ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fic Kris x Chanyeol (KrisYeol) - The Time of Love [END]

    ลำดับตอนที่ #5 : Episode 2 : Who are you? – 1

    • อัปเดตล่าสุด 26 ต.ค. 55


    อุ้ยยยยยยยยยยยยยยยยย รู้สึกเขินจังงงง ขอบคุณค่ะที่ชมว่าเขียนภาษาสวย จริงๆเราว่าก็ไม่สวยเท่าไหร่นะ 555

    ขอบคุณค่ะที่จะติดตามกันไปเรื่อยๆ ดีค่ะๆ เราชอบบบบบ คิๆๆ

    ปล. อยากบอกทุกคนว่า ............. อย่าเพิ่งไว้ใจเรามากนะคะ =w=

    _____________________________



       “คุณครูชานยอล!!!” เสียงเรียกมาพร้อมกับแรงเขย่าเอาซะหัวสั่นหัวคลอน ชานยอลที่นั่งเหม่อสะดุ้งโหยงก่อนจะหันซ้ายหันขวามองรอบตัวที่มีใครอีกหลายคนนั่งหันหน้ามามองตน

       “เอ่อ... ขอโทษครับ” คนตัวบางยกมือขึ้นเกาหัวเบาๆก่อนจะก้มหน้ารับฟังการประชุมของเหล่าคณะครูอนุบาลกันต่อ

       ปาร์คชานยอลครูประจำชั้นเด็กอนุบาลห้องทานตะวันกำลังเดินออกจากห้องประชุมอย่างงงงวย ว่าเมื่อครู่ตนนั้นแอบหลับไปเมื่อไหร่และการประชุมคณะครูของอาทิตย์นี้มีเนื้อหาว่าอย่างไร คนตัวบางเดินออกจากห้องประชุมมาพร้อมกับเกาหัวด้วยความไม่เข้าใจ ผมที่สไลด์ยาวประบ่าและรวบมัดไว้ครึ่งหัวกำลังฟูฟ่องและยุ่งเหยิงได้ที่ แต่แล้วคนที่กำลังเดินคอตกก็ถลาไปด้านหลังเพราะโดนใครบางคนลากไปอีกที

       “อ๊าก~~ เดี๋ยวๆๆ คริสอย่าเพิ่งลาก~~~~” แต่มีหรือที่คนลากจะหยุดตามคำร้อง ใบหน้าน่ารักยู่ปากอย่างไม่เข้าใจว่าจะมาลากตนทำไม

       “เจ็บนะ แล้วนี่พาฉันมาหลังโรงเรียนทำไมอ่ะ” เมื่อมาถึงหลังโรงเรียนมือที่กำข้อมือตนก็ปล่อยออกก่อนจะหมุนตัวคนหัวยุ่งให้หันหลังมาหา ดึงยางรัดผมออกก่อนจะใช้ปลายนิ้วสางเส้นผมนิ่มให้เรียบร้อย สองมือเสยผมครึ่งหัวขึ้นเกล้าจับเก็บให้เรียบร้อยแล้วใช้ยางรัดผมให้เรียบร้อยเหมือนเดิม ชานยอลหันหลังกลับมายิ้มให้

       “ขอบคุณครับ” เงยหน้าขึ้นฝากสัมผัสไว้ที่แก้มของคนใจดีก่อนจะเดินนำออกจากหลังโรงเรียน ชายหนุ่มเดินยิ้มตามหลังมาแล้วคว้ามือเล็กมาจับกุม

       “คืนนี้จะไปนอนที่ห้องไหม?” เสียงนุ่มเอ่ยถาม ชานยอลหันไปยิ้ม

       “แล้วคืนนี้คริสจะทำอะไรให้กินล่ะ? ไม่เอารามยอนแล้วนะเบื่อมาก~~” ลอยหน้าลอยตาเสียน่ารักจนคริสอดใจไม่ไหวยื่นนิ้วไปบีบจมูกโด่งเบาๆ

       “ถ้างั้นเราไปกินข้างนอกก็ได้” ชานยอลเดินถอยหลังมองหน้าของชายหน้าแล้วยิ้มล้อเลียน

       “ก็เพราะว่าคริสทำกับข้าวไม่เป็นใช่ไหมล๊า~~” เดินถอยหลังยิ้มล้อเลียนเลยไม่เห็นว่ามีใครเดินออกมาจากห้องพอดี แขนยาวของคริสเกี่ยวเอวคนที่จะล้มไว้ได้ทัน ร่างนิ่มในอ้อมกอดกับกลิ่นหอมอ่อนๆที่แตะปลายจมูก

       “เดินไม่ดูทางกันเลยพวกนี้นิ ไปๆ ใกล้จะได้เวลาเด็กๆมาโรงเรียนกันแล้ว” ทั้งสองหันมาก้มหัวขอโทษผู้อำนวยการโรงเรียนก่อนจะเดินออกไปยังหน้าโรงเรียนเพื่อรอเด็กนักเรียนมาโรงเรียน

       “คริสอ่า... เหนื่อยอ่ะคืนนี้นวดไหล่ให้ด้วยนะ~” ชายหนุ่มเพียงแค่ยิ้มแล้วพยักหน้ารับ แค่นั้นชานยอลก็ดีใจกระโดดโลดเต้นเป็นเด็กๆ จะว่าไปชานยอลก็เหมาะกับการเป็นครูเด็กอนุบาลเหมือนกันเนอะ

       คริส หนุ่มลูกครึ่งจีน-แคนาดาที่ตามครอบครัวมายังประเทศเกาหลีก็เป็นครูอนุบาลห้องทานตะวันคู่กับคุณครูแสนร่าเริงอย่างชานยอลเช่นกัน ทั้งสองเป็นครูประจำชั้นช่วยกันดูแลเด็กนักเรียนในห้องทานตะวัน คุณครูคริสที่แสนเงียบขรึมแต่ก็อบอุ่น คุณครูชานยอลที่แสนร่าเริงและน่ารักมากๆ ทั้งสองเป็นที่ชื่นชอบของเด็กนักเรียนทุกคนทั้งห้องทานตะวันและห้องอื่นๆ

       คุณครูทั้งสองมายืนรอรับเด็กนักเรียนของตนที่ประตูโรงเรียน คุณครูคริสมักจะยืนอยู่ข้างๆคุณครูชานยอลเสมอ เหล่าคุณครูท่านอื่นๆก็พอจะรับรู้ว่าทั้งสองแอบคบกันอยู่ เด็กนักเรียนก็มักจะเชียร์ให้คุณครูคริสกับคุณครูชานยอลรักกัน แต่ชานยอลมักจะปฏิเสธทุกครั้งเวลาที่มีใครถามว่าตนนั้นคบกับคริสหรือไม่ แต่การกระทำกลับไม่ได้บอกแบบนั้นนะ...

       “คุณครูคริส คุณครูชานยอล สวัสดีครับ~~~” เด็กชายตัวน้อยวิ่งกระดุ๊กกระดิ๊กเข้ามาหาคุณชายประจำชั้นของตน ชานยอลลงนั่งแล้วรับอ้อมกอดของเด็กน้อยที่วิ่งเข้ามา

       “ว่าไงหนูเมสัน วันนี้ก็ร่าเริงอีกแล้วนะ” เด็กน้อยแก้มยุ้ยยิ้มกว้างๆ

       “ก็เมสันร่าเริงเหมือนคุณครูชานยอลไง เนอะคุณครูคริส” คนที่โดนเป็นแนวร่วมเพียงแค่ก้มลงมาขยี้หัวของเด็กชายเบาๆพร้อมกับวาดรอยยิ้มให้

       “เข้าห้องได้แล้วเมสัน คุณครูชานยอลน่ะมีคนเดียวสำหรับคุณครูคริสนะ” เมสันยิ้มกว้างหัวเราะปรบมืออย่างชอบใจแต่คนโดนพาดพิงน่ะแก้มแดงไปแล้วตามระเบียบ

       “บ้าน่า พูดอะไรก็ไม่รู้เรื่อง~ ยืนไปคนเดียวเลยไม่ยืนด้วยแล้ว” ฟาดเข้าที่แขนของคนพาดพิงแรงๆก่อนจะจูงมือเมสันกลับเข้าห้องเรียนไปไม่สนใจใครอีกคนที่ยิ้มตามหลังอีกเลย เด็กน้อยเมสันเดินเข้าห้องอย่างอารมณ์ดีที่วันนี้คุณครูชานยอลก็เดินมาส่งที่ห้องเรียนอีกแล้วล่ะ~~

        คริสยังคงยืนเวรที่หน้าประตูโรงเรียนต่อไปจนกว่าที่เด็กนักเรียนทุกคนจะมาครบ และเมื่อถึงเวลาปิดประตูคุณครูคริสก็ช่วยคุณครูสาวๆท่านอื่นปิดประตูเหล็กหน้าโรงเรียนก่อนจะเดินกลับเข้าห้องทานตะวันที่ตนดูแลคู่กับคนตัวบาง แต่เมื่อบานประตูเลื่อนออกดวงตาเรียวชองชายหนุ่มก็เห็นคนตัวบางที่นั่งอยู่บนเก้าอี้เรียนและเด็กๆในทั้งหลายก็รุมล้อมรอบคุณครูคนสวยไว้

       เมื่อคุณครูคริสมาแล้วเด็กๆก็แหวกทางให้คุณครูเดินเข้าไปหาคูณครูที่นั่งเอามือปิดก้มหน้าอยู่ ชายหนุ่มลงนั่งคุกเข่าข้างหนึ่งแล้วเชยใบหน้าน่ารักขึ้นแต่สองมือที่ปิดหน้าอยู่ก็แทบจะบังมิดเสียทั้งใบหน้า ชายหนุ่มหันไปมองเหล่าเด็กน้อยที่แบะปากคล้ายกับจะร้องไห้อยู่รอมร่อ เมสันที่ยืนอยู่ใกล้สุดปล่อยสะอื้นออกมาเสียแล้ว

       “เกิดอะไรขึ้นเมสัน” ฝ่ามือใหญ่ลูบกลุ่มผมนิ่มของเด็กน้อยเบาๆ เมสันสะอื้นโฮก่อนจะเอ่ยบอกด้วยเสียงสะอื้น

       “คะ..คุณครูชานยอล.. มาส่ง อึก.. เมสัน..แล้วก็... อึก..ฮืออ.. คุณครูก็.. ชนประตู” ดวงตาเรียวกระพริบตาปริบๆมองเด็กน้อยที่สะอื้นไห้ก่อนจะหันกลับมามองคนที่นั่งก้มหน้านิ่ง

       “ชนประตู? ไหนดูสิ” จับสองมือเล็กที่ปิดใบหน้าออกก็ต้องใจกระตุกวูบเมื่อใบหน้าขาวนวลมีรอยแดงเป็นปื้นที่หน้าผากและอีกไม่นานมันจะปูดออกมา

       “อื้อ...ก็ไม่ได้มองอ่ะ เงยหน้าขึ้นมาก็ชนเลยอ่ะ” อยากจะหัวเราะก็หัวเราะไม่ออกชายหนุ่มเลยได้แต่ส่งยิ้มไปให้ แล้วลุกขึ้นประคองคุณครูแสนโก๊ะให้ลุกขึ้น

       “ไปห้องพยาบาลกัน .. เมสันดูแลเพื่อนๆด้วยนะ เงียบได้แล้วคนเก่ง” ขยี้ผมหยิกของเด็กน้อยจนฟูก่อนจะประคองคนที่ยังมึนได้ที่ให้ไปห้องพยาบาล

       “ทำไมถึงหาเรื่องชนโน้นชนนี่ได้ทุกวันเลยนะ หื้ม?” ชานยอลทำปากยู่ก่อนจะหันมองคนข้างๆที่พาประคองเดินมา

       “ก็แล้วทำไมไม่มาช่วยก่อนที่จะโดนชนเล่า~~~” ว่าแล้วก็สะบัดหน้าหนีไม่สนใจคนที่หัวเราะอยู่ข้างกายอีกเลย

       “ขอโทษครับคุณมิยอน พาคนป่วยมาให้ดูแลครับ” คริสเปิดประตูห้องพยาบาลเข้าไปพร้อมกับประคองคนหัวกำลังจะโนซ้ำยังทำหน้าบูดเข้าไปในห้อง นางพยาบาลสาวลุกขึ้นต้อนรับด้วยรอยยิ้มขำ

       “เจอกันทุกเช้าเลยนะคะคุณคริส คุณชานยอล” คนเจ็บทำหน้ายู่กับคำทักทายนั่นแต่ก็ปฏิเสธไมได้ว่าเจอกันทุกเช้าที่ห้องพยาบาลจริงๆนั่นแหละ

       “กลับเข้าห้องไปเถอะ เดี๋ยวเด็กๆจะเป็นห่วง” ชานยอลหันมาหาใครอีกคนที่ยังคงยืนอยู่ข้างๆ ชายหนุ่มพยักหน้ารับ

       “แน่ใจนะว่าอยู่ได้ ถ้าอย่างนั้นฝากด้วยนะครับ” ขยี้หัวชานยอลทิ้งท้ายก่อนจะเดินออกจากห้องพยาบาลไป ชานยอลมองตามด้วยรอยยิ้มแต่มิยอนกลับส่งยิ้มล้อเลียนมาให้ นี่เหรอที่บอกว่าไม่ได้เป็นอะไรกัน ต่อให้ยกภูเขาทั้งลูกมาตั้งไว้ตรงหน้าหล่อนก็ไม่เชื่อ

       “เชิญนั่งเลยค่ะคุณชานยอล” พยาบาลสาวผายมือเชิญให้คุณครูนั่งก่อนที่จะปฐมพยาบาลหัวที่โนปูดให้

       ไม่นานการปฐมพยาบาลก็เสร็จสิ้นลงเพียงแค่ประคบเย็นไว้สักพักเท่านั้น ชานยอลเดินกลับห้องเรียนของตนด้วยคอตก เพราะโดนคุณพยาบาลสาวต่อว่าทิ้งท้ายมาว่าให้ระมัดระวังและคอยมองทางให้มีสติมากกว่านี้ ก็ทุกวันนี้ชานยอลจะต้องชนโน้น เตะนี่ สะดุดนั่น กระแทกโดนสิ่งนั้นเสมอ เป็นที่รับรู้กันทั้งโรงเรียนว่าคุณครูชานยอลนั้นน่ารัก ร่าเริงแต่โก๊ะที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา

       ชานยอลกำลังเดินมาตามทางในอาคารเรียนเพื่อไปเข้าห้องที่ตนนั้นดูแลแต่ทว่าเสียงกีตาร์แผ่วเบาก็ดังลอดมา ท่วงทำนองบรรเลงแสนเสนาะหูกับเสียงร้องทุ้มๆที่ฟังกี่ทีก็อยากจะให้คนร้องนั้นหยุดร้องเสีย แต่ก็ปฏิเสธไมได้ว่าเสียงนั้นช่างมีเสน่ห์และแรงดึงดูดให้หลงใหลยิ่งนัก บานประตูห้องค่อยๆเปิดออกอย่างแผ่วเบา คนที่ทั้งเล่นกีต้าร์และร้องเพลงคลอไปด้วยนั้นเงยหน้าขึ้นมามองพร้อมกับรอยยิ้ม แต่เสียงบรรเลงเพลงก็ไม่ได้สะดุดลง เด็กหญิงตัวเล็กลุกขึ้นวิ่งมาจูงมือคุณครูคนสวยของเธอให้เดินไปลงนั่งข้างๆเธอและฟังเพลงด้วยกัน

       “เย้~~” เมื่อบทโน๊ตสุดท้ายถูกบรรเลงจบไปเด็กทั้งหลายก็พากันปรบมือและส่งเสียงร้องอย่างดีใจที่วันนี้คุณครูคริสมาร้องเพลงให้ฟัง

       “เริ่มชั่วโมงแรกกันแล้ว เรามาปั้นดินน้ำมันกันดีไหมเด็กๆ” เมื่อนักดนตรีแสนทรงเสน่ห์มองและส่งยิ้มมาให้จนเขิน คุณครูผู้ร่วมห้องก็เอ่ยปากถามเด็กๆและแน่นอนเหล่าเด็กนักเรียนก็ส่งเสียงร้องอย่างดีใจ

       “มาเลย มาใส่ผ้ากันเปื้อนกันก่อนนะ” ชานยอลลุกขึ้นไปหยิบตะกร้าที่มีผ้ากันเปื้อนสำหรับเล่นกิจกรรมของเด็กนักเรียนมาแจกให้เด็กๆสวม

       “เรียบร้อยแล้วก็มานั่งที่โต๊ะกันนะ” คุณครูคริสก็หยิบถังดินน้ำมันหลายสีออกมาวางแล้วแจกดินน้ำมันทุกสีเตรียมไว้ให้เด็กๆในจานของแต่ละคน

       “วันนี้เราจะปั้นอะไรกันดีนะเด็กๆ” ชานยอลเอ่ยถามพร้อมกับสวมเสื้อกันเปื้อนให้เด็กให้เรียบร้อย คริสเองก็ช่วยสวมให้เด็กคนอื่นเช่นกัน

       “ปั้นคุณครูชานยอลกับคุณครูคริสค่ะ~~” เด็กหญิงตัวน้อยยกมือขึ้นพร้อมกับหัวเราะคิกคัก พวงแก้มขาวของคุณครูชานยอลก็แดงเรื่อ

       “ไม่ดีมั้งเด็กๆ งั้นปั้นอะไรก็ได้ตามใจล่ะกันเนอะ~~” ยิ้มให้เด็กนักเรียนก่อนจะเดินหลบฉากไปยืนพิงตู้เก็บหนังสือนิทานที่วางไว้ใต้หน้าต่างบานสี่เหลี่ยม

    “หัวหายเจ็บหรือยังน่ะ ต่อไปก็เดินระวังๆหน่อยนะ” คริสเดินเข้ามาใกล้แล้วใช้ปลายนิ้วปัดปอยผมหน้ายาวของชานยอลทัดไว้ที่ใบหูขาว ก่อนจะมองรอยแดงที่หัวที่ยังคงแดงอยู่

       “ก็ระวังแล้วนะแต่มันก็ชนโน้นชนนี่ทุกทีเลยอ่ะ” ว่าแล้วก็เกาหัวอย่างเขินอาย คริสเกี่ยวเอวเล็กเข้ามาประชิดก่อนจะกระซิบชิดริมหู

       “ต่อจากนี้จะไม่ให้คลาดสายตาอีกแล้ว” พวงแก้มขาวร้อนผ่าวและแดงสีจัด คนที่โดนกอดเสียแนบชิดพยักหน้ารับในอ้อมแขนอุ่น

       “อื้อ.. ต่อจากนี้ก็อย่าให้คลาดสายตาล่ะ” เอ่ยบอกเสียงแผ่วแต่อยู่ชิดกันเพียงแค่นี้มีหรือที่ชายหนุ่มจะไม่ได้ยิน กลีบปากบางยกขึ้นยิ้มเมื่อหัวกลมๆพิงซบลงมาที่ไหล่ คำพูดคำจาแสนน่ารักนั่นก็ยิ่งทำให้ชายหนุ่มอยากสัมผัสเรือนร่างนิ่มให้มากกว่านี้เสียจริงแต่ก็ทำไม่ได้เพราะยังอยู่ในเวลางาน ทั้งสองยืนมองเด็กๆปั้นดินน้ำมันด้วยรอยยิ้ม ไม่รู้ว่ายิ้มที่เด็กๆน่ารักหรือยิ้มที่อ้อมแขนยาวๆไม่ละออกห่างจากเอวของตน ชายหนุ่มหันมองคนในอ้อมแขนที่ยิ้มเขินอายก็ยิ่งได้ใจขยับปลายนิ้วขึ้นไล้สีข้างของอีกคนเบาๆ

       “อ๊ะ อย่าสิ ...ไม่เอานะ” ชานยอลขยับหนีด้วยจั๊กกะจี้แต่มีหรือที่ชายหนุ่มขี้แกล้งจะยอมละมือ คริสยิ่งขยับปลายมือไล้สีข้างมากเข้าอีก ชานยอลก็ดิ้นหนีแต่ก็ไม่พ้นอ้อมแขนยาวนี้ได้หรอก เด็กน้อยทั้งหลายที่แอบมองแล้วก็หัวเราะคิกคักกับคุณครูทั้งสองที่ชอบหยอกล้อกันแบบนี้ หนูเมสันถึงจะชอบใจแต่ก็หน้ามุ่ยเพราะหนูเมสันก็ชอบคุณครูชานยอลเหมือนกันนะ!!

       คุณครูคริสและคุณครูชานยอลยืนมองเด็กๆตัวเล็กปั้นดินน้ำมันกันอย่างสนุกสนาน ชานยอลมองเด็กๆด้วยรอยยิ้มก่อนจะเดินออกจากอ้อมแขนยาวที่เกี่ยวเอวตนไว้ไปช่วยเด็กตัวกลมที่นั่งแอบหลบมุมปั้นดินน้ำมันคนเดียว ชานยอลสังเกตมาสักพักแล้วว่าเด็กน้อยคนนี้จะเงียบลงเรื่อยๆแล้วก็ไม่ยอมพูดกับใครเลย ต่างกับเมื่อก่อนที่เด็กคนนี้มักจะยิ้มร่าเริและวิ่งเล่นกับเพื่อนๆคนอื่นอย่างสนุกสนาน

       “ว่าไงหนูมินซอก ปั้นอะไรอยู่จ๊ะ” ชานยอลเดินมาลงนั่งทับขาข้างๆเด็กตัวกลม ใบหน้าน่ารักของเด็กน้อยหันมามองก่อนจะหันกลับแล้วยื่นส่งถาดกระดาษที่มีดินน้ำมันปั้นเป็นมื้ออาหารมาให้ดู ริมฝีปากสีชมพูอ่อนวาดรอยยิ้มส่งมาให้ ซึ่งคุณครูชานยอลก็ยิ้มตามแม้จะอยากถามสักเพียงไหนว่าสิ่งใดกันที่พรากเอารอยยิ้มสดใสนี้ไปจากคิมมินซอกที่น่ารักนี้กัน

       “ว้าว~ หนูมินซอกปั้นเก่งจังเลย~” ชานยอลปรบมือพร้อมกับวาดรอยยิ้มสดใสซึ่งเด็กตัวกลมก็หัวเราะและยิ้มตามคุณครูไปด้วย
     
       “ไหนบอกคุณครูชานยอลสิว่า หนูมินซอกปั้นอะไรบ้าง” เด็กตัวกลมยิ้มกว้างก่อนจะขยับเข้าไปใกล้ๆคุณครูที่นั่งอยู่ข้างเก้าอี้ที่ตนนั่ง

       “นี่ฮะเค้ก ข้าวปั้น แอบเปิ้ลแล้วก็แฮมเบอร์เกอร์~” นิ้วป้อมๆชี้ไปยังก้อนดินน้ำมันที่ปั้นเป็นรูปต่างๆ แม้ว่ามันจะไม่เหมือนสักเท่าไหร่ก็ตาม ชานยอลยิ้มก่อนจะปรบมือถูกใจ

       “ว๊าว~ น่ากินมากๆ มินซอกชอบกินพวกนี้ใช่ไหม” เด็กน้อยที่ยิ้มกว้างจนพวงแก้มกลมดันดวงตาจนเล็กหยีพยักหน้ารับอย่างกระตือลือล้น

       “คุณครูชานยอลก็ชอบเหมือนกัน~ คุณครูชอบกินเค้กกับแอปเปิ้ล ว้า~ พูดแล้วก็หิวเนอะ~”

        “ฮะ~ ผมมีขนมด้วย” เด็กน้อยหยิบกระเป๋าที่แขวนไว้กับตะขอข้างโต๊ะเรียนขึ้นมาค้นหาห่อขนมแล้วยื่นมาให้คุณครูชานยอล

       “เรามากินด้วยกันดีกว่าเนอะ” ชานยอลหยิบห่อขนมมาแกะถุงแล้วหยิบชิ้นขนมป้อนใส่ปากเด็กน้อยตัวกลมก่อนจะใส่เข้าปากตัวเอง

       “อร่อยจัง~~” ทั้งมินซอกและชานยอลพูดขึ้นพร้อมกันหลังจากกินขนมแล้ว เสียงหัวเราะใสๆของทั้งคู่ดังขึ้นส่งผลให้ทุกคนที่เหลือหันมามองและแน่นอนคุณครูคริสก็ด้วย ชายหนุ่มเพียงแค่มองมาแล้วระบายยิ้มเท่านั้น

       เมื่อถึงเวลาอาหารกลางวันของเด็กๆ เหล่าเด็กน้อยทั้งชายหญิงก็เดินมาเข้าแถวเกาะไหล่กันอย่างรู้หน้าที่โดยมีหนูเมสันยืนเป็นหัวขบวนรถไฟพร้อมกับคุณครูคริสที่คอยคุมไม่ให้รถไฟแตกขบวน หนูมินซอกเดินจูงมือกับคุณครูชานยอลอยู่หลังสุด ใบหน้ากลมแก้มป่องฉายแววเศร้าสร้อยลงยามที่มองเพื่อนๆเดินหัวเราะเกาะไหล่เป็นรถไฟขบวนกัน

        ชานยอลก้มลงมองเด็กน้อยที่เดินดุ๊กดิ๊กอยู่ข้างกายแล้วก็นึกสงสารอยากที่จะช่วยทำให้เด็กน้อยกลับมาร่าเริงแต่ก็ไม่รับรู้ถึงเหตุผลแต่ก็คงจะต้องช่วยเท่าที่จะทำได้ เพราะรอยยิ้มของเด็กๆน่ะช่างเป็นสิ่งสวยงามที่แสนบริสุทธิ์ ถ้าถูกพรากไปเด็กเหล่านั้นจะมีความสุขได้อย่างไรกัน

       ภายในโรงอาหารของโรงเรียนอนุบาลนั้นเตรียมถาดอาหารให้เด็กๆทุกคนเตรียมพร้อมไว้ที่โต๊ะรับประทานอาหารของเด็กๆเรียบร้อยแล้ว เมื่อไปถึงเด็กๆก็เดินไปนั่งยังโต๊ะยาวของห้องตนได้ทันที อาหารวันนี้น่ากินมากแต่มินซอกกลับมองมันไม่พูดไม่จา เมื่อสัญญาณเริ่มการทานอาหารดังขึ้นเด็กๆทุกคนก็เริ่มลงมือทานอาหารกัน เหล่าบรรดาคุณครูก็นั่งทานข้าวกันไม่ใกล้ไม่ไกลจากโต๊ะของเด็กนักเรียน

       “คริสอ่า ฉันว่าพักนี้หนูมินซอกแปลกไปนะ ไม่ค่อยพูดเลย ไม่ยิ้มด้วย” หัวคิ้วของชานยอลขมวดมุ่นจนเป็นปม คริสมองคนตรงข้ามที่ทำหน้ายุ่งคิ้วขมวดแล้วก็อดยิ้มไมได้

       “มินซอกอาจจะมีอะไรในใจก็ได้ อะไรที่บอกเราไม่ได้ อย่าคิดมากเลย” ชายหนุ่มเอื้อมแขนยาวๆออกไปคลึงระหว่างหัวคิ้วที่เป็นปม ชานยอลยู่ปากก่อนจะสะบัดหน้าหนี

       “ก็เป็นห่วงหนูมินซอกนินา มีอะไรในใจ ที่บ้านมีปัญหาหรือเปล่า หรือว่าโดนเพื่อนๆแกล้งหรือเปล่าก็ไม่รู้” นัยน์ตากลมโตหันมองเด็กตัวกลมที่นั่งกินข้าวเงียบๆไม่เงยหน้าคุยกับใครเลยแล้วหัวใจนางงามรักเด็กของปาร์คชานยอลเจ็บปวด

       “ถ้าเรารู้ปัญหาว่ามินซอกเป็นอะไรแล้วเราจะช่วยอะไรมินซอกได้ล่ะหื้ม? เพราะฉะนั้นไม่ต้องคิดมาก กินข้าวได้แล้ว” คริสคีบกิมจิไปใส่ไว้ในชามข้าวของชานยอลซึ่งคุณครูแสนโก๊ะก็คีบกิมจิเข้าปากไป

       “ระหว่างหนูมินซอกกับหนูคริส คุณครูชานยอลเป็นห่วงใครมากกว่ากันครับ” คำถามแบบนี้กับน้ำเสียงนุ่มๆ แค่ได้ยินคนฟังก็ใกล้ตายแล้วหรือเปล่านะ... รอยยิ้มกับใบหน้าที่โน้มข้ามมาใกล้ๆนี่อีก ปาร์คชานยอลขอตายคาถาดอาหารเลยดีกว่า!

       “ทะ..ถามอะไรเล่า ไม่คุยด้วยแล้ว กินข้าวดีกว่า” แล้วคุณครูชานยอลก็ก้มหน้ากินข้าวปล่อยให้คนตรงข้ามมองแล้วยิ้มกับพวงแก้มแดงๆที่มองเห็น ชายหนุ่มเอื้อมมือออกไปทัดปอยผมข้างแก้มขึ้นทัดใบหูเผยให้เห็นแก้มขาวแดงเรื่อ

       “ตอบหน่อยสิครับคุณครูชานยอล~” ปลายเสียงเว้าวอนเสียจนคนที่เขินอายอยู่แล้วยิ่งเขินอายและใจสั่นหนักกว่าเดิมเสียอีก

       “ตะ...ตอบอะไรเล่า ไม่ตอบจะกินข้าว กินข้าวต้องไม่คุยนะ” ชานยอลยัดทั้งข้าว ทั้งกับ ทั้งกิมจิเข้าปากเสียไม่กลัวว่าตัวเองจะสำลัก แต่คนแสนโก๊ะกลับสำลักเพราะคำถามของเจ้าหนูจำไมเสียนี่

       “คุณครูชานยอลรักหนูคริสไหมครับ” ถ้าพ่นข้าวใส่หน้าคนตรงข้ามได้ปาร์คชานยอลทำไปแล้วนะ แต่ก็ทำไม่ได้ไงเลยได้แต่ยกน้ำขึ้นมาดื่มแล้วก้มหน้าลงให้พ้นสายตาคมที่มองมา

       “มะ...ไม่รู้ ไม่ตอบ ไม่นั่งด้วยแล้ว~” ชานยอลลุกขึ้นยืนแต่ขาเจ้ากรรมก็ไปเกี่ยวขาโต๊ะและแนวสีข้างก็ชนเข้ากับขอบโต๊ะ คริสเองก็ลุกพรวดขึ้นรับคนตัวบางที่จะถลาล้ม

       “ระวังหน่อยสิ เจ็บมากไหมเนี่ย” หัวคิ้วเข้มขมวดกันยุ่งแลดูไม่ชอบใจเลยที่ชานยอลชอบเจ็บตัวอยู่เสมอ ใบหน้าน่ารักเงยหน้าขึ้นแล้วยิ้มให้
     
       “ไม่เจ็บๆ แค่นี้สบายมาก~~” ยกมือทำท่าโอเคส่งให้แต่มีหรือที่ชายหนุ่มจะยอมเชื่อ คริสแตะที่สีข้างที่โดนกระแทกเบาๆ ชานยอลนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ

       “ไหนบอกว่าไม่เจ็บไง เดี๋ยวไปห้องพยาบาลเลยนะ” ใบหน้าน่ารักส่ายหน้าไปมาพร้อมกับหยิบหลอดยาที่ในกระเป๋ากางเกงออกมา

       “ไม่ต้องหรอก นี่ไงยาทาที่คุณมิยอนให้ไว้ ใช้ได้ๆ” คริสหยิบหลอดยามาดูแล้วก็เก็บใส่กระเป๋ากางเกงของตัวเอง

       “กินข้าวเสร็จจะทาให้นะ” ชานยอลพยักหน้ารับพร้อมกับส่งเสียงรับคล้ายเด็กน้อย

       “ไม่โกรธใช่ไหมอ่า คริสอ่า... อย่าโกรธเลยนะ~” ชานยอลกำเสื้อของอีกคนแล้วก้มหน้าลงอย่างสำนึกผิด เพราะเวลาที่ตนเจ็บตัวทีไรชายหนุ่มก็มักจะโมโหทุกที ชานยอลไม่ชอบให้ใบหน้าหล่อๆนั่นบึ้งตึงเอาเสียเลย (อ๊ายยย พูดอะไรออกไปเนี่ย >////<)

       “ถ้าอย่างนั้นก็ตอบคำถามมาสิ” แก้มขาวแดงเรืออีกครั้ง มือที่กำเสื้อของอีกฝ่ายไว้ยิ่งกำแน่นเข้าไปอีก

       “คำถามอะไรล่ะ คริสไม่ได้ถามอะไรเสียหน่อย” ชายหนุ่มก้มลงมองคนที่ก้มหน้าอยู่นี้แล้วกระตุกยิ้ม

       “ไม่งั้นจะโกรธแล้วนะ” ว่าแล้วก็เบี่ยงตัวออกเดินหนีแต่ชานยอลคว้าเสื้อของอีกคนไว้ ใบหน้าคล้ายจะร้องไห้ของชานยอลนี่ก็ทำให้คนมองแอบชอบใจอยู่ไม่น้อยนะ

       “ตอบก็ได้ๆ อย่าโกรธนะๆๆ ..... ก็.. ฉัน.. ฉันรักหนูคริสที่สุดเลย” เอ่ยพูดรัวๆก่อนจะลงนั่งไม่สนคนที่ยังยืนยิ้มเป็นคนบ้าอยู่ข้างกาย

       “แค่นี้ล่ะ กินข้าวเสร็จแล้วจะทายาให้นะ” โน้มตัวลงฝากสัมผัสอุ่นไว้ที่กลางกระหม่อนก่อนจะเดินกลับไปนั่งยังที่ของตัวเองแล้วลงมือทานอาหารมื้อกลางวันต่อโดยที่ไม่รู้เลยว่าคนทั้งโรงอาหารมองทั้งคู่อยู่นานแล้ว แหมมมมม แล้วก็ปฏิเสธนะคุณครูชานยอลว่าไม่ได้เป็นอะไรกับคุณครูคริสเลย แม้จะเสียดายชายหนุ่มรูปหล่อแต่ทว่าถ้าเป็นชานยอลพวกหล่อนทั้งหลายก็พร้อมที่จะใส่พานถวายนะ~

       เมื่อเด็กๆทานมื้อกลางวันกันเสร็จแล้วคุณครูประจำชั้นก็พาขวบนรถไฟไปยังก๊อกน้ำที่ใช้แปรงฟันล้างหน้าของเด็กๆ คุณครูคริสอาสาไปหยิบตะกร้าที่มีแก้วที่ใส่ยาสีฟันและแปรงสีฟันประจำตัวของเด็กๆมา คุณครูชายยอลก็พาเด็กๆเปิดก๊อกน้ำแล้วล้างมือให้สะอาด ฟอกสบู่ให้ถูกวิธี เสียงหัวเราะใสๆของทั้งเด็กตัวเล็กๆและคุณครูแสนร่าเริงนั้นเรียกรอยยิ้มของคนที่เพิ่งเดินมาถึงได้ไม่ยาก

       เด็กๆหยิบแก้วประจำตัวของตนไปแล้วจัดการแปรงฟันให้สะอาดเรียบร้อยโดยมีคุณครูทั้งสองคอยช่วยอยู่ใกล้ๆ เมื่อเด็กน้อยทั้งหลายแปรงฟัน ล้างหน้าเสร็จก็เดินเรียงแถวมาวางเก็บแก้วแปรงฟันของตนไว้ในตะกร้าที่คุณครูคริสถือ เมื่อเสร็จเรียบร้อยขบวนรถไฟของห้องทานตะวันก็ออกเดินทางกลับห้องเรียน เด็กๆรู้หน้าที่ยืนคอยอยู่หลังห้องพร้อมกับหมอนคนละหนึ่งใบในอ้อมกอด

       คริสและชานยอลช่วยกับปูฟูกนอนเพื่อให้เด็กๆได้นอนกลางวันกัน เมื่อฟูกนอนผืนใหญ่ปูเสร็จเด็กๆก็วิ่งมาจับจองที่นอนกันทันทีจะเหลือก็แต่หนูมินซอกที่ค่อยๆเดินแล้วไปหลบมุมล้มตัวลงนอนแยกจากกลุ่มเพื่อนๆ

       “หนูมินซอกไม่ไปนอนใกล้ๆเพื่อนเหรอ” ชานยอลเดินมาลงนั่งถาม เด็กน้อยตัวกลมมองหน้าคุณครูที่ก้มหน้ามาหาแล้วส่ายหน้า

       “ไม่ฮะ ผมนอนตรงนี้ดีกว่า” มินซอกหลับตาแล้วพลิกตัวหนีเข้าฝาพนังไปไม่สนใจกลุ่มเพื่อนๆด้านหลังอีกเลย ชานยอลลูบกลุ่มผมนิ่มของเด็กน้อยเบาๆก่อนจะลุกขึ้นไปหาชายหนุ่มที่ยืนอยู่ไม่ห่าง

       “ฉันว่าเดี๋ยวเราต้องไปเยี่ยมบ้านหนูมินซอกแล้วล่ะ ต้องรู้ให้ได้ว่าหนูมินซอกเป็นอะไร” คริสเพียงแค่ยิ้มขำกับคุณครูแสนน่ารักที่เอาจริงเอาจังเสียเหลือเกิน

       “เอาไว้ก่อนแล้วกัน แต่ตอนนี้น่ะมาทายาได้แล้วเดี๋ยวก็ช้ำหรอก” คริสจูงมือชานยอลไปยังหลังห้องที่เป็นส่วนของเครื่องเล่น ชายหนุ่มลากคนตัวบางเข้าบ้านของเล่นหลังใหญ่เข้าไปด้านใน ชานยอลนั่งพิงกำแพงบ้านของเล่นมองคริสที่บีบหลอดยาลงบนเรียวนิ้ว

       “ถลกเสื้อขึ้นสิ” คือก็ไม่รู้ว่าคนพูดนั้นคิดอะไรแต่คนโดนสั่งนี่คิดไปไกลแล้ว แก้มขาวร้อนผ่าวและแดงเรือเสียจนชายหนุ่มนึกขำ ชานยอลค่อยๆถลกเสื้อข้างที่เจ็บขึ้น สีข้างผิวเนื้อขาวเนียนขึ้นเป็นรอยแดงยาว คริสลงปลายนิ้วทายาและคลึงนวดบริเวณนั้นเบาๆ

       “อ๊ะ...” เมื่อปลายนิ้วบีบโดนตรงที่เจ็บชานยอลก็ร้องครางออกมา หยดน้ำตาซึมที่ปลายหางตา ชายหนุ่มมองแล้วก็เพียงแค่จุดยิ้มบางๆ หลายครั้งที่คนตัวบางร้องก็นะถึงจะเบามือแต่ก็ใช่ว่ามือของชายหนุ่มจะเบาอ่อนโยนเหมือนคุณมิยอนพยาบาลสาวได้อย่างไรล่ะเนอะ

       “เสร็จแล้ว ...” คริสดึงเสื้อที่ถลกขึ้นลงให้ คริสยอลมองคนที่ทายาให้ด้วยรอยยิ้มก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปจุ๊บที่แก้มของอีกคน

       “ขอบคุณนะ ยาหลอดนั้นคริสเก็บไว้นะแล้วก็ถ้าฉันชนอีกก็ทาให้อีกนะ ขี้เกียจทาเองอ่ะ” ใครจะว่าปาร์คชานยอลนิสัยเสียต้องคอยให้คริสทำอะไรให้ล่ะก็ ....... มันก็จริงนั่นล่ะ ตอนแรกๆที่เจอกันชานยอลก็ไม่ได้เคยตัวแบบนี้แต่เพราะชายหนุ่มที่ยิ้มอยู่ตรงหน้านี่ล่ะที่ทำให้ชานยอลเสียนิสัย แต่คริสก็พร้อมที่จะทำทุกอย่างให้โดยไม่อิดออดเลยแม้แต่น้อย .. เป็นใครจะไม่เสียนิสัยล่ะ

       “ง่วงหรือยัง” ฝ่ามือใหญ่ที่อบอุ่นสัมผัสข้างแก้มใสเบาๆ แค่สัมผัสอบอุ่นกับน้ำเสียงนุ่มที่ถามมาก็เรียกอาการง่วงงุนจากคนตัวบางได้ไม่ยาก ใบหน้าน่ารักพยักหน้ารับ

       “ง่วงแล้ว คริสอ่า.....” ชายหนุ่มขยับเข้าไปนั่งข้างเคียงก่อนจะโอบไหล่เล็กไว้ ชานยอลเอนตัวพิงชายหนุ่มเสียทั้งตัวก่อนจะพิงหัวของตนไว้ที่แผ่นอกกว้างของชายหนุ่ม สัมผัสอุ่นที่กลางกระหม่อมเรียกให้เปลือกตาบางค่อยๆปิดลง มืออีกข้างของคริสจับมือนิ่มของคนที่กำลังจะนิทรานี้มากอบกุม ปลายนิ้วละมุนสัมผัสหลังมือเนียนแผ่วพลิ้ว ดวงตาเรียวก้มลงมองนกน้อยที่นอนหลับอยู่ในอ้อมกอดตัวเองก่อนจะมองออกไปไกลไร้จุดหมาย

       ...ไม่ว่าจะใครหน้าไหน เขาก็ไม่มีทางปล่อยนกน้อยในอ้อมอกนี้ไปเด็ดขาด!!!...

       หนึ่งชั่วโมงผ่านไปเด็กน้อยก็ต้องตื่นนอนและพร้อมที่จะเรียนคณิตโดยมีคุณครูสอนคณิตศาสตร์เข้ามาสอนและแน่นอนคุณครูประจำชั้นก็ต้องตื่นเช่นกันและออกไปยังสนามเด็กเล่นเพื่อตรวจเช็คอุปกรณ์เครื่องเล่นเพื่อให้พร้อมก่อนที่เด็กๆจะออกไปเล่นในเวลาพักก่อนกลับบ้าน แต่ทว่าท่านผู้อำนวยการกลับเรียกทั้งสองเข้าไปพบว่าด้วยเรื่องตารางการเรียนของเด็กห้องทานตะวันและบอกถึงข่าวดีที่ว่าทั้งคู่จะได้รับรางวัลคุณครูในดวงใจของเด็กๆในวันครบรอบของโรงเรียน
     
       เมื่อออกจากห้องของผู้อำนวยการก็จะหมดเวลาสอนและเป็นเวลาพักของเด็กๆเสียแล้ว คุณครูคริสจัดการลงมือตรวจเช็คเครื่องเล่นทุกอันเพื่อให้พร้อมก่อนที่เด็กๆจะออกมาโดยที่มีคุณครูชานยอลนั่งรถเล่นของเด็กไถไปรอบๆ เสียงหัวเราะร่าเริงของคุณครูชานยอลเรียกรอยยิ้มจากคนที่กำลังก้มหน้าซ่อมล้อรถไถไม่ได้ คาดว่าจะเป็นคันที่เมื่อครู่ชานยอลนั่งแล้วล้อหลุด

       บริเวณรอบรั้วโรงเรียนคือต้นไม้ใหญ่ที่วางรอบเป็นแนวรั้วอีกชั้นหนึ่งเพื่อป้องกันคนภายนอก ในบางครั้งเหตุการณ์ที่จะมีคนร้ายแอบปีนรั้วเข้ามาขโมยเด็กก็มีอยู่บ่อยไปซึ่งทางโรงเรียนก็ต้องหาหนทางแก้ไข และต้นไม้ใหญ่ก็เป็นแนวความคิดที่ดีแต่ในโรงเรียนนี้ไม่มีผู้ร้ายที่ไหนจะอยากขโมยเด็ก มีแต่คนอยากจะลักพาตัวคุณครูเสียมากกว่า

       “เอ๊ะ” ชานยอลลุกจากรถเด็กเล่นที่นั่งอยู่เดินไปมองให้เห็นชัดๆว่าเงาดำหลังต้นไม้ที่อยู่นอกรั้วนั้นคือใคร เงาดำนั้นเหมือนสังเกตเห็นคนตัวบางที่ยืนมองจ้อง เงานั้นหายไปยังด้านหลังของลำต้นไม้ใหญ่

       “มีอะไรหรือเปล่า” อ้อมแขนยาวเกี่ยวเอวแนบชิดแล้ววางมือทาบไว้ที่หน้าท้องแบนราบ ชานยอลสะดุ้งแล้วหันมองคนข้างกายที่มองตาม ใบหน้าหล่อดูเคร่งขรึมยิ่งนัก

       “ไม่รู้สิ เหมือนเห็นเงาใครเลยอ่ะ” แต่คริสกลับมองไม่เห็นใครเลย ชานยอลเองก็ได้แต่สงสัยว่าเงานั้นคือเงาของใคร

       “เข้าข้างในกันเถอะ” ชายหนุ่มโอบเอวพาชานยอลเดินกลับเข้าไปข้างใน ใบหน้าคมหันมองด้านหลังไปยังจุดที่ชานยอลมองแต่ก็ไร้เงาผู้ใด ดวงตาคมมองจ้องคล้ายดั่งจะมองทะลุลำต้นไม้ไปยังผู้ที่แอบซ่อนอยู่  ไม่ว่าใครหน้าไหนก็ไม่มีสิทธิ์เข้าใกล้นกน้อยนี้เด็ดขาด!!



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×