ลำดับตอนที่ #4
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : SF :: Secret
สุขสันต์วันมาฆบูชาค่ะ อิอิ
ไม่มีอะไรจะพูดนอกจาก... ชอบค่ะ =,,=
______________________________________
“คะ.. คริส.. เบาหน่อย...” เสียงทุ้มร้องเครือแต่คนที่เสพสมอยู่กับร่างกายของเขาก็ยังไม่ยอมผ่อนแรงลงเลยสักนิด ยิ่งเขาบอกให้เบาคนที่รุกล้ำเขายิ่งจะส่งแรงมาหนักหน่วง แผ่นหลังที่พิงอยู่กับผนังห้องอยู่นี้ครูดไปตามแรงที่ส่งมา
“คริส... ฉันเจ็บ..” แม้จะร้องบอกแต่ความหนักหน่วงก็ยังไม่ลดละซ้ำยังได้รอยกัดที่หัวไหล่มาด้วยเสียนี่ แล้วเขาจะทำอย่างไรได้นอกเสียจากเงยหน้าขึ้นระบายความเจ็บปวดนั้น หยดน้ำตาไหลจากปลายหางตา เสียงทุ้มแหบครางเครือชิดใบหูพร้อมกับความรู้สึกอุ่นที่ไหลผ่านเข้ามา เมื่อเสร็จสิ้นทุกอย่างคริสก็ปล่อยตัวเขาให้ล้มกองกับพื้นโดยที่ไม่สนใจอะไรเลยสักนิด
“อีกสักพักค่อยตามไปเข้าห้องเรียนล่ะ” ผู้ชายร่างสูงที่ยืนค้ำหัวก้มลงมองด้วยสายตาเย็นชา จัดการใส่กางเกงเรียบร้อยก็เดินออกไปเลยทิ้งให้ร่างเปลือยเปล่านั่งกองอยู่กับพื้นไว้คนเดียว หยดน้ำตาค่อยๆหยดลงกระทบพื้นหยดแล้วหยดเล่า
หลังจากที่จัดการตัวเองเรียบร้อยตัวเขาก็ค่อยๆเดินกลับห้องเรียนตัวเอง ตอนนี้เป็นชั่วโมงว่างสองคาบต่อกันเพราะอาจารย์ที่สอนคาบที่สองไม่มาก็เลยได้ว่างสองคาบติด ยืนทำใจอยู่สักแปบก่อนที่จะเลื่อนบานประตูหลังห้องออกแล้วเดินเข้าห้องเรียนไป เพื่อนๆทุกคนก็กำลังจับกลุ่มคุยเล่นกันสนุกสนาน ก็มีแต่เขานี่แหละที่ไม่รู้สึกสนุกสนานเลยสักนิด
คนใจร้ายคนนั้นยืนคุยกับกลุ่มเพื่อนที่หน้าห้อง ดวงตาคมนั้นเหลือบมามองทางเขาแล้วคนที่ไม่มีปากมีเสียงอย่างเขาจะทำอะไรได้ล่ะนอกเสียจากเดินก้มหน้าไปที่นั่งของตัวเอง พยายามที่จะไม่เหลือบตามองหรือทำตัวมีพิรุธให้ใครจับได้ทั้งนั้น ไม่ว่าจะเรื่องอะไรเขาก็ไม่อยากให้ใครรับรู้
“ชานยอล” เจ้าของชื่อสะดุ้งโหยงกับเสียงทุ้มที่เอ่ยเรียกชื่อนั้น ทำเอาเพื่อนๆที่หันมองก็หัวเราะไปตามๆกัน
“หะ... ห๊ะ..” ชานยอลหันไปมองคนเรียกก็เห็นว่าผู้ชายตัวสูงคนนั้นส่งยิ้มละมุนมาให้
“นายแต่งตัวไม่เรียบร้อยเดี๋ยวจะโดนตัดคะแนนเอานะ” คริสชี้นิ้วบอก ชานยอลมองตามก็เห็นว่าชายเสื้อนักเรียนตัวในของเขาสอดในกางเกงไม่หมด
“อ๊ะ.. ขอโทษๆ” หันหลังกลับไปจัดการให้เรียบร้อย
“แหมคริสนี่เป็นหัวหน้าห้องที่ดีจังเลยนะ” เสียงผู้หญิงในห้องเอ่ยชม ชานยอลที่จัดการเสื้อเรียบร้อยก็เดินไปนั่งที่โต๊ะตัวสุดท้ายริมหน้าต่างแล้วก็ฟุบหน้าทับแขนไปเลย
“นั่นสินะ” แล้วก็อีกหลายๆคนที่เอ่ยชม ... หัวหน้าห้องที่ดี .. งั้นเหรอ? ใครล่ะจะไปรู้...
หัวหน้าห้องที่แสนดีของทุกคน.. แท้จริงแล้วมันไม่ใช่แบบนั้น ใบหน้าที่ดูดีนั้นแย้มยิ้มคุยเล่นกับทุกคนแต่เบื้องหลังที่หลบซ่อนอยู่ภายใต้รอยยิ้มนั้นช่างน่ากลัวนัก เขาพบเจอมาแล้ว .. เรื่องมันเริ่มที่ตรงไหนกันนะ คงจะเป็นวันที่เขาย้ายมาเรียนที่นี่ล่ะมั้ง
เขาได้นั่งหลังสุดเพราะตัวสูงแม้จะตั้งใจเรียนแค่ไหนก็คงจะไปนั่งหน้าบังคนอื่นไม่ได้หรอกและหัวหน้าห้องนี้ที่ตัวสูงกว่าเขาก็ได้นั่งอยู่ข้างหลังเหมือนกับเขา ชานยอลนั่งตัวติดริมหน้าต่างและอีกแถวตัวข้างกันก็เป็นของคริส
อาจารย์ประจำชั้นบอกให้หัวหน้าห้องดูแลนักเรียนใหม่ซึ่งเขาก็พอใจอยู่มากนักถึงแม้จะดูดุแต่รอยยิ้มกับการช่วยเหลือของหัวหน้าห้องก็ดีเหลือเกิน ไม่เหมือนที่ๆเขาจากมาเพราะหัวหน้าห้องมักจะไม่ทำอะไรแบบนั้น แต่เวลาที่เขามีคำถามคริสก็มักจะตอบเขาทุกเรื่อง
แต่แล้ววันหนึ่งที่เขาไปแอบเห็นความลับของคนตรงหน้าเข้า... หลังจากวันนั้นทุกวันที่เขามาโรงเรียนก็กลายเป็นวันที่แสนอึมครึมคล้ายดั่งช่วงเวลาฝนตก แม้เขาจะไม่อยากมาเรียนแต่มันก็ทำไม่ได้ คนนั้นที่แสนน่ากลัวมักจะคอยวนเวียนอยู่รอบๆตัวเขาเสมอ
“ชานยอลไม่สบายเหรอ” เสียงทุ้มเอ่ยถามมาพร้อมกับฝ่ามือที่แตะอยู่ที่หัวของเขาๆ คนโดนถามสะดุ้งแล้วเงยหน้ามองคริสที่ยืนอยู่ข้างๆแล้วส่งยิ้มมาให้ เสแสร้งชัดๆ...
“ก็.. ก็ไม่เชิงนะ ปวดหัวนิดหน่อย” ระล่ำระลักตอบกลับไป คริสยังคงยิ้มแล้ววางมืออยู่บนหัวของเขาไม่ยอมปล่อย
“ไปห้องพยาบาลขอยาไหมเดี๋ยวพาไป” ชานยอลส่ายหน้าหวืดเพราะกลัวว่าถ้าเขาได้ไปห้องพยาบาลแล้วมันจะไม่จบที่เขาขอยาแก้ปวดหัวน่ะสิ
“ไม่เป็นไรนอนพักสักหน่อยก็น่าจะหายนะ ขอบคุณนะ” ชานยอลทำหน้าทำฟุบหน้านอนแต่คริสจับแขนของชานยอลไว้
“ไปนอนที่โต๊ะฉันสิ ตรงนี้แดดมันส่องนะ” แล้วคริสก็จัดการประคองชานยอลให้ลุกขึ้นแล้วพาไปนั่งที่โต๊ะของตัวเองแทน คนที่โดนจับให้ย้ายที่นั่งก็ได้แต่ทำหน้าตกใจจะขัดขืนก็ไม่ได้เพราะแรงบีบที่สองแขนนั้นเจ็บเอาการเลย
“ถ้าจะนอนก็นอนเลยไม่เป็นไร” เมื่อส่งถึงที่เสร็จคริสก็ปล่อยมือแล้วจะเดินไปหน้าห้องรวมกับกลุ่มเพื่อนตามเดิม
“ขอบคุณนะคริส” คนที่โดนขอบคุณหันหน้ามามองแล้วก็ส่งยิ้มให้
“ไม่เป็นไรหรอก” ชานยอลค่อยๆนอนฟุบทับสองแขนแล้วก็ปิดเปลือกตาลง ริมฝีปากสีสดวาดรอยยิ้ม.. เอาน่าถึงจะเสแสร้งแต่รอยยิ้มเมื่อกี้มันก็ดูดีจนตัวเขายิ้มตามเลยล่ะ
จะผิดหรือเปล่านะถ้าเขาจะบอกว่า... ตัวเขาชอบความใจดีที่แม้จะเสแสร้งแกล้งทำของคนใจร้ายคนนั้น ชอบเวลาที่ริมฝีปากคู่นั้นส่งรอยยิ้มมาให้ แม้มันจะไม่ได้มาจากใจก็ตาม ชอบ... ชานยอลชอบคริสที่แกล้งทำเป็นใจดีเสียแล้วล่ะ
หลังเลิกเรียนวันนี้ฝนตก ด้วยบรรยากาศอึมครึมมาตั้งแต่เช้าก็ไม่แปลกที่ฝนจะตกในช่วงเย็นแบบนี้ ชานยอลเดินลงมาจากชั้นเรียนมาถึงหน้าอาคารก็ได้แต่ถอนหายใจ ช่วงเย็นแบบนี้คงไม่มีใครอยู่แล้วล่ะจะขออาศัยร่มใครก็ไม่ได้ด้วย เพราะเขาต้องทำเวรทำความสะอาดห้อง เวลาเย็นแบบนี้ทุกคนคงกลับบ้านกันหมดแล้ว
ชานยอลที่ไม่ได้พกร่มมาก็ตัดสินใจใช้กระเป๋าบังสายฝนแล้วก็วิ่งฝ่าออกจากตัวโรงเรียนไปที่ป้ายรถประจำทางเพื่อรอรถกลับบ้าน ยืนชะเง้อคอมองก็ยังไม่เห็นรถสายที่ต้องการเลย เพราะมัวแต่มองรถประจำทางนั่นแหละเลยไม่เห็นว่ามีรถยนต์คันหนึ่งที่แล่นเข้ามาด้วยความเร็ว
“อ๊ะ!!” คนชะเง้อคอมองถูกเกี่ยวเอวเข้ามาประชิดอกพร้อมกับร่มที่ลดลงกันแอ่งน้ำที่สาดกระเด็นมาเพราะรถคันนั้น ชานยอลหลับตาแน่นอยู่ในอ้อมแขนของใครสักคนพอรู้สึกถึงอ้อมแขนที่กอดเขาไว้คลายออกเจ้าตัวก็ลืมตาแล้วเงยหน้าขึ้นมอง
“คริส!! ขอโทษนะที่ทำให้นายเปียกไปด้วย” ชานยอลลนลานหยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋ากางเกงออกมาเช็ดรอยชื้นน้ำที่ตัวของคริสเพราะตัวเขาวิ่งฝ่าฝนออกมาก็เลยทำให้ตัวเองเปียก ดวงตาคมหรี่สายตามองแล้วจับมือของชานยอลที่เช็ดน้ำบนเสื้อผ้าเขาออก
“โง่” ชานยอลก้มหน้าลงแล้วกำผ้าเช็ดหน้านั้นไว้ เขาไม่เคยทำอะไรได้ดีในสายตาคนนี้เลยสินะ
“ขอโทษ” คริสถอนหายใจแล้วดึงผ้าเช็ดหน้าจากมือของชานยอลมาซับน้ำที่เส้นผมสีอ่อนให้
“ทำไมออกมาไม่รอ” ชานยอลที่ตกใจที่คริสซับน้ำที่ผมให้ก็เงยหน้าขึ้นมอง
“ฉันไม่รู้ว่านายยังไม่กลับ”
“แล้วทำไมไม่โทรถาม” น้ำเสียงทุ้มนั้นเอ่ยเสียงแข็งอย่างตำหนิ ชานยอลก้มหน้าลงคางแทบชิดอก สองมือก็กำกันแน่นกลัวว่าจะโดนต่อว่าอะไรอีก
“ขอโทษ ทีหลังฉันจะโทรถาม”
“รู้ก็ดี... เดี๋ยวกลับพร้อมฉัน”
“แต่....” ชานยอลที่เงยหน้าขึ้นมาหมายว่าจะปฏิเสธแต่พอได้สบกับดวงตาคู่คมดุนั้นแล้วก็ได้แต่ก้มหน้าดังเดิม แล้วแบบนี้จะเอาอะไรไปต้านทานคนตรงหน้านี้ได้กัน
“จะขัดคำสั่งฉันงั้นสิ” ชานยอลเงยหน้าทำตาโตแล้วโบกมือเป็นพัลวัน
“ไม่ใช่อย่างนั้น.. ฉันเกรงใจ” มุมปากได้รูปยกขึ้นพร้อมกับมือที่บีบคางได้รูปของคนตรงหน้า
“อย่าทำตัวให้มีปัญหา” ดวงตากลมที่ช้อนมองมาด้วยอาการหวั่นกลัวนั้นทำเอาคนมองกระตุกยิ้ม รถคันใหญ่สีดำวิ่งมาจอดที่ด้านหลัง คริสละสายตาจากดวงตากลมที่สั่นระริกไปมองก่อนที่จะปล่อยปลายคางที่บีบออก
“ขึ้นรถ” ชานยอลทำตามแต่โดยดี ชานยอลก้าวขึ้นไปก่อนและตามด้วยคริส ชานยอลพยายามที่จะนั่งชิดประตูอีกฝั่ง พยายามบีบตัวเองให้เล็กที่สุดแต่แล้วก็ต้องผวาเมื่อคริสคว้าข้อมือแล้วดึงให้เข้ามาใกล้เสียจนแทบจะแนบชิด
“... นี่ไม่ใช่ทางกลับบ้านฉันนิ” ชานยอลที่นั่งมองข้างทางรถก็เอ่ยบอกด้วยสีหน้าตกใจ ก็นี่มันไม่ใช่ทางกลับบ้านเขาแล้วมันไปที่ไหนล่ะ
“แล้วใครบอกว่าฉันจะพาไปส่งที่บ้านนาย” คริสกระตุกยิ้มแล้วมองดวงตากลมที่เบิกกว้างอย่างตกใจ
“ฉันต้องกลับบ้านนะนายจะพาฉันไปที่ไหน” คริสบีบแก้มชานยอลไม่แรงนักแล้ววาดรอยยิ้มใส่ดวงตากลมที่จ้องมองมาอย่างตื่นตกใจ
“เดี๋ยวก็รู้... เรื่องที่บ้านไม่ต้องห่วงฉันจัดการเอง” ชานยอลกระพริบตาปริบๆมองคนตรงหน้า
“แต่เสื้อผ้าฉัน...” คริสกระตุกยิ้มแล้วโน้มหน้าลงแนบชิดใบหูก่อนที่จะเอ่ยกระซิบเสียงแผ่ว
“คิดว่าคืนนี้จะได้ใส่หรือไง”
ชานยอลเดินเข้ามาในบ้านหลังใหญ่ที่ไม่คิดไม่ฝันว่าตัวเขาจะได้สัมผัส บ้านหลังนี้ตกแต่งอย่างดูดีทีเดียว ดวงตากลมกวาดมองไปทั่วจนลืมความกังวลใจไปเสียสิ้นว่าตอนนี้ตัวเองนั้นยืนอยู่ที่ไหน ยังไม่ทันที่จะได้ซึมซับความสวยงามและความโอ่อ่าก็โดนลากข้อมือให้เดินขึ้นไปชั้นสองของบ้านเสียแล้ว
บานประตูไม้เปิดออกก็พบเข้ากับห้องนอนโทนสีเข้มที่คงไม่ต่างจากในความคิดของคนมาสักเท่าไหร่ ด้านในของถูกตกแต่งด้วยสไตล์เรียบง่ายโทนสีเข้ม ทุกสิ่งอย่างถูกจัดวางไว้อย่างเป็นระเบียบเข้ากับลุคหัวหน้าห้องจอมเฮี๊ยบ
“นายตัวเปียกนินะ เปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนแล้วกันจะได้เอาไปซักก่อน” ชานยอลทำหน้าตกใจหันหลับกลับไปมองเจ้าของห้องแล้วก็ก้าวเท้าหนี คริสเองก็ตามก้าวประชิด ชานยอลที่ก้าวถอยหลังไม่ได้มองก็เดินไปชนกับขอบเตียงแล้วหงายหลังลงเตียงนอน
“จะ... จะทำอะไรน่ะ” พยายามถอยหนีแต่ก็โดนกั้นพื้นที่ไว้เสียก่อน คริสกระตุกยิ้มแล้วโน้มตัวลงต่ำ
“ต้องให้พูดด้วยเหรอ” ปลายจมูกโด่งไล้สัมผัสตามแนวลำคอระหงส์พร้อมกับฝากรอยสีอ่อนแต้มไว้ ชานยอลเบี่ยงหน้าหนีแล้วใช้สองมือยันไหล่ของคนด้านบนไว้ แต่ก็ทำได้แค่เพียงวางมือไว้เท่านั้นเพราะออกแรงดันอย่างไรคนด้านบนก็ไม่ถอยห่าง
“คริส.. เดี๋ยวก่อน” พอโดนขัดคริสก็ถอนสัมผัสออกแล้วมองใบหน้าที่ผินกลับมามอง ดวงตาคมมองจ้องไม่ได้เร่งร้อนจะเอาเหตุผลที่ถูกขัดแต่กำลังรอฟังสิ่งที่คนใต้ร่างอยากจะพูด ฟันสีขาวกัดริมฝีปากอิ่มอย่างช่างใจ
“คริส... นาย...” ชานยอลเงียบไปนาน คริสใช้ปลายนิ้วเชยคางของคนที่เบี่ยงหน้าหนีให้หันกลับมามองสบตา
“อะไร”
“คือฉันแค่... อยากถาม” ชานยอลเลื่อนสายตาหนี
“มองหน้าฉันแล้วพูด” สั่งด้วยน้ำเสียงเข้ม คนที่เป็นเบี้ยล่างก็ต้องทำตามคำสั่งนั้น ชานยอลเลื่อนสายตากลับมาสบกับคริสก่อนที่จะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาจนแทบจะเป็นเสียงกระซิบ
“นาย.. ไม่เบื่อฉันเหรอ” คริสกระตุกยิ้มที่มุมปากก่อนที่จะเลื่อนมือปลดกระดุมเสื้อนักเรียนของชานยอลทีละเม็ด
“คำถามนี้ฉันต้องตอบด้วยหรือไง” คริสก้มลงไล้ตามแนวซอกคอพร้อมกับฝ่ามือที่ปัดป่ายไปทั่วผิวกายนิ่ม ชานยอลเอียงหน้าหนีแล้วปิดเปลือกตากั้นการมองเห็นแล้วยอมนอนรอรับสัมผัสจากคนด้านบน แม้จะไม่เต็มใจแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้
ท่วงทำนองรักดำเนินไปอย่างไม่รู้จบ ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือไรแต่บทรักครั้งนี้กลับอ่อนโยนกว่าที่เคย ชานยอลรับสัมผัสที่แสนพิเศษนั้นด้วยความเต็มใจ ไม่มีการต่อต้านและการปฏิเสธในใจ ความอบอุ่นและความอ่อนโยนที่โอบล้อมนี้ทำเอาคนได้รับเผลอไผลปล่อยไปตามความรู้สึก หัวใจที่เคยเจ็บปวดกำลังเต้นวูบไหวเพราะสัมผัสอ่อนโยนนั้น
คริสยังคงบรรเลงท่วงทำนองรักไม่รู้จบ วนเวียนต่อบทเพลงแทบไม่รู้สิ้น กว่าที่เครื่องเล่นเสียงเครื่องนี้จะหยุดลงก็แทบจะขาดใจ เปลือกตาบางค่อยๆลืมขึ้นหันมองรอบกายและเดาเอาเองในใจว่าอาจจะเป็นช่วงเวลาดึกดื่นเสียแล้ว ด้านนอกสีฟ้าคงจะมืดมาแล้วยิ่งผ้าม่านที่เป็นสีทึบบวกกับเตียงสีมืดก็ยิ่งทำให้ห้องนี้ค่อนข้างมืดอยู่ไม่น้อย
ชานยอลค่อยๆพลิกตัวไปด้านหลังก็เห็นว่าเจ้าของนอนยังคงนอนหลับอยู่ ผ้าห่มผืนอุ่นนี้ก็ไม่ยอมห่มคงจะถีบทิ้งน่ะสิ กายสมส่วนที่มองเห็นลางๆนั้นดูดีไม่น้อยแต่ก็ยังดีที่ไม่ได้นอนโป๊เปลือยยังใส่บ็อกเซอร์ไว้ ชานยอลยื่นปลายนิ้วไปแตะสัมผัสที่แก้มของคนหลับแผ่วเบาเพราะกลัวว่าอีกคนจะตื่นแล้วจะต่อว่าเขาที่ทำให้ตื่น
ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ตัวเขาได้มาที่บ้านนี้และห้องนอนนี้.. จะคิดได้หรือเปล่านะว่าตัวเขาก็สำคัญอยู่บ้างเหมือนกัน แม้จะเป็นความสำคัญที่ไม่น่าคิดถึงเอาเลยก็ตาม... ชานยอลขยับตัวดึงผ้าห่มมาห่มกายคนข้างๆแล้วตัวเองก็ล้มตัวลงนอนหันไปอีกด้านพร้อมกับดึงผ้าห่มผืนหนานี้มาคลุมห่มร่างกายเปลือยเปล่าของตัวเอง
อ้อมแขนยาวตวัดกอดมาทำเอาคนที่ยังไม่หลับสะดุ้งแต่พอหันไปมองก็เห็นว่าคริสยังคงหลับอยู่ สงสัยจะละเมอ แอบหัวเราะกับตัวเองเบาๆก่อนที่จะลูบหลังมือที่โอบกอดเอวตัวเองเบาๆ เปลือกตาบางค่อยๆปิดลงพร้อมกับก้าวลงสู่ห้วงนิทราไปในไม่ช้า ถ้าช้าอีกสักนิดคงรู้สึกได้ถึงสัมผัสอุ่นๆที่แตะสัมผัสลงมา
รุ่งเช้าชานยอลก็ได้เสื้อผ้าของตัวเองที่ซักรีดแล้วเรียบร้อย หลังจากที่แต่งตัวเรียบร้อยก็เดินลงมาด้านล่างพร้อมกับเจ้าของบ้านที่เดินนำลงมา อาหารเช้าวันนี้เป็นอะไรที่เขาชอบเพราะฉะนั้นคนที่ไม่ได้กินอะไรตั้งแต่เมื่อเย็นวานก็กินเสียเรียบเลย ถูกใจคุณแม่บ้านนักแล
ชานยอลนั่งรถมาโรงเรียนกับคริสและแน่นอนที่ตัวเขาจะโดนคุมความประพฤติไม่ให้ห่างตัว รถคันใหญ่สีดำแล่นไปจอดที่บริเวณหน้าโรงเรียนซึ่งใครๆก็รู้กันอยู่แล้วว่ารถคันนี้เป็นของบ้านตระกูลไหน คริสก้าวลงจากรถที่คนขับรถเปิดประตูไว้ให้และยังคงยืนจัดเสื้อผ้าให้เข้าที่เรียบร้อยและชานยอลก้าวตามหลังลงมาเพียงเท่านี้เสียงจอแจรอบๆบริเวณนั้นก็เงียบลง
คริสเดินนำเข้าโรงเรียนด้วยสีหน้ายิ้มแย้มปกติต่างกันลิบลับกับผู้ชายเย็นชาบนรถเมื่อครู่ ชานยอลก็เดินก้มหน้าตามหลังไป เสียงซุบซิบแม้ว่าจะเบาเพียงไหนชานยอลก็ยังได้ยิน ไหนจะสายตาที่มองจ้องมาอีกล่ะ ... ท่าทางว่าวันนี้เขาจะต้องโดนแกล้งอะไรอีกแน่ๆ แค่คริสคนเดียวเขาก็เหนื่อยจะแย่แล้วนะ ขออย่าให้มีเรื่องอะไรเลยก็แล้วกัน
“ไง... ได้ยินว่าขึ้นรถมากับคริสเหรอ” สงสัยวันนี้พระเจ้าคงไม่ได้ยินคำร้องขอของเขาเสียแล้วสิ ชานยอลมองหน้าของกลุ่มหญิงสาวต่างห้องที่มาดักหน้าตัวเองไว้ อุตส่าห์ว่าหลบมาที่สวนหลังโรงเรียนแล้วนะ
“ไม่ใช่แบบนั้น เจอกันโดยบังเอิญเฉยๆเราอยู่ห้องเดียวกันคริสก็เลยอาสามาส่ง” โป้ปดออกไปเพราะรู้ว่าถ้าบอกความจริงล่ะก็ตัวเขานี่แหละที่จะเละ ผู้ชายเย็นชาคนนั้นเป็นที่หมายปองของคนแทบจะทั้งโรงเรียนแล้วไอ้การที่เขาไปใกล้ชิดเกินความพอดีจะเป็นอย่างไรล่ะ
“แต่ถึงอย่างนั้นนายก็ไม่มีสิทธิ์ขึ้นรถมากับคริส รถของคริสไม่เคยมีใครได้ขึ้นและมันก็ไม่สมควรที่จะเป็นนาย” หญิงสาวตรงหน้าหัวเราะเบาๆแล้วชี้ปลายนิ้วมาที่ชานยอล
“ฉันดูออกว่านายชอบคริส อย่าให้ฉันเห็นเป็นครั้งที่สองอีกไม่อย่างนั้นล่ะก็.....” หญิงสาวก้าวเข้ามาประชิดตัว ชานยอลที่จะก้าวหลังหนีก็ไม่ได้เพราะมีหญิงสาวอีกสองคนมาจับล็อคแขนเขาไว้
“นายจะไม่ได้โดนแค่นี้แน่” ปลายเล็บที่ถูกตะไบเสียคมกริบกรีดเข้าที่แก้มของชานยอล แม้จะไม่เลือดไหลอาบแต่ก็พอรู้สึกแสบและเลือดไหลซิบ กลุ่มหญิงสาวพวกนั้นจากไปแล้วแต่บาดแผลและอาการหวาดกลัวยังคงอยู่ ถ้าเพียงแต่เขาจะไม่ย้ายมาที่โรงเรียนนี้ก็คงจะดี..
ชานยอลไม่ใช่คนสู้ใครและก็ไม่ใช่คนที่จะไปสู้กับใครได้ ตัวเขาก็แค่รักความสงบและอยากใช้ชีวิตเงียบๆก็เท่านั้นเอง แต่รู้สึกเหมือนมันจะผิดพลาดตั้งแต่เขาก้าวเข้ามาที่โรงเรียนแห่งนี้ ชานยอลเดินกลับเข้าห้องเรียนหลังจากที่ไปล้างหน้าทำความสะอาดแผลแล้วเรียบร้อย ระหว่างทางที่กำลังเดินขึ้นไปบันได้กลับห้องเรียนนั้นคริสที่มาพบอาจารย์ที่ปรึกษาก็เดินออกมาพอดี
ชานยอลทำตาโตตกใจแล้วรีบวิ่งหนีขึ้นบันไดแต่คริสก็ไวพอที่จะวิ่งตามมาคว้าแขนของชานยอลไว้แล้วดึงให้หันมาหาตัว ดวงตาคมดุมองจ้องอย่างไม่พอใจ หัวคิ้วขมวดมุ่นเมื่อมองเห็นสิ่งผิดปกติบนใบหน้าของชานยอล ปลายนิ้วไล้ที่ใต้รอยแดงนั้นเบาๆ
“นี่รอยอะไร ใครทำอะไร” ชานยลเบี่ยงหน้าหนีแต่คริสก็จับล็อคปลายคางไว้ ชานยอลจึงต้องจำยอมเลื่อนสายตามองสบ ดวงตาคู่คมนั้นคล้ายดั่งมีมนต์สะกดที่ผู้ใดได้มองจ้องแล้วจะต้องตกอยู่ใต้อาณัติทุกคราไป
“ไม่มีอะไรหรอก ขึ้นห้องเรียนกันเถอะ” เบี่ยงสายตาหลบเพราะไม่อาจจะมองจ้องกับสายตาคู่นั้นได้จริงๆ คริสละมืออกจากปลายคางแล้วเปลี่ยนเป็นกำรอบข้อมือของชานยอลแล้วดึงลากให้เดินตามมา คริสเลื่อนเปิดประตูห้องเรียนว่างๆแถวนั้นแล้วลากชานยอลให้เข้ามาพร้อมกับปิดล็อคประตู มือที่กำรอบข้อมือเล็กนั้นเหวี่ยงชานยอลเข้าชิดผนัง
“พูด.. ใครทำรอยบนแก้มนาย” ชานยอลพยายามแนบหลังติดกับผนังให้มากที่สุดแล้วก็หันหน้าหนีเมื่อคริสใช้สองมือคร่อมกันไม่ให้เขาหนีไปไหน
“ไม่มีจริงๆ” แต่มีหรือที่คนมองปราดเดียวก็รู้แล้วว่าต้องโดนของแหลมข่วนมาแน่ แต่ตัวเขาก็แค่ไม่มั่นใจว่าสิ่งนั้นคืออะไร
“จะตอบมาดีๆหรือจะให้ฉันเล่นนายทั้งวันทั้งคืน หื้ม?” สายตาและน้ำเสียงนั้นทำเอาคนที่โดนคาดคั้นอยากจะสลายหายไปจากตรงนี้ รู้หรอกว่าคำพูดนั้นคริสทำจริงตามที่พูดแน่ๆ ถ้าวัดกันจริงๆระหว่างคนตรงหน้ากับผู้หญิงกลุ่มนั้น... ปาร์คชานยอลกลัวคนตรงหน้ามากกว่า
“ฉันก็แค่โดนเตือนเฉยๆว่าอย่ายุ่งกับนายมากเกินไป” คริสที่ได้ยินก็ส่งเสียงขึ้นจมูกพร้อมกับรอยยิ้มดูแคลน
“แล้วนายก็เลยหนีฉันว่างั้น?” ชานยอลส่ายหน้าหวืดจนเส้นผมสีอ่อนกระจาย
“เปล่านะ ฉันก็แค่.... กลัว”
“กลัวอะไร” ชานยอลเบือนหน้าหลบสายตาก่อนที่จะกัดริมฝีปากตัวเองไว้
“แล้วรอยนี้ใครเป็นคนทำ” ชานยอลส่ายหน้าทั้งๆที่ยังหันหน้าหนีอยู่แบบนั้น คริสดึงชานยอลเข้ามากอดแล้วลูบกลุ่มผมนิ่มเบาๆ
“บอกมาเถอะ แค่อยากรู้ไม่ได้จะทำอะไรนายสักหน่อย” ชานยอลที่คลายกังวลเลยแอบถอนหายใจสักเฮือกเบาๆ
“กลุ่มของยูมีห้องสาม” ไม่รู้ว่าบอกไปแล้วคนที่กอดเขาอยู่นี่จะนึกทำอะไรแต่ก็คงไม่มีอะไรหรอก ชานยอลถอยออกจากอ้อมกอดของคริสแม้จะอบอุ่นและอยากอยู่นานๆก็เถอะ
“ขึ้น.. ขึ้นห้องเรียนกันเถอะ” ชานยอลดันแผ่นอกกว้างนั้นออกแต่คริสกลับรั้งเอวบางของชานยอลเข้ามาแนบชิดแล้วก้มลงป้อนจูบให้ สองมือที่ดันอกกว้างนั้นก็ค่อยๆเลื่อนขึ้นเกาะที่ไหล่แข็งแรงไว้อย่างเผลอไผล ชานยอลลุ่มหลงในความอ่อนโยนของคริสไปเสียแล้ว
หลังจากวันนั้นกลุ่มของยูมีก็ไม่มาโรงเรียนอีกเลยแม้จะสงสัยแต่ก็ไม่อยากรู้สักเท่าไหร่ ได้ยินพวกเพื่อนในห้องของพวกนั้นบอกว่าเห็นว่าป่วยเข้าโรงพยาบาล อาจจะเป็นไข้หวัดใหญ่ก็ได้มั้งเพราะช่วงนี้ไข้หวัดกำลังระบาดหนักเลย ตอนนี้ชานยอลเองก็ต้องรักษาสุขภาพให้ดีๆเพราะตัวเขานั้นป่วยง่าย ถ้าลองได้ป่วยล่ะก็ยาวเลยล่ะ
หลังเลิกเรียกชานยอลถูกอาจารย์เรียกใช้งาน กว่าจะเสร็จก็ฟ้ามืดเสียแล้ว พอเดินออกมานอกตัวตึกได้ก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาว่าจะกดโทรหาใครอีกคนดีไหมแต่ก็ตัดใจเพราะฟ้ามืดแล้วและใครอีกคนก็คงจะกลับบ้านไปแล้วแน่นอน คงจะไม่รอเขาหรอก
ถ้าจะว่าไปตัวเขาก็ไม่ใช่คนสำคัญหรือของสำคัญอะไร ก็เป็นแค่ที่ระบายอารมณ์และคนที่โดนคุมความประพฤติห้ามคลายความลับของหัวหน้าห้องที่แสนดีและเรียนเก่งก็เท่านั้น ชานยอลหย่อนเจ้าโทรศัพท์ลงกระเป๋ากางเกงตามเดิมแล้วเดินออกจากตัวตึกเรียนไปยังด้านหน้าประตูโรงเรียนเพื่อไปรอรถกลับบ้าน
ยืนชะเง้อคอมองไม่นานก็เริ่มท่าจะไม่ดีเสียแล้วเพราะกลุ่มผู้ชายที่เดินตรงมาหาตัวเขานี่แหละ ชานยอลก้าวถอยหลังช้าๆก่อนที่จะออกตัววิ่งเมื่อคนกลุ่มนั้นเริ่มก้าวเท้ายาวๆเข้ามาหาตัวเขา นี่มันวันอะไรของเขาเนี่ยทำไมจะต้องมาเจออะไรแบบนี้! ชานยอลรีบวิ่งเพื่อที่จะหนีให้พ้นจากคนกลุ่มนั้น แถวๆนี้กำลังมีข่าวว่าชอบมีคนโดนปล้นและเขาก็ไม่อยากจะโดนนักหรอก ถ้าโดนเอาเงินไปหมดแล้วเขาจะเอาที่ไหนใช้กันล่ะ!
“จะไปไหนมาคุยกันก่อนสิไอ้น้อง” พวกมันล้อมหน้า ล้อมหลังไปหมด ไม่รู้ว่าจะหนีไปทางไหน
“ถอยออกไปนะฉันไม่มีอะไรให้หรอก” เมื่อพวกมันไม่ฟังชานยอลก็ผลักพวกมันออกแล้วออกวิ่งแต่ก็โดนคว้าแขนไว้ได้
“หนอยพูดดีๆไม่ฟังใช่ไหม!” คนที่จับแขนของชานยอลกระชากตัวของชานยอลเข้ามาใกล้แล้วเงื้อมมือขึ้น
“นั่นจะทำอะไร!!” เสียงตวาดกร้าวดังขึ้น ชานยอลสะบัดแขนให้หลุดแล้ววิ่งเข้าไปหาคนที่มาช่วยทันที
“คริส!!” ชานยอลวิ่งเข้าไปหลบข้างหลังคริส สองมือเกาะแขนคริสแน่นด้วยอาการหวาดกลัว
“คุณคริส!” เมื่อเห็นว่าเป็นใครพวกมันก็ระล่ำระลักรีบก้มหัวให้ทันที
“เมื่อกี้จะทำอะไร” น้ำเสียงที่เอ่ยถามนั้นดูเรียบนิ่งแต่ทว่าก็แฝงไปด้วยการคุกคาม พวกมันมองหน้ากันเองแล้วก็ปฏิเสธกันเป็นพัลวัน
“นี่คนของฉันอย่าให้เห็นว่ามาวุ่นวายอะไรอีก จะไปไหนก็ไป!” แล้วพวกมันก็แตกวิ่งฝูงกันไปคนละทิศละทาง คริสหันไปมองคนด้านหลังด้วยสีหน้าไม่พอใจและโมโห ชานยอลก็ได้แต่ก้มหน้าลงต่ำ
“ถ้าฉันตามมาไม่ทันแล้วจะเป็นยังไงบอกแล้วใช่ไหมว่าให้โทรหา” ในน้ำเสียงที่เรียบนิ่งดุลท้องทะเลยามไร้คลื่นลมนั้นช่างน่ากลัวยิ่งนัก
“ขะ.. ขอโทษ ฉันไม่กล้าโทรคิดว่านายคงกลับไปแล้ว” คริสขยับตัวหันกลับไปหาคนด้านหลังที่ยืนก้มหน้าเสียคางแทบชิดอก
“โง่!” ว่าไว้แค่นั้นก็คว้ามือของชานยอลแล้วลากพาให้เดินไปด้วยกัน ชานยอลยอมรับว่าตัวเขาโง่จริงๆนั่นแหละ ถ้าเมื่อกี้คริสเข้ามาไม่ทันไม่เขาเจ็บตัวก็คงจะไปนอนโรงบาลสักที่แล้วล่ะมั้ง
ตั้งแต่บนรถที่นั่งกลับมาจนถึงบ้านของคนสูงกว่า คริสก็ยังไม่พูดกับชานยอลสักคำยังคงมีแต่บรรยากาศอึมครึมเท่านั้น ชานยอลเดินตามเจ้าของบ้านขึ้นชั้นสองไป เมื่อคริสเดินเข้าห้องนอนไปชานยอลก็เดินตามเข้าไปก่อนที่จะปิดประตูเบาๆแล้วเดินไปยืนก้มหน้าสำนึกผิดตรงหน้าชายร่างสูงที่นั่งเท้าแขนอยู่ที่ขอบเตียง
นัยน์ตาคมเหลือบมองก่อนที่จะถอนหายใจทิ้งหนักๆ ชานยอลเองก็สะดุ้งตกใจ คริสมีบทลงโทษสำหรับตัวเขาเสมอ ไม่ว่าจะลงโทษอย่างไรสุดท้ายก็จะจบลงที่เราถูกขืนใจแบบสมยอมทุกทีไป แต่ครั้งนี้ต่างออกไปคริสลุกขึ้นแล้วเดินผ่านตัวของชานยอลไปเข้าห้องน้ำเพื่ออาบน้ำ ดวงตากลมได้แต่มองตามไปเท่านั้น
ไม่นานคริสที่อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยก็เดินออกมาจากห้องน้ำด้วยชุดที่มองก็รู้ว่าจะต้องออกไปข้างนอกต่อแน่ๆ คนที่นั่งกอดเข่าบนเตียงหันมองแล้วก้าวเท้าลงจากเตียงเดินมาขวางทางด้านหน้าไว้
“คริสจะไปไหน” แต่คนโดนถามกลับไม่ตอบ เพียงแค่ทิ้งสายตาดุใส่เท่านั้น
“คริสอย่าไปเลยนะ จะด่าฉันก็ได้แต่อย่าออกไปเลยนะ” คนโดนห้ามเลิกคิ้วขึ้น
“รู้หรือไงว่าฉันจะไปไหน” ชานยอลส่ายหน้าไปมา
“ไม่รู้หรอก รู้แค่ว่าถ้านายออกไปคืนนี้นายจะต้องไม่กลับมาแน่ๆ.. ขอร้องอย่าไปเลยนะฉันไม่อยากอยู่คนเดียว” จะว่าเขาขี้ขลาดก็ได้แต่ชานยอลยังกลัวไม่หายเลยแล้วอยู่ๆคนนี้จะมาทิ้งให้เขาอยู่ในห้องคนเดียว ในบ้านหลังใหญ่ๆแบบนี้เขาก็ไม่เอาหรอก
“ตอนนี้ฉันยังไม่อยากคุยกับนาย” ชานยอลกัดริมฝีปากแล้วจับมือของคริสไว้ทั้งสองข้าง
“ขอโทษฉันจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว ถ้านายไม่อยากคุยกับฉันแต่ขอฉันไปด้วยได้ไหม”
“พูดเองนะ” แล้วชานยอลก็โดนคริสลากออกไปจากห้องอีกครั้ง
ถึงแม้คนๆนี้จะไม่น่าอยู่ด้วย แต่เวลาที่อยู่ด้วยกันตัวมักจะรู้สึกถึงปลอดภัยทุกครั้งที่ได้อยู่ใกล้ ... ฉันคงเป็นเอามากสินะ
ชานยอลทำตาโตเมื่อรับรู้ว่าคริสพาตัวเองมาที่ไหน ตัวเขาไม่เคยมาและไม่คิดที่จะมา ไม่น่าเชื่อเลยว่าคริสจะข้องเกี่ยวกับพวกแข่งรถด้วย ชานยอลเดินตามหลังคริสไปไม่ห่าง แม้ว่าจะถูกสายตาจากคนรอบข้างมองมาอย่างแทะโลมก็ตาม
ผู้หญิงสาวสวยหุ่นดีที่นุ่งน้อยห่มน้อยก็ยืนโยกย้ายส่งเสียงเชียร์อยู่ในสนามพร้อมกับเจ้าของรถที่จะลงแข่ง ชานยอลไม่เข้าใจว่าคริสจะพาเขามาที่นี่ทำไม อยากจะสะกิดถามอยู่หรอกแต่ก็กลัวว่าดวงตาคู่นั้นจะหันมาจิกใส่เขาจนพรุนเสียก่อน
“ไงวะมาด้วยเหรอ” เสียงร้องทักจากใครอีกคนที่ชานยอลก็มองไม่ชัดเพราะเดินตามหลังคริส
“เออเบื่อๆ หาอะไรทำแก้เซ็ง” น้ำเสียงทุ้มเอ่ยตอบออกไป คนที่ยืนอยู่ด้านหลังรู้สึกเหมือนโดนลูกศรนับสิบดอกพุ่งปักเข้าที่กลางอกจนเจ็บไปหมด
“รถเอ็งยังอยู่ที่เดิม ทุกอย่างตรวจสภาพแล้วโอเค ว่าแต่เอาอะไรมาเดิมพันครับคุณชาย” คริสกระตุกยิ้มแล้วหันไปดึงมือของชานยอลให้ออกมายืนอยู่ข้างหน้า
“นี่ไง สงสัยเลี้ยงไม่ดีถึงไม่เชื่อฟังสักทีคงต้องหาคนเลี้ยงใหม่ให้แล้วมั้ง” ชานยอลทำตาโตแล้วหันกลับไปหาคริส สองมือกำอกเสื้อของคริสแน่น
“ไม่เอานะคริส ไม่เล่นแบบนี้นะ!” ชานยอลส่ายหน้าไปมา ใบหน้าน่ารักคล้ายกับจะร้องไห้อยู่รอมร่อ คนที่ยืนดูอยู่ก็หรี่ตาอย่างจับผิด
“ท่าทางจะเป็นของสำคัญเสียด้วยสินะ เอาสิน่าสนุกดีออก” คนที่กลายเป็นของเดิมพันไปแล้วมองหน้าคริสอย่างอ้อนวอน ดวงตากลมคลอไปด้วยม่านน้ำ แต่คริสก็ไม่ฟังเพียงเดินเลี่ยงไปดูรถของตัวเองเท่านั้น
“คริสอย่าทำแบบนี้เลยนะ ขอโทษฉันจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว” แม้จะอ้อนวอนแต่คริสก็ไม่คิดที่จะสนใจยังคงเดินวนรอบรถเช็คสภาพรถคันแพงของตัวเองไป ชานยอลยืนก้มหน้ากลั้นสะอื้นพร้อมกับปาดเช็ดน้ำตาที่ไหลริน คริสใจร้ายเขารู้แต่ไม่คิดว่าจะใจร้ายขนาดนี้
“มายืนร้องไห้เกะกะขวางทางทำไม” ชานยอลรีบปาดเช็ดน้ำตาแล้วเดินเข้าไปจับแขนเสื้อของคริส
“ยกโทษให้ฉันเถอะนะ ฉันยอมทำทุกอย่างถ้าเพียงแค่นายจะยโทษให้ฉัน” คริสดึงแขนออกแล้วเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง
“ไปเตรียมตัวเป็นของเดิมพันซะสิ” แล้วการ์ดของสนามสองคนก็เข้ามาจับแขนชานยอลแล้วพาออกไปที่จุดยืนของเดิมพันทันที
“คริส!!!” แม้จะร้องเรียกแทบขาดใจแต่คริสก็ไม่สนใจ
ชานยอลยืนสะอื้นเบาๆอยู่เคียงข้างเจ้าของสนามแข่งรถที่มาต้อนรับคริสเมื่อครู่ ใบหน้าน่ารักที่แดงเรื่อช่างน่ามองสำหรับใครหลายคนน่ามอง น่าถนุถนอมและน่าทำร้ายในคราวเดียวกัน ชานยอลมองเข้าไปในสนามที่มีรถสองคันกำลังเร่งเครื่องแข่งกันอยู่ที่จุดสตาร์ท ของเดิมพันของอีกฝั่งเป็นรถและเงิน ส่วนของคริสมีแค่ตัวเขา
ถ้าคริสแพ้ขึ้นมาเขาก็ต้องเป็นของคนอื่นอย่างนั้นหรือ? ทำไมถึงทำกับเขาแบบนี้นะ
“ปิดตาสักหน่อยนะจะได้เร้าใจ” อยากจะบอกเหลือเกินว่าไม่อยากจะเร้าใจอะไรทั้งนั้น ผ้าสีดำถูกผูกปิดตาของชานยอลไว้ เพียงเท่านี้ก็มองไม่เห็นอะไรอีกเลยนอกจากความมืด
เมื่อการแข่งขันเริ่มต้นขึ้นชานยอลที่มองไม่เห็นก็ยิ่งลุ้นเป็นทบทวี ไหนจะคอยถาวนาให้คริสเป็นฝ่ายชนะอีก ตัวเขาไม่เคยเห็นคริสแข่งรถไม่รู้ด้วยว่าฝีมือแค่ไหน พอไปวัดไปวา ดีมากหรือไม่ได้เรื่อง แต่ยังไงชานยอลก็จะภาวนาให้เป็นดีมากถึงมากที่สุดก็แล้วกัน
เสียงเชียร์รอบข้างดังเซ็งแซ่แต่ก็จับใจความไม่ได้เพราะตอนนี้ตัวเขากำลังลุ้นและภาวนา ถ้าจะต้องไปเป็นของคนอื่นเขายอมอยู่ในคริสรังแกเสียยังดีกว่า เสียงล้อรถบดเบียดกับพื้นถนน เสียงเร่งเครื่องและเสียงตะโกนเชียร์รอบข้างทำเอาตัวเขาหัวหมุนจนแทบจะยืนไม่อยู่อยู่แล้ว
“เข้าเส้นชัยไปแล้วครับ เป็นไปตามคาดจริงๆ!!” เสียงคนประกาศดังผ่านลำโพง ใครชนะกัน ใครคาดอะไร ชานยอลอยากรู้ใจจะขาดแต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากยืนนิ่งๆ เสียงตะโกนรอบข้างเปลี่ยนเป็นเสียงโห่เชียร์
“คริสอย่าทิ้งฉันเลยนะ” พึมพำอ้อนวอนเบาๆเผื่อว่าพระเจ้าจะรับฟัง เสียงฝีเท้าใกล้เข้ามาคนที่ใจเต้นจนแทบจะวายก็ยิ่งลุ้นระทึกและอยากจะหายไปจากตรงนี้ ถ้าเปิดผ้าออกมาแล้วคนตรงหน้าไม่ใช่คริสเขาจะทำยังไงดี
ยังไม่ทันได้คิดอะไรให้มากมายชานยอลก็โดนดึงเข้าไปรับจูบเสียแล้ว คนตกใจพยายามดิ้นหนี ทั้งฟาดมือ ทั้งทุบไหล่เพื่อให้คนนั้นปล่อยแต่ทว่าสัมผัสคุ้นเคยที่อ่อนโยนก็ทำให้ลูกหมาน้อยแสนพยศค่อยๆสิ้นฤทธิ์ เมื่อละจูบออกผ้าผูกตาก็ถูกแก้ออกไปเช่นกัน
“คริส!!” คนตรงหน้าที่ยืนส่งยิ้มบางๆให้ทำเอาคนที่ใจหายใจคว่ำโผตัวเข้ากอดแล้วร้องไห้โฮไม่สนใจคนรอบข้างอีกเลย ชานยอลกลัวความใจร้ายของคริสก็จริงแต่ชานยอลกลัวคริสทิ้งเสียมากกว่า... ไม่รู้ว่าความรู้สึกแบบนี้มันมีมาตั้งแต่เมื่อไหร่
“คนใจร้าย!” โวยวายไปก็ทุบอกของคนใจร้ายไป คริสโอบกอดชานยอลไว้แนบอกแล้วลูบกลุ่มผมเบาๆ
“ฉันพูดอะไรอย่าขัดคำสั่งฉันเด็ดขาดเข้าใจไหม” ชานยอลที่ยังสะอื้นโฮพยักหน้ารับรู้ คริละตัวของชานยอลออกแล้วปาดเช็ดน้ำตาให้ เวลาที่คนตรงหน้าร้องไห้ ขอบตาแดงก็ดูน่าแกล้งไม่หยอกหรอกนะ
“ต่อจากนี้อย่าขัดคำสั่งฉันไม่ว่าจะอะไรก็ตาม อย่าทำให้เป็นห่วงอีกเข้าใจไหม” ชานยอลพยักหน้ารับรัวๆเพราะกลัวว่าใครอีกคนจะเปลี่ยนใจ บทลงโทษครั้งนี้แสนสาหัสยิ่งนัก
“ขอโทษจะไม่ทำอีกแล้ว จะโทรหาทุกครั้งที่ต้องกลับคนเดียว” เอ่ยบอกด้วยเสียงสั่นเครือ คริสลูบแก้มของชานยอลเบาๆ
“แล้วที่บอกว่าจะทำทุกอย่างนะจริงไหม”
“จริงสิ ถ้านายจะหายโกรธฉัน ฉันก็จะทำทุกอย่างเลย” คริสยกยิ้มมุมปาก
“มาเป็นแฟนฉันสิ” แล้วรอบข้างที่เงียบกริบก็ส่งเสียงเฮกันทันที ชานยอลทำตาโตกระพริบตาปริบๆมองคนตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจ
“แฟน? นาย...” คริสไม่รอให้ชานยอลพูดจบก็ประคองสองแก้มแล้วป้อนจูบให้คนตกใจเสียเลย จูบหวานลึกที่มอบให้นั้นช่างเย้ายวน หอมหวานและน่าลุ่มหลงยิ่งนัก ชานยอลติดกับดักมันอย่างไม่รู้ตัวเสียแล้ว
“เป็นแฟนกันนะ” เมื่อละจูบออกคริสก็เอ่ยทวงขอสัญญา รอบข้างเองก็เฮเชียร์ให้ชานยอลยอมตอบตกลง ทีนี้คนเขินอายก็ก้มหน้าลงอย่างขลาดเขินก่อนที่จะพยักหน้ารับ
“อืม” เพียงแค่นี้รอบข้างก็เฮกันใหญ่ คริสโอบกอดชานยอลไว้
“นายชอบฉันเหรอ.. แล้วทำไมต้องทำใจร้ายกับฉันด้วยล่ะ” ชานยอลเงยหน้าขึ้นมอง คริสก้มหน้าลงมองก่อนที่จะยกยิ้มให้
“ก็บอกให้รู้ไงว่านั่นน่ะตัวตนจริงๆของฉัน แล้วอีกอย่างฉันไม่ได้ชอบนาย” คริสละตัวของชานยอลออกแล้วยื่นหน้าเข้าไปพูดเสียงแผ่วชิดริมฝีปากอิ่มสีสด
“แต่ฉันรักนายต่างหากชานยอล” คริสป้อนจูบให้ชานยอลอีกครั้ง .. ว่าแต่ลืมไปหรือเปล่าว่าตอนนี้ยืนอยู่ที่ไหนกันน่ะ
อย่างที่ชานยอลบอกเมื่อคริสลงโทษเขามันก็มักจะจบลงที่การขืนใจแบบสมยอม แต่ครั้งนี้ต่างออกไปที่ตัวเขาสมยอมทั้งกายและใจ ทุกบทรักที่ส่งผ่านมานั้นชานยอลตอบรับมันด้วยความรู้สึกเดียวกัน ความหอมหวานและเร่าร้อนของมันกำลังหลอมละลายคนทั้งสอง
ชานยอลหนีคริสไม่พ้นและคริสเองก็ไม่ยอมปล่อยมือจากชานยอลเป็นอันขาด กัดดักของคริสช่างลึกนักต่อให้ปืนข้นมาได้ชานยอลก็ตกลงไปอยู่ดี.. ก็เขาหลงรักความใจดีของคนนี้ไปเสียแล้วน่ะสิ
“ชานยอล.. ชานยอลไม่สบายเหรอ” น้ำเสียงเป็นห่วงเอ่ยปลุกพร้อมกับมือที่เขย่าแขน ชานยอลที่ฟุบหน้ากับโต๊ะเรียนเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นหัวหน้าห้องที่แสนดีของเพื่อนๆมายืนอยู่ข้างๆ
“อ่า... ปวดหัวนิดหน่อยน่ะไม่เป็นอะไรมากหรอก” ว่าแล้วก็ส่งยิ้มให้ เพื่อนๆที่อยู่แถวนั้นก็ไม่ได้สนใจอะไรเพราะหัวหน้าห้องก็ต้องเป็นห่วงคนในห้องอยู่แล้ว แล้วยิ่งอาจารย์ฝากฝังให้คริสดูแลชานยอลด้วยในฐานะของหัวหน้าห้องก็ต้องทำให้ดีที่สุดนั่นแหละนะ
“ไปนอนห้องพยาบาลสิชานยอล” เสียงของเพื่อยสาวในห้องตะโกนบอก ซึ่งคริสก็พยักหน้าเห็นด้วย
“ไปห้องพยาบาลเถอะเดี๋ยวพาไป” คริสประคองชานยอลให้ลุกขึ้นจากโต๊ะ เพื่อนๆก็เห็นดีเห็นงามกับหัวหน้าห้องและบอกว่าจะเช็คชื่อให้ชานยอลเอง
คริสประคองชานยอลออกมาจากห้องเรียนได้ก็พาเดินลงไปยังชั้นล่างแล้วเลี้ยวเข้าห้องเรียนที่ว่างจากคาบเรียนเพราะต้องลงไปเรียนพละที่โรงยิม เมื่อบานประตูเลื่อนถูกปิดและล็อคกลอนคริสก็เกี่ยวเอวชานยอลเข้ามาแนบชิด สองแขนเรียวยกขึ้นกอดรอบลำคอแกร่งไว้ ริมฝีปากของทั้งคู่กดมอบจูบแสนดูดดื่มและหวานล้ำให้แก่กัน
ชานยอลก้าวถอยหลังตามการดันของคริสจนชิดกับผนัง มือข้างหนึ่งของคริสกดหลังเอวของชานยอลให้แนบชิด ส่วนอีกมือก็ปลดประดุมเสื้อนักเรียนออก ปลายจมูกและริมฝีปากก็ไล้ทำรอยตามแนวลำคอ ชานยอลเอียงใบหน้าขึ้นแล้วหัวเราะเบาๆ
“เมื่อคืนไม่พอเหรอคริส” คริสที่ไล้จูบตามแนวลำคอขึ้นมาที่แก้มใสก็วกกดจูบที่ริมฝีปากอิ่มก่อนที่จะถอนออกมา
“สำหรับนายมากแค่ไหนก็ไม่พอ” ชานยอลทุบไหล่ทั้งสองข้างของคริสเบาๆ
“แต่ฉันก็เหนื่อยเป็นนะทั้งตอนกลางวัน ทั้งตอนกลางคืนเนี่ย” คริสกระตุกยิ้มที่มุมปาก
“ถ้าเหนื่อยก็บอกเดี๋ยวจะพาโดดไปนอนที่ห้องพยาบาล หัวหน้าห้องซะอย่าง” ชานยอลหัวเราะเบาๆแล้วทุบอกคนอวดเบ่งอำนาจไปสักที
“บ้าอำนาจ” คริสเคล้าคลอที่แก้มใสอีกครั้งก่อนที่จะกระซิบแผ่วเบา
“ฉันบ้านายมากกว่าอีก” แล้วชานยอลก็ต้องยอมคริสเช่นเดิม สองแขนเรียวโอบกอดเกี่ยวรอบลำคอโน้มใบหน้าคมให้ลงมาป้อนจูบตัวเขาได้ลึกขึ้นอีก สองร่างแนบสัมผัสชิดกันจนแทบไม่เหลือช่องว่าง
“รักนายชานยอล”
“ฉันก็รักคริสนะ”
ความลับของเราไม่จำเป็นต้องให้คนทั้งโลกรู้ มีแค่เราสองคนที่ล่วงรู้ความลับนั้นก็เพียงพอแล้ว
...แค่ปาร์คชานยอลกับคริสก็พอ
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น