ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [END] Family Project (KrisYeol) : Day&Night Secret Love

    ลำดับตอนที่ #3 : Chapter - 2

    • อัปเดตล่าสุด 9 ต.ค. 56


    มาแล้ววววววว T^T ขอโทษค่ะ มาช้า พอดีอยู่ในช่วงมรสุมค่ะ

    เจอเรื่องบางอย่างมา มันสะเทือนใจมาก TT__________TT เราไม่สามารถจัดการความคิดและอารมณ์ตรงนั้นได้ เลยอุ้นานไปหน่อย 3วันแน่ะ

    แต่ตอนนี้อารมณ์ดีขึ้นแล้วแม้จะไม่ 100เต็มก็เถอะค่ะ อิอิ


    มาว่ากันด้วยเรื่องนี้...... ชอบลุคแบบนี้มากทั้งพี่และน้องเลย อิอิ จะว่าไงดี นิสัยแบบตุ้ยจางในเรื่องนี้คือนิสัยของผู้ชายที่เราชอบเลยแหละ

    อิ____________________อิ 


    หวังว่าทุกคนจะให้การต้อนรับพี่ตุ้ยในบทโหด โฉด เถื่อนนะคะ~~~ *เปิดป้ายไฟเชียร์พี่ตุ้ย*




    _____________________________________





    “ไอ้ลู่หิวน้ำ~” คนที่นั่งเล่นเกมอยู่บนเตียงหันไปบอกเจ้าของห้องที่ยืนก้มกดข้อความหรือแชทอะไรก็ไม่รู้อยู่ตรงประตูระเบียง
     
    “ไปหยิบเอง” ชานยอลยู่หน้าแต่ก็ยอมพอสเกมแล้วลุกจากเตียงลงไปหาน้ำมาดื่มเอง ลู่หานเหลือบตามองเพื่อนตัวสูงกว่าแล้วก็ก้มลงทำอะไรบางอย่างที่สำคัญอยู่ ความลับที่เขาปกปิดเอาไว้ บอกให้ใครรับรู้ไม่ได้ แล้วอยู่ๆเสียงเรียกเข้าพอมองชื่อคนโทรมาแล้วก็ประหลาดใจก่อนที่จะกดรับ
     
    “โทรมาทำไมไอ้จงอิน ทำไมไม่เดินลงมาหาที่ห้อง” ที่ถามน่ะก็เพราะจงอินก็อยู่ที่เดียวกับเขานี่แหละ แต่อยู่บนดาดฟ้าไอ้การที่จะลงมาหาเขาแค่ไม่กี่ชั้นมันก็ไม่ลำบากอะไรนักหรอก
     
    “โทรมาก่อนไงเผื่อมึงไม่อยู่แล้วที่สำคัญตอนนี้หล่อ รวย สปอร์ต โซลอยู่ในช่วงโทรฟรีเว๊ย เออๆไอ้ลู่ชานยอลมาหามึงหรือเปล่า”
     
    “ถามทำไม” ลู่หานเปิดประตูเดินออกไปคุยนอกระเบียงเพราะชานยอลที่เดินกลับมาจากหาน้ำในตู้เย็นกำลังจ้องหน้าเขาเหมือนอยากรู้ว่าเขาคุยอะไรน่ะสิ สอดรู้สอดเห็นจริงๆ
     
    “ก็เปล่าหรอกลองโทรถามดู... ก็ไอ้คริสน่ะดิมันโทรมาถามว่าเห็นชานยอลหรือเปล่า กูก็เลยโทรมาหามึงไงว่ามันมาหามึงหรือเปล่า”
     
    “เปล่านิ ทำไมวะชานยอลมันทำไม”
     
    “ไม่รู้ดิจากที่ดูๆแล้ว.... มันคงเล่นซ่อนแอบกันมั้ง เซ็งอยากเล่นด้วย เออช่างๆไม่เจอก็ไม่เจอแค่นี้นะจะโทรไปหาน้องฮุนก่อน~” แล้วลู่หานก็กดตัดสายไปแล้วก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหน้ากับเพื่อนตัวเอง เพียงแว่บเดียวแต่ในสายตาก็เหมือนจะมองเห็นอะไรที่คุ้นตา รถแวนสีดำที่จอดอยู่ไม่ไกลจากคอนโดเขาเท่าไหร่ มุมปากของคนจับสิ่งผิดสังเกตได้ก็กระตุกยิ้มก่อนที่จะหันหลังพิงระเบียง
     
    “มึงคุยกับใครวะ” ชานยอลลุกขึ้นจากปลายเตียงเดินมาถาม 
     
    “ไม่ต้องออกมา... ไม่มีไรหรอก โทรผิดน่ะ” ชานยอลที่ถูกสั่งไม่ให้เดินออกมาก็หยุดชะงักเท้าก่อนที่จะถึงประตูระเบียงสามก้าว ชานยอลเอียงคออย่างสงสัย โทรผิดอะไรคุยกันได้ยาวขนาดนั้น อืม.. บางทีอาจจะเป็นไปได้ว่า ไหนๆก็เสียเงินแล้วก็ขอเสียเงินต่อเลยก็แล้วกัน มันต้องเป็นแบบนี้แน่ๆ
     
    “อืม แล้วไปยืนทำไมข้างนอกวะเข้ามาดิ มาเล่นเกมกัน” 
     
    “เออๆ เข้าไปแล้ว” แล้วลู่หานก็เดินเข้าห้องไปโดยที่ไม่ลืมหันกลับมาปิดประตูระเบียงแล้วเอาม่านลงด้วย เฝ้าให้ตายก็มองไม่เห็นหรอก หึ...
     
    หลังจากเล่นเกมจน(ชานยอล)พอใจแล้ว เจ้าตัวก็ได้ฤกษ์นอนสักที ดีที่ว่าพรุ่งนี้พวกเขาไม่มีเรียนเพราะฉะนั้นก็เลยเกนอนดึกๆได้ ชานยอลไม่ใช่คนนอนดิ้นแต่บางทีลู่หานก็อยากถีบชานยอลตกเตียงเหมือนกัน เขารู้ว่าไอ้เด็กนี่น่ะมันชอบก่ายหมอนข้างหลับแต่ที่คอนโดเขาไม่มีหมอนข้างให้มันไง จะมีก็มีแต่ตัวลู่หานนี่ล่ะ นี่พูดเลยว่าถ้าไม่ใช่คนที่ต้องดูแลลู่หานกระทืบไส้แตกไปแล้วเถอะ
     
    กว่าจะเช้าเขาคิดว่าตัวเองคงเหน็บกินแหงๆแต่ก็เอาเถอะเพื่อเด็กขี้เหงาสักคน ใบหน้าของลู่หานยังเรียบเฉยแต่มือที่ว่างก็ยกขึ้นลูบหัวคนที่หลับไปแล้วเบาๆ ในค่ำคืนที่ไม่ต้องออกไปไหนเขาว่ามันก็สบายดี ไม่ต้องรู้สึกอะไรทั้งนั้น แต่สิ่งที่คุ้นชินบางห้วงความคิดเขาก็คิดถึงมัน อยากสัมผัสและลิ้มรสความสนุกที่แฝงไปด้วยความกดดันนั้นอีก.. แต่ตอนนี้เขาคงจะขยับไปไหนไม่ได้หรอก
     
     
     
    ช่วงสายลู่หานถูกปลุกด้วยเสียงออด แน่นอนว่าชานยอลน่ะไม่ตื่นหรอกก็แค่พลิกตัวกลับเข้ามาหาเขา ลู่หานลงจากเตียงได้เขาก็กระตุกยิ้มจางๆหนึ่งที ไม่สงสัยหรอกว่าใครที่มาหน้าห้องเขาในเวลาแบบนี้ และเมื่อเปิดประตูออกมาก็ไม่ประหลาดใจใดๆที่จะเห็นเพื่อนตัวสูงที่สุดมายืนอยู่หน้าห้องด้วยชุดใหม่ต่างจากเมื่อวาน ก็คงขับรถกลับบ้านไปส่งน้องๆแล้วก็วกกลับมาหาเขาอีกทีสินะ
     
    “ชานยอลอยู่ไหน” คำทักทายแรกจากเพื่อนตัวสูงดูไม่ค่อยน่าภิรมย์เลยแฮะ
     
    “นอนอยู่” และลู่หานก็ไม่ใช่คนใจร้ายหรอกนะที่จะแกล้งมันต่อ คริสเดินเข้ามาในห้องเมื่อลู่หานเบี่ยงตัวหลบ เขาว่าคริสมันคงรู้ตั้งแต่มันขับรถมาเฝ้าหน้าคอนโดเขาแล้วล่ะ อู๋อี้ฟานน่ะเป็นคนฉลาด.. แต่คนฉลาดก็ยังมีเรื่องที่โง่อยู่ดี
     
    คริสเปิดประตูห้องนอนเข้าไปก็เห็นว่าชานยอลยังคงนอนหลับอยู่ ร่างสูงเดินไปนั่งที่ขอบเตียงฝั่งของชานยอลก่อนที่จะเอื้อมมือออกไปลูบกลุ่มผมนิ่มของเพื่อนเบาๆ นั่งมองเสี้ยวหน้าของคนที่ยังนอนหลับตาพริ้มอยู่นานก่อนที่จะรู้ตัวว่าควรปลุกให้ตื่นได้แล้ว แต่ก็นะ... ใบหน้าของชานยอลยามหลับน่ะเหมือนเด็กตัวเล็กๆเลยนะ
     
    สองแขนยาวเท้าคร่อมตัวคนหลับไว้ คริสโน้มตัวลงไปแล้วก็เผลอมองแก้มป่องๆของหนอนตัวกลมที่ยังคงหลับอยู่นี้ เลยไปถึงริมฝีปากอิ่มสีแดงระเรื่อที่เผยอออกน้อยๆ สะบัดหัวไล่ความคิดสัปดนออกไปก่อนที่จะเริ่มปลุกหนอนอ้วนให้ตื่นสักที
     
    “ชานยอลตื่น” แต่เจ้าหนอนในดักแด้ก็ยังไม่ยอมตื่น เรียกอีกสอง สามทีก็ยังไม่ยอมตื่น
     
    “ชานยอลตื่นเดี๋ยวนี้” คริสโน้มตัวและใบหน้าลงต่ำก่อนที่จะกระซิบใกล้หูปลุกคนหลับ ชานยอลขยับขยุกขยิกนิดหน่อยที่จะลืมตาตื่นแล้วก็กระพริบตาปรับโฟกัส เมื่อรู้สึกว่าตัวเองจะสติกลับมาเต็มร้อยแล้วก็ค่อยๆพลิกตัวกลับมานอนหงาย คริสก็ยืนตัวขึ้นนิดหน่อยแต่ก็ยังคงกางสองแขนคร่อมชานยอลไว้แบบนั้น
     
    “หื้อ... คริสเหรอ ปลุกกูทำไม ไม่ๆ มาได้ยังไง” ชานยอลกระพริบตาสามทีทั้งๆที่ยังทำปากยื่นเหมือนขัดใจที่โดนปลุก
     
    “มาตามมึง” ทำหน้างงกระพริบตาปริบๆก่อนที่จะนึกเรื่องราวออก ทีนี้ล่ะดวงตากลมโตที่ยังฉงนอยู่ก็ตวัดทิ่มแทงดังจึกเลย
     
    “ตามทำไม ทิ้งกูไว้ไม่ใช่หรือไง” หนอนในดักแด้ค้อนใส่ประหลักประเหลือก คริสกระตุกยิ้มที่มุมปากบางๆ
     
    “ขอโทษไม่ได้ตั้งใจ จะไม่ทำอีกแล้ว” ชานยอลแบะปากใส่
     
    “กูไม่เชื่อมึงหรอก เดี๋ยวไม่พอใจก็ทิ้งกูอีกอ่ะ”
     
    “ไม่ทิ้งแล้ว สัญญาเลย” ชานยอลเลิกคิ้วขึ้นก่อนที่จะมองสบดวงตาคู่คมที่อยู่ห่างออกไปไม่เท่าไหร่นี้
     
    “เชื่อมึงก็ได้ แล้วรู้ได้ไงว่ากูอยู่นี่”
     
    “กูเก่ง” แบะปากกับคำยกยอตัวเองของคนด้านบนก่อนที่จะเอามือออกจากม้วนผ้าห่มแล้วก็ตีแปะหน้าผากคนเก่งไปสักทีแรงๆ
     
    “แล้วมาตามทำไม เดี๋ยวเย็นๆกูก็กลับบ้านแล้ว” ชานยอลเอามือออกจากผ้าห่มแล้วก็ดึงผ้าห่มที่คลุมมิดคอไปกองไว้ที่อก 
     
    “จะชวนไปเที่ยว สนป่ะ?”
     
    “จะไปไหนอ่ะ ไปดูหนังป่ะอยากดูอ่ะ” ถามเขาว่าจะไปไหนเสร็จก็เสนอสิ่งที่อยากทันที นี่แหละปาร์คชานยอลสไตล์เขาล่ะ คริสหัวเราะเบาๆก่อนที่จะพยักหน้ารับ
     
    “เออๆ ตามใจมึงเลยอยากไปไหนก็จัดไป ไถ่โทษเรื่องเมื่อวาน” พอพูดถึงเรื่องเมื่อวานชานยอลก็หน้ามุ่ยทันที
     
    “ช่างแม่ง ไม่ต้องพูดถึงแล้ว พูดแล้วหงุดหงิดมึง” 
     
    “เออๆ ไม่พูดแล้วเดี๋ยวแถมพาไปกินไอติมด้วยเลย” ชานยอลหัวเราะคิกคักก่อนที่จะตอบตกลง แล้วประตูห้องนอนก็ถูกเปิดออก ชานยอลเลื่อนสายตาที่สบกับนัยน์ตาสีเข้มที่อยู่ไม่ห่างนี้มองเยื้องปลายเท้าไปที่ประตูห้อง คริสเองก็ยืดตัวขึ้นแล้วหันไปมอง ลู่หานเดินเข้ามากอดอกยืนพิงขอบประตูแล้วกระตุกยิ้มนิดหน่อย
     
    “ซื้อข้าวมาให้น่ะ โจ๊กฟักทองใส่เห็ดหอม” ชานยอลทำตาโต ก็เมนูนี้ล่ะที่เขาชอบกินมาก!!! (แต่จริงๆก็ชอบกินหมดแหละถ้ามันอร่อย อุวะฮ่าฮ่า)
     
    “โจ๊กฟักทองใส่เห็ดหอม!!!” ยิ้มร่าดีใจเพราะจะได้กินของชอบจนลืมไปแล้วมั้งว่าตัวเองอยู่ในสภาพไหน ชานยอลลุกพรวดขึ้นมา แล้วเป็นไงล่ะ? ผลก็คือหัวโขกกับคนที่ยังไมได้ขยับไปไหนน่ะสิ แถมริมฝีปากของทั้งคู่ยังสัมผัสกันอีกแน่ะ แม้จะเพียงเสี้ยววิแต่ก็ไม่รู้ทำไมหัวใจของคริสถึงได้เต้นรัวขนาดนั้น.. สงสัยกูจะบ้าไปแล้วมั้ง
     
    “โอ๊ย!!” ยกสองมือลูบหน้าผากตรงที่ชนปอยๆ ทำปากยู่ใส่เลยว่าเจ็บมาก คริสขยับตัวเข้าไปใกล้อีกนิดก่อนที่จะช้อนหน้าของชานยอลให้เลื่อนเข้ามาใกล้
     
    “ไหนดูดิหัวแตกไหมเนี่ย เสือ.ลุกขึ้นมาไม่ดูเป็นไงล่ะมึง ตะกละ” ดวงตาโตตวัดค้อนเข้าให้
     
    “ไม่ต้องมาพูดดีเลย อยู่กับมึงทีไรกูเจ็บตัวทุกทีอ่ะไอ้เห.” คริสกระตุกยิ้มขำก่อนที่จะดูรอยแดงที่หน้าผากเนียนนั้นแล้วก็ลูบเบาๆ
     
    “หัวไม่โนหรอกแต่อาจจะเจ็บไปอีกสักแปบ ก่อนที่มึงจะวิ่งไปกินโจ๊กของมึงน่ะไปล้างหน้าแปรงฟันด้วยล่ะ” ชานยอลยู่ปากใส่
     
    “รู้แล้วน่า กูไม่ซกมกเหมือนมึงนะไอ้เห.คริส!” คริสขยับตัวแล้วลุกขึ้นยืนก่อนที่จะส่งมือไปหาคนที่ยังนั่งทำหน้ามุ่ย ขมุบขมิบปากให้ศีล ให้พรเขาอยู่นั่นอ่ะ
     
    “ลุกจากเตียงเร็วๆเดี๋ยวไอ้ลู่ก็กินโจ๊กมึงหมดหรอก”
     
    “โอ๊ะ โจ๊ก!!” ชานยอลรีบตลบผ้าห่มอย่างไวก่อนที่จะเอื้อมมือจับกับมือของคริสที่ยื่นมาแล้วก็ก้าวลงจากเตียง แต่ก็ไม่ได้มองเลยว่าชายผ้าห่มมันตกอยู่ที่พื้นข้างเตียง ผลก็คือ..... ก็ลื่นน่ะสิ
     
    “ตะกละแล้วยังซุ่มซ่ามอีกนะมึง” คริสโอบชานยอลไว้แนบอก คนที่เกือบจะลื่นหัวฟาดพื้นก็หลับตาปี๋เลย พอรู้ว่าตัวเองปลอดภัยแล้วก็ค่อยๆลืมตาขึ้นก่อนที่จะเห็นว่าตัวเองน่ะอยู่ในอ้อมกอดของคริส แบบแนบชิดเลยล่ะ อยู่ๆมันก็รู้สึกร้อนๆขึ้นมา... สงสัยแอร์ห้องนอนไอ้ลู่หานจะพังนะ ต้องไปบอกแล้วล่ะ
     
    “ไม่ต้องมาว่ากูเลย ปล่อยได้แล้ว” ทุบอกให้สองอั๊ก พอคริสปล่อยมือชานยอลก็เดินออกจากอ้อมกอดนั้นไปเข้าห้องน้ำเพื่อล้างหน้าล้างตาทันที คริสหันมามองเตียงที่เละไปด้วยฝีมือชานยอลแล้วก็เท้าเอวยิ้มขำ แต่เขาก็ไม่ใช่คนดีที่จะมาเก็บให้หรอกนะ ห้องใครก็เก็บเองก็แล้วกัน หึหึ
     
    “ไปกินโจ๊กๆๆ” ไม่นานชานยอลก็วิ่งออกจากห้องน้ำด้วยใบหน้าเปียกน้ำก่อนที่จะวิ่งผ่านตัวคริสออกไปด้านนอก วิ่งตุ๊บๆไปนั่งแหมะที่โต๊ะกินข้าวแล้วก็ไม่รีรอตักโจ๊กกินเลยเพราะลู่หานมานั่งกินจนจะหมดชามอยู่แล้วเนี่ย!! กินไวปานวอก!!!
     
    “ทำไมไม่เช็ดหน้าวะห๊ะ!!” คริสเดินตามมาแล้วดึงทิชชูจากกล่องบนโต๊ะออกมาแล้วเช็ดหยดน้ำที่ใบหน้าของชานยอลให้
     
    “เออน่าอย่าบ่นเป็นตาแก่นักเลยมึงนั่งๆ แด.โจ๊กเร็วๆจะได้ไปเที่ยว” ลู่หานใจดีพอที่จะซื้อมาเผื่อแต่ไม่แกะให้หรอกนะ แกะให้แค่ชานยอลคนเดียวก็พอแล้ว คริสลงนั่งตรงหัวโต๊ะโดยที่มีลู่หานอยู่ฝั่งขวาและชานยอลอยู่ฝั่งซ้าย
     
    “ต้องกลับบ้านก่อนหรือเปล่าวะ” ชานยอลส่ายหน้าทั้งๆที่กำลังก้มหน้ากินโจ๊กอยู่นั่นแหละ ก็เลยโดนเขกหัวไปหนึ่งที
     
    “เจ็บนะ!!!” ลูบหัวปอยๆ แต่ก็ยังมีแรงเตะขาของไอ้โหดใต้โต๊ะไปหนึ่งที
     
    “มารยาทน่ะรู้จักไหม” ชานยอลแบะปากใส่
     
    “ทีสันดานมึงทรามตามหน้าตากูยังไม่บ่นเลย” อยากจะซัดอีกสักรอบแต่เห็นว่าลู่หานเงยหน้าขึ้นมามองหรอกนะ เกรงใจเจ้าของห้องไงก็เลยไม่เขกหัวแต่เตะขาชานยอลใต้โต๊ะไปหนึ่งที ก็บอกแล้วคริสน่ะใจๆกับเพื่อนอยู่แล้ว
     
    กินโจ๊กเสร็จชานยอลก็สะบัดตูดหนีไปอาบน้ำทันที เพราะมาค้างที่นี่บ่อยจะมีเสื้อผ้าหลงเหลือบ้างก็ไม่แปลก คริสเดินไปนั่งรอที่โซฟาแล้วกดเปิดทีวีดูโดยที่ไม่ต้องขอเจ้าของห้อง ลู่หานที่จัดการเก็บชามโจ๊กที่กินหมดแล้วลงซิงก์เพื่อรอให้แม่บ้านที่เขาจ้างไว้มาจัดการเรียบร้อยก็เดินเลยเข้าห้องนอนไป ห้องน้ำในห้องมีที่เดียวในห้องนอน.. แล้วการที่ชานยอลอาบน้ำอยู่ แล้วลู่หานเดินเข้าห้องนอน...
     
    วอทเดอะฟัคแล้วล่ะ คิดได้แบบนั้นคริสก็รีบลุกขึ้นยืนทันที ขากำลังจะก้าวไปยังห้องนอนแต่ก็ต้องชะงักว่าทำไมเขาต้องเป็นเดือดเป็นร้อน ... เออนั่นสิ จะไปคิดทำไมแล้วจะเป็นเดือดเป็นร้อนทำไม มันก็แค่อาบน้ำแล้วก็ลู่หานอยู่ในห้อง.. แต่คิดอีกทีมันก็ไม่ดีหรือเปล่าวะ? หรือยังไง กูควรเข้าไปดูลาดเลาไหมหรือไม่ควรวะ
     
    คริสคงไม่รู้ว่าตัวเองเดินวนไป วนมาอยู่หน้าประตูกี่รอบแล้ว มารู้ตัวอีกทีก็เหมือนจะได้ยินเสียงพูดคุยของคนด้านในนั่นแหละ ทีนี้ก็ไม่รู้แล้วว่าตัวเองจะต้องทำอะไร มารู้ตัวอีกทีก็เปิดประตูห้องเข้ามาแล้ว ชานยอลที่กำลังยืนเซ็ทผมอยู่ที่หน้ากระจกในบานประตูตู้เสื้อผ้าก็หันไปมอง ลู่หานที่นั่งพิงหลังอยู่บนเตียงก็เบือนสายตาไปมอง
     
    “เอ่อ...” เมื่อเห็นทุกสายตาหันมามองคนที่ยังไม่รู้ตัวว่าเปิดประตูทำไมก็ใบ้กิน “จะมาถามว่าเสร็จหรือยัง”
     
    “เสร็จแล้วๆ รีบจังนะมึง” หันกลับไปเซ็ทผมสั้นของตัวเองอีกนิดหน่อยก่อนที่จะเดินออกจากห้อง
     
    “นี่มึงจะใส่ชุดนี้!!?” ชานยอลก้มลงมองชุดตัวเองแล้วก็พยักหน้า
     
    “ทำไมอ่ะ? ก็มีแต่ชุดนี้อ่ะที่ทิ้งไว้” คริสมองชุดที่ชานยอลใส่แล้วก็ถอนหายใจ เสื้อแขนยาวมีฮู้ดสีเขียวมิ้นท์กับลายน่ารักๆ กางเกงสีดำที่ยาวแค่เข่า นี่ตกลงกูพาลูกไปเดินเที่ยวเหรอ??
     
    “เออๆ ออกมาได้แล้ว กูไปก่อนนะไอ้ลู่” คริสยกมือลา ชานยอลก็หันไปโบกมือบ๊ายบายให้ พอมันสองคนออกจากห้องไป ลู่หานก็ค่อยๆขยับตัวแล้วลงนอน ในที่สุดก็ได้นอนหลับแบบเต็มตาสักที
     
     
     
    “เดี๋ยวตอนเย็นต้องไปรับแบคฮยอนกับเทา” เมื่อขึ้นรถมาได้คริสก็เอ่ยบอกทันที ชานยอลก็พยักหน้าครางรับรู้
     
    “แล้วน้องจุนล่ะไม่มีเรียนเหรอ?” ชานยอลที่สาละวนกับเข็มขัดนิรภัยได้ก็เอ่ยถามทันที คริสหรี่ตามองคนที่นั่งยิ้มกว้างอยู่ข้างๆแล้วอยากเขกหัวมันนัก
     
    “มีแต่ต้องอยู่ห้องสมุดต่อเดี๋ยวเพื่อนเขาจะมาส่งเอง” 
     
    “ว๊า~ เสียดายจัง” ทนไม่ไหวขอสักทีเถอะ
     
    “โอ๊ย!! ตบหัวกูอีกทำไมเนี่ยแม่ง!! สักวันกูสมองเสื่อมนะกูจะตามมาหลอกมึง” ชานยอลลูบหัวตัวเองแล้วก็ค้อนใส่สารถีหน้าหล่อแต่สันดานเถื่อน
     
    “หมั่นไส้มึง” การสนทนาในรถจบลงแค่นั้น แต่ชานยอลที่นั่งให้ศีล ให้พรขอให้คนขับเจริญๆนั้นก็ขมุบขมิบด่าไม่หยุดตั้งแต่คอนโดลู่หานถึงห้างสรรพสินค้านั่นแหละ
     
    วันนี้คนมาเดินเล่นไม่เยอะเท่าที่ควร เพราะยังไม่ใช่วันหยุดและไม่ใช่ช่วงเงินเดือนออก ผู้คนจึงบางตาแต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคสำหรับคนอยากดูหนังนักหรอก ชานยอลเดินนำด้วยรอยยิ้มที่แต้มใบหน้าจนคนที่เดินอยู่เยื้องกันอมยิ้มตาม ไม่รู้ว่าคนรอบข้างจะมองที่เดินนำเขาอยู่สองก้าวนี้ยังไงแต่ในสายตาของคริสตอนนี้.. เหมือนเขาพาเด็กมาเที่ยวเลย ชานยอลมักจะยิ้มกว้างแบบเด็กซนๆ ดวงตาเป็นกระกายมองสิ่งรอบกายอย่างใคร่รู้ ไม่รู้ทำไมเขาถึงอดที่จะยิ้มตามไม่ด้วยไม่ได้
     
    ชานยอลยืนนิ่วหน้าอยู่ตรงบอร์ดเช็ครอบหนังด้วยไม่รู้ว่าจะดูอะไรดี คริสยืนซ้อนอยู่ด้านหลังแล้วก็กวาดตามองเช่นกันแต่ตัวเขาไม่ได้สนใจอะไรอยู่แล้วให้ดูอะไรก็ดูได้ จนชานยอลหันมานั่นแหละเขาถึงได้เลิกคิ้วถาม
     
    “ดูเรื่องนี้นะเข้าได้เลยด้วย อีก10นาทีเอง จะไปซื้อตั๋วกันเถอะ” แล้วคนอยากดูหนังก็ลากข้อมือคริสให้ไปยังช่องซื้อตั๋วหนัง
     
    “เรื่อง Poisonous Love รอบที่จะถึงนี้ 2ที่ครับ” เมื่อจัดการเสร็จสรรพชานยอลก็หันมาชูตั๋วหนังสองใบในมือให้ดู
     
    “จะซื้ออะไรเข้าไปกินไหม” ชานยอลทำท่าคิดก่อนที่จะส่ายหน้า
     
    “ยังไม่หิวอ่ะ แต่ซื้อน้ำเข้าไปกินดีกว่า” แล้วคนไม่หิวก็เดินนำไปซื้อน้ำแก้วใหญ่มาดูดคนเดียว สบายใจเขาล่ะ คนเดินตามหลังก็ได้แต่กระตุกยิ้มขำแล้วก็ส่ายหน้าไปมาอย่างระอา
     
    เพราะคนไม่ค่อยเยอะคนในโรงก็เลยไม่เยอะตามไปด้วย อาจจะเพาะหนังเรื่องนี้ลงโรงมาได้สักพักแล้วมั้ง คนถึงได้บางตา ตัวหนังยังคงดำเนินราบเรียบไม่ได้มีอะไรน่าสนใจสักเท่าไหร่นัก แต่คริสก็ยังคงนั่งดูเฉยๆไม่ได้รู้สึกอะไร เขาไม่ชอบดูหนัง ถ้าให้พูดจริงๆเขาชอบขับรถแข่งมากกว่าที่จะมานั่งดูหนังในบรรยากาศประหลาดๆแบบนี้ อย่างที่บอกว่าตัวหนังมันก็ดำเนินราบเรียบจนคนข้างๆที่ยังดีใจที่จะได้ดูหนังหลับคอพับคออ่อนแล้วเอนหัวมาพิงไหล่ของเขา
     
    คงเพราะชานยอลเล่นเกมดึกเกินไปซ้ำยังจะมาโดนปลุกแต่เช้าอีกมันก็เลยทำให้คนที่นั่งดูหนังอยู่ดีๆก็ง่วงขึ้นมาและหนังก็น่าเบื่อเกินไป แค่โปสเตอร์หนังที่น่าดึงดูดมันคงไม่พอจริงๆนั่นแหละ แล้วก็ไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองหลับไปตอนไหนแล้วก็หลับไปเอนหัวไปซบคนข้างตัวเสียอย่างนั้น หัวของชานยอลพิงลงมาที่สุดปลายไหล่กว้างเจ้าตัวก็เลยช้อนหัวของชานยอลขึ้นแล้วขยับตัวเข้าไปใกล้ให้คนหลับได้พิงไหล่เขาเต็ม เมื่อขยับจนได้ที่แล้วชานยอลก็สอดมือเข้ากอดแขนที่ตนคิดว่าเป็นหมอนข้างทันที ตอนนี้ใบหน้าของชานยอลซุกอยู่ที่ซอกคอของคริส ลมหายใจอุ่นๆที่เป่ารดไม่ได้ทำให้คริสรู้สึกอะไรมากไปกว่าการยกมืออีกข้างลูบเรือนผมสั้นของเพื่อนเบาๆ
     
    ความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสองคนมันแปลกมาตั้งแต่ต้น คริสและชานยอลเหมือนเด็กมีปัญหาที่ชอบจะตีกันอยู่เรื่อยแต่ก็ไม่รู้เป็นอย่างไรถึงได้จับพลัดจับผลูมาสนิทกันได้ แล้วก็อยู่ด้วยกันกัดกันทุกวันจนมาถึงวันนี้ ในความคิดของคนที่ไม่ได้หลับนั้นกลับรู้สึกดีอยู่ภายใน แต่มันก็เริ่มไม่ดีก็ตอนที่ไอ้นี่มาจุ้นจ้านกับน้องชายเขานี่ล่ะ ถึงมันจะเป็นเพื่อนรักของเขาแต่เพื่อให้จื่อเทาน้องชายพ่อแม่เดียวกันเพียงคนเดยีวของเขาได้ลงเอยกับจุนมยอนล่ะก็ เพื่อนก็เพื่อนเถอะถ้าเข้ามายุ่มย่ามมากๆล่ะก็.. ฉันก็ไม่ปล่อยนายเหมือนกันนั่นแหละ
     
    “ว๊า~ หนังไม่สนุกเลยอ่ะ” พอเดินออกมาจากโรงหนังได้พ่อจ้าวประคุณก็บ่นใหญ่ว่าหนังไม่สนุก ดูไม่รู้เรื่องก็เล่นหลับตั้งแต่ 15นาทีแรกมันจะไปรู้เรื่องได้ยังไง แต่ก็ไม่ได้พูดออกไปหรอก สิ่งที่ออกไปคือมือที่เขกหัวคนพูดนั่นแหละ
     
    “ไอ้บ้า!! เขกอยู่ได้หัวกุบุบแล้วมั้งเนี่ย” ชานยอลกุมหัวตัวเองไว้แล้วก็มองค้อนใส่คนที่เดินยิ้มชั่วอยู่ข้างกาย
     
    “ไหนมาดูดิ” คริสโอบทั้งหัวของชานยอลให้เข้ามาใกล้แล้วก็มองดูก่อนที่จะผลักหัวนั้นออกไปไกลๆตัว “ก็ไม่เห็นจะบุบอะไรทำเป็นโวยวาย” 
     
    “ไอ้ฟายเผือก!!” เตะขาใส่มันไปหนึ่งทีก็เดินจ้ำหนีไปก่อนเลย หมั่นไส้ ชอบรุนแรงตลอดๆ นี่ปาร์คชานยอลเกิดมาเพื่อเป็นกระสอบทรายให้มันหรือยังไง!!!
     
    เดินหนีไปก็ไมได้ไกลหรอก แค่เดินห่างกัน 5ก้าวนั่นแหละ ชานยอลก็สอดสายตามองไปเรื่อย พอมีผู้หญิงสวยๆผ่านมาหน่อยก็มองตามจนเหลียวหลังเลยล่ะ ก็แหมของสวยๆ งามๆผู้ชายที่ไหนจะไม่ชอบบ้างล่ะจริงไหม? กะว่าจะเดินเลยไปยังส่วนของร้านอาหารสักหน่อย แต่สายตาของคริสก็ดันไปเห็นแว่นคอลเล็คชั่นที่ออกใหม่พอดี ด้วยความชอบส่วนตัวก็อยากจะเดินเข้าไปจับๆ ลูบๆมันสักหน่อยและถ้าถูกใจมันก็คงได้กลับบ้านกับเขา
     
    “ชานยอล.. ไอ้ชานยอลโว๊ย!” เรียกแล้วไอ้คนเหล่สาวก็ไม่ยอมหันมาจนต้องก้าวให้เร็วขึ้นแล้วกระชากแขนมันเข้ามาหาตัวนั่นแหละ ชานยอลหันมามองแล้วก็จิกสายตาใส่
     
    “อะไรเล่า รุนแรงตลอดไอ้โหด!!” คริสไม่สนใจเสียงโวยวายแต่ก็ลากชานยอลไปยังร้านแว่นได้สำเร็จ
     
    “จะซื้ออีกแล้วเหรอ? แว่นเต็มบ้านแล้วมั้งน่ะ ถามจริงใส่หมดหรือยัง” คริสหัวเราะแต่ก็ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป ร่างสูงกว่าเดินนำเข้ามาในร้านแล้วปล่อยชานยอลไว้ เจ้าตัวก็เดินไปดูโน้น ดูนี่ตามภาษาคนอยากรู้ อยากเห็น 
     
    “สวัสดีค่ะนี่เป็นรุ่นใหม่นะคะ สำหรับคลอเล็คชั่นนี้จะมีขอบสีดำและสีเงินค่ะ ลองดูได้นะคะ” แล้วพนักงานก็หยิบแว่นตาทั้งมาให้ดู คริสจับมันขึ้นพลิกดูแล้วก็ลองสวมดู ยามที่ใบหน้าหล่อคมมีแว่นตาดำประดับอยู่นั้น.. มันก็ช่างหล่อบาดใจคนมองซะเหลือเกิน คริสมองเงาสะท้อนของตัวเองในกระจกแล้วก็หันไปมองใครอีกคนที่ยืนมองแว่นกรอบสีต่างๆในร้านอย่างสนอกสนใจ
     
    “ไอ้ชานยอลมานี่ดิ” เรียกแล้วก็กวักมือสมทบด้วย คนโดนเรียกก็เลยเดินเข้าไปหาแต่ปากก็บ่นไปด้วย อะไรกันนักกันหนาคนจะยืนดูแว่นก็เรียกอีกแหละ พิการทางความคิดหรือไงมึง
     
    “เป็นไง” ชานยอลขมวดคิ้วแล้วมองเพื่อนตัวเองที่สวมแว่นดำ จริงๆมันก็ไม่ได้แปลกใหม่อะไรเพราะคริสก็สวมแว่นดำเป็นประจำเพียงแต่วันนี้ไม่ได้สวมก็เท่านั้น ไม่ว่าจะทำอะไรเพื่อนเขาคนนี้ก็หล่อไปซะทุกท่วงท่าจริงๆ ชักจะอิจฉามันขึ้นมาหน่อยๆล่ะ
     
    “ก็ดีนะ” พยักหน้าพร้อมชูนิ้วโป้งให้หนึ่งทีก่อนที่จะหยิบแว่นอีกอันขึ้นมาสวมบ้าง “กูล่ะ?”
     
    “ทุเรศ ถอดออก” ไม่ต้องรอให้ชานยอลถอดเอง คริสก็ถอดให้เสร็จสรรพ
     
    “ใช่สิ มึงมันหล่อคุมทั้งโลกนิ” ค้อนใส่หนึ่งทีก่อนที่จะเดินหนีแต่คริสก็รั้งข้อมือไว้ได้ทัน
     
    “กูซื้อดีป่ะ?” ชานยอลกระพริบตาอีกสองปริบก่อนที่จะพยักหน้า
     
    “ซื้อไปดิ เงินมึงไม่ใช่เงินกู”
     
     
    แล้วคริสก็ได้แว่นนั้นมาครอบครอง พอเดินออกมาจากร้านยกนาฬิกาขึ้นมองก็เห็นว่าเป็นเวลาบ่ายสองกว่าๆแล้ว กำลังจะหันไปเรียกชานยอลก็โน้นเลย เดินจ้ำเข้าร้านไอศกรีมไปเสียแล้ว ถอนหายใจสักเฮือกก่อนที่จะเดินตามชานยอลเข้าร้านไป
     
    “ไปกินข้าว” มาถึงก็ไม่พูดพร่ำทำเพลงคว้าแขนชานยอลได้ก็ฉุดให้ลุกขึ้นเลย คนโดนฉุดก็ยู่หน้าใส่แล้วรั้งข้อมือคริสเอาไว้
     
    “กินไอติมนะ ไม่หิวข้าว นะ~” พอเจอลูกอ้อนของไอ้ลูกแมวตากลมนี่แล้วยังไงล่ะ? มือที่กำรอบข้อมือขาวไว้ก็ปล่อยน่ะสิ
     
    “เออๆ ถ้าปวดท้องหิวข้าวเมื่อไหร่ล่ะกูจะตบให้หัวทิ่มเลย”
     
    “ไอ้โหดร้าย!!!”
     
     
    หลังจากที่นั่งถ่ายรูปด้วยโทรศัพท์ของคริส(ของตัวเองแบตหมด)กับแว่นอันใหม่ของคริสอยู่ไม่นาน ไอกศรีมถ้วยยักษ์ที่สั่งก็มาเสิร์ฟ ไอศกรีม 5ลูก 5รสที่เสิร์ฟอยู่ในตะกร้าขนมปังกรอบพร้อมกับวิปครีมสีขาวดูน่ากิน เมื่อพนักงานเดินจากไปชานยอลก็ไม่รีรออะไรอีกแล้วหยิบช้อนขึ้นตักไอศกรีมสีน้ำตาลเข้มเข้าปากทันทีแล้วก็ยู่ปาก หยีตาทำท่าว่าเย็นสุดขั้ว คนที่นั่งอยู่ตรงข้ามก็ยิ้มขำๆก่อนที่จะเริ่มตักไอศกรีมกินบ้าง
     
    ชานยอลบิขอบตะกร้าขนมปังกรอบนั้นออกมาเป็นแผ่นไม่ใหญ่มากนัก จากนั้นก็ตัดเนื้อครีมหวานเย็นหลากสี หลากรสมาป้ายที่ขนงปังในมือทีละรสก่อนที่จะยื่นไปหาคนตรงข้าม สะกิดเรียกด้วยขา พอสายตาดุหันเงยขึ้นมามองก็ยื่นไอศกรีมกับขนมปังนั้นเข้าใกล้ คริสอ้าปากรับเข้าปากก่อนที่จะพยักหน้ารับ เพราะรสหวานในปากนั้นมันเข้ากันได้ดี พอหวานก็มีรสเปรี้ยวมาดับ จากนั้นก็มีรสขมมาดับ มันพอดีจนอร่อย... ไม่รู้แล้วว่าอร่อยเพราะไอศกรีมหรือคนป้อนกันแน่
     
    “อร่อยใช่ไหมล่ะ? คิดค้นสูตรโดยปาร์คชานยอลเลยนะเนี่ย~” แล้วชานยอลก็บิขนมปังกรอบมาอีกอัน ตักไอศกรีมทุกรสรวมใส่บนแผ่นขนมปังในมือแล้วก็เอาเข้าปากบ้าง
     
    “อร่อยจริงๆด้วยแหะ” ยิ้มกว้างอย่างถูกใจก่อนที่จะบิขนมปังมาตักป้อนคนตรงข้ามอีก แหม.. ปาร์คชานยอลนี่มีความสามารถนะเนี่ย ทำได้ทุกอย่างล่ะ~
     
    ป้อนคนตรงข้ามไปก็ป้อนตัวเองไปจนหมดนั่นล่ะถึงได้ฤกษ์ออกจากร้าน พอมองเวลาก็สมควรแก่เวลาที่จะต้องออกจากห้องสรรพสินค้าไปรับน้องๆได้แล้ว ก่อนที่จะได้เดินนำไปยังลานจอดรถ คริสไม่ใช่สุภาพบุรุษที่จะมายืนรอเปิดประตูรอ แน่นอนว่าพอเดินมากดปลดล็อครถเสร็จก็ขึ้นนั่งฝั่งคนขับทันที ชานยอลก็ตามขึ้นมานั่งด้านข้าง รัดเข็มขัดนิรภัยเสร็จก็หามุมเหมาะๆของเบาะเตรียมนอนล่ะ
     
    ไม่น่าเล่นเกมดึกๆเลยสิ ไม่ๆ เพราะโฉดข้างๆน่ะไม่ควรมาปลุกเลยเถอะ ปาร์คชานยอลควรได้นอนตื่นบ่ายนะ โธ่ ชีวิตที่น่าสงสารของคนหล่อ
     
    “เย็นนี้จะกินอะไร จะไปกินชาบูอีกหรือเปล่า” ชานยอลบึนปากใส่แล้วก็ส่ายหน้า
     
    “ไม่เอา จะกลับบ้านไปไปกินข้าวเย็นที่บ้าน พ่อบอกว่าจะซื้อพิซซ่ากลับมาให้”
     
    “แล้วทำไมต้องให้พ่อซื้อกลับมาให้ ทำไมไม่ซื้อเข้าไปเอง” หันไปขมวดคิ้วถาม ชานยอลแบะปากใส่หนึ่งที
     
    “ก็พ่อบอกว่ากลับจากไปดูร้านดอกไม้แล้วจะซื้อเข้ามานิ แล้วมึงจะมาทำเสียงดุใส่ทำไมเนี่ย!!” คริสที่ไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองทำเสียงดุออกไปก็ยื่นมือไปขยี้หัวของคนที่ยังนั่งกอดอก แบะปากแรงๆสักที
     
    “เออๆ ขอโทษๆ”
     
    “อยู่กับมึงกูโดนตลอดเลยอ่ะ คิดถึงน้องจุนมยอนของพี่ชานจังเลย~” คริสมองชานยอลด้วยหางตาก่อนที่จะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ
     
    “หรือมึงอยากจะโดนตบอีกที?” ชานยอลพองแก้มแล้วก็พลิกตัวหันหนีไปทางกระจกรถเลย ไม่สน ไม่คุยด้วยแล้ว เกลียดมัน!! ซาดิสต์หรือไงถึงชอบมาทำร้ายร่างกายเขาตลอดเลย ใช่สิ!! ปาร์คชานยอลมันเป็นกระสอบทรายที่น่าสงสาร!!!
     
    ออกรถไปได้ไม่นานชานยอลก็หลับ คริสแตะเบรกเมื่อเจอสัญญาณไฟให้หยุดก่อนที่จะเลื่อนมือไปปรับแอร์ให้โดนคนหลับ ริมฝีปากได้รูปประดับรอยยิ้มอยู่แทบจะทุกขณะโดยที่ไม่รู้ตัวเลยสักนิด
     
     
    การจราจรวันนี้ค่อนข้างติดขัดอยู่ กว่าที่จะฝ่าไปถึงโรงเรียนได้ก็เจอเข้ากับน้องเล็กของบ้านที่ยืนเท้าสะเอวรออยู่หน้าโรงเรียนเสียแล้ว ใบหน้าน่ารักของเจ้าน้องเล็กดูมุ่ยมากและคงจะอารมณ์เสียสุดๆไปเลย พอเดินมาถึงตัวรถก็ทำหน้าตกใจที่เห็นชานยอลหลับอยู่เบาะหน้า แบคฮยอนเลยเดินไปขึ้นเบาะหลังแทน
     
    “ทำไมพี่ชานยอลมานอนอยู่ที่นี่ล่ะ? วันนี้ไม่มีเรียนนิ” คริสมองน้องเล็กผ่านทางกระจกส่องหลังก่อนที่จะตอบกลับไป นี่พูดเลยว่าพี่ใหญ่เขาหล่อมากนะ เสียอย่างเดียวเถื่อนมากไปหน่อย
     
    “พาไปเที่ยวมา หิวหรือยังน่ะเรา” แบคฮยอนส่ายหน้าไปมา
     
    “งั้นไปรับเทาเลยนะ”
     
    กว่าจะฝ่าการจราจรที่แสนจะติดขัดและน่าหงุดหงิดไปได้ เทากับจุนมยอนที่นั่งรออยู่ใต้คณะวิศวะก็นั่งคุยกันกินขนมจนหมดไปหลายถุงแล้ว พอทั้งสองขึ้นรถมาได้คริสก็หันไปมองหน้าจุนมยอนทันทีว่าทำไมถึงมาด้วย ก็ไหนบอกว่าจะให้เพื่อนไปส่งไง แต่เจ้าเด็กตัวขาวก็ยังคงส่งยิ้มน่ารักมาให้อยู่นั่นแหละก็เลยต้องเพิ่มออฟชั่นเป็นส่งสายตาดุให้หนึ่งที
     
    “พี่คริสอ่ะ... ก็พอดีหาหนังสือเจอเร็วไงแล้วเทาเทาก็มารับที่หอสมุดพอดีก็เลยมารอกลับพร้อมกัน”
     
    “อืม นึกว่าเบี้ยวงานซะอีก”
     
    “ไม่เบี้ยวนะ ทำเสร็จแล้วเถอะ” แถมทำหน้ามุ่ยใส่ด้วย คริสหัวเราะเบาๆก่อนที่จะถอยรถแล้วขับกลับบ้าน
     
    “ทำไมชานชานมานอนในรถแบบนี้อ่ะ”
     
    “พาไปเที่ยวมาแล้วง่วงน่ะ พรุ่งนี้นอกจากแบคฮยอนแล้วมีใครมีเรียนอีกไหม”
     
    “ทำไมอ่ะเฮียจะไม่กลับบ้านอีกแล้วเหรอ?” เทาชะโงกหน้ามาถามจากเบาะหลัง
     
    “อืม ว่าจะไปนอนบ้านชานยอล”
     
    “งั้นเดี๋ยวตอนไปส่งที่บ้านน้องจุนขึ้นไปเก็บเสื้อผ้าให้นะ” 
     
    คริสเหลือบมองชานยอลที่นอนไม่ตื่นแล้วก็กระตุกยิ้มขำ บอกว่าเสียดายที่ไมได้เจอน้องจุนแต่ตอนนี้น้องจุนก็นั่งอยู่เบาะหลังแล้วไง ก็หลับเองนะช่วยไม่ได้แล้วเขาก็ไม่รู้ว่าวันนี้จุนมยอนจะกลับมาด้วยหรอกเพิ่งรู้ก็ตอนเห็นหน้านี่ล่ะ และคริสก็เป็นคนดีมากพอที่จะไม่ปลุกคนหลับให้ตื่นหรอก... มันบาป
     
    “สั.!!! / เฮ้ย!!! / อ๊ะ!!!!” เสียงของคนทั้งรถร้องขึ้นพร้อมกันเมื่ออยู่ๆก็มีรถแลมโบกินี่สีเหลืองขับปาดแทรกเข้ามาในเลนที่คริสกำลังแล่นรถอยู่ เทากอดจุนมยอนกับแบคฮยอนไว้ คริสเองก็ไวพอที่จะเหยียบเบรกและกางมือกันชานยอลไว้ถึงแม้จะมีเซฟตี้เบลล์แต่เขาก็ยังต้องป้องกันไว้อยู่ดี 
     
    “เป็นอะไรหรือเปล่า” คริสหันไปถามน้องๆแล้วก็ได้การส่ายหน้าจากทุกคน คริสก้มหน้าลงสบถอีกนิดหน่อยก่อนที่จะเหยียบคันเร่งขับรถต่อด้วยความเร็วเท่าเดิม แบคฮยอนที่ช่างสงสัยก็เกิดคำถามในใจ.. ทำไมพี่ใหญ่ของเขาถึงได้ดูใจเย็นนัก? ปกติถ้ามีคนมาขับปาดหน้าล่ะก็พี่ชายเขาจะเหยียบมิดไปปาดมันคืนแน่นอน 
     
    แบคฮยอนรู้ดี ไอ้เรื่องที่จะมาด่าแล้วก็จบไปน่ะหาไมได้กับพี่ใหญ่อู๋อี้ฟานของเขาหรอก ถ้าบอกว่าเป็นห่วงน้องๆก็ไม่ใช่อีกนั่นล่ะเพราะพวกเขาก็เคยเจอเวลาพี่คริสโดนคนขับรถปาดหน้าหรือบางทีอาจจะเป็นเพราะ... ใครบางคนที่หลับไม่รู้เรื่องก็เป็นได้ ต้องใช่แน่ๆ... บางทีพี่ใหญ่ของเขาอาจจะมีอะไรสักอย่างกับชานยอลก็เป็นได้ คงเป็นความสุขที่ยากจะพูดสินะ
     
    คริสเหลือบตาไปเห็นชานยอลที่นอนคอพับหัวจะชนกระจก ดังนั้นคนขับก็เลยใจดีอีกหนึ่งต่อด้วยการเอื้อมมือไปเอนหัวกลมๆนั้นให้หันพิงเบาะดี ใบหน้าน่ารักคล้ายเด็กน้อยกำลังหลับนั้นเอนพิงมาทางเขา มุมปากของคริสกระตุกยิ้มเล็กๆ อาจจะรอดพ้นสายตาของเทากับจุนมยอนแต่ก็ไม่รู้สายตาของแบคฮยอนได้หรอก... เขาไม่ใช่คนช่างสังเกตแต่เป็นคนที่อยากรู้อะไรก็ต้องหาคำตอบนั่นแหละ ...พยอนแบคฮยอน...
     
     
     
    กว่าที่จะปลุกคนหลับให้ตื่นได้ก็นั่นแหละถึงหน้าบ้านพอดี คริสเอื้อมมาปลดเข็มขัดนิรภัยออกให้ก่อนที่จะเขย่าไหล่เรียกเบาๆ ด้วยเพราะเป็นการนอนระหว่างวันและไม่ค่อยสบายเท่าไหร่ชานยอลก็เลยตื่นง่าย พอตื่นก็ต้องสะดุ้งตกใจเมื่อเห็นใบหน้าของเพื่อนอยู่ไม่ห่าง เผลอตกใจยันหน้ามันออกไปจนมันหงายหลังเลย
     
    “ไอ้เห.ชานยอล!!” คนผลักเขาก็ถลาตามไปดูเลยสิ
     
    “ขอโทษๆ ไม่ได้ตั้งใจตกใจไปหน่อย แก้มแดงนิดหน่อยเดี๋ยวก็หายๆ” ชานยอลลูบแก้มสากของเพื่อนเบาๆแล้วก็ไม่ได้รู้ตัวเลยว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ในท่าทางแบบไหน ร่างเพรียวบางโน้มมาหาแทบจะทั้งตัว ไหนจะใบหน้าที่ชะโงกเข้าไปใกล้อีกล่ะ 
     
    “เออๆ เข้าบ้านกัน” คริสจับมือของชานยอลออกจากแก้มของเขาก่อนที่จะเขาจะเผลอทำอะไรลงไป ชานยอลทำตาโตแล้วก็หันหน้าออกไปรอบๆ อ้าว ถึงบ้านตอนไหนวะ?
     
    “ทำไมมาจอดในบ้านอ่ะ ทำไมไม่จอดรถนอกบ้าน” 
     
    “แล้วจะจอดนอกบ้านทำไม เดี๋ยวกูก็ต้องขับเข้ามาอยู่ดี” ชานยอลทำหน้างงแล้วก็เอียงคอใส่ คริสเลยดีดหน้าผากซะเลย หมั่นไส้ทำไมต้องมาทำตาโตๆใส่ด้วยวะห๊ะ!
     
    “ดีดกูอีกแล้วไอ้เห.!! แล้วเข้าบ้านกูมาทำไมเนี่ย” ชานยอลทำปากยู่แล้วก็ยกมือขึ้นลูบหน้าผากปอยๆ 
     
    “ก็จะมานอนค้างบ้านมึงไง”
     
    “ห๊ะ!!!!!!” ตะโกนลั่นรถเลยเถอะ คริสหัวเราะเบาๆก่อนที่จะปลดล็อคประตูรถ
     
    “ไม่ต้องมาห๊ะ ลงมาได้แล้ว” พอลงประตูมาได้คริสก็ไม่รู้อะไรคว้ามือชานยอลเดินผ่านทางเชื่อมเล็กๆจากโรงจอดรถไปยังตัวบ้านทันที
     
    “เดี๋ยวๆ มาค้างทำไมที่นี่ไม่มีเสื้อผ้าให้มึงใส่หรอกนะ พรุ่งนี้มีเรียนเช้านะเว๊ย!!”
     
    “เออรู้ แล้วไง?” ชานยอลมุ่ยหน้าใส่แผ่นหลังกว้างตรงหน้าแล้วก็แยกเขี้ยวใส่ ถ้าแปลงร่างเป็นหมาป่าได้เขากระโจนไปกัดมันแล้วเถอะ หมั่นไส้นัก
     
    “กูไม่ให้นอนหรอก มึงมีบ้านก็กลับไปสิ” คริสเปิดประตูเข้าตัวบ้านแล้วก็ปล่อยมือให้ชานยอลเดินเข้าไปก่อน ชานยอลแบะปากใส่หนึ่งทีก่อนที่จะเดินเลยผ่านหน้าคริสเข้าบ้านไป
     
    “กูจะนอนมึงมีปัญหา?” คริสเดินตามเข้าไปแล้วก็ไม่ลืมที่จะปิดประตูนั้นด้วย
     
    “เออดิ หมั่นไส้มึงไม่อยากนอนกับมึงหรอก” ชานยอลหันมาแบะปากใส่อีกที คริสก็เลยเดินเข้าไปดีดปากแรงๆสักที ทีนี้คนโดนดีดปากก็กระโดดเหยงๆยกมือกุมปากเลยน่ะสิ
     
    “โอ๊ย!! ไอ้เห.คริส!!!”
     
    “ใครสั่ง ใครสอนแบะปากบ่อยๆห๊ะ?” ดวงตาคมจ้องเขม็งและฉายแววดุ ชานยอลยู่หน้าใส่ก่อนที่จะม่านน้ำจะคลอรอบดวงตาโดยที่ชานยอลไม่ได้รู้ตัวเลย
     
    “เมื่อก่อนก็ไม่เคยว่านิ แล้วมาว่าทำไมอ่ะ” 
     
    “เออๆ ไม่ว่าแล้วแต่อย่าไปทำใส่คนอื่น โอเค๊?” เพราะเห็นดวงตากลมโตนั้นสั่นไหวหรอกเลยยื่นข้อเสนอดู บางทีคริสก็เริ่มรู้สึกว่าตัวเขาเองไม่ค่อยเป็นตัวของตัวเองแล้ว อาจจะเพราะคนตรงหน้านี่ล่ะมั้งน่ะ
     
    “ทำไมอ่ะ”
     
    “ไม่มีเหตุผล ทำกับกูกูไม่ว่าแต่ถ้าไปทำใส่คนอื่นกูจะดีดปากมึง ถ้าไม่ฟังกูจะจับมึงจูบเลยคอยดู” ชานยอลทำตาโตแล้วยกมือขึ้นปิดปากเมื่อเห็นว่าคริสยื่นหน้าเข้ามาหา
     
    “อ้าว กลับมาแล้วเหรอ” ชานยอลกับคริสหันไปมอง พอเห็นว่าเป็นคนที่เดินลงบันไดมาชานยอลก็วิ่งเข้าไปกอดเอวทันที
     
    “พ่อไอ้คริสแกล้งชานยอล พ่ออย่ายอมให้มันมาค้างที่บ้านนะ!” มาถึงก็ฟ้องเลยไง คริสก้มหัวลงทักทายเจ้าของบ้าน คุณพ่อก็ยกยิ้มรับคำทักทาย เขาก็พอรู้ล่ะว่าลูกชายเขาน่ารักน่าแกล้งจะโดนแกล้งก็ไม่เห็นจะแปลก
     
    “ไงคริสคืนนี้จะมานอนค้างที่บ้านอาเหรอ?”
     
    “ครับ ขออนุญาตนะครับ”
     
    “เออมาเลยๆ ไม่ต้องเกรงใจ” พอได้ยินพ่อของตัวเองรับคำแบบนั้นชานยอลก็พองลมสองแก้มแล้วก็ปล่อยมือที่กอดพ่อไว้ออกทันที พอหันไปมองไอ้ตัวปัญหาก็เห็นมันยักคิ้วส่งให้อีก หึ๊ย!!! คนหล่ออารมณ์เสีย!!!
     
    “พ่ออ่ะ!! ชานยอลโป้งแล้ว!!!”
     
    “โป้งแล้วจะกินไหมพิซซ่าน่ะ”
     
    “กินสิ รักพ่อฝุดๆ!!” ชานยอลกอดแล้วก็หอมแก้มคุณพ่ออีกหนึ่งที คริสที่มองอยู่ก็ยิ้มบางๆกับความน่ารักของอีกคน... ตอนนี้ชักจะสงสัยแล้วว่ามีตอนไหนบ้างที่ชานยอลดูไม่น่ารักสำหรับเขากันนะ..
     

     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×