ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [SF EXO] Impossible Miracle Love [คู่จิ้นตามใจฉัน]

    ลำดับตอนที่ #36 : [เด็กช่าง's Series] YeolKris BaekDo TaoHun - BaekDo Part 3

    • อัปเดตล่าสุด 13 ธ.ค. 56


    Title: เด็กช่าง's Series - BaekDo Part 3
    Pairing: Chanyeol x Kris // Baekhyun x D.O. // Tao x Sehun
    Author: BettyNoona
    Note: ไม่ได้หายไปไหนนะคะ แหะๆๆ อีกไม่นานเราจะมีข่าวดีสำหรับเด็กช่างซีรี่ย์นะคะ รอกันอีกนิด~
     
     
    131207 - 18%


    131213 - 100%
     
     
     
    __________________________________
     
     
     

     
     
     วันนี้คือวันที่คยองซูไม่อยากให้มาถึงมากที่สุด ‘วันรวมญาติของบ้านแบคฮยอน’ จริงๆคยองซูก็ไม่ได้อยากจะไปแต่แบคฮยอนนั่นแหละที่พยายามหว่านล้อมให้ไป บอกให้กลับไปนอนบ้านคืนวันศุกร์ก่อนก็ไม่เอา เพราะบ้านเขาไม่มีคนอยู่คยองซูต้องอยู่บ้านก่อนที่แม่จะกลับมาในตอนเช้า ยื้อยุดกันอยู่นานแบคฮยอนก็เลยตัดสินใจโทรไปบอกที่บ้านว่าจะไปตอนเช้า และนั่นก็ทำให้คยองซูหมดอารมณ์ที่จะคุยด้วย
     
    แบคฮยอนที่รู้ตัวว่าโดนงอนเข้าแล้วก็พยายามเกาะแกะคยองซู รุงรังหน้าหลัง อ้อมไปอ้อมมาไม่ห่าง เอาน่าอย่างน้อยๆก็ขออยู่กับคยองซูก่อนแม้ว่าจะโดนดวงตากลมๆนั้นสะบัดมาจิกใส่ซะร่างแทบพรุนก็ตาม แบคฮยอนไม่ค่อยสนใจคนอื่นหรอก แม้ว่าตอนนี้จะนั่งกอดแขนเขาอยู่บนเบาะหลังแท็กซี่ก็ตาม
     
    “อย่างอนเลยนะตัวเล็ก ก็เขาไม่อยากให้ตัวเล็กอยู่คนเดียวนิ” คยองซูปรายสายตามองแต่แบคฮยอนก็ไม่สลด ยังจะมายิ้มหน้าบาน ตาหยีเป็นกะละมังอีก จริงๆคือคยองซูมีแผนอยู่ในใจว่าถ้าแบคฮยอนไปเขาจะแกล้งอยู่บ้านแล้วไม่ไปบ้านแบคฮยอนสักหน่อย
     
    “อย่างอนเขาเลยนะ ก็เขากลัวว่าจะมีเรื่องกับตัวเล็กแล้วเขามาช่วยไม่ทันนิ” แบคฮยอนทำหน้าหงอยเอียงหน้าซบไหล่แล้วก็สอดมือประสานกับมือของคยองซู ทีนี้คน(ทำเป็น)โกรธก็โกรธไม่ลงเลยน่ะสิ คยองซูหันไปมองแล้วก็ยกยิ้มให้แบคฮยอนที่เงยหน้าขึ้นมามอง ดวงตาเล็กที่ฉายแววประกายคล้ายลูกหมาตัวเล็กๆทำเอาคยองซูโกรธไม่ลง
     
    “เราก็ไม่ได้งอนแบคกี้หรอกแค่ตื่นเช้าๆแล้วเราเพลียน่ะ” 
     
    “ตัวเล็กง่วงนอนเหรอ? นอนก่อนไหม? ถึงแล้วเดี๋ยวเราปลุก” แบคฮยอนขยับนั่งตัวตรงแล้วเอนหัวของคยองซูให้มาพิงที่ไหล่ คยองซูตีมือที่ขาของแบคฮยอนเบาๆ
     
    “ไม่เอาเดี๋ยวก็ถึงแล้ว อายคนอื่นมั่งสิ!” คยองซูกระซิบประโยคหลังเบาๆ แบคฮยอนหันไปมองก็เห็นว่าคนขับแท็กซี่มองพวกเขาสองคนผ่านกระจกมองหลัง
     
    “มีอะไรเฮีย” แบคฮยอนเอ่ยถาม คนขับแท็กซี่ก็ทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก ก่อนที่ชายวัยกลางคนจะถามออกมาแบบไม่ค่อยจะเต็มใจอยากถามนัก
     
    “พวกน้องเป็นพี่น้องกันเหรอ? น่ารักดีนะ” โอ้โห้!! ถามแบบนี้ขึ้นเลย ขึ้นเลย!!! มาถามแบบนี้ได้ยังไงโคตรจะหยาม ถ้าจะถามแบบนี้มาเดี่ยวตัวๆเลยดีกว่า!! มองไม่ออกหรือไม่มีตาห๊ะ! มาบอกว่าตัวเล็กเป็นน้องเขาได้ยังไงกันวะ!!
     
    “พี่น้องอะไร นี่เมียผมนะ!!” แบคฮยอนตวาดเสียงกร้าวพร้อมที่จะหาเรื่องเต็มที่ คยองซูที่ได้ยินตำตอบก็เบิกตากว้างอย่างตกใจเพราะไม่คิดว่าแบคฮยอนจะตอบแบบนี้น่ะสิ
     
    “ไอ้แบคฮยอน!!!” ตะโกนเรียกเสร็จก็จัดการประเคนฝ่ามือให้สักที แบคฮยอนที่โดนผลักหัวเบาๆก็กระเด็นไปแปะกระจกรถ นี่พูดเลยว่าคนที่รักพยอนแบคฮยอนมากกว่าโดคยองซูน่ะไม่มีอีกแล้วนะ!! 
     
    “หุบปากแล้วนั่งนิ่งๆ!!” แบคฮยอนที่ค่อยๆแงะตัวออกจากกระจกรถก็หันมาหาคยองซูและพร้อมที่จะดราม่าตัดพ้อเต็มที่แต่ด้วยท่าทางที่คนตัวเล็กกว่าชี้นิ้วใส่แล้วทำตาดุก็ทำให้พยอนแบคฮยอนนั่งทำตัวลีบๆ หงอยๆ เจียมเจี๋ยมไป ไม่กล้าหื้ออีกเลย
     
    ขอบอกไว้ก่อนเลยนะว่าพยอนแบคฮยอนไม่ได้กลัวเมีย!!! ...... ก็แค่เกรงใจกลัวว่าเมียจะโมโหแค่นั้นแหละ
     
    บอกแล้วว่าพยอนแบคฮยอนน่ะรักโดคยองซูที่สุดเลย!!
     
     
     
     
    ไม่นานก็ถึงบ้านของแบคฮยอน ถ้าจะว่ากันจริงๆบ้านของทั้งสองคนอยู่ใกล้กันในระยะที่ใช้รถโดยสารนั้นไม่ไกลมากเท่าไหร่ แต่ถ้าให้เดินล่ะก็... จบกันเถอะ พอรถแท็กซี่จอดแบคฮยอนก็จ่ายเงินเรียบร้อยก็ลงจากรถก่อนรอให้คยองซูรับเงินทอน แบคฮยอนเปิดประตูค้างไว้รอให้คยองซูลงจากรถ พอคนตัวเล็กกว่าลงจากรถก็ปิดประตูรถให้ 
     
    คยองซูมองบ้านตึกแถว 3ชั้นครึ่งตรงหน้าแล้วก็อยากจะถอนหายใจให้หมดลมไปเลยจริงๆ วันนี้เป็นวันทำบุญครบรอบวันตายของอากง ซึ่งก็คล้ายกับกุศโลบายที่จะรวมบรรดาลูกหลานที่กระจัดกระจายให้มารวมกันแล้วก็ไหว้บรรพบุรุษกันเท่านั้น ไม่ได้เป็นวันสลักสำคัญอะไรของทางศาสนาแต่ทางบ้านเห็นพ้องต้องกันว่าควรทำและยึดถือไว้
     
    “เข้าไปข้างในกัน” แบคฮยอนสอดมือจับมือคยองซูไว้ รอยยิ้มกับตาหยีๆที่ส่งมาให้ทำเอาคยองซูเริ่มใจไม่ดี แต่ก็ยังคงคอนเซ็ปต์ทำหน้านิ่งๆเข้าไว้ คยองซูหันหน้าไปมองแบคฮยอนแล้วก็ยกยิ้มให้นิดหน่อย
     
    “ถ้าตัวเล็กง่วงจะขึ้นไปนอนที่ห้องเขาก่อนก็ได้ เดี๋ยวข้างล่างเขาช่วยม๊าเอง”
     
    “ไม่หรอกก็ไม่ได้ง่วงอะไรขนาดนั้น เราช่วยได้” แบคฮยอนบึนปากแล้วส่ายหน้า
     
    “ไม่เอา เดี๋ยวเขาพาตัวเล็กขึ้นไปนอนที่ห้องเอง ถ้าลงมานะเขาจะตีก้นเลยคอยดู” คยองซูหัวเราะเบาๆ
     
    “แบคกี้กล้าตีเราเหรอ?” คยองซูยิ้มกว้างจนริมฝีปากเป็นรูปหัวใจพร้อมกับเอียงคอทำท่าโมเอร์สาดใส่พยอนแบคฮยอนรัวๆ คนที่โดนตีด้วยพลังโมเอร์ก็ใจเต้นรัวๆเลย พลังชีวิตค่อยๆลดทีละนิดๆ พยอนแบคฮยอนแย่แล้ว!! เกิดมามีเมียโมเอร์ก็งี้ล่ะ~
     
    “ถ้าตัวเล็กดื้อนะเขาจะตีจริงๆด้วย” แบคฮยอนยกยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนที่จะยื่นหน้าไปกระซิบกับคยองซู “เขาจะตีตัวเล็กให้สลบคาอกเขาไปเลย”
     
    “ทะลึ่ง!” คยองซูฟาดมือที่อกของแบคฮยอนแต่เจ้าตัวกลับหัวเราะมีความสุขเสียเหลือเกิน หลังจากที่เห็นคยองซูอายจนพอใจแล้วแบคฮยอนก็จูงมือพาคนตัวเล็กเข้าบ้านไป ด้านในพวกญาติพี่น้องกำลังช่วยกันเตรียมของไหว้ หลานตัวเล็กๆก็วิ่งไล่จับกันสนุกสนาน ส่งเสียงดังเชียวล่ะ อาม๊าของแบคฮยอนที่หันมาเจอก็ตะโกนเรียกแล้วก็เดินออกมารับ
     
    “อาแบค! นี่ม๊าไม่ได้เจอหน้าแกมากี่วันแล้วเนี่ย!!” อาม๊าหัวเราะอารมณ์ดีแล้วเดินมากอดลูกชายตัวเอง แบคฮยอนที่จับมือคยองซูอยู่ก็ปล่อยมือแล้วโผเข้ากอดอาม๊าที่ทำตัวเป็นนางเอกละครวิ่งเข้ามากอดพระเอก ดวงตากลมที่มองมือตัวเองอยู่ก็เริ่มฟุ้งซ่าน.. ต่อให้แบคฮยอนรักตัวเขามาแค่ไหนแต่แบคฮยอนก็รักครอบครัวมากกว่าตัวเขาอยู่ดี
     
    “โอ๊ะ.. อาคยองซูมาให้ม๊ากอดหน่อยมา โตขึ้นอีกแล้วนะม๊าล่ะคิดถึ๊งคิดถึง~” แล้วอาม๊าก็ปล่อยลูกชายแล้วดึงคยองซูไปกอด แหม.. คิดถึงจริงๆนะเนี่ยไม่ได้เจอกันตั้งหลายอาทิตย์
     
    “ผมก็คิดถึงอาม๊าครับ” คยองซูเอ่ยบอกพร้อมกับยิ้มกว้างเอาใจ อาม๊าเองก็ชอบใจหัวเราะร่วนเลย
     
    “ปากหวานจริงนะ หิวหรือยังม๊าต้มซูปไว้กินก่อนนะ” สองมือของอาม๊าช้อนแก้มคยองซูแล้วจับส่ายไปมาอย่างเอ็นดู คยองซูเองก็ยิ้มแต่แล้วสายตาก็มองเลยไปเห็น ‘ย่าใหญ่’ ที่นั่งอยู่บนโซฟาตัวใหญ่คนเดียวกำลังมองมาที่เขา ดวงตาคู่นั้นดูนิ่งสงบและแข็งอยู่ในที
     
    “สวัสดีครับ” คยองซูผละตัวมาทักทายย่าใหญ่ แต่ท่านเพียงแค่พยักหน้ารับเบาๆ
     
    “ทำอะไรอยู่หน้าบ้านล่ะถึงได้เข้ามากันช้านัก” ภาษาไทยติดสำเนียงจีนนิดๆเอ่ยถามมา ทำเอาคยองซูหน้าซีด ไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไร กดดันจนเจ้าตัวกลั้นลมหายใจไว้... ที่ถามแบบนี้คุณย่าใหญ่เห็นหรือเปล่านะ? ซวยแน่ๆโดคยองซู
     
    “โห้ยม่า~ ก็จ่ายเงินค่าแท็กซี่ไง ขอค่าแท็กซี่คืนด้วยนะครับ~~” แบคฮยอนวิ่งเข้าไปนั่งข้างๆพร้อมกับกอดอาม่าเอาไว้ ท่านปรายสายตามองหลานตัวดีแล้วก็หัวเราะเบาๆ
     
    “ค่ารถเท่าไหร่เดี๋ยวอาม่าจ่ายคืนให้”
     
    “โห้ยเชิดชูอาม่าผู้ยิ่งใหญ่~ รักอาม่าที่สุด!! ขอ500นะครับ” คนค้ากำไรเกินควรก็เลยโดนเขกหัวไปสักหนึ่งที
     
    “เดี๋ยวจะโดนตีนะอาแบค ไปเลยไปช่วยม๊าลื้อจัดของเลยไป” อาม่าไล่ชิ้วๆ แบคฮยอนทำหน้างอนใส่ก่อนที่จะจุ๊บแก้มอาม่าเร็วๆหนึ่งทีแล้วก็ลุกขึ้นเดินไปหาคยองซู
     
    “เดี๋ยวขึ้นไปนอนบนห้องเขานะ ไว้ถึงตอนไหว้แล้วจะขึ้นไปปลุก”
     
    “ไม่เอาอ่ะเดี๋ยวไปช่วยอาม๊าเตรียมของดีกว่า” 
     
    “ตัวเล็กอย่าดื้อนะไม่งั้นเขาจะฟาดก้นเลยนะ” แบคฮยอนทำหน้าขึงขังหมายว่าจะทำอย่างที่พูด คยองซูปรายสายตามอง
     
    “กล้าตีฉันเหรอพยอนแบคฮยอน” พอได้ยินเสียงเขียวเท่านั้นแหละ พยอนแบคฮยอนก็ยิ้มตาหยี ยกสองมือขึ้นยอมแพ้เลย
     
    “ไม่กล้าครับ แหะๆๆ อยากทำอะไรทำเลยครับกระผมไม่ขัดใจครับ” แบคฮยอนส่ายหน้าไปมาหมายว่าไม่ขัดใจจริง คยองซูหรี่สายตามองแบคฮยอนก็ยิ่งยิ้มตาหยีเอาใจจนคนตัวเล็กกว่าหัวเราะนั่นแหละ
     
    “ไปหลังบ้านได้แล้ว ไปเลยๆๆ” คยองซูดันหลังให้แบคฮยอนเดินไปหลังบ้าน พอผ่านหน้าอาม่าทั้งสองก็ก้มหัวแล้วเดินผ่านไป
     
    “แน่ใจนะว่าจะไม่ขึ้นไปนอนก่อน” แบคฮยอนหันหน้ากลับมาถาม คยองซูส่งยิ้มให้
     
    “ไม่นอน ถ้าง่วงจะบอกนะตอนนี้ไปได้แล้วๆ” คยองซูดันหลังแบคฮยอนให้เดินไป คนตัวโตกว่าจะพูดอะไรได้ล่ะก็คยองซูบอกว่าไม่นอน พยอนแบคฮยอนน่ะตามใจคยองซูทุกอย่างอยู่แล้ว 
     
    “ถ้าหลับคาเป็ดนะจะขำให้เลย” แล้วทั้งสองก็หัวเราะกัน โดยที่ไม่รู้เลยว่ามีสายตาคู่หนึ่งมองอยู่นานแล้ว
     
    คยองซูมาคอยช่วยเป็นลูกมืออาม๊าเตรียมของไหว้ แน่นอนว่าจะต้องมีแบคฮยอนมาตามล้อมหน้าล้อมหลังจนคยองซูอยากจะเอาทัพพีในมือฟาดหัวเข้าให้ แบคฮยอนก็ยังมาทำหน้าแป้น ยิ้มตาหยี ล้อมหน้าล้อมหลังไม่ห่างจนคยองซูจะประสาทเสียนั่นแหละ แต่ไม่ต้องออกโรงให้อาม๊าก็จัดการหันไปเคาะหัวลูกชายด้วยทัพพีคนแกงซะเลย
     
    มันคงจะเสียมารยาทที่หัวเราะซ้ำเติมคนเจ็บแต่ ณ จุดนี้คยองซูก็ไม่สนแล้ว หัวเราะเสียงร่ามีความสุขนักล่ะที่เห็นแบคฮยอนเจ็บตัว แม้ดวงตาเล็กนั้นจะมองค้อนใส่ก็เถอะ คนตัวเล็กกว่าก็แค่หมุนตัวไปยกถาดผลไม้ที่จัดเสร็จแล้วให้แบคฮยอนเอาไปไว้ที่โต๊ะไหว้ก็เท่านั้น ไม่มีการลดหย่อนผ่อนโทษให้หรอกนะ แบคฮยอนทำหน้างอนแล้วก็เชิดใส่ทั้งคยองซู ทั้งอาม๊าแล้วก็ถือถาดผลไม้ออกไปเลย
     
    “อาแบคนี่น้า~” อาม๊าก็บ่นไป หัวเราะไป อาม๊าน่ะรักลูกชายเขาที่สุดล่ะ 
     
    “อาคยองซูไว้มานอนบ้านม๊าบ่อยๆมั่งสิ อาม๊าเกรงใจให้อาแบคไปนอนด้วยบ่อยๆ ม๊ากลัวม๊าลื้ออีจะไล่เตะอาแบคออกจากบ้าน” ว่าแล้วอาม๊าก็หัวเราะร่วนเลย สนุกนักล่ะได้พูดจากจิกกัดลูกชายน่ะ
     
    “ไม่หรอกครับ แม่ผมเขาก็ชอบแบคฮยอนไม่โดนไล่เตะแน่ๆครับ” สิ้นคำตอบอาม๊าก็ยิ่งหัวเราะเสียงดังกว่าเดิม
     
    “แต่ม๊าชอบอาคยองซูมากกว่าลูกชายม๊าอีกนะ รายนั้นล่ะชอบดื้อน่าจับมาหวดด้วยหวายจริงๆ”
     
    “อาม๊าหวายคงเล็กไป เอาอย่างอื่นสิครับ”
     
    “เอาไม้พายดีกว่าเนอะอาคยองซู รับรองไม่ดื้อไม่ซนอีกเลย” ทั้งคยองซู ทั้งอาม๊าก็หัวเราะชอบใจกันใหญ่ แบคฮยอนที่เกาะขอบประตูห้องครัวก็ยิ้มกว้างที่คนที่เขารักทั้งสองคนดูสนิทสนมกันดี
     
    “อาแบคมาหาม่าหน่อย” เพราะเสียงเรียกของอาม่าทำให้แบคฮยอนหันไปมองแล้วก็เดินเข้ามาหาอาม่าที่นั่งอยู่ที่โซฟาที่เดิม พอนั่งได้ก็กอดอาม่าเอาไว้อย่างอ้อนๆ
     
    “อาม่ามีอะไรครับ ใครแกล้งอาม่าบอกมาเลยเดี๋ยวลูกพี่ใหญ่จัดการให้” อาม่ายิ้มแล้วก็แกล้งเขกหัวหลานชายตัวเองเบาๆก่อนที่จะมองเลยไปยังหลังบ้านที่เป็นส่วนของห้องครัว
     
    “เพื่อนคนนั้นสนิทกันมาเหรอ” แบคฮยอนเงยหน้ามองอาม่าของตัวเองแล้วก็ยิ้มกว้างตาหยี
     
    “ครับ อาม่าถามทำไมอ่ะ อาม่าก็เห็นคยองซูมาตั้งนานแล้วนิ มีอะไรหรือเปล่าครับ”
     
    “สนิทกันมากเกินไปหรือเปล่า” แบคฮยอนทำหน้าไม่เข้าใจ อาม่ามองใบหน้าของหลานชายแล้วก็ใบหน้าของแบคฮยอน
     
    “ม่าว่าอาจจะยังไม่ถึงเวลาที่ม่าควรจะคุยเรื่องนี้กับลื้อ แต่อย่าทำให้ใครเสียใจนะอาแบค” ถ้าถามว่าตอนนี้พยอนแบคฮยอนงงมากไหม ขอตอบเลยว่ามาก!! 
     
    “ไม่เข้าใจ ถ้าม่าจะพูดอะไรก็พูดเลยพร้อมฟังทุกเรื่องครับคนสวย~” 
     
    “อาแบค.. ม่ามีลื้อมีเป็นหลานชายคนโตนะ จะทำอะไรก็คิดให้ดีๆ คิดให้เยอะๆ ม่ายอมรับทุกการตัดสินใจของลื้อแต่ลื้อเลือกให้ดีๆนะ” 
     
    “อาม่าหมายถึงเลือกอะไร? ชีวิตของผมเหรอ? ไม่ว่ามันจะพลาดยังไงแต่มันก็เป็นสิ่งที่ผมเลือก ม่าไม่ภูมิใจเหรอครับที่ผมกล้าที่จะเลือกถึงจะพลาดก็เถอะ” อันนี้แบคฮยอนจำมาจากละครที่มักจะนั่งดูกับคยองซูประจำเลยลองมาถามดู อาม่าถอนหายใจเฮือกใหญ่ ยังไม่ทันที่จะได้คุยอะไรต่อก็มีคนมาบ้านแบคฮยอนอีกแล้ว
     
    พอแบคฮยอนหันไปมองก็อยากจะยกเท้าขึ้นมาก่ายหน้าผากเหลือเกิน ครอบครัวของย่าเล็กมาที่บ้าน เรื่องปัญหาระหว่างสองบ้านมันไม่มีปัญหาหรอก แต่ตัวเขากับลูกของย่าเล็กนี่แหละที่มี หลังจากที่ย่าน้อยเข้ามานั่งแล้วเสียงสนทนาเป็นภาษาจีนก็ดังลั่นบ้าน แบคฮยอนก็เลยหนีไปหลังบ้านแล้วช่วยม๊ากับคยองซูดีกว่า พอเดินกลับมาก็เห็นว่าคยองซูกำลังยืนก้มทำอะไรอยู่ก็ไม่รู้ เสร็จโจรล่ะ!
     
    แบคฮยอนเดินย่องเข้าไปหา อาม๊าก็เปิดดูซึ้งที่นึ่งขนมไว้ว่าเสร็จหรือยังไม่ได้สนใจอะไร คยองซูก็ก้มหน้าทำอะไรก็ไม่รู้ด้วยความที่อยากแกล้งคนตัวเล็กกว่าให้ตกใจแบคฮยอนก็ย่องเข้าไปด้านหลังอย่างเงียบๆ
     
    “จ๊ะเอ๋!!” แบคฮยอนวางมือไว้ที่สองไหล่ของคยองซู แล้วคนที่กำลังก้มหน้าหั่นของตกแต่งอาหารก็ตกใจเผลอทำปลายมีดบาดนิ้ว 
     
    “โอ๊ย!!!” คยองซูร้องเสียงดัง แบคฮยอนตกใจก็รีบหันคยองซูให้หันหน้ามาหา อาม๊าก็ตกใจใหญ่จนทำฝาซึ้งตก คนไม่ชอบเห็นเลือดก็น้ำตาไหลหยดแหมะๆ
     
    “ตัวเล็กเขาขอโทษ!” แบคฮยอนจับนิ้วชี้ที่เลือดไหลอาบขึ้นมาแล้วเอาเข้าปาก ลายลิ้นไล้เช็ดหยดเลือดและทำความสะอาดให้ ทั้งความเจ็บ ความแสบก็ยิ่งทบเท่าทวีคูณ จนแบคฮยอนมั่นใจว่าเลือดนั้นหยุดไหลถึงได้พาคยองซูไปที่ซิงก์ล้างจานแล้วล้างน้ำอีกรอบ
     
    “ไอ้บ้าเล่นไม่รู้เรื่อง!!” คยองซูใช้มืออีกข้างทุบไหล่ของแบคฮยอนรัวๆอย่างไม่ออมแรง ถึงจะเจ็บแต่แบคฮยอนก็ไม่ตอบโต้ ดวงตากลมที่คลอด้วยน้ำตายังไงไหลอาบแก้ม แบคฮยอนโอบคยองซูให้มายืนข้างหน้าแล้วกอดคยองซูไว้ มืออีกข้างก็ประคองมือของคยองซูให้น้ำไหลผ่าน
     
    “ขอโทษครับจะไม่เล่นแบบนี้อีกแล้ว ตัวเล็กไม่โกรธนะตัวโตขอโทษ ตัวเล็กเจ็บมากหรือเปล่า” สรรพนามแบบนี้ พูดเพราะๆแบบนี้แบคฮยอนไม่ค่อยได้ใช้ แต่ถ้าคยองซูร้องไห้เพราะโมโหมากๆเมื่อไหร่รับรองว่าคนตัวเล็กใจอ่อนยวบทันที
     
    “เจ็บสิ” คยองซูหันกลับไปกอดแบคฮยอนแล้วสะอื้นกับอก แบคฮยอนก็โอบมือไว้ที่เอวพร้อมกับลูบหลังปลอบ
     
    “ขอโทษครับ” แบคฮยอนหมุนก๊อกน้ำปิดก่อนที่จะมองอาม๊าที่จัดการทุกอย่างเองเสียเรียบร้อยแล้ว
     
    “พาอาคยองซูขึ้นไปทำแผลก่อน เดี๋ยวถึงตอนไหว้ม๊าจะขึ้นไปเรียกเอง” อาม๊าส่งยิ้มมาให้ก่อนที่จะหันกลับไปจัดการเรื่องวุ่นวายตรงหน้า แบคฮยอนพาคยองซูเดินขึ้นไปยังชั้นสามของบ้าน ห้องนอนของแบคฮยอนจะอยู่ที่ชั้นสามคนเดียว
     
    ประตูไม้ที่ทาสีขาวถูกเปิดออกแบคฮยอนโอบคยองซูเข้ามาในห้องก่อนที่จะปิดและล็อคประตูห้องไว้ คยองซูลงนั่งที่เตียง ส่วนแบคฮยอนก็เดินไปหยิบกล่องยาเล็กๆมาจัดการแผลที่นิ้วของคยองซูให้เรียบร้อย พลาสเตอร์ลายกระต่ายสีฟ้าถูกปิดให้อย่างเรียบร้อย พอปิดเรียบร้อยก็เป่าลมอุ่นๆที่ปลายนิ้วนั้น แบคฮยอนเหลือบตามองคยองซูที่นั่งมองเขาอยู่ คยองซูของแบคฮยอนน่ะน่ารักที่สุดเลยนะ!
     
    ปลายจมูกแดงเรื่อ ริมฝีปากสีแดงสด แก้มที่แดงน้อยๆนั่นทำให้แบคฮยอนอยากจะจับคยองซูมาฟัดให้หายอยากเลย แต่ถ้าทำนี่อาจจะโดนคยองซูลุกขึ้นมาเตะม้ามแตกก็ได้ ก็เลยได้แต่ไล้แก้มนิ่มเบาๆ แบคฮยอนขยับตัวลงไปนั่งที่พื้นแล้วโอบเอวเอียงหน้าหนุนขาของคยองซูไว้
     
    “ขอโทษนะ เขาผิดไปแล้วจะไม่ทำอีกแล้ว” คยองซูลูบหัวแบคฮยอนเบาๆ
     
    “อืม”
     
    พอถึงเวลาอาม๊าก็เดินขึ้นมาเคาะประตูเรียก คยองซูกับแบคฮยอนก็เดินลงมาด้านล่างกัน ตอนนี้ทุกคนทั้งนั่ง ทั้งยืนกองรวมกันที่หน้าโต๊ะไหว้ หลังจากที่ไหว้กันตามลำดับอาวุโสแล้วก็ถึงคิวหลานๆ แบคฮยอนคอยอยู่ข้างๆคยองซูไม่ห่าง ดูแลจัดการทุกอย่างให้ หลังจากไหว้เรียบร้อยต่อไปก็เป็นการรับประทานอาหารร่วมกัน แบคฮยอนก็ลากเก้าอี้ของคยองซูให้มาติดกับตัวเอง แล้วก็คอยคีบนั่น ส่งนี่ให้ตลอด แบคฮยอนก็ทำเหมือนปกติแต่ในสายตาของคนที่มองจับจ้องทุกการกระทำไม่เคยมองว่ามันปกติ
     
    คยองซูที่รู้สึกว่าเหมือนคนมองเงยหน้าขึ้นแล้วมองตามความรู้สึก ดวงตาคมปราบของอาม่าหรือย่าใหญ่มองจ้องมาที่ตัวเขา แบคฮยอนสะกิดเรียกแล้วคีบเนื้อเป็ดที่เพียรตั้งใจเลาะออกจากกระดูกมาให้ คยองซูหันกลับมาส่งยิ้มให้แบคฮยอนก่อนที่จะกินข้าวตามเดิม
     
    สิ่งใดที่ยังไม่เกิด... เขาก็ยังจะไม่คิดถึงมัน และหวังว่าจะไม่เร็วๆนี้ ขอร้องขอให้ได้อยู่กับความสุขนี้ไปอีกหน่อยเถอะ
     
     
     
     
    คยองซูแปลกไป.... ใช่ พักนี้คยองซูแปลกไป ดูหลบเลี่ยงที่จะอยู่ใกล้เขาแล้วก็ไม่ยอมให้ไปนอนที่บ้านด้วยเลย หลังจากที่เขาติดต่อคยองซูไม่ได้ 1วันเต็มๆพอกลับมาเจอกันอีกครั้งคยองซูก็แปลกไป ดูไม่ค่อยพูดกับเขา ไม่ให้เข้าใกล้และเลี่ยงที่จะอยู่ด้วยกันสองคน ตัวเล็กของเขาเป็นอะไรไป
     
    เพื่อนคนอื่นๆก็รับรู้ได้เช่นกันแต่ก็ไม่คิดที่จะพูดหรือถามไถ่อะไร คยองซูยังทำตัวเป็นพี่ที่ดีของน้องคริสเวลาน้องมานั่งเล่นก่อนกลับบ้าน แต่พอชานยอลกับคริสกลับไปแล้วคยองซูก็นิ่งเงียบ คยองซูไม่ยอมให้ไปส่งที่บ้านและเลี่ยงที่จะกลับบ้านเอง แบคฮยอนก็ทำแค่มาส่งที่ป้ายรถเมล์ พอคุยจะถามคยองซูก็จะเลี่ยงคำถามไปเสียทุกครั้ง 
     
    มันแปลกเกินไป แปลกมากแต่แบคฮยอนก็ทำอะไรไม่ได้นอกเสียจากมองแผ่นหลังเล็กๆที่เจ้าตัวเดินขึ้นรถเมล์กลับไปก่อน คยองซูไม่ให้แบคฮยอนกลับบ้านพร้อมกัน ไม่แม้แต่จะบอกลาเขาด้วยซ้ำ หรือบางที.. ความรักของเขาจะมาสุดทางแล้ว?
     
     
    “ลมอะไรหอบพวกมึงมาที่นี่วะ” ชานยอลเปิดประตูห้องตัวเองก็เห็นแบคฮยอน เทาและเซฮุนยืนอยู่หน้าประตูพร้อมถุงมากมายในมือ
     
    “ตั้งวงครับ” เทาเป็นคนตอบพร้อมกับชูถุงสีขาวลายคุ้นตาขึ้นมาให้ยลว่าจะตั้งวงจริงๆ
     
    “เออๆ ตั้งก็ตั้งดีนะมึงไอ้เด็กหน้าหนูเลี้ยงนั่นไม่อยู่ ไม่งั้นล่ะพวกมึงหูชาแน่ๆ” นี่ชานยอลไม่ได้พูดปดเพราะคริสบ่นเช้ายันค่ำก็ไม่ซ้ำคำกันจริงๆ ไอ้ช่วงที่แบบพวกเขาต้องโหมงานมันก็ต้องสร้างแรงบันดาลใจไง สร้างไปสร้างมาก็ก๊งกันยันเช้า ไอ้เด็กหน้าแบ๊วนั่นมาถึงก็วีนแตก องค์ลงเดินเก็บไปก็บ่นไป พวกเขาก็ทำได้แค่นั่งทำหน้าสำนึกผิด นี่มึงแม่งเด็กปั้นไอ้คยองซูชัดๆ!!
     
    “แล้วน้องไปไหนวะ” เซฮุนถามพร้อมกับส่งถุงตัวเองให้เทาวางกับพื้น
     
    “กลับบ้านมันพรุ่งนี้มีเรียนบาสต้องเอาชุดวอร์มไปด้วย” เซฮุนพยักหน้ารับส่งๆแล้วจัดการไปคุ้ยหาแก้วในตะกร้าวางแก้ว
     
    “เป็นอะไรของมึงวะไอ้หมากระเป๋า นั่งทำหน้าว่าอึไม่ออกมาสัก 3วัน” ชานยอลที่หันไปเก็บฟูกนอนให้เรียบร้อยพร้อมกับกีต้าร์คู่ใจที่ย้ายกลับมาเก็บที่ห้องแล้วเอ่ยแซว แต่แบคฮยอนก็ไม่มีอารมณ์ที่จะมาโต้เถียงอะไรได้ 
     
    “เฮ้ยมึงเป็นอะไรวะ” ชานยอลใช้ปลายเท้าสะกิดเพื่อน แต่มันก็ยังนิ่งนั่งก้มหน้าเงียบๆ ทำหน้าเศร้าประหนึ่งเสียล็อตเตอร์รี่รางวัลที่1ไปกับเครื่องซักผ้า ชานยอลคว้าขวดโซดามาแล้วหยิบไฟแช็คแถวนั้นมางัดเปิดขวด
     
    “ดราม่าว่ะ” เทาตอบแทนแล้วทำมือเปาดคอ ชานยอลมองแล้วก็พยักหน้ารับ เซฮุนกลับมาจากหาแก้ว หาจานจากมุมชั้นวางแล้วจัดการช่วยกันเททั้งกับข้าว ขนมกับเทา ชานยอลก็อาสาจัดการชงเหล้าให้เอง
     
    “เพรียวไหมมึง” ชานยอลยื่นมือไปสะกิดแบคฮยอนที่นั่งชิดติดผนังห้อง แบคฮยอนพยักหน้ารับ ชานยอลก็เลยจัดใส่ไป 1ใน4ของแก้ว พอแบคฮยอนรับก็กระดกหมดแก้ว
     
    “เฮ้ยๆ เบาเว๊ยมึง เบาๆ” แม้ว่าจะเอ่ยห้ามแต่แบคฮยอนก็ไม่เบาเลยสักนิด เทา เซฮุนกับชานยอลมองหน้ากันแล้วก็ได้แต่ส่ายหน้าให้กันอย่างไม่รู้ว่าจะทำยังไง
     
    “ช่างมันเถอะ มันคงเครียดว่ะ” เซฮุนเอ่ยขึ้น เทาก็พยักหน้ารับ ชานยอลเองก็เห็นด้วย 
     
    “งั้นมากินข้าวๆ นี่ต้มยำเจ้าประจำเลยนะเว๊ย บอกเจ๊แกว่าขอแซ่บๆ พิเศษๆ” แล้วทั้งสามคนก็เริ่มกินข้าวเคล้าสุราอย่างอร่อย ไม่สนใจแบคฮยอนที่นั่งทำหน้าหมดอาลัยตายอยากพิงผนังเป็นคนอมทุกข์อีกเลย ก็ไม่รู้ว่าจะเครียดไปกันมันทำไม..
     
    พอได้นั่งเงียบๆ ดื่มน้ำสีเหลืองทองนั้นแบคฮยอนก็เริ่มฟุ้งซ่าน ตอนนี้ชานยอลไม่ต้องเทให้แบคฮยอนก็เอามันมากรอกปากเองซะเลย ในหัวมันก็คิดไปสะระตะว่าบางทีที่คยองซูทำตัวห่างเหินเพราะว่าเบื่อเขาแล้ว คยองซูมีคนใหม่ คยองซูคงหมดรักเขาแล้ว... จนเลยไปถึงคยองซูคงอยากเลิกกับเขาด้วย 
     
    แบคฮยอนชันขาขึ้นแล้วซุกหน้ากับเข่าอย่างเหนื่อยล้า เหนื่อยทั้งความคิดและหัวใจ ถ้าคยองซูต้องการแบบนั้นทำไมเขาจะให้ไม่ได้ แต่เขาไม่อยากให้ เขาไม่อยากยอม เขาไม่อยากจากคยองซูไป แบคฮยอนคงไม่รู้ตัวว่าเพื่อนอีกสามคนมองตัวเองด้วยความเป็นห่วงแค่ไหน น้ำตาของลูกผู้ชายมันไม่ได้ไหลออกมาได้ง่ายๆ แต่ตอนนี้แบคฮยอนกำลังร้องไห้เงียบๆ
     
    แล้วอยู่ๆแบคฮยอนที่ก้มหน้าร้องไห้อยู่นานก็เงยหน้าขึ้นมาทำเอาเพื่อนที่เหลือที่มองกันอย่างเป็นห่วงสะดุ้งโหยงไปตามๆกัน คนดราม่าคว้าขวดเหล้าที่เหลือนอนก้นอีกนิดหน่อยขึ้นมากระดก รสชาติเผื่อนฟาดคอผ่านลำคอลงไป ดวงตาเล็กของแบคฮยอนกวาดมองไปที่เซฮุน เทาแล้วก็มาจบที่ชานยอล
     
    “ไอ้ชานยอล.. มึงเคยทะเลาะกับน้องคริสบ้างไหม” คนที่อยู่ๆก็โดนยิงคำถามได้แต่ทำหน้าเอ๋อ จนเพื่อนตัวเล็กตีหน้าจะหาเรื่องนั่นแหละ
     
    “ก็ทะเลาะทุกวัน มึงไม่เห็นหรือไง” อันนี้เรื่องจริง ก็ทะเลาะกันทุกวันเพราะเขาชอบแกล้งเจ้าเด็กหนูแฮมสเตอร์นั่น แล้วเจ้าเด็กนั่นก็จะโวยวายเขาทุกที
     
    “ไม่ใช่ ทะเลาะกันแบบ.. แบบกูตอนนี้เนี่ย”
     
    “มึงกับคยองซูทะเลาะกันเหรอ” ชานยอลไมได้ถาม โน้นคนถามน่ะฮวางจื่อเทามีลูกคู่เป็นเซฮุนที่ยกแก้วตัวเองขึ้นดื่มแล้วก็พยักหน้าเห็นด้วย
     
    “ก็... ไม่รู้ดิวะ ความรู้สึกเหมือนใช่ กูทำอะไรผิดวะ” แบคฮยอนหันไปคว้าแก้วของเซฮุนที่เพิ่งชงเสร็จมายกดื่มอึกๆๆ เซฮุนจะห้ามก็ไม่ทัน
     
    “ตัวเล็กดูแปลกไปพวกมึงก็รู้ใช่ป่ะ กูไม่ชอบเลยจริงๆ” 
     
    “เออพวกกูก็ไม่ชอบ แม่งน่าอึดอัดเกินไป” เซฮุนกรอกตาไปมา เวลาที่คยองซูโกรธน่ะน่ากลัว แต่คยองซูที่เป็นแบบนี้น่ากลัวกว่าอีก นี่เป็นครั้งแรกเลยที่เพื่อนตัวเล็กสุดเป็นแบบนี้ นั่นไม่ใช่เรื่องดีงามเลยสักนิด โอเซฮุนโคตรปวดตับเลยให้ตายเถอะ
     
    “กูว่านะถ้ามึงอยากรู้อะไร อยากคุยอะไรมึงคงต้องคุยกันเองแล้วล่ะ เรื่องนี้พวกกูคงยุ่งไม่ได้ ถามก็ตอบไม่ถูก เชื่อกูดิลองคุยกับคยองซูดู” ชานยอลตบไหล่เพื่อนเบาๆ
     
    “แต่ตัวเล็กไม่ยอมคุยกับกูเลย” แบคฮยอนยกมือขึ้นลูบหน้าตัวเองแรงๆอย่างเหนื่อยใจ
     
    “ถ้าคุยธรรมดาไม่ได้ก็ลากไปคุยบนเตียงเลยดิ” ชานยอลยักคิ้วให้ เซฮุนหยิบขนมในจานแล้วปาใส่ชานยอลแต่เจ้าตัวก็หยิบมันขึ้นมากิน
     
    “ทำเป็นแนะนำแล้วมึงน่ะได้น้องคริสหรือยัง ถุย!!” เซฮุนไม่ต้องออกโรง เทาจัดให้เรียบร้อยแล้ว ซ้ำพวกมันสองคนยังจะมาแทคมือกันอีกแน่ะ ไอ้คู่หูผีนรก!!
     
    “ไม่เกี่ยวกันเว๊ย มันคนละเรื่อง!”
     
    “โธ่ไอ้สันเขื่อน! กลัวลูกปืนพ่อตาล่ะดิ๊~~” เทาหัวเราะได้ยียวนกวนส้นมาก เซฮุนฟาดแขนเทาหลายๆที
     
    “ทำไมต้องสันเขื่อนวะ”
     
    “ไม่รู้ว่ะมันแว่บเข้ามาในหัว ตกลงว่ามึงก็ใช้วิธีเดิมลากคยองซูไปคุยนะ คุยภาษาพูดไม่รู้เรื่องก็จัดภาษากายไปอย่าให้เสีย” เทาเปลี่ยนเรื่องไวฉับพลัน แต่พวกมันก็ชินและเข้าใจ
     
    “เออกูจะลองดู”
     
     
     
     
     
     
    เช้าวันต่อมาหลังจากจัดการตัวเองเสร็จสรรพแบคฮยอนก็นั่งแท็กซี่มาหาคยองซูที่บ้าน แอบโทรถามกับคุณแม่ของคนตัวเล็กแล้วว่าวันนี้ไม่มีใครอยู่บ้านและคยองซูก็อยู่คนเดียว ถือว่าทางสะดวก ตั้งแต่เกิดมาจนถึงตอนนี้พยอนแบคฮยอนไม่เคยรู้สึกลำบากใจอะไรมากเท่านี้มาก่อนเลย แบคฮยอนยืนอยู่ที่หน้าบ้านช่างใจอยู่นานว่าจะกดออดเรียกดีไหม แล้วความอยากรู้ก็ชนะความกลัว แบคฮยอนกดออดเรียก
     
    เพียงไม่นานคยองซูก็โผล่หน้าออกมาอย่างตกใจแต่ก็ยอมเปิดประตูให้แบคฮยอนเข้ามาในบ้าน แค่มองก็พอจะรู้ว่าเมื่อคืนแบคฮยอนคงจะต้องไปหาพวกที่เหลือมาแน่ๆ สภาพหน้าเซียว ตาคล้ำแบบนี้ คยองซูวางแก้วน้ำเย็นลงตรงหน้าแบคฮยอนที่นั่งอยู่ที่โซฟา คนตัวเล็กกว่าเดินไปทิ้งตัวนั่งที่โซฟาเดี่ยวคนจะด้านกับแบคฮยอน เงียบกันไปหลายนาที แบคฮยอนมองคยองซูด้วยสายตาปวดร้าว แต่คยองซูกลับหันหน้าหนี
     
    “ตัวเล็ก... เรามาคุยกันดีไหม” แต่คยองซูก็ไมได้ตอบรับหรือปฏิเสธ แบคฮยอนก็ลงความเห็นว่าคยองซูตอบตกลง
     
    “ตัวเล็กเป็นอะไร เขาทำอะไรผิดไปหรือเปล่า ถ้าใช่บอกเขาเถอะเขาจะไม่ทำอีกแล้ว อย่าเป็นแบบนี้เลยนะ” แต่คยองซูก็ยังไม่ยอมพูดอะไรหรือแม้แต่หันหน้ามามองแบคฮยอนเลยสักนิด แบคฮยอนลุกขึ้นแล้วเดินไปคุกเข่ากอดเอวซุกหน้ากับหน้าขาของคยองซู
     
    “ตัวเล็กบอกตัวโตเถอะนะ พูดกับตัวโตสักคำเถอะ” คยองซูที่ใจอ่อนยวบแล้วก็ได้แต่ก้มหน้ามองคนที่กอดเขาไว้ไม่ยอมปล่อย
     
    “แบคฮยอนกลับบ้านไปเถอะ เรา... ห่างกันสักพักนะ” แค่เรียกด้วยชื่อที่ไม่คุ้นเคยแบคฮยอนก็อยากจะลุกขึ้นโวยวายแล้ว ไหนจะคำนั้นอีก ห่างกัน? คืออะไร?
     
    “ห่างกัน? ตัวเล็กจะเลิกเหรอ? ไม่เอานะเขาไม่เลิกไม่ว่าจะยังไงก็ไม่เลิก!!” แบคฮยอนกอดคยองซูแน่และไม่ยอมปล่อยจนคยองซูอึดอัด คนตัวเล็กกว่าดันแขนของแบคฮยอนออกแล้วลุกขึ้นเดินหนีแต่แบคฮยอนก็ถลาตามไปกอดขาของคยองซูไว้ไม่ให้เดินหนีไปไหนได้
     
    “อย่าทิ้งเขาเลยนะขอร้อง ตัวเล็กก็รู้ไม่ใช่เหรอว่าเขาอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีตัวเล็ก” แต่คยองซูก็ไม่คิดที่จะตอบอะไรกลับไป  พยายามแล้วที่จะแกะมือที่กอดขาตัวเองออกแต่ก็ทำไม่ได้ ยิ่งแกะก็ยิ่งรัดแน่น
     
    “แบคฮยอนปล่อย” แต่เจ้าตัวก็ไม่ยอมปล่อย คยองซูก็ไม่รู้จะทำยังไง
     
    “แบคกี้ขอร้องปล่อยฉัน”
     
    “ไม่!! อย่าไปเลยนะ ตัวเล็กจะไม่รักเขาแล้ว จะเกลียดเขาก็ได้แต่อย่าไปจากเขาเลยนะ ถ้าตัวเล็กจะมีคนอื่นเขาก็ไม่ว่าแต่ขอร้องอย่าทิ้งเขาเลยนะ เขาอยู่ไม่ได้จริงๆถ้าไม่มีตัวเล็ก ขอร้องได้โปรดอย่างทิ้งเขาไปเลยนะ เขารักตัวเล็กจริงๆนะ” คยองซูกัดริมฝีปากอย่างลำบากใจ
     
    “อย่าไปไหนเลยนะตัวเล็ก อยู่ข้างๆตัวโตเถอะนะ” 
     
    “กลับไปซะพยอนแบคฮยอน!!!” คยองซูตวาดเสียงดังแล้วปัดมือของแบคฮยอนออก คนที่ยังตกใจกับเสียงตวาดนั้นกับเสียงกร้าวที่เรียกชื่อเต็มก็ได้ผงะตกใจจนเผลอผ่อนแรงทำให้คยองซูดันมือเขาออกได้ ดวงตากลมหันมาจ้องด้วยแววตาไร้แววประกาย
     
    “ออกไปจากบ้านฉัน” คยองซูทิ้งสายตาเย็นชาไว้ก่อนที่จะหันหลังเดินขึ้นห้องนอนไป ทิ้งให้แบคฮยอนอยู่ตรงนั้นคนเดียวกับความไม่เข้าใจว่าเขาทำสิ่งใดผิดไป เขาเปลี่ยนไปหรือคยองซูเปลี่ยนใจ
     
    แบคฮยอนที่ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อไปดีก็ได้แต่นั่งอยู่ตรงนั้นไม่ขยับไปไหน ขอแค่เพียงให้ได้คุยกับคยองซูอีกสักครั้ง ขอให้ได้เหนี่ยวรั้งคยองซูไว้อีกสักหน่อย เขาจะไม่ยอมปล่อยมือคยองซูเด็ดขาด ไม่ว่าจะยังไงคยองซูก็จะเดินหนีไปจากเขาไม่ได้ และเขาก็จะไม่ยอมให้คยองซูเดินหนีไปไหนเหมือนกัน!!
     
    พยอนแบคฮยอนขอสาบานเลยว่าถ้าเขารู้ตัวว่าใครกันที่ทำให้คยองซูหมดรักเขา เขาจะตามไปฆ่ามัน! ไม่ว่ามันจะเป็นใครหรืออยู่ที่ไหน คนที่ทำให้คยองซูหมดใจจากเขาไปมันจะต้องไม่อยู่สุขแน่ๆ เขาขอสาบาน!!
     
    แต่ตอนนี้สิ่งเดียวที่แบคฮยอนทำได้คือรอให้คยองซูใจเย็นแล้วพูดคุยกันอีกครั้ง แบคฮยอนลุกขึ้นยืนแล้วเดินตามคยองซูขึ้นไปด้านบน เขารู้ว่าห้องนอนของคยองซูอยู่ที่ไหนในบ้านหลังนี้ บานประตูตรงหน้าเรียกให้แบคฮยอนสูดลมหายใจลึกๆแล้วเยื่อมือไปหมุนลูกบิดประตูดู....... แต่มันล็อคจากด้านใน
     
    คยองซูปิดทุกช่องทางสำหรับเขาอย่างนั้นเหรอ? แค่นี้ยังทำให้เขาเจ็บปวดเจียนตายไม่พอหรือยังไงกัน?
     
    “ตัวเล็กเปิดประตูเถอะนะ” แบคฮยอนเคาะประตูแล้วก็แนบหน้าผากเข้ากับบานประตูเย็นเฉียบนั่นอย่างอ่อนแรง ถ้าบานประตูนี้ไม่เปิดเขาก็จะไม่ไปไหนเช่นกัน แบคฮยอนหมุนตัวกลับแล้วใช้หลังพิงประตูนั้นก่อนที่จะค่อยๆทรุดลงนั่งรอคอยบานประตูนั้นเปิด
     
    ...ตัวเขาก็เพียงแค่หวังว่าบานประตูนี้จะไม่ปิดตายไปตลอดกาล...
     
     
     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×