ลำดับตอนที่ #5
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : [LF] คุณหนูสุดเอาแต่ใจกับบอดี้การ์ดสุดเนี้ยบ - 1
ได้ฤกษ์แต่งและลงสักที อิอิ
__________________________
“อะไรนะป๊า!!!!” เสียงทุ้มของเด็กหนุ่มแหวขึ้นทันทีเมื่อสิ้นคำบอกกล่าวของคนเป็นพ่อ ผู้เป็นบิดานั่งไขว้ห้างประสานมือวางไว้บนหัวเข่าด้วยท่าทีสบายๆขัดกับบุคลิกที่ดูน่าเกรงขาม ดวงตาคมปรายมองบุตรชายที่ยืนหัวฟัดหัวเหวี่ยงอยู่ตรงหน้า
“ป๊าว่าแกได้ยิน ไม่จำเป็นที่ป๊าจะต้องพูดซ้ำนะเซฮุน” ดวงตาคมกริบมองจ้องลูกชายที่ยืนขยี้หัวไปมาอย่างคนหัวเสีย
“แต่ป๊าผมไม่เอาบอดี้การ์ดอะไรนั่น จะเอามาทำไมกันผมดูแลตัวเองได้!!” จริงดั่งคำว่าเพราะโอเซฮุนโตมากพอที่จะดูแลชีวิตตัวเอง ตอนนี้เด็กหนุ่มอายุกำลังจะย่าง18 และกำลังจะเข้าสู่ชั้นระดับมหาวิทยาลัยแล้ว
“ไม่ทันแล้วล่ะโอเซฮุน ลูกชายที่รัก ... เพราะบอดี้การ์ดคนใหม่ของแกกำลังบินมาจากจีนคืนนี้ อย่าให้ป๊ารู้นะว่าแกแกล้งอะไรบอดี้การ์ดอีก คนนี้ป๊าหวงมากนะจะบอกให้” ว่าอย่างติดตลกก่อนที่จะลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วจัดชุดสูทของตนให้เข้าที่ก่อนที่จะสาวเท้าเลยผ่านตัวบุตรชายที่ยืนทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกไปเพื่อเข้าร่วมการประชุมกับบอร์ดบริหารของบริษัทตน
“คอยดูเถอะ จะเอาให้หนักเลย!!!”
บานประตูห้องมืดมิดที่เย็นเหยียบถูกเปิดออกพร้อมกับร่างผอมเพรียวในชุดสูทดำก้าวเท้าเข้ามา สิ่งแรกที่ผู้บุกรุกกระทำคือเปิดม่านสีดำสนิทออกเพื่อให้แสงแดดยามเช้าลอดแสงเข้ามา ลำแสงอบอุ่นค่อยๆไล้สาดไปยังร่างของเด็กหนุ่มที่นอนหลับตาพริ้มอยู่บนเตียงนอนสีเดียวกับผ้าม่าน เมื่อแสงสว่างนั้นแยงตาผู้ที่หลับใหลก็ค่อยๆได้สติและค่อยๆลืมตาขึ้นอย่างงัวเงีย
“อะไรกันวะ” เมื่อลืมตาก็ต้องขมวดคิ้วเมื่อเห็นแสงสว่างในห้องนอนของตน เจ้าของห้องนอนไม่ใคร่ชอบแสงสว่างในห้องนอนของตนยิ่งนัก
“ใครเปิดม่านวะห๊ะ!!” เสียงทุ้มตะโกนถามพร้อมกับลุกขึ้นนั่งขยี้หัวอย่างขัดใจ ร่างสูงเพรียวก้าวเท้าออกมาจากมุมห้องมาหยุดยืนอยู่ที่ข้างเตียงก่อนที่จะก้มหัวลงเคารพบุคคลที่เขาต้องมาทำหน้าที่ดูแล
“สวัสดีครับคุณหนูเซฮุน ผมเป็นบอดี้การ์ดคนใหม่และเป็นคนเปิดม่านเองครับ” น้ำเสียงหวานหูที่ได้ยินเรียกเรียวคิ้วของเซฮุนให้เลิกขึ้นสูงอย่างสงสัยก่อนที่จะหันไปมองยังเจ้าของเสียง ดวงตาเรียวเล็กของเซฮุนเบิกกว้างอย่างตื่นตะลึงเมื่อพบกับบอดี้การ์ดคนใหม่ เซฮุนมองสำรวจคนตรงหน้าอย่างไม่ปิดบัง ดวงตากลมโต จมูกโด่งรั้น กลีบปากสีชมพูระเรื่อ ตัวเล็กบอบบางแต่ทว่าความสูงเท่าที่กะด้วยสายตาคงสูงห่างจากตนไม่มากเท่าไหร่
“ทำไมป๊าจ้างบอดี้การ์ดเป็นผู้หญิงมาให้” หัวคิ้วของคุณหนูขมวดเข้าหากัน แต่บอดี้การ์ดคนใหม่กลับมองจับจ้องไปที่บุตรชายของเจ้านายแล้วกระแอมเบาๆ
“ผมเป็นผู้ชายครับคุณหนูเซฮุน” เซฮุนไล้สายตามองสำรวจคนที่บอกว่าเป็นผู้ชายอีกครั้ง ผิวขาวเนียนแบบนี้เนี่ยนะเป็นผู้ชาย??
“เอาเถอะๆ ว่าแต่นายชื่ออะไรล่ะ?” เมื่อความคิดทั้งหมดทั้งมวลตกกระกอน เซฮุนก็เอ่ยถามออกไปพร้อมกับสายตากรุ้มกริ่มเป็นประกาย
“ปาร์คชานยอลครับ” เซฮุนยกยิ้มมุมปากก่อนที่จะก้าวเท้าลงจากเตียง
“เตรียมชุดให้ผมด้วยนะครับพี่ชานยอล” ว่าไว้แค่นั้นก่อนที่จะสาวเท้าเข้าห้องน้ำไป
“ครับคุณหนู” ชานยอลแค่รับคำด้วยคำด้วยท่าทีสำรวมก่อนที่จะลงมือเก็บเตียงให้คุณหนูที่ตนต้องมาดูแลนับจากวันนี้ เซฮุนหันหลังกลับมามองเรือนร่างบอบบางที่กำลังเก็บเตียงให้ตนก็ยกยิ้มอย่างถูกใจ บอดี้การ์ดคนนี้ของป๊าผมไม่แกล้งหรอก... แต่ผมจะจีบบอดี้การ์ดของป๊าเนี่ยแหละ!!!
คุณป๊าคงไม่รู้ว่า ...เซฮุนถูกใจพ่อบอดี้การ์ดคนใหม่เข้าเสียแล้ว…
หลังจากคุณหนูเซฮุนอาบน้ำและสวมชุดนักเรียนที่มีบอดี้การ์ดคนใหม่จัดเตรียมไว้แล้ว เจ้าตัวก็เดินลงจากชั้นสองด้วยรอยยิ้มที่ประดับมุมปาก ดวงตาเรียวปราดมองไปยังร่างของบอดี้การ์ดคนใหม่ที่จัดเตรียมมื้อเช้าไว้ให้สำหรับตน
เมื่อเซฮุนก้าวเท้าลงมาจากบันไดวน ชานยอลก็เลื่อนเก้าอี้ออกเพื่อรอให้คุณหนูของบ้านมาลงนั่งและรับประทานมื้อเช้า เมื่อเซฮุนลงนั่งที่เก้าอี้ชานยอลก็รินนมใส่แก้วข้างมือของเซฮุนก่อนที่จะถอยไปยืนอยู่ด้านหลัง เซฮุนก้มหน้าลงทานมือเช้าด้วยรอยยิ้มและแววตาที่ประกายระยิบระยับ
“พี่ก็มากินข้าวเช้าด้วยกันสิครับ” เซฮุนหันไปยิ้มกว้างๆให้คุณบอดี้การ์ดคนใหม่ที่ยืนตัวตรงแน่วอยู่ด้านหลัง
“ผมทานแล้วครับ เชิญคุณหนูเซฮุนครับ” ทั้งท่าทาง น้ำเสียงและการวางตัวนิ่งเสียจนคนมองรู้สึกสนุกที่จะได้เห็นมาดหลุดๆ
“อย่างนั้นหรือครับ? ผมคงเหงาแย่ที่ต้องกินข้าวคนเดียว” บ่นพึมพำออกไปลอยๆ เซฮุนแอบเหลือบมองทางหางตาว่าอีกคนจะมีปฏิกิริยาเช่นไร แต่ก็เหมือนเดิมคือนิ่ง... และนิ่ง นิ่งจนจะเป็นน้ำแข็งอยู่แล้ว
บานประตูรถลีโมสีดำคันสั้นถูกเปิดออกพร้อมกับมือเรียวขาวที่ผายมือเชื้อเชิญให้คุณหนูของบ้านขึ้นรถ เมื่อเซฮุนขึ้นไปนั่งที่ด้านหลังรถแล้วชานยอลก็เดินอ้อมไปยังตำแหน่งคนขับ รถคันหรูค่อยๆเคลื่อนตัวออกไปจากคฤหาสน์หลังใหญ่นี้ พอพ้นประตูใหญ่คุณหนูที่นั่งยิ้มมุมปากก็ปีนมานั่งข้างคนขับ ดวงตากลมหันมามองอย่างตกใจแต่สีหน้าก็ยังคงนิ่งอยู่ ...พลาดไปนิดแหะ...
“นั่งข้างหลังคนเดียวเหงาอ่ะ ผมย้ายมานั่งข้างพี่นะครับ” ว่าแล้วก็เอียงคอยิ้มกว้างจนยาหยี ชานยอลไม่ตอบรับและไม่ปฏิเสธ เพราะจะให้ว่าอย่างไรได้ก็เล่นปีนข้ามมานั่งยิ้มอยู่ข้างๆเสียแล้ว
“พี่เป็นคนจีนเหรอครับ? ป๊าบอกว่าพี่จะมาจากจีน” เซฮุนชวนคนข้างกายคุย ชานยอลยังคงมองตรงดิ่งไปด้านหน้าแต่ก็เอ่ยตอบกลับ
“เปล่าครับ ผมเป็นคนเกาหลีที่ชิงทุนไปเรียนที่จีนได้ก็เลยอยู่ยาวครับ”
“งั้นเหรอครับ? ถ้าอย่างนั้นก็คงเก่งภาษาจีนน่าดูเลยนะครับ งั้นสอนผมหน่อยได้ไหมครับ” ว่าแล้วก็เอื้อมมือไปวางซ้อนทับกับมือเรียวที่บังคับพวงมาลัย แต่บอดี้การ์ดสุดนิ่งก็ยังคงรักษาระดับความนิ่งไว้ได้
“ถ้าคุณหนูอยากเรียนผมก็จะสอนให้ได้ครับ แต่คุณหนูช่วยกรุณานั่งดีๆได้ไหมครับผมขับรถไม่ถนัด” เซฮุนมองเสี้ยวใบหน้าหวานที่ยังคงนิ่งก่อนที่จะยอมละมือที่วางทาบทับออกแล้วมานั่งดีๆ มุมปากยกยิ้มอย่างถูกใจ
เมื่อรถลีโมสีดำจอดที่หน้าประตูโรงเรียนมัธยมชื่อดังของเกาหลีแล้ว ชานยอลก็ลงจากรถอ้อมไปเปิดประตูด้านข้างคนขับให้คุณหนูได้ก้าวเท้าลงมาจากรถ เซฮุนยิ้มมองคนที่ยังคงตีสีหน้านิ่งอยู่ห่างเพียงบานประตูรถกั้น เมื่อเซฮุนก้าวเดินออกไปบานประตูรถก็ปิดลงพร้อมกับร่างของบอดี้การ์ดสุดเงียบขรึมที่เดินอ้อมกลับไปยังฝั่งคนขับเช่นเดิมแต่ทว่าข้อมือกลับโดนคุณหนูตัวดีฉุดรั้งไว้เสียก่อน
“พี่ชานยอลครับ” เอ่ยเรียกเสียงหวาน นัยน์ตาสีเข้มมองสบกับดวงตาสีอ่อนที่ห่างไปเพียงสุดปลายลมหายใจ แต่ใบหน้าของบอดีการ์ดหนุ่มก็ยังคงนิ่งคงเส้นคงวา
“เจอกันตอนเย็นนะครับ” เอ่ยบอกเสียงหวานพร้อมกับเอียงคอยิ้มกว้างๆแล้วเซฮุนก็ยื่นหน้าขึ้นไปฝากสัมผัสไว้ที่กลีบปากอิ่มสีสดเพียงครู่ก่อนที่จะถอยออก ใบหน้าที่เคยเรียบนิ่งกลับเหวอหลุดอย่างแรง ปากอิ่มอ้าค้าง ดวงตาโตเบิกกว้างอย่างตกใจ เซฮุนยกยิ้มที่มุมปากก่อนที่จะก้าวถอยหลังพร้อมกับปล่อยมือที่รั้งข้อมือเรียวนั้นไว้ เดินถอยหลังต่อไปอีกสามก้าคุณหนูเซฮุนก็โบกมือบ๊ายบายคุณบอดี้การืดคนใหม่ก่อนที่จะหันหลังเดินล้วงกระเป๋ากางเกงเข้าโรงเรียนไปทิ้งให้ใครอีกคนยังยืนช็อคอยู่ที่เดิม และท่าเดิม
“เฮ้ย ไอ้เซฮุน เมื่อกี้จูบกับใครหน้าโรงเรียนวะ” เมื่อก้าวเท้าเข้ามาในรั้วโรงเรียน เพื่อนสนิทสุดเลิฟก็ก้าวพรวดเข้ามากอดคอแล้วถามด้วยสายตาหยอกล้อทันที ถ้าจะถามให้อาย ขอบอกว่าโอเซฮุนไม่เคยอาย แต่ถ้าถามเพราะอยากรู้ โอเซฮุนก็จะตอบทุกข้อสงสัย
“บอดี้การ์ดคนใหม่” เซฮุนหันไปยักคิ้วให้เพื่อนในก๊วนทั้งสอง จงอินและคยองซูหันมองหน้ากัน
“บอดี้การ์ดคนใหม่!!! คุณป๊าทำไมส่งผู้หญิงมาวะ!!” คยองซูคนตัวเล็กตาโตเบิกตาแทบถลน เซฮุนหัวเราะแล้วเอื้อมมือไปดีดหน้าผากเพื่อนตัวเล็กเบาๆ
“นั่นผู้ชายว่ะ แล้วก็.......”
“แล้วก็อะไรไอ้ฮุน!” จงอินหนุ่มผิวสีเข้มเร่งเร้าเพื่อนเสียจนออกนอกหน้าว่าอยากสอดรู้สอดเห็นยิ่งนัก
“ก็จะจีบเขาไง”
“ห๊ะ!!!!!!!!!” สองเสียงของเพื่อนซี้ดังสอดขึ้นพร้อมกัน ก่อนที่เซฮุนจะหัวเราะเสียงร่าแล้วเดินจากไปทิ้งให้สองเพื่อนรักยืนมองหน้ากันเองก่อนที่จะวิ่งตามเข้ามาประกบคนละฝั่ง
“พูดเล่นป่ะเนี่ย? เห็นกี่คนๆก็ไล่ตะเพิดไปหมดแล้วทำไมคนนี้....” เซฮุนหันไปคยองซูก่อนที่จะยกแขนขึ้นกอดคอเพื่อนตัวเล็กไว้
“คนนี้เร้าใจกว่าคนก่อนๆเยอะว่ะ ไล่ไม่ลง.. แต่ถ้าไล่ให้มาอยู่ในใจนี่ก็ไม่ว่ากันนะ” คนตาโตแทบจะทำท่าอ้วกเสียให้ได้
“กูรู้ล่ะว่าอะไรที่ทำให้คุณหนูเซฮุนถึงไม่ยอมไล่บอดี้การ์ดคนใหม่ไปไกลๆ......” ทั้งเซฮุนและคยองซูหันมองจงอินที่เดินกอดอกทำท่าภูมิใจในตัวเอง
“สนใจเขาใช่ไหมล่ะ?” สนใจไหมน่ะหรือ? เซฮุนไม่รู้หรอก แต่ภาพเมื่อครู่ที่ใบหน้าหวานๆนั้นหลุดมาดนิ่งก็ดูน่ารักแกมตลกไม่หยอก อยากที่จะเห็นอารมณ์หลากหลายจากใบหน้าของผู้ดูแลคนนี้ จะว่าไปก็แอบหัวใจสั่นเหมือนกันนะเมื่อครู่น่ะ
“จะว่างั้นก็ได้”
แล้วในคาบวิชาเรียนคุณหนูผู้ขยันเรียนวันนี้ก็เอาแต่นั่งเท้าคางมองออกไปนอกหน้าต่าง มัวแต่คิดถึงใบหน้ายามหลุดเหวอของคุณบอดี้การ์ดคนใหม่ แก้มกลมที่ขาวนวลแดงเรื่อเพราะอาการตกใจและเขินอายสลับปนเปกันไปเรียกรอยยิ้มและอาการสั่นไหวจากหัวใจของคุณหนู
ยอมรับว่าไม่ชอบให้คนมาคอยตาม มาคอยดูแลจึงสำเร็จโทษบอดี้การ์ดหลายสิบที่คุณป๊าที่แสนดีส่งมาคอยดูแลเอาใจแต่ตัวเองต้องบินไปโน้นมานี่ตลอดเวลา แต่สิ่งที่เซฮุนต้องการนั้นไม่ใช่การดูแลจากคนอื่นแต่เป็นจากผู้ให้กำเนิดเอง แต่ทว่าคราวนี้กลับต่างออกไป ยามแรกที่เห็นดวงหน้าขาวนวลรับกับเครื่องหน้าสวยนั้น หัวใจก็พาลสั่นไหว อาการที่อยากจะไล่ จะวีนก็เลยหายกริบจนเหล่าคนใช้อื่นๆยังแปลกใจ
อย่าว่าแต่คนอื่นแปลกใจเลย เจ้าตัวเองก็แปลกใจเช่นกัน อาการสั่นไหวที่ไม่เคยมีกลับเกิดได้เพียงเพราะสบตาเข้ากับดวงตากลมโตหวานเชื่อมนั้น ขอติ๊ต่างเอาเองว่าหวานเชื่อมล่ะกัน แต่เรื่องตาหวานนี่ไม่ขอปฏิเสธนะเพราะหวานจริงเชียว หวานไปถึงกลีบปากสีสดที่ได้ลิมลองนั่นเลย แม้จะเพียงชั่วครู่แต่ความหวานยังคงติดตรึงมาจนถึงตอนนี้
“......” คนที่นั่งเท้าคางอยู่ลูบริมฝีปากของตัวเองแผ่วเบา คิดถึงสัมผัสเมื่อเช้าแล้วก็ร้อนรุ่มในใจเพราะอยากสัมผัสอีก สัมผัสเนื้อหยุ่นนิ่มๆกับความหอมหวานที่พาลเอาหัวใจเต้น แค่นี้คุณหนูผู้เอาแต่ใจก็ยิ้มระรื่นผิดกับภาพลักษณ์คุณหนูผู้เย็นชายามอยู่ไกลบ้านทันที คนอื่นๆที่แอบมองก็เผลอหลงใหลไปกับรอยยิ้มแสนอบอุ่นนั้นโดยที่เจ้าของมันไม่ได้รู้ตัวเลยสักนิด
“เย็นนี้คุณบอดี้การ์ดคนใหม่จะมารับเมื่อไหร่น่ะ” เมื่อเลิกเรียนคยองซูก็หันหลังไปถามเพื่อนที่นั่งเหม่อทุกคาบตั้งแต่เช้าจนถึงเย็น ท่าว่าคนนี้จะเอาจริงแหะ
“ไม่รู้สิ แต่ถึงมารับก็ไม่เจอหรอก” คยองซูกับจงอินมองหน้าคนพูดอย่างสงสัย
“วันนี้น้องคยองซูอยากกินอะไรจ๊ะ เดี๋ยวป๋าเลี้ยงเอง” แล้วป๋าก็กอดคอเพื่อนตัวเล็กพร้อมกับยิ้มร่า
“อะไรของเอ็งวะ? อะไรก็ได้อ่ะกินได้หมดแต่ขอเป็นของหวานนะ อยากกิน” ว่าแล้วก็ยิ้มกว้างๆจนเพื่อนตัวกำทำหน้าบึ้ง ก็นะอยากกอดบ้างแต่พอเข้าใกล้เพื่อนตัวเล็กทีไรขู่ฟ่อทุกที ทีไอ้ฮุนล่ะกอดได้ น้อยใจเหมือนกันนะบอกตรงๆ
“กินเค้กมะ? ร้านเดิม ฉลองหน่อย” เซฮุนยิ้มกว้างๆมองหน้าเพื่อนซี้ทั้งสอง
“ฉลองอะไรล่ะ? ได้บอดี้การ์ดถูกใจเหรอ?” คยองซูเจ้าหนูจำไมยังคงสงสัยแต่เซฮุนกลับทิ้งประโยคที่ทำให้เจ้าหนูจำไมวิ่งไล่เตะด้วยรอยยิ้มล้อเลียน
“เลี้ยงส่งตัวเจ้าบ่าวเจ้าสาวเข้าหอไง เนอะจงอิน คยองซู”
หลังจากที่วิ่งหนีฝ่าเท้าของเพื่อนตัวเล็กสุดแล้ว ทั้งสามนายก็อพยพมาที่ร้านเค้กโดยใช้เส้นทางหลังโรงเรียน เพราะรู้ว่าด้านหน้าโรงเรียนนั้นจะต้องมีรถลีโม่คันสวยกับบอดี้การ์ดหน้าหวานยืนคอยอยู่แน่ๆ และเซฮุนก็ใจดีพอที่จะไม่ยอมรับสายด้วยยามที่บอดี้การ์ดคนใหม่โทรเข้ามา อย่างน้อยก็แผลงฤทธิ์ต้อนรับกันเสียหน่อยก็คงไม่เสียหายอะไร
“หนีมาแบบนี้พี่เขาไม่ตามหาแย่เหรอวะ?” คยองซูเอ่ยถามเพื่อนตรงหน้าที่อารมณ์ดีเสียเหลือเกินกับการนั่งคนแก้วน้ำปั่นของตัวเอง
“ก็มาสิ กำลังรออยู่ อยากจะรู้นักว่าจะหาเจอไหม” ว่าแล้วก็ยกยิ้มมุมปากเช่นเดิมยามที่เจอเรื่องถูกใจ
“ถ้าพี่เขาหาไม่เจอละวะไอ้ฮุน” เป็นจงอินที่นั่งอยู่ตรงข้ามกันเป็นคนถาม ซึ่งเพื่อนตัวเล็กก็พยักหน้าตาม
“เดี๋ยวก็รู้” ขาดคำเพียงชั่วอึดใจบานประตูกระจกของร้านก็ถูกผลักเข้ามาพร้อมกับเรือนร่างเพรียวเจ้าของใบหน้าหวานแสนนิ่งเฉยก้าวเท้าฉับๆเข้ามาในร้าน
“คุณหนูเซฮุน ทำไมถึงไม่บอกผมว่าคุณจะไปไหน” ทั้งสามหันมองหน้าบอดี้การ์ดคนใหม่ที่มายืนทำท่าสำรวมอยู่ข้างโต๊ะ ดวงตากลมโตฉายแววไม่พอใจชัดเจน หยดเหงื่อที่ไหลตามขมับบ่งบอกได้เลยว่าเจ้าตัวรีบร้อนแค่ไหน
“พี่ชานยอลนั่งสิครับ” เซฮุนเอื้อมมือไปรั้งข้อมือขาวให้อีกคนมาลงนั่งข้างกัน ชานยอลก็ถลาตามเข้ามานั่งแต่โดยดี
“พี่ชานยอลจะทานอะไรดีครับ” แล้วคุณหนูก็บริการหยิบเมนูอันเล็กที่วางอยู่บนโต๊ะมาส่งให้บอดี้การ์ดหน้านิ่งที่ยังคงนั่งหลังตรง
“ขออเมริกาโน่ครับ” ชานยอลหันไปสั่งพนักงานสาวที่มารับออเดอร์ด้วยรอยยิ้มหวาน คุณบอดี้การ์ดก็ยิ้มบางๆกลับไป เซฮุนคว้าหมับเข้าที่ข้อมือแล้วบีบแรงๆเรียกให้คนหน้านิ่งที่ยิ้มให้คนอื่นหันกลับมา
“ทำไมพี่ถึงเพิ่งมาแล้วอย่างนี้พี่จะดูแลผมได้ยังไง” ดวงตาเรียวเล็กฉายแววไม่พอใจ ไม่รู้ว่าไม่พอใจที่อีกฝ่ายมาช้าหรือไม่พอใจที่เมื่อครู่อีกฝ่ายส่งยิ้มให้คนอื่น
“ขอโทษครับคุณหนูครั้งหน้าผมจะตามหาคุณหนูให้เร็วกว่านี้” ชานยอลก้มหัวลงขอโทษคุณหนูข้างกายที่ตีสีหน้าไม่พอใจแต่ก็ยังไม่ปล่อยมือที่จับข้อมือเรียวไว้
“พี่รู้จักเพื่อนผมไหม” ชานยอลหันกลับไปมองเพื่อนทั้งสองของคุณหนูที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามด้วยสีหน้านิ่งเฉย
“ทราบครับ คุณคิมจงอินกับคุณโดคยองซู” ยังไม่ทันได้สานต่อบทสนทนาใดๆพนักงานก็เดินมาเสิร์ฟกาแฟทีสั่งไปเสียก่อน
“อเมริกาโน่ได้แล้วค่ะ” สาวเสิร์ฟคนเดิมเดินมาเสิร์ฟกาแฟรสเข้มหอมกรุ่นให้บอดี้การ์ดข้างกาย ชานยอลหันกลับไปยิ้มแล้วขอบคุณแต่เซฮุนกลับลุกขึ้นยืนแถมยังไม่ปล่อยข้อมือของบอดี้การ์ดคนใหม่เสียด้วย
“กลับ!!” สั่งเสียงเข้มก่อนที่จะลากบอดี้การ์ดคนใหม่ติดมือไปด้วย
“เฮ้ยไอ้ฮุน!!!” แม้ว่าจงอินจะเรียกรั้ง คุณหนูที่ลากบอดี้การ์ดคนใหม่ไปก็ไม่ได้คิดที่จะหันกลับมาสนใจ
“ไหนมันบอกว่าจะเลี้ยงไง ไอ้ฮุนแม่ง!!” คนตัวเล็กสุดทำหน้ามุ่ยแล้วใช้ส้อมจิ้มเนื้อเค้กแรงๆขึ้นมากิน
“โอ๋ๆ เดี๋ยวป๋าเลี้ยงเองนะจ๊ะ อย่าโมโหไปเลยนะกินอีกสักชิ้นไหมจ๊ะ” จงอินก็ได้ทีขยับเข้ามากระแซะคนตัวเล็กข้างกาย พอได้ยินคำว่าจะเลี้ยงคยองซูก็ยิ้มกว้างๆแล้วใช้ดวงตาโตๆของตัวเองมองจงอินด้วยแววตาวาวระยิบ แล้วอีแบบนี้เพื่อนตัวเข้มจะหนีไปไหนพ้นล่ะเนี่ย
“เอาสิ!! ขอสตรอเบอร์รี่อีกชิ้นหนึ่งนะ!!”
ภายในรถยนต์คันหรูก็เงียบสงัดเช่นกัน หนึ่งด้วยบอดี้การ์ดมาดนิ่งที่ขับรถไปเรื่อยๆไม่เอื้อนเอ่ยบทสนทนาใด สองด้วยคุณหนูแสนเอาแต่ใจที่นั่งกอดอก ไขว้ห้างเหมือนจมอยู่กับความคิดของตัวเอง ก็แน่ล่ะไอ้อาการเมื่อครู่ที่แสดงออกมานั้นอยู่ๆมันก็เป็นไปเอง ไอ้อาการแบบนี้เซฮุนไม่เคยเป็นมาก่อน ไอ้อาการหงุดหงิดแล้วไม่ชอบใจที่คนอื่นได้รอยยิ้มสวยๆนั่นไป
“บ้าว่ะ” เซฮุนส่ายหัวเพื่อไล่ความคิดอะไรประหลาดๆให้ออกไปจากหัว แม้จะนึกแปลกใจที่วันนี้ตัวเองคิดอะไรแปลกๆได้ก็เหอะ สงสัยว่าจะ ‘ถูกใจ’ คนหน้านิ่งข้างกายจริงๆ
หลังจากที่รถแล่นเข้าไปจอดที่หน้าประตูคฤหาสน์ใหญ่แล้วเซฮุนก็ก้าวเท้าเดินเข้าตัวบ้านไป ปล่อยให้บอดี้การ์ดขับรถไปเก็บไว้ที่โรงจอดรถ ไม่นานชานยอลก็เดินกลับเข้ามาในตัวบ้านด้วยท่าทีสงบนิ่งเช่นเดิม เซฮุนยืนอยู่ที่ตีนบันไดเพื่อรอบอดี้การ์ดคนใหม่ ชานยอลเดินเข้าไปแล้วก้มหัวให้คุณหนูเพื่อรอรับคำสั่ง
“หน้าที่ของนาย นายคงรู้แล้วใช่ไหมว่าต้องทำอะไรบ้าง” นัยน์ตาเรียวมองสบเข้ากับดวงตากลมของบอดี้การ์ดหนุ่ม
“ครับคุณหนู ปลุกคุณหนูตอน7โมงเช้า ทานมื้อเช้าตอน7โมงครึ่ง ถึงโรงเรียนไม่เกิน8โมง20 รับกลับตอน5โมง และให้คุณหนูเข้านอนตอน4ทุ่ม” เซฮุนเบ้หน้ากับท่อนสุดท้ายที่บอกว่าให้นอน4ทุ่ม ใครมันจะไปนอนได้ เด็กกำลังเจริญการกินแต่ไม่ได้อยากนอนเสียหน่อย วัยนี้ก็ต้องเล่นเกมสิ ป๊านะป๊าเห็นลูกเป็นนักโทษหรือไง!
“ไอ้เข้านอนไม่ต้องก็ได้ สักเที่ยงคืนก็ยังพอไหว”
“ไม่ได้ครับคุณหนู คุณท่านกำชับเอาไว้”เซฮุนเบ้หน้าอีกทีก่อนที่จะวาดรอยยิ้มเมื่อคิดอะไรได้บางอย่าง
“ถ้าฉันจะเข้านอนตามเวลาที่นายบอก ... ถ้าฉันทำตามนายจะให้อะไรฉัน” เอ่ยถามคล้ายเด็กสามขวบที่จะต้องมีของล่อเพื่อให้ทำสิ่งใดๆ
“แล้วคุณหนูต้องการสิ่งใดครับ” เหมือนคำที่รอคอยคุณหนูยกยิ้มที่มุมปากแล้วเดินเข้าไปประชิดตัวก่อนที่จะกระซิบเสียงเบาชิดใบหูขาว
“อยู่ใกล้ๆฉัน อย่าให้ฉันมองไม่เห็นนายในสายตา” แม้ว่าถ้อยประโยคจะประหลาดไปเสียหน่อยแต่พ่อบอดี้การ์ดสุดนิ่งก็มิได้ไหวเอน
“มื้อเย็นฉันจะกินบนห้อง เอาขึ้นไปให้ด้วยนะ” ว่าแล้วก็หันหลังเดินขึ้นบันไดไปชั้นสอง เซฮุนได้ยินเสียงตอบรับเบาๆจากผู้ดูแลคนใหม่ มุมปากยกยิ้มอย่างถูกใจ ฉันจะต้องเห้นดวงตากลมๆนั้นเบิกกว้างอีกครั้งให้นะ เสียใจด้วยนะชานยอลที่นายทำให้ฉันถูกใจนายไปเสียแล้ว
เมื่อเข้าห้องนอนมาได้เซฮุนก็เข้าไปชำระร่างกายในห้องน้ำทันที ไม่นานชานยอลก็เข้ามาพร้อมกับถาดอาหารมื้อเย็นชองคุณหนูของบ้าน เมื่อวางถาดอาหารไว้บนโต๊ะเขียนหนังสือแล้วก็ได้เวลาเดินสำรวจห้องของเจ้านายของตนเสียที
ห้องนอนกว้างๆกับเครื่องเรือนที่ดูเรียบหรูแต่ก็ไม่ได้มีสีฉูดฉาดถูกวางตั้งไว้อย่างเป็นระเบียบ สองสิ่งที่เป็นสีดำสนิทก็คือเตียงหลังใหญ่กับผ้าม่านยาวที่ปิดคลุมหน้าต่างกระจกบานใหญ่ อาจจะเป็นด้วยความชอบส่วนตัวหรืออย่างไรก็มิอาจทราบแต่สิ่งที่เป็นสีดำในห้องก็มีแค่สองสิ่งนี้เท่านั้น กรอบรูปบนโต๊ะเขียนหนังสือที่วางเรียวกันก็บ่งบอกได้ว่าคนผู้นี้รักเพื่อนมากเพียงใด รูปถ่ายของทั้งสามที่ยืนเคียงข้างกัน กอดคอแล้วยิ้มกว้างอย่างมีความสุข เรียกรอยยิ้มจากผู้ที่เดินสำรวจอยู่นี้ได้ไม่ยากเลย
ชานยอลเคยได้ยินกิตติศัพท์ของคุณหนูโอเซฮุนว่าร้ายเพียงใด แม้ว่าวันนี้จะยังไม่โดนเหวี่ยงและโดนไล่แต่ทว่าวันอื่นก็ยังไม่แน่ แต่วันนี้ที่ไม่โดนไล่ตะเพิดแต่กลับได้สัมผัสอุ่นแปลกๆมาแทน ยืนนิ่งคิดอยู่ได้ไม่เท่าไหร่บานประตูห้องน้ำก็เปิดออกพร้อมกับร่างของคุณหนูที่สวมชุดนอนขายาวลายตารางสีฟ้าเข้มอ่อนสลับขาว
“พี่คงเคยได้ยินวีรกรรมของผมใช่ไหมครับ?” เซฮุนเดินไปนั่งอยู่ข้างเตียงแล้วมองคนที่ยืนจับข้อมือตัวตรงแน่วอยู่เบื้องหน้า
“ครับคุณหนู” เซฮุนวาดรอยยิ้มก่อนที่จะลุกขึ้นยืนแล้วเดินเข้าไปประชิดตัว
“ถ้าไม่อยากโดนผมไล่ก็ทำตัวดีๆ อย่าขัดใจผมนะครับคุณบอดี้การ์ด” ชานยอลก้มหัวลงน้อมรับคำสั่ง
“ครับคุณหนูเซฮุน”
“ตอนนี้พี่เป็นของผมแล้วนะครับ” ฝ่ามือเย็นเพราะเพิ่งอาบน้ำมาสัมผัสแนบเข้ากับแก้มอุ่นของคนตรงหน้าก่อนที่จะรั้งใบหน้าหวานนั้นให้ก้มลงมาหา กลีบปากบางถูกสัมผัสอีกครั้ง แม้ไม่ล่วงล้ำแต่ก็จาบจ้วงอยู่ในที สัมผัสแผ่วดูดดึงแล้วผ่อนปรน นัยน์ตาของทั้งสองมองสบกันไม่มีผู้ใดละสายตาออกไปก่อน ดวงตากลมตรงหน้าเบิกกว้างอย่างตกใจ แววไหววูบสั่นระริกจนคนที่มองเห็นนึกสนุกยิ่งเบียดลิ้มชิมกลีบเนื้อนุ่มนั้น จูบซับที่มุมปากอีกครั้งก่อนที่จะละเลียดผละออกอย่างอ้อยอิ่ง มองสบตากลมๆที่เบิกกว้างก่อนที่จะหลุดขำคิกคักกับดวงหน้าขาวที่แดงเรื่อไปถึงใบหู ใบหน้าเรียบเฉยแสดงอาการตกใจอย่างปิดไม่มิดก่อนที่จะผลักคุณหนูในความดูแลแล้ววิ่งออกจากห้องนี้ไป ท่าจะอยู่กับคุณหนูให้ได้คงจะต้องมีภูมิต้านทานให้มากเสียแล้วล่ะปาร์คชานยอล
“หึหึ...” เซฮุนที่มองตามแผ่นหลังบางวิ่งจากไปก็ได้แต่หัวเราะยกยิ้มที่มุมปากอย่างถูกใจ นี่สินะจุดอ่อนของคนที่ทำหน้านิ่งได้ทั้งวัน ตอนนี้คุณหนูรู้แล้วว่าสิ่งใดคือจุดอ่อนของผู้ดูแลคนใหม่ ในหัวก็คิดถึงแผนการที่จะใช้แกล้งบอดี้การ์ดแสนนิ่งให้หลุดมาดด้วยรอยยิ้มกริ่ม สนุกล่ะงานนี้
สงสัยว่าคืนนี้คุณหนูเซฮุนจะนอนหลับฝันดีเสียแล้วกระมัง...
__________________________
“อะไรนะป๊า!!!!” เสียงทุ้มของเด็กหนุ่มแหวขึ้นทันทีเมื่อสิ้นคำบอกกล่าวของคนเป็นพ่อ ผู้เป็นบิดานั่งไขว้ห้างประสานมือวางไว้บนหัวเข่าด้วยท่าทีสบายๆขัดกับบุคลิกที่ดูน่าเกรงขาม ดวงตาคมปรายมองบุตรชายที่ยืนหัวฟัดหัวเหวี่ยงอยู่ตรงหน้า
“ป๊าว่าแกได้ยิน ไม่จำเป็นที่ป๊าจะต้องพูดซ้ำนะเซฮุน” ดวงตาคมกริบมองจ้องลูกชายที่ยืนขยี้หัวไปมาอย่างคนหัวเสีย
“แต่ป๊าผมไม่เอาบอดี้การ์ดอะไรนั่น จะเอามาทำไมกันผมดูแลตัวเองได้!!” จริงดั่งคำว่าเพราะโอเซฮุนโตมากพอที่จะดูแลชีวิตตัวเอง ตอนนี้เด็กหนุ่มอายุกำลังจะย่าง18 และกำลังจะเข้าสู่ชั้นระดับมหาวิทยาลัยแล้ว
“ไม่ทันแล้วล่ะโอเซฮุน ลูกชายที่รัก ... เพราะบอดี้การ์ดคนใหม่ของแกกำลังบินมาจากจีนคืนนี้ อย่าให้ป๊ารู้นะว่าแกแกล้งอะไรบอดี้การ์ดอีก คนนี้ป๊าหวงมากนะจะบอกให้” ว่าอย่างติดตลกก่อนที่จะลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วจัดชุดสูทของตนให้เข้าที่ก่อนที่จะสาวเท้าเลยผ่านตัวบุตรชายที่ยืนทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกไปเพื่อเข้าร่วมการประชุมกับบอร์ดบริหารของบริษัทตน
“คอยดูเถอะ จะเอาให้หนักเลย!!!”
บานประตูห้องมืดมิดที่เย็นเหยียบถูกเปิดออกพร้อมกับร่างผอมเพรียวในชุดสูทดำก้าวเท้าเข้ามา สิ่งแรกที่ผู้บุกรุกกระทำคือเปิดม่านสีดำสนิทออกเพื่อให้แสงแดดยามเช้าลอดแสงเข้ามา ลำแสงอบอุ่นค่อยๆไล้สาดไปยังร่างของเด็กหนุ่มที่นอนหลับตาพริ้มอยู่บนเตียงนอนสีเดียวกับผ้าม่าน เมื่อแสงสว่างนั้นแยงตาผู้ที่หลับใหลก็ค่อยๆได้สติและค่อยๆลืมตาขึ้นอย่างงัวเงีย
“อะไรกันวะ” เมื่อลืมตาก็ต้องขมวดคิ้วเมื่อเห็นแสงสว่างในห้องนอนของตน เจ้าของห้องนอนไม่ใคร่ชอบแสงสว่างในห้องนอนของตนยิ่งนัก
“ใครเปิดม่านวะห๊ะ!!” เสียงทุ้มตะโกนถามพร้อมกับลุกขึ้นนั่งขยี้หัวอย่างขัดใจ ร่างสูงเพรียวก้าวเท้าออกมาจากมุมห้องมาหยุดยืนอยู่ที่ข้างเตียงก่อนที่จะก้มหัวลงเคารพบุคคลที่เขาต้องมาทำหน้าที่ดูแล
“สวัสดีครับคุณหนูเซฮุน ผมเป็นบอดี้การ์ดคนใหม่และเป็นคนเปิดม่านเองครับ” น้ำเสียงหวานหูที่ได้ยินเรียกเรียวคิ้วของเซฮุนให้เลิกขึ้นสูงอย่างสงสัยก่อนที่จะหันไปมองยังเจ้าของเสียง ดวงตาเรียวเล็กของเซฮุนเบิกกว้างอย่างตื่นตะลึงเมื่อพบกับบอดี้การ์ดคนใหม่ เซฮุนมองสำรวจคนตรงหน้าอย่างไม่ปิดบัง ดวงตากลมโต จมูกโด่งรั้น กลีบปากสีชมพูระเรื่อ ตัวเล็กบอบบางแต่ทว่าความสูงเท่าที่กะด้วยสายตาคงสูงห่างจากตนไม่มากเท่าไหร่
“ทำไมป๊าจ้างบอดี้การ์ดเป็นผู้หญิงมาให้” หัวคิ้วของคุณหนูขมวดเข้าหากัน แต่บอดี้การ์ดคนใหม่กลับมองจับจ้องไปที่บุตรชายของเจ้านายแล้วกระแอมเบาๆ
“ผมเป็นผู้ชายครับคุณหนูเซฮุน” เซฮุนไล้สายตามองสำรวจคนที่บอกว่าเป็นผู้ชายอีกครั้ง ผิวขาวเนียนแบบนี้เนี่ยนะเป็นผู้ชาย??
“เอาเถอะๆ ว่าแต่นายชื่ออะไรล่ะ?” เมื่อความคิดทั้งหมดทั้งมวลตกกระกอน เซฮุนก็เอ่ยถามออกไปพร้อมกับสายตากรุ้มกริ่มเป็นประกาย
“ปาร์คชานยอลครับ” เซฮุนยกยิ้มมุมปากก่อนที่จะก้าวเท้าลงจากเตียง
“เตรียมชุดให้ผมด้วยนะครับพี่ชานยอล” ว่าไว้แค่นั้นก่อนที่จะสาวเท้าเข้าห้องน้ำไป
“ครับคุณหนู” ชานยอลแค่รับคำด้วยคำด้วยท่าทีสำรวมก่อนที่จะลงมือเก็บเตียงให้คุณหนูที่ตนต้องมาดูแลนับจากวันนี้ เซฮุนหันหลังกลับมามองเรือนร่างบอบบางที่กำลังเก็บเตียงให้ตนก็ยกยิ้มอย่างถูกใจ บอดี้การ์ดคนนี้ของป๊าผมไม่แกล้งหรอก... แต่ผมจะจีบบอดี้การ์ดของป๊าเนี่ยแหละ!!!
คุณป๊าคงไม่รู้ว่า ...เซฮุนถูกใจพ่อบอดี้การ์ดคนใหม่เข้าเสียแล้ว…
หลังจากคุณหนูเซฮุนอาบน้ำและสวมชุดนักเรียนที่มีบอดี้การ์ดคนใหม่จัดเตรียมไว้แล้ว เจ้าตัวก็เดินลงจากชั้นสองด้วยรอยยิ้มที่ประดับมุมปาก ดวงตาเรียวปราดมองไปยังร่างของบอดี้การ์ดคนใหม่ที่จัดเตรียมมื้อเช้าไว้ให้สำหรับตน
เมื่อเซฮุนก้าวเท้าลงมาจากบันไดวน ชานยอลก็เลื่อนเก้าอี้ออกเพื่อรอให้คุณหนูของบ้านมาลงนั่งและรับประทานมื้อเช้า เมื่อเซฮุนลงนั่งที่เก้าอี้ชานยอลก็รินนมใส่แก้วข้างมือของเซฮุนก่อนที่จะถอยไปยืนอยู่ด้านหลัง เซฮุนก้มหน้าลงทานมือเช้าด้วยรอยยิ้มและแววตาที่ประกายระยิบระยับ
“พี่ก็มากินข้าวเช้าด้วยกันสิครับ” เซฮุนหันไปยิ้มกว้างๆให้คุณบอดี้การ์ดคนใหม่ที่ยืนตัวตรงแน่วอยู่ด้านหลัง
“ผมทานแล้วครับ เชิญคุณหนูเซฮุนครับ” ทั้งท่าทาง น้ำเสียงและการวางตัวนิ่งเสียจนคนมองรู้สึกสนุกที่จะได้เห็นมาดหลุดๆ
“อย่างนั้นหรือครับ? ผมคงเหงาแย่ที่ต้องกินข้าวคนเดียว” บ่นพึมพำออกไปลอยๆ เซฮุนแอบเหลือบมองทางหางตาว่าอีกคนจะมีปฏิกิริยาเช่นไร แต่ก็เหมือนเดิมคือนิ่ง... และนิ่ง นิ่งจนจะเป็นน้ำแข็งอยู่แล้ว
บานประตูรถลีโมสีดำคันสั้นถูกเปิดออกพร้อมกับมือเรียวขาวที่ผายมือเชื้อเชิญให้คุณหนูของบ้านขึ้นรถ เมื่อเซฮุนขึ้นไปนั่งที่ด้านหลังรถแล้วชานยอลก็เดินอ้อมไปยังตำแหน่งคนขับ รถคันหรูค่อยๆเคลื่อนตัวออกไปจากคฤหาสน์หลังใหญ่นี้ พอพ้นประตูใหญ่คุณหนูที่นั่งยิ้มมุมปากก็ปีนมานั่งข้างคนขับ ดวงตากลมหันมามองอย่างตกใจแต่สีหน้าก็ยังคงนิ่งอยู่ ...พลาดไปนิดแหะ...
“นั่งข้างหลังคนเดียวเหงาอ่ะ ผมย้ายมานั่งข้างพี่นะครับ” ว่าแล้วก็เอียงคอยิ้มกว้างจนยาหยี ชานยอลไม่ตอบรับและไม่ปฏิเสธ เพราะจะให้ว่าอย่างไรได้ก็เล่นปีนข้ามมานั่งยิ้มอยู่ข้างๆเสียแล้ว
“พี่เป็นคนจีนเหรอครับ? ป๊าบอกว่าพี่จะมาจากจีน” เซฮุนชวนคนข้างกายคุย ชานยอลยังคงมองตรงดิ่งไปด้านหน้าแต่ก็เอ่ยตอบกลับ
“เปล่าครับ ผมเป็นคนเกาหลีที่ชิงทุนไปเรียนที่จีนได้ก็เลยอยู่ยาวครับ”
“งั้นเหรอครับ? ถ้าอย่างนั้นก็คงเก่งภาษาจีนน่าดูเลยนะครับ งั้นสอนผมหน่อยได้ไหมครับ” ว่าแล้วก็เอื้อมมือไปวางซ้อนทับกับมือเรียวที่บังคับพวงมาลัย แต่บอดี้การ์ดสุดนิ่งก็ยังคงรักษาระดับความนิ่งไว้ได้
“ถ้าคุณหนูอยากเรียนผมก็จะสอนให้ได้ครับ แต่คุณหนูช่วยกรุณานั่งดีๆได้ไหมครับผมขับรถไม่ถนัด” เซฮุนมองเสี้ยวใบหน้าหวานที่ยังคงนิ่งก่อนที่จะยอมละมือที่วางทาบทับออกแล้วมานั่งดีๆ มุมปากยกยิ้มอย่างถูกใจ
เมื่อรถลีโมสีดำจอดที่หน้าประตูโรงเรียนมัธยมชื่อดังของเกาหลีแล้ว ชานยอลก็ลงจากรถอ้อมไปเปิดประตูด้านข้างคนขับให้คุณหนูได้ก้าวเท้าลงมาจากรถ เซฮุนยิ้มมองคนที่ยังคงตีสีหน้านิ่งอยู่ห่างเพียงบานประตูรถกั้น เมื่อเซฮุนก้าวเดินออกไปบานประตูรถก็ปิดลงพร้อมกับร่างของบอดี้การ์ดสุดเงียบขรึมที่เดินอ้อมกลับไปยังฝั่งคนขับเช่นเดิมแต่ทว่าข้อมือกลับโดนคุณหนูตัวดีฉุดรั้งไว้เสียก่อน
“พี่ชานยอลครับ” เอ่ยเรียกเสียงหวาน นัยน์ตาสีเข้มมองสบกับดวงตาสีอ่อนที่ห่างไปเพียงสุดปลายลมหายใจ แต่ใบหน้าของบอดีการ์ดหนุ่มก็ยังคงนิ่งคงเส้นคงวา
“เจอกันตอนเย็นนะครับ” เอ่ยบอกเสียงหวานพร้อมกับเอียงคอยิ้มกว้างๆแล้วเซฮุนก็ยื่นหน้าขึ้นไปฝากสัมผัสไว้ที่กลีบปากอิ่มสีสดเพียงครู่ก่อนที่จะถอยออก ใบหน้าที่เคยเรียบนิ่งกลับเหวอหลุดอย่างแรง ปากอิ่มอ้าค้าง ดวงตาโตเบิกกว้างอย่างตกใจ เซฮุนยกยิ้มที่มุมปากก่อนที่จะก้าวถอยหลังพร้อมกับปล่อยมือที่รั้งข้อมือเรียวนั้นไว้ เดินถอยหลังต่อไปอีกสามก้าคุณหนูเซฮุนก็โบกมือบ๊ายบายคุณบอดี้การืดคนใหม่ก่อนที่จะหันหลังเดินล้วงกระเป๋ากางเกงเข้าโรงเรียนไปทิ้งให้ใครอีกคนยังยืนช็อคอยู่ที่เดิม และท่าเดิม
“เฮ้ย ไอ้เซฮุน เมื่อกี้จูบกับใครหน้าโรงเรียนวะ” เมื่อก้าวเท้าเข้ามาในรั้วโรงเรียน เพื่อนสนิทสุดเลิฟก็ก้าวพรวดเข้ามากอดคอแล้วถามด้วยสายตาหยอกล้อทันที ถ้าจะถามให้อาย ขอบอกว่าโอเซฮุนไม่เคยอาย แต่ถ้าถามเพราะอยากรู้ โอเซฮุนก็จะตอบทุกข้อสงสัย
“บอดี้การ์ดคนใหม่” เซฮุนหันไปยักคิ้วให้เพื่อนในก๊วนทั้งสอง จงอินและคยองซูหันมองหน้ากัน
“บอดี้การ์ดคนใหม่!!! คุณป๊าทำไมส่งผู้หญิงมาวะ!!” คยองซูคนตัวเล็กตาโตเบิกตาแทบถลน เซฮุนหัวเราะแล้วเอื้อมมือไปดีดหน้าผากเพื่อนตัวเล็กเบาๆ
“นั่นผู้ชายว่ะ แล้วก็.......”
“แล้วก็อะไรไอ้ฮุน!” จงอินหนุ่มผิวสีเข้มเร่งเร้าเพื่อนเสียจนออกนอกหน้าว่าอยากสอดรู้สอดเห็นยิ่งนัก
“ก็จะจีบเขาไง”
“ห๊ะ!!!!!!!!!” สองเสียงของเพื่อนซี้ดังสอดขึ้นพร้อมกัน ก่อนที่เซฮุนจะหัวเราะเสียงร่าแล้วเดินจากไปทิ้งให้สองเพื่อนรักยืนมองหน้ากันเองก่อนที่จะวิ่งตามเข้ามาประกบคนละฝั่ง
“พูดเล่นป่ะเนี่ย? เห็นกี่คนๆก็ไล่ตะเพิดไปหมดแล้วทำไมคนนี้....” เซฮุนหันไปคยองซูก่อนที่จะยกแขนขึ้นกอดคอเพื่อนตัวเล็กไว้
“คนนี้เร้าใจกว่าคนก่อนๆเยอะว่ะ ไล่ไม่ลง.. แต่ถ้าไล่ให้มาอยู่ในใจนี่ก็ไม่ว่ากันนะ” คนตาโตแทบจะทำท่าอ้วกเสียให้ได้
“กูรู้ล่ะว่าอะไรที่ทำให้คุณหนูเซฮุนถึงไม่ยอมไล่บอดี้การ์ดคนใหม่ไปไกลๆ......” ทั้งเซฮุนและคยองซูหันมองจงอินที่เดินกอดอกทำท่าภูมิใจในตัวเอง
“สนใจเขาใช่ไหมล่ะ?” สนใจไหมน่ะหรือ? เซฮุนไม่รู้หรอก แต่ภาพเมื่อครู่ที่ใบหน้าหวานๆนั้นหลุดมาดนิ่งก็ดูน่ารักแกมตลกไม่หยอก อยากที่จะเห็นอารมณ์หลากหลายจากใบหน้าของผู้ดูแลคนนี้ จะว่าไปก็แอบหัวใจสั่นเหมือนกันนะเมื่อครู่น่ะ
“จะว่างั้นก็ได้”
แล้วในคาบวิชาเรียนคุณหนูผู้ขยันเรียนวันนี้ก็เอาแต่นั่งเท้าคางมองออกไปนอกหน้าต่าง มัวแต่คิดถึงใบหน้ายามหลุดเหวอของคุณบอดี้การ์ดคนใหม่ แก้มกลมที่ขาวนวลแดงเรื่อเพราะอาการตกใจและเขินอายสลับปนเปกันไปเรียกรอยยิ้มและอาการสั่นไหวจากหัวใจของคุณหนู
ยอมรับว่าไม่ชอบให้คนมาคอยตาม มาคอยดูแลจึงสำเร็จโทษบอดี้การ์ดหลายสิบที่คุณป๊าที่แสนดีส่งมาคอยดูแลเอาใจแต่ตัวเองต้องบินไปโน้นมานี่ตลอดเวลา แต่สิ่งที่เซฮุนต้องการนั้นไม่ใช่การดูแลจากคนอื่นแต่เป็นจากผู้ให้กำเนิดเอง แต่ทว่าคราวนี้กลับต่างออกไป ยามแรกที่เห็นดวงหน้าขาวนวลรับกับเครื่องหน้าสวยนั้น หัวใจก็พาลสั่นไหว อาการที่อยากจะไล่ จะวีนก็เลยหายกริบจนเหล่าคนใช้อื่นๆยังแปลกใจ
อย่าว่าแต่คนอื่นแปลกใจเลย เจ้าตัวเองก็แปลกใจเช่นกัน อาการสั่นไหวที่ไม่เคยมีกลับเกิดได้เพียงเพราะสบตาเข้ากับดวงตากลมโตหวานเชื่อมนั้น ขอติ๊ต่างเอาเองว่าหวานเชื่อมล่ะกัน แต่เรื่องตาหวานนี่ไม่ขอปฏิเสธนะเพราะหวานจริงเชียว หวานไปถึงกลีบปากสีสดที่ได้ลิมลองนั่นเลย แม้จะเพียงชั่วครู่แต่ความหวานยังคงติดตรึงมาจนถึงตอนนี้
“......” คนที่นั่งเท้าคางอยู่ลูบริมฝีปากของตัวเองแผ่วเบา คิดถึงสัมผัสเมื่อเช้าแล้วก็ร้อนรุ่มในใจเพราะอยากสัมผัสอีก สัมผัสเนื้อหยุ่นนิ่มๆกับความหอมหวานที่พาลเอาหัวใจเต้น แค่นี้คุณหนูผู้เอาแต่ใจก็ยิ้มระรื่นผิดกับภาพลักษณ์คุณหนูผู้เย็นชายามอยู่ไกลบ้านทันที คนอื่นๆที่แอบมองก็เผลอหลงใหลไปกับรอยยิ้มแสนอบอุ่นนั้นโดยที่เจ้าของมันไม่ได้รู้ตัวเลยสักนิด
“เย็นนี้คุณบอดี้การ์ดคนใหม่จะมารับเมื่อไหร่น่ะ” เมื่อเลิกเรียนคยองซูก็หันหลังไปถามเพื่อนที่นั่งเหม่อทุกคาบตั้งแต่เช้าจนถึงเย็น ท่าว่าคนนี้จะเอาจริงแหะ
“ไม่รู้สิ แต่ถึงมารับก็ไม่เจอหรอก” คยองซูกับจงอินมองหน้าคนพูดอย่างสงสัย
“วันนี้น้องคยองซูอยากกินอะไรจ๊ะ เดี๋ยวป๋าเลี้ยงเอง” แล้วป๋าก็กอดคอเพื่อนตัวเล็กพร้อมกับยิ้มร่า
“อะไรของเอ็งวะ? อะไรก็ได้อ่ะกินได้หมดแต่ขอเป็นของหวานนะ อยากกิน” ว่าแล้วก็ยิ้มกว้างๆจนเพื่อนตัวกำทำหน้าบึ้ง ก็นะอยากกอดบ้างแต่พอเข้าใกล้เพื่อนตัวเล็กทีไรขู่ฟ่อทุกที ทีไอ้ฮุนล่ะกอดได้ น้อยใจเหมือนกันนะบอกตรงๆ
“กินเค้กมะ? ร้านเดิม ฉลองหน่อย” เซฮุนยิ้มกว้างๆมองหน้าเพื่อนซี้ทั้งสอง
“ฉลองอะไรล่ะ? ได้บอดี้การ์ดถูกใจเหรอ?” คยองซูเจ้าหนูจำไมยังคงสงสัยแต่เซฮุนกลับทิ้งประโยคที่ทำให้เจ้าหนูจำไมวิ่งไล่เตะด้วยรอยยิ้มล้อเลียน
“เลี้ยงส่งตัวเจ้าบ่าวเจ้าสาวเข้าหอไง เนอะจงอิน คยองซู”
หลังจากที่วิ่งหนีฝ่าเท้าของเพื่อนตัวเล็กสุดแล้ว ทั้งสามนายก็อพยพมาที่ร้านเค้กโดยใช้เส้นทางหลังโรงเรียน เพราะรู้ว่าด้านหน้าโรงเรียนนั้นจะต้องมีรถลีโม่คันสวยกับบอดี้การ์ดหน้าหวานยืนคอยอยู่แน่ๆ และเซฮุนก็ใจดีพอที่จะไม่ยอมรับสายด้วยยามที่บอดี้การ์ดคนใหม่โทรเข้ามา อย่างน้อยก็แผลงฤทธิ์ต้อนรับกันเสียหน่อยก็คงไม่เสียหายอะไร
“หนีมาแบบนี้พี่เขาไม่ตามหาแย่เหรอวะ?” คยองซูเอ่ยถามเพื่อนตรงหน้าที่อารมณ์ดีเสียเหลือเกินกับการนั่งคนแก้วน้ำปั่นของตัวเอง
“ก็มาสิ กำลังรออยู่ อยากจะรู้นักว่าจะหาเจอไหม” ว่าแล้วก็ยกยิ้มมุมปากเช่นเดิมยามที่เจอเรื่องถูกใจ
“ถ้าพี่เขาหาไม่เจอละวะไอ้ฮุน” เป็นจงอินที่นั่งอยู่ตรงข้ามกันเป็นคนถาม ซึ่งเพื่อนตัวเล็กก็พยักหน้าตาม
“เดี๋ยวก็รู้” ขาดคำเพียงชั่วอึดใจบานประตูกระจกของร้านก็ถูกผลักเข้ามาพร้อมกับเรือนร่างเพรียวเจ้าของใบหน้าหวานแสนนิ่งเฉยก้าวเท้าฉับๆเข้ามาในร้าน
“คุณหนูเซฮุน ทำไมถึงไม่บอกผมว่าคุณจะไปไหน” ทั้งสามหันมองหน้าบอดี้การ์ดคนใหม่ที่มายืนทำท่าสำรวมอยู่ข้างโต๊ะ ดวงตากลมโตฉายแววไม่พอใจชัดเจน หยดเหงื่อที่ไหลตามขมับบ่งบอกได้เลยว่าเจ้าตัวรีบร้อนแค่ไหน
“พี่ชานยอลนั่งสิครับ” เซฮุนเอื้อมมือไปรั้งข้อมือขาวให้อีกคนมาลงนั่งข้างกัน ชานยอลก็ถลาตามเข้ามานั่งแต่โดยดี
“พี่ชานยอลจะทานอะไรดีครับ” แล้วคุณหนูก็บริการหยิบเมนูอันเล็กที่วางอยู่บนโต๊ะมาส่งให้บอดี้การ์ดหน้านิ่งที่ยังคงนั่งหลังตรง
“ขออเมริกาโน่ครับ” ชานยอลหันไปสั่งพนักงานสาวที่มารับออเดอร์ด้วยรอยยิ้มหวาน คุณบอดี้การ์ดก็ยิ้มบางๆกลับไป เซฮุนคว้าหมับเข้าที่ข้อมือแล้วบีบแรงๆเรียกให้คนหน้านิ่งที่ยิ้มให้คนอื่นหันกลับมา
“ทำไมพี่ถึงเพิ่งมาแล้วอย่างนี้พี่จะดูแลผมได้ยังไง” ดวงตาเรียวเล็กฉายแววไม่พอใจ ไม่รู้ว่าไม่พอใจที่อีกฝ่ายมาช้าหรือไม่พอใจที่เมื่อครู่อีกฝ่ายส่งยิ้มให้คนอื่น
“ขอโทษครับคุณหนูครั้งหน้าผมจะตามหาคุณหนูให้เร็วกว่านี้” ชานยอลก้มหัวลงขอโทษคุณหนูข้างกายที่ตีสีหน้าไม่พอใจแต่ก็ยังไม่ปล่อยมือที่จับข้อมือเรียวไว้
“พี่รู้จักเพื่อนผมไหม” ชานยอลหันกลับไปมองเพื่อนทั้งสองของคุณหนูที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามด้วยสีหน้านิ่งเฉย
“ทราบครับ คุณคิมจงอินกับคุณโดคยองซู” ยังไม่ทันได้สานต่อบทสนทนาใดๆพนักงานก็เดินมาเสิร์ฟกาแฟทีสั่งไปเสียก่อน
“อเมริกาโน่ได้แล้วค่ะ” สาวเสิร์ฟคนเดิมเดินมาเสิร์ฟกาแฟรสเข้มหอมกรุ่นให้บอดี้การ์ดข้างกาย ชานยอลหันกลับไปยิ้มแล้วขอบคุณแต่เซฮุนกลับลุกขึ้นยืนแถมยังไม่ปล่อยข้อมือของบอดี้การ์ดคนใหม่เสียด้วย
“กลับ!!” สั่งเสียงเข้มก่อนที่จะลากบอดี้การ์ดคนใหม่ติดมือไปด้วย
“เฮ้ยไอ้ฮุน!!!” แม้ว่าจงอินจะเรียกรั้ง คุณหนูที่ลากบอดี้การ์ดคนใหม่ไปก็ไม่ได้คิดที่จะหันกลับมาสนใจ
“ไหนมันบอกว่าจะเลี้ยงไง ไอ้ฮุนแม่ง!!” คนตัวเล็กสุดทำหน้ามุ่ยแล้วใช้ส้อมจิ้มเนื้อเค้กแรงๆขึ้นมากิน
“โอ๋ๆ เดี๋ยวป๋าเลี้ยงเองนะจ๊ะ อย่าโมโหไปเลยนะกินอีกสักชิ้นไหมจ๊ะ” จงอินก็ได้ทีขยับเข้ามากระแซะคนตัวเล็กข้างกาย พอได้ยินคำว่าจะเลี้ยงคยองซูก็ยิ้มกว้างๆแล้วใช้ดวงตาโตๆของตัวเองมองจงอินด้วยแววตาวาวระยิบ แล้วอีแบบนี้เพื่อนตัวเข้มจะหนีไปไหนพ้นล่ะเนี่ย
“เอาสิ!! ขอสตรอเบอร์รี่อีกชิ้นหนึ่งนะ!!”
ภายในรถยนต์คันหรูก็เงียบสงัดเช่นกัน หนึ่งด้วยบอดี้การ์ดมาดนิ่งที่ขับรถไปเรื่อยๆไม่เอื้อนเอ่ยบทสนทนาใด สองด้วยคุณหนูแสนเอาแต่ใจที่นั่งกอดอก ไขว้ห้างเหมือนจมอยู่กับความคิดของตัวเอง ก็แน่ล่ะไอ้อาการเมื่อครู่ที่แสดงออกมานั้นอยู่ๆมันก็เป็นไปเอง ไอ้อาการแบบนี้เซฮุนไม่เคยเป็นมาก่อน ไอ้อาการหงุดหงิดแล้วไม่ชอบใจที่คนอื่นได้รอยยิ้มสวยๆนั่นไป
“บ้าว่ะ” เซฮุนส่ายหัวเพื่อไล่ความคิดอะไรประหลาดๆให้ออกไปจากหัว แม้จะนึกแปลกใจที่วันนี้ตัวเองคิดอะไรแปลกๆได้ก็เหอะ สงสัยว่าจะ ‘ถูกใจ’ คนหน้านิ่งข้างกายจริงๆ
หลังจากที่รถแล่นเข้าไปจอดที่หน้าประตูคฤหาสน์ใหญ่แล้วเซฮุนก็ก้าวเท้าเดินเข้าตัวบ้านไป ปล่อยให้บอดี้การ์ดขับรถไปเก็บไว้ที่โรงจอดรถ ไม่นานชานยอลก็เดินกลับเข้ามาในตัวบ้านด้วยท่าทีสงบนิ่งเช่นเดิม เซฮุนยืนอยู่ที่ตีนบันไดเพื่อรอบอดี้การ์ดคนใหม่ ชานยอลเดินเข้าไปแล้วก้มหัวให้คุณหนูเพื่อรอรับคำสั่ง
“หน้าที่ของนาย นายคงรู้แล้วใช่ไหมว่าต้องทำอะไรบ้าง” นัยน์ตาเรียวมองสบเข้ากับดวงตากลมของบอดี้การ์ดหนุ่ม
“ครับคุณหนู ปลุกคุณหนูตอน7โมงเช้า ทานมื้อเช้าตอน7โมงครึ่ง ถึงโรงเรียนไม่เกิน8โมง20 รับกลับตอน5โมง และให้คุณหนูเข้านอนตอน4ทุ่ม” เซฮุนเบ้หน้ากับท่อนสุดท้ายที่บอกว่าให้นอน4ทุ่ม ใครมันจะไปนอนได้ เด็กกำลังเจริญการกินแต่ไม่ได้อยากนอนเสียหน่อย วัยนี้ก็ต้องเล่นเกมสิ ป๊านะป๊าเห็นลูกเป็นนักโทษหรือไง!
“ไอ้เข้านอนไม่ต้องก็ได้ สักเที่ยงคืนก็ยังพอไหว”
“ไม่ได้ครับคุณหนู คุณท่านกำชับเอาไว้”เซฮุนเบ้หน้าอีกทีก่อนที่จะวาดรอยยิ้มเมื่อคิดอะไรได้บางอย่าง
“ถ้าฉันจะเข้านอนตามเวลาที่นายบอก ... ถ้าฉันทำตามนายจะให้อะไรฉัน” เอ่ยถามคล้ายเด็กสามขวบที่จะต้องมีของล่อเพื่อให้ทำสิ่งใดๆ
“แล้วคุณหนูต้องการสิ่งใดครับ” เหมือนคำที่รอคอยคุณหนูยกยิ้มที่มุมปากแล้วเดินเข้าไปประชิดตัวก่อนที่จะกระซิบเสียงเบาชิดใบหูขาว
“อยู่ใกล้ๆฉัน อย่าให้ฉันมองไม่เห็นนายในสายตา” แม้ว่าถ้อยประโยคจะประหลาดไปเสียหน่อยแต่พ่อบอดี้การ์ดสุดนิ่งก็มิได้ไหวเอน
“มื้อเย็นฉันจะกินบนห้อง เอาขึ้นไปให้ด้วยนะ” ว่าแล้วก็หันหลังเดินขึ้นบันไดไปชั้นสอง เซฮุนได้ยินเสียงตอบรับเบาๆจากผู้ดูแลคนใหม่ มุมปากยกยิ้มอย่างถูกใจ ฉันจะต้องเห้นดวงตากลมๆนั้นเบิกกว้างอีกครั้งให้นะ เสียใจด้วยนะชานยอลที่นายทำให้ฉันถูกใจนายไปเสียแล้ว
เมื่อเข้าห้องนอนมาได้เซฮุนก็เข้าไปชำระร่างกายในห้องน้ำทันที ไม่นานชานยอลก็เข้ามาพร้อมกับถาดอาหารมื้อเย็นชองคุณหนูของบ้าน เมื่อวางถาดอาหารไว้บนโต๊ะเขียนหนังสือแล้วก็ได้เวลาเดินสำรวจห้องของเจ้านายของตนเสียที
ห้องนอนกว้างๆกับเครื่องเรือนที่ดูเรียบหรูแต่ก็ไม่ได้มีสีฉูดฉาดถูกวางตั้งไว้อย่างเป็นระเบียบ สองสิ่งที่เป็นสีดำสนิทก็คือเตียงหลังใหญ่กับผ้าม่านยาวที่ปิดคลุมหน้าต่างกระจกบานใหญ่ อาจจะเป็นด้วยความชอบส่วนตัวหรืออย่างไรก็มิอาจทราบแต่สิ่งที่เป็นสีดำในห้องก็มีแค่สองสิ่งนี้เท่านั้น กรอบรูปบนโต๊ะเขียนหนังสือที่วางเรียวกันก็บ่งบอกได้ว่าคนผู้นี้รักเพื่อนมากเพียงใด รูปถ่ายของทั้งสามที่ยืนเคียงข้างกัน กอดคอแล้วยิ้มกว้างอย่างมีความสุข เรียกรอยยิ้มจากผู้ที่เดินสำรวจอยู่นี้ได้ไม่ยากเลย
ชานยอลเคยได้ยินกิตติศัพท์ของคุณหนูโอเซฮุนว่าร้ายเพียงใด แม้ว่าวันนี้จะยังไม่โดนเหวี่ยงและโดนไล่แต่ทว่าวันอื่นก็ยังไม่แน่ แต่วันนี้ที่ไม่โดนไล่ตะเพิดแต่กลับได้สัมผัสอุ่นแปลกๆมาแทน ยืนนิ่งคิดอยู่ได้ไม่เท่าไหร่บานประตูห้องน้ำก็เปิดออกพร้อมกับร่างของคุณหนูที่สวมชุดนอนขายาวลายตารางสีฟ้าเข้มอ่อนสลับขาว
“พี่คงเคยได้ยินวีรกรรมของผมใช่ไหมครับ?” เซฮุนเดินไปนั่งอยู่ข้างเตียงแล้วมองคนที่ยืนจับข้อมือตัวตรงแน่วอยู่เบื้องหน้า
“ครับคุณหนู” เซฮุนวาดรอยยิ้มก่อนที่จะลุกขึ้นยืนแล้วเดินเข้าไปประชิดตัว
“ถ้าไม่อยากโดนผมไล่ก็ทำตัวดีๆ อย่าขัดใจผมนะครับคุณบอดี้การ์ด” ชานยอลก้มหัวลงน้อมรับคำสั่ง
“ครับคุณหนูเซฮุน”
“ตอนนี้พี่เป็นของผมแล้วนะครับ” ฝ่ามือเย็นเพราะเพิ่งอาบน้ำมาสัมผัสแนบเข้ากับแก้มอุ่นของคนตรงหน้าก่อนที่จะรั้งใบหน้าหวานนั้นให้ก้มลงมาหา กลีบปากบางถูกสัมผัสอีกครั้ง แม้ไม่ล่วงล้ำแต่ก็จาบจ้วงอยู่ในที สัมผัสแผ่วดูดดึงแล้วผ่อนปรน นัยน์ตาของทั้งสองมองสบกันไม่มีผู้ใดละสายตาออกไปก่อน ดวงตากลมตรงหน้าเบิกกว้างอย่างตกใจ แววไหววูบสั่นระริกจนคนที่มองเห็นนึกสนุกยิ่งเบียดลิ้มชิมกลีบเนื้อนุ่มนั้น จูบซับที่มุมปากอีกครั้งก่อนที่จะละเลียดผละออกอย่างอ้อยอิ่ง มองสบตากลมๆที่เบิกกว้างก่อนที่จะหลุดขำคิกคักกับดวงหน้าขาวที่แดงเรื่อไปถึงใบหู ใบหน้าเรียบเฉยแสดงอาการตกใจอย่างปิดไม่มิดก่อนที่จะผลักคุณหนูในความดูแลแล้ววิ่งออกจากห้องนี้ไป ท่าจะอยู่กับคุณหนูให้ได้คงจะต้องมีภูมิต้านทานให้มากเสียแล้วล่ะปาร์คชานยอล
“หึหึ...” เซฮุนที่มองตามแผ่นหลังบางวิ่งจากไปก็ได้แต่หัวเราะยกยิ้มที่มุมปากอย่างถูกใจ นี่สินะจุดอ่อนของคนที่ทำหน้านิ่งได้ทั้งวัน ตอนนี้คุณหนูรู้แล้วว่าสิ่งใดคือจุดอ่อนของผู้ดูแลคนใหม่ ในหัวก็คิดถึงแผนการที่จะใช้แกล้งบอดี้การ์ดแสนนิ่งให้หลุดมาดด้วยรอยยิ้มกริ่ม สนุกล่ะงานนี้
สงสัยว่าคืนนี้คุณหนูเซฮุนจะนอนหลับฝันดีเสียแล้วกระมัง...
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น