ลำดับตอนที่ #43
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #43 : [เด็กช่าง's Series] YeolKris BaekDo TaoHun - TaoHun Part 4
Title: เด็กช่าง's Series - TaoHun Part 4
Pairing: Chanyeol x Kris // Baekhyun x D.O. // Tao x Sehun
Author: BettyNoona
Note: หิวข้าวจังเลยยยย #ตี4เนี่ยนะ
สงสารนะแต่ก็ช่วยไม่ได้ ถ้าคิดให้มากกว่านี้ ใส่ใจความรุ้สึกกว่านี้ก็คงดี
Note2: ใครที่สนใจฟิคเด็กช่างก็ดูรายละเอียดและจองเข้ามาได้นะคะ~~ เปิดรับซำเหมอ~~
Note3: สวัสดีปีใหม่จีนค่ะ เฮงๆ ร่ำรวยๆ คิดสิ่งใดสมปรารถนานะคะ รักจากใจ
__________________________________
งานคืนนี้จัดที่ห้องบอลรูมของโรงแรมหรู เทากับเซฮุนเดินตามคุณพ่อและคุณแม่ของเทา เซฮุนปัดมือที่พยายามจะแกล้งเขาออก หันไปตีหน้าดุใส่ก็แล้ว ฟาดมือใส่ก็แล้วแต่จื่อเทาก็ดูจะสนุกเหลือเกินที่ได้แกล้งแหย่เพื่อนข้างตัว ก็เห็นเอาแต่ทำหน้าเครียดก็เลยลองแหย่ดูเพื่อจะยิ้มไง เวลาเซฮุนทำหน้าเครียดนี่... ขอบอกว่าตลกมาก!!
พอท่านทั้งสองหันมามองเซฮุนก็ปัดมือเทาออกแล้วส่งยิ้มให้ว่าไม่มีอะไรแต่เทาก็พยายามจะแหย่เซฮุนจนเจ้าตัวปัดมือทิ้งแล้วยกมือจะซัดหมัดเข้าให้นั่นแหละถึงยอมหยุด ทุกคนยืนรอลิฟต์เพื่อขั้นไปชั้นบน เทากอดคอเซฮุนแล้วรั้งให้เข้ามาใกล้
“ปล่อย อะไรของมึงเนี่ย” พยายามแกะแขนที่ล็อคคอตัวเองแต่ก็ไม่ออก เทายื่นหน้าเข้าไปใกล้
“เป็นอะไรของมึงวะ” เซฮุนหันไปมองก็เห็นคนถามทำสีหน้าจริงจังเชียว ก็เลยลดมือที่พยายามแกะแขนที่ล็อคคอตัวเองลง
“ก็เปล่านิ มึงอ่ะมั่วไปเรื่อย” แต่เทาก็ไม่เชื่อแล้วยื่นนิ้วมาจิ้มระหว่างกลางหน้าผากของเซฮุนที่ขมวดคิ้วตั้งแต่อยู่บนรถแล้ว
“ก็เนี่ยหลักฐานอยู่เนี่ย คิดอะไรอยู่วะ” เซฮุนส่ายหน้าแล้วลากไอ้หมีแพนด้าขี้สงสัยให้เดินตามเข้ามาในลิฟต์ด้วยกัน ทั้งสองคนไปยืนอีกมุมคนละฝั่งกับพ่อแม่
“เปล่าไม่ได้คิดอะไร ปล่อยได้แล้วเสื้อยับว่ะ” เทายู่ปากใส่แต่ก็ยอมปล่อยมือแล้วช่วยจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อย
“มึงโกหกกูอยู่หรือเปล่า” เซฮุนกรอกตาแล้วหันตัวไปหาเทาก่อนที่จะยิ้มกว้างจนตาเป็นขีดเล็กๆ
“กูโอเค กูไม่ได้เป็นอะไร มึงอ่ะประสาท” จิกตาใส่สักทีแล้วก็ส่ายหน้าไปมา
“ไปกันได้แล้ว” เสียงของคุณพ่อเอ่ยบอกพร้อมกับประตูลิฟต์ที่ค่อยๆเลื่อนเปิด ทุกคนเดินออกจากลิฟต์ไปตามทางเดินสู้ห้องจัดงาน อะไรสักอย่างในใจของเซฮุนก็วูบโหวงอีกครั้ง
อะไรกันนักกันหนาวะ... ทำไมจะต้องกลัวอะไรที่ยังไม่เกิดด้วย เดินหน้าเข้าไปเลย! อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิดอยู่ดี
เซฮุนสูดลมหายใจลึกๆก่อนที่จะเดินเข้างานไปพร้อมกับทุกคน งานด้านในก็เหมือนงานอื่นๆ ไม่ได้อึกทึกครึกโครมแต่มันก็จอแจไปด้วยเสียงพูดคุยตามมุมต่างๆ การรับประทานอาหารเป็นแบบบุฟเฟ่ต์และมีโต๊ะประจำของใครของมันหรือถ้าหากใครจะยืนดื่มแล้วพูดคุยกันก็มีเช่นกัน จากที่ดูแล้วก็เป็นการพบปะสังสรรค์ธรรมดา.. เท่านั้นเอง
เทากับเซฮุนเลี่ยงไปตักอาหารหลังจากที่รู้พิกัดโต๊ะของตัวเองแล้ว เทาถือจานเดินตามบอกให้เซฮุนตักให้ เจ้าตัวก็ไม่ได้บ่นอะไร ก็มักจะเป็นแบบนี้เสมอนั่นแหละ หลังจากที่เรียบร้อยแล้วเซฮุนก็ถือจานของเทากลับมาด้วยและแน่นอนว่าจื่อเทาจะต้องเดินไปบริการเครื่องดื่มให้ตน... โอเซฮุนไม่ใช่คนที่จะทำอะไรแล้วทำให้อยู่ฝ่ายเดียวหรอกนะ
“เฮ้ยก็อร่อยนิหว่า ดูจากหน้าตาแล้วเหมือนไม่น่าจะอร่อย” ไก่อบราดซอสที่ลองแล้วอร่อยก็บอกต่อ เซฮุนลองชิมดูบ้างเพราะตักมาเหมือนกัน พอชิมแล้วก็อร่อยจริงๆนั่นแหละ
“เอออร่อยจริงๆด้วย” เทากับเซฮุนเวลาที่มางานแบบนี้ก็มาเพื่อกินเท่านั้นนั่นแหละ จะคุยธุรกิจหรืออะไรก็ไม่รู้เรื่องหรอก รู้แค่ว่าอะไรที่สุดในบรรดาอาหารที่เอามาเลี้ยงก็พอแล้ว
“เหมือนจำได้ว่าข้างบนมีเลาจน์อยู่นะ เห็นบอกว่าบรรยากาศดีเดี๋ยวแว่บไปกันมะ?” เทายื่นหน้าเข้าไปกระซิบถาม เซฮุนหันไปมองแล้วก็พยักหน้ารับ
“เอาดิ กินเสร็จค่อยขึ้นไปกัน” แต่จะได้ขึ้นหรือเปล่านี่สิ…
“จื่อเทามานี่หน่อย” คุณพ่อกวักมือเรียก เทาวางทุกอย่างแล้วฉวยมือเซฮุนให้ไปด้วยกัน
“เฮ้ย! จะลากกูไปทำไม พ่อมึงไม่ได้เรียกกูนะ”
“ไปกับกูหน่อยดิวะ” แล้วเทาก็ลากเซฮุนที่กำลังจะลิ้มรสหมึกย่างราดซอสให้มาเป็นเพื่อนจนได้ แม้จะไม่โอเคแต่ก็จะทำอะไรได้นอกจากกรอกตาไปมา
“มีอะไรอ่ะพ่อ” เทาหันไปมองอีกสามคนตรงหน้า ตรงกลางมีผู้หญิงหน้าตาก็น่ารักอยู่สวมเดรสเปิดไหล่สีแดงและที่ขนาบข้างน่าจะเป็นพ่อกับแม่ของเธอล่ะมั้ง เทาหันกลับมามองพ่อกับแม่อีกรอบ คนเป็นพ่อดึงเทาออกมาใกล้ๆ เซฮุนก้าวถอยหลังออกจากวงสนทนานั้นหนึ่งก้าว
“คนนี้ลูกชายผมครับ รู้จักกันไว้สิ” แล้วทั้งสองก็ทักทายทำความรู้จักกัน หลังจากพูดคุยกันนิดหน่อยทั้งสามคนนั้นก็แยกย้ายกันไปนั่งที่โต๊ะ เซฮุนยังคงมองตามไป
“รู้จักทำไมอ่ะพ่อ ไม่เห็นจะเข้าใจเลย” เมื่อคล้อยหลังพวกเขาไปจื่อเทาก็เอ่ยถามบิดาทันที
“ก็รู้จักกันไว้สิ เผื่อพวกแกชอบพอกันจะได้เป็นทองแผ่นเดียวกัน”
“ห๊ะ!!!” เปล่าไม่ใช่เซฮุน เจ้าตัวยืนทำหน้าตกใจตาโตอยู่ข้างหลังแต่คนที่ร้องน่ะเป็นจื่อเทาต่างหาก ร้องลั่นจนคนรอบๆหันมามองเลยล่ะ
เทากับเซฮุนมานั่งเล่นที่เลาจน์ เทานั่งพิงหลังวางแขนกับเคาน์เตอร์บาร์ ส่วนเซฮุนนั่งเท้าแขนกับบาร์แล้วยกแก้วดื่มน้ำสีใส ทั้งคู่ไม่ได้รับรู้หรือสนใจบรรยากาศว่ามันสวยอย่างคำร่ำลือหรือไม่ ตอนนี้สิ่งที่ทั้งสองคิดก็คือเรื่องที่เพิ่งเกิดเมื่อครู่
หลังจากที่ได้ยินคนเป็นพ่อพูดแบบนั้นเทาก็หันไปมองเซฮุนที่ทำหน้าตกใจมองเขาอยู่เหมือนกัน ความหมายแบบนั้นมันก็ไม่ได้มีอะไรแฝงเลยสักนิดนอกจาก เขาคงโดนจับคลุมถุงชนเพื่ออะไรสักอย่างแน่ๆและที่แน่ๆก็ไม่ใช่ความรักแน่นอน
เทาตอบปฏิเสธไปแล้วแต่คนเป็นพ่อก็แค่บอกปัดแล้วบอกให้ตัวของเทาเจอกันเธอคนนั้นบ่อยๆ คนหัวเสียก็เลยเดินคว้ามือเซฮุนแล้วพาออกมาจากที่ตรงนั้น ขึ้นมาถึงได้ก็สั่งเครื่องดื่มกันคนละแก้ว นั่งหลบมุมแล้วก็ตกอยู่ในภวังค์ความคิดของตัวเอง
“มึงว่าไง” อยู่ๆเทาก็เอ่ยถามขึ้น เซฮุนกระดกน้ำสีใสจนหมดก่อนที่จะวางแก้วลงเบาๆ
“ว่าไงเรื่องอะไร” เซฮุนหันไปมองก็เห็นคนข้างตัวทำสีหน้าเคร่งเครียด เซฮุนนั่งเท้าคางแล้วหันไปมองเทาที่ยังคงมองเขาไม่วางตา
“เรื่องเมื่อกี้ มึงว่ากูควรทำไง” เซฮุนยิ้มแต่เทาไม่ยิ้ม ตัวเขามองรอยยิ้มที่แสนจะสดใสของเพื่อนตัวขาวแล้วรู้สึกกลัวอย่างไรก็ไม่รู้ บอกไม่ถูก
“แล้วแต่มึง” เซฮุนหุบยิ้มแล้วหันหน้าไปอีกด้าน อยากค้านให้หัวชนเลยแต่ก็ไม่รู้จะเอาอะไรไปค้านเขา นั่นผู้บังเกิดเกล้า แล้วนี่เป็นใคร.. ก็แค่คนอื่น
“มึงไม่เคยคิดเรื่องของกูเลยใช่ไหมเซฮุน” เทาถามด้วยเสียงเครียด เซฮุนถอนหายใจแล้วหันกลับมาหา
“กูคนนอกจะไปทำอะไรได้ กูห้ามได้เหรอ? หรือกูสนับสนุนมึงได้เหรอ? กูรั้งมึงไว้ได้หรือเปล่า? กูก็ทำห่าอะไรไม่ได้เลยสักอย่างอยู่ดีนั่นแหละ” เทาดึงเซฮุนมากอดแล้วลูบหัวเพื่อนเบาๆ
“แล้วมึงจะร้องไห้ทำไมวะกูก็แค่ถาม” เซฮุนยกมือขึ้นแตะที่หน้า นี่เขาร้องไห้ตั้งแต่เมื่อไหร่แล้วร้องทำไมกันล่ะเนี่ย
“กูไม่ได้ร้องเว๊ย ใครจะไปร้อง เรื่องนี้มึงตัดสินใจเองก็แล้วกัน” เทาหัวเราะเบาๆแต่ก็ยังคงลูบหัวปลอบเซฮุนไม่หยุด
“แล้วถ้ากูถามมึงล่ะ มึงจะรั้งกูหรือจะปล่อยกูไปหาคนนั้น” เซฮุนถอยตัวออกจากอ้อมกอดแล้วจ้องประสานตากับเทา ทั้งสองมองกันอยู่เนินนานก่อนที่เซฮุนจะหลบสายตา
“กูไปห้องน้ำนะ” แล้วเซฮุนก็ลุกออกไปเลย เทาก้มหน้าลงซบที่ฝ่ามือแล้วก็ถอนหายใจ
หรือบางทีอาจจะมีแต่เขาคนเดียวล่ะมั้งที่คิดเกินเลย เซฮุนอาจจะไม่รู้ตัวหรืออาจจะไม่เคยรู้เลยก็ได้ว่าเขาแอบคิดอะไรกับเซฮุน ถ้าไม่เช่นนั้นเขาจะดำเนินความสัมพันธ์ครึ่งๆ กลางๆแบบนี้ไปทำไม ตั้งแต่เด็กมาที่เขาโดนสั่งสอนให้ปกป้องน้อง คอยปกป้องเซฮุนและมันทำให้เขาเกิดความรู้สึกดีๆขึ้นในใจ
จื่อเทาไม่เคยคิดที่จะหยุดแต่เซฮุนกลับไม่เคยก้าวต่อหรือปล่อยให้เขาข้ามไปหาเลยสักครั้ง ตัวเขาก็เลยคิดว่าเป็นแบบนี้อยู่ข้างๆกันแบบนี้ก็ดีแล้วแต่เมื่อกี้ที่ถามตัวเขาก็แค่ต้องการคำตอบและอยากรู้ว่าเซฮุนมีใจที่ตรงกับเขาบ้างไหม
แต่ผลลัพธ์ก็คือ ... ไม่ใช่
“แล้วอะไรคือสิ่งที่กูต้องทำกันล่ะ”
เซฮุนที่เดินเลี่ยงมาเข้าห้องน้ำก็ได้แต่มองเงาสะท้อนของตัวเองในกระจก มองอยู่แบบนั้น มองเหมือนจะให้ทะลุและเข้าใจอะไรบางอย่างแต่ภาพในหัวกลับว่างเปล่า เซฮุนถอนหายใจแล้วก้มหน้าลง หลับตาสักพักเพื่อตั้งสติแล้วเงยหน้าขึ้นมองตัวเองในกระจกอีกครั้ง
ในสายตาเขาก็ยังเป็นโอเซฮุนคนเดิมแต่ทำไมเขาถึงรู้สึกเจ็บปวดกันนะ เจ็บที่ดวงตาคู่นั้นมองมาที่เขาด้วยสายตาเจ็บปวด เพราะอะไรกัน ไม่ว่าเขาจะเลือกทางไหนจื่อเทาก็จะอยู่ข้างๆเขาไม่ใช่เหรอ? ไม่ว่าเขาจะเลือกรั้งหรือปล่อย สุดท้ายปลายทางของเขาก็ต้องมีจื่อเทาไม่ใช่เหรอ?
“ทำไมกูต้องเลือกด้วยในเมื่อยังไงกูก็มีมึงอยู่ด้วยอยู่ดี”
หลังจากที่เรียกสติกลับมาได้แล้วเซฮุนก็ออกจากห้องน้ำไปที่เคาน์เตอร์บาร์ เทายังคงนั่งอยู่ตรงนั้น ไหล่ที่เคยผึ่งผายกลับห่อลู่ลงอย่างคนหมดหนทาง ฮวางจื่อเทากำลังคิดอะไรอยู่กันนะ
“เป็นอะไร” เซฮุนเอ่ยถามพร้อมกับแตะมือเข้าที่ต้นแขน เทาหันกลับมามองแล้วส่ายหน้าให้ก่อนที่จะจับมือของเซฮุนมากุมไว้
“คืนนี้ไปนอนห้องไอ้ชานยอลกัน เมื่อกี้กูโทรถามมันแล้ว”
“มันอยู่ห้องเหรอ ต้องลงไปบอกพ่อกับแม่มึงก่อนหรือเปล่า” เทาส่ายหน้าแล้วลุกขึ้นยืนก่อนที่จะดึงมือพาเซฮุนออกไปเลย
“กูแค่อยากคิดอะไรเงียบๆ” เทาบอกไว้แค่นั้นก่อนที่บานประตูลิฟต์จะปิดลงและทั้งคู่ก็ไม่ได้เอ่ยบทสนทนาอะไรกันอีก เทามองตรงไปข้างหน้าอย่างใช้ความคิด เซฮุนเองก็หันมองเทาเช่นกัน
ทั้งคู่นั่งแท็กซี่มาที่หอของชานยอล พอมาถึงได้ก็เดินขึ้นไปเคาะประตูห้องทันที ชานยอลในชุดบ๊อกเซอร์ที่กำลังนั่งเล่นเกมอยู่ก็ลุกขึ้นไปเปิดประตูให้เพื่อนทั้งสองเข้ามา เทาและเซฮุนยังไม่ได้พูดกันเลยสักคำ จากที่ได้ยินน้ำเสียงของเขาตอนที่โทรมาหาเขาก็พอจะรู้อยู่หรอกว่ามีเรื่องแต่ก็ไม่รู้ว่ามีเรื่องอะไร เอาวะห้องกูมันห้องสถานสงเคราะห์อยู่แล้วนิ ใครมีอะไรก็มาห้องกูกันหมด ลูกพี่ช่างเป็นคนดีมีน้ำใจซะเหลือเกิน!
“ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าไป เดี๋ยวกูปูเสื่อให้” ชานยอลเอ่ยบอก ทั้งสองก็ยังทำหน้านิ่งๆจนลูกพี่เหนื่อยใจดันหลังให้ไอ้เซฮุนเข้าไปอาบน้ำก่อนเลย จัดการทุกอย่างให้เสร็จก็ปิดประตูให้ด้วย
“มีเรื่องอะไรกันวะ” ชานยอลเดินมมาถามเบาๆเพื่อไม่ให้คนในห้องน้ำได้ยิน
“ออกไปคุยกันข้างนอก” เทากับชานยอลเดินออกจากห้องไปคุยกันที่หน้าห้อง
เซฮุนที่อาบน้ำเสร็จแล้วเดินออกมาก็เห็นชานยอลปูเสื่อกับปูผ้านวมรองนอนให้เรียบร้อย เทาก็กำลังนั่งแก้เนคไทอยู่บนฟูกนอนโดยมีชานยอลนั่งก้มหน้าส่งแชทอยู่ข้างๆกัน เซฮุนก้าวเท้าเข้าไปแล้วลงนั่งคุกเข่าตรงหน้าเทา
“มานี่เดี๋ยวทำให้” เซฮุนยื่นมือจับที่ปมเนคไท เทาก็เลยเอามือออก ไม่นานปมเนคไทก็คลายเซฮุนดึงมันออกจากคอก่อนที่จะหยิบสูทที่เทาวางพาดไว้ข้างตัวลวกๆขึ้นมา
“ไอ้ชานยอลยืมตู้เสื้อผ้าหน่อยนะ” ชานยอลพยักหน้ารับส่งๆ เซฮุนลุกขึ้นเอาสูททั้งของเขาและของเทาไปแขวน เสื้อเชิ้ตกับกางเกงที่พาดแขนออกมาก็จับแขวนไว้ให้เรียบร้อย เทาลุกขึ้นถอดเสื้อเชิ้ตออกให้เหลือแต่กางเกงขายาวก็ยื่นส่งให้
“อาบน้ำเสร็จมึงก็เอากางเกงมาแขวนนะ” เทาพยักหน้ารับก่อนที่จะเดินเลี่ยงเข้าห้องน้ำไป เซฮุนมองตามหลังเทาไปแล้วก็ขมวดคิ้วมุ่น
แปลก... ฮวางจื่อเทาดูแปลกๆชอบกล ไม่ว่าเวลาที่มันจะโมโหหรืออะไรก็ตาม ถ้าเขาพูดมันจะต้องตอบรับเขาเสมอ ทำไมครั้งนี้ไม่ตอบ นอกจากไม่ตอบแล้วทำไมสายตาของมันที่มองเขาถึงดูแปลกไป ดวงตาคู่เดิมแต่บอกไม่ถูกว่าอะไรในแววตานั้นที่แปลกไป
“ไอ้ชานยอล ไอ้เทาบอกมึงหรือเปล่าว่ามันเป็นอะไร” เซฮุนลงนั่งที่นอนที่ชานยอลปูไว้ให้อยู่ข้างๆฟูกนอนของเจ้าของห้อง
“มันไม่ได้เป็นอะไรหรอก มีแต่มึงนั่นแหละที่เป็น” ชานยอลเงยหน้าขึ้นมาตอบ เซฮุนที่ไม่เข้าใจก็ทำหน้างงใส่
“คิดดีๆ คิดให้เยอะๆ เรื่องของพวกมึงกูคงยุ่งไม่ได้จัดการกันเอง” ยังไม่ทันได้ถามอะไรมือถือของชานยอลก็ดังเสียแล้ว
คิดจนวกกลับไปมาสามร้อยกว่าตลบเซฮุนยังไม่รู้เลยว่าเขาเป็นอะไรหรือเหตุผลอะไรที่ทำให้เทาเปลี่ยนไป จนเจ้าตัวอาบน้ำเสร็จ แขวนเสื้อผ้าเรียบร้อยเซฮุนก็ยังคงนั่งขมวดคิ้วคิดอะไรในหัวมากมาย ขนาดที่เทาลงมานั่งข้างตัวแล้วเซฮุนยังไม่รู้สึกตัวเลย
“เป็นอะไรของมึง นั่งนิ่งทำไม” ฝ่ามือเย็นแตะเข้าที่หลังมือทำเอาเซฮุนสะดุ้งโหยงแล้วหันไปยิ้มให้
“เปล่าหรอก นอนเถอะๆ” เกาหัวงงๆ หันซ้ายหันขวาก็เห็นชานยอลนอนพิงหัวเตียงคุยโทรศัพท์ ปลายสายจะเป็นใครได้ล่ะนอกจากน้องคริสน่ะ เซฮุนล้มตัวลงนอนตะแคงข้างหันหลังให้เทา ส่วนเทาก็ล้มตัวลงนอนตามแล้ววาดแขนโอบเอวของเซฮุนไว้
ถึงจะแปลกใจแต่เทาก็ไมได้ถามอะไร หลับตาลงแล้วนอนคิดอะไรมากมายในหัว ส่วนเซฮุนก็คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยจนหลับไปเอง
ตอนนี้พวกเขายังเหมือนเดิมแต่อะไรกันนะที่มันทำให้ค่ำคืนนี้แปลกไปจากเดิม ทั้งๆที่เทาก็ยังคงนอนกอดเขาเหมือนเดิม อยู่กับเขาเหมือนเดิมแต่ทำให้เซฮุนถึงรู้สึกว่ามันไม่เหมือนเดิม เพราะอะไรกัน...
วันนี้สอบวันสุดท้ายแล้วก่อนที่จะหยุดอีกห้าวันแล้วสอบปฏิบัติวิชาที่โดนเลื่อนสอบ ถึงน้องคริสจะอยากไปเที่ยวทะเลมากขนาดไหนก็ได้แต่นั่งทำหน้ามุ่ยบ่นอาจารย์คนสอนไปเรื่อย ชานยอลก็นั่งหัวเราะไปไม่คิดที่จะดูเด็กของมันเลย คยองซูก็มองค้อนตาเหลือกใส่แบคฮยอนที่ชอบแกล้งไปสิ รู้หรอกว่าชอบให้มันแกล้ง
เซฮุนนั่งเท้าคางมองเพื่อนแล้วก็แอบก้มหน้าถอนหายใจเพราะคนข้างตัวเขาไม่อยู่ ไม่รู้ไปไหน จากคืนที่ไปนอนห้องชานยอล เช้ามาเทาก็รีบกลับบ้านเพราะพ่อตามตัว เขาก็เลยกลับมาด้วยแล้วนั่นก็ไม่เจอกันสองวันแล้ว แอบยกมือถือที่ถือแอบไว้ใต้โต๊ะมากดดูหน้าจอก็ไม่เห็นอะไรเลยแม้สักนิด ยังคงนิ่งสนิท
“ทำไมมึงมาช้าจังวะ!” แบคฮยอนเอ่ยทัก เซฮุนหันไปมองก็เห็นเทาเดินมานั่งข้างๆเสียแล้ว เทายกแขนกอดคอเซฮุนแล้วรั้งคอเพื่อนมาขยี้ผม เซฮุนไม่ชอบให้ใครมายุ่งกับผมตัวเอง แน่นอนว่าก็ล่วงไปอยู่ที่พื้นตามระเบียบ
“มึงอ่ะ!!” เทาลุกขึ้นมานั่งบนเก้าอี้แล้วทำหน้ามุ่ยใส่ เซฮุนหัวเราะแต่ก็ยกมือขึ้นลูบผมที่ยุ่งของเทาให้เข้าที่
“มึงหายไปไหนมา” หลังจากหัวเราะและแกล้งหยอกกันพอใจแล้วก็เลยถามซะเลย นี่คาใจอยู่นานล่ะ
“ก็... แปบนะ” ยังไม่ทันได้ตอบมือถือของเทาก็ดังขึ้น เจ้าตัวลุกขึ้นออกไปรับโทรศัพท์หลังจากที่มองหน้าจอแล้ว เซฮุนมองไม่ทันว่าใครแต่ท่าทางที่มองอยู่เหมือนเทาจะไม่ค่อยเห็นด้วยกับอะไรที่ในสายพูดนะเพราะเทาดูหงุดหงิดมาก
“เออไม่มีอะไรหรอกพอดีว่าต้องไปกับพ่อน่ะ ออกเช้ามากก็เลยไม่เจอมึงจะบอกมึงก็ไม่มีเวลาจะขยับตัวเลย โทษว่ะ” พอกลับมานั่งที่เดิม ฮวางจื่อเทาก็คือฮวางจื่อเทา ยังคงยิ้มแล้วก็แกล้งเซฮุนอยู่ตลอดเวลา
“ก็ไม่ได้ว่าอะไรถามดูเฉยๆ” เทาเหมือนจะพูดอะไรสักอย่างแล้วมือถือก็ดังอีก คราวนี้เจ้าตัวขมวดคิ้วมุ่นมองเบอร์แปลกๆแล้วก็รับสาย เซฮุนไม่ได้หูดีขนาดนั้นหรอกแต่เหมือนจะได้ยินเสียงผู้หญิงลอดออกมา แล้วเทาก็ลุกออกจากโต๊ะไปคุยทีอื่น เซฮุนมองตามแล้วก็รู้สึกแปลกๆกับตัวเอง มันหน่วงๆ หนักๆคล้ายว่าตัวเองกำลังจะล้มทั้งๆที่นั่งอยู่
“ใครโทรมา” จะว่าเผือกก็ได้ ปกติก็ไม่ใช่คนถามซักไซ้อะไรหรอกนะ ถึงจะชอบเผือกเรื่องชาวบ้านแต่ก็ไม่ได้ถามหน้าตรงอะไรแบบนี้นะ ขอบอกเลยว่ามีจรรยาบรรณในการเผือกเรื่องชาวบ้าน!!
“คนที่เจอที่งานนั่นแหละ” โอเคจบ เซฮุนเก็บของแล้วลุกขึ้นเดินจากโต๊ะไปเลย เทาก็หันมองแล้วเดินตามไป ส่วนคนที่เหลือก็รั้งไว้ไม่ทันไงอยากจะถามแต่ถามไม่ทัน ชานยอลที่รู้ว่าเรื่องอะไรก็มองตามเงียบๆ เฮ้อ เหนื่อยคนเป็นลูกพี่นี่ต้องมารับฟังปัญหาของทุกคนป่ะ? สำคัญสินะ~ ปลื๊มปลื้ม~
เซฮุนเดินไปขึ้นตึกเรียนทันที ไม่รออะไรแล้ว เทาก็เดินตามมาแล้วคว้าแขนของเซฮุนไว้ อยากจะถามอยู่ว่าเป็นอะไรแต่เห็นหน้าเซฮุนที่ขมวดพันกันยุ่งแล้วไม่ถามดีกว่าคำถามนี้ เซฮุนกรอกตาไปมาแล้วมองหน้าเทา อยากจะอ้าปากด่ามันเหมือนกันแต่เสียงโทรศัพท์เข้าก็ขัดจังหวะ เซฮุนถอนหายใจสะบัดแขนหนีแล้วหันหลังเดินไปเลย
เทาก็ทั้งรับสายทั้งเดินตามเพื่อนจนไม่รู้จะทำอะไรก่อนดี ตัดสินใจคุยกับปลายสายให้จบก่อนดีกว่า เซฮุนเดินไปนั่งรออยู่ที่หน้าห้องสอบพอไม่เห็นมีใครบางคนตามมาก็รู้สึกเหมือนสายตาจะพร่าเลือน รู้สึกร้อนที่ตัวแล้วก็ที่รอบดวงตาแปลกๆ สงสัยจะไม่สบายซะแล้ว
การสอบวันนี้ผ่านไปแบบทุลักทุเล แน่นอนว่าไม่ใช่กับเซฮุนแต่เป็นฮวางจื่อเทานี่แหละที่โดนอาจารย์จับแยกจากเซฮุนให้มานั่งกับแบคฮยอน แล้วคิดว่าไงอ่ะ? รอซ่อมเลยป่ะล่ะวิชานี้!!! จำได้ว่าเซฮุนเคยอธิบายแล้วนะแต่ตอนนั้น... แอบนั่งมองหน้าคนสอนน่ะสิเลยไม่ค่อยมีอะไรติดหัวสักเท่าไหร่ เอาเป็นว่าทำๆไปเหอะยังไงก็ซ่อมอยู่ดี
พอกาข้อสอบเสร็จเทาก็นั่งเท้าคางมองคนที่กำลังนั่งเครียดกับข้อสอบอยู่ เอาจริงๆเทาชอบมองคนๆนี้เวลาทำสีหน้าต่างๆน่ะ มันก็ดูแบบ.. น่ารักปนแปลกๆดี โอเซฮุนจะรู้ตัวไหมนะ?
“เฮ้ยไปกินข้าวที่ไหนกันดี” หลังจากสอบเสร็จออกจากห้องมาพร้อมกัน แบคฮยอนก็ถามขึ้นทันที มองนาฬิกาแล้วก็ใกล้จะเที่ยงพอดี
“เฮ้ยขอโทษว่ะไม่ว่าง” ทุกคนหันสายตาไปมองเทาที่ยกมือขึ้นอย่างขอโทษขอโพย มันคือเรื่องผิดปกติมากและแน่นอนโคตรจะผิดปกติกับขาเที่ยวอย่างฮวางจื่อเทา!!
“ห๊ะ?” คนที่ถามน่ะแบคฮยอน เซฮุนเพียงแค่เหลือบสายตาคนข้างตัวเท่านั้น
“พอดีต้องไปกับที่บ้านว่ะ ไปล่ะ” เทากดรับโทรศัพท์แล้วก็รีบวิ่งไปเลย คาดว่าคุณพ่อคงขับรถมารับ
“นี่อะไรวะเซฮุน” แบคฮยอนหันมาถาม คยองซูก็หันมามองเหมือนกัน เซฮุนหันหน้าหนี
“ไปกินข้าวเหอะ เดี๋ยวน้องคริสรอนานนะ” แล้วก็เดินหนีไปอีกคน
“มันเป็นอะไรกันวะ” แบคฮยอนหันไปมองชานยอลที คยองซูที
“ไข้ใจมั้ง ไปเร็วเดี๋ยวแม่งคิดสั้น” ชานยอลเดินนำไป คยองซูกับแบคฮยอนก็เดินตามไป พอไปถึงที่โต๊ะประจำก็เห็นน้องคริสนั่งทำหน้างงๆใส่เซฮุนที่นั่งเท้าคางแล้วหันหน้าไปทางอื่น
“พี่ชานยอล...” น้องคริสชี้ไปที่เซฮุนที่นั่งหงอยๆด้วยสีหน้างงงวย ขนาดทำหน้างงก็ยังแบ๊วอ่ะดูดิ!! พี่ชานไม่ทนได้ปะวะไอ้หนูแฮมสเตอร์!! ชานยอลจะไม่ทนนี่พูดเลย!
“หิวยังมึง” ชานยอลลงนั่งข้างๆคริสแล้วขยี้ผมน้องเบาๆ
“หิวแล้ว แล้วพี่เทาไปไหนล่ะครับยังสอบไม่เสร็จเหรอ” ชานยอล แบคฮยอนกับคยองซูมองหน้ากันแล้วก็หันไปมองเซฮุน
“เฮ้ยไอ้เซฮุนมึงว่าเราไปกินข้าวที่ไหนดีวะ ไปกินชาบูมะ? หรืออาหารญี่ปุ่นดี” ทุกคนเลือกที่จะเมินคำถามของน้องคริส แบคฮยอนก็เลยถามตัดบทให้ซะเลย
“กินโรงอาหารได้เปล่าวะ ไม่อยากไปไหน”
“แต่น้อง..” ชานยอลเอื้อมมือปิดปากได้ทันก่อนที่จะส่งสายตาดุให้
“งั้นก็ไปโรงอาหารกัน” ชานยอลบอกแล้วทุกคนก็ลุกเดินไปกินข้าวที่โรงอาหาร”
“พี่เซฮุนเขาเป็นอะไรอ่ะ” ก็อยากจะหันไปตวาดให้แก้วหูพังอยู่หรอกแต่พอเห็นพี่เซฮุนลุกขึ้นเดินหงอยๆไปแล้ว น้องคริสอยากรู้มากกว่า~ (นี่ติดนิสัยของคู่เพื่อนซี้มาหรือเปล่าเนี่ย?)
“ป่วยใจมั้ง” น้องคริสหันไปมองแล้วก็ทำหน้าหงอย แหงล่ะเวลาที่พี่ทั้งสองคนอยู่ด้วยกันน่ารักจะตาย ถึงจะเอะอะฟาด เอะอะถีบก็เถอะ น้องคริสชอบ~
ที่โรงอาหารคนค่อนข้างเยอะเพราะเป็นช่วงเวลาเที่ยงแต่ก็ไม่ใช่ว่าจะหาโต๊ะไม่ได้เลย ทุกคนแยกย้ายไปซื้ออาหารกันเป็นคู่ จะเหลือก็แต่เซฮุนนี่แหละที่ต้องเดินไปคนเดียว เซฮุนเดินไปร้านประจำสั่งข้าวมาจานเดียวมันก็รู้สึกโหวงๆในใจ รับจานข้าวเสร็จก็เดินมานั่งที่โต๊ะ หยิบมือถือขึ้นมากดส่งข้อความหาใครอีกคนว่าทำอะไรอยู่ ไม่นานข้อความก็เด้งตอบกลับมาว่ากำลังจะกินข้าว
เซฮุนอ่านแล้วก็กดปิดหน้าจอแล้วเริ่มนั่งกินข้าวเงียบๆ พวกที่เหลือก็มานั่งประจำที่กันเรียบร้อย นั่งกินไปได้สักพักก็เหมือนจะลืมว่าตัวเองยังไม่มีน้ำดื่มเพราะปกติเทาจะเป็นคนซื้อมาให้ตลอด พอเหลือเขาคนเดียวก็เลยลืม เซฮุนหันมองที่นั่งว่างข้างตัวด้วยสายตานิ่งเฉย มองนิ่งนานจนคนอื่นๆในโต๊ะหันมอง
“มึงจะไปไหน!” ชานยอลถามแทรกขึ้นทันทีเมื่อเห็นว่าเซฮุนลุกขึ้นยืน
“ไปซื้อน้ำ จะเอาอะไรอีกป่ะ” ทุกคนส่ายหน้าตอบ เซฮุนมองหน้าเรียงตัวก่อนที่จะมาหยุดที่เก้าอี้ว่างข้างตัว ดวงตาเรียวแม้จะไม่ฉายแววอะไรแต่คนมองก็รู้สึกได้ว่าเศร้าหมอง เซฮุนเดินออกจากโต๊ะไปซื้อน้ำตามที่ตั้งใจไว้ทันที
“พี่ชานยอลบอกมาเลยนะว่าบริษัทพ่อพี่เทาชื่ออะไร!” น้องคริสหันมาขมวดคิ้วใส่แล้วเขย่าแขนเสื้อของชานยอลใหญ่เลย
“จะเอาไปทำไม” น้องคริสพองแก้มแล้วหันไปมองเซฮุนที่เดินไปซื้อน้ำ
“ก็จะไปสืบน่ะสิว่าพี่เทามีอะไร”
“พอๆ ไม่ต้องยุ่งเลยอยู่เฉยๆ” ชานยอลส่ายหน้าแล้วหันกลับมากินข้าว คริสพองแก้มแล้วนั่งกอดอกพิงหลังกับเก้าอี้
“ไม่บอกน้องคริสหาเองก็ได้ สายของป๊าเยอะแยะแปบเดี๋ยวก็ได้แล้ว” ชานยอลหันไปมองแล้วชี้นิ้วใส่
“อย่าแม้แต่จะคิด เรื่องของเขามึงจะไปยุ่งทำไมวะ” คริสยู่หน้าใส่
“ก็น้องคริสสงสารพี่เซฮุนนินา”
“เรื่องนี้พวกมันต้องจัดการกันเอง ไม่ต้องหันไปฟ้องไอ้คยองซูเลยนะ” ชานยอลดุเสียงเข้ม คริสที่จะหันไปฟ้องคยองซูก็หยุดชะงักแล้วนั่งกอดอกหน้ามุ่ย
“อย่าไปยุ่งเลย ให้พวกเขาจัดการเองเถอะนะ” คยองซูบอกแต่คริสก็ไม่ยอม
“ถ้าดื้อเดี๋ยวจะไปบอกป๊าให้พามึงไปจีนเลยคอยดู” คริสหันมองชานยอลแล้วก็ทำหน้างอใส่ น้ำตาก็รื้นขึ้นรอบดวงตาทันที
“พี่ชานยอลอ่ะ!” ชานยอลเกี่ยวคอคริสให้ก้มลงมาซบที่ไหล่เขา รู้หรอกว่ามันกำลังจะร้องไห้
“น้องคริสเป็นอะไรน่ะ” เซฮุนที่กลับมาแล้วเอ่ยถาม
“ชานยอลแกล้งน้องน่ะ ไม่มีอะไรหรอก” คยองซูตอบแทนแล้วสะกิดแขนแบคฮยอน
“อะ.. เออใช่ๆ นิสัยไม่ดีว่ะแกล้งเด็ก เนอะๆๆ” ฟ้องด้วยหน้าตาเหรอหรา หันซ้ายหันขวา เซฮุนไม่ได้สนใจอะไรแกะขวดน้ำแล้วเสียบหลอดดูด กว่าจะแกะออกก็หมุนอยู่หลายทีเหมือนกัน ปกติก็จะมีคนหมุนฝาให้ตลอด เซฮุนดูดน้ำเย็นๆแล้วก็นั่งมองขวดน้ำที่อยู่บนโต๊ะนิ่ง
เขาเคยชินกับการที่คอยมีคนอยู่ข้างกายแล้วก็ทำอะไรๆให้ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ? ตั้งแต่เขาลืมตาขึ้นมาดูโลกหรือเปล่านะ?
เซฮุนที่ไม่อยากไปไหนก็จะขอกลับบ้านแต่พวกเพื่อนๆก็ไม่ยอมไง เกี่ยวล็อคคอให้ตามมาด้วยกันจนได้ นี่พูดเลยนะว่าโอเซฮุนอยากจะงับหัวพวกมันทุกคนแต่ก็ไม่มีอารมณ์จะเล่นแล้ว ก็เลยเดินตามพวกมันไป คยองซูเดินอยู่ข้างๆเซฮุนคอยชวนคุยโน้นนี่นั่นแม้ว่าจะแปลกใจนิดหน่อยก็เถอะ
ตอนนี้เซฮุนกำลังยืนงงอยู่หน้าโซนเกม ตอนแรกพวกมันบอกจะมาเดินเล่นเฉยๆแล้วไหงพาเข้าลงมาที่โซนเกมตู้ได้ล่ะเนี่ย ตอนนี้ตัวเขากำลังอยู่หน้าเครื่องตีตัวตุ่น เซฮุนกระชับไม้ตีในมือให้มั่น หยอดเหรียญแล้วก็รอสักแปบ เมื่อเสียงเพลงดังขึ้นตัวตุ่นเริ่มส่งเสียงและผลุบๆโผล่ๆ เซฮุนก็จัดการฟาดไม่เลี้ยงเลย!
ก็ไม่ได้สนุกหรอกแต่เหมือนรู้สึกได้ปลดอะไรบางอย่างในตัวที่มันหนักอึ้งออกไป... พร้อมกับหยดน้ำที่ไหลผ่านแก้มไป ...... ก็แค่ไม่มีใครบางคนข้างกาย โอเซฮุนไม่ตายหรอก!!
หลังจากที่เล่นเกมจนหนำใจแล้ว แยกย้ายกันกลับบ้านแล้ว เซฮุนก็ตรงกลับบ้านบ้าง กลับมาบ้านข้างๆก็ยังคงปิดและไม่มีใคร ยืนมองสักพักเซฮุนก็เดินเข้าบ้านตัวเอง เดินเข้าหลังบ้านเปิดตู้เย็นแล้วหยิบน้ำออกมาเทใส่แก้วดื่ม โน้ตแผ่นเดิมๆยังคงติดอยู่ที่เดิม กับรอบกายที่ไร้สิ่งใดเคลื่อนไหว หันมองไปทางไหนก็มองเห็นแต่ความว่างเปล่า มันเหมือนตอนนี้ตัวเขากำลังอยู่คนเดียวในโลกนี้
“ฟุ้งซ่านมากไปแล้วโอเซฮุน” บอกตัวเองแบบนั้นแต่ก็เหมือนจะไร้ประโยชน์เมื่ออะไรในหัวก็ยังคงฉายภาพตรงหน้าที่มีแต่เขาอยู่คนเดียว
ใครๆก็บอกเซฮุนตัวผอมเกินไป เซฮุนไม่เคยรู้ตัวเลยจนตัวเองกำลังนั่งกอดเข่าอยู่บนเตียงนี้ มันทำให้ตัวเองรู้สึกว่าตัวเขาน่ะมันช่างเล็กนักเมื่อเทียบกับความอ้างว้างที่ตัวใหญ่เท่าโลกนี้ แม้จะเปิดทีวีทิ้งไว้ก็ลดเสียงจนแทบจะไม่ได้ยินอะไรเพื่อฟังเสียงรถของคนข้างบ้าน โลกที่เป็นสีสันตรงหน้าก็ดูจะกลับหัวพลิกหางกลายเป็นสีเทาเสียแล้ว
ใครอีกคนอยู่ไหนก็ไม่รู้ เซฮุนไม่รู้แล้วว่าจะต้องทำอย่างไร รู้สึกเหมือนไม่เป็นตัวของตัวเองเลย รู้สึกอ่อนแอ รู้สึกเหมือนกำลังจะขาดอากาศหายใจ ไม่มีพ่อกับแม่คอยอยู่เคียงข้างเขาก็พอจะเข้าใจว่าพวกท่านต้องทำงาน ครอบครัวของเขามีแค่ตัวเขากับคนที่หายหน้าไป อาจจะดูใจร้ายแต่ตัวเขาเก็บเกี่ยวความอบอุ่นจากคำว่าครอบครัวได้จากคนนั้นจริงๆ
เซฮุนค่อยๆขยับตัวลงนอน ปิดเปลือกตาลงไม่อยากรับรู้อะไรอีกแล้ว ตอนนี้เขาแค่อยากได้ความอบอุ่นนั้นคืน อยากได้คนข้างๆนั้นกลับคืนมาเพราะมันเป็นความเคยชินหรือเปล่านะถึงไม่เคยคิดถึงวันที่ต้องจากกันจริงๆ ถ้าย้อนกลับไปวันนั้นได้อีก เขาเลือกที่จะ ‘รั้ง’ ไว้ แม้จะไร้ประโยชน์ก็ตามที
“กูต้องทำยังไงนะถึงจะได้มึงคืนมา... จื่อเทา” เซฮุนหลับไปก่อนที่จะได้รับข้อความจากอีกคนที่ตอนนี้ไม่ได้นอนอยู่ข้างๆ ข้อความที่บอกว่าฝันดี... หยดน้ำตาไหลซึมเข้าที่หมอนหนุนแม้ในยามหลับ...
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น