ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [END] BaekDo Ft. KaiChen, KrisYeol - The Rules of Love

    ลำดับตอนที่ #5 : Chapter 5

    • อัปเดตล่าสุด 5 พ.ย. 58


    140308 - 50%

     

    140313 130%
     
    ครบละตอนนี้ อิอิ
     
    รู้สึกทุกคนอยากเอาที่ชาร์ตแบคกับแบตทุ่มใส่เราจังเลยอ่ะ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ

     
    ปล. ที่พี่จงอินเสี่ยวใส่จงแดนั้นเราไม่รู้ไม่เห็น ไม่เกีย่วข้องนะคะ #มันมาจากอินเนอร์ของพี่จงอินล้วนๆ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ


    140314 ขออัพเดตนิดนะคะ

    ฟิคเรามีแท็กแล้วนะ เผื่อใครไม่เห็นเนอะ พูดคุยได้ที่แท็ก #กฎรักแบคคยอง

    ส่วนใครที่ยังอยากอ่านก็ทิ้งเมลไว้ได้ค่ะ เดี่ยวจะส่งให้ 





    140317 อีดิทแท็กใหม่

    ใช้แท็ก #กฎรักแบคคยอง นี้นะคะ รู้สึกว่าอันนั้นจะไม่ขึ้น ขอบคุณคนกาม เฮ้ย.. คนคิดให้นะคะ 


    ขอบคุณค่ะ~~ ><
     
     
    _____________________________
     

     
     
     
    “เฮ้ทะเล!!!” เช้าวันถัดมาจงอินก็หิ้วกระเป๋าของตัวเองกับจงแดลงมารอคริสที่หน้าหอ จงแดก็กุมขมับอย่างระอาใจ 
     
    “สาวสวยๆ แจ่มๆรอพี่แบคก่อนนะ!” แล้วมีจงอินเป็นลูกคู่ร้องรับเสียงเย้
     
    “เอาเข้าไปไอ้พวกนี้” จงแดกุมขมับแล้วส่ายหน้าไปมา คยองซูเดินหนีไปนั่งรอที่เก้าอี้หน้าหอทิ้งระยะห่างกับพวกโวยวาย จงแดก็ตามไปนั่งข้างๆ
     
    “สักวันฉันคงหนีพวกมันไปไกลๆ” คยองซูหัวเราะกับคำพูดของจงแดแล้วใช้ศอกกระแซะ
     
    “ห่างจากจงอินได้เหรอไง” 
     
    “หยุดพูดไปเลยโดคยองซู!!” จงแดชี้นิ้วใส่ คยองซูก็ทำแค่หัวเราะเบาๆ 
     
    “แต่พี่จงอินหยุดรักน้องจงแดไม่ได้นะยาใจของพี่” จงแดกับคยองซูหันไปมองก็เห็นจงอินเดินยิ้มกว้างเข้ามาพร้อมกับขวดน้ำเย็นๆที่เปิดฝาขวดและเสียบหลอดให้เรียบร้อย
     
    “อะไรของนายเนี่ย” จงแดมองจงอินที่เดินยิ้มเข้ามานั่งข้างๆพร้อมกับยื่นขวดน้ำมาให้
     
    “พี่ไปซื้อน้ำมาให้กลัวว่าน้องจะหิวน้ำ อ่ะ..” จงอินจับหลอดไว้แล้วยื่นขวดน้ำมาให้ จงแดมองหน้าคนที่เอาใจเขานิดหน่อยก่อนที่จะถอนหายใจแล้วยื่นหน้าไปดูดน้ำเย็นๆที่อุตส่าห์เดินไปซื้อมาให้ จงอินที่เห็นแบบนั้นก็ยิ้มกว้างอารมณ์ดีเลยน่ะสิ
     
    “นายก็ดื่มสิอุตส่าห์เดินไปซื้อให้ตั้งไกล” ก็แค่ข้ามถนนไปฝั่งตรงข้ามนั้นแหละ จงอินยิ้มทำหน้าซาบซึ้งแล้วดูดน้ำเย็นชื่อใจ แต่เอ๊ะเดี๋ยว.... แบบนี้ก็จูบกันทางอ้อมอ่ะดิ!! โอ๊ยยาใจของพี่จงอิน!! อยากจุ๊บๆกับพี่ก็ไม่บอก!!
     
    “นี่ไอ้จงอินมึงรู้ตัวป่ะว่าทำหน้าได้โคตรโรคจิตเลยว่ะ” แบคฮยอนพูดกับจงอินแต่มือก็เปิดฝาขวดน้ำส่งให้คยองซูพร้อมกับส่งถุงขนมให้วางไว้ที่เก้าอี้ด้วย
     
    “ไม่จริงอ่ะ น้องจงแดออกจะชอบ” คนที่โดนพาดพิงหันควับมองคนข้างตัว
     
    “ใครชอบมึงกัน” จงอินแบะหน้าจะร้องไห้แล้วส่งเสียงสะอื้น
     
    “คนน่ารักใจร้ายอีกแล้ว!!” มีส่งเสียงสะอื้น ยกมือปิดหน้าด้วยนะ พยอนแบคฮยอนอยากจะให้ออสการ์กับมันล่ะเกิน ไอ้จงแดนี่ก็ใจแข็งเหลือเกินเห็นมันโดนเต๊าะมาตั้งหลายปีก็ไม่เห็นจะหวั่นไหวสักนิด
     
    “ล้อเล่นหรอกน่า” จงแดหัวเราะแล้วลูบหัวจงอิน ไอ้คนที่แกล้งร้องไห้ก็เปิดหน้าแล้วยิ้มกว้างก่อนที่จะกอดรัดจงแดแน่น แบคฮยอนหัวเราะด้วยความระอา คยองซูก็กรอกตาไปมา ปล่อพวกมันสองคนไปเถอะ
     
    “แล้วนี่ไอ้คริสจะมากี่โมงเนี่ย” แบคฮยอนถามคยองซูโดยที่มองเลยข้ามจงแดที่พยายามทั้งดัน ทั้งตีจงอินให้ถอยห่างแต่ยิ่งดิ้นก็ยิ่งโดนรัด ชาติก่อนเป็นงูเหลือมเหรอมึง!!
     
    “เดี๋ยวก็มาแล้วชานยอลโทรมาบอกว่าใกล้ถึงแล้ว” แบคฮยอนพยักหน้ารับแล้วยื่นหลังมือไปเช็ดหยดเหงื่อที่ขมับของคยองซูให้
     
    “ร้อนเหรอ” คยองซูส่ายหน้า
     
    “ก็ไม่ค่อยร้อนเท่าไหร่หรอก” ว่าแล้วก็ยกขวดน้ำขึ้นดื่ม
     
    “นั่นไงมาแล้ว” จงแดที่นั่งหันหน้าไปทางทางเข้าหอชี้นิ้วไปที่รถคันใหญ่ของคริสที่แล่นเข้ามาจอด
     
    “โทษทีมาช้าไปนิด ปั๊มน้ำมันคนอย่างเยอะอ่ะเอากระเป๋าไปเก็บหลังรถเลยนะ” ชานยอลเปิดกระจกรถแล้วยื่นหน้าที่สวมแว่นกันแดดออกมาสั่งการกับเพื่อนๆ คริสลงจากรถไปช่วยเพื่อนเรียงกระเป๋าที่หลังรถ แหม.. คุณนายอู๋เหลือเกินนะไอ้หูกาง!!! แบคฮยอนแอบจิกสายตาใส่เพื่อน คยองงซูก็เลยฟาดแขนสักทีที่แอบด่าเพื่อนใจ
     
    “ตีทำไมเนี่ย” แบคฮยอนลูบแขนตรงที่โดนตีแล้วทำหน้าเบ้ใส่คนตี
     
    “ก็แล้วแอบว่าอะไรชานยอลอยู่ในใจ” ดวงตาเรียวของแบคฮยอนเบิกกว้างเท่าที่มันจะกว้างได้
     
    “รู้ได้ไงอ่ะ” คยองซูไม่ตอบแต่ยกยิ้มมุมปากให้แทน อ้าวแล้วกัน.. เลยไม่รู้กันเลย
     
    เมื่อทุกคนพร้อมรถคันใหญ่ก็พร้อมเคลื่อนตัวเช่นกัน คริสที่สวมแว่นกันแดดคู่ใจกำลังขับรถอย่างตั้งใจโดยมีคนนั่งข้างที่แสนดีคอยป้อนขนม ป้อนน้ำให้ไม่ได้ขาด จงแดกับจงอินก็นั่งเล่นเกมในไอแพดด้วยกันที่แถวกลาง เล่นเกมอยู่ดีๆจงแดก็โดนพี่จงอินแอบหอมแก้มเสียอย่างนั้น พอจุ๊บได้เสร็จก็ยิ้มกว้างเข้าให้แล้วแบบนี้จะไปกล้าทำอะไรได้ลงล่ะ ก็ตีพอเป็นพิธีพอล่ะกันเดี๋ยวเขาจะหาว่าง่าย
     
    แบคฮยอนนั่งเท้าคางมองออกไปนอกหน้าต่าง มองวิวข้างทางที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆ มองไปก็เพลินตาจนเผลอปล่อยใจไปตามวิวด้านนอก นั่งมองนานจนเพิ่งรู้สึกตัวพอหันไปอีกด้านก็เห็นว่าคยองซูนั่งหลับหัวพิงเบาะไปแล้ว ริมฝีปากบางวาดรอยยิ้มขึ้นแล้วขยับตัวไปหาคยองซูที่อยู่อีกด้านแล้วช้อนหัวคยองซูให้มานอนพิงที่ไหล่ตัวเอง
     
    คนตัวเล็กที่หลับไปแล้วขยับตัวหามุมสบายแล้วก็นิ่งไป แบคฮยอนโอบคยองซูไว้แล้วก็หลับตาลงอิงหัวไว้กับหัวของคยองซู หลับตาไว้สักพักด้วยความนิ่มของทักษ์การขับรถของคริสแบคฮยอนก็หลับตามคนในอ้อมแขนไปไม่ยากเลย คยองซูขยับใบหน้าเข้าอิงซุกที่ซอกคอของแบคฮยอนแล้วระบายยิ้มบางๆด้วยเพราะกำลังฝันดี แบคฮยอนเองก็กำลังยิ้มเช่นกัน
     
    ชานยอลที่มองส่องกระจกหลังก็กดรอยยิ้มถูกใจและกำลังวางแผนอะไรบางอย่างในใจ คริสที่เหลือบตามองก็ยื่นมือไปขยี้เส้นผมของชานยอล เจ้าตัวพองแก้มใส่แล้วก็เลื่อนสายไปตามองคู่กลางที่นั่งสุมหัวเล่นเกมกัน เผลอเข้าหน่อยจงแดก็โดนจุ๊บแล้วจุ๊บเล่าให้จงอินมันเก็บแต้มไปสิ นี่ก็ชอบเขาไม่ยอมบอกเขา ไอ้อีกตัวก็เต๊าะเอาหยอกเอาจนไม่รู้ว่าเล่นหรือจริง... พวกนี้นี่ไม่ไหวเลยจริงๆ
     
    “คิดอะไรในหัวอีกล่ะสิ” คริสที่เหลือบสายตาเห็นชานยอลนั่งยิ้มเจ้าเล่ห์อยู่ก็เอ่ยถาม ชานยอลหันไปยิ้มกว้างใส่
     
    “แน่นอน คิดเหมือนที่นายคิดนั่นแหละ” ชานยอลเลื่อนสายตามองที่กระจกหลังอีกครั้ง คริสมองตามแวบหนึ่งแล้วก็กดยิ้ม
     
    “นั่นสินะ” บางทีอาจจะยิงปืนนัดเดียวแล้วก็ได้นกสี่ตัวเลยก็ได้
     
    อีกสักพักใหญ่ๆรถแวนก็แล่นมาจอดที่หน้าบังกะโลริมชายหาด เมื่อคริสดับเครื่องยนต์ทุกคนก็ตื่นกันหมดแล้ว ชานยอลรีบเปิดประตูแล้วลงไปกอดรัดฟัดเหวี่ยงกับคุณยายของคริสที่มารอรับทันที ไวกว่าหลานแท้ๆซะอีก ทุกคนลงจากรถก็เข้าไปทักทายคุณยายที่ใจดีเปิดบ้านหลังใหญ่ที่นอนกันได้หกคนให้และที่สำคัญของทริปนี้คือฟรี!!
     
    “เดี๋ยวทุกคนก็เอาของไปเก็บในบ้านนะตามสบายอยากได้อะไรก็บอกพนักงานเอา ส่วนน้องชานยอลมาอยู่กับยายก่อนนะพี่คริสเก็บของให้น้องเสร็จก็ตามมาหายายนะ” แล้วคุณยายที่ยังดูสาวและสวยก็โอบกอดหลานรักเดินเข้าบ้านพักส่วนกลางที่เป็นสถานที่ติดต่อของที่นี่ไปซะเลย
     
    “กูเชื่อสนิทใจแล้วล่ะว่าบ้านมึงโคตรรักไอ้ชานยอลอ่ะ” แบคฮยอนที่ยืนอยู่ใกล้ๆกระแซะแหย่คริส
     
    “เออกูเหมือนลูกเก็บมาเลี้ยงเลยเถอะ เอากระเป๋าแล้วก็ตามกูมาเดี๋ยวพาไปที่บ้าน” ว่าแล้วก็หัวเราะขำขันเขานักล่ะ
     
    “เดี๋ยวถือให้” แบคฮยอนแย่งกระเป๋าของคยองซูไปถือ คยองซูมองตาม
     
    “นายก็ถือพวกขนมไปไง โอเค๊?” คยองซูพยักหน้าแล้วก็เดินนำแบคฮยอนไปตามทางที่คริสเดินนำ
     
    บ้านพักหลังใหญ่อยู่ด้านในและค่อนข้างเป็นส่วนตัวที่สุดแล้ว บ้านหลังใหญ่มีระเบียงที่ยื่นออกไปยังชายหาดด้วยถูกอกถูกใจคนมานักล่ะ ด้านในมีห้องนั่งเล่นรวมแล้วก็แยกเป็นสามห้องนอนและแต่ละห้องก็มีห้องน้ำในตัว อะไรจะสะดวกและแสนสบายอย่างนี้ไม่มีอีกแล้ว ขอชาบูให้พี่คริสหนึ่งจอกครับ!
     
    “พวกมึงจะนอนห้องไหนก็เลือกเอากูกับชานยอลนอนห้องไหนก็ได้” สิ้นคำของคริสจงอินกับแบคฮยอนก็วิ่งเข้าไปสำรวจในแต่ละห้องกันใหญ่ คริสก็ยืนขำพวกมันก็ไม่รู้จะรีบไปทำไมเพราะยังไงด้านหลังของบ้านก็ไม่ใช่ทะเลเพราะทะเลมันอยู่ด้านหน้า
     
    “ขอบคุณนะคริสที่อุตส่าห์พามาเที่ยวแถมยังฟรีอีก” คยองซูยิ้มขอบคุณและมีจงแดเป็นลูกคู่ คริสพยักหน้ารับ
     
    “ไม่เป็นไรหรอกแค่นี้เองสบายๆถือว่าได้มาเยี่ยมยายไปด้วยในตัว” คริสยิ้มขำแล้วยื่นมือไปขยี้ผมของคยองซูกับจงแด ทำอย่างกับเพื่อนตัวเล็กสองคนเป็นเด็กอนุบาลไปได้
     
    “กูเลือกห้องนี้!!” แล้วสงครามแย่งห้องก็จบลง แบคฮยอนนอนห้องแรก จงอินเลือกห้องกลาง ถ้าเช่นนั้นห้องด้านในสุดก็เป็นของเขากับชานยอล
     
    เมื่อเลือกห้องกันเสร็จสรรพทุกคนก็แยกย้ายกันเข้าห้อง คริสวางกระเป๋าเสร็จก็โผล่หน้าเข้าห้องบอกเพื่อนๆว่าจะไปหายายแล้วก็ออกไปเลย จงแดก็จัดเสื้อผ้าเข้าตู้ไป จงอินก็นอนเท้าหัวมองแล้วก็ยิ้มมีความสุขไป อะไรมันจะดีไปกว่านี้อีกล่ะเนอะ~
     
    “ยะฮู้~~!!!” พอเข้าห้องมาได้แบคฮยอนก็เหวี่ยงกระเป๋าไปที่เก้าอี้ในห้องแล้วตัวเองก็กระโดดขึ้นนอนบนเตียง คยองซูที่เดินตามเข้ามาก็ส่ายหน้าไปมา
     
    “จะเก็บเสื้อผ้าไหมน่ะ” แบคฮยอนผงกหัวขึ้นมามองคยองซูแล้วยิ้ม
     
    “ไม่อ่ะ ฝากเก็บด้วยนะขอบใจ” แล้วพี่ท่านก็ล้มตัวลงนอนไป คยองซูยิ้มแล้วหิ้วกระเป๋าเสื้อผ้าของแบคฮยอนไปจัดใส่ตู้ไว้ให้
     
    ก็เป็นเสียแบบนี้.. ถ้าแบคฮยอนไม่ทำคยองซูก็จะจัดการให้เสียแทบจะทุกอย่าง คยองซูหันหน้ากลับมามองก็เห็นว่าแบคฮยอนคงจะหลับไปแล้ว ขี้เซาจริงๆ คยองซูจัดเสื้อผ้าใส่ตู้ไปก็ยิ้มไป มีความสุขทุกครั้งที่ได้ทำอะไรเล็กๆน้อยๆให้คนที่ขี้เซานั่น แค่นี้มันก้ทำให้คยองซูยิ้มได้บ่อยๆแล้ว
     
    ไม่นานคริสก็มาเรียกให้ทุกคนออกไปหามื้อเที่ยงกินกัน เย็นนี้จะปาร์ตี้รอบกองไฟกันเจ้าของสถานที่สั่งพนักงานให้เตรียมก่อกองไฟสำหรับตอนเย็นแล้วก็เตรียมเตาให้เรียบร้อย ส่วนงบประมาณของการจัดเลี้ยงนั้น.. เรียกได้ว่าอินฟีนิตี้เพราะชานยอลไปอ้อนของบประมาณจากคุณยายของคริสมาแล้วเรียบร้อยดังนั้นก็กินกันได้อิ่มหนำสำราญ
     
    มื้อเที่ยงทุกคนเลือกที่จะไปหาอะไรกินกันในตัวห้างสรรพสินค้าในตัวเมือง จากนั้นก็ไปที่ตลาดเพื่อหาซื้อของสดไว้สำหรับเย็นนี้และอีกหนึ่งสิ่งที่จะขาดไม่ได้เลยก็คือเครื่องดื่มละลายสติ... ที่เรียกได้ว่าชานยอลเดินเข้าร้านขายส่งไปก็จัดเต็มกวาดมาเต็มที่ คริสเองก็เห็นดีเห็นงามไม่มีห้ามกันเลย
     
    แบบนี้ก็ลาภปากจงอินกับแบคฮยอนเลยน่ะสิก็เป็นลูกกรอกผสมโรง ยี่ห้อนั้น ขวดนี้ ลองอันโน้นไหม สนุกกันล่ะ หลังจากที่จัดการเรื่องอาหารและเครื่องดื่มเรียบร้อยคริสก็ขับรถพากลับมาที่ที่พักในช่วงเย็นแล้ว พนักงานกำลังจัดเตรียมของไว้ให้อยู่ ชานยอลก็ให้พนักงานสามคนมาช่วยจัดการกับของสดที่ซื้อมาเตรียมปาร์ตี้ ทุกคนลงความเห็นกันว่าจะกลับไปอาบน้ำก่อนแล้วก็ออกมาเจอกันตอนที่ฟ้ามืดลงกว่านี้ ป่านนั้นกองไฟก็คงเสร็จและแน่นอนว่าอาหารก็คงเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว
     
    คยองซูที่อาบน้ำเสร็จก่อนก็ออกมาแต่งตัวและปล่อยให้แบคฮยอนอาบน้ำไป วันนี้คนตัวเล็กเลือกสวมเสื้อกล้ามสีดำไว้ด้านในแล้วสวมทับด้วยเสื้อเชิ้ตแขนสั้นไม่ติดกระดุกกับกางเกงขาสั้นที่สั้นมากจริงๆ ก็มาทะเลก็ต้องมีอะไรให้น่ามองนิดหนึ่งนินะ.. ไม่ได้ให้คนอื่นมองหรอกให้คนที่กำลังอาบน้ำอยู่นี่ล่ะมอง 
     
    แต่งตัวเสร็จก็ขึ้นไปนั่งสอดขาในผ้าห่มรอ ไม่นานแบคฮยอนก็ออกจากห้องน้ำมาแต่งตัว แบคฮยอนก็แต่งตัวคล้ายกับคยองซูนี่ล่ะแต่เป็นกางเกงยาวถึงหัวเข่า พอทุกอย่างพร้อมและได้เวลาคริสก็มาเคาะประตูห้องเรียก คยองซูตลบผ้าห่มออกแล้วก้าวเท้าลงจากเตียง
     
    “เฮ้ย!! ทำไมใส่กางเกงสั้นขนาดนั้น!!!” กะด้วยสายตาแล้วมันก็ไม่น่าจะเกินสองคืบครึ่งด้วยซ้ำ แล้วไอ้ตวนี้นี่ไปซื้อมาตอนไหนกัน!! คยองซูก้มลงมองแล้วก็ทำหน้าไม่เข้าใจ
     
    “ทำไมอ่ะ สบายดีออก” 
     
    “สบายอะไรล่ะไปเปลี่ยนเลย!!” คยองซูขมวดคิ้วแล้วมองคนตรงหน้าที่ดูจะอารมณ์เสียเสียเหลือเกิน
     
    “ทำไมล่ะ อย่าโวยวายไปหน่อยเลยน่าเร็วๆออกไปได้แล้ว” คยองซูเดินเข้าไปกอดแขนแบคฮยอนแล้วลากให้ออกจากห้องมาด้วยกัน แบคฮยอนที่โดนลากจะไม่ยอมก็ไม่รู้จะขัดขืนยังไงก็เลยต้องปล่อยเลยตามเลย
     
    “ห้ามเดินไปไหนมาไหนคนเดียวเลยนะมึง ถ้าเห็นนะเอาตายแน่” แบคฮยอนหันไปมองคยองซูที่กอดแขนแนบทั้งตัวแล้วก็ชี้นิ้วใส่ คยองซูเอียงคอแล้วยิ้มให้
     
    “ไม่ไปหรอกน่า” เป็นอันปิดประเด็น แม้ว่าจะไม่อยากยอมก็เถอะ
     
     
    พอเดินลงมายังหาดที่อนุญาตให้ก่อกองไฟได้แล้วนั้นก็เห็นว่าปาร์ตี้เริ่มไปแล้ว ชานยอลกำลังนั่งดีดกีต้าร์เคล้าเสียงร้องเพลงจากจงแด จงอินก็รับหน้าที่จัดการปิ้งย่างอาหารให้ คริสก็ทำหน้าที่บาร์เทนเดอร์ให้เพื่อนๆ คยองซูกับแบคฮยอนนั่งลงที่ขอนไม้ใหญ่ที่นำมาวางไว้เป็นที่นั่งที่เพื่อนเว้นๆว่างไว้ให้ 
     
    “เพียวป่ะครับ” เมื่อนั่งได้คริสก็เอ่ยถามพร้อมกับยกแก้วเปล่าขึ้นชูให้ดู
     
    “จัดไปครับ” แบคฮยอนตอบแล้วเริ่มมองหาอาหารที่ย่างเสร็จแล้ว
     
    “แล้วคยองซูล่ะ”
     
    “ผสมไปเลย” แต่คนตอบไม่ใช่คยองซู.. ถูกแล้ว.. พยอนแบคฮยอนเป็นคนตอบแทน คยองซูหันหน้ามองแบคฮยอนที่นั่งข้างกาย คริสก็พยักหน้ารับไปตามนั้นแล้วก็จัดเหล้าเพียวหนึ่งแก้วและอีกแล้วที่ผสมโซดาและน้ำเปล่าให้
     
    “เอ้าๆมาแล้วๆ กุ้งกับปลาหมึกมีปลาด้วยนะ~” จงอินเดินมาพร้อมกับพนักงานที่ช่วยถือจานมาเสิร์ฟ คือจริงพี่ท่านจะนั่งกินเฉยๆก็ไม่มีใครว่าแต่ดันอุตริอยากจะไปช่วยเขาย่างเขาเผาก็เอาตามสะดวกพ่อเลย
     
    “นี่เลยปลาเผาของยาใจ” จงอินถือจานที่มีปลาตัวใหญ่เผาดูน่ากินส่งให้จงแด แต่พอเจ้าตัวจะรับจงอินก็ยกจานหนีเสียอย่างนั้น
     
    “พี่ไม่อยากให้ยาใจของพี่กินปลาเลยอ่ะ” ว่าแล้วก็มองจงแดที่นั่งข้างๆด้วยสีหน้าไม่เข้าใจ
     
    “ทำไมอ่ะ” คนถามก็ไม่ใช่จงแดแต่เป็นชานยอลที่ถึงกับหยุดเล่นกีต้าร์แล้วทำหน้าสอดเข้ามาอย่างอยากรู้ เอาน่าทุกคนก็อยากรู้เหมือนกันแหละก็เลยอาสาออกนอกหน้าให้เอง ใจป่ะล่ะ~
     
    “ก็ปลาเผามันมีเกลือแล้วในเกลือมันก็มีไอโอดีนใช่ไหมล่ะ” ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย
     
    “แล้วมันทำไม” จงแดเป็นคนถาม จงอินยิ้มกว้าง
     
    “ก็ในเกลือมันมีไอโอดีนแต่ถ้าน้องจงแดหันมาหาพี่จงอินก็มีแต่ไอเลิฟยูนะจ๊ะ” เชื่อเถอะว่าถ้าทุกคนได้ยินเสียงในใจของกันและกันคงได้ยินแต่เสียงสบถด่า คริสถึงกับกรอกตาแล้วยกแก้วเหล้าตัวเองขึ้นกรอกปาก
     
    “ไม่เป็นไรกูขอกินเกลือดีกว่า” จงแดแย่งจานมาวางไว้ที่ตักตัวเองแต่จงอินกลับแย่งไป
     
    “เดี๋ยวพี่จงอินแกะให้นะ ถึงจะไม่ไอเลิฟยูก็ไม่เป็นไรยังไงก็ไอมิสยูนะจ๊ะ” จงแดถอนหายใจแล้วกรอกตาไปมา แบคฮยอนที่คันปากมานานก็เลยขอสอดสักหน่อย
     
    “ถามจริงเหอะไอ้จงอินมึงไปเรียนวิธีเสี่ยวๆนี่มาจากไหนวะ” คำถามของพยอนแบคฮยอนเหมือนเป็นคำถามยิ่งใหญ่จากผู้สร้างโลกมากซึ่งใครๆก็อยากรู้ จงอินยิ้มกว้างอย่างภูมิใจแต่ก็ยังก้มหน้าแกะเนื้อปลาเผาให้จงแด
     
    “ไม่เห็นต้องเรียนนี่บอกไว้เลยว่ามันออกมาจากใจ คนจะหล่อหล่อที่ใจใช่ใบหน้า คนจะเสี่ยวจะเต๊าะก็ด้วยหัวใจรัก ใจของพี่นั้นยกให้ยาใจเพียงคนเดียว” จงแดที่โดนมองด้วยสายตาหวานหยดขนาดนั้นจะไปไหนพ้นล่ะก็เขินอายไปตามระเบียบ จงอินก็ชอบใจเสียเหลือเกิน
     
    “เอาซะบรรยากาศเป็นสีชมพูเลยนะมึง” ชานยอลส่ายหน้าแล้วเริ่มเกากีตาร์ด้วยจังหวะเบาๆ หวานๆ ไหนๆมันก็เล่นมาขนาดนี้แล้วก็เอาให้มันสุดๆไปเลย
     
    “คริสเติมเหล้าให้หน่อย” คยองซูที่นั่งอยู่ใกล้คริสก็ยื่นแก้วเหล้าเปล่าให้ คริสรับแก้วจากเพื่อนตัวเล็กแล้วมาชงเหล้าให้ วันนี้คุณชายมาเป็นเด็กชงเหล้าเพราะฉะนั้นต้องใช้ให้คุ้ม
     
    “อย่าเมานะเว๊ย” แบคฮยอนหันมาบอกคนข้างตัวก่อนที่จะยื่นแก้วให้คริสบ้าง อยู่ด้วยกันมาก็ตั้งนานแต่ตัวเขาก็ไม่เคยเห็นคยองซูจะกินเกินแก้วที่สองสักที
     
    “ห่วงตัวเองเถอะ” คยองซูทิ้งหางตาใส่ แบคฮยอนหัวเราะแล้วยื่นมือไปขยี้หัวของคนตัวเล็กข้างๆ คยองซูก้มหน้าลงดื่มของเหลวในแก้วเพื่อซ่อนรอยยิ้มเขินที่แบคฮยอนมาทำอะไรที่อ่อนโยนแบบนี้ ไอ้คนที่ทำเขาเขินก็นั่งชิวดื่มเหล้า นั่งสบายให้ลมพัด มองท้องทะเลสีมืดได้อารมณ์ไปสิ
     
    ...พยอนแบคฮยอนนี่ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย...
     
     
    นั่งกินกันไปชิวๆกับบรรยากาศดีๆที่มีลมพัดกันกว่าครึ่งคืน คยองซูก็ยังจอดอยู่ที่แก้วที่สามแต่อย่าได้ถามถึงคนอื่นที่ยกหายๆยกเว้นจงแดไว้หน่อยเจ้าตัวจิบพอเป็นกระษัย จริงๆที่จงแดออกมานี่กะมานั่งกินอาหารทะเลอย่างเดียว เหล้าอะไรนี่ก็แค่ล้างคอล้างปากเท่านั้นแหละ
     
    ยิ่งดึกยิ่งคึกก็ยิ่งเมาตอนนี้คริสกับชานยอลเสนอให้เล่นเกมกันแล้ว เอาแล้วล่ะสิ เกมที่จะเล่นกันเรียกว่าเกมช็อต จะมีแก้วเหล้าช็อตอยู่ยี่สิบใบและจะใส่ตั้งแต่น้ำเปล่ายันเหล้าที่แรงสุด จะหาผู้แพ้ที่ต้องดื่มแก้วช็อตนี้โดยการใช้หมุนปากขวดเบียร์เปล่าๆถ้าปากขวดหมุนไปหาใครคนนั้นก็ต้องเลือกมาหนึ่งแก้วที่ตาดีได้ตาร้ายก็เมาไป เมื่อทุกอย่างพร้อมเราก็มาเริ่มเกมกันเลย!!
     
    “เอ้าแบคฮยอนเลือกไปครับ!!” ไม่รู้เหมือนกันว่าพยอนแบคฮยอนทำบุญด้วยอะไรถึงแพ้ติดกันห้ารอบรวดแล้วที่สำคัญแก้วที่มันเลือกนั้นก็เจอแต่แรงๆทั้งนั้น นี่ไม่อยากบอกนะว่าขนาดแอบไปขอเหล้าขาวของลุงแถวนี้มาแก้วเดียวไอ้หมากระเป๋ายังหยิบได้อ่ะคิดดู
     
    “อ๊า... แม่ง!!” แบคฮยอนใช้หลังมือปาดเหล้าที่มุมปากออก ชานยอลก็หัวเราะสะใจไปสิ 
     
    “ให้โอกาสมึงหมุนขวดเลยครับเพื่อน” จงอินเรียนเชิญแบคฮยอนให้มาหมุนเพราะเริ่มเกมมาพี่ท่านก็ซัดไปแก้วที่ห้าแล้วครับ คนอื่นโดนกันคนละแก้วเองยกเว้นจงแดกับคยองซูที่ยังไม่โดน แบคฮยอนเอื้อมมือไปหยิบขวดสีเขียวมาหมุนแล้วปรากฏว่า... ปากขวดหันไปทางคยองซู
     
    “โอ๊ะตัวเล็กของกลุ่มโดนแล้วครับ!” จงอินลุกขึ้นปรบมือประหนึ่งกำลังยืนรอต้อนรับผู้ได้รับรางวัลออสการ์ คยองซูชี้นิ้วใส่จงอินอย่างคาดโทษก่อนที่จะยื่นมือไปหยิบแก้วแต่ทว่ากลับมีมือดียื่นไปหยิบตัดหน้าแล้วดื่มพรวดเดียวลงคอไปเลย คยองซูและทุกสายตาหันไปมองแบคฮยอนที่กระดกแก้วในมือ
     
    “เอาล่ะต่อๆ คยองซูหมุนเลย” คริสยื่นขวดมาให้คยองซูหมุนต่อ เจ้าตัวก็รับมาหมุนแต่ปากขวดเจ้ากรรมดันหมุนมาทางคยองซูซ้ำอีกรอบคล้ายดั่งจงใจ
     
    “อ๊ะๆ รอบนี้ห้ามกินแทนนะครับ” ชานยอลชี้นิ้วดักคอแบคฮยอนที่กำลังจะเอื้อมมือมาหยิบแทน
     
    “อะไรเล่าก็หยวนๆไปดิ” แต่ชานยอลทำตาโตแล้วส่ายหน้าไปมา
     
    “คยองซูเลือกเลยแล้วดื่มให้หมด” สิ้นคำสั่งของชานยอลคยองซูก็ไหวไหล่แล้วเลือกมาสักหนึ่งแก้วแล้วก็กระดกรวดเดียวหมด แบคฮยอนที่มองอยู่ก็เริ่มเป็นห่วงผสมมึนๆเพราะตัวเองน่ะก็ดื่มเข้าไปหลายแก้วแล้วไหนจะมาเจออะไรโหดๆแบบนี้อีก คยองซูที่เริ่มร้อนก็เริ่มจับสาบเสื้อเชิ้ตสะบัดพัดลม ผิวขาวเริ่มแดงเรื่อเพราะแก้วเมื่อกี้ที่ไหลลงผ่านลำคอไปนั้นก็ดีกรีแรงไม่ใช่ย่อย
     
    “เป็นอะไรหรือเปล่า” แบคฮยอนเอ่ยถาม คยองซูหันมองคนถามแล้วก็อยากจะหัวเราะ 
     
    “ถามตัวนายเถอะ เมาหรือยัง” แบคฮยอนส่ายหน้าไปมาแต่แล้วก็เริ่มรู้สึกมึนๆ
     
    “ยังไม่เมา!” คยองซูมองคนที่บอกว่าไม่เมาแล้วก็อยากจะหัวเราะ คนเมาเขาไม่บอกหรอกว่าตัวเองเมาน่ะ แล้วไอ้อาการตาเยิ้ม หน้าแดง นั่งไม่ค่อยจะตรงนี่คืออะไรกัน
     
    “เฮ้ยไอ้แบคมึงหันมาเลย มึงโดนแล้ว” จงอินกับชานยอลเรียกแบคฮยอนที่ไม่สนใจอะไรกับเกมแล้วแต่ก็ยังไม่วายแพ้อีกจนได้
     
    “อะไรวะทำไมกูโดนตลอดเลยวะ” ถึงจะบ่นแต่ก็เอื้อมมือไปหยิบแก้วมากระดกพรวด
     
    “ร้อนจังเลยอ่ะ” แบคฮยอนหันมามองตามเสียงบ่นร้อนแล้วก็เห็นคยองซูที่หน้าเริ่มแดงจับสาบเสื้อพัดให้ลม ใบหน้าของคนร้อนขมวดมุ่นดูว่าร้อนจริงๆ บางทีฤทธิ์แอลกอฮอล์คงกำลังแผลงฤทธิ์แล้วแน่ๆ
     
    “เฮ้ย!” แบคฮยอนร้องเฮ้ยเสียงดังเมื่อเห็นคยองซูถอดเสื้อเชิ้ตออกเหลือแต่เสื้อกล้าม ก็แล้วผิวขาวๆที่เริ่มแดงเรื่อตัดกับเสื้อกล้ามสีดำนี่มัน.... โว๊ยยยยยยยยยยยยย
     
    “ถอดเสื้อทำไมใส่เดี๋ยวนี้เลย” คยองซูขมวดคิ้วแล้วมองคนที่เป็นเดือดเป็นร้อนเสียเหลือเกิน
     
    “อะไรล่ะก็ร้อนนิ อย่ามายุ่งน่านั่งเฉยๆเลยไป” คยองซูวางเสื้อพาดไว้ข้างตัว แบคฮยอนก็เอื้อมมือผ่านคยองซูจะไปแย่งแต่คนตัวเล็กก็เบี่ยงตัวไปมาไม่ให้แบคฮยอนหยิบได้ ดูเพินๆแล้วเหมือนทั้งสองกำลังกอดกันอยู่เลย 
     
    แบคฮยอนที่ไม่ยอมก็พยายามจะหยิบเสื้อมาให้ได้แต่ยิ่งอ้อมหน้าอ้อมหลังก็ยิ่งมึน แบคฮยอนวางซบหน้าไว้ที่ซอกคอของคยองซู ลมหายใจร้อนๆเป่ารดต้นคอของคนที่ให้พิง แก้มที่แดงระเรื่อก็แดงสีจัดขึ้น อาจจะเพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์และลมหายใจร้อนๆนี่แหละมั้ง
     
    มือของแบคฮยอนที่วางพาดช่วงต้นขาของคยองซูก็ค่อยๆขยับไล้สัมผัสความนิ่มกับเนื้อขาเนียนนั้น ยิ่งลูบสัมผัสก็ยิ่งรู้สึกว่ามันทั้งนิ่มและเนียมจนยากที่หยุดอาการอยากสัมผัสนี้ 
     
    “อื้อ.. หยุดลูบได้แล้ว” คยองซูกระซิบเสียงแผ่วแล้วจับมือที่ดูท่าว่าจะลูบขึ้นสูงเกินความจำเป็น
     
    “ทำไมล่ะ” แบคฮยอนถามเสียงเบาชิดแนบลำคอของคยองซู คนที่คล้ายกับโดนสัมผัสซอกคออยู่นั้นก็เชิดคอขึ้น แบคฮยอนก็ยิ่งแนบริมฝีปากเข้ากับความนิ่มนั้น เหมือนกับปลายจมูกสัมผัสได้ถึงกลิ่นหอมจางๆจากายนิ่มที่ตัวเขากำลังโอบกอดอยู่นี้อีกด้วย
     
    “พอเถอะ” คนห้ามก็ห้ามเสียงสั่นเครือแล้วใครที่ไหนจะหยุดกันล่ะ แบคฮยอนไล่จูบตามแนวลำคอขึ้นไปถึงแก้มร้อนที่แดงจัด พอคยองซูหันหน้าไปมองแบคฮยอนก็ใช้สองมือช้อนแก้มล็อคใบหน้าของคยองซูไว้แล้วกดริมฝีปากทาบลงไป 
     
    ในหัวของแบคฮยอนตอนนี้มีแค่อยากสัมผัส อยากจูบ อยากทุกอย่าง อยากสัมผัสมากกว่านี้ แบคฮยอนกดป้อนจูบลึกและคยองซูก็ตอบรับสัมผัสนั้น ยิ่งสัมผัสแบคฮยอนก็ยิ่งอยากได้มากกว่านี้ ผิวกายขาวนวลที่นิ่มและลื่นมือนั้นยิ่งเรียกความคิดที่อยากครอบครองคนตรงหน้า
     
    “อ้าวไวไฟแล้วจ้า~” สิ้นคำของจงอินทุกสายตาก็หันไปมองแบคฮยอนที่ตระกองกอดคยองซูไว้ในอ้อมแขนแล้วกดป้อนจูบให้แทบขาดใจ จงแดทำตาโตมองอย่างตกใจด้วยเพราะไม่คิดว่าจะได้มาเห็นหนังสดตรงหน้า
     
    “ช็อตเด็ด” ชานยอลยิ้มแล้วรับมือถือที่คริสยื่นส่งมาให้กดอัดวีดีโอไว้ ขอสักนิดสักหน่อยพอเป็นกระสัย
     
    “อิจฉาง่ะ” จงอินพูดแล้วจับมือของจงแดไว้ แต่จงแดยกมือขึ้นห้าม
     
    “อย่าเพิ่งพูดต่อ กูขอตกใจให้คุ้มก่อน”
     
    “เฮ้ยๆๆ พวกมึงเข้าห้องไหมวะ!!!” ชานยอลตะโกนเสียงดังขัด คยองซูกับแบคฮยอนสะดุ้งแล้วผละจูบออกจากกัน พอหันไปมองหน้าเพื่อนๆก็เห็นทุกคนทำสีหน้ายิ้มแบบมีเลศนัยกันแปลกๆ คยองซูดันแบคฮยอนให้ออกห่าง
     
    “อะไรล่ะมองหน้ากันทำไม” ชานยอลไม่ตอบแต่ทำหน้ากรุ้มกริ่มใส่ คริสก็แค่ยิ้มแล้วยักไหล่ให้ จงแดก็แค่เม้มริมฝีปากพยายามไม่ยิ้มแต่จงอินน่ะไม่ได้สนใจหรอกกำลังทำตัวเนียนกอดจงแดอยู่
     
    “กลับเข้าห้องดีมะดูว่าไอ้หมานั่นจะเมาแล้วนะ” คริสชี้นิ้วมาที่แบคฮยอนที่ก้มหน้าซุกที่ซอกคอของคยองซู คนอื่นคงเห็นว่าแบคฮยอนแค่อิงซบแต่ใครล่ะจะรู้นอกจากคยองซูว่าแบคฮยอนกำลังดูดเม้มผิวเนื้อตามลำคอของเขาอยู่
     
    “พอเลยฉันจะไปนอนแล้ว ถ้านายจะนั่งนี่ก็นั่งนะ” คยองซูดันแบคฮยอนออกแล้วลุกขึ้นยืนทิ้งสายตาแล้วกดริมฝีปากวาดรอยยิ้มให้ ปลายนิ้วก็เฉียดไล้ผ่านแก้มของแบคฮยอนไปเบาๆ แบคฮยอนหันมองตามหลังของคยองซูแต่เพื่อนๆน่ะส่งสายตามองมาที่แบคฮยอนว่ามันจะเอายังไง จะตามหรือจะจอด
     
    “เจอกันพรุ่งนี้” แบคฮยอนยกแก้วเหล้าของคริสมากระดกลงคอแล้วก็โบกมือลาเพื่อนก่อนที่จะเดินเซๆกลับที่พักไป
     
    คยองซูทอดเท้าก้าวเดินช้าๆไปตามทางกลับบ้านพัก แบคฮยอนก้าวตามหลังมาห่างกันพอสมควร คยองซูกำลังไขกุญแจอยู่ที่หน้าประตูบ้าน แบคฮยอนก็เดินเข้ามาซ้อนหลังประชิดแล้ววาดโอบมือเกี่ยวเอวของคยองซู ปลายจมูกไล่กดตามแนวลาดไหล่
     
    “อื้อ.. ปล่อย” พอไขกุญแจได้ก็ผลักมือของแบคฮยอนออกแล้วเดินนำเข้าบ้านไป แบคฮยอนก้าวเท้าตามไปแต่ก็ไม่ลืมที่จะปิดประตูหน้า 
     
    คยองซูหันมามองแล้วยกยิ้มให้คนที่กำลังเดินตามมาจากนั้นก็หมุนเปิดประตูเดินเข้าห้องนอนไปก่อน แบคฮยอนที่เดินตามหลังมาปิดประตูห้องนอนแล้วก็เกี่ยวเอวคนตัวเล็กให้มาแนบชิด สองมือสอดเข้าไล้ใต้เสื้อกล้ามสีดำลูบไล้กับหน้าท้องแบนราบของคยองซู ริมฝีปากก็กดจูบซับตามแนวไหล่ไล่ขึ้นไปยังแนวลำคอ
     
    “พอได้แล้วน่าฉันจะนอนแล้ว” คยองซูปัดมือของแบคฮยอนออกจากตัวแล้วเดินเซน้อยๆไปที่เตียงพร้อมกับถอดเสื้อกล้ามสีดำออกจากตัว
     
    “ทำไมคืนนี้มันร้อนจังนะ” คยองซูเหวี่ยงเสื้อกล้ามทิ้งแล้วปีนขึ้นนั่งบนเตียง โน้มตัวไปด้านหลังนิดหน่อยแล้วก็ปลดตะขอกางเกงขาสั้นของตัวเอง
     
    “จะนอนไหมนายน่ะหรือจะยืนอยู่ตรงไหน” คยองซูหันไปมองแบคฮยอนที่ยืนทำตาโตมองมาแล้วก็ยกยิ้มให้พร้อมกับกวักมือเรียก
     
    “มานอนได้แล้ว” แบคฮยอนก็เดินตัวลอยๆไปที่ข้างเตียง คยองซูค่อยๆล้มตัวลงนอนแล้วมองคนที่มายืนข้างเตียงฝั่งที่ตัวเองนอน แล้วไอ้การที่มานอนยั่วด้วยการถอดเสื้อนี่มันก็..... ไม่ทนแล้วป่ะล่ะ!!!
     

     
     
    ตัดฉับ.......  ฉับ.......  ฉับ.......
    จอมืด.... แบตกล้องหมดค่ะ 

    คอนแทร็คมี >> @Betty_Noona  <<


     




     
    คยองซูกำลังรู้สึกเป็นสุขทั้งกายและใจ คืนนี้เขาได้หลอมรวมเป็นหนึ่งกับคนตรงหน้าแล้วต่อให้วันไหนๆ เขาก็จะไม่หวั่นไหวและไม่ไหวเอน
     
    แบคฮยอนก้มหน้าลงทาบริมฝีปากเบาๆแล้วผละออกอยู่ซ้ำๆจนคยองซูเบี่ยงหน้าหนี ทั้งริมฝีปากและปลายจมูกก็เลยได้จรดลงที่แก้มใสแทน เมื่อเคล้าเคลียกันจนพอใจแบคฮยอนก็กดจูบที่แก้มใสหนักๆ
     
    “ขออีกรอบได้ไหม” ถามด้วยความสัตย์จริง ถึงแม้จะพอใจในรสรักและอิ่มใจแต่มันก็ยังไม่พอ ยังอยากสัมผัสมันอีก คยองซูกัดริมฝีปากขมวดคิ้วเหมือนจะไม่ยอมแบคฮยอนก็ถอดใจ.. แต่แล้วก็ต้องยิ้มกว้างเมื่อคนใต้ร่างพยักหน้ารับ แล้วค่ำคืนนี้ก็ดำเนินต่อไป
     
     
     
     
     
     
     
     
    ยามสายแสงแดดไล้ผ่านเข้ามาในห้อง แม้จะไม่มากแต่ก็พอรับรู้ว่ามันสว่าง แบคฮยอนขยับตัวแล้วค่อยๆลืมตาขึ้นมองสิ่งแรกที่เห็นก็คือหน้าต่างเพราะตัวเองนอนหันข้างอยู่ แล้วภาพเหตุการณ์เมื่อคืนก็ฉายซ้ำทำเอาคนเพิ่งตื่นอ้าปากค้างทำหน้าตกใจ เมื่อคืนตัวเขาไม่ได้เมามันก็แค่มึนๆ กรึ่มๆ มีสติแต่หยุดตัวเองไม่ได้.. แล้วมันก็...
     
    แบคฮยอนตัดสินใจขยับตัวหันไปมองอีกด้านของเตียงก็เห็นคยองซูนั่งก้มหน้าเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ พอเขาขยับตัวคยองซูก็เหลือบสายตามามองแต่ไม่ได้หันหน้ามาหา ผ้าห่มนั้นถูกดึงขึ้นปิดอกคยองซูนั่งก้มหน้าเหมือนกำลังคิดอะไรสักอย่าง... และมันก็คงไม่พ้นเรื่องเมื่อคืนแน่ๆ อยู่ๆก็รู้สึกว่าตัวเองโคตรเลวก็ตอนนี้แหละ
     
    “คยอง...”
     
    “ตื่นแล้วเหรอ ขออาบน้ำก่อนนะ” คยองซูพูดแทรกแล้วขยับตัวจะลงจากเตียงแต่ทว่าอาการเจ็บช่วงล่างก็แล่นริ้วขึ้นมา แบคฮยอนรีบลุกขึ้นไปประคองทันที
     
    “อย่าเพิ่งขยับเลย นอนก่อน” แต่คยองซูส่ายหน้าแล้วดันมือของแบคฮยอนออก 
     
    “ไม่เป็นไร ฉันอยากอาบน้ำ” แบคฮยอนขยับตัวลงจากเตียงแล้วกักคยองซูไว้ไม่ให้ขยับตัวไปไหน คยองซูหันหน้าไปทางอื่นคล้ายกับไม่อยากจะมองหน้าของแบคฮยอน
     
    “เดี๋ยวอุ้มไปส่งที่ห้องน้ำแต่เรามาคุยกันก่อน เมื่อคืนนี้...”
     
    “ช่างมันเถอะฉันเมา นายก็เมาไม่เป็นไร ไม่ต้องรับผิดชอบไม่เสียหายอยู่แล้ว” คยองซูเงยหน้าขึ้นยิ้มให้แบคฮยอนแต่คนได้รับกลับมองว่ามันทั้งฝืนและไม่สวยงามเอาซะเลย
     
    “แล้วๆกันไปเถอะ ฉันคงไม่ฟูมฟายขอให้นายมาอะไรกับฉันหรอกวางใจได้” พอจะอ้าปากพูดทีก็โดนขัดที
     
    “แต่..”
     
    “ฉันอยากอาบน้ำ” คยองซูขยับตัวลงจากเตียงแล้วค่อยๆพยุงตัวไปทางห้องน้ำ แบคฮยอนจะช่วยคยองซูก็ไม่ต้องการ คนตัวเล็กค่อยๆเดินไปทางห้องน้ำแบคฮยอนก็คอยอยู่ห่างๆถ้าคนตัวเล็กล้มเขาก็จะเข้าไปช่วย ยิ่งก้าวเดินหยดน้ำสีขาวขุ่นก็ไหลตามเรียวขา แบคฮยอนมองแล้วก็รู้สึกแปลกๆ.. ทั้งรู้สึกดีและรู้สึกปวดหนึบที่ใจที่คยองซูไม่ต้องการการช่วยเหลือของเขา
     
    “ชิบหายไหมล่ะกู” พอบานประตูห้องน้ำปิดลงแบคฮยอนก็ขยี้หัวแล้วเดินไปเดินมาเหมือนหนูติดจั่น คิดไม่ถูกว่าตัวเองจะทำยังไงดีเพราะดันเอาเพื่อนมาทำเมียไปแล้ว จะปล่อยเลยผ่านไปเมื่อคู่นอนคนอื่นๆมันก็รู้สึกหน่วงๆในใจและรู้สึกว่าไม่ควร แต่เขาก็ไม่อยากเสียความเป็นเพื่อนไปก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี จะยังคงรักษาความเป็นเพื่อนไว้หรือปล่อยเลยผ่านไปหรือยังไง โอ๊ยกู!!!
     
    คยองซูยืนพิงบานประตูห้องน้ำแล้วกดยกยิ้มขึ้นมุมปาก เข้าล็อคเขาพอดีเลย ง่ายโดยที่ไม่ต้องออกแรงอะไรเลยด้วยซ้ำ พยอนแบคฮยอนนี่ยังอ่อนหัดอยู่นะ ถ้าถามว่าเขาเจ็บไหมมันก็ต้องเจ็บเป็นธรรมดานั่นแหละอันนี้ไม่ได้แกล้งอะไรเลยแต่เมื่อกี้น่ะก็แค่ย้ำให้รู้สึกผิดเล่นๆก็เท่านั้นเอง เรื่องราวเมื่อคืนนั้นตัวเขาจำได้และตั้งใจให้มันเกิดก็เล่นยั่วไปซะขนาดนั้นนี่นะ ไม่หวังก็แปลก
     
    โดคยองซูคอทองแดงนะจะบอก... แค่เกือบสามแก้วกับเหล้าช็อตนิดหน่อยน่ะทำอะไรเขาไม่ได้หรอก เรื่องนี้ชานยอลรู้ดีเพราะตอนมัธยมชานยอลเคยหนีมานอนบ้านเขาเพราะทะเลาะกับคริสแน่นอนว่าที่บ้านของคยองซูที่ตั้งวงกินเหล้ากันทุกวันมันจะทำให้เขาคออ่อนได้อย่างนั้นเหรอ... ไม่มีทางซะล่ะ เขาหัดดื่มเหล้าเป็นตั้งแต่มัธยมต้นปีหนึ่งแล้วแค่นี้จิ๊บๆ แต่ตัวเขามักจะไม่ดื่มเกินสองแก้วให้เพื่อนคนอื่นๆเห็นเพราะตัวเขาจะแดงง่ายแต่ไม่ได้เมา
     
    ...ก็บอกแล้วว่าพยอนแบคฮยอนน่ะก็แค่ลูกไก่ในกำมือเขาเท่านั้นแหละ เชิญคิดให้หัวระเบิดไปเลยนะ...
     
    หลังจากอาบน้ำชำระล้างอะไรต่างๆคยองซูก็ขอนอนอีกรอบ แบคฮยอนก็ไปอาบน้ำแล้วก็กลับมาดูแลว่าคนตัวเล็กจะมีไข้หรือเปล่าก็ดูแลเพลินจนหลับไปเลยนั่นแหละ ตื่นมาอีกทีก็ไม่เห็นคนตัวเล็กเสียแล้ว วิ่งวุ่นตามหาแทบตายปรากฏว่าไปนั่งกินข้าวที่บ้านสำนักงานของคุณยายของคริสแล้วไม่ยอมปลุกเขาเสียอย่างนั้น
     
    โดคยองซูเปลี่ยนไป ตอนแรกก็ไม่ได้สังเกตอะไรหรอกแต่ยิ่งนานวันก็ยิ่งชัดเจน แม้ว่าคยองซูจะอยู่ใกล้ๆแต่ก็ไม่ยอมรับการช่วยเหลือหรอไม่แม้แต่จะอยู่ใกล้เขาเลยสักนิด หลังจากที่กลับมาจากทะเลมันก็ยิ่งชัดเจน คนตัวเล็กไม่ยอมนอนที่ห้องเลยกลับหนีไปนอนกับจงแดแล้วส่งไอ้จงอินมานอนกับเขาแทน โคตรฝันร้ายชัดๆ
     
    ยิ่งที่มหาวิทยาลัยนี่ก็ไม่ต้องพูดถึงเลยคยองซูแทบจะไม่เฉียดมาใกล้เขาเลยด้วยซ้ำ อยู่แต่กับจงแดตัวติดกันอย่างกับปาท่องโก๋แล้วบางทีก็จะเป็นชานยอล พวกมันคู่รักก็ไม่ค่อยหนีไปไหนแล้วไม่รู้ทำไมหมู่นี้พวกมันชอบทำสีหน้าแปลกๆ รู้สึกสยองยังไงชอบกล... แบคฮยอนอยากจะคุย อยากจะปรับความเข้าใจแต่แบบมันก็ทำไม่ได้ไง คือแบบวอดเดอะฟัค!!
     
    “เห็นคยองซูป่ะ” แบคฮยอนที่เดินมาถึงโต๊ะก็เอ่ยถามเพราะในโต๊ะอยู่กันครบยกเว้นคยองซูคนเดียว เมื่อกี้เขาเอารายงานขึ้นไปส่งกลับลงมาคนตัวเล็กหายไปซะแล้วหายไปไหนวะ!
     
    “ไม่รู้ดิ ห้องน้ำมั้ง” แบคฮยอนพยักหน้ารับกับคำตอบของจงแดแล้วก็ลองเดินไปหาที่ห้องน้ำ เขาว่าวันนี้เราคงต้องคุยกันให้รู้เรื่องเพราะยิ่งนานวันบรรยากาศและความสัมพันธ์ของพวกเขามันชักจะห่างเหินกันไปเรื่อยๆแล้ว ซึ่งเขาไม่ยอม!!
     
    แบคฮยอนเดินตามหาไปทั่วคณะก็ไม่เจอ พอลองเดินไปที่หน้าบอร์ดประกาศก็เห็นคยองซูยืนคุยกับไอ้ผู้ชายคนนั้นอีกแล้ว!! แล้วทีนี้จะเอายังไงกันล่ะ เขาจะเสียความเป็นเพื่อนเขาก็ไม่เป็นไรหรอกถ้าคยองซูจะเป็นคนตัดสินใจแต่ถ้าเสียแล้วเขาต้องยกคนตัวเล็กให้ไอ้บ้านั่นล่ะก็ไม่มีทางซะล่ะ!!!
     
    “คยองซูอาจารย์เรียกแน่ะ!” แบคฮยอนเดินผ่าเข้าไปกลางวงแล้วจับข้อมือของคยองซูแล้วลากออกมาเลย
     
    “ปล่อยนะ!!” คยองซูสะบัดข้อมือหนีแต่ทว่าแบคฮยอนก็ไม่ยอมปล่อย ลากคนตัวเล็กไปด้านหลังตึกคณะที่เป็นพื้นที่โล่งๆ 
     
    “มึงทำยังงี้ได้ยังไง!!” พอถึงที่หมายก็ปล่อยมือแล้วหันมาทำเสียงหงุดหงิดใส่ คนที่อยู่ๆก็มาโดนพาลเอาก็ขมวดคิ้ว
     
    “ทำอะไรพูดให้มันดีๆนะ” แบคฮยอนถอนหายใจแล้วกรอกตาไปมา
     
    “ทำไปต้องไปอยู่กับมันก็บอกแล้วว่าห้ามไปยุ่งมัน ทำไมไม่ฟัง!”
     
    “แล้วทำไมฉันต้องฟังประสาทหรือไง!! ถอยไปเลยฉันจะกลับห้องแล้ว” แต่แบคฮยอนก็ไม่ยอมให้คยองซูไปไหน
     
    “เราต้องคุยกันเรื่องคืนนั้น” คยองซูหันหน้าหนีทันทีแล้วพยายามบิดข้อมือให้หลุดจากการจับกุม
     
    “ไม่คุย ไม่มีอะไรจะคุย”
     
    “แต่กูมี”
     
    “เรื่องของมึง!!” คยองซูผลักอกของแบคฮยอนออกแล้ววิ่งหนีไปเลย พอตัวเขาจะวิ่งตามไปก็เจอเข้ากับอาจารย์ที่ใช้ให้ช่วยงานซะอีก
     
    คนยิ่งร้อนใจยังจะมาเรียกใช้อีกไม่ดูเบ้าหน้ากูเลยเหรอวะ!! แต่ก็ขัดไม่ได้ไง สงสัยอาจจะต้องตามไปง้อทีหลังซะแล้วสิ
     
     
    หลังจากช่วยงานในแบบที่ทำลวกๆและรีบๆให้เสร็จไวๆแบคฮยอนก็เดินกลับมาที่โต๊ะแต่ก็ไม่เห็นใครแล้วนอกจากคู่รักนินจาที่มันยังนั่งเล่นเกมในมือถือกันอยู่ แม้จะแปลกใจนิดหน่อยก็เหอะว่าทำไมมันยังอยู่แต่พอเห็นกระเป๋าตัวเองก็พอจะเข้าใจ คยองซูคงกลับไปแล้วกับจงอินและจงแด แบคฮยอนถอานหายใจอย่างเซ็งๆว่าจะเอายังไงดีจะเคลียร์ จะคุยยังไงดี
     
    แต่แล้วก็เหมือนเห็นทางสว่างเมื่อคริสหันหน้ามามอง เอาวะถามมันนี่ล่ะ! มันก็มีประสบการณ์เอาเพื่อนมาทำเมียอยู่แล้วไม่เสียหาย แต่จะให้ไอ้ชานยอลรู้ไม่ได้เดี๋ยวแม่งก็เอามาล้อแต่จะบอกมันคนเดียวยังไงถ้าไอ้ชานยอลเค้นมันก็ต้องบอกป่ะวะ ยังไงมันก็ต้องเห็นเมียดีกว่าเพื่อนอยู่ดี ทำไงล่ะกู
     
    “ยืนทำไมจะนั่งไหมพวกกูอุตส่าห์รอ” แบคฮยอนเดินไปนั่งแล้วมองหน้าคริสที มองชานยอลที พวกมันก็หันหน้ามองกันเองที
     
    “มีอะไรวะ” ชานยอลถาม แบคฮยอนถอนหายใจ เอาวะเอาไงเอากัน อย่างน้อยก็มีคนช่วยแชร์
     
    “กูมีเรื่องอยากคุยกับมึงว่ะไอ้คริส” ชานยอลทำตาปริบๆ ระบุตัวมาแบบนี้งั้นเขาก็รู้ไม่ได้อะดิ ชานยอลลุกขึ้นยืนแล้วหยิบตัวดูดออกจากปากแล้วเดินไปนั่งโต๊ะถัดไปแต่ก็หันหน้ามาขอแอบฟังด้วยอยู่ดี
     
    “อะไรของมึงวะ มีลับลมคมในอะไร” แบคฮยอนหันไปมองชานยอลที่ทำหน้าทำตาอยากรู้มากแล้วก็อยากจะเอาเท้ามาก่ายหน้าผาก เอาวะยังไงชานยอลมันก็ไม่ปากโป้งหรอก.... มั้งนะ
     
    “แล้วทำไมไอ้ชานยอลรู้ไม่ได้” แบคฮยอนมองหน้าคริสแล้วถอนหายใจ
     
    “เออๆปรึกษามึงด้วย” แบคฮยอนกวักมือเรียก ชานยอลก็ยิ้มกว้างแล้วรีบวิ่งเข้ามานั่งอีกด้านของคริสที่ใกล้กับแบคฮยอนแล้วยื่นหน้าเข้าไปถาม
     
    “มีอะไรเหรอ ถามมาเลยรับปรึกษาทุกเรื่อง” คริสสอดมือกอดเอวชานยอลไว้แล้วหัวเราะเบาๆ แบคฮยอนเบ้หน้านิดหน่อยแล้วเริ่มรวบรวมสิ่งที่อยากจะถามที่มีอยู่ล้านแปดในหัว
     
    “ตอนที่พวกมึงเอากันครั้งแรกเนี่ยรู้สึกยังไงวะ” คริสกับชานยอลหันมองหน้ากันก่อนที่จะมองแบคฮยอนด้วยสีหน้าไม่เข้าใจ
     
    “ก็รู้สึกดีนะ เจ็บแต่เสียวดีชอบ” ชานยอลทำท่านึกแล้วก็เอ่ยตอบไป แบคฮยอนเบ้หน้าใส่
     
    “กูไม่ได้หมายถึงตอนเพิ่งเอากันเสร็จเว๊ย กูหมายถึงว่าพวกมึงเป็นเพื่อนกันแล้วมาเอากันเองหลังจากนั้นรู้สึกยังไง” ชานยอลพยักหน้าแล้วร้องอ๋อ
     
    “ก็มึงถามไม่เคลียร์อ่ะ รู้สึกยังไงเหรอ....” ชานยอลหันไปมองหน้าคริสแล้วก็ยิ้มให้ คริสชี้นิ้วใส่หมายว่าให้พูดดีๆ ชานยอลหัวเราะก่อนที่จะหันกลับมาไขข้อข้องใจให้คนมาขอคำปรึกษา
     
    “ก็ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงนะ กูกับคริสก็เหมือนเดิมอาจจะรักกันมากกว่าเดิมแล้วมันก็ขี้หึงมากกว่าเดิมแต่มันก็ยังดูแลกูดีเหมือนเดิม” แบคฮยอนพยักหน้า
     
    “แล้วก่อนเอากันนี่พวกมึงรักกันมาก่อนป่ะวะ” ชานยอลหัวเราะแล้วนั่งพิงอกคริสที่ลูบเอวตัวเขาเบาๆ
     
    “ตอนที่เจอกันครั้งแรกก็ตีกันเลยอ่ะมึงคิดว่ารักกันมากป่ะล่ะแต่ตอนนั้นก็รู้สึกดีนะที่ได้ตีกันทุกวัน พอมีเรื่องมันก็เป็นคนแรกที่เข้ามาปกป้องกูอ่ะ” คริสมองชานยอลแล้วก็ลูบหัวชานยอลเบาๆ แบคฮยอนที่มองอยู่ก็อยากจะบ้าตายที่ดันมาถามเรื่องนี้กับพวกคู่รักที่หวานกันจนน้ำตาลยังหลบแต่ถ้าไม่ถามมันก็ไม่รู้จะไปถามใครแล้ว ฟังๆไปแล้วก็คล้ายๆตัวเขากับคยองซูแต่พวกเขาไม่ได้ตีกันแต่คนตัวเล็กเหมือนจะไม่ชอบใจเขาหรือเปล่าก็ไม่รู้
     
    “แล้วถามทำไมน่ะมีอะไรหรือเปล่า” คริสถามบ้าง ทั้งๆที่เขาบอกจะปรึกษาตัวเองแต่ไม่ได้ตอบสักคำถามแต่ลองแย่งมันตอบสิโดนตีตายแน่กู ชานยอลพยักหน้าเห็นด้วยว่าถามทำไม
     
    “จริงๆก็มี... คือกู.. กูกับคยองซู....” แบคฮยอนทำหน้าคิ้วขมวดแล้วก็ไม่รู้ว่าจะพูดยังไงดี
     
    “เอากันแล้ว” ชานยอลต่อให้ แบคฮยอนทำหน้าตาเหรอหราแล้วมองชานยอลกับคริสที่ดูไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลย
     
    “เฮ้ยรู้ได้ไงวะ!!” ชานยอลกรอกตาไปมาอย่างระอาใจสุดๆ
     
    “พวกมึงเอากันดังขนาดนั้นคิดว่ากูจะไม่ได้ยินเหรอ? ห้องมึงห้องแรกห้องกูห้องสุดท้ายคิดว่าเดินผ่านก็ได้ยินมะ?” เออจริงของไอ้หูกางมัน
     
    “แล้วกูควรทำไงต่อไปดีอ่ะ” 
     
    “ถ้าถามกูนะมึงก็จงไปคุยกับคยองซูให้รู้เรื่องไปเลย”
     
    “แต่เพื่อนกับเมียนี่มันเป็นคนเดียวกันได้ด้วยเหรอวะ มันจะดีเหรอวะเพื่อนทั้งคนเลยนะ” ชานยอลถอนหายใจแล้วยกขาขึ้นไขว้ห้างก่อนที่จะชี้นิ้วเข้าหาที่ตัวเอง
     
    “กูก็เพื่อนไอ้คริสตอนนี้เป็นเมียด้วยคิดว่าไง? อย่าโง่ไปหน่อยเลยมึงเพื่อนกับเมียน่ะเป็นคนเดียวกันดีจะตายได้สองอย่างในคนเดียว ถ้ามันไม่ดีป่านนี้กูกับไอ้คริสเลิกกันไปแล้วมั้ง คิดดีๆเพื่อนก็คือเพื่อนแต่ถ้ามึงเอากันไปแล้วเป็นเมียก็ตามนั้น จะเพื่อนจะเมียก็คนเดียวกันเสียหายตรงไหน” 
     
    “ก็จริงแต่กูก็...” ชานยอลกรอกตาแล้วหันไปส่งสายตาให้คริสพูดแทน
     
    “มึงกลัวเสียคยองซูไปใช่ไหมล่ะ” แบคฮยอนพยักหน้ารับอย่างไม่ปิดบัง
     
    “ฟังแล้วเก็บไปคิด เพื่อนสักวันถ้ามึงเรียนจบหางานทำมึงก็อาจจะไกลกันแล้วก็ลืมกันไปแต่ถ้าเป็นเมียยังไงมึงก็ห่างไม่ได้แล้วยิ่งได้เพื่อนมาเป็นเมียก็ยิ่งดีกว่าเพราะมึงรู้ทุกอย่างกันอยู่แล้วไม่ต้องมานั่งเรียนรู้หรือจูนเข้าหากันใหม่ จะคุยอะไรกันมันก็ง่ายกว่า” 
     
    “เออกูจะเอาไปคิด งั้นกูกลับก่อนว่าจะคุยกับคยองซูให้รู้เรื่องปวดกบาล” แล้วแบคฮยอนก็ลุกออกจากโต๊ะไป ชานยอลกับคริสมองตามไปแล้วก็หันมายกยิ้มให้กันเอง
     
    “ควายแท้ๆไม่มีวัวผสมเลยนะมันน่ะ โง่จริงๆด้วย” ชานยอลส่ายหน้าไปมา
     
    “เรื่องง่ายๆทำไมมันต้องคิดอะไรให้ยากวะ” ชานยอลพยักหน้าเห็นด้วยกับคริส
     
    “รอดูต่อจากนี้เถอะ สนุกแน่ล่ะ” ชานยอลมองตามทางที่แบคฮยอนเดินไปแล้วก็ยกยิ้มน่ารักน่าชังจนคนที่โอบเอวอยู่นี่กดจูบที่ข้างขมับสักที
     
     
     
     
     
     
    หลังจากถามความเห็นจากคู่รักบันลือโลกแล้วแบคฮยอนก็ครุ่นคิดมาตลอดทางว่าตัวเองจะทำยังไงต่อไปดี ตัวเขาก็ยังคิดอยู่ว่าถ้าเขาเสียคยองซูไปจะทำยังไง อย่างที่คริสพูดก็ถูก.. แต่ถ้าสักวันคยองซูอยากเลิกกับเขาล่ะทีนี้ก็ชิบลอสกันเลยทีเดียว ความสัมพันธ์แบบเพื่อนมันก็ยืนยาวกว่าไม่ใช่เหรอวะอย่างน้อยก็ไม่มีเลิกกัน โอ๊ยกูกลุ้ม!!
     
    อาบน้ำให้สบายตัว สบายหัวแล้วก็อยากจะนอนคิดอะไรเงียบๆคนเดียวแต่เมื่อเปิดประตูห้องน้ำออกมาก็ผงะแทบหงายหลังเมื่อเจอจงอินนั่งพับเพียบยิ้มหวานอยู่บนเตียงเป็นนางกวักเลยนะมึง!! จงอินมองตามแบคฮยอนที่เอาผ้าเช็ดตัวไปตากจนเดินกลับมานั่งบนเตียงแล้วทำหน้านิ่วคิ้วขมวดนี่ล่ะ
     
    “กูมีเรื่องจะถามมึง” แบคฮยอนเปิดประเด็น
     
    “กูก็มีเรื่องจะขอมึง” แบคฮยอนเลิกคิ้วมองจงอินด้วยความสงสัยว่ามันจะขออะไร
     
    “มึงรีบๆไปเคลียร์กับคยองซูได้ไหมกูขอร้อง กูอยากนอนกับยาใจของกูอ่ะ” จงอินแบะหน้าทำท่าจะร้องไห้ แบคฮยอนยกมือกุมขมับแต่ก็นะ... ตั้งแต่กลับมาจากทะเลได้เกือบอาทิตย์เขาก็นอนกับจงอินทุกวันเลย จะบ้าอยู่แล้วเนี่ย
     
    “แล้วมีอะไรจะถามก็ถามมากูพร้อมล่ะ” จงอินตบอกตัวเองขึงขังเพื่อบอกว่าตัวเองพร้อมจริงๆ
     
    “กูอยากรู้ว่าที่มึงเต๊าะๆจงแดเนี่ยมึงรู้สึกยังไงกับจงแดวะ” จงอินยิ้มกว้างแล้วทำมือรูปหัวใจ
     
    “กูก็ต้องรักน้องจงแดอยู่แล้วดิวะ ไม่งั้นจะเต๊าะทำไม” แบคฮยอนทำหน้าเหมือนไม่เชื่อใจ
     
    “แล้วที่มึงไปเต๊าะผู้หญิงอื่นนี่คืออะไรวะ”
     
    “กูแค่ไปเต๊าะเฉยๆแต่กูไม่เคยไปนอนกับใครนะเว๊ย! ก็แค่อยากให้จงแดหึงเฉยๆแต่ดูเหมือนจะไม่มีอาการเลยสักนิด โอ๊ยกูอยากดราม่า!”
     
    “แล้วมึงเคยคิด.... เคยคิดที่จะเอาจงแดมาทำเมียป่ะ” แม้จงอินจะค่อนข้างแปลกใจว่าไอ้หมากระเป๋าจะถามทำไมก็เถอะ ดูเหมือนจะซีเรียสเลยแหะ
     
    “กูบอกความจริงมึงเลย กูรักจงแดมาตั้งนานแล้วไม่งั้นจะเต๊าะไปทำไมวะเสียเวลา ถ้ารักแล้วก็ต้องอยากได้มาทำเมียอยู่แล้วเปล่าล่ะ แล้วถามทำไมวะ” แบคฮยอนนั่งเท้าคางกับขาแล้วก็ถอนหายใจ
     
    “กูอยากปรึกษาอ่ะ... ถ้าวันหนึ่งมึงจับไอ้จงแดทำเมียแล้วจงแดเกลียดมึงหรือไม่อยากอยู่ใกล้มึงจะทำไงวะ” 
     
    “ก็ต้องตามง้อเท่านั้นนั่นแหละ ได้เป็นเมียแล้วก็ถือว่าเรามีสิทธิ์มากกว่าคนอื่นเพราะงั้นตามง้อไปเถอะเอาให้ตายกันไปข้าง แต่ตอนนี้กูก็ไม่ได้ง้ออะไรนะก็ไม่ให้จงแดจะว่าอะไรเลย” 
     
    “มึงได้กันแล้วเหรอ!!?” แบคฮยอนทำหน้าตกใจ จงอินก็ยิ้มแล้วพยักหน้า
     
    “แน่นอน”
     
    “เมื่อไหร่วะทำไมกูไม่รู้แล้วทำไมไอ้จงแดยังทำกับมึงเหมือนเดิมเลยวะ” จงอินเด๊าะลิ้นแล้วโคลงหัวไปมา
     
    “ก็ได้กันตั้งแต่ที่ทะเลนั่นแหละ... ก็มึงกับคยองซูเล่นเอากันซะดังขนาดนั้นของก็ขึ้นหรือเปล่าล่ะวะ! มึงอาจจะมองว่ามันเหมือนเดิมนะแต่กูรู้ว่ามันไม่เหมือนเดิม จงแดดูเปิดใจมากขึ้นคุยกับกูมากขึ้นแล้วอีกอย่างยอมให้กูถึงเนื้อถึงตัวด้วยแต่มึงช่วยไปเอาคยองซูกลับมาทีคือกูก็คิดถึงเมียกูบ้างอะไรบ้าง”
     
    “แล้วมึงไม่รู้สึกแปลกๆเหรอที่เอาเพื่อนมาทำเมียอ่ะ กูไม่อยากเสียเพื่อนอ่ะ” จงอินอยากจะยอดหน้าแบคฮยอนสักทีจังเลยว่ะ เพื่อนใครวะโง่จริง
     
    “เพื่อนกับเมียสถานนะมันต่างกันนะเว๊ย เพื่อนก็แค่เพื่อนแต่เมียน่ะมีอะไรมากกว่านั้นนะเว๊ย มึงอยากอ้อนก็ทำได้ อยากอ้อนให้ตายห่าก็ทำไปและอีกอย่างเป็นเพื่อนเอากันไม่ได้แต่เมียนี่สิแน่จริง!” 
     
    “งั้นกูควรคุยกับคยองซูให้รู้เรื่องปะวะ” จงอินพยักหน้า
     
    “ถ้าคยองซูไม่ฟังมึงก็จับปล้ำอีกรอบเดี๋ยวก็ยอมเองอ่ะเชื่อกู” แบคฮยอนพยักหน้ารับแล้วนั่งคิดวกวนในหัว จงอินก็ได้แต่นั่งลุ้นว่าจะออกหัวหรือก้อย ถ้าง๊าวอีกกูนี่แหละจะกระทืบมึงเองไอ้หมา!!
     
    หลังจากที่คิดวกวนกันมานานแบคฮยอนกับจงอินก็ขึ้นมาอยู่หน้าห้องของจงแดจนได้ จงอินตบไหล่เพื่อนให้กำลังใจก่อนที่จะเคาะประตูห้อง คนที่มาเปิดคือจงแดพอเห็นว่าใครมาก็ส่งยิ้มให้กันซะหวานเลยมึงเห็นหัวกูบ้าง จงแดมองแบคฮยอนแล้วเปิดประตูอ้าให้กว้างขึ้น คยองซูนั่งดูโทรทัศน์อยู่บนเตียงพอหันมาเจอก็ทำหน้าตาตกใจ
     
    “เราต้องคุยกัน กลับไปคุยกันที่ห้อง” แบคฮยอนเดินเข้ามาคว้าข้อมือแล้วพาคยองซูออกจากห้องไป คยองซูก็ถลาตามไปไม่ได้ท้วงติงอะไร จงอินกับจงแดที่ยืนส่งกันอยู่หน้าประตูก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก กว่าพวกมันจะกลับไปเคลียร์กันได้เดือดร้อนพวกกูจริงๆ
     
    “ยาใจของพี่ไม่ได้นอนด้วยกันตั้งหลายคืนแน่ะ คิดถึงพี่บ้างไหมจ๊ะ” จงอินโอบเอวจงแดแล้วส่งยิ้มให้
     
    “ไม่รู้สิ” ยิ้มให้แล้วเดินเข้าห้องไป จงอินก็เดินตามเข้าไป เอาล่ะหมดเรื่องวุ่นๆของคนอื่นทีนี้ก็เรื่องของเราล่ะ น้องจงแดยาใจของพี่จ๋าพี่มาแล้ว!!
     
     
     
    พอกลับมาถึงห้องได้คยองซูก็นั่งลงที่ขอบเตียงโดยมีแบคฮยอนเดินไปเดินมาอยู่ตรงหน้า ไม่รู้ว่าจะเริ่มพูดจากตรงไหนก่อนดี คยองซูมองแบคฮยอนที่ทำหน้าครุ่สคิดแล้วก็เดินไปเดินมาแล้วก็อยากจะหัวเราะนักแต่ก็ทำไม่ได้เดี๋ยวเจ้าตัวก็จะรู้เอาว่าโดนหลอกปั่นหัวอยู่ 
     
    กำลังนั่งมองเพลินๆ อยู่ดีๆแบคฮยอนก็ถลามานั่งคุกเข่าตรงหน้าเสียแล้ว แบคฮยอนจับมือของคยองซูไว้ ทั้งสองมองสบตากัน คยองซูไม่ได้มีท่าทีรังเกียจหรือผลักไสอะไรนั่นทำเอาคนที่กำลังคิดมากเบาใจลงได้เยอะเลย
     
    “ฟังกูพูดก่อนอย่าเพิ่งขัดนะ” เมื่อคยองซูพยักหน้ารับปาก แบคฮยอนก็ยิ้มแล้วก้มหน้าลงแนบหน้าผากกับสองมือของคยองซูที่ตัวเองกุมไว้อยู่
     
    “เรื่องคืนนั้นกูไม่ได้เมาถึงจะดูเหมือนเมาแต่กูมีสติและรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นทุกอย่าง ถ้ามึงจะเรียกว่ากูเผลอไผลก็ได้แต่กูไม่ได้คิดว่ามึงเหมือนคนอื่นๆที่เคยนอนด้วย มึงพิเศษกว่านั้นแล้วก็มีค่ามากกว่านั้นอีก” คยองซูนั่งฟังนิ่งๆไม่เอ่ยอะไรออกไป แบคฮยอนก็เลยต้องรีบพูดเพราะกลัวว่าถ้าคยองซูองค์ลงล่ะก็จบกันแน่ๆ
     
    “มึงเป็นคนพิเศษของกูที่กูไม่อยากเสียไป ถึงกูจะคิดเรื่องแบบนี้ช้าไปหน่อยแต่กูก็ไม่เคยเห็นมึงเป็นของเล่นหรืออะไรแบบนั้นเลยนะ มึงก็คือมึง” เพราะคิดว่าคยองซูโกรธเขาด้วยเรื่องแบบนี้แน่ๆ เวลาเมาหรือออกท่องราตรีเขาก็มักจะจบด้วยการไปนอนกับใครสักคนซึ่งเรื่องนี้คยองซูรู้ดี
     
    “ก็ไม่ได้โกรธหรอก” แบคฮยอนยิ้มแล้วลูบหลังมือของคยองซูเบาๆ
     
    “แล้วทำไมต้องทำห่างเหินกับกูด้วยอ่ะ” คยองซูหลบสายตาแล้วก้มหน้าลงซ่อนใบหน้าที่เขินอายไว้
     
    “กูก็แค่ไม่อยากให้มึงคิดว่ากูเหมือนคนอื่นที่มึงเคยนอนด้วย กูไม่อยากเป็นแบบนั้น” แบคฮยอนยิ้มแล้วลุกขึ้นยืน
     
    “ไม่เป็นแน่นอน รอแปบนะ” แล้วแบคฮยอนก็ไปค้นหาอะไรสักอย่างใกล้ๆมือก็ได้กระดาษเอสี่ยับนิดหน่อยกับปากกามาหนึ่งด้าม ก็นั่งลงเขียนที่โต๊ะอ่านหนังสือ คยองซูมองตามแล้วก็ไม่เข้าใจว่าแบคฮยอนกำลังทำอะไร
     
    ไม่นานแบคฮยอนก็วางปากกาแล้วยิ้มกริ่มกับอะไรบนกระดาษในมือ คยองซูมองตามคนที่ยิ้มหน้าบานแล้วยื่นกระดาษใบนั้นมาให้ พอกวาดสายตาอ่านแล้วก็ต้องตกใจเพราะไม่คิดว่าแบคฮยอนจะทำอะไรแบบนี้ มันดูผิดคาดจากที่คยองซูคิดไว้สักหน่อย.. แต่มันก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นเรื่องไม่ดีหรอกนะ ดวงตากลมไล่อ่านใบกระดาษในมือแล้วมองหน้าแบคฮยอน
     
     
    กฎในการคบกันของเรา:
     
    1. เรียกกันที่รักทุกคำ
    2. บอกรักกันทุกคืนก่อนนอน
    3. ต้องโทรหากันตลอดถ้าไม่ได้อยู่ด้วยกัน
    4. ต้องกินข้าวด้วยกันทุกมื้อ
    5. ห้ามเมากลับห้อง
    6. กลับห้องห้ามเกินเที่ยงคืน *ไม่มีข้อยกเว้นใดๆ*
    7. ห้ามนอกใจ
    8. ห้ามโกหก
    9. ซั่มกันทุกคืน
    10. ห้ามยิ้มหรือเอาแต่ใจกับใคร ทำได้กับพยอนแบคฮยอนคนเดียว!
     
     
     
    “นี่มันอะไรน่ะ” แบคฮยอนยิ้มกว้างอย่างภาคภูมิใจ
     
    “ก็กฎของเราไง ได้กันแล้วก็ต้องเป็นแฟนแล้วใช่ไหมล่ะเพราะฉะนั้นก็นี่แหละ เซ็นดิ” คยองซูมองอย่างไม่เข้าใจแต่ก็รับปากกามาถือไว้
     
    “ตกลงว่าเราเป็นแฟนกัน?”
     
    “ถ้าเรียกให้ดีก็เป็นแฟนแต่จริงๆก็ผัวเมียป่ะ” คยองซูตวัดสายตาใส่ แบคฮยอนก็หัวเราะถูกใจไปสิ
     
    “ทะลึ่งล่ะ” ถึงปากจะบ่นแต่ก็ยอมเซ็นรับทราบที่ท้ายกระดาษ แบคฮยอนหยิบกระดาษที่คยองซูเซ็นชื่อเสร็จแล้วมาอ่านทวนอีกรอบแล้วก็ทำคิ้วขมวด คยองซูที่มองอยู่ก็สงสัยตามว่ามีอะไรผิดตรงไหน
     
    “เฮ้ยลืมเขียนวันที่!” คยองซูหัวเราะส่ายหน้าแล้วหยิบใบกระดาษในมือของแบคฮยอนมาเขียนวันที่ใส่ใต้ชื่อของตัวเองแล้วก็ส่งคืนให้ แบคฮยอนดูแล้วก็ยิ้มพอใจ
     
    คยองซูที่มองแบคฮยอนทำตัวเป็นเด็กแล้วก็ยิ้มขำ ใจจริงอยากจะหัวเราะเลยด้วยแหละแต่ก็ยังเกรงใจอยู่ ตัวเขาไม่คิดว่าแบคฮยอนจะทำแบบนี้จริงๆนะ มันเหนือความคาดหมายแต่ก็เป็นเรื่องที่ดีซึ่งนั่นก็หมายความว่าตอนนี้พยอนแบคฮยอนน่ะเป็นของโดคยองซูแล้ว ใครหน้าไหนก็ห้ามยุ่ง! 
     
    แบคฮยอนน่ะฉลาดแกมโกงทุกเรื่องแต่ก็โง่ในเรื่องของตัวเอง บางทีก็ชอบทำอะไรเป็นเด็กๆแต่นั่นก็เป็นเรื่องที่น่ารักของเจ้าตัวเขานั่นแหละนะ เวลาที่อยู่ด้วยแล้วก็เลยสนุกและมีความสุขจนไม่อยากแบ่งให้คนอื่น ถ้าเรื่องคืนนั้นแบคฮยอนมีสติ ตัวเขาก็มีสติเหมือนกันและเต็มร้อยด้วย ถ้าแบบนั้นจะคิดเข้าข้างตัวเองได้หรือเปล่านะว่าแบคฮยอนก็มีใจให้เขาเหมือนกันแต่ก็คงไม่รู้ตัว
     
    บางทีการที่จะสร้างหลุมกับดักน่ะไม่จำเป็นต้องบอกก็ได้ว่ามันวางไว้อยู่ตรงไหนบ้าง ก็แค่ล่อให้ตามมาทีละนิดแล้วก็เผลอตกลงไปเองนี่แหละ
     
     
    ...แล้วมาดูกันสิว่าใครจะทำผิดกฎก่อนกัน โดคยองซู หรือ พยอนแบคฮยอน...
     
     
     
     
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×