ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Love Project] KrisYeol : Only U เพราะรักคือนาย

    ลำดับตอนที่ #5 : Chapter 4

    • อัปเดตล่าสุด 13 ส.ค. 57


    ดราม่าเนอะ TT^TT เปลี่ยนหัวเรื่องเป็นดราม่าซะเลยดีไหม ฮือออออออออ
     
    ผู้ชายแบบพี่คริสประมงนี่หาได้จากที่ไหนจะไปตกบ้าง >_<
     
    อีน้องคนงามก็อย่าใจร้ายนักเลย พวกพี่ใจจะขาด #ร้องฮร่าย
     
     
    ปล. รักษาสุขภาพกันด้วยนะคะ
     
    ปล2. เดือนแห่งรัก เดือนแห่งคริสยอลมีเซอร์ไพรส์นะ #หนีไปคลอดลูก #ผิด 55555
     
    ปล3. ขายของเหมือนเดิม เดย์ไนท์ น้องหมา คลิกเลยจร๊าาา XD
     
    ปล้ำพี่ลู่(?) (มายังไง) เลิ๊บๆทุกคนนะคะ *โปรยจูบ*
     
     

     
    ______________________________
     
     

     
     
     
    “เฮ้ยเป็นอะไรวะตกลงยังไงเนี่ย” เซฮุนที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จเดินออกมาจากห้องน้ำพร้อมกับผ้าขนหนูที่เช็ดขยี้ผม พอเห็นรูมเมทร่วมห้องนั่งทำหน้าหงอยมองมือถือในมือก็เลยต้องออกโรงเดินเข้ามาหา
     
    “อะไรคือยังไง” คริสเงยหน้ามองคนมายืนทำเท่เป็นนายแบบยืนเปลือยบนขยี้ผมเช็ด คิดว่าหล่อเหรอวะ? อยากจะงัดข้อกับลูกพี่คริสเหรอ!!?
     
    “เรื่องน้องพรหมลิขิตน่ะจะเอายังไง จะนั่งมองโทรศัพท์แบบนี้หรือไง ก็โทรไปดิวะ” เซฮุนส่ายหน้าถอนหายใจแล้วลงนั่งข้างคริส
     
    “ก็อยากโทรแต่โทรไม่ได้” ว่าแล้วก็ถอนหายใจแล้วก็ส่ายหัวไปมา เซฮุนขมวดคิ้ว
     
    “ทำไมวะ ก็โทรไปคุยกับเขาใหม่ดิน้องพรหมลิขิตมึงใจดีเขาไม่ว่าหรอก” แต่คริสกลับส่ายหน้าหงอยๆ 
     
    เซฮุนคิดว่าเพื่อนตัวเองคงรู้สึกผิดและรู้สึกแย่มากๆ เพราะถ้าเป็นตัวเขาโดนคนที่ชอบมากๆตัดรอนแบบนี้มันก็เจ็บปวดอยู่ไม่น้อยอยู่หรอก ไหนจะไอ้สิ่งที่เรียกว่าหัวใจที่มันเต้นได้อีก พอได้ยินคำพูดพวกนั้นมันก็จะเต้นอย่างเจ็บปวด เขาก็พอเข้าใจ แล้วยิ่งคนที่ทุ่มเทให้กับความรักอย่างคริสด้วยแล้วคงเจ็บมากเป็นสิบเท่าเลย
     
    แต่มันก็ต้องเดินหน้าต่อไปใช่ไหม? ดังคำกล่าวที่ว่า ‘ด้านได้อายอด’ ถึงจะเสียใจแต่เราก็ต้องลุกแล้วสู้ต่อ ถ้าระฆังหมดยกยังไม่ดังและไฟบนสังเวียนยังไม่ดับ เราก็ต้องเดินหน้าแล้วสู้ให้สุดกำลัง สู้จนกว่าเราจะไม่ไหว คริสก็แค่เพิ่งผ่านไปแค่ยกแรกเท่านั้นเองจะมายอมยกธงขาวแพ้อะไรกัน เสียศักดิ์ศรีหมด
     
    “ถ้ามึงกลัวว่าน้องเขาจะว่ามึงอีกล่ะก็เดี๋ยวกูช่วยพูดให้ก็ได้” ที่เสนอตัวช่วยก็ไม่ได้อะไรหรอก อยู่ร่วมห้องกับมันเห็นมันนั่งหน้าหงอยๆ ทำตัวซังกะตายแล้วบรรยากาศมันก็หงอยๆตามมันไปด้วย โอเซฮุนไม่ชอบบรรยากาศแบบนี้เลยบอกตรงๆ
     
    แต่คริสกลับส่ายหน้า เซฮุนก็เลิกคิ้วมองด้วยความสงสัย
     
    “แล้วทำไมวะ ตกลงมึงเป็นอะไร” คริสถอนหายใจ
     
    “กูอยากโทรหาน้องตาโตของกูแทบขาดใจแต่กูโทรไม่ได้”
     
    “ก็แล้วมันทำไมวะ ทำไมถึงโทรหาไม่ได้”คริสเงยหน้าแล้วหันไปสบตากับเซฮุนด้วยท่าทีที่เศร้าหมองที่สุด
     
    “ตังค์หมด”
     
    “ห๊ะ!!!” เซฮุนร้องเสียงดัง 
     
    “ตังค์ในมือถือหมด โทรออกไม่ได้” 
     
    ปุจฉา ถ้าโอเซฮุนถีบมันตกเตียง จะเสียค่าปรับเท่าไหร่?
     
    “ก็แล้วทำไมมึงไม่ไปเติมล่ะวะ ไอ้ห่.เปลืองน้ำลายชิบหา.!” เซฮุนลุกขึ้นเดินเอาผ้าไปพาดกับราวตาก
     
    “ก็ไปซื้อแล้วเขาบอกว่าให้ไปเซเว่น กูทำไม่เป็นนี่โทรไปบอกแม่แล้วว่าให้เติมเงินให้หน่อยแต่ทำไมยังไม่เติมให้ก็ไม่รู้” เซฮุนถอนหายใจหนักๆแล้วหันกลับมา
     
    “มึงนี่มัน...ไม่มีวัวผสมจริงๆ” คริสขมวดคิ้วทำหน้างง
     
    “อะไรกูไม่ใช่โคขุนโพนยางคำนะเว๊ย!” เซฮุนกรอกตาไปมา
     
    “เดี๋ยวพรุ่งนี้กูพาไป แล้วอีกอย่างมึงก็ไปง้อน้องพรหมลิขิตของมึงซะไปหาเลยกูรำคาญ!” เซฮุนแบะปากส่ายหน้าแล้วเดินอ้อมเตียงคริสไปนอนที่เตียงของตัวเอง
     
    “ขอบใจนะ มึงนี่เป็นเพื่อนรักของกูเลยนะ” เซฮุนที่กำลังล้มตัวลงนอนพ่นเสียงหึออกมาหนึ่งทีแล้วก็ล้มตัวลงนอนเลย ไม่หันไปสนใจไอ้คนข้างหลังอีก
     
    อุตส่าห์คิดไปซะไกล มันก็แค่เงินในมือถือหมด... จะด่ามันว่าอะไรดีวะเนี่ย!!
     
    “เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่จะไปหานะคนดีของพี่” คริสพูดกับหน้าจอที่มีรูปของตัวเองกับคนน่ารักเสียงเบา กลัวไอ้คนที่(คิดว่า)หลับไปแล้วมันจะตื่นเอา 
     
    คริสมองหน้าจออีกครั้งก่อนที่จะเอาหน้าจอมาใกล้ๆแล้วก็จุ๊บที่หน้าจอไปหนึ่งที จากนั้นก็ขยับเอามือถือไปวางที่โต๊ะหัวเตียงด้วยรอยยิ้มบนหน้าก่อนที่จะล้มตัวลงนอนแล้วยกผ้าห่มมาห่มตัว เดี๋ยวก็จะได้เจอน้องนางฟ้าคนน่ารักตาโตของพี่บ่าวแล้ว ตื่นเต้นจนนอนไม่หลับเลย!!
     
    ถ้าจะว่ากันตามตรงตัวเขาก็รู้สึกเสียใจอยู่ไม่น้อยหรอกนะ อยากจะตัดใจและลืมลบภาพของน้องนางฟ้าไปเหมือนกันแต่พ่อเขาเคยพูดบ่อยๆว่า ‘เป็นลูกผู้ชายแถมยังเป็นลูกแห่งท้องทะเลจะมาเสียใจกับเรื่องเล็กๆทำไม ถ้ายังทำไม่เต็มกำลังแล้วถอดใจมันจะสมกับเป็นลูกผู้ชายได้ยังไงกันวะ!!’ เขาจำมันได้ขึ้นใจเลย เรื่องเพียงแค่นี้เขาจะไม่ยอมแพ้เด็ดขาด!
     
    อยากโทรไปหา อยากได้ยินเสียงแต่เหนือสิ่งอื่นใดอยากเจอน้องคนน่ารักที่สุดเลย ไม่ได้เห็นหน้ากันตั้งหลายวัน ไม่ได้คุยกัน น้ำเสียงน่ารัก(ในความคิดตัวเอง)ก็ไม่ได้ยินเลย อยากได้ยินคำว่า ‘ฝันดีนะ’ จากคนน่ารักคนนั้น ริมฝีปากสีชมพูดูอวบอิ่มคู่นั้นพูดว่าฝันดีนะ... ขนาดได้ยินผ่านมือถือพี่ยังเขินเลย!!
     
    คริสที่นอนคู้ตัวก็ดึงผ้าห่มขึ้นปิดหน้าแล้วก็ตีปัดขาไปมาอย่างเขินอาย แค่คิดก็อายไปถึงไส้ติ่งแล้ว!!!
     
    ...เป็นเอามากจริงๆ...
     
     
     
     
     
    หลังจากเรียนตัวเช้าเสร็จ วันนี้เลิกเร็วเพราะอาจารย์สั่งให้ทำรายงาน ชานยอลกับเทาก็ลงมานั่งที่ซุ้มลานกลางเอนกประสงค์ ชานยอลนั่งเท้าคางเปิดพลิกหน้าหนังสือไปมาอย่างไม่ค่อยจะมีอารมณ์สนใจสิ่งอื่นใด เทาที่นั่งเยื้องๆกันก็นั่งเล่นเกมในมือถือ พอตาที่เล่นตายก็เงยหน้าขึ้นมามองเพื่อนที่นั่งถอนหายใจไปก็พลิกหน้ากระดาษไป จื่อเทาส่ายหน้าไปมาอย่างเซ็งในอารมณ์ตาม
     
    เทาที่สังเกตเห็นสิ่งผิดปกติก็ทำหน้าตกใจ ใครอีกคนยกนิ้วขึ้นแตะริมฝีปากทำท่าไม่ให้พูด จื่อเทาก็ยิ้มเจ้าเล่ห์แล้วยกมือขึ้นเท้าคางมองชานยอลที่ทำหน้าเหงาหงอยกับคนที่เดินยิ้มร่าเข้ามาพร้อมกับใครอีกคน ถึงจะหมั่นไส้แต่ก็นะ... เพื่อนเขาชอบ เขาก็ชอบด้วย.. เอาเถอะ
     
    “ชานยอล” เสียงติดสำเนียงใต้เอ่ยดังขึ้น คนที่นั่งถอนหายใจพลิกกระดาษไปมาก็ทำหน้าตกใจแล้วหันไปมองด้านหลัง คริสยืนยิ้มกว้างอยู่ด้านหลัง คริสตัวจริง ตัวเป็นๆ..
     
    “คริส!” ชานยอลเอ่ยเรียกด้วยความดีใจ รอยยิ้มฉาบบนใบหน้าพร้อมกับที่เจ้าของรอยยิ้มแสนน่ารักนั้นลุกขึ้นยืนแล้วก้าวข้ามที่นั่งไม้ออกมาแล้วกำลังจะกางมือกอดกับคนที่อ้าแขนรออยู่แล้ว ชานยอลหยุดเท้าไว้ได้ทัน อีกเพียงหนึ่งก้าวก็จะเข้าสู้อ้อมแขนของคนผู้นั้นแล้ว
     
    “มาทำไม มาได้ยังไง” พอเห็นว่าชานยอลหยุด คริสก็ชักมือกลับมาเกาหัวแก้เก้อแล้วก็หัวเราะแหะๆ
     
    “ก็คิดถึง.. แล้วก็มาขอโทษด้วย” ชานยอลเอียงคอใส่
     
    “ขอโทษทำไม”
     
    “ขอโทษเรื่องคืนนั้น... พี่ไม่ได้ตั้งใจจะทำให้น้องรู้สึกไม่ดีแต่พี่คิดดีแล้วถึงได้พูดออกไป” คริสเกาต้นคอแล้วก็ก้มหน้าหันหน้าหนี ชานยอลกัดริมฝีปากอยากที่จะพูดอะไรแต่ก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไร
     
    “ช่างมันเถอะไม่ได้โกรธ” คริสเงยหน้าขึ้นยิ้ม
     
    “จริงเหรอ” ชานยอลพยักหน้า
     
    “แล้วต่อจากนี้พี่ยังมีหวังอีกไหม” 
     
    “หวังอะไร” คริสมองสบกับดวงตากลมโตตรงหน้าก่อนที่จะยิ้มออกมาอย่างเขินๆ ทำเอาคนมองเขินตามไปด้วย ไม่นับอีกสองคนที่สังเกตการณ์นะ
     
    “หวังว่า.. พี่จะเลื่อนฐานะจากคนรู้จักเป็นคนรู้ใจ.... อะไรแบบนี้อ่ะ” คนถามก็เขิน คนฟังก็เขิน ชานยอลหันหน้าหลบสายตาแล้วตอบเสียงเบา
     
    “ไม่รู้สิ ถ้าเอาใจบ่อยๆก็เป็นได้มั้ง” คริสยิ้มกว้าง
     
    “พี่จะเอาใจไม่ให้ขาดเลยจ๊ะ พี่หวังว่าสักวันน้องจะมาเป็นคนร่วมใช้ชีวิตกับพี่” ชานยอลมองค้อนใส่
     
    “เกินไป เอาแค่ตรงนี้ให้รอดก่อนเถอะ”
     
    “ก็ได้ อ่า.. เย็นนี้น้องว่างไหม” ชานยอลเลิกคิ้วขึ้น
     
    “ถามทำไมเหรอ?” 
     
    “พี่จะชวนน้องไปกินมื้อเย็นด้วยกันน่ะ ไปไหม” ชานยอลมองหน้าคนชวนที่ยังยิ้มกว้างจนแทบจะมองลูกตาไม่เห็นอยู่แล้ว
     
    “กินที่ไหน”
     
    “ที่... ที่ไหนนะไอ้เซฮุน” คริสหันไปมองตัวช่วยที่ไปนั่งอยู่เก้าอี้ฝั่งจื่อเทา ชานยอลก็เลยหันไปมองตาม
     
    “ฮอทพ็อทที่ห้างใกล้มอเราอ่ะ” 
     
    “อ่า.. ที่นั่นแหละไปไหมครับ” ชานยอลทำท่าคิดแล้วก็เอียงคอใส่
     
    “ไปดีไหมนะ?” เหล่ตามองคนที่ยืนยิ้ม คริสก็พยักหน้ารออย่างลุ้นๆ
     
    “ไปก็ได้ ฉันเรียนเสร็จสี่โมงมารับด้วยนะ” คริสยิ้มกว้าง
     
    “พี่จะมารอรับถึงหน้าห้องเลยจ๊ะ!” ชานยอลยิ้มแล้วพยักหน้ารับ ไม่รู้สิว่าตัวเองยิ้มไปมากแค่ไหน แต่ก็ยิ้มจนรู้สึกเมื่อยหน้าเลยแหะ
     
    “เอ่อ.. โทษทีไม่อยากขัดหรอกนะแต่ไอ้จงอินส่งข้อความมาบอกว่าอาจารย์จะควิซแล้วว่ะ” เซฮุนยกมือขออนุญาตแล้วพูดขัดไอ้เหตุการณ์หวานๆตรงหน้า
     
    “ไปเถอะไว้เจอกันตอนเย็น” ชานยอลพยักหน้าและยิ้มให้
     
    “จ๊ะ เอ่อ...” คริสทำท่าจะจับมือแต่ก็ลังเลจะจับแก้ม จับไหล่หรือจะลูบหัวคนตรงหน้า คิดไม่ตกก็ชักมือกลับมาเกาหัวตัวเองนี่ล่ะ 
     
    “เจอกันตอนเย็นครับ” แล้วเซฮุนก็ลุกขึ้นมาพาคริสออกไปเพราะถ้าชักช้าอีกนิดพวกเขาขึ้นห้องสายแล้วทำควิซไม่ทันคือซวยแน่ๆ คริสที่โดนลากคอไปแล้วก็หันกลับมามองแล้วโบกมือให้ ชานยอลก็โบกมือกลับไป
     
    “คริสนี่น่ารักเนอะ” เทาที่นั่งมองอยู่นานแล้วก็เอ่ยพูดขึ้นมาชานยอลที่ยังมองตามหลังคริสไปก็พยักหน้ารับโดยที่ไม่รู้ตัว
     
    “อืม... สั้นๆ ง่ายๆ ได้ใจความ ฮวางจื่อเทายิ้มแล้วหยิบมือถือมากดเล่นเกมต่อ
     
    เขาว่าเพื่อนเขากำลังมีความรักแบบเต็ม 100% เลยล่ะ
     
     
     
    ในที่สุดก็ถึงช่วงเย็นที่คริสเฝ้ารอที่สุด หลังจากที่รับชานยอลและเทาถึงหน้าห้องเรียนตามที่สัญญานั้น ทุกคนก็มายืนอยู่ที่หน้ามหาวิทยาลัยว่าเราจะไปห้างสรรพสินค้ากันยังไง มีกันทั้งหมดหกคน(รวมจงอินกับจงอินด้วย) จะไปยังไง แต่เจ้าสองพี่น้องก็ขอออกตัวเลยว่าจะไปกันเองเพราะไม่อยากนั่งรถเบียดกับใคร ดังนั้นจงอินกับจงแดก็เลยโบกแท็กซี่ไปก่อน ส่วนที่เหลือก็นั่งอีกคันตามไป
     
    เทานั่งข้างคนขับปล่อยให้ชานยอล คริสและเซฮุนนั่งอยู่ด้านหลัง คริสที่นั่งอยู่ตรงกลางก็นั่งตัวเกร็งพยายามที่จะไม่ให้เบียดคนน่ารักตาโตของเขามาก ก็เลยมาเบียดไอ้เซฮุนจนจะแบนติดกระจกแทน เทาที่แอบมองจากกระจกส่องก็ยิ้มชอบใจที่เห็นเซฮุนทำหน้าเหมือนเซ็งในอารมณ์ที่โดนเพื่อนนั่งเบียด แต่ไม่นานก็ถึง หลังจากที่ลงจากรถมาได้เซฮุนก็โทรหาจงอินกับจงแด
     
    เมื่อเจอจงอินกับจงแดที่มายืนรออยู่ที่ด้านในตัวห้างสรรพสินค้าแล้ว ทุกคนก็พากันเดินไปยังร้านอาหารที่วันนี้ว่าจะมาล้มละลายกัน จงอินกับจงแดเดินนำหน้า แกล้งกันตามประสาพี่น้อง เซฮุนกับเทาก็เดินเยื้องๆกับคู่หน้าแล้วก็เถียงกันไปตลอดทางและปิดท้ายขบวนด้วยคริสและชานยอล
     
    ในระหว่างที่เดินกันอยู่ชานยอลก็ขมวดคิ้วเมื่อเห็นทางหางตาว่าคริสขยับขยุกขยิกอยู่นั่นอ่ะก็เลยหันไปมอง ก็เห็นว่าเจ้าตัวกำลังเดินก้มหน้ามาทางเขาแล้วก็มองมาที่มือของเราที่แกว่งอยู่ใกล้ๆกัน คริสทำท่าจะคว้าจับมือเขาแต่แล้วก็ไม่กล้าที่จะทำ ด้วยท่าทีแปลกก็เลยทำให้ชานยอลนึกไปถึงตอนช่วงสายๆที่คริสมาหา เจ้าตัวก็ทำท่าว่าจะจับตัวเขาแต่ก็ไม่กล้า ริมฝีปากอิ่มสีหวานวาดรอยยิ้มก่อนที่จะเป็นฝ่ายเอื้อมมือไปจับนิ้วก้อยของคนข้างตัวเอาไว้แทน
    .
    “อ๊ะ..” คริสที่ตกใจก็เงยหน้าขึ้นมองก็เห็นชานยอลมองมาอยู่ก่อนแล้ว ริมฝีปากอิ่มคู่นั้นวาดรอยยิ้มให้ คริสก็เลยยิ้มตอบกลับแบบเขินๆก่อนที่จะหันหน้าไปอีกทางแล้วยกมือข้างที่ว่างขึ้นปิดปากแล้วยิ้มกว้างแบบฟินจะไม่ไหวแล้ว พี่จะขาดใจตายแล้ว!
     
    คริสกำมือแล้วดึงเข้าหาตัวพร้อมกับร้องเยสแบบไม่มีเสียงเพราะกำลังกลั้นฟินอยู่ ในที่สุดพี่ก็จับมือกับน้องคนดีของพี่ได้แล้ว(ถึงจะแค่นิ้วก้อยก็เอา) พี่จะไม่ล้างมือมันสามวันเลย!!!!
     
    ชานยอลที่มองอยู่ก็แอบหัวเราะเบาๆ ดวงตากลมมองมือของเราเกาะเกี่ยวกันแล้วก็เริ่มรู้สึกใจเต้นๆ แก้มร้อนๆ.. แต่จริงๆแล้วหัวใจเจ้ากรรมมันเต้นรัวมาตั้งแต่ได้อยู่ใกล้ๆคริสแล้วนะ ไอ้อาการร้อนวูบวาบนี่อีก เขาก็อยากหาความหมายของพวกมันเหมือนกัน... แต่ก็ช่างเถอะมันยังไม่สำคัญหรอก
     
    มือที่เกี่ยวกันนั้นแกว่งไปตามการเดินเบาๆ ถึงแม้คริสและชานยอลจะเดินกันเงียบๆแต่ก็ใช่ว่าอีกสี่คนข้างหน้าที่เดินนำไปก่อนจะไม่รู้ไม่เห็นอะไรหรอกนะ ก็แหมพวกเขาอุตส่าห์คิดแผนขึ้นมามันก็ต้องมีการแอบสังเกตผลกันหน่อยสิ
     
    ตอนนี้แผนการของพวกเขาก็เริ่มก้าวไปข้างหน้าแล้วอีกหนึ่งก้าว
     
     
    ภายในร้านอาหารที่ไม่ต้องรอคิวกันนานก็ได้โต๊ะนาน เป็นโต๊ะนั่งสำหรับสี่คนและอีกสองคนใกล้ๆกัน ด้วยเหตุผลที่ว่าจงอินกับจงแดอยากนั่งกันสองคนไม่อยากร่วมโต๊ะด้วยเพราะลุกเข้าลุกออกไม่ถนัด แต่ทั้งสองโต๊ะก็อยู่ข้างกันอยู่ดี เมื่อเลือกฝั่งที่นั่งได้แล้วว่าใครจะนั่งเก้าอี้หรือโซฟาและจะนั่งกับใคร และคริสก็ช่วงชิงที่นั่งด้านโซฟาเพื่อที่จะนั่งกับน้องชานยอลมาได้ คริสให้ชานยอลเข้าไปนั่งข้างในสุดติดกับตัวกั้นที่นั่ง 
     
    “น้องอยากกินอะไรเดี๋ยวพี่ไปตักให้” คริสลุกขึ้นยืนแล้วก้มลงมองชานยอลที่นั่งอยู่ต่ำกว่า
     
    “ไปดูด้วยสิ” ชานยอลขยับตัวทำท่าจะออกไปตักอาหารด้วย แต่คริสก็ห้ามแล้วส่ายหน้า
     
    “เดี๋ยวพี่ตักมาให้ นั่งอยู่นี่แหละ” ชานยอลเอียงคอใส่
     
    “แล้วเราจะรู้ได้ยังไงว่าอยากกินอะไรแล้วมีอะไรบ้าง”
     
    “เออนั่นสิ งั้นไปดูด้วยกันก็ได้เดี๋ยวพี่ถือมาให้นะ” ชานยอลยิ้มแล้วลุกจากโต๊ะเดินมาที่ตักอาหารกับคริส ส่วนไอ้คนอื่นน่ะมันไม่รอตั้งแต่คริสหันไปถามชานยอลแล้ว 
     
    คริสกับชานยอลเดินวนรอบบาร์ตักอาหารด้วยกัน แล้วก็คุยกันสองคนว่าอยากจะกินอันนี้หรืออันนี้ หรือเอาอันไหนไปลองกินดีกว่ากัน อีกสี่คนที่กระจายกันอยู่บาร์อื่นก็มองแล้วก็แอบอมยิ้มกันเอง เห็นเพื่อนตัวเองยิ้มมีความสุขแล้วคนแอบสังเกตการณ์ก็พลอยยิ้มไปด้วย
     
    คริสให้ชานยอลไปนั่งรอที่โต๊ะแล้วตัวเองจะเป็นคนตักทุกอย่างที่ชานยอลอยากกินไปให้ จะเดินหลายรอบก็ไม่เป็นไรพี่ยังไหว คริสจำได้ว่าชานยอลอยากกินอะไรก็ตักไปแต่ที่ชานยอลอยาก ส่วนตัวเองก็กินของที่ชานยอลชอบนั่นแหละ รอบสุดท้ายคริสไปกดน้ำให้ด้วย น่ารักๆอย่างชานยอลก็ต้องน้ำพั้นช์สีส้มสวยๆที่เหมาะกับคนน่ารักตาโต
     
    “ขอบคุณนะ” ชานยอลหันไปยิ้มขอบคุณเมื่อคริสกลับมานั่งที่แล้ว
     
    “ไม่เป็นไรแค่นี้เองพี่ทำได้” คริสยิ้มกลับ ชานยอลที่รู้สึกร้อนที่แก้มก็หันหน้ากลับไปแก้เก้อด้วยการหยิบของสดลงหม้อต้ม
     
    หม้อที่เลือกมาเป็นหม้อแบ่งครึ่ง ซุปใสเป็นของฝั่งชานยอลและซุปข้นก็เป็นของจื่อเทา ฝั่งใครก็มีหม้อฝั่งของตัวเองเพราะฉะนั้นเราจะไม่ข้ามน่านน้ำกัน คริสช่วยชานยอลเอาของสดใส่หม้อแล้วก็จัดการตักให้ด้วยเมื่อมันสุก ดูแลปรนนิบัติพัดวีจนชานยอลไม่ต้องทำอะไรแค่นั่งเฉยๆแล้วก็กินก็พอ
     
    พออะไรหมดอยากกินอะไรก็แค่หันไปบอกคริสก็จะลุกออกไปตักให้ และทุกครั้งที่คริสกลับมาก็ได้รอยยิ้มหวานๆและเสียงน่ารักที่เอ่ยขอบคุณมาทุกที พี่บ่าวก็ยิ้มเขินจนเงิงโผล่ไปสิ ก็เต็มใจทำให้น้องนางอันเป็นที่รักนะแค่ได้เห็นคนน่ารักของพี่ยิ้มได้ก็พอแล้ว
     
    “กินเยอะจนอ้วนแล้วมั้งน่ะ” อยู่ๆเทาก็เอ่ยพูดขึ้นมา ทุกสายก็เลยหันไปมองจ้องว่าเทาพูดกับใคร ชานยอลที่นั่งอยู่ตรงข้ามกันก็รู้แล้วว่าเพื่อนรักกำลังหักเหลี่ยมโหดใส่ตัวเอง
     
    “ไม่อ้วน นายนั่นแหละกินเยอะเหมือนกันเถอะ” ชานยอลสะบัดหน้ามองค้อนจิกใส่ เทาก็หัวเราะแล้วส่ายหน้า
     
    “เมื่อเช้าใครบ่นว่าอ้วน” ถึงปากจำถามแต่ปลายนิ้วชี้ก็ชี้มาที่ชานยอลแล้ว
     
    “ไม่เกี่ยวกันเถอะ ไม่เห็นจะอ้วนเลย” ชานยอลลอยหน้าลอยตาใส่ จื่อเทาเลิกคิ้วแล้วลดปลายนิ้วลงมาที่พุงของชานยอล
     
    “นั่นไงมีพุงแล้วน่ะ” ชานยอลก้มลงมองตามแล้วก็เห็นพุงตัวเองยื่นออกมานิดเดียว ก็เพราะนั่งหรอกเลยมีพุงน่ะไม่เกี่ยวกับอ้วนสักหน่อย! ชานยอลที่หาอะไรมาเถียงไม่ได้ก็มุ่ยหน้าแล้ววางช้อนลงอย่างไม่สบอารมณ์
     
    “ไอ้หมีแพนด้านายก็พูดเกินไปน้องชานยอลอ้วนที่ไหนกันดูสิมือเล็กนิดเดียวเอง” คริสว่าแล้วก็จับมือของชานยอลขึ้นมาให้ดู พอวัดกับมือของคริสแล้วมือของชานยอลก็เล็กไปถนัดตาเลย 
     
    “กินไปเถอะ” คริสหันกลับมายิ้มให้ชานยอล แล้วชานยอลก็อารมณ์ดีนั่งกินต่อ จื่อเทาถอนหายใจ
     
    “ก็เห็นๆกันอยู่ยังจะมาเถียงอีก” ชานยอลเงยหน้าขึ้นมองด้วยสายตาโมโห นี่ถ้าปล่อยลำแสงได้คงได้ลองกินเนื้อหมีแพนด้าย่างแล้วล่ะ
     
    “คริสอ่า~” ชานยอลหันไปเขย่าแขนเสื้อคริสแล้วฟ้อง ทีนี้พี่ประมงสุดหล่อก็ของขึ้นเลยสิ
     
    “นี่ไอ้หมีแพนด้ากินๆไปเลยนะ ถ้าพูดว่าชานยอลอ้วนอีกนะเดี๋ยวกูจะเข้าไปเอามีดจากพ่อครัวมาสับมึงแล้วโยนลงหม้อต้มเลยคอยดู” คริสชี้นิ้วสั่งแล้วทำหน้าโหด ชานยอลที่มีแบ็คหลังดีก็ยักคิ้วใส่ จื่อเทาแบะปากแล้วก้มหน้าลงบ่นงุ๊งงิ๊งว่าเพื่อนตัวเองไม่รัก
     
    “ตกลงนายเปลี่ยนชื่อแล้วเหรอ” เซฮุนใช้ศอกแซะ จื่อเทาตวัดสายตาใส่
     
    “มึงก็หุบปากแล้วกินๆไปเลยไอ้เซฮุน!” เซฮุนหัวเราะ
     
    “โต๊ะข้างๆนี่เสียงดังกันจังเลยนะ~” ทุกคนหันไปโต๊ะข้างๆแล้วมองไปที่จงแดที่ยกแก้วน้ำมาดูดน้ำ
     
    “มึงก็นั่งกินหม้อต้มเคลือบน้ำตาลของพวกมึงต่อไป อย่ามาแหยมเดี๋ยวได้โดนโยนลงหม้อไปเป็นเพื่อนไอ้หมีแพนด้าหรอก” คริสยักคิ้วใส่
     
    “หมีแพนด้าบ้านแกดิ กูมีชื่อนะไอ้ดำ!” คริสไม่ได้สะดุ้งคนเดียว จงอินก็สะดุ้งไปด้วยเลย
     
    “ใครดำวะไม่เคยตายสินะ!!” คริสถลกแขนเสื้อนักศึกษาเตรียมจะกระโดดข้ามโต๊ะไปซัดกับลูกหมีแพนด้า
     
    “ชานยอลอ่า~~” จื่อเทาร้องเรียกเสียงอ้อน ชานยอลแค่เลิกคิ้วใส่
     
    “ทำไมเหรอน้องแพนด้า?” โอเคจบเถอะ แต่ก่อนจบขอหันไปเหยียบเท้าไอ้ตัวข้างๆที่มันนั่งหัวเราะไม่ปิดบังอะไรเลยก่อนนะ ฮวางจื่อเทาเซ็ง!!!
     
     
    หลังจากที่กินกันอิ่มหนำแล้วก็จ่ายค่าเสียหายกันแล้วทุกคนก็ลงความเห็นว่าจะไปเดินเล่นเพื่อย่อยกันก่อนกลับ ตอนนี้ก็เลยเดินเล่นไปเรื่อยๆ ดูนั่นดูนี่ตามร้านไป ทุกคนที่เดินนำหน้าคู่หลังก็เดินพูดคุยกันปกติไม่ได้หันไปแซวหรืออะไรไอ้คู่หลังที่จับนิ้วก้อยกันเดินอีกแล้ว 
     
    คริสที่ยังคงประหม่าอยู่ก็เดินไปก็เกาหัวไป ก็แบบไม่รู้จะวางมือไว้ที่ตรงไหนดีมันดูเกะกะไปหมดและเจ้าก็หันหน้าหนีไม่ยอมสบตากับดวงตากลมๆนั่นเสียด้วย ก็คนมันเขินไงก็เลยแบบทำตัวไม่ถูก ชานยอลเองก็ใช่ว่าจะไม่เขินหรอกนะก็เอาแต่เดินก้มหน้ามองพื้นไปสิ
     
    “เฮ้ยจริงสิเพิ่งขึ้นได้ ชานยอลเราต้องซื้อของเข้าห้องด้วยนะ!” เพราะอยู่ๆจื่อเทาก็โวยวายออกมาทำเอาคริสและชานยอลที่เดินกันเงียบๆสะดุ้งโหยงพร้อมกัน
     
    “ห๊ะ.. เออจริงด้วยสิถ้างั้นพวกนายกลับไปก่อนก็ได้นะ” ชานยอลพูดกับทุกคนแต่หันหน้าไปมองคริส เอมันยังไงกันอยู่นะ..
     
    “ไม่เป็นไรเดี๋ยวพี่ไปช่วยถือตะกร้าหิ้วถุงให้เอง ไม่ลำบากไม่ต้องเกรงใจ” พอเห็นชานยอลจะแย้งก็รีบบอกว่าไม่ลำบากเลย ชานยอลก็เลยต้องปล่อยไป
     
    “แหมน่าอิจฉาจังเลยนะมีคนถือของให้ด้วย” เทาส่งสายตาล้อเลียนหาชานยอล
     
    “งั้นเดี๋ยวไปถือให้เอาป่ะล่ะ” เซฮุนที่อยู่ข้างๆใช้ศอกสะกิด
     
    “ก็ดีนะขี้เกียจถืออยู่หนัก!” 
     
    แล้วทุกคนก็ลงมาที่ส่วนของสโตร์ด้านล่าง คริสอาสาถือตะกร้าใส่ของให้แล้วก็คอยเดินตามหลังชานยอล เซฮุนก็เดินอยู่ข้างๆ ส่วนจงอินกับจงแดขอไปเดินดูเทศกาลอาหารที่มาตั้งบูธด้านหน้า ชานยอลกับเทาเดินคุยกันว่าอะไรในห้องหมดบ้างแล้วต้องซื้ออะไรเข้าไปเพิ่มบ้าง พอเจอของที่ต้องการแล้ว็หยิบแล้วหันไปใส่ตะกร้าที่มีคนเดินถือตามด้านหลัง
     
    คริสกับเซฮุนก็คุยกันไปเรื่อยๆไม่ได้ก้าวก่ายเรื่องของอีกสองคนด้านหน้าที่จะมาซื้อของกัน จนถึงตอนที่ชานยอลกับเทาแยกกันเดินเข้าคนละโซน ชานยอลเดินเข้าที่ครีมและสบู่อาบน้ำ ส่วนเทาก็แยกไปที่โซนแชมพู คริสก็เดินตามชานยอลไป ชานยอลกำลังยืนเลือกครีมอาบน้ำอยู่เพราะอยากจะลองเปลี่ยนดูก็เปิดฝาขวดดมดู
     
    “น้องชานยอลใช้ครีมอาบน้ำยี่ห้อนี้เหรอ” คริสถาม ชานยอลหันไปมองแล้วส่ายหน้า
     
    “เปล่าอยากลองเปลี่ยนดู .. อันนี้หอมไหม” ชานยอลยื่นขวดครีมอาบน้ำในมือไปที่ใต้จมูกของคริสลองให้เจ้าตัวได้ดมดู
     
    “พี่ว่าไม่ค่อยหอมนะ กลิ่นเก่าหอมกว่า” คริสไม่ได้พูดปดแต่เขาว่ากลิ่นนี้สู้กลิ่นเก่าไม่ได้ อย่าถามนะว่าได้กลิ่นได้ยังไง... ก็แอบเนียนเข้าใกล้น้องคนงามตาโตสวยอย่างกับนางฟ้านางสวรรค์ขนาดนี้มันก็ต้องได้กลิ่นบ้างล่ะ
     
    “จริงเหรอ แล้วกลิ่นนี้ล่ะ” ชานยอลหันไปวางขวดเก่าแล้วลองหยิบขวดใหม่มาให้ดม คริสที่ดมแล้วก็ทำหน้าคิดประมวลผลก่อนที่จะส่ายหน้า
     
    “พี่ชอบกลิ่นเก่ามากกว่า” ชานยอลพองสองแก้ม
     
    “จริงเหรอ” คริสพยักหน้า
     
    “จริงๆ กลิ่นที่เอามาให้ดมมันไม่หอมอ่ะกลิ่นเก่าหอมกว่าจริงๆ” ชานยอลมองหน้าคริสแล้วช่างใจสักแปบก่อนที่จะพยักหน้า
     
    “ถ้าพูดแบบนั้น.. ไม่เปลี่ยนก็ได้” แล้วชานยอลก็วางขวดในมือลงไปหยิบยี่ห้อที่เก่าที่ใช้มาใส่ตะกร้าที่คริสถืออยู่
     
    “พี่เพิ่งรู้นะว่าน้องชานยอลชอบใช้ครีมอาบน้ำ” ชานยอลหัวเราะแล้วส่ายหน้า
     
    “เปล่าหรอกใช้หมดทั้งสบู่ทั้งครีมนั่นแหละ”
     
    “ถึงว่าตัวห๊อมหอม~” ชานยอลเหลือบตามองใส่แล้วก็แลบลิ้นให้
     
    “เดี๋ยวจะไม่อาบน้ำสักสามวัน” 
     
    “พี่คงไม่ได้กลิ่นหรอกจมูกพังหมด” แล้วเจ้าตัวก็หัวเราะทำเอาชานยอลมองค้อนซะตาแทบหลุด
     
    “ล้อเล่นหรอกต่อให้น้องไม่อาบน้ำพี่ก็ยังว่าตัวน้องก็ยังหอมอยู่” คริสที่เห็นชานยอลทำหน้างอนก็เข้ามาเอาใจ มือข้างหนึ่งก็โอบเอวของชานยอลโดยที่ไม่รู้ตัวและเจ้าตัวก็ไม่ได้ทักท้วงอะไร
     
    “ไม่ต้องมาพูดเอาใจเลย โดนหักคะแนนสิบคะแนน” แล้วชานยอลก็เดินหนีไปอีกโซนหนึ่ง
     
    “โธ่น้องนางของพี่อย่าใจร้ายสิ” คริสเองก็ตามไปง้ออ้อมหน้าอ้อมหลังอยู่นั่น ทำเอาคนแอบมองอยู่ไม่ใกล้ได้แต่แอบอมยิ้ม บางทีก็นึกหมั่นไส้แล้วอ่ะฮวางจื่อเทาบอกเลย!
     
    “ไม่รู้ไม่สน”
     
    “น้องชานยอล~~” โหยหวนไปสิ คนที่กำลังเลือกของอยู่ก็แอบยิ้มไปสิ
     
    รู้สึกมันอุ่นๆไปทั่วหัวใจเลยแหะ.. หรือเขากำลังจะเป็นไข้กันนะ
     
     
    หลังจากที่เลือกซื้อของเสร็จเรียบร้อยแล้วก็นั่งแท็กซี่กลับมากัน จงอินกับจงแดก็ขึ้นแท็กซี่กลับไปด้วยกันสองคน ส่วนที่เหลือก็นั่งแท็กซี่กลับไปเหมือนตอนขามา ถุงของที่ซื้ออกันมาคริสกับเซฮุนเป็นคนหิ้วให้ ไม่นานก็มาถึงมหาวิทยาลัยแล้ว เพราะเซฮุนบอกให้คนขับรถไปส่งที่ด้านหลังของมหาวิทยาลัยก็เลยใกล้ทางเดินเข้าหอพักมากกว่าทางหน้ามหาวิทยาลัย
     
    จงอินกับจงแดโทรมาบอกว่าจะขึ้นห้องก่อน คริสกับเซฮุนก็ไม่ขัดศรัทธามันจะไปทำอะไรก็เอาตามสบายพ่อเถอะ คริสกับเซฮุนก็เดินมาส่งชานยอลและจื่อเทาถึงหอ จริงๆแล้วชานยอลปฎิเสธแล้วนะแต่คริสก็ยังจะตามมาจนได้
     
    “ไม่เป็นไรหรอกไม่มีใครกล้าทำอะไรพี่หรอก ไม่ต้องห่วง” คริสบอกกับชานยอลหลังจากที่ชานยอลไม่ยอมให้เดินไปส่งเพราะจะเสียเวลาเดินไปเดินมาอีก
     
    “จะบอกว่ามีหน้าเป็นอาวุธว่างั้น?”
     
    “หน้าพี่หล่อขนาดนี้ใครจะกล้าแหยม” ชานยอลหัวเราะแล้วก็ตามใจ เขาจะมาส่งก็เอาเถอะไม่ขัดล่ะ
     
    “จะว่าไปทำไมหอที่คณะนี้ดูเงียบจังเลย” คริสหันซ้ายมองขวา นี่ถ้าเทียบกับคณะเขานะยังสรวลเสเฮฮาชวนกันตั้งวงอยู่เลยนะแต่ที่นี่ดูเงียบๆวังเวงพิกล
     
    “ไม่รู้สิ” ตัวเขาก็ตอบไม่ได้เหมือนกันเพราะหลังจากทำกิจกรรมนอกหอเสร็จก็กลับขึ้นห้องตลอดเลย ไม่เคยคิดที่จะมานั่งเล่นหรือมาทำอะไรข้างล่างหอเลย
     
    “แต่ก็ดีแล้วอยู่ในห้องก็ดีแล้ว ลงมาข้างล่างยุงจะหามเอา” คริสก็หันไปหันมาแล้วก็พูดไปเรื่อยๆ แต่ไอ้คนที่เดินนำอยู่ด้านหน้าไม่รู้ทำไมได้ยินแล้วก็แอบก้มหน้ายิ้มเสียอย่างนั้น
     
    “ถึงแล้วพวกนายก็กลับไปได้แล้ว ขอบคุณที่มาส่งนะ” เมื่อเดินมาถึงหน้าหอชานยอลหันไปขอบคุณคริสกับเซฮุนที่เดินถือข้าวของมาให้ ชานยอลกับเทารับถุงทั้งหมดมาถือไว้เอง
     
    “ขึ้นห้องดีๆนะ” คริสยิ้มแล้วยกมือขึ้นโบกลา ชานยอลก็พยักหน้า
     
    “อ่า.. ไว้วันไหนว่างๆพี่.. พี่ชวนไปเที่ยวอีกได้ไหม” ชานยอลเอียงมองคนตรงหน้าที่ดูเหมือนกำลังประหม่าแล้วก็เขินอายก่อนที่จะพยักหน้า
     
    “ถ้าว่างก็จะไปด้วยนะ” คริสยิ้มแล้วยกมือขึ้นเกาแก้มแก้เขิน
     
    “อ่า.. แล้วถ้าพี่ขอขึ้นไปเที่ยวห้องบ้างได้ไหม”ชานยอลเลิกคิ้วมองคนถาม
     
    “ได้แต่ไม่ใช่เร็วๆนี้หรอกนะ กลับไปได้แล้ว” โบกมือลาแล้วก็หันหลังเดินขึ้นตัวตึกไปพร้อมกับเทา 
     
    “ยิ้มไม่หุบเลยนะ” พอเดินเข้าตัวตึกมาได้ฮวางจื่อเทาก็เอ่ยปากแซวทันที ชานยอลหันไปมองแล้วก็แบะปากใส่
     
    “อย่ามามั่ว” ยังไม่ทันที่เทาจะได้ต่อปากต่อคำ มือถือของชานยอลก็ดังขึ้นขัดเสียแล้ว
     
    “จะโทรมาทำไมล่ะเพิ่งจะเจอกันเมื่อกี้เอง” พอได้ยินบทสนทนาแบบนี้ก็รู้เลยว่าใครโทรมา 
     
    “ก็โทรมาคุยเป็นเพื่อนตอนน้องเดินขึ้นห้องไง น้องชานยอลจะได้ไม่เหงา” ชานยอลยิ้มติดริมฝีปากแต่ก็ด่าปลายสายออกไป เทาได้ยินเสียงหัวเราะดังลอดมาจากเจ้ามือถือเครื่องนั้นด้วย เทามองหน้าเพื่อนที่กำลังอารมณ์ดีเดินคุยกับปลายสายแล้วก็ยกยิ้มหัวเราะหึหึ .. ไหนบอกว่าตัวเองไม่ได้ยิ้มไง ปากจะฉีกถึงหูอยู่แล้วนั่น!!!
     
     
     
     
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×