลจำได้ว่าคริสเคยบอกว่าคนในบ้านนั้นต้องบินไปทำงานที่ต่างประเทศบ้านหลังใหญ่เลยไม่มีใครอาศัยนอกเสียจากคนรับใช้ และบ้านเล็กด้านหน้าพวกเขาก็เลยยินยอมให้คริสมาได้อาศัย กลีบปากอิ่มวาดรอยยิ้มเมื่อความคิดในหัวตกตะกอนได้ว่าคงจะเป็นคุณป้าแม่บ้านที่เช็ดกระจกอยู่ก็เป็นได้ที่มองมาทางตนด้วยเพราะเวลาที่ได้เจอกันแม้จะไม่กี่ครั้งแต่สายตาที่เธอทอดมองมานั้นเหมือนมีสิ่งใดปกปิดไว้อยู่ และกระจกของบ้านหลังใหญ่นั้นก็เป็นสีทึบที่ชานยอลคงจะมองไม่เห็นคนด้านหลังหน้าต่างหรอก
มื้อเย็นชานยอลเลือกที่จะฝากท้องไว้กับร้านตอกบกกีเช่นเดิม หลังจากที่ไปเดินซื้อของมาเพื่อทำอาหารต้อนรับการกลับมาของชายหนุ่มแล้วแต่ทว่าถึงจะบอกว่าทำอาหารเลี้ยงต้อนรับแต่คนทำจะใช้ใครที่ไหนเล่าถ้าไม่ใช่ชายหนุ่มที่หายหน้าไปเสียเกือบอาทิตย์แบบนี้ สายลมหนาวเหน็บพัดผ่านกายบางที่เดินห่อกายจนลีบอยู่นี้ ชานยอลยกแขนข้างที่ว่างกอดอกพร้อมกับลูบแขนอีกข้างไปมา กลีบปากอิ่มยิ้มกว้างๆเมื่อคิดถึงใครอีกคนที่พรุ่งนี้จะได้เจอกันแล้ว แต่แล้วทุกอย่างก็สลายหายไปเมื่อชานยอลเริ่มรู้สึกถึงสิ่งที่ผิดปกติ
“มาอีกแล้วสินะ” ชานยอลสูดลมหายใจเพื่อเรียกความกล้าและกลั้นหยดน้ำตาที่กำลั่งกลั่นความกลัวออกมาเสียจนคลอหน่วยตากลมนี้ เมื่อรวบรวมความกล้าแล้วชานยอลก็หมุนตัวกลับไปมองยังด้านหลัง.... และก็เหมือนทุกครั้งที่ด้านหลังจะไม่มีใคร แต่ทว่าวันนี้กลับแปลกไปเมื่อเงาดำของใครบางคนที่อยู่อีกฝั่งของถนนด้านที่ไม่มีแสงสว่างขยับวิ่งผ่านไป ดวงตากลมมองตามแต่ทว่าอีกฝั่งก็มืดเกินกว่าที่ดวงตาจะมองเห็นและมันก็ไม่ปลอดภัยถ้าตนนั้นจะเดินข้ามฝากไป
แม้ว่าบานประตูจะถูกปิดและลงกลอนอย่างแน่หนาแล้วแต่ทว่าชานยอลกลับไม่รู้สึกปลอดภัยเลยสักนิดเมื่อบานประตูทั้งบานนั้นสั้นคลอนด้วยแรงเขย่าจากคนด้านนอก กายบางกอดเข่าซุกตัวกับมุมห้องให้ความมืดและกำแพงเย็นเหยียบนั้นบดบังร่างของตนให้มากที่สุด หยดน้ำตาไหลรินดั่งสายเลือด กลัว.. ชานยอลกลัวจับใจ กลัวว่าใครคนนั้นจะพังประตูเข้ามา กลัวว่าพรุ่งนี้ตนจะไม่มีลมหายใจได้พบเจอกับคนที่รอคอย.. ชานยอลกลัว กลัวจนอยากที่จะร้องเรียกใครอีกคนให้กลับมาหา กลัวจนแทบจะบ้าอยู่แล้ว เวลาที่ไม่มีใชายหนุ่มเคียงข้างกาย ทำไมทุกอย่างถึงได้น่ากลัวแบบนี้นะ!
..คริสรีบๆกลับมาเสียทีสิ ไหนนายบอกว่าอยู่ข้างฉันเสมอ จะไม่ยอมให้ฉันคลายสายตาแล้วนี่นายไปอยู่ที่ไหนกัน!.. ดวงตากลมเหลือบไปมองโต๊ะเล็กๆที่ชิดริมผนังก่อนที่นัยน์ตากลมจะแปรเปลี่ยนเป็นโกรธเกรี้ยว เพราะผู้หญิงคนนั้นสินะ!
บานประตูที่ล็อคอยู่นั้นดูเหมือนว่ากลอนประตูกำลังจะพังในอีกไม่ช้า ...แกร๊ก.... แค่เสียงเบาๆที่ทำให้ชานยอลรับรู้ว่าตนนั้นกำลังไม่ปลอดภัย กายบางซุกตัวเข้าหามุมห้องอย่างหวาดกลัว กลัวเหลือเกินว่าถ้าได้เห็นหน้าของคนที่ตามตนนั้นแล้วเพียงไม่กี่อึดใจลมหายใจจะถูกลิดรอนไป อีกแค่ไม่กี่ชั่วโมงชายหนุ่มที่จากกันไปก็จะกลับมาพอเจอกันอีกครั้งแล้ว แต่ทำไม...ตอนนี้คริสถึงไม่อยู่ข้างกายตน
บานประตูที่ถูกทำลายล็อคแล้วค่อยๆเปิดออกช้าๆ ลมหายใจของชานยอลเองก็ค่อยๆขาดหายไปทีละนิดเช่นกัน หัวใจของเด็กหนุ่มเต้นถี่รัวเร็วเสียจนชานยอลยังกลัวว่ามันจะหยุดเต้นไปเสียดื้อๆ ดวงตาพร่ามัวเพราะม่านน้ำตาที่ยังคงไหลรินไม่ยอมหยุด สองมือของชานยอลปิดปากไว้เพื่อกลั้นไม่ให้ใครได้ยินเสียงสะอื้นของตัวเอง กายบางขยับแนบชิดมุมพนังมากเข้าไปอีก พยายามที่จะแทรกตัวกับความมืดให้มากที่สุด บานประตูไม้ค่อยๆถูกเปิดออกอย่างช้าๆ... และแผ่วเบา หยดน้ำตาหนึ่งหยดไหลหยดลงพื้นและซึมหายไป
...คริส ได้โปรดช่วยฉันด้วย!!!... แม้ว่าจะร่ำร้องเรียกไปมากแค่ไหน ชายหนุ่มก็ไม่กลับมาอยู่ข้างกายตน บานประตูค่อยๆอ้าเปิดกว้างเหมือนกันที่ชานยอลค่อยๆปิดเปลือกตาลงเพื่อรอให้คนที่เปิดประตูเข้ามาปลิดชีวิต เพราะถึงอย่างไรตนก็คงจะสู้อะไรไม่ได้อยู่แล้ว บานประตูลั่นเสียงเบาๆในความรู้สึกที่มืดมิด ชานยอลเพียงแค่ภาวนาว่าตนนั้นจะไม่เจ็บปวดตอนที่โดนทำร้ายก็เท่านั้น แต่ถ้าเป็นไปได้ชานยอลอยากจะร้องขอให้ตนได้พบกับคริสก่อนที่จะตาย...
“เฮ้ย นั่นใครน่ะ!!!!” เสียงตะโกนของใครก็ไม่รู้ดังขึ้นแล้วมันผู้นั้นที่เปิดประตูก็ปล่อยแล้ววิ่งหนีออกไป หูของชานยอลได้ยินเสียงวิ่งจากไป บานประตูนั้นถูกเปิดออกพร้อมกับเจ้าของเสียงนั้นเดินเข้ามา
“เป็นอะไรหรือเปล่าคุณหนูชานยอล ปลอดภัยดีใช่ไหมครับ” ชานยอลค่อยๆเปิดตามองคนที่มาช่วยตนไว้ ชายวัยกลางคนที่ยืนอย่างนอบน้อมอยู่หน้าประตู ชานยอลค่อยๆลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกมาจากมุมมืด แสงสว่างที่สาดเข้ามาในห้องนี้มีเพียงน้อยนิด ชายวัยกลางคนที่ชานยอลเคยเห็นหน้าและเดินสวนกันไม่บ่อยครั้งนัก คุณลุงคนสวนที่เขาเคยเห็นนั่นเอง ไว้ใจจนลืมนึกไปเสียสิ้นว่าคนตรงหน้ารู้จักชื่อตนได้อย่างไร
“ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณครับ แต่ว่ากลอนประตูมัน...” ชายวังกลางคนมองที่ประตูก่อนจะพยักหน้าเข้าใจ
“เดี๋ยวลุงจะมาซ่อมให้นะ ถ้ายังไงก็ปิดห้องไว้ก่อนนะคงจะไม่มีอะไรอีกแล้วล่ะ”
... และตลอดคืนนั้นชานยอลก็ได้หลับสนิทเสียที ...
อากาศอุ่นๆที่แสนสบายที่โอบล้อมไว้นี้ทำให้เด็กหนุ่มไม่อยากลืมตาตื่นเลยแม้แต่น้อย กายบางพลิกตัวไปอีกฝั่งอย่างยากลำบาก หัวคิ้วขมวดมุ่นอย่างไม่สบายตัวเท่าใดนัก แต่ทว่าความอบอุ่นที่คุ้นชินกลับเรียกเปลือกตาบางให้ลืมขึ้นได้ไม่ยาก เปลือกตาบางกระพริบถี่เพื่อปรับโฟกัสและมองใบหน้าหล่อคมที่ไมได้เห็นมาหลายวันที่ห่างออกไปเพียงคืบ ชานยอลยกมือขึ้นไล้โครงหน้าของคนที่กำลังนอนหลับอยู่นี้เบาๆ ก่อนจะเลื่อนมือลงมาเปิดปกเสื้อเชิ้ตของอีกฝ่ายดู กลิ่นกายของคนที่โอบกอดอยู่นี้ยังคงเป็นกลิ่นเดิมเพียงแค่นี้ปาร์คชานยอลก็ระบายยิ้มได้ทันที
รู้สึกปลอดภัยและวางใจมากที่สุด คนที่รอคอยกลับมาแล้ว กลับมาอยู่ข้างกายชานยอลแล้ว... อ้อมแขนยาวกระชับอ้อมกอดคนที่นอนดิ้นยุกยิกเข้ามาแนบชิด ชิดเสียจนปลายจมูกสัมผัสกัน กลีบปากอิ่มวาดรอยยิ้มอีกครั้งก่อนที่จะปิดเปลือกตาลงและเข้าสู่ห้วงนิทราไปในอ้อมกอดที่แสนโหยหาและคิดถึงอีกครั้ง เปลือกตาหนาลืมขึ้นเพียงนิดก่อนที่จะปิดลงดังเดิม มุมปากยกขึ้นยิ้มด้วยยากที่จะคาดเดาสิ่งที่หลบซ่อนหลังเปลือกตานี้... คริสไล้ลูบแผ่นหลังบางเบาๆก่อนที่ทั้งคู่จะโลดแล่นอยู่ในห้วงฝันเดียวกัน .. ในอ้อมกอดของกันและกัน
น่าแปลกที่วันนี้ชายหนุ่มตื่นสายกว่าทุกครั้ง อาจจะเป็นเพราะเพิ่งเดินทางมาถึงก็เป็นได้ ชานยอลก้มหัวขอบคุณคุณลุงคนสวนที่มาซ่อมกลอนประตูให้ก่อนจะยกสำรับอาหารที่วันนี้คุณแม่บ้านจากบ้านใหญ่ทำมาให้อีก อาจจะเพราะเจอเรื่องน่ากลัวมาเมื่อคืนก็เป็นได้ กลิ่นอาหารหอมๆปลุกให้คนขี้เซาลืมตาตื่น เมื่อเปลือกตาลืมขึ้นสิ่งแรกที่เห็นก็เป็นดั่งใจคิด รอยยิ้มกว้างๆของคนที่รักที่สุด
“ตื่นแล้วเหรอ นอนขี้เซาเป็นบ้าเลย~” เสียงหวานเอ่ยล้อพร้อมกับลุกขึ้นเดินมาหา ชายหนุ่มอ้าแขนออกรอรับคนที่ลงนอนพิงตัวของตนไว้ในอ้อมแขน ริมฝีปากได้รูปกดสัมผัสลงที่แก้มเนียนเบาๆก่อนจะถอนออก
“ก็ฝันถึงใครก็ไม่รู้ ก็เลยไม่อยากตื่น” ใบหน้าหล่อคมที่ยิ้มส่งมานั้น ชานยอลปฏิเสธไมได้เลยจริงๆว่ามันช่างดูงดงามราวกับรูปปั้นแกะสลักเสียจริง
“ถ้าอย่างนั้นก็อย่าตื่นจากฝันเลยนะ ... อย่าไปกับคนอื่นนะ” ชานยอลสะอื้นไห้ซบลงที่อกกว้างของคนที่โอบกอดอยู่นี้ ชายหนุ่มขมวดคิ้วมองคนที่ตัวสั่นเทาราวกับลูกนกเปียกฝนในอ้อมกอดด้วยความไม่เข้าใจ
“เป็นอะไรไหนบอกสิ หื้ม?” ชานยอลส่ายหน้าไปมากับอกอุ่นๆที่รองรับน้ำตา คริสจับชานยอลให้ละออกก่อนที่ตนนั้นจะลุกขึ้นนั่งแล้วโอบชานยอลเข้าสู่อ้อมแขนอีกครั้ง
“ไหนบอกมาสิ ทำไมถึงพูดว่าฉันจะไปกับคนอื่น” ชานยอลเงยหน้าขึ้นมองเจ้ากอดวลีนั้นก่อนที่จะทุบลงที่แผ่นอกกว้างนั้นหลายๆที
“คนใจร้าย คนโกหก ทำไมถึงต้องโกหกด้วย ไม่รักฉันแล้วเหรอคริส” ดวงตาที่โปนอยู่แล้วของชานยอลยิ่งบวมช้ำมากเข้าไปใหญ่เพราะเจ้าตัวร้องไห้อย่างหนักแทบจะทุกวัน ชายหนุ่มไม่เข้าใจจึงได้แต่โอบกอดร่างที่สั่นเทิ้มไว้เสียแน่น
“ใครบอกว่าไม่รักกันหื้ม? ถ้าไม่รักจะอยู่ข้างๆตลอดเลยหรือไง?” ชานยอลผละหน้าออกจากอกที่ซบแล้วทำปากยู่ใส่อีกคน
“ก็ถ้ารักแล้วทำไมไม่บอกล่ะว่าจะไปหายัยผู้หญิงคนนั้นอ่ะ อย่าคิดว่าไม่รู้นะ!!!” คริสเลิกคิ้วอย่างสงสัยก่อนจะพยักหน้าเข้าใจ
“อ๋อ หลินเหมยน่ะหรือ? ฉันไม่ได้คิดอะไรกับเขาก็แค่ไปบอกว่ายกเลิกการดูตัวเท่านั้น ส่วนเรื่องที่ทำเอกสารน่ะเรื่องจริงนะ ส่วนแม่น่ะก็แค่หลอกให้ฉันกลับไปจีนเฉยๆ” ชานยอลพองสองแก้มแล้วลุกออกจากอ้อมกอดของชายหนุ่ม นั่งกอดอกหันหลังให้ใครอีกคน
“อย่าโกรธเลยนะนกน้อย... ต่อจากนี้จะไม่หนีไปแล้ว เราจะอยู่ด้วยกันตลอดไปเลยนะ” อ้อมแขนยาวที่กอดรวบตัวชานยอลเข้าไปแนบชิด เสียงทุ้มที่กระซิบชิดใบหูเรียกสีแดงเรื่อจากแก้มของคนโดนกอดได้ไม่อยาก ..นกน้อยที่แสนสั่นเทาบินเข้าสู่อ้อมอกของผู้เป็นนายอีกครั้ง..
“อื้อ..คริส” กายบางค่อยๆเอนลงนอนบนฟูกหนาโดยมีชายหนุ่มขึ้นคร่อมทับ เปลือกตาบางปิดลงรับสัมผัสอุ่นที่แตะไปทั่วใบหน้าของตน สัมผัสหวานล้ำที่กลีบปากอิ่มตอบรับสัมผัสอย่างวามไหว เรียวนิ้วเสลาสอดเข้าประสานจับกับมือนิ่มที่กดบีบจิกลงหลังมือมา รอยแดงทั่วลำคอระหงส์เป็นเครื่องย้ำเตือนว่านกน้อยตัวนี้มีเจ้าของแล้ว รสสัมผัสหนักหน่วงที่แทรกเข้ามาสอดประสานกับร่างตนที่ถดรับสัมผัสนั้นช่างคุ้นในความรู้สึกและคุ้นในความสัมผัส การหยอกเอินที่คอยแต่จะสร้างความรัญจวนให้ตนนั้นช่างคุ้นชินเสียจนย้ำไปในหัวใจว่าหลายๆครั้งหรือแม้แต่ความรู้สึกเมื่อคืนก่อน .. มันซ้อนทับกัน .. เปลือกตาบางค่อยๆลืมขึ้นมองคนที่ทาบทับอยู่ด้านบน เงาที่คล้ายกับคนในฝันหรือเรื่องจริงที่เกิดขึ้นนั้นช่างคล้ายกับเงาของคนตัวสูงกว่าที่ทาบอยู่บนตัวยิ่งนัก ชานยอลเอียงหน้าไปมองโต๊ะทำงานที่ชิดริมผนังอยู่ที่เดิมก่อนจะยกยิ้มขึ้นมาบางๆ
...ยัยผู้หญิงคนนั้นน่ะ จะหลินเหมยหรือจะแพนด้าอะไรก็ช่างเถอะ ฝันไปเถอะว่าจะได้ตัวคริสไป ฉันไม่มีวันยกให้หรอก ต่อจากนี้เราจะไม่แยกจากกันอีกเด็ดขาด!!...
ทุกคนชอบเรื่องที่เราแต่งกันใช่ป่ะ? คือ ชอบไม่ชอบ ไม่สนุกบอกได้นะ แต่ยังไงเราก็จะแต่งต่ออยู่ดีนั่นล่ะ 5555555555
________________________________
“อะไรนะ!!!!!” ชานยอลตะโกนเสียลั่นบ้านโดยที่มีคริสนั่งมองหน้ายิ้มๆ
“จะไปจริงๆเหรอ ไปด้วยนะ” สองมือของชานยอลเขย่าปลายแขนเสื้อของคริสไว้ ชายหนุ่มขยิบแขนออกก่อนจะใช้แขนนั้นโอบร่างคนข้างกายให้เข้ามาแนบชิด
“ต้องไปสิ แล้วก็ชานยอลไปด้วยไม่ได้หรอก” พองแก้มจนป่องก่อนจะก้มหน้าลงซุกกับอกของคนที่กอดอยู่นี้ ก็เข้าใจว่ากลับจีนไปด้วยไมได้แต่ว่าชานยอลไม่อยากอยู่คนเดียวนิ! ก็รู้ว่าที่กลับไปเพราะแม่ของคริสไม่สบายก็เลยโทรมาบอกว่าจะกลับจีนไปรักษาตัวและจะได้ทำเรื่องธุรกรรมอะไรก็ไม่รู้ที่ชานยอลฟังไม่เข้าใจ แค่บอกว่าคริสจะบินกลับจีน หัวใจของชานยอลก็ฟ่อเสียแล้ว
“ก็ไม่อยากให้ไปนินา ไม่อยากอยู่คนเดียว .. คริสอ่า...” คริสกดจูบลงที่กระหม่อมสวยเบาๆก่อนจะโอบร่างที่สะอื้นไห้เข้ามากอดให้แนบชิด
“จะรีบกลับมานะ ไม่ต้องกลัวนะนายไม่ได้อยู่ลำพังเสียหน่อย ...” ชานยอลเงยหน้าทั้งน้ำตาขึ้นมามองคนปลอบอย่างสงสัย ใบหน้าที่แดงเรื่อนั้นเรียกรอยยิ้มจากคริสได้ไม่ยากเลย
“ฉันอยู่ข้างนายเสมอไง ลืมแล้วหรือไง” เรียวนิ้วยาวจิ้มเข้าที่หน้าผากมนเบาๆ แต่ชานยอลกลับแบะปากร้องไห้เสียยกใหญ่
“ไม่เอาอ่ะ จะให้คริสอยู่กับฉัน ไม่เอาคำพูดแบบนั้น!!” คนที่อยู่ด้วยกันมาตั้งหลายปีอยู่ๆจะมาหายไปแบบนี้ได้อย่างไรกัน! ปาร์คชานยอลไม่ยอมหรอก!!
“ชานยอลมีเหตุผลหน่อยสิ ฉันต้องกลับไปทำธุระเรื่องวีซ่าด้วยแล้วที่สำคัญ... แม่ต้องนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาลนะ” ชานยอลก้มหน้าลงก่อนนิ่ง คริสดึงตัวคนที่นั่งก้มหน้าเข้ามากอดแล้วลูบแผ่นหลังเล็กเบาๆ
“ถ้าอย่างนั้นคืนนี้ห้ามปล่อยนะจนกว่าจะถึงเช้าวันพรุ่งนี้” คำขอที่แสนเอาแต่ใจแต่ชายหนุ่มกลับไม่ถือซ้ำยังกอดคนในอ้อมแขนแน่นกว่าเดิมเสียอีก ขอแค่ให้ชานยอลเอ่ยมาคริสก็พร้อมที่จะทำให้ทุกอย่าง
เมื่อชานยอลลืมตาตื่นขึ้นมาข้างกายก็ไร้ร่างของคนที่นอนกอดตนไว้ทั้งคืนเสียแล้ว กายบางลุกขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วแล้วมองไปยังมุมห้องที่เมื่อก่อนนอนยังมีกระเป๋าเดินทางที่ตนเป็นคนจัดเตรียมไว้ให้คนที่จะต้องเดินทางทั้งน้ำตา แต่บัดนี้มันไม่อยู่ตรงนั้นเสียแล้ว เพียงแค่นี้หยดน้ำตาก็ไหลรินออกจากหางตา
ชานยอลไม่ใช่คนที่จะร้องไห้กับอะไรได้ง่ายๆ ชานยอลไม่ใช่คนอ่อนแอ แต่ชานยอลจะไม่เป็นตัวของตัวเองทุกครั้งที่ข้างกายไม่มีคริสอยู่ด้วย ครั้งหนึ่งที่โรงเรียนเคยจัดสัมมนาที่แถบทะเลทางใต้ร่วมกับโรงเรียนอนุบาลอื่นๆ ชายหนุ่มจะตามไปทีหลังเนื่องเพราะคุณแม่ของคริสล้มในห้องน้ำ ชายหนุ่มต้องไปโรงพยาบาลจัดการให้เรียบร้อยก่อนที่จะมาทำงานได้
แม้ว่าคุณใหญ่จะบอกว่าไม่ต้องมาแล้วก็ตาม ช่วงเวลาสองวันที่ข้างกายชานยอลไม่มีคริสอยู่นั้น เด็กหนุ่มคนนี้ช่างไร้ชีวิตชีวายิ่งนัก คุณครูท่านอื่นได้แต่มองอยู่ห่างๆและพยายามดูแลคุณครูไม่ให้เดินชนโน้นนี่ล้มไปเสียก่อน เด็กที่ร่าเริงเอาแต่นั่งเหม่อมองมือถือของตนช่างน่าหดหู่ยิ่งนัก แต่แล้วเมื่อชายหนุ่มเดินเข้าห้องประชุมมา ชานยอลก็ลุกขึ้นแล้ววิ่งเข้าไปกอดคนที่เพิ่งมาใหม่เสียจนลืมไปเสียแล้วกระมังว่าตนนั้นอยู่ในห้องประชุม
วันนี้และอีกหกวันข้างหน้าเป็นวันหยุดของทางโรงเรียนอนุบาลและแน่นอนที่ชานยอลจะต้องอยู่คนเดียวจนกว่าที่คริสจะกลับมา กล่องอาหารและน้ำแร่วางไว้ที่ข้างประตูพร้อมกับกระดาษโน้ตแผ่นเล็กๆที่เขียนไว้ว่า ‘ดูแลตัวเองดีๆนะ’ เพียงแค่นั้นน้ำตาที่ยังไม่แห้งสนิทก็รื้นขึ้นมาอีกครั้ง ความจริงที่ว่าข้างกายตอนนี้ของปาร์คชานยอลไร้ซึ่งคริสก็ประจักษ์แก่ความรู้สึก ชานยอลก้มหน้าลงซุกที่เข่าทั้งสองข้างที่ตั้งชัน กอดไว้แน่นๆและแปล่งเสียงร้องอย่างเหงาหงอยออกมา
วันทั้งวันชานยอลเอาแต่นอนอยู่ในบ้านและร้องไห้เงียบๆอยู่คนเดียว รู้สึกเจ็บปวดทุกครั้งที่คิดว่าตนนั้นต้องห่างไกลจากคนที่คิดถึงตั้งหลายหมื่นกิโลเมตร เมื่อเปิดเปลือกตาขึ้นมาอีกครั้งก็พบว่ารอบข้างนั้นมืดสนิท กายบางค่อยๆหยัดตัวขึ้นนั่ง ท้องของชานยอลส่งเสียประท้วงเบาๆก่อนจะเจ้าตัวจะลุกขึ้นยืนเดินโซเซออกจากตัวบ้านไปหาอาหารทานเสียหน่อย อากาศยามค่ำคืนนี้ออกจะหนาวเย็นเสียหน่อย สองมือของชานยอลต้องยกขึ้นลูบแขนตัวเองเบาๆ ด้วยเพราะความผิดของเจ้าตัวด้วยล่ะที่ไม่ได้หยิบเสื้อคลุมออกมา
“นี่ถ้าคริสรู้ว่าลืมเอาเสื้อคลุมออกมาด้วยนะ โดนตีตายแน่ๆเลยอ่ะ” บ่นเบาๆก่อนจะเดินตัวลู่แล้วลูบแขนตัวเองเข้ามินิมาร์ทที่เปิด24ชม.ไป ชานยอลเดินวนอยู่หลายรอบกว่าที่เขานั้นจะหยิบถ้วยรามยอนมากดน้ำแล้วเดินถือมันไปนั่งรอที่มุมหนึ่งที่จัดไว้สำหรับให้นั่งทานรามยอน ชานยอลเพียงแค่นั่งมองชามรามยอนนิ่งๆ แค่อากาศหนาวเหน็บที่เกาะผิวกายก็เรียกหยดน้ำตาจากเด็กหนุ่มขี้เหงาได้ไม่ยาก
กว่าที่ชานยอลจะเลิกนั่งมองและทานรามยอนให้หมดถ้วยนาฬิกาดิจิตอลในร้านก็บอกเวลาว่าเที่ยงคืนครึ่งเสียแล้ว คนตัวบางเดินออกมาจากร้านพร้อมกับขยี้หัวตัวเองจนยุ่งเหยิง ถ้ารู้แบบนี้เอาไปต้มที่บ้านยังจะดีเสียกว่าอีก แม้ว่ารอบข้างจะไม่เปลี่ยวและมืดเสียทีเดียวแต่ทว่า... ความรู้สึกที่เหมือนกับวันนั้นที่โดนตามน่ะมันก็ยังคงติดอยู่ในความรู้สึกนะ แล้วยิ่งอยู่ตัวคนเดียวแบบนี้จะไปพึ่งใครได้ล่ะ
ชานยอลพยายามที่จะช่วงขายาวๆของตัวเองก้าวยาวๆเพื่อที่จะได้ถึงบ้านให้ไวขึ้นแต่ทว่าเดินจากหน้ามินิมาร์ทมาได้ไม่เท่าไหร่สียงฝีเท้าอีกคู่หนึ่งก็ดังขึ้น ชานยอลยืนตัวแข็งทื่อก่อนที่เสียงฝีเท้านั้นจะเดินเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ ..เรื่อยๆ.. และเดินผ่านเฉียดไป แผ่นหลังของชายวัยกลางคนที่ทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่เพิ่งเลิกเวรกำลังรีบตรงดิ่งกลับบ้านพร้อมกับถุงอาหารมากมาย
“ฟู่ววววว~” ชานยอลยกมือขึ้นตบอกเบาๆอย่างโล่งอกเมื่อเสียงฝีเท้านั้นเป็นของคนที่เพิ่งเดินผ่านไปนี่เอง คนตัวบางเลยออกเท้าก้าวไปอีกครั้งและทีนี้เสียงฝีเท้าหนักๆก็ดังขึ้นมาอีก ชานยอลกัดริมฝีปากเบาๆก่อนจะวาดรอยยิ้มเมื่ออาจจะเป็นใครสักคนที่เดินผ่านมาทางนี้ก็เป็นได้ เสียงฝีเท้านั่นย่ำนักเข้ามาใกล้ชานยอลเลยตัดสินใจหันหลังกลับไปมอง
“อ๊ะ....” ทางเบื้องหลังนั้นร้างไร้ผู้คนสัญจรและแน่นอนบนถนนเส้นนี้มีเพียงแค่ชานยอลแต่เพียงผู้เดียว..
ชานยอลไม่รู้ว่าตนนั้นวิ่งเร็วแค่ไหน ใช้เวลากี่นาทีที่จะกลับมาถึงบ้านของชายหนุ่มกัน เมื่อเปิดประตูเข้ามาคนตัวบางก็วิ่งไปซุกอยู่ที่มุมห้อง ทั้งๆที่ตนก็ช่วงขายาวและวิ่งเร็วแล้วแต่ทว่าเสียงฝีเท้านั้นกลับวิ่งตามมาเสียติดๆ ชานยอลไม่กล้าหันกลับไปมองอีก กลัวเหลือเกินว่าถ้าหันกลับไปแล้วจะไม่เจอกับสิ่งใด มีเพียงแค่หูของตนนั้นจะได้ยินเสียงฝีเท้าที่ไล่ตามเท่านั้น
หยดน้ำตาไหลรินอาบแก้มอิ่ม กลีบปากสีหวานเม้มแน่อย่างกลัวสุดขีด หัวใจเต้นรัวเร็วด้วยเพราะกลัวว่าสิ่งนั้นจะตามมาถึงที่ที่ปลอดภัยสำหรับ ว่าสถานที่นี้จะปลอดภัยแต่ก็ไร้คนปกป้อง ปาร์คชานยอลก็ไม่รู้สึกถึงความปลอดภัยอยู่ดี สองมือยกขึ้นกอดเข่าแล้วพยายามซุกตัวเข้ากับมุมกำแพงห้องให้ได้มากที่สุด ซุกเพื่อหาความปลอดภัยที่ไม่มีเลยสำหรับรอบกายนี้ ...คริสนายอยู่ที่ไหน รีบๆกลับมาได้ไหม ฉันกลัว ไม่อยากอยู่คนเดียว...
เปลือกตาบางที่ปิดอยู่ค่อยๆลืมขึ้นเมื่อหูได้ยินเสียงบางอย่างที่แปลกไป นัยน์ตากลมมองนาฬิกาที่บอกเวลาไว้ว่าเกือบจะตีสี่แล้ว แต่ทว่าเสียงที่ได้ยินอยู่นี่ มันผิดวิสัยของคนธรรมดาไปเสียหน่อยนะ... เสียงย่ำเท้ารอบๆบ้านเสียดสีกับเสียงยอดหญ้าที่ดังเสียดหู กายบางค่อยๆหยัดขึ้นนั่งแล้วคลานไปยังบานหน้าต่างบานเล็กเหนือกำแพงฝั่งที่ตนนอน เมื่อบานหน้าต่างถูกเปิดออกรอบๆนั้นก็ไม่มีใคร ยอดหญ้าสีเขียวยังคงนิ่งไม่ไหวติง
ชานยอลเลือกที่จะนอนซุกตัวอยู่ในผ้าห่มที่คลุมมิดทั้งตัว เลือกที่จะนอนคุดคู้และฟังเสียงเดินย่ำนั้นไปเงียบๆ หยดน้าตาไหลรินหยดลงจากปลายหางตาลงที่หมอนหมุนอย่างเงียบๆ ...เพียงลำพัง
เช้าแล้ว .. แต่ทว่าชานยอลยังไมได้นอนเลยหลังจากนั้นมา เสียงร้องของนกตัวเล็กและเสียงผู้คนเริ่มดังขึ้นจอแจ ผ้าห่มผืนหนาค่อยๆถูกเลื่อนลง เส้นผมสีน้ำตาลอ่อนค่อยๆโผล่ออกมา เส้นผมสีสวยที่ยุ่งเหยิงค่อยๆไถกลิ้งไปตามหมอนนุ่มที่นอนหนุน เปลือกตาบางกระพริบอีกครั้งก่อนที่จะปิดเปลือกตาลงและจมลงสู่ห้วงนิทรา
กว่าที่เปลือกตาบางจะลืมขึ้นมาอีกครั้งก็เป็นเวลาพลบค่ำเสียแล้ว กายบางลุกขึ้นนั่งก่อนจะสะบัดหัวไล่ความมึนงงให้ออกไป สองมือสางผมขึ้นรวบมัดครึ่งหัวก่อนที่เจ้าตัวจะลุกขึ้นไปอาบน้ำและเดินออกไปหาอะไรทานเพราะวันนั้นทั้งวันตนเพิ่งตื่นและยังไมได้ทานอะไรเลย ร้านต๊อกบกกีเป็นร้านที่ชานยอลเลือกที่จะมายืนกินแก้หนาว คืนนี้อากาศก็เริ่มหนาวอีกแล้ว เสื้อคลุมตัวหนาของคนที่อยู่ห่างไกลถูกสวมทับกายเล็กของคนที่ยืนกอดอกเคี้ยวตอกบกกีอย่างอร่อยอยู่นี้
ชานยอลที่กำลังยืนกินตอกบกกีอยู่นั้นก็รีบหันกลับไปมองด้านหลังทันที หันมองหาสายตาเมื่อครู่ที่มองจ้องมาที่ตนแต่ด้านหลังกลับไม่มีใครสักคนเช่นเดิม.. ใบหน้าหวานขมวดคิ้วมุ่นก่อนจะรีบกินให้อิ่มแล้วรีบออกกลับบ้านทันที ใจจริงชานยอลก็อยากรู้ว่าคนที่ตามตนนั้นเป็นใครทว่าใครของเด็กหนุ่มก็ไม่กล้าพอที่จะหันกลับไปมองยามที่เสียงฝีเท้านั้นดังขึ้น
“คริสอ่า รับสายสิ” แม้จะกดโทรออกไปหาปลายสายกี่ครั้ง ฝ่ายนั้นก็ไม่เคยรับและไม่เคยโทรกลับมาหาเลย
“คริสอ่า ทำไมไม่รับสายฉันล่ะ!” ชานยอลกดตัดสายแล้วกดต่อไปใหม่ยังหมายเลขเดิม แต่ผลปรากฏก็เหมือนๆทุกครั้งที่ไม่มีใครรับเลยแม้แต่น้อย และชานยอลก็เขวี้ยงโทรศัพท์ไปให้ห่างๆตัวในเมื่อมีแล้วชายหนุ่มไม่ยอมรับสายตน จะมีมันไว้ทำไม..
“อ๊ะ.. เสียงนั้นมาอีกแล้ว” เสียงย่ำเท้าและเสียงเสียดสีกันของยอดหญ้านั้นช่างหลอนโสตประสาทเสียจริง ชานยอลยกสองมือขึ้นปิดหู หยดน้ำตาเม็ดใสไหลกลิ้งลงอาบแก้มขาวอย่างหวาดกลัว ฟันขาวกัดริมฝีปากช้ำไว้เพื่อกลั้นเสียงสะอื้นไห้ ด้วยกลัวว่ามันผู้นั้นจะรับรู้ว่าตนนั้นอยู่ในนี้
เสียงนั้นยังคงกวนใจชานยอลทั้งคืน และคนตัวบางก็นั่งกอดเข่าซุกตัวที่มุมห้องทั้งคืน เมื่อแสงอาทิตย์ค่อยๆโผล่พ้นขึ้นขอบฟ้า แสงสว่างค่อยๆสาดฉายแสงเข้ามาในห้องนอนค่อยๆไล้สาดเข้ามาผ่านมุมห้องที่มืดมิดให้สว่างขึ้น ชานยอลค่อยๆคลานออกจากมุมที่มืดมิดมาลงนอนที่ฟูกหนา กลิ่นอายของความอบอุ่นและกลิ่นหอมจางๆที่ติดตัวเจ้าของห้องนี้กระจายอยู่ทั่วอากาศในห้อง กลิ่นกายหอมอ่อนๆที่อยู่ทั่วไปเรียกน้ำตาจากเด็กหนุ่มได้ไม่ยากเลย
ผ้าห่มผืนหนาที่ยังคงไอเย็นคลุมห่มกายบาง ชานยอลนอนขดตัวคู้อยู่ด้านใน กลิ่นหอมๆที่คุ้นชินเป็นดั่งเครื่องประโลมใจที่ทำให้อบอุ่นและปลอดภัย แต่ชานยอลอยากได้อ้อมกอดของใครบางคนมากกว่าแค่กลิ่นกายจางๆนี้ อยู่ๆเจ้าตัวที่นอนสงบนิ่งอยู่ปลายเท้าก็แผดเสียงร้องดังลั่น ชานยอลรีบลุกขึ้นคว้าเจ้าเครื่องมือสื่อสารขึ้นมากดรับสายทันทีโดยที่ไม่ต้องดูรายชื่อคนที่โทรเข้ามา ... เพราะท่วงทำนองเพลงแบบนี้มีแค่คนๆนั้นคนเดียว
“คริสอ่า ทำไมไม่รับสายเราเลย!” เสียงทุ้มที่สั่นเครือถามปลายสายออกไปเป็นคำแรก
...ก็โทรกลับมาแล้วนี่ไง พอดีมันวุ่นๆน่ะ ตื่นแล้วเหรอทำไมตื่นเช้าจังเลยหื้ม... เพียงแค่นี้หนดน้ำตาที่ยังไม่แห้งสนิทดีก็ไหลรินอีกครั้ง
“อึก... คริสอ่า กลับมาเร็วๆได้ไหม ใครก็ไม่รู้ตามฉันอีกแล้ว”
...อะไรนะ! แล้วนี่อยู่ที่ไหน...
“ฉันอยู่ที่บ้านของคริส คริสรีบๆกลับมาได้ไหมฉันกลัว”
...อีกสักวัน สองวันฉันจะรีบกลับนะ เอกสารที่นี่ของฉันมีปัญหา ไม่ต้องกลัวนะชานยอล...
“อึก....คริสอ่า..” ชานยอลสะอื้นแทบขาดใจเมื่อใครคนอีกคนจะยังไม่กลับมาหาตนในเร็วๆนี้
...จำไว้นะ ฉันอยู่กับนายเสมอ... น้ำเสียงนุ่มลึกที่เรียกหยดน้ำตาจากชานยอลได้อีกมากโข คริสยังคงคือสายฟังอีกฝ่ายร้องไห้สะอื้นจนชานยอลนั่นหลับไปเอง ชายหนุ่มถึงกดตัดสายไป
ค่ำคืนนี้ชานยอลนอนตื่นค่ำกว่าที่ผ่านมาเพราะทั้งอดนอนและยังร้องไห้อย่างหนักเสียอีก เปลือกตาบางที่บวมช้ำค่อยลืมขึ้นช้าๆ ภาพตรงหน้าหมุนเวียนอยู่สักแปบก่อนที่จะนิ่งสนิทเหมือนเดิม สองแขนยาวค่อยๆยันหยัดพยุงตัวขึ้นนั่ง แสงจันทร์อาบไล้ไปทั่วพื้นที่ในห้องสี่เหลี่ยมนี้ ดวงตากลมมองไปรอบๆก่อนจะลุกขึ้นเข้าไปทำธุระส่วนตัวในห้องน้ำ เพียงไม่นานคนตัวบางก็ออกมาพร้อมกับเสื้อผ้าชุดใหม่และผ้าเช็ดผมที่สะบัดเช็ดเส้นผมสลวยสีอ่อนของตัวเองเบาๆ
ในขณะที่กำลังยืนเช็ดผมให้แห้งอยู่นั้น อยู่ๆเสียงฝีเท้าเช่นเดิมก็ดังขึ้นอีกครั้ง ผ้าที่ชื้นน้ำค่อยๆตกลงพื้นข้างปลายเท้าของคนตัวบาง ใบหน้าน่ารักฉายแววสีหน้าท่าทางกลัวจับใจ คิดถึงใครบางคนขึ้นมาจับใจ ชานยอลวิ่งไปคว้าโทรศัพท์ของตนเพื่อติดต่อไปหาคนที่อยู่ห่างไกล แต่ทว่าปลายสายกลับปิดเครื่อง ชานยอลเขวี้ยงโทรศัพท์ทิ้งลงกับฟูกนอนอีกครั้งก่อนจะตัดสินใจวันนี้เป็นไงเป็นกันเขาจะต้องจัดการคนที่มาตามตนให้ได้
วันนี้ชานยอลเลือกที่จะฝากท้องไว้ที่มินิมาร์ทที่เปิดตลอดคืนอีกครั้ง ชานยอลยังคงกินแบบเนิบนาบและคอยเฝ้าสังเกตถึงคนที่จะต้องมาตามตนแน่ๆ แม้ว่าเส้นทางจะเปลี่ยวและร้างไร้ผู้คนแค่ไหนแต่โสตประสาทของคนตัวบางกลับได้ยินเสียงที่ดังก้องทั้งซอยนี่มีเพียงแค่เสียงฝีเท้าเดินของตนเอง .. เพียงผู้เดียว.. และตลอดคืนนั้นปาร์คชานยอลก็ได้นอนหลับไปช่วงเวลากลางคืนเสียที..
สัมผัสจาบจ้วงที่ไล้ตามเนื้อเนียนพาลทำให้คนที่กำลังนอนอยู่นี้บิดเร่าด้วยรำคาญ สัมผัสร้อนที่ลากไล้อยู่นี้เรียกปลายหัวคิ้วขมวดมุ่นอย่างขัดใจ ของแขนเรียวถูกจับกดทับ รสสัมผัสจาบจ้วงไล้เล็มแถวๆซอกคอและต่ำลงมาเรื่อยๆ อาภรณ์ชิ้นบางค่อยๆอันตรธานหายไปทีละชิ้นจนแสงจันทร์กระทบไล้อาบเรือนร่างขาวเปลือยนี้
ความเจ็บแล่นริ้วขึ้นมาพร้อมกับความรู้สึกอึดอัดทั้งหลายที่ตามมา กายบางพลิกหนีสัมผัสนั้นอย่างขัดใจ เม็ดเหงื่อที่ไหลตามกรอบหน้าหนาวถูกเช็ดออกพร้อมกับแรงที่กระทั้นเข้ามา กลีบปากอิ่มเผยอออกครางเสียงหวานออกมา ปลายเรียวนิ้วที่สัมผัสไปทั่วผิวเนียนเรียกเปลือกตาบางให้กระพริบถี่ๆ ก่อนที่ทุกอย่างจะมืดดับไปอีกครั้งพร้อมกับสัมผัสด้านล่างที่ผ่อนแรงแล้วแทรกเข้ามาอย่างหนักหน่วง เงามืดสนิทของใครบางคนกำลังทาบทับร่างของชานยอลอยู่...
เปลือกตาบางลืมขึ้นอย่างรวดเร็วพร้อมกับสองมือที่ยันกายลุกขึ้นนั่งมองไปรอบๆห้อง .. ก็ไม่มีสิ่งใดผิดปกติ ประตูห้องก็ยังคงล็อคเหมือนเดิมและร่างกายของชานยอลก็ไม่มีรอยแดงหรืออาการเจ็บแต่อย่างใด สองมือยกขึ้นขยี้ผมจนมันฟูฟ่องก่อนจะสับสนกับตัวเองว่า เมื่อคืนนี้เพียงแค่ฝันไป .. หรือมันคือเรื่องจริง ปลายเรียวนิ้วสัมผัสที่กลีบปากอิ่มของตนเบาๆ คล้ายว่าสัมผัสอุ่นยังคงติดอยู่ที่ริมฝีปากนี้จางๆ
เจ้าตัวดีส่งเสียงร้องเรียกให้เจ้าของมันกดรับสายและแน่นอนที่ชานยอลรีบตะครุบมากดรับทันที “คริส!!!”
...ว่าไงครับ โทรมาปลุกหรือเปล่า...
“ไม่เลยๆ เมื่อไหร่คริสจะกลับมาล่ะ คิดถึงแล้วนะรีบๆกลับมาเถอะนะ” ปลายเสียงเว้าวอนอยู่ในที
...พรุ่งนี้เช้าก็น่าจะถึงเกาหลีนะ...
“จริงเหรอ!!!! รีบๆมานะ เดี๋ยวจะไปรอรับที่สนามบิน!”
...ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวไปหาที่บ้านเอง...
“เอาอย่างนั้นเหรอ? ก็ได้ๆ รีบๆกลับมานะ คริสอ่า คิดถึงที่สุดเลยนะ” ชานยอลได้ยินเสียงเสียงนุ่มที่หัวเราะเบาๆก่อนจะขอตัววางสายไปก่อน เจ้าตัวดีลงนอนกลิ้งกับฟูกนอน รอยยิ้มกว้างๆถูกระบายบนใบหน้าหวานเมื่อคิดถึงว่าพรุ่งนี้ชายหนุ่มจะกลับมาแล้ว แต่แล้วเรื่องเมื่อคืนก็แว่บเข้าสู่สมองอีกครั้ง .. สัมผัสที่ร้อนแรงและหวานล้ำนั้น มันคือเรื่องจริงหรือแค่ฝันไปกันนะ
วันนี้ชานยอลตั้งใจที่จะทำความสะอาดบ้านน้อยหลังนี้เสียหน่อยด้วยว่าพรุ่งนี้เจ้าของห้องก็จะกลับมาแล้ว สองมือรวบเส้นผมสีอ่อนมัดไว้ทั้งหัวก่อนจะถลกแขนเสื้อเตรียมพร้อมลุยงานปัดกวาดเช็ดถูและแน่นอนที่คนตัวบางนี้จะต้องเก็บกวาดทุกอย่างให้เป็นระเบียบเรียบร้อยตามเดิม สิ่งใดวางอยู่ตรงไหนมันจะต้องอยู่ตรงนั้นไม่ผิดเพี้ยน
ขณะที่กำลังเก็บโต๊ะเล็กๆที่ชายหนุ่มมักจะใช้นั่งทำงานและอ่านหนังสือชิดริมผนังอยู่นี้ บางอย่างที่เป็นแผ่นพับสีชมพูในมือก็สร้างความสงสัยให้เด็กหนุ่มได้ไม่ยาก ตัวอักษรจีนสีทองที่ด้านหน้าที่ชานยอลอ่านไม่ออก แก้มขาวพองออกก่อนจะถือวิสาสะเปิดมันออกดูด้วยความอยากรู้อยากเห็น ตัวอักษรจีนอะไรก็ไม่รู้เยอะแยะเต็มไปหมดแต่ทว่าสิ่งเดียวที่ดวงตากลมของชานยอลจับจ้องคือรูปถ่ายของผู้หญิงสาวหน้าตาสะสวย ดวงตากลมโตที่กรีดอายไลน์เนอร์คมเฉี่ยว รับกับริมฝีปากบางสีชมพูอ่อน หล่อนชื่ออะไรชานยอลอ่านไม่ออกหรอกแต่ทว่าประโยคที่เขียนวันกำกับไว้เนี่ยสิเรียกม่านน้ำตาจากคนนี้ได้ไม่ยาก เนื้อหาข้อความว่าอย่างไรนั้นชานยอลไม่อาจทราบแต่ที่ชานยอลรู้เพียงสิ่งเดียวคือ มันเขียนวันที่ไว้คือวันที่สองที่คริสถึงประเทศจีน
“นี่สินะเหตุผลที่ต้องกลับจีนแล้วฉันไปด้วยไม่ได้น่ะ....” หยดน้ำตาไหลรดลงบนกระดาษนั้นในมือ ชานยอลปาดมันทิ้งก่อนจะเก็บมันไว้ที่เดิม ผ้าขนหนูที่เคยสีขาวถูกวางลงในกะละมังที่คนตัวบางยกขึ้นเอาไปเก็บ กายบางหันกลับไปมองที่ที่เล่มแผ่นพับนั้นวางไว้ด้วยสายตานิ่งเฉย
“ไม่มีวันที่ฉันจะยอมปล่อยคริสให้เธอหรอก”
ชานยอลเดินเอาผ้าขนหนูและผ้าขี้ริ้วที่ตนนำไปเช็ดทำความสะอาดมาซักตากที่หน้าบ้าน หลังมือเล็กยกขึ้นปาดเช็ดเม็ดเหงื่อที่ไหลรินอย่างกับสายน้ำ ชานยอลยกกะละมังน้ำที่ใช้ซักผ้าเทรดต้นไม้และดอกไม้ริมรั้วอย่างสนุกสนาน เมื่อรดน้ำต้นไม้จนเสร็จชานยอลก็หมุนตัวหมายจะเดินกลับเข้าบ้านหลังน้อยที่อยู่ในส่วนด้านหน้าของพื้นที่กว้างขวางนี้ แต่แล้วเด็กหนุ่มก็รู้สึกว่าที่บ้านหลังใหญ่ที่ห่างออกไปไม่ไกลมากนั้นมีใครบางคนกำลังจ้องมองมาที่ตัวเขาอยู่
ใบหน้าน่ารักเอียงคอมองอย่างสงสัยก่อนจะยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจเพราะในบ้านหลังนั้นไม่มีใครอยู่มาเป็นแรมปีแล้วจะมีก็แต่แม่บ้านและคนสวนสอง สามคนเท่านั้นที่จะดูแลภายในบ้าน ชานยอลจำได้ว่าคริสเคยบอกว่าคนในบ้านนั้นต้องบินไปทำงานที่ต่างประเทศบ้านหลังใหญ่เลยไม่มีใครอาศัยนอกเสียจากคนรับใช้ และบ้านเล็กด้านหน้าพวกเขาก็เลยยินยอมให้คริสมาได้อาศัย กลีบปากอิ่มวาดรอยยิ้มเมื่อความคิดในหัวตกตะกอนได้ว่าคงจะเป็นคุณป้าแม่บ้านที่เช็ดกระจกอยู่ก็เป็นได้ที่มองมาทางตนด้วยเพราะเวลาที่ได้เจอกันแม้จะไม่กี่ครั้งแต่สายตาที่เธอทอดมองมานั้นเหมือนมีสิ่งใดปกปิดไว้อยู่ และกระจกของบ้านหลังใหญ่นั้นก็เป็นสีทึบที่ชานยอลคงจะมองไม่เห็นคนด้านหลังหน้าต่างหรอก
มื้อเย็นชานยอลเลือกที่จะฝากท้องไว้กับร้านตอกบกกีเช่นเดิม หลังจากที่ไปเดินซื้อของมาเพื่อทำอาหารต้อนรับการกลับมาของชายหนุ่มแล้วแต่ทว่าถึงจะบอกว่าทำอาหารเลี้ยงต้อนรับแต่คนทำจะใช้ใครที่ไหนเล่าถ้าไม่ใช่ชายหนุ่มที่หายหน้าไปเสียเกือบอาทิตย์แบบนี้ สายลมหนาวเหน็บพัดผ่านกายบางที่เดินห่อกายจนลีบอยู่นี้ ชานยอลยกแขนข้างที่ว่างกอดอกพร้อมกับลูบแขนอีกข้างไปมา กลีบปากอิ่มยิ้มกว้างๆเมื่อคิดถึงใครอีกคนที่พรุ่งนี้จะได้เจอกันแล้ว แต่แล้วทุกอย่างก็สลายหายไปเมื่อชานยอลเริ่มรู้สึกถึงสิ่งที่ผิดปกติ
“มาอีกแล้วสินะ” ชานยอลสูดลมหายใจเพื่อเรียกความกล้าและกลั้นหยดน้ำตาที่กำลั่งกลั่นความกลัวออกมาเสียจนคลอหน่วยตากลมนี้ เมื่อรวบรวมความกล้าแล้วชานยอลก็หมุนตัวกลับไปมองยังด้านหลัง.... และก็เหมือนทุกครั้งที่ด้านหลังจะไม่มีใคร แต่ทว่าวันนี้กลับแปลกไปเมื่อเงาดำของใครบางคนที่อยู่อีกฝั่งของถนนด้านที่ไม่มีแสงสว่างขยับวิ่งผ่านไป ดวงตากลมมองตามแต่ทว่าอีกฝั่งก็มืดเกินกว่าที่ดวงตาจะมองเห็นและมันก็ไม่ปลอดภัยถ้าตนนั้นจะเดินข้ามฝากไป
แม้ว่าบานประตูจะถูกปิดและลงกลอนอย่างแน่หนาแล้วแต่ทว่าชานยอลกลับไม่รู้สึกปลอดภัยเลยสักนิดเมื่อบานประตูทั้งบานนั้นสั้นคลอนด้วยแรงเขย่าจากคนด้านนอก กายบางกอดเข่าซุกตัวกับมุมห้องให้ความมืดและกำแพงเย็นเหยียบนั้นบดบังร่างของตนให้มากที่สุด หยดน้ำตาไหลรินดั่งสายเลือด กลัว.. ชานยอลกลัวจับใจ กลัวว่าใครคนนั้นจะพังประตูเข้ามา กลัวว่าพรุ่งนี้ตนจะไม่มีลมหายใจได้พบเจอกับคนที่รอคอย.. ชานยอลกลัว กลัวจนอยากที่จะร้องเรียกใครอีกคนให้กลับมาหา กลัวจนแทบจะบ้าอยู่แล้ว เวลาที่ไม่มีใชายหนุ่มเคียงข้างกาย ทำไมทุกอย่างถึงได้น่ากลัวแบบนี้นะ!
..คริสรีบๆกลับมาเสียทีสิ ไหนนายบอกว่าอยู่ข้างฉันเสมอ จะไม่ยอมให้ฉันคลายสายตาแล้วนี่นายไปอยู่ที่ไหนกัน!.. ดวงตากลมเหลือบไปมองโต๊ะเล็กๆที่ชิดริมผนังก่อนที่นัยน์ตากลมจะแปรเปลี่ยนเป็นโกรธเกรี้ยว เพราะผู้หญิงคนนั้นสินะ!
บานประตูที่ล็อคอยู่นั้นดูเหมือนว่ากลอนประตูกำลังจะพังในอีกไม่ช้า ...แกร๊ก.... แค่เสียงเบาๆที่ทำให้ชานยอลรับรู้ว่าตนนั้นกำลังไม่ปลอดภัย กายบางซุกตัวเข้าหามุมห้องอย่างหวาดกลัว กลัวเหลือเกินว่าถ้าได้เห็นหน้าของคนที่ตามตนนั้นแล้วเพียงไม่กี่อึดใจลมหายใจจะถูกลิดรอนไป อีกแค่ไม่กี่ชั่วโมงชายหนุ่มที่จากกันไปก็จะกลับมาพอเจอกันอีกครั้งแล้ว แต่ทำไม...ตอนนี้คริสถึงไม่อยู่ข้างกายตน
บานประตูที่ถูกทำลายล็อคแล้วค่อยๆเปิดออกช้าๆ ลมหายใจของชานยอลเองก็ค่อยๆขาดหายไปทีละนิดเช่นกัน หัวใจของเด็กหนุ่มเต้นถี่รัวเร็วเสียจนชานยอลยังกลัวว่ามันจะหยุดเต้นไปเสียดื้อๆ ดวงตาพร่ามัวเพราะม่านน้ำตาที่ยังคงไหลรินไม่ยอมหยุด สองมือของชานยอลปิดปากไว้เพื่อกลั้นไม่ให้ใครได้ยินเสียงสะอื้นของตัวเอง กายบางขยับแนบชิดมุมพนังมากเข้าไปอีก พยายามที่จะแทรกตัวกับความมืดให้มากที่สุด บานประตูไม้ค่อยๆถูกเปิดออกอย่างช้าๆ... และแผ่วเบา หยดน้ำตาหนึ่งหยดไหลหยดลงพื้นและซึมหายไป
...คริส ได้โปรดช่วยฉันด้วย!!!... แม้ว่าจะร่ำร้องเรียกไปมากแค่ไหน ชายหนุ่มก็ไม่กลับมาอยู่ข้างกายตน บานประตูค่อยๆอ้าเปิดกว้างเหมือนกันที่ชานยอลค่อยๆปิดเปลือกตาลงเพื่อรอให้คนที่เปิดประตูเข้ามาปลิดชีวิต เพราะถึงอย่างไรตนก็คงจะสู้อะไรไม่ได้อยู่แล้ว บานประตูลั่นเสียงเบาๆในความรู้สึกที่มืดมิด ชานยอลเพียงแค่ภาวนาว่าตนนั้นจะไม่เจ็บปวดตอนที่โดนทำร้ายก็เท่านั้น แต่ถ้าเป็นไปได้ชานยอลอยากจะร้องขอให้ตนได้พบกับคริสก่อนที่จะตาย...
“เฮ้ย นั่นใครน่ะ!!!!” เสียงตะโกนของใครก็ไม่รู้ดังขึ้นแล้วมันผู้นั้นที่เปิดประตูก็ปล่อยแล้ววิ่งหนีออกไป หูของชานยอลได้ยินเสียงวิ่งจากไป บานประตูนั้นถูกเปิดออกพร้อมกับเจ้าของเสียงนั้นเดินเข้ามา
“เป็นอะไรหรือเปล่าคุณหนูชานยอล ปลอดภัยดีใช่ไหมครับ” ชานยอลค่อยๆเปิดตามองคนที่มาช่วยตนไว้ ชายวัยกลางคนที่ยืนอย่างนอบน้อมอยู่หน้าประตู ชานยอลค่อยๆลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกมาจากมุมมืด แสงสว่างที่สาดเข้ามาในห้องนี้มีเพียงน้อยนิด ชายวัยกลางคนที่ชานยอลเคยเห็นหน้าและเดินสวนกันไม่บ่อยครั้งนัก คุณลุงคนสวนที่เขาเคยเห็นนั่นเอง ไว้ใจจนลืมนึกไปเสียสิ้นว่าคนตรงหน้ารู้จักชื่อตนได้อย่างไร
“ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณครับ แต่ว่ากลอนประตูมัน...” ชายวังกลางคนมองที่ประตูก่อนจะพยักหน้าเข้าใจ
“เดี๋ยวลุงจะมาซ่อมให้นะ ถ้ายังไงก็ปิดห้องไว้ก่อนนะคงจะไม่มีอะไรอีกแล้วล่ะ”
... และตลอดคืนนั้นชานยอลก็ได้หลับสนิทเสียที ...
อากาศอุ่นๆที่แสนสบายที่โอบล้อมไว้นี้ทำให้เด็กหนุ่มไม่อยากลืมตาตื่นเลยแม้แต่น้อย กายบางพลิกตัวไปอีกฝั่งอย่างยากลำบาก หัวคิ้วขมวดมุ่นอย่างไม่สบายตัวเท่าใดนัก แต่ทว่าความอบอุ่นที่คุ้นชินกลับเรียกเปลือกตาบางให้ลืมขึ้นได้ไม่ยาก เปลือกตาบางกระพริบถี่เพื่อปรับโฟกัสและมองใบหน้าหล่อคมที่ไมได้เห็นมาหลายวันที่ห่างออกไปเพียงคืบ ชานยอลยกมือขึ้นไล้โครงหน้าของคนที่กำลังนอนหลับอยู่นี้เบาๆ ก่อนจะเลื่อนมือลงมาเปิดปกเสื้อเชิ้ตของอีกฝ่ายดู กลิ่นกายของคนที่โอบกอดอยู่นี้ยังคงเป็นกลิ่นเดิมเพียงแค่นี้ปาร์คชานยอลก็ระบายยิ้มได้ทันที
รู้สึกปลอดภัยและวางใจมากที่สุด คนที่รอคอยกลับมาแล้ว กลับมาอยู่ข้างกายชานยอลแล้ว... อ้อมแขนยาวกระชับอ้อมกอดคนที่นอนดิ้นยุกยิกเข้ามาแนบชิด ชิดเสียจนปลายจมูกสัมผัสกัน กลีบปากอิ่มวาดรอยยิ้มอีกครั้งก่อนที่จะปิดเปลือกตาลงและเข้าสู่ห้วงนิทราไปในอ้อมกอดที่แสนโหยหาและคิดถึงอีกครั้ง เปลือกตาหนาลืมขึ้นเพียงนิดก่อนที่จะปิดลงดังเดิม มุมปากยกขึ้นยิ้มด้วยยากที่จะคาดเดาสิ่งที่หลบซ่อนหลังเปลือกตานี้... คริสไล้ลูบแผ่นหลังบางเบาๆก่อนที่ทั้งคู่จะโลดแล่นอยู่ในห้วงฝันเดียวกัน .. ในอ้อมกอดของกันและกัน
น่าแปลกที่วันนี้ชายหนุ่มตื่นสายกว่าทุกครั้ง อาจจะเป็นเพราะเพิ่งเดินทางมาถึงก็เป็นได้ ชานยอลก้มหัวขอบคุณคุณลุงคนสวนที่มาซ่อมกลอนประตูให้ก่อนจะยกสำรับอาหารที่วันนี้คุณแม่บ้านจากบ้านใหญ่ทำมาให้อีก อาจจะเพราะเจอเรื่องน่ากลัวมาเมื่อคืนก็เป็นได้ กลิ่นอาหารหอมๆปลุกให้คนขี้เซาลืมตาตื่น เมื่อเปลือกตาลืมขึ้นสิ่งแรกที่เห็นก็เป็นดั่งใจคิด รอยยิ้มกว้างๆของคนที่รักที่สุด
“ตื่นแล้วเหรอ นอนขี้เซาเป็นบ้าเลย~” เสียงหวานเอ่ยล้อพร้อมกับลุกขึ้นเดินมาหา ชายหนุ่มอ้าแขนออกรอรับคนที่ลงนอนพิงตัวของตนไว้ในอ้อมแขน ริมฝีปากได้รูปกดสัมผัสลงที่แก้มเนียนเบาๆก่อนจะถอนออก
“ก็ฝันถึงใครก็ไม่รู้ ก็เลยไม่อยากตื่น” ใบหน้าหล่อคมที่ยิ้มส่งมานั้น ชานยอลปฏิเสธไมได้เลยจริงๆว่ามันช่างดูงดงามราวกับรูปปั้นแกะสลักเสียจริง
“ถ้าอย่างนั้นก็อย่าตื่นจากฝันเลยนะ ... อย่าไปกับคนอื่นนะ” ชานยอลสะอื้นไห้ซบลงที่อกกว้างของคนที่โอบกอดอยู่นี้ ชายหนุ่มขมวดคิ้วมองคนที่ตัวสั่นเทาราวกับลูกนกเปียกฝนในอ้อมกอดด้วยความไม่เข้าใจ
“เป็นอะไรไหนบอกสิ หื้ม?” ชานยอลส่ายหน้าไปมากับอกอุ่นๆที่รองรับน้ำตา คริสจับชานยอลให้ละออกก่อนที่ตนนั้นจะลุกขึ้นนั่งแล้วโอบชานยอลเข้าสู่อ้อมแขนอีกครั้ง
“ไหนบอกมาสิ ทำไมถึงพูดว่าฉันจะไปกับคนอื่น” ชานยอลเงยหน้าขึ้นมองเจ้ากอดวลีนั้นก่อนที่จะทุบลงที่แผ่นอกกว้างนั้นหลายๆที
“คนใจร้าย คนโกหก ทำไมถึงต้องโกหกด้วย ไม่รักฉันแล้วเหรอคริส” ดวงตาที่โปนอยู่แล้วของชานยอลยิ่งบวมช้ำมากเข้าไปใหญ่เพราะเจ้าตัวร้องไห้อย่างหนักแทบจะทุกวัน ชายหนุ่มไม่เข้าใจจึงได้แต่โอบกอดร่างที่สั่นเทิ้มไว้เสียแน่น
“ใครบอกว่าไม่รักกันหื้ม? ถ้าไม่รักจะอยู่ข้างๆตลอดเลยหรือไง?” ชานยอลผละหน้าออกจากอกที่ซบแล้วทำปากยู่ใส่อีกคน
“ก็ถ้ารักแล้วทำไมไม่บอกล่ะว่าจะไปหายัยผู้หญิงคนนั้นอ่ะ อย่าคิดว่าไม่รู้นะ!!!” คริสเลิกคิ้วอย่างสงสัยก่อนจะพยักหน้าเข้าใจ
“อ๋อ หลินเหมยน่ะหรือ? ฉันไม่ได้คิดอะไรกับเขาก็แค่ไปบอกว่ายกเลิกการดูตัวเท่านั้น ส่วนเรื่องที่ทำเอกสารน่ะเรื่องจริงนะ ส่วนแม่น่ะก็แค่หลอกให้ฉันกลับไปจีนเฉยๆ” ชานยอลพองสองแก้มแล้วลุกออกจากอ้อมกอดของชายหนุ่ม นั่งกอดอกหันหลังให้ใครอีกคน
“อย่าโกรธเลยนะนกน้อย... ต่อจากนี้จะไม่หนีไปแล้ว เราจะอยู่ด้วยกันตลอดไปเลยนะ” อ้อมแขนยาวที่กอดรวบตัวชานยอลเข้าไปแนบชิด เสียงทุ้มที่กระซิบชิดใบหูเรียกสีแดงเรื่อจากแก้มของคนโดนกอดได้ไม่อยาก ..นกน้อยที่แสนสั่นเทาบินเข้าสู่อ้อมอกของผู้เป็นนายอีกครั้ง..
“อื้อ..คริส” กายบางค่อยๆเอนลงนอนบนฟูกหนาโดยมีชายหนุ่มขึ้นคร่อมทับ เปลือกตาบางปิดลงรับสัมผัสอุ่นที่แตะไปทั่วใบหน้าของตน สัมผัสหวานล้ำที่กลีบปากอิ่มตอบรับสัมผัสอย่างวามไหว เรียวนิ้วเสลาสอดเข้าประสานจับกับมือนิ่มที่กดบีบจิกลงหลังมือมา รอยแดงทั่วลำคอระหงส์เป็นเครื่องย้ำเตือนว่านกน้อยตัวนี้มีเจ้าของแล้ว รสสัมผัสหนักหน่วงที่แทรกเข้ามาสอดประสานกับร่างตนที่ถดรับสัมผัสนั้นช่างคุ้นในความรู้สึกและคุ้นในความสัมผัส การหยอกเอินที่คอยแต่จะสร้างความรัญจวนให้ตนนั้นช่างคุ้นชินเสียจนย้ำไปในหัวใจว่าหลายๆครั้งหรือแม้แต่ความรู้สึกเมื่อคืนก่อน .. มันซ้อนทับกัน .. เปลือกตาบางค่อยๆลืมขึ้นมองคนที่ทาบทับอยู่ด้านบน เงาที่คล้ายกับคนในฝันหรือเรื่องจริงที่เกิดขึ้นนั้นช่างคล้ายกับเงาของคนตัวสูงกว่าที่ทาบอยู่บนตัวยิ่งนัก ชานยอลเอียงหน้าไปมองโต๊ะทำงานที่ชิดริมผนังอยู่ที่เดิมก่อนจะยกยิ้มขึ้นมาบางๆ
...ยัยผู้หญิงคนนั้นน่ะ จะหลินเหมยหรือจะแพนด้าอะไรก็ช่างเถอะ ฝันไปเถอะว่าจะได้ตัวคริสไป ฉันไม่มีวันยกให้หรอก ต่อจากนี้เราจะไม่แยกจากกันอีกเด็ดขาด!!...
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น