ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [SF EXO] Impossible Miracle Love [คู่จิ้นตามใจฉัน]

    ลำดับตอนที่ #32 : [SF] Kai x Chen - Sleeping Beauty

    • อัปเดตล่าสุด 28 ต.ค. 56


    Title: Sleeping Beauty
    Pairing: Kai x Chen
    Author: BettyNoona
    Note: แม้แต่อุปสรรคขวากหนามก็มิอาจพรากคนทั้งสองให้แยกออกจากกัน 
     
     
    Note2: เราพยายามที่จะคงเรื่องเดิม(?)ไว้นะคะ ซึ่งมันก็ออกมาได้ดีมาก(?) ฮ่าๆๆๆๆๆๆ
     
    ทำรวมเล่มนิทานอีสปทูจงซะดีไหมเนี่ย ฮ่าๆๆๆ ทำไมมีแต่คนมาขอนิทานล่ะะะะะะะ ชอบกันสินะสินะ
     
     
     
     
     
     
     
     
    เรื่อยขึ้นไปทางเหนือของประเทศหนึ่ง ในปราสาทใหญ่ขององค์พระราชาและพระราชินีกำลังจัดงานพิธีเฉลิมฉลองการประสูติของเจ้าชายองค์หนึ่ง ในงานเลี้ยงนั้นทั้งนางฟ้านางสวรรค์องค์ภูติทั้งหลาย เหล่าบรรดาวงศาคณาญาติที่มาจากต่างเมืองและแว่นแคว้น และเหล่าข้าราชบริพารทั้งหลายต่างก็มาร่วมยินดีปรีดา
     
    พระโอรสที่มีพระฉวีสีขาวราวกับเกล็ดหิมะ ดวงพระเนตรโตสีนิล พระโอษฐ์สีแดงราวกับเชอร์รี่ป่าที่กำลังทรงพระสรวลอยู่บนพระอู่ทองที่จัดขึ้นเพื่องานนี้โดยเฉพาะ เหล่าภูติสวรรค์ชั้นฟ้าที่ถูกเชิญมางานนี้กำลังบินวนอยู่รอบๆพระอู่ทองนี้ ต่างก็ร่วมยินดีที่พระราชาและพระราชินีประสูติเสียที
     
    “เอาล่ะได้ฤกษ์งามยามดีที่ข้าในนามของพระราชาแห่งแว่นแคว้นนี้จะประกาศการประสูติของโอรสของข้า ในนามของบิดาข้าขอมอบพระนามให้บุตรแห่งข้าว่าจงแด” แล้วเสียงระฆังก็ดังก้องกังวานทั่วทุกสารทิศ ดังก้องกังวานดั่งชื่อของพระโอรส
     
    “ท่านพี่คริสให้เหล่านางฟ้าประทานพรด้วยสิเพคะ” องค์ราชินีลุกจากแท่นประทับเดินลงมายังพระอู่ทอง โอรสที่เห็นหน้าพระมารดาก็ทรงพระสรวลมีความสุขนักพร้อมกับยื่นพระหัตถ์เล็กๆมากำพระดัชนีของพระมารดาไว้
     
    “ถ้าเช่นนั้นน้องก็ถอยออกมาก่อนเถิดชานยอล เหล่านางฟ้าทั้งหลายจักได้ประทานพรให้แก่ลูกของเราได้” องค์ราชาเข้าประครององค์ราชินีไว้แล้วพาก้าวถอยหลังออกห่างจากพระอู่ และเมื่อนั้นเหล่าภูติตัวน้อยทั้งหลายก็ได้ประธานพรทีละองค์
     
    ทั่วทั้งแผ่นดินต่างแซ่ซ้องยินดีปรีดาทั้งในและนอกรั้วปราสาท จะมีก็แต่นางฟ้าหนึ่งองค์ที่ไม่ได้ถูกรับเชิญ ไกลออกไปจากตัวปราสาทนางฟ้าองค์ที่ได้ทราบข่าวว่าวันนี้จะมีพิธีเฉลิมฉลองการประสูติของเจ้าชายก็นึกโกรธกริ้ว เพราะเธอเป็นนางฟ้าองค์เดียวที่ไม่ถูกรับเชิญ
     
    “มันช่างน่าเจ็บใจนัก!” นางฟ้าองค์นั้นรีบบินไปยังปราสาทขององค์ราชาและราชินีทันที ใบหน้าสวยงามที่บิดเบี้ยวไปด้วยความโกธานั้นดูมาดร้ายยิ่งนัก
     
    ข้าจักทำให้พวกเจ้าทั้งหลายที่กล้าลบหลู่ข้าต้องพังพินาศ!!!
     
    “ท่านพี่คริสเพคะ” น้ำเสียงหวานเอ่ยเรียกสวามีแผ่วเบา องค์ราชาที่ทอดพระเนตรเหล่านางฟ้าที่กำลังประทานพรอยู่นั้นผินพระพักตร์กลับมาที่พระชายาข้างกาย ดวงพักตร์นวลฉายแววกังวลพระทัยยิ่งนัก
     
    “มีสิ่งใดหรือน้องพี่ เจ้ากังวลสิ่งใดหรือบอกข้าเถิด” องค์ราชากอดประครองพระชายาไว้ ชานยอลเอียงพักตร์ซบกับพระอุระของสวามี
     
    “ข้ากลุ้มใจจังเลยท่านพี่ ถ้านางฟ้าอี้ชิงรู้ว่าเราจัดงานล่ะก็... นางคงโกรธมากนะเพคะ” 
     
    “ข้าจักปกป้องเจ้าและบุตรของเราเอง เจ้าอย่าได้ห่วงไปเลย” องค์ราชาแสดงสีหน้าไม่สู้ดีนัก ใยเขาจักไปต่อกรกับเหล่านางฟ้าที่มีมนต์วิเศษได้เล่า เขาถึงเลือกที่จะเลี่ยงโดยการไม่ส่งคำเชิญไปหานางฟ้าองค์นั้น ด้วยนิสัยที่ไม่ยอมใคร เอาแต่ใจและเจ้าคิดเจ้าแค้น ตัวเขาเองไม่อยากจะให้บุตรที่กำเนิดมานั้นมีนิสัยแบบนั้นจึงไม่ชวนมา แต่ดูเหมือนเขาจะทำผิดพลาดไป
     
    “แหมๆๆ มีความสุขกันดีเหลือเกินนะเพคะ” นางฟ้าที่ไม่ถูกรับเชิญใช้เวทมนต์เปิดหน้าต่างและประตูเข้ามา พลันหิมะอันหนาวเหน็บก็พัดเข้ามาดั่งพายุวน ผู้คนทั้งหลายต่างก็กรีดร้องโวยวาย ทหารองครักษ์เข้ามาล้อมปกป้องพระราชา พระราชินีและบุตรที่เพิ่งเกิดไว้ เหล่านางฟ้าต่างก็คุ้มครองปกป้องเช่นกัน
     
    “พวกท่านกล้าลบหลู่ข้า! แต่เห็นด้วยว่าข้ากับองค์ราชินียังคงมีสิ่งดีๆเกื้อกูลกันข้าจะประทานพรให้แก่โอรสน้อย” อี้ชิงกล่าวด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนและดูโอบอ้อมอารี นางฟ้าผู้นี้ค่อยๆบินมาเหนือร่างของจงแดที่ยังคงกันแสงอยู่
     
    “องค์ชายองค์น้อยที่จะเติบโตเป็นเจ้าชายรูปงามข้าขอประทานพรให้ท่าน เมื่อเจ้าชายเติบใหญ่เป็นชายหนุ่มรูปงามจะต้องถูกเข็มปั่นด้ายทิ่มนิ้วและสิ้นชีพทันที!!” แล้วเสียงทรงสรวลของนางฟ้าก็ดังกึกก้องไปทั่วทั้งปราสาท องค์ราชินีทำได้แค่เพียงทรงพระกันแสงอยู่ในอ้อมพระอุระขององค์ราชาเพราะทรงสงสารบุตรน้อยเหลือเกิน แม้ว่านางฟ้าองค์นั้นจะกลับไปแล้วแต่เสียงสรวลยังสะท้อนก้องอยู่ไม่ขาด
     
    “อย่าห่วงไปเลยองค์ราชินี ข้าจะแก้คำสาปให้เองแต่อาจจะไม่ได้ทั้งหมดแต่ก็เบาบางลงได้” องค์ราชินีถลาออกจากอ้อมพระอุระของสวามีลงไปยังพระอู่ของพระโอรส
     
    “ท่านนางฟ้าจุนมยอนช่วยลูกของข้าด้วยเถิด” ชานยอลร้องไห้แทบขาดใจ ไม่ว่ายังไงคนเป็นมารดานั้นก็ไม่อยากให้ลูกเป็นอะไร 
     
    “ข้าจะพยายามให้ดีที่สุด ด้วยอำนาจของข้าข้าขอประทานพรให้เจ้าชายเมื่อเติบใหญ่ หากว่าจักต้องสิ้นพระชนม์ขอให้ทดแทนด้วยการบรรทม 100ปีและสิ่งมีชีวิตทุกสิ่งในแว่นแคว้นนี้จักต้องบรรทมตามไปด้วยจนกว่าจักมีคู่แท้ที่จักฝ่าฟันความลำบากเข้ามาหาและจุมพิตด้วยความรัก”
     
    บนนภาสีรัตติกาลปรากฏสายฟ้าพาดผ่าน ลำแสงสีขาวสาดสะท้อนกว้างไกลจนสุดเขตแดนแคว้น คำสาปมิอาจลบออกหมดแต่ทำได้เพียงหักเหมันให้เบาบางลง แต่ก็ภาวนาและหวังว่าจะไม่มีสิ่งใดมาทำให้เกินคำสาปนั้น
     
    “ลู่หานประกาศราชโองการไปให้ทั่วแว่นแคว้น ห้ามผู้ใดใช้หรือครอบครองเครื่องปั่นด้ายให้ทำลายทิ้งเสียถ้าฝ่าฝืนคำข้า ข้าจักจับมันผู้นั้นมาตัดหัว!!”
     
    “รับทราบพะยะค่ะ!!”
     
     
     
     
     
     





    16 ปีผ่านไป...
     
     
    “น้องจงแดเป็นเจ้าชายแสนงาม~ แถมอีกไม่นานก็จะเป็นนักเต้นแล้วน๊า~~” เจ้าชายที่เติบโตมาพระสิริโฉมงดงามกำลังเดินเล่นอยู่ในสวนของรั้วปราสาท  ในมือมีดอกหญ้าเดินแกว่งไปมากับนภากาศอย่างอารมณ์ดี
     
    “จงแด~ ท่านอาจารย์สอนร้องเพลงมาแล้วนะลูก~” จงแดที่กำลังเดินลัลล้าอยู่นั้นถอนหายใจทันที ตัวเขาไม่ชอบเรียนร้องเพลง เขาอยากเรียนเต้นมากกว่าถึงแม้ท่านแม่จะให้มาสอนเขาเต้นรำแต่เวลาที่ท่านแม่ไม่อยู่เขาก็แอบให้ท่านอาจารย์สอนเต้นแบบใหม่ทุกที
     
    “จงแด~~”
     
    “จะไปเดี๋ยวนี้ล่ะท่านแม่~” แล้วเจ้าชายขี้เบื่อก็ต้องละทิ้งการเดินเล่นในสวนไป อยากออกไปเที่ยวเล่นข้างนอกจังเลยนะ
     
    การเรียนวันนี้น่าเบื่อมากๆเพราะท่านอาจารย์ที่สอนเต้นไม่มาสอน และชั่วโมงเรียนวันนี้ก็คงหมดแค่ช่วงบ่าย ดังนั้นเจ้าชายจงแดก็เลยเข้าไปเล่นกับท่านพ่อและท่านแม่ในห้องทรงงานของท่านพ่อ ในขณะที่ท่านพ่อกำลังทรงงานดูความทุกข์สุขของชาวเมืองอยู่ ท่านแม่ก็นั่งจิบชาอยู่ที่โซฟายาวเท่านั้น
     
    “ท่านแม่~ จงแดออกไปเล่นข้างนอกได้ไหม?” ชานยอลทำสีพระพักตร์ตกใจก่อนที่จะจับพระพาหาของเจ้าชายจงแดทันที
     
    “ไม่ได้ แม่ขอสั่งห้ามเจ้าเลยนะจงแด!! ห้ามออกไปนอกรั้วปราสาทเด็ดขาด!!” แม้จงแดจะไม่เข้าใจอะไรมากนักแต่ก็ยอมเชื่อฟัง เหตุที่ไม่ยอมให้ออกไปนั้นก็เพราะกลัวว่าจะโดนคำสาปของนางฟ้าอี้ชิง ชานยอลยอมไม่ได้หรอกถ้าเขาจะต้องเสียลูกไป แม้ว่าจะนิทราไป 100ปีก็เถอะ ถ้าเลือกได้มันไม่ควรจะเกิดขึ้นเลยต่างหาก!!
     
    แต่เจ้าชายจงแดก็ยังคงเป็นเจ้าชายจงแดที่หัวรั้นเช่นเดิม วันหนึ่งหลังจากที่ให้ท่านอาจารย์สอนร้องเพลงกลับไปแล้วเจ้าชายก็หลบหนีทหารองครักษ์แอบมุดรอดรอยแตกของด้านหลังปราสาทออกไป ท่านอาจารย์ที่สอนเต้นท่านเคยบอกว่าด้านหลังจะมีทางเชื่อมลงไปยังหมู่บ้านด้านล่างเช่นกันและไม่มีผู้ใดพบเห็นแน่ๆ
     
    จริงๆแล้วท่านอาจารย์สอนเต้นแอบชอบพอกับคนรับใช้ท้ายห้องของท่านแม่ ท่านอาจารย์ก็เลยรู้เส้นทางนี้แล้วก็ยังให้แผนที่มาอีกด้วย แบบนี้ล่ะสุดยอดไปเลย!!
     
    “ด้านนอกปราสาทมันเป็นแบบนี้เองหรอกเหรอ จะว่าไปถ้ามีคนรักมาเดินข้างกายก็คงจะดีไม่น้อย” บรรยากาศรอบด้านนั้นช่างแปลกตาและไม่เคยพบเห็นมาก่อน จงแดก้าวเดินไปเรื่อยๆจนถึงสระน้ำศักดิ์สิทธิ์ของเมืองนี้
     
    สระน้ำกว้างใหญ่ที่มีน้ำสีฟ้าใสและมักจะมีสิงสาราสัตว์น้อยใหญ่มาใช้ประโยชน์จากสระน้ำนี้ รวมถึงบรรดาผู้คนที่อาศัยอยู่ในเมืองนี้เช่นกัน สระน้ำนี้ล่ำลือกันว่าถ้าขอสิ่งใดก็มักจะสำฤทธิ์ผล 
     
    “ถ้าเช่นนั้นข้าก็ควรที่จะไปขอพรสินะ” จงแดเดินเข้าไปใกล้สระน้ำศักดิ์สิทธิ์นั้นก่อนที่จะนั่งลงแล้วก้มหน้ามองเงาสะท้อนบนผิวน้ำ บนผิวน้ำสะท้อนเป็นดวงพักตร์ของเจ้าชายจงแด
     
    “ข้าอยากนิมิตถึงคู่ครองของข้า ในยามหลับขอให้ข้าได้เจอเขาให้ความฝัน ในยามตื่นขอให้เขามาปรากฏต่อหน้าข้า ... ขอให้คู่ของข้าเป็นนักเต้นที่เก่งกาจด้วยเถิด!!” 
     
    เจ้าชายคงทอดพระเนตรไม่เห็นหญิงชราที่นั่งอยู่ใต้ต้นไม่ไม่ใกล้ไม่ไกล นางกำลังนั่งปั่นด้ายอยู่ .. เครื่องปั่นด้ายที่ถูกสั่งเก็บไปแล้วกลับอยู่กับนางได้ จงแดที่หันมามองก็รู้สึกประหลาดใจยิ่งนักว่าเหตุใดหญิงชราถึงมานั่งทำอะไรก็ไม่รู้กับเครื่องที่หน้าตาประหลาดเช่นนี้
     
    เมื่อเดินเข้าไปใกล้ก็เห็นว่านางกำลังปั่นด้ายอยู่แต่ทำไมเครื่องนี้ถึงไม่มีในบ้านเมืองของตน หรืออาจจะเป็นเพราะหญิงชราคนนั้นจะเป็นคนต่างเมืองกัน ดวงตาเรียวที่มีแววอิดโรยหันมาสบตากับเจ้าชาย มืออันเหี่ยวย่นของนางหยุดกำปั่นด้าย
     
    “เจ้าจะลองดูไหม สนุกนะ” เมื่อหญิงชราผายมือมา จงแดก็ลองแตะลงตัวเครื่องปั่นด้าย ลูบเบาๆก่อนที่จะเริ่มทดลองปั่นด้าย พอยิ่งได้ทำก็เริ่มสนุกจนไม่รู้ตัวเลยว่าหญิงชราหายไปแล้ว
     
    “อ๊ะ!!” เข็มของเครื่องปั่นด้ายแทงเข้าที่ปลายนิ้วดัชนีของเจ้าชาย แล้วเพียงชั่วครู่เจ้าชายจงแดก็ล้มฟุบลงกับพื้นหญ้า เหล่าบรรดาสัตว์น้อยใหญ่ต่างก็ช่วยกันพาเจ้าชายกลับปราสาท
     
    หลังจากที่ให้เจ้าชายได้บรรทมบนพระแท่นบรรทมเรียบร้อยแล้ว สิ่งมีชีวิตทั้งหลายก็ค่อยๆเข้าสู่การหลับใหล เมื่อทุกสิ่งมีชีวิตอยู่ในห้วงแห่งการหลับใหลที่ยาวนานแล้ว ป่ารอบเมืองก็ค่อยๆงอกเงยขึ้นเป็นเงาร่มไม้ใหญ่เพื่อปกปิดแว่นแคว้นนี้ตามเวทมนต์ของผู้พิทักษ์
     
    ไม่มีแม้แต่สายลมพัดผ่าน แสงอาทิตย์ก็มิอาจลอดผ่านลงมาได้ หลับใหลยาวนานจนแทบจะตลอดกาล
     
     




     
     
     
    100 ปีผ่านไป
     
     
    “เฮ้!! ยอมแพ้เถอะว่ะยังไงแกก็ไม่ชนะฉันหรอกน่า!!” เสียงตะโกนลั่นดังออกมาจากห้องบรรทมของเจ้าชาย แน่นอนว่าไม่มีใครกล้าโปล่หน้าเข้าไปขัดจังหวะหรอก
     
    “หนอย!! กล้าเล่นเพลงยากนะไม่ยอมหรอก!!!” แล้วทั้งเสียงเพลง เสียงกระโดด เสียงโวยวายก็ดังไปอีกหลายห้องจนเข้าถึงหูพระบิดาจนได้
     
    “ไอ้จงอิน ไอ้จื่อเทาเงียบโว๊ย!!!!” พระบิดาที่ถีบประตูเข้ามาพร้อมกับยืนจังก้าอยู่หน้าห้อง ทั้งจงอินและจื่อเทาที่ยืนเกาะเครื่องเครื่องเต้นไว้ บนหน้าจอยังคงฉายเกมที่กำลังฮิต ตัวเครื่องหมายต่างๆไหลขึ้นไปจนเกมโอเวอร์
     
    “จะทำงานมาแหกปากอยู่ได้เดี๋ยวพ่อก็สั่งโบยซะหรอก!!” จงอินกับจื่อเทาทิ้งเกมเต้นไว้แล้ววิ่งกอดพระบิดาทันที
     
    “โธ่~ ท่านพ่อที่รักและเคารพยิ่งท่านจะทำร้ายพวกเราได้ลงเหรอ” 
     
    “ใช่ๆ จื่อเทาพูดถูกก็พวกเราน่ารักซะขนาดนี้” แล้วขื่อเทาก็ทำท่าแอ๊บแบ๊วใส่ซะเลย
     
    “แถมยังออกจะรักท่านพ่อขนาดนี้” จื่อเทาทำมือรูปหัวใจแล้วส่งให้รัวๆ 
     
    “ประสาทจะกิน เล่นเงียบๆเข้าใจไหม? ฉันจะปั่นป๊อกอย่าเสียงดัง” เมื่อพระบิดาออกจากห้องไปจื่อเทากับจงอินก็แท็คมือกัน ก่อนที่จะกลับไปยังเครื่องเต้นต่อ
     
    “ต่อไปจัดเพลงเลเวลยากสุดมาเลย!!!”
     
     
    โลกในอีก 100ปีต่อมาก็คงจะไม่มีสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่านางฟ้ามาคอยบินวนเวียนแล้ว เพราะสิ่งที่บินมาวนเวียนคือผีเสื้อแสนสวย ยามบ่ายที่เป็นยามว่างของเจ้าชายทั้งสองก็มักจะมานั่งในสวน จิบน้ำชาไป มองดูต้นไม้ ดอกไม้และสรรพสัตว์บนท้องฟ้าไป เพลินจนไม่รู้จะทำอะไรต่อไปแล้ว ว่างมากเกินจนฟุ้งซ่าน
     
    เจ้าชายจงอินเงยหน้าขึ้นมองบนท้องฟ้าแล้วก็นึกไปถึงใบหน้าของคนที่เขามักจะฝันถึงอยู่แทบจะทุกค่ำคืน เจ้าของเสียงร้องไพเราะที่พยายามอยากจะเต้นให้เขาดูเหลือเกิน ถ้าได้พบกันจริงๆก็ดีน่ะสิ
     
    “เป็นอะไรไปคิดถึงคนในฝันเหรอ?” จื่อเทากระแซะเข้าให้ จงอินหันมาพยักหน้ารับเบาๆ
     
    “เขาเป็นใครวะถามจริงๆเถอะ ทำไมถึงมาเข้าฝันบ่อยจัง”
     
    “ไม่รู้ดิ แต่พูดก็ภาษาแปลกๆแต่ไม่รู้ทำไมถึงรู้สึกดี”
     
    “รักเขาแล้วหรือเปล่าวะผู้หญิงคนนั้นอ่ะ? เป็นไงสวยไหม?” จื่อเอ่ยล้อเลียนพร้อมกับยื่นหน้าเข้ามาใกล้
     
    “ก็สวยดี แต่เขาเป็นผู้ชาย”
     
    “ห๊ะ!!!!”
     
    ช่วงเวลาตอนกลางคืนคือค่ำคืนที่เจ้าชายจงอินชอบที่สุด เพราะจะได้นอนหลับและฝันถึงใครบางคน คนที่เขาก็ไม่ได้รู้จักดีนักแต่มักจะเจอะเจอกันในฝันเสมอ รูปร่างบอบบาง ใบหน้างดงามกับผิวขาวที่ตัดกับริมฝีปากสีแดงระเรื่อนั่น
     
    มันติดใจเขาจริงๆ ไม่ว่าจะให้จิตรกรฝีมือดีจากที่ไหนก็มิอาจสรรสร้างภาพของคนในฝันของเขาให้ออกมาได้ คนในความฝันของเขางดงามและสวยงามกว่าภาพวาดไร้จิตวิญญาณนั้น
     
    อยากเจอจังเลยนะ... อยู่ที่ไหนกัน..
     
     
     
     
     
    ในดินแดนสนทยานั้นข้างสระน้ำอันศักดิ์สิทธิ์ จงอินมองเห็นคนๆนั้นกำลังนั่งอยู่ริมสระน้ำ จงอินที่ยังไม่แน่ใจว่าตัวเองดูดีแล้วหรือยังก็หันหลังไปหยิบกระจกอันเล็กที่แอบใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกงนอนออกมาส่องเช็คความเรียบร้อย พรมน้ำหอมอีกหน่อย ฉีดสเปรย์ดับกลิ่นปากอีกนิดแค่นี้ก็พร้อมแล้ว!!
     
    จงอินมาแล้วจ๊ะแม่ยอดดวงใจยาหยี~
     
    “มาแล้วหรือ ข้ารอท่านตั้งนานแน่ะ” จงอินมองรอยยิ้มของคนตรงหน้าแล้วก็ไม่รู้จะทำยังไงก็ได้แต่เดินเข้าไปลงนั่งข้างๆ
     
    “ข้ายังไม่เคยถามชื่อเจ้าเลย”
     
    “นั่นสินะ ข้าชื่อจงแดเป็นบุตรแห่งราชาคริสและองค์ราชินีชานยอลแห่งแคว้นทางเหนือ ท่านล่ะ” จงอินมองรอยยิ้มของจงแดแล้วก็รู้สึกแปลกๆ จะว่าเขินก็ใช่นั่นแหละ
     
    “ขะ.. ข้าชื่อจงอินเป็นเจ้าชายทางแคว้นเเดนใต้” จงแดยิ้มแล้วก็ชี้ปลายนิ้วมาหา
     
    “เต้นเก่งด้วย ขอบใจท่านที่ช่วยสอนข้าเต้น” จงอินหันหน้าไปอีกด้านแล้วก็กระแอมไอเบาๆ
     
    “ก็แลกกับที่เจ้าร้องเพลงให้ข้าฟังไง” จงแดส่งยิ้มให้ก่อนที่จะขยับตัวเข้าใกล้จงอินจนแทบจะเกยกันอยู่แล้ว
     
    “ท่านสงสัยไหมว่าทำไมเราถึงเจอกันบ่อยเหลือเกิน” จงอินที่พยายามควบคุมตัวเองก็เหลือบตามอง ทีนี้เจ้าชายจากแคว้นทางใต้ก็เหงื่อแตกพลั่กๆเลยทีนี้
     
    “กะ.. ก็สงสัยอยู่” ก็ได้แต่เหลือบตามองจะผลักออกก็ไม่กล้า จะบอกให้เขยิบถอยออกไปนิดก็แบบ.. ตัวหอมดีไง มานั่งพิง นั่งชิดแบบนี้ เดี๋ยวก็แย่ไปกันใหญ่เลยนี่พูดเลยนะ!!
     
    “ข้าเคยขอกับสระน้ำแห่งนี้ว่าข้าอยากเจอคู่ของข้าแล้วท่านก็ปรากฏ ท่านเข้าใจหรือเปล่าท่านจงอิน” จงแดที่นั่งแซะอยู่ข้างๆเบียดเข้าไปใกล้แล้วก็ช้อนใบหน้าขี้นมอง .. นี่พูดเลยว่าจงอินจะไม่ทน(แล้วนะ)!!
     
    “ข้าเป็นคู่ของเจ้าใช่หรือไม่ล่ะ” จงแดกัดริมฝีปากแล้วเอียงคอช้อนสายตาใส่
     
    “แล้วท่านคิดว่าใช่หรือไม่ล่ะท่านจงอิน” จงแดขยับอีกนิดแล้ววางมือลงบนแผงอกของจงอินที่พยายามข่มใจอยู่ 
     
    “มันคงจักถึงเพลาแล้ว.. ท่านจงอินช่วยข้าที ข้าเหงาเหลือเกิน ในทีนี้มีแต่ข้าเพียงผู้เดียวได้โปรดเถิดช่วยข้าด้วย” ในเมื่อร้องขอมา.. เจ้าชายก็จัดไป
     
    “ก็ได้ข้าจะช่วยเจ้าเอง” ทำหน้าตาดีใจได้ไม่เท่าไหร่ก็โดนดันลงนอนกับพื้นหญ้าเสียแล้ว จงแดที่ยังคงตกใจใช้สองมือดันจงอินที่ขึ้นคร่อมตัวเองไว้
     
    “ทะ.. ท่านจงอินจะทำอะไรข้า!!”
     
    “ก็ช่วยให้เจ้ามีความสุขไง” ไม่รู้ว่าจงแดคิดไปเองหรือเปล่าแต่ดวงพักตร์แสนคมนั้นฉายแววเจ้าเล่ห์ชอบกล ซ้ำยังดวงเนตรสีเข้มนั้นที่มองทอดมามันฉายแววประกายแปลกๆด้วย
     
    “ไม่ใช่แบบนั้น ไอ้ท่านจงอินลามก!!!!!!” จงอินที่ก้มลงสัมผัสกับซอกคอขาวของคนด้านล่างก็ถลาลอยไปไปหล่นตุ๊บใต้ต้นไม้ที่อยู่ใกล้ๆด้วยลูกถีบยอดอกของจงแดเสียเลย
     
    “ถึงข้าจะอยากเสียตัวแต่ต้องไม่ใช่ในฝันแบบนี้สิ!!! รีบๆมาช่วยข้าสิแล้วข้าจะมอบกายให้ท่าน”
     
    “ช่วย? มอบกาย? ห๊ะ เดี๋ยวสิ!!” ยังไม่ทันที่จะได้ไขความกระจ่างเลยร่างของจงแดก็จางหายไปพร้อมกับแสงแดดที่ลอดเข้ามาทางหน้าต่าง
     
    สาบานว่าเจ้าชายจงอินไม่เคยอยากจับพระอาทิตย์มาขังคุกใต้ดินเท่านี้มาก่อน!!!!
     
     
     
    “อะไรนะ? เจ้าว่าไงนะ? โอ๊ย!!!” ยังถามไม่ทันกระจ่างก็โดนเคาะหัวด้วยม้วนกระดาษเสียแล้ว
     
    “ข้าเป็นพี่ชายของเจ้านะจื่อเทา.. ถ้าจะไปแคว้นเมืองเหนือระยะทางไปนานเท่าไหร่” จื่อเทาทำท่าคิดก่อนที่จะทำสีหน้าไม่แน่ใจ
     
    “จากหนังสือที่ข้าเคยอ่านก็.. ถ้าเดินเท้าประมาณ 3เดือนแต่ถ้าขึ้นม้าล่ะก็ 15วัน แต่ว่าแคว้นเมืองเหนือได้หายสาบสูญไปตั้ง 100ปีแล้วนะอยู่ๆเจ้าจะถามทำไม?”
     
    “จงแดบอกให้ข้าไปช่วย” จื่อเทามองจงอินแล้วก็ไม่เข้าใจ
     
    “จงแด? ผู้ใดกัน?”
     
    “คนในฝันข้านั่นแหละ เขาบอกว่าเป็นบุตรแห่งราชาคริสและองค์ราชินีชานยอลแห่งแคว้นทางเหนือ” จื่อเทาที่ได้ฟังคำบอกเล่าก็ถึงกับทำตาโต
     
    “ทั้งราชาและราชินีหรือแม้แต่เมืองเหนือนั่นมันหายสาบสูญไปแล้วนะ! เจ้าคิดไปเองหรือเปล่า” จงอินยกมือขึ้นแตะที่ริมฝีปาก ความรู้สึกที่ได้สัมผัสผิวกายขาวละเอียดนั้นมันยังคงติดอยู่ที่ริมฝีปาก
     
    “ข้าจะไปจื่อเทา ข้าจักไปตามหาจงแดของข้า!!” 
     
    “ไปเป็นของเจ้าตั้งแต่เมื่อไหร่ ได้เสียกันแล้วหรือไง? แล้วไอ้พวกนางสนมอีก 108ที่เรือนเล็กนั่นเรียกอะไร?”
     
    “ไอ้จื่อเทา!! หุบปากไปเลย!!!” แล้วจื่อเทาก็ได้รางวัลการพูดโดยการโดนม้วนกระดาษฟาดหัวรัวๆ จงอินแถมท้ายด้วยการคว้าหนังสือนิยายเล่มโปรดมาฟาดเข้าให้อีก... จื่อเทาพุ่งถลาลงพื้นด้วยท่าสวยงามเอาไปเลย 10แต้ม
     
    หลังจากที่ตกลงใจกันว่าจะไปแคว้นเมืองเหนือแล้วจื่อเทาก็แอบเข้าห้องอ่านหนังสือไปขโมยแผนที่ ซึ่งสิ่งที่จะขโมยนั้นจะอยู่ในส่วนของหนังสือเก่าเก็บ แม้จะต้องทะเลาะกับทหารองครักษ์ตัวน้อยที่พยายามจะขัดขวางไม่ให้เอาไปเสียเหลือเกิน
     
    จงอินกำลังยืนรออยู่ที่ทางออด้านหลังปราสาท แน่นอนว่าเรื่องนี้จะให้พระบิดาหรือแม้แต่พระมารดาทรงทราบก็ไม่ได้ ดังนั้นเรื่องที่จะจัดเตรียมขบวนหรือแม้แต่เดินออกนอกแคว้นทางประตูหน้าก็ไม่ได้
     
    “รอข้าก่อนนะจงแด ข้ากำลังจะตามไปหาเจ้า” ฉับพลันจงอินก็ได้ยินเสียงรถ.. ใช่ รถ.. กำลังเร่งเครื่องมาทางเขาด้วย
     
    “เสียงอะไร?” พอหันกลับไปมองก็เห็นปอร์เช่แต่งสีดำสวยกำลังแล่นมาทางเขา.. บอกว่าอย่าให้ใครรู้ แต่มันเล่นถอยปอร์เช่ออกมา!!! เออรู้กันทั้งประเทศเลยทีนี้!!!
     
    “ขึ้นมาให้ไว!!” จื่อเทากวักมือเรียก จงอินก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากกระโดดขึ้นรถไปด้วย
     
    “เอาน่า~ จะเดินทางไปแคว้นเหนือมันไกลขับรถไปนี่ล่ะเดี๋ยวก็ถึง!!”
     
    เจ้าชายจงอินไม่เคยอยากจะปลิดชีพเจ้าชายจื่อเทาเท่านี้มาก่อน... ถ้าไม่มีพวกทหารองครักษ์วิ่งไล่ตามมาน่ะนะ
     
     
     
    การที่จะเข้าไปในแคว้นทางเหนือนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย... จงอินก็เพิ่งประจักษ์แก่ใจก็ตอนเห็นทางเข้าของเมืองนี่ล่ะ ต้นไม้ใบหญ้าที่ขึ้นบดบังปิดทางเข้าและโอบล้อมมิให้ผู้ใดผ่านเข้าไป จงอินกระโดดลงจากปอร์เช่ก่อนที่จะเดินไปยังทางเข้าที่โดนกิ่งก้านสาขาของต้นไม้และเถาวัลย์ปิดทาง
     
    “เราจะเข้าไปกันยังไงดี” จื่อเทายืนขึ้นถาม ไม่ลงจากรถนะเพราะเดี๋ยวไม่เท่ ยืนเต๊ะท่าอีกนิด ขยับแว่นดำอีกหน่อย โอ้โห้หล่อจนคนแอบมองยังใจสั่น
     
    “นี่ไม่ใช่เรื่องยาก” จงอินหันมายักคิ้วให้ก่อนที่จะเดินเข้าไปใกล้ๆ
     
    “ในนามของเจ้าชายจงอิน ข้าขอสั่งให้พวกท่านเปิดท่านให้แกข้า” แต่เส้นทางตรงหน้าก็ยังไม่เปิดให้ 
     
    “ไม่เปิดใช่หรือไม่? ได้” ว่าแล้วจงอินก็ล้วงมือเข้ากระเป๋ากางเกงแล้วหยิบรีโมทออกมา
     
    “ข้าสั่งให้พวกเจ้าเปิด!!” เมื่อจงอินกดรีโมทบรรดาต้นไม้น้อยใหญ่ทั้งหลายก็ค่อยๆแหวกทางเปิด จื่อเทาขับปอร์เช่เข้ามารับจงอินก่อนที่ทั้งสองจะขับแล่นต่อไปยังปราสาทใหญ่ทันที
     
     
    เมื่อปอร์เช่สีดำคันสวยจอดลงเทียบที่หน้าประตูของปราสาทใหญ่แล้ว ทั้งจงอินและจื่อเทาก็ลงจากรถพร้อมอาวุธคู่กายบุกเข้าไปยังด้านในปราสาท ทุกสิ่งทุกอย่างยังคงรูปและคงสภาพไว้ดั่งเช่นเมื่อ 100ปีก่อน ไม่ว่าจะเป็นสิ่งของ สรรพสัตว์ หรือแม้แต่ผู้คน
     
    ความสวยงดงามและความเลอค่าของปราสาทแห่งนี้ประจักษ์แก่สายตาของผู้มาเยือนแล้ว ลวดลายของสิ่งปะติมากรรมนั้นช่างสวยงดงามกว่าที่ปราสาทของตนยิ่งนัก นี่ถ้าถอดกลับไปไว้ที่เมืองได้ก็คงจะดีไม่น้อย เดี๋ยวให้จื่อเทามาแอบยกออกไปดีกว่า
     
    “ไปหานางในฝันเถอะเดี๋ยวข้าจะไปเดินดูรอบๆ” สาบานนะว่าแค่เดินแล้วไอ้กุถุงมือกับถุงสีดำที่ถือมานั่น... เรียกเดินเล่นหรือ?
     
    “อย่าลืมเก็บโถแก้วคริสตัลไปนะ ใบนั้นข้าชอบ” เมื่อจื่อเทารับทราบจงอินก็เดินเลี่ยงขึ้นบันไดวนไปยังด้านบนปราสาททันที
     
     
     
    5 นาทีก็แล้ว..
     
     
     
    10 นาทีก็แล้ว...
     
     
     
    20 นาทีก็แล้ว..... ก็ยังไม่ถึงห้องบรรทมของจงแดสักที
     
     
     
    “ถ้าเดินอีก 5ขั้นบันได้แล้วยังไม่ถึงนะ!!!! ข้าจะโทรเรียกเฮลิคอปเตอร์ส่วนตัวแล้ว!!!”
     
     
    เดินอีกเพียง 5ขั้นบันไดก็ถึงจริงๆ บานประตูที่ประดับตกแต่งอย่างสวยงามและมีป้ายบอกชื่อห้องไว้ ‘ห้องของน้องจงแด’ จงอินผลักเข้าไป แม้ว่าจะถูกปิดตายมาเป็นร้อยปี แต่ในนี้กลับไม่มีกลิ่นไม่มีพึงประสงค์เลย กลับหอมหวนกรุ่นไปด้วยกลิ่นดอกไม้นานาชนิดเสียอีก
     
    เรือนร่างของจงแดที่กำลังหลับตาพริ้มอยู่บนที่นอนนั้นก็เช่นกัน จงแดในความฝันกับในความเป็นจริงที่อยู่เบื้องหน้านี้ไม่ต่างกันเท่าไหร่นัก ผิวกายขาวราวกับเกล็ดหิมะ ดวงพักตร์แสนอ่อนโยน ริมฝีปากสีแดงสด สองมือที่วางทับกันไว้ที่หน้าอกช่างนุ่มนิ่ม
     
    จงแดในความฝันว่างดงามแล้ว... ตัวจริงงดงามกว่าในฝันยิ่งนัก
     
    “ข้าจักต้องปลุกเจ้าอย่างไรนะจงแด” จงอินไล้หลังมือเข้ากับแก้มอิ่มใสของจงแดแผ่วเบา
     
    “จุมพิตปลุกเจ้าชายด้วยความรักสิเพคะ” จงอินหันไปมองก็เห็นนางฟ้าตัวน้อยที่บินอยู่ไม่ไกล
     
    “ท่านคือผู้ใดกัน” 
     
    “ข้าคือนางฟ้าจุนมยอน ผู้ที่ดูแลและปกป้องเจ้าชายจงแด”
     
    “แล้วข้าจะจุมพิตอย่างไรเล่าท่านนางฟ้า” นางฟ้าจุนมยอนยกมือขึ้นเท้าสะเอวแล้วตั้งหน้าวีน
     
    “ก็จูบด้วยความรักอ่ะทำไม่เป็นหรือยังไง!! ต้องสอนด้วยไหมว่าเอียงหน้ากี่องศา ใช้ลิ้นตอนไหนน่ะห๊ะ!! เร็วๆมีงานต่ออย่าช้าเวลาเป็นเงินเป็นทองเดี๋ยวสนามกอล์ฟปิด!!”
     
    “จะไปไหนก็ไปเลยไป” จงอินโบกมือไล่ ซึ่งแม่นางฟ้าองครักษ์พิทักษ์จงแดก็บินหนีไป อย่างที่บอกเวลาเป็นเงินเป็นทอง
     
    “ข้าจักปลุกเจ้าตื่นเดี๋ยวนี้แหละ” 
     
    จงอินโน้มตัวลงไปแล้วจุมพิตที่ริมฝีปากสีแดงสดนั้นแผ่วเบา กดทับซ้ำแล้วย้ำดั่งขนนกที่ล่องลอยอยู่ในนภากาศ และเพียงไม่นานผู้ที่หลับอย่างยาวนานก็ลืมตาตื่นขึ้นแต่ทว่าจงอินยังไม่ยอมหยุด ปลายลิ้นที่แทรกผ่านเข้ามานั้นเรียกให้คนที่ยังสติยังไม่กลับคืนมาค่อยๆพันเกี่ยวลิ้นตอบ
     
    สองแขนที่ไร้เรี่ยวแรงค่อยๆยกขึ้นโอบรอบลำคอของเจ้าชายผู้ที่เข้ามาปลุกตนไว้ กว่าที่เจ้าชายจงอินจะละจุมพิตออกก็จูบจนพอใจนั่นแหละ พอถอยห่างออกมาก็เห็นดวงตากลมของคนที่อยู่ด้านล่างมองสบตากับเขาเสียแล้ว
     
    “ข้ารอตั้งนานรู้ไหมว่านอนมันเมื่อยนะ! ขัดใจจงแดเสียจริง!! แต่ไม่เป็นไรหล่อหรอกนะจงแดถึงให้อภัย”
     
    “ข้ามาตามสัญญาแล้ว” จงอินก้มลงจุมพิตที่ปลากจมูกโด่งรั้นอีกสักที จงแดที่ยังคงคล้องมือรอบลำคอของเจ้าชายจงอินยิ้มกว้างอย่างอารมณ์ดี
     
    “ข้าดีใจที่ท่านยอมมาช่วยข้า ข้ารอเวลาที่จักเป็นอิสระมานานเหลือเกิน”
     
    “ใจจริงแล้ว.. ข้ามาเพื่อทวงสัญญาที่เจ้าจะมอบกายให้ข้าต่างหาก จงแดของข้า” จงอินไล้ปลายนิ้วตามโครงกรอบหน้าของคนที่นอนมองเขาอยู่
     
    “ท่านอยากได้เพียงแค่กายข้าเองหรือ? ช่างน่าเศร้าเหลือเกิน” จงแดแสร้งตีหน้าเสียพระทัยอย่างยิ่งยวดแล้วเบี่ยงหน้าหนี จงอินกระตุกยิ้มที่มุมปากก่อนที่จะกระซิบแผ่วเบาที่ใบหูขาวนั้น
     
    “ข้าอยากได้เจ้าทั้งตัว ไม่ว่าจะกาย เรือนร่าง หัวใจและชีวิตของเจ้า เป็นของข้าเถิดจงแด” เจ้าชายจงแดที่เขินอายเกินกว่าจะตอบรับอะไรก็พยักหน้ารับเบาๆ ปลายเรียวนิ้วเสลาค่อยๆปลดเปลื้องอาภรณ์ของตนเอง
     
    “มาสิ ข้าอยากเป็นของท่านจะแย่แล้วท่านจงอิน” เมื่อเปิดมาจงอินก็จัดไปรีบขึ้นคร่อมจงแดทันทีพร้อมกับแลบลิ้นเลียริมฝีปาก
     
    “ข้าจะทำให้เจ้าหนีข้าไปไหนไม่ได้เลย!!”
     
     
     
     
     
     
     
     
     
    เมื่อเจ้าชายจงแดทรงตื่นจากการหลับใหลยาวนาน ทุกสิ่งมีชีวิตก็ตื่นจากการหลับใหลเช่นกัน ทุกคนต่างก็ส่งเสียโห่ร้องอย่างยินดีปรีดาแซ่ซ้องกันทั่วทุกสารทิศ จื่อเทาที่ขนของได้แค่ 3รอบก็ร่วมแซ่ซ้องไปกับเขา แม้จะไม่เข้าใจก็เถอะแต่เมื่อเขาทำ หนูก็เลยทำตามเขาไป~ ดั่งสุภาษิตที่ว่าเข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม 
     
    จริงๆคือจะได้ไม่มีใครจับได้ว่าเขาแอบขโมยของหรอก
     
    เมื่อตื่นจากการหลับใหลองค์ราชาและองค์ราชินีก็รีบมุ่งหน้าไปยังห้องบรรทมของบุตรรักทันที แต่เมื่อไปถึงองค์ราชินีก็ลมแทบจับเมื่อได้ยินเสียงที่เล็ดลอดออกมาจากประตูห้องของโอรส
     
    “จงอิน.. แรงอีกสิ”
     
    “จงแดเจ้านี่หอมไปทั่งตัวเหมือนในฝันข้าเลย”
     
    องค์ราชินียกพระหัตถ์ขึ้นกุมขมับก่อนที่จะผินดวงพักตร์ไปมองพระสวามีที่ก็ไมได้มีสีหน้าที่แตกต่างกันสักเท่าใดนัก องค์ราชาคริสโอบพระอังสาของชานยอลไว้
     
    “อย่างน้อยเขาก็เป็นผู้กล้าที่ช่วยคลายคำสาปของเมืองเรานะน้องพี่.. ถึงแม้จักเป็นผู้ชายก็เถอะ”
     
    “ข้าเข้าพระทัยท่านพี่เพียงแค่ข้าไม่คิดว่าจะมาเจอจะๆแบบนี้ ไม่เป็นไรหรอกแม้ว่าจักเป็นชายแต่ทำไมบุตรแห่งข้าถึงต้องเป็นเบี้ยล่างของบุรุษผู้นั้น” องค์ราชาทรงพระสรวลเบาๆก่อนที่จะโอบองค์ราชินีเข้ามากอดไว้ทั้งตัว ดวงพักตร์สวยอิงแอบที่พระอุระของสวามี
     
    “ทีเจ้ายังเป็นเบี้ยล่างข้าเลยชานยอล ถึงเจ้าจะเป็นชายแต่ก็กำเนิดบุตรให้ข้าได้ ก็ถือเป็นเรื่องดีๆที่จงแดจะให้กำเนิดพระนัดดาแก่เราได้ แต่ข้าว่าไหนๆเราทั้งสองก็ตื่นแล้ว บุตรของเราก็จักออกเรือนแล้วเราก็ควรมีบุตรอีกสักคนนะ” องค์ราชาไม่รอช้ารีบช้อนตัวของชานยอลแล้วกลับห้องพระบรรทมทันที
     
    “ท่านพี่ล่ะก็~” ข้าจักให้น้อยหน้าโอรสแห่งข้าได้เยี่ยงไร เสียงดังลอดมาถึงนี่แล้วเจ้าจะรู้ว่าท่านแม่ของเจ้าเสียงดังกว่าเจ้าอีก!!!
     
     
     
     
     
     
     
    “ท่านจงอิน” หลังจากที่เสร็จกิจเมื่อครู่จงอินก็ลงนอนเคียงข้างจงแดแล้วโอบกอดไว้
     
    “ว่าอย่างไรยาใจของข้า”
     
    “ท่านเคยสงสัยหรือไม่ว่าทำไมท่านถึงฝันถึงข้าและข้าถึงฝันถึงท่าน” จงอินแย้มยิ้มแล้วขยับกายลุกขึ้นนอนเท้าหัวไว้ ปลายนิ้วจากมืออีกข้างก็ไล้ไปตามรอยสีกุหลาบจางๆบนเนื้อผิวขาวนวล
     
    “มันจะสำคัญอันใดกันเล่า ในเมื่อตอนนี้เจ้าอยู่ข้างกายข้าแล้ว ความฝันก็คือความฝันตอนนี้คือความจริงว่าเจ้าเป็นของข้า” ว่าจบก็ก้มลงจุมพิตที่ริมฝีปากอิ่มสีแดงอีกครั้ง
     
    “ใครบอกว่าข้าเป็นของท่าน ท่านตั้งหากที่เป็นของข้าจงอิน” แล้วจงแดก็พลิกกายขึ้นคร่อมจงอินบ้าง เรือนร่างที่ยังเปลือกเปล่าแนบชิดมากกว่ายามมีอาภรณ์ขว้างกั้น
     
    “ข้าก็ไม่ขัดถ้าเจ้าจะออนท็อปข้าหรอกนะ ข้ายังมีเวลาที่จะอยู่ที่นี่อีกนาน”
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
    แต่จื่อเทาที่นั่งรอในปอร์เช่ก็ไม่ได้อยากจะอยู่นานหรอกนะ คืออยากจะเอาของที่แอบขนมาไปขายหรอก วันนี้มีบอลเขาต้องทุ่มทีมโปรด!!! 
     
    “ช้าจริงช้าจัง” บ่นอย่างเบื่อหน่ายก่อนที่จะหยิบไอโฟนรุ่นใหม่ล่าสุดสีทองขึ้นมาสไลด์หน้าจอแล้วกดเข้าโปรแกรมแชทหาองครักษ์คู่กัดของเขา เอาวะคุยแก้เบื่อรอพี่ชายเขาเสร็จกิจช่วยบุตรแห่งแคว้นนี้ไปก่อนก็แล้วกัน
     
    แต่คงจะรอนานมากเลยล่ะจื่อเทา ก็ข้างบนนั้นยังไม่ดับมอดไฟสักทีนินะ
     
     
     
     
     
     
     
     
    The End…
     
     
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×