ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fic Kris x Chanyeol (KrisYeol) - The Time of Love [END]

    ลำดับตอนที่ #7 : Episode 2 : Who are you? – 2

    • อัปเดตล่าสุด 4 พ.ย. 55


    อู้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย แลดูทุกคนชอบฮาโลวีนเราจัง งั้นเราควรแต่งบ่อยๆใช่ป่ะ? 5555555

    ดีใจที่ชอบค่ะ ^^

    ________________________________


       ...ไม่ว่าเจ้าจักอยู่ที่ใด ข้าก็จักตามหาเจ้าให้พบ...
       ...นกน้อยของข้า ข้ารักเจ้า เจ้าได้ยินหรือไม่...
       ...นกน้อยของข้า เจ้าคือคนเดียวของชีวิตที่ข้าอยากปกป้องมากที่สุด...


       เปลือกตาบางค่อยๆลืมขึ้นพร้อมกับหัวคิ้วที่ขมวดมุ่น ชานยอลมักจะฝันถึงเสียงเดิมๆซ้ำๆกันอยู่ทุกคืน ภาพในความฝันดำมืดแต่ทว่าเสียงนุ่มที่ฟังดูคุ้นเคยและอบอุ่นหัวใจกลับพูดวนซ้ำไปซ้ำมาทุกคืน เปลือกตาบางกระพริบปริบๆเมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาแล้วก็เจอเข้ากับตู้เก็บหนังสือที่คุ้นเคย อ้อมแขนยาวที่โอบกอดแนบแผ่นอกกับหลังของตนนั้นเรียกอาการร้อนผ่าวที่แก้มได้ไม่ยากเลย

       อ้อมแขนยาวขยับกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นและชานยอลก็รับรู้ว่าใครอีกคนตื่นนอนแล้วแต่เปลือกตาหนายังไม่ลืมขึ้นต้องใช้เวลาสักพักก่อนที่จะลืมตา ห้องเล็กๆนี้เป็นของชายหนุ่มที่ชานยอลมักจะมานอนแทบจะทุกคืน บ้านหลังเล็กๆในบริเวณบ้านหลังใหญ่ที่ชายหนุ่มมาเช่าอาศัยแต่ชานยอลกลับไม่เคยได้เห็นเจ้าของบ้านหลังใหญ่เลย ของในห้องนี้แทบจะไม่มีอะไรเลยแม้แต่เตียง จะมีก็แค่ฟูกนอนเท่านั้น

       “ตื่นนานหรือยัง” น้ำเสียงนุ่มมาพร้อมกับรอยสัมผัสที่ข้างแก้ม ชานยอลพลิกตัวไปหาคนที่นอนซ้อนอยู่ด้านหลังแล้วส่ายหน้า

       “เปล่า ละเมออยู่ ฮ่าๆๆๆ” เล่นเอง ขำเองจนชายหนุ่มชินเสียแล้วล่ะ คริสพลิกตัวนอนหงายแล้วยกมือขึ้นก่ายหน้าผากไม่สนใจคนที่นอนหัวเราะกับมุก(แป้ก)ของตัวเองอีกเลย

       “ไม่ขำหรอ?” ชานยอลเป็นฝ่ายนอนคว่ำหน้าแล้วเกยหน้ากับอกของชายหนุ่มแล้วถามด้วยดวงตากลมแป๋ว

       “ฮ่าๆ ขำมากครับ” หัวเราะแหะๆแบบไม่เต็มใจส่งไป แต่ชานยอลกลับหัวเราะชอบใจเสียงอคว่ำงอหงาย

       “เห็นไหมล่ะ ขำเนอะ~ จะว่าไปฉันน่าจะไปออดิชั่นแสดงตลกเนอะ” ชายหนุ่มเพียงแค่กระตุกยิ้มเฉยๆไม่เอ่ยตอบอะไรออกไป

       “คริสอ่า~” ปลายน้ำเสียงอ้อนๆ ดวงตากลมโตทอแววระยิบ สองมือที่กอดแขนของตน พร้อมกับใบหน้าที่แหงนมอง

       “ทำไมไม่อยากไปทำงานใช่ไหมล่ะ?” ชานยอลพยักหน้ารับแล้วก้มหน้าลงไถตรงไหล่หนาเบาๆ คริสควานหามือถือใต้หมอนออกมากดเบอร์โทร

       “งั้นโทรไปลางานเลยแล้วกันนะ” ชานยอลคว้าหมับที่มือถือแล้วกดตัดสายที่โทรออกไปแล้วอย่างฉิวเฉียด

       “ไม่เอาๆ พูดไปอย่างนั้นแหละแต่ว่าจะว่าไปก็ขี้เกียจจริงๆนะ” ชานยอลลุกขึ้นนั่งแล้วขยี้ผมของตัวเองเสียฟูฟ่อง ชายหนุ่มที่นอนมองอยู่เพียงแค่ขำเบาๆ คนตัวบางหันตัวกลับมามองหน้าคนที่นอนเอาหัวพิงพนังด้วยปากยู่ๆ

       “ก็ลางานไง” ชานยอลโยนมือถือคืนคนที่รับมันได้อย่างแม่นยำแล้วนั่งเท้าคางกับขาที่นั่งขัดสมาธิของตัวเอง

       “แล้วเด็กๆล่ะ ไม่ได้หรอกลางานไม่ได้ๆ .... คริสอ่า ขี้เกียจอีกแล้วอ่ะ อาบน้ำให้ด้วยนะ” ชานยอลยิ้มกว้างๆแล้วยื่นมือทั้งสองข้างไปหาชายหนุ่มที่ยังคงนอนพิงหัวกับพนัง

      “งั้นก็ไปอาบน้ำเลยไหมจะได้ไปทำงานกัน” ชานยอลพยักหน้ารับคำแล้วเพียงไม่นานร่างทั้งร่างก็ลอยหวืดขึ้นจากพื้นฟูกนอน แล้วคนเคยตัววันนี้ก็ไม่ได้อาบน้ำเองอีกแล้วโดยมีคนตามใจคอยปรนนิบัติอยู่ไม่ห่าง จะว่าไปเกิดเป็นปาร์คชานยอลนี่ก็ดีแบบนี้นี่เองเนอะ~

       คริสและชานยอลเดินจับมือกันมายังโรงเรียนอนุบาล แม้ว่าฟ้าจะยังไม่สว่างมากแต่ทว่าทั้งคู่กลับเดินคุยกันโดยที่ไม่มองทางเลยคล้ายดั่งเคยชินกับทางเดินลาดชันแบบนี้ ชานยอลเองก็สรรหาเรื่องมาเล่ามาให้ชายหนุ่มฟัง มุขตลกๆที่พูดออกไปก็ไม่ได้ทำให้ชายหนุ่มขำขันตามตัวเองเลยแม้แต่น้อย เสียงหัวเราะร่าเริงค่อยๆแผ่วลงจนเงียบสนิท ใบหน้าน่ารักพองลมเต็มแก้มก่อนจะสะบัดมือออกแล้วเดินนำไปเลย

       ชายหนุ่มที่เดินตามหลังวาดรอยยิ้มก่อนจะก้าวยาวๆเข้าไปให้ประชิด สองมือเอื้อมออกไปโอบรอบคอคนข้างหน้าที่เดินงอนนำลิ่วไปแล้วมาประชิดตัว ใบหน้าน่ารักที่ยังทำแก้มป่องไม่ยอมหันไปมองคนด้านหลังที่เข้ามาง้อเลยแม้แต่น้อย คริสยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆก่อนจะฝากสัมผัสไว้กับแก้มนิ่มที่พองลมนั้น

       “หายงอนหรือยังหื้ม?” คนโดนง้อหันมาฉีกยิ้มกว้างแล้วพยักหน้า
      
       “หายแล้วก็ได้ แต่ว่าคืนนี้ก็นวดหลังให้อีกนะแล้วก็อาบน้ำให้ด้วยนะ” คริสก้มหน้าลงเอาหน้าผากของตัวเองแนบกับหน้าผากสวยของชานยอลไว้ เจ้าตัวก็หัวเราะคิกคักอย่างชอบใจ

       กว่าที่จะเดินมาถึงโรงเรียนได้ก็ทำเอาเกือบเข้าโรงเรียนไม่ทันเพราะแอบแว่บไปทานมื้อเช้าในมินิมาร์ทก่อนเข้าโรงเรียน แม้จะฉิวเฉียดแต่ผู้อำนวยการก็มองตาเขียวอยู่เหมือนกัน ทั้งสองกำลังจะเดินไปยังห้องประชุมเพื่อประชุมงานกันประจำในทุกๆเช้าแต่ทว่าชายหนุ่มภูมิฐานในสูทดำที่ยืนยิ้มอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลนั้นเรียกคิ้วขมวดสงสัยจากชานยอลได้ไม่ยาก เมื่อเดินเข้าไปใกล้ๆใบหน้าหล่อคมที่ส่งยิ้มกว้างๆมาให้...

       “รุ่นพี่ซุกแจ!!!” ชานยอลปล่อยมือที่จับกุมกับคริสแล้ววิ่งเข้าไปหารุ่นพี่ที่อ้าแขนรอรับ คนตัวบางกอดรุ่นพี่ที่แสนเคารพด้วยความคิดถึงก่อนจะถอยออกมายืนกอดอกทำหน้าเชิด
     
       “พี่หายไปไหนมาอ่ะ ติดต่อก็ไม่ได้พวกที่คณะเป็นห่วงกันหมดเลยแล้วนี่พี่มาทำอะไรที่นี่ครับ” ฝ่ามือใหญ่โยกหัวรุ่นน้องแสนซนเหมือนดั่งเดิมสมัยมหาลัยแต่ใครอีกคนที่ไม่มองไม่ได้รับรู้ด้วย

       “ก็ไปเป็นครูที่เกาะทางใต้มาน่ะ แต่ตอนนี้กลับมาเป็นรองผู้อำนวยการที่นี่ล่ะ”

       “ว๊าว~ จริงเหรอดีเลยๆๆ คืนนี้ต้องนัดรวมตัว!!” ชานยอลกระโดดโลดเต้นคล้ายกับเด็กเล็กๆได้ของเล่นชิ้นใหม่จนละเลยชิ้นเก่าที่ยืนมองด้วยสายตาที่ไม่อาจคาดเดาอารมณ์ได้

       “ไปประชุมกันเถอะ นี่ก็ใกล้จะได้เวลาล่ะ” รุ่นพี่เดินไปโดยมีชานยอลเดินแนะนำโรงเรียนแห่งนี้อยู่ข้างๆ ชายหนุ่มที่อยู่นอกบทสนทนาก็ได้แต่มองจ้องและเดินตามไปเงียบๆ ไม่เอ่ยปากพูดและไม่แสดงอะไรออกไป ชานยอลที่เดินหัวเราะเคียงข้างคนอื่นนั้นไม่รู้ทำไมหัวใจของชายหนุ่มถึงเจ็บยิ่งนัก นกน้อยในอ้อมอกบินจากอกของเจ้านายแสนรักไปเสียแล้ว...

       และตลอดวันนี้ชานยอลก็ตัวติดกับซุกแจเสียจนลืมใครอีกคนไป หลังจากมื้อกลางวันของเด็กๆรองผู้อำนวยการคนใหม่ก็ต้องกลับไปนั่งคุยแผนงานกับผู้อำนวยการและนั่นแหละที่ทำให้คนตัวบางถึงรู้ว่าตนนั้นลืมใครอีกคนที่ยืนซ้อนหลังอยู่นี้ไปเสียสนิท

       เงาดำที่พาดผ่านตนนั้นแค่นี้ก็รับรู้ได้แล้วว่าคนด้านหลังโกรธอยู่ไม่น้อย ใบหน้าน่ารักยู่หน้าแล้วอยากจะเขกหัวตัวเองเสียจริงกับนิสัยที่พอเจอคนรู้จักแล้วจะลืมเพื่อนข้างตัวไปเสียสนิท ชานยอลค่อยๆหมุนตัวกลับมาหาคนที่ตีหน้าขรึมอยู่ด้านหลังด้วยใจเต้นตุ้มต่อม

       “คริสอ่า...” ใบหน้าน่ารักยิ้มกว้างแล้วตรงเข้ากอดแขนของชายหนุ่มที่ตีหน้าขรึมแต่ดวงตาเรียวที่มองจับจ้องมานั้นทำเอาหนาวไปทั้งขั้วหัวใจและชายหนุ่มก็ไม่เอ่ยตอบรับอะไรออกไปสักคำนั่นยิ่งทำให้หัวใจของนกน้อยเหี่ยวลงทันที

       “คริสอ่า ขอโทษอย่าโกรธเลยนะ ... นะๆๆ” ปลายเสียงอ้อนคนที่เมียนมองมาอย่างน่ากลัวแต่ก็รู้สึกว่าจะไม่ได้ผล ชานยอลเลยปล่อยแขนนั้นแล้วเดินมาประจันหน้ากันก่อนจะยิ้มกว้างๆจนเห็นฟันครบทุกซี่และดวงตาที่กลมโตก็เล็กหยีเป็นเสี้ยวพระจันทร์

       “คือ..รุ่นพี่เขาเป็นรุ่นพี่ที่ดูแลเราสมัยเรียนมหาลัยอ่ะ ก็แบบว่าไม่ได้เจอกันนานมากตั้งแต่พี่เขาเรียนจบ แล้วแบบว่า...เอ่อ....” ทำไมยิ่งเล่า ยิ่งเหมือนแก้ตัวก็ไม่รู้ ซ้ำคนที่รับฟังยังตีหน้านิ่วเครียดไม่หายอีกแน่ะ คือปาร์คชานยอลจะร้องไห้แล้วนะครับ~

       “คริสอ่า .. อย่าทำหน้าแบบนี้สิ ..อึก... ฮือออ...” แล้วปาร์คชานยอลก็ร้องไห้จริงๆ คนตัวบางโผเข้ากอดชายหนุ่มที่ยังยืนตีหน้านิ่ง เสียงสะอื้นกับหยดน้ำตาที่ซอกคอนั้นเรียกรอยยิ้มบางๆจากชายหนุ่มได้ไม่ยาก อ้อมแขนยาวโอบรัดร่างที่สะอื้นนี้แล้วลูบกลุ่มผมนิ่มเบาๆ คนที่กำลังร้องไห้อยู่วาดรอยยิ้มที่กลีบปากอิ่มก่อนจะแลบลิ้นและแอบชูสองนิ้วด้านหลังคนกอด ง้อผู้ชายคนนี้น่ะไม่ยากเกินความสามารถของปาร์คชานยอลหรอก~ *ชูสองนิ้ว*

       “ถ้าอย่างนั้นคืนนี้ก็มานอนที่ห้องนะ” ดวงหน้าน่ารักที่แดงเรื่อจากการร้องไห้ผละออกมองใบหน้าที่อ่อนโยนของคริสอีกครั้ง แก้มขาวอมลมเสียจนแก้มป่องแล้วก้มหน้าลงส่ายหัวดุ๊กดิ๊ก

       “กลับไม่ได้อ่า ... คือ.. คืนนี้จะไปเลี้ยงรวมภาควิชาอ่ะ คือ....” นัยน์ตากลมเงยขึ้นมองก็ต้องสะดุ้งวาบอีกรอบเมื่อใบหน้าที่แสนอ่อนโยนโมโหอีกแล้ว แง๊~ ปาร์คชานยอลอยากมุดดินหนี!

       “คือว่าๆๆ กลับดึกได้ไหม นะๆๆ เที่ยงคืนกลับ!!” คว้าแขนของชายหนุ่มมากอดแต่สายตาที่ตวัดมองมาก็เล่นเอาขนลุกไปทั้งร่าง ปาร์คชานยอลคืนนี้แกตายแน่ๆ

       “ถ้าเที่ยงคืนไม่กลับ....?”

       “ยอมให้ตีเลยเอ้า!!!” แล้วชายหนุ่มที่ยิ้มอยู่ตลอดเวลาก็วาดรอยยิ้มออกมาอีกครั้งเมื่ออีกฝ่ายสัญญาไว้แล้ว


       เข็มนาฬิกาชี้บอกเวลาไว้ว่าตีสองแต่ข้างกายกลับไร้คนตัวบางที่จะต้องนอนอยู่ข้างๆ ปลายเรียวนิ้วกดเบอร์โทรออกก่อนจะยกมือถือเครื่องสวยมาแนบหูรอฟังปลายสาย เมื่อปลายสายกดรับกลับไม่ใช่เสียงเจ้าของมือถือเสียนี่ เสียงที่คุ้นหูและจำได้ขึ้นใจกำลังเมาและพูดอะไรไม่รู้เรื่องอยู่ไกลลิบๆ เพียงแค่นั้นเรียวนิ้วก็กดตัดสายทิ้งทันที ดวงตาเรียวมองตรงไปด้านหน้าไร้จุดหมายและแววตาดูน่ากลัวยากที่ชานยอลจะได้เห็นมัน

       วันนี้ชานยอลมาถึงโรงเรียนสายกว่าปกติมากเพราะคุณครูแสนโก๊ะต้องกลับบ้านตนเองก่อนที่จะย้อนกลับมาที่โรงเรียนแถมยังเสียเวลาที่วิ่งลงเนินมาชนเสาไฟฟ้าอีก วันนี้ชานยอลมัดครึ่งหัวมาเหมือนเดิมและเลือกที่จะผูกโบว์มาด้วยเพื่อง้อใครบางคน คนตัวบางเดินตรงดิ่งพร้อมกับรอยยิ้มกว้างๆเดินเข้าไปหาชายหนุ่มที่ยืนรอรับเด็กนักเรียนอยู่หน้าประตูแต่เมื่อชายหนุ่มหันมาเห็น คริสก็หันหลังเดินออกจากที่ตรงนั้นไปเลย ดวงตาโตกระพริบตาปริบๆมองแล้วก็ต้องเป็นตนที่ยืนทำหน้าที่แทน

       เมื่อประตูโรงเรียนปิดลงชานยอลก็วิ่งกลับห้องเรียนทันทีเพื่อที่จะคุยกับชายหนุ่มแต่ทว่าพอเข้าใกล้ชายหนุ่มก็เดินหนีเสียทุกที ชานยอลเลยได้ทีแย่งเก้าอี้หนูเมสันนั่งแล้วยืมสมุดของหนูเมสันมาเขียนอะไรยุกยิกแล้วฉีกหน้านั้นพับเป็นนกตัวเล็กฝากให้หนูเมสันเอาไปให้คุณครูคริสที่กำลังนั่งเล่นกับหนูมินซอกอยู่ด้านหลังห้อง

       “คุณครูคริสฮะ” หนูเมสันเดินดุ๊กดิ๊กไปหาคุณครูที่นั่งเล่นปั้นดินน้ำมันกับหนูมินซอก เห็นแล้วเมสันก็อยากงอนคุณครูคริสที่ไม่ยอมมาเรียกตัวเองให้ไปเล่นด้วยแต่ว่าต้องช่วยให้คุณครูชานยอลของหนูเมนสันคืนดีกับคุณครูคริสก่อน หนูเมสันค่อยงอนคุณครูคริสก็ได้~!

       “ขอบคุณครับ” ชายหนุ่มรับนกตัวน้อยจากหนูเมสันที่ยิ้มแป้นยื่นสองมือมาให้ เรียวนิ้วแกะตัวนกออกก่อนจะเก็บลงกระเป๋าโดยที่ไม่สนใจคนส่งเลยแม้แต่น้อย ชานยอลที่มองอยู่ยู่ปากอย่างขัดใจ

       จรวดลำน้อยร่อนไปตกลงยังบนโต๊ะตรงหน้าของชายหนุ่มที่นั่งจัดเรียงเอกสารในห้องพักครู เรียวนิ้วหยิบมันขึ้นมาแล้ววางไว้ข้างๆไม่ยอมแกะอ่าน คนร่อนจรวดลำน้อยนั้นอมลมแก้มป่องอีกครั้งก่อนจะตัดสินใจลุกขึ้นเดินไปหาแต่คริสกลับลุกขึ้นเดินหนีไปอีกแล้ว ช่วงขาที่ยาวกว่านิดหน่อยก้าวยาวๆออกจากห้องไปและชานยอลก็ก้าวตามแต่ทว่าบานประตูเจ้ากรรมก็มาขวางหน้าเสียนี่ คนตัวบางเลยได้ทีชนเข้าไปเสียโครมใหญ่แต่คนที่เดินนำไปก็ไม่หันกลับมาสนใจเลย ฉันจะน้อยใจนายแล้วนะไอ้คริสหน้าแป้น!!!!

       “เป็นอะไรหรือเปล่าน่ะเรา” รุ่นพี่ซุกแจเข้ามาประคองคนที่ยืนกุมหน้าผากน้ำตาคลอ ชานยอลชะเง้อคอมองคนที่เดินไปไม่หันกลับมาสนใจแล้วก็น้อยใจอยู่ลึกๆ เพราะชายหนุ่มไม่เคยละเลยตนแบบนี้เลย ไม่มีสักครั้งที่ชายหนุ่มจะเดินเลยผ่านไปไม่หันมาสนใจแบบนี้ ก้อนสะอึกจุกในลำคอพาลให้น้ำตาจะไหลรินเป็นสาย

       “ไม่ครับพี่ ผมขอตัวก่อนนะ” ชานยอลผละแขนของรุ่นพี่ที่เคารพออกแล้ววิ่งตามแผ่นหลังของคนที่เดินเลี้ยวไปยังหลังโรงเรียน ชายหนุ่มยืนพิงกำแพงแล้วล้วงมือเข้ากระเป๋ากางเกงมันดูเท่มากในสายตาของคนที่วิ่งตามหลังมาแต่ตอนนี้ชานยอลกำลังงอนอยู่นะ!!

       “คนใจร้าย!!” สองมือทุบเข้าที่อกของคนใจร้ายดั่งปากว่าแรงๆ หยดน้ำตาเม็ดใสไหลรินอาบแก้มขาว ใบหน้าน่ารักแดงเรื่อเพราะการร้องไห้และหน้าผากที่ชนประตูเมื่อครู่ไม่ได้ทำให้สายตาเย็นชาของชายหนุ่มอ่อนโยนลงเลยสักนิด

       “เรารู้จักกันด้วยเหรอ” คำพูดตัดสัมพันธ์เพียงประโยคเดียวแต่เหมือนกับหัวใจดวงน้อยได้ถูกบีบจนแหลกสลาย คนตัวบางที่กลั้นสะอื้นไม่ไหวลงนั่งยองๆต่อหน้าคนที่ยืนมองอย่างเย็นชา ชานยอลก้มหน้าลงซุกเข่าแล้วปล่อยสะอื้นไม่อายใครแล้ว ไม่เคยมีครั้งไหนเลยที่คนตรงหน้าจะทำแบบนี้กับตนเลยสักครั้ง ไม่ว่าตนนั้นจะทำผิดหรือเอาแต่ใจแค่ไหนคริสก็ไม่เคยพูดตัดรอนแบบนี้ ดวงตาเรียวมองนกน้อยที่สั่นเทาอยู่ปลายเท้าเพียงเสี้ยวก่อนจะเดินออกจากตรงนั้นไป

       “อย่าไปนะ” ชานยอลลุกขึ้นแล้ววิ่งไปสวมกอดชายหนุ่มจากด้านหลังรั้งอีกคนไว้ไม่ให้เดินหนี คริสจับสองมือที่กอดเอวตนไว้แต่ไม่ได้ผละออก หยดน้ำอุ่นที่แผ่นหลังนั้นทำให้รู้ว่าคนด้านหลังนั้นร้องไห้หนักเพียงไหน

       “อย่าไปนะ...ไม่เอานะคริส.. อย่าไปนะ .......ไม่ให้ไป ฮือออออ...” ยืนให้คนตัวบางกอดซับน้ำตาอยู่นานก่อนที่ชายหนุ่มจะปลดสองมือนั้นออกจากตัว ชานยอลรีบวิ่งไปดักด้านหน้าแล้วเข้าสวมกอดชายหนุ่มเต็มอ้อมกอดไม่ให้คริสได้ก้าวไปไหนได้เด็ดขาด

       “ขอโทษจะไม่ทำอีกแล้ว อย่าเดินหนีเลยนะ ... ยอมให้ตีก็ได้” ชานยอลยื่นสองมือไปหาชายหนุ่มที่ยืนทำหน้านิ่งไร้ความรู้สึก เพียงแค่สบดวงตาแสนเย็นชาหัวใจของชานยอลก็แหลกสลายแทบไม่เหลือชิ้นดีแล้ว ฝ่ามือใหญ่จับลงที่สองมือที่แบยื่นมาหมายให้ตี กลีบปากอิ่มวาดรอยยิ้มเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเริ่มมีปฏิกิริยาตอบรับแต่ทว่าหัวใจที่ค่อยๆพองลมก็สลายอีกครั้งเมื่ออีกฝ่ายพูดจาเฉือดเฉือนอีกครั้ง

       “พูดจบหรือยัง? อยากไปอยู่กับเขานักก็ไปสิ หลบไปได้แล้ว” เพียงแค่นั้นเจ้านกตัวน้อยก็ทรุดลงปล่อยโฮเสียงดัง ไม่ทันได้เห็นใบหน้าแสนเย็นชาที่กระตุกรอยยิ้มเลย ชายหนุ่มหันไปมองคนที่นั่งกับพื้นร้องไห้แม้จะอยากเข้าไปกอดปลอบแต่ก็ต้องทำใจแข็งเดินจากมา การที่จะทำให้รู้ว่าใครนั้นคือเจ้าของนกน้อยตัวนี้น่ะแค่ประกาศคงไม่พอสินะ...

       คริสที่เดินออกมาจากทางเดินไปด้านหลังโรงเรียนก็เจอเข้ากับชายหนุ่มที่เพิ่งเข้ามารับตำแหน่งรองผู้อำนวยการ ดวงตาเรียวมองสบกับนัยน์ตาคมของอีกคนถ้อยคำในบทสนทนาเมื่อคืนยังคงติดหู มุมปากบางยกยิ้มเมื่อใครอีกคนเงยหน้าจากใบเอกสารขึ้นมอง ชายหนุ่มยืนเอาหลังพิงขอบบานประตูที่สามารถเดินออกไปยังสวนหลังโรงเรียนได้

       ทั้งสองมองจ้องตากันแม้ว่าผู้ที่รั้งตำแหน่งรองผู้อำนวยการจะยกยิ้มท้าทายมา ชายหนุ่มก็หาได้สนใจไม่เพียงยกยิ้มที่มุมปากธรรมดา เมื่อรองผู้อำนวยการเดินผ่านไป คริสก็หันมองตามก่อนจะยกยิ้มอีกครั้งและมองแผ่นหลังที่เดินจากไปนั้นสายตาที่คาดเดาความหมายไม่ได้

       ‘ฉันขอชานยอลคืนก็แล้วกันนะ ขอบใจที่ดูแลให้แต่ฉันกลับมาแล้ว คงจะหมดหน้าที่ของนายแล้วล่ะ’ คิดว่าทำได้ก็มาลองดูกันสักตั้งไหมล่ะคุณรุ่นพี่? ...หึหึ..

       ชานยอลเดินเข้ามาในตัวอาคารด้วยใบหน้าที่ดูไมได้เลย ดวงตากลมแดงกร่ำซ้ำยังบวมเพราะร้องไห้นาน ปลายจมูกก็แดงเสียจนเจ้าตัวยังรับรู้แม้ไม่ได้ส่องกระจกว่าตอนนี้คงดูไม่ได้แต่ถ้าใครอีกคนที่อยู่ข้างกายเสมอจะบอกว่าใบหน้าตอนนี้ของตนนั้นน่ารัก แค่คิดหยดน้ำตาก็จะไหลรินอีกแล้ว คนตัวบางเดินหลบเข้าห้องน้ำเพื่อไปล้างหน้า ใบหน้าที่สะท้อนในเงากระจกอยู่นี้ไม่ใช่ปาร์คชานยอลที่แสนร่าเริงเลยสักนิด ดวงตาและปลายจมูกที่แดงจัด ริมฝีปากแห้งแตกที่บวมช้ำจากการกัดเพื่อกลั้นสะอื้น ทั้งหมดที่สะท้อนอยู่นี้เป็นใครกัน...

       วิชาเรียนของห้องทานตะวันนั้นไม่ใช่วิชาที่ครูประจำชั้นต้องเข้าสอนดังนั้นชานยอลเลยแอบเข้าทางหลังห้องไปนั่งหลบอยู่ในบ้านของเล่นได้ มือถือสีขาวของชานยอลนอนนิ่งสนิทอยู่ในมือทั้งสองข้างของเจ้าตัว ปลายเรียวนิ้วปัดผ่านหน้าจอเบาๆก่อนที่แสงสว่างจากหน้าจอจะฉายภาพหน้าจอที่เป็นรูปของตนกับคนที่ทำร้ายจิตใจเคียงคู่กัน เพียงแค่นี้หยดน้ำตาก็ไหลรินอีกครั้ง

       ชานยอลก้มหน้าซ่อนน้ำตากับเข่าที่ยกขึ้นชันพยายามที่จะซ่อนเสียงสะอื้น แต่แล้วอยู่ๆเจ้าตัวที่สงบนิ่งก็สั่นเสียจนชานยอลสะดุ้งโหยง ข้อความจากคนที่เพิ่งทำร้ายจิตใจถูกเปิดอ่านเพียงแค่ข้อความสั้นๆว่าอยู่ที่ไหนแค่นี้เรียวนิ้วก็รีบกดพิมพ์ตอบทันที และไม่นานชายหนุ่มร่างสูง(กว่าตนนิดหน่อย)ก็เดินเข้ามาในบ้านของเล่น คนตัวบางลุกขึ้นแล้ววิ่งเข้าไปสวมกอดและครั้งนี้อ้อมแขนยาวก็กอดรัดตอบกลับมา กลีบปากอิ่มสีหวานวาดรอยยิ้มทั้งๆที่น้ำตาไหลริน หัวใจที่แหลกสลายค่อยๆหลอมประกอบเป็นดวงเดิมอีกครั้ง

       “คริสอ่า...ฮือออออออออ” ชานยอลไม่รู้ตัวหรอกว่าตัวเองนั้นกอดคนตรงหน้าแน่นแค่ไหนและก็คงไม่รู้ตัวว่าหัวใจของตัวเองนั่นกลัวมากเพียงไหน การที่อยู่โดดเดี่ยวไร้ชายหนุ่มเคียงข้างกายนั่นมันทรมานจริงๆ

       “ไม่ต้องร้องแล้ว เงียบได้แล้วเดี๋ยวคืนนี้ก็ไม่สบายอีกหรอก” เสียงนุ่มที่กระซิบอยู่ชิดใบหูยิ่งส่งผลให้นกตัวน้อยในอ้อมแขนนี้ร้องไห้หนักเข้าไปอีก

       “ไม่เอาอ่ะ ถ้าหยุดร้องเดี๋ยวคริสก็หนีไปอีกอ่ะ ..อึก... ไม่หยุดร้องเด็ดขาดอ่ะ” อยากปลอบก็อยากปลอบอยู่นะแต่ก็อยากที่จะขำเหมือนกันนั่นแหละ เรียวปากได้รูปวาดรอยยิ้มเสียเต็มแก้มก่อนที่จะหัวเราะออกมา ชานยอลผละอ้อมกอดออกก่อนจะมองหน้าคนที่หัวเราะแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ตากลมกระพริบปริบๆมองคนที่หัวเราะแบบถูกใจสุดๆแล้วตัวเองก็ยืนทำหน้าเอ๋อไปเลย

       “นี่สินะคือเหตุผลที่ละสายตาไม่ได้จริงๆ” ใบหน้าน่ารักเอียงคอมองอย่างสงสัย แต่แล้วก็ทำหน้างงได้ไม่นานชายหนุ่มก็ก้มลงประทับรอบสัมผัสที่กลีบปากเสียแล้ว ฝ่ามือใหญ่ช้อนประคองใบหน้าที่แดงเพราะผ่านการร้องไห้มานานขึ้นเชิดแล้วมอบสัมผัสที่หนักหน่วงให้ เปลือกตาบางปิดลงช้าๆรับสัมผัสที่โดนรุกล้ำ สองแขนของคนตัวบางโอบรอบลำคอของชายหนุ่มไว้แน่นเพื่อเป็นหลักไม่ให้ตนล้มพับไปเสียก่อน  จะว่าไปนานๆครั้งทะเลาะกันก็ดีเหมือนกันเนอะ ชานยอลชอบ~ *ยิ้มโชว์ฟันครบ32ซี่ ชูสองนิ้ว*

       “คริสอ่า...ห้ามพูดแบบนั้นอีกนะ ไม่เอาแล้วนะ ห้ามทิ้งฉันไว้คนเดียวอีกนะไม่งั้นจะงอนจริงๆด้วย” ชายหนุ่มมองใบหน้าน่ารักที่เชิดหน้าว่าเหนือกว่าแล้วก็ยกยิ้ม เรียวนิ้วลูบไล้แก้มอิ่มที่แดงจางๆ

       “แล้วทำไมถึงทำไมได้ล่ะ เราเป็นอะไรกันหรือไงหื้ม?” ชานยอลที่ได้ยินแบบนั้นก็ยิ่งยู่หน้าและเชิดหน้าขึ้นอีก

       “เป็นอะไรก็ได้ที่อยากเป็น! ก็ลองทำดูสิคราวนี้จะไม่ง้อแล้วด้วย” ชานยอลหันหลังให้แล้วยกมือขึ้นกอดอก อ้อมแขนยาวสอดเข้าเกี่ยวเอวเล็กมากอดไว้แนบชิด

       “ทำไมล่ะ? ไม่อยากอยู่คนเดียวงั้นสิ” ชานยอลหันมาแล่บลิ้นใส่

       “ก็รู้อยู่ว่าฉันไม่อยากยู่ห่างจากนาย ยังจะมาถามอีก!!!” แล้วก็ทุบแผ่นอกแรงๆหลายทีแต่ดูท่าคนแกล้งจะยิ่งชอบใจ คริสประสานมือตัวเองไว้ด้านหลังเอวของชานยอลดันให้คนตัวบางเข้ามาประชิดแนบจนไม่มีสิ่งใดลอดผ่านไปได้

       “ถ้าอย่างนั้นก็อย่าอยู่ห่างกันสิ”

       สามโมงเย็นคือเวลากลับบ้านของเหล่าเด็กนักเรียนตัวน้อยและคุณครูทั้งหลายก็ต้องมายืนส่งเด็กๆที่หน้าประตูเช่นเดิม คุณครูชานยอลกับคุณครูคริสเดินจับมือสอดประสานกันออกมายืนเวรที่หน้าประตูส่งผลให้คุณครูสาวทั้งหลายอิจฉา ถึงจะอิจฉาแต่ก็ชอบใจอยู่เหมือนกันที่เห็นทั้งสองคืนดีกันได้เพราะเมื่อเช้านี้ที่เห็นงอนกันนั้นพวกหล่อนไม่ชอบเอาเสียเลย

       “ชานยอลมาอยู่นี่เอง พี่ตามหาเสียทั่วเลย” ซุกแจเดินเข้ามาพร้อมกับรอยยิ้มแสนใจดี ชานยอลเองก็แย้มยิ้มรับตามแบบฉบับ

       “คืนนี้พวกแคมป์ภาคเราจะเลี้ยงต้อนรับพี่กันเราจะไปไหม” ชานยอลกำลังจะตอบตกลงด้วยนิสัยเดิมแต่ทว่าอ้อมแขนที่เกี่ยวเอวตนก็ยั้งคำตอบได้ชะงัก

       “เอ่อ....คือผม .. ขอโทษครับรุ่นพี่ ผมไปไม่ได้” นัยน์ตากลมฉายแววเศร้าใจ ซุกแจมองชานยอลแล้วก็เลยมองไปยังชายหนุ่มที่ยืนข้างๆคนตัวบางแถมยังกอดเอวเล็กนั่นไว้เสียด้วย ทำตัวเป็นเจ้าเข้าเจ้าของจริงนะ

       “แต่ว่าแก๊งค์เพื่อนเราพวกแบคฮยอน เซฮุนก็มาด้วยนะ” เพียงแค่ได้ยินชื่อเพื่อนรักทั้งสองชานยอลก็หันมาอ้อนคนข้างตัวทันที แม้ว่าคนข้างกายจะตีหน้าเครียดขึงก็ตาม

       “ขอไปได้ไหม คราวนี้ไม่กลับดึกแน่ๆ เที่ยงคืน ไม่ๆ ห้าทุ่มกลับเลย!!” นัยน์ตาสีเข้มตวัดมองคนข้างกายและชานยอลก็รับรู้ได้ว่าคนที่กอดเอวตนอยู่นี้ไม่พอใจเสียแล้ว ก็แรงบีบที่เอวน่ะน้อยเสียเมื่อไหร่ล่ะ แต่ว่านี่เพื่อนที่ไม่ได้เจอกันนานมากเลยนะ~

       “นะๆ ขอไปนะอยากไปเจอแบคฮยอนกับเซฮุนอ่ะ นะ~ สี่ทุ่มกลับก็ได้อ่ะ” สองมือขย้ำเสื้อตรงช่วงอกของคริสแล้วเขย่าขออย่างออดอ้อน

       “ถ้าไม่วางใจ คุณครูคริสจะไปด้วยก็ได้นะครับถือว่าผมชวนคุณด้วยก็แล้วกัน” ชายหนุ่มเลื่อนสายตาไปมองใครอีกคนก่อนจะยกยิ้มที่มุมปาก

       “คริสอ่า~ ขอไปนะชั่วโมงเดียวก็ได้ ไม่ๆ ยี่สิบนาทีก็ได้นะๆๆ กลับถึงบ้านสองทุ่มครึ่งแน่ๆ!!”

       “ถ้าสองทุ่มครึ่งไม่ถึงบ้าน.....?”

       “เย้~ รักคริสที่สุดเลย!!! ถ้าสองทุ่มไม่ถึงบ้านเรายอมให้ตีเลยอ่ะ!!” ชานยอลกระโดดโลดเต้นแล้วเผลกอดคริสต่อหน้าทุกคนกว่าที่คุณครูชานยอลจะรู้ตัวก็กอดไปนานหลายนาที

       “เอ่อ..... ที่เดิมไหมครับรุ่นพี่ งั้นเดี๋ยวเจอกันนะครับ” รุ่นพี่ซุกแจเพียงแค่ยิ้มแหะๆแล้วเดินจากไป คนตัวบางเองก็ก้มหน้าม้วนผมแก้เขินเหมือนกัน ใครละจะไม่เขินก็เล่นมองกันเต็มเลยอ่ะ  ถึงปาร์คชานยอลจะน่ารักแต่ก็เขินเป็นนะ!!

       “คริสอ่า...ทำไมถึงให้ไปอ่ะแล้วทำไมไม่ไปกับเราอ่ะ” คนโดนถามเพียงแค่ยกยิ้มแล้วก้มลงกระซิบชิดริมหู

      “เที่ยวให้พอเถอะ เดี๋ยวก็ไมได้ไปแล้ว”

       “ทำไมอ่ะ คริสจะขังฉันหรอ? คิๆๆ” ชายหนุ่มจุมพิตที่กลุ่มผมนุ่มเบาๆก่อนจะเอ่ยถามชิดริมหูอีกครั้ง

       “แล้วขังได้หรือเปล่าล่ะ? จริงๆก็ไม่อยากให้ออกไปไหนมาไหนอยู่เหมือนกันนะ” ชานยอลอ้าปากมองอีกคนอย่างตกใจแต่แล้วก็ฟาดเข้าที่หน้าท้องของอีกฝ่าย

       “ยังจะพูดเล่นอีกนะ” ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆก่อนจะปล่อยมือออกจากเอวเล็กที่เกี่ยวไว้มาเป็นกุมมือจับกันไว้แทน

       “ก็เดี๋ยวเย็นนี้จะไปขนเสื้อผ้าจากที่บ้านให้มาอยู่ด้วยกัน ต่อจากนี้จะได้อยู่ด้วยกันไม่ห่างไปไหนไง”

       “เฮ้ย!!! จะบ้าเหรอ!! ไมได้นะเราก็ต้องอยู่ที่บ้านกับแม่เราสิ จะทิ้งแม่ได้ยังไง” คริสเลิกคิ้วแล้วมองนกน้อยที่ตีปีกพั่บๆข้างกาย

       “แล้วทุกวันนี้นอนที่บ้านเหรอ? ไม่เป็นไรหรอกคุณแม่ท่านเก็บของไว้ให้แล้วล่ะ” และก็เป็นอีกคนที่ต้อนชานยอลเสียจนมุม คนตัวบางสะบัดมือที่จับกุมกันออกแล้วสะบัดหน้าหนีไปอีกทาง ตรงซอกรั้วด้านหลังต้นไม้ใหญ่ก็ปรากฏเงาของใครคนนั้นอีกแล้ว แม้จะสงสัยมากแต่ชานยอลก็ไมได้บอกใครและคนที่ยืนอยู่ข้างกายก็คงไม่เห็นเช่นกัน… คนนั้นเป็นใครกันนะ

       คืนนี้ชานยอลอยู่คุยกับเพื่อนๆเพียงแค่สามสิบนาทีเท่านั้น ถึงแม้จะคิดถึงและไม่ได้เจอกันนานแค่ไหนแต่ทว่าถ้าคืนนี้ผิดสัญญาอีกพรุ่งนี้คงไม่ต้องจินตนาการเลยว่าชายหนุ่มจะแสดงปฏิกิริยาแบบไหน ขนาดแค่วันนี้ยังหนักขนาดนี้เลย สองมือยกขึ้นลูบแขนเบาๆด้วยเพราะลมหนาวพัดผ่านกาย

       ชานยอลไม่ใช่คนที่จะรู้สึกถึงอะไรได้ง่ายๆแต่ในซอยที่ค่อนข้างไร้ผู้คนและตนกำลังเดินอยู่คนเดียวนี้แต่กลับได้ยินเสียงฝีเท้าสองเสียง ถ้าชานยอลไม่รู้ก็แปลกแล้วหรือเปล่า? สองเท้ารีบก้าวหนีแม้ว่าจะก้าวหนีเร็วสักแค่ไหน เสียงฝีเท้านั่นก็ยิ่งตามมาในระยะชิดใกล้ คนตัวบางไม่กล้าหันไปมองข้างหลังด้วยกลัวว่าจะเจออะไรที่น่ากลัวเข้า ด้วยภาพเมื่อเย็นที่เห็นเงาใครก็ไม่รู้นอกรั้วโรงเรียนฉายแว่บขึ้นมาเพียงแค่นั้นมือเรียวก็ล้วงหยิบมือถือขึ้นมากดหาใครอีกคนด้วยความร้อนรน

       “คริสอยู่ไหน ช่วยเราด้วย เราโดนใครก็ไม่รู้ตามมา!” เอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงร้อนรนคล้ายจะร้องไห้เสียแล้ว

       “แล้วตอนนี้อยู่ที่ไหนจะออกไปรับ ปลอดภัยดีอยู่ใช่ไหม” ปลายสายที่ถามกลับมาคล้ายจะร้อนรนเช่นกัน ชานยอลรีบเดินให้พ้นจากฝีเท้าที่ก้าวตามมา

       “ฉันอยู่ตรงทางก่อนขึ้นเนินไปบ้านคริสอ่ะ คริสอ่ามารับฉันที ฉันกลัว~” เสียงฝีเท้าที่ก้าวอยู่ด้านหลังใกล้เข้ามาทุกที ทุกที ใกล้เสียจนชานยอลรับรู้ได้เลยว่าตนกับคนนั้นห่างกันเพียงแค่สามเมตรเท่านั้น

       “รอแถวนั้นที่ที่ปลอดภัยนะจะรีบไป” ปลายสายวางไปแล้วแต่ชานยอลยังไม่กล้าเอามือถือออกจากหู กลัวว่าถ้าทำอะไรผิดไปคนด้านหลังจะวิ่งเข้ามาทำร้าย

       ชานยอลตัดสินใจวิ่งขึ้นเนินถนนสูงเพราะถ้าลงเนินไปก็จะเป็นมินิมาร์ทที่เปิดตลอด24ชั่วโมงแล้ว เสียงฝีเท้านั่นไล่ตามมากระชั้นชิดเสียจนชานยอลกลัวไปทั้งหัวใจ ม่านน้ำตาคลอรอบหน่วยตาสวย นกน้อยที่ตัวสั่นเทาทำอะไรไม่ถูกได้แต่รีบวิ่งขึ้นเนินไป เสียงฝีเท้าก็ยิ่งกระชั้นตามเข้ามาตอนนี้ไม่รู้แล้วว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป ชานยอลตัดสินใจหันกลับไปมองแต่ทว่าด้านหลังกลับไม่มีใครแม้สักคนเดียว ทางด้านหลังก็เป็นแค่เนินที่ตนเพิ่งเดินขึ้นมาไร้เงาของคนที่ตามตนมาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้

       หยดน้ำตาไหลรินเมื่อมองไปทั่วบริเวณตรงนั้นก็ไม่เจอใคร สองมือยกขึ้นปิดปากเมื่อไม่อาจทราบได้ว่าเป็นใครกันที่ตามตนมา พลันหูของชานยอลก็ได้ยินเสียงฝีเท้าจากด้านหลัง ร่างทั้งร่างแข็งทื่อคล้ายกับโดนแช่แข็งไม่กล้าที่จะหันไปดูเพราะถ้าหันกลับไปแล้วไม่เจอใครอีก หยดน้ำตาไหลรินคล้ายกับเม็ดเหงื่อที่หยดตามไรผมสีอ่อนเช่นกัน เสียงฝีเท้าด้านหลังวิ่งเข้ามาก่อนจะผ่อนฝีเท้าลง หัวใจของชานยอลก็เต้นช้าลงตามจังหวะนั้นเช่นกัน

       “ชานยอล” น้ำเสียงนุ่มที่คุ้นเคยเอ่ยเรียกชื่อคนที่ยืนแข็งเป็นหิน หยดน้ำตาหยดแหมะลงพื้นอีกครั้ง คนตัวบางหมุนตัวกลับไปหาคนที่เดินเข้ามาด้วยท่าทีหอบเหนื่อย

       “คริส!!!!!” แล้วนกน้อยก็โผบินเข้าสู่อ้อมกอดที่แสนปลอดภัย ชานยอลปล่อยโฮเสียงดังด้วยความกลัวและความโล่งใจที่อย่างน้อยตอนนี้ตนก็ได้อยู่ในอ้อมกอดที่อบอุ่นและปลอดภัยที่สุดแล้ว

       “ไม่เป็นไรแล้วนะ ไม่มีอะไรแล้ว คริสอยู่นี่แล้วนะ” ฝ่ามืออุ่นลูบกลุ่มผมนิ่มและแผ่นหลังที่สะท้านจนตัวโยนปลอบประโลม สองมือของชานยอลกำเสื้อของชายหนุ่มแน่น กลัวจริงๆ ชานยอลกลัวจับใจ ถ้าคริสมาช่วยตนไม่ทันก็ไม่รู้ว่าตนนั้นจะมีโอกาสได้กลับมาอยู่ในอ้อมแขนนี้อีกไหม

       “ไม่เป็นแล้วนะกลับบ้านเรากันนะ” ชายหนุ่มช้อนใต้ขาคนที่สั่นเป็นลูกนกตกน้ำขึ้นแนบอกก่อนจะพากลับบ้านของตนทั้งอย่างนั้น ชานยอลโอบรอบลำคอแล้วซุกลงปล่อยสะอื้น

       “ไม่เป็นไร คริสอยู่นี่แล้วไม่มีใครทำอะไรชานยอลได้นะ เชื่อใจคนนี้ใช่ไหมครับ” ใบหน้าที่ซุกอยู่กับซอกคอพยักหน้ารับแต่ก็ไม่ยอมผ่อนแรงที่โอบรอบลำคอเลย ชานยอลที่กลัวจนสั่นอยู่นั้นเลยไม่ทันได้เห็นรอยยิ้มจากมุมปากของคนนี้เลยแม้แต่น้อย.... ว่ามันยากที่จะคาดเดายิ่งนัก


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×