ลำดับตอนที่ #29
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #29 : [เด็กช่าง's Series] YeolKris BaekDo TaoHun - YeolKris Part 5 [End of Part]
Title: เด็กช่าง's Series - YeolKris Part 5 [End of Part]
Pairing: Chanyeol x Kris // Baekhyun x D.O. // Tao x Sehun
Author: BettyNoona
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
#มันมาทีไรก็กรี๊ดนำตัลหลอดดดดดดดดดดดดดด
จบแล้ว ชานคริสจบแล้ววววววววววว ฮืออออออออออออออออออออออ แต่อารมณ์คนแต่งไม่จบคร๊าาาาาาาาาาาาาาาาาา
อยากเขียนชานคริสอีกๆๆๆๆๆ อยากเขียนออลคริสสสสสสสสสส กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
ถ้าเขียนจะมีใครอ่านป่ะเนี่ย โอ๊ยยย อยากสุดพลังงงงง
________________________________________________
“เป็นอะไรของมึงวะ ทำหน้าอย่างกับหมาตาย” ชานยอลหันไปจิกตาใส่เจ้าของคำทักทายนั้นก่อนที่จะหันกลับมาไม่สนใจนั่งเกากีต้าร์ไปเรื่อยๆ
“เอ้าอะไรของมันวะ” หันไปขอความเห็นจากคู่หู ซึ่งก็ไม่มีคำตอบมาให้
“ชานยอลเป็นอะไรไหนบอกเราหน่อยดิ” คนตัวเล็กที่สุดในกลุ่มเดินไปนั่งข้างๆเพื่อนตัวสูง ชานยอลเพียงแค่หันมามองหน้าคยองซูเฉยๆแต่ก็ไม่ได้ตอบอะไร จนเพื่อนตัวเล็กอดรอนทนไม่ไหวนั่นแหละ คยองซูกำคอกีต้าร์ไว้เพื่อไม่ให้ชานยอลดีดมัน
“ปาร์คชานยอล” ด้วยน้ำเสียงที่เรียกได้ว่าเย็นไปจับใจ แล้วไหนจะตาโตๆที่มองจิกมาซะหน้าแทบแหกอีก
“โอเคๆ ก็ไม่ได้เป็นอะไร”
“ถามกี่ทีก็ตอบแต่แบบนี้อ่ะ.. ทำไมคิดถึงน้องคริสเหรอ?” โอ้โห้ อย่างกับมีธนูสักสามสิบดอกตรงมาจึกๆที่กลางใจ
“จะว่าไปชานยอลก็หงอยๆเหมือนหมาป่วยตั้งแต่น้องคริสไม่อยู่แล้วนิเนอะ 2อาทิตย์แล้วนะน้องคริสจะเป็นไงบ้างก็ไม่รู้” เอ้า ย้ำเข้าไป ธนูปักใจเพิ่มอีกสามสิบดอกรัวๆ
2 อาทิตย์แล้วตั้งแต่วันที่เด็กตาแป๊วนั่นกลับบ้านไป แล้วก็ไม่เคยได้รับการติดต่อหรือเห็นหน้ากันอีกเลย ก็พ่อเขาบอกว่าจะไปรับไปส่งเองนินะ.. จะให้ไปเจอกันได้ยังไง แต่ก็ดีแล้วเด็กนั่นจะได้อยู่กับที่บ้าน มันก็ไม่ใช่เรื่องอะไรของเขานิ ทำไมจะต้องไปห่วงมันด้วยนะ
“เป็นเอามากว่ะ กลับบ้านกันมะ? ต้องรีบกลับไปเคลียร์รายงานวิทย์กับธุรกิจอีก เซ็งว่ะ” เทาลุกขึ้นแล้วก็บิดขี้เกียจไปมา เซฮุนก็ฟาดมือเข้าที่หน้าท้องคนขี้เกียจไปสักป๊าบ
“ไปเหอะว่ะขี้เกียจอยู่ที่นี่ ตัวเล็กวันนี้เขาไปนอนด้วยนะ~~” แบคฮยอนเข้าไปคลอเคลียคยองซูทันที ดวงตาโตหันไปมองคนที่บอกว่าจะไปนอนด้วยก็ยิ้มตาหยี น่ารักอย่างกับหมากระเป๋าเลยล่ะ
“ถ้าห้ามแล้วจะฟังไหม?” แบคฮยอนส่ายหน้า แล้วก็เป็นอันตกลงว่าคืนนี้แบคฮยอนจะได้ไปนอนบ้านตัวเล็กของตัวเองแหงมๆ ชานยอลที่เดินตามหลังเพื่อนก็ได้แต่ยิ้มแล้วก็ส่ายหน้ากับพวกมันแต่ละคน เฮ้อ.. น่าเบื่อที่สุด
“หวังว่าจะสบายดีนะ” ชานยอลเงยหน้ามองท้องฟ้าแล้วก็พึมพำเบาๆ มันคงไปไม่ถึงใครอีกคนหรอกแต่ก็หวังไว้ว่าใครอีกคนจะสบายดีจริงๆนั่นแหละ
ทั้งห้าคนมายืนรอรถประจำทางที่ป้ายรถเมล์เช่นเดิม วันนี้ไม่ใช่วันศุกร์เพราะฉะนั้นก็คงไม่มีเด็กที่ไหนมาตีกันหรอก ชานยอลยืนล้วงมือเข้ากระเป๋าแล้วก็มองรถราที่วิ่งผ่านไปเรื่อยๆ เวลาที่รถมันมาวิ่งบนถนน รถคันไหนๆมันก็ดูเหมือนๆกันไปหมด บางทีก็แค่อยากจะหวังว่าอาจจะเจอรถคันที่คุ้นตาบ้างก็ได้... แต่มันก็แค่เรื่องตลกเท่านั้นแหละ
พอรถสาย 123ก. มาก็พากันกระโดดขึ้นทันที ชานยอลเดินไปนั่งด้านหลังริมหน้าต่าง เก้าอี้ตัวที่ทำให้เขาได้เจอเจ้าเด็กน่ารักคนนั้น พอนั่งแล้วก็พาลนึกไปถึงดวงตาใสที่มักจะมองมาที่เขา แล้วก็รอยยิ้มที่มักจะมอบมาให้เขา .. ถ้าจะบอกว่าคิดถึง ก็คงใช่ เขาคิดถึงเจ้าเด็กนั่นชะมัดเลยล่ะ
“เอาอีกแล้วว่ะ สาส์นท้ารบของมึงน่ะ จะเอาไง” เซฮุนยื่นกระดาษใบนั้นให้ดู ชานยอลชะโงกหน้าไปมองก่อนที่จะถอนหายใจ
“จัดแม่งเลยไหมล่ะ? เซ็งอยู่พอดี” ทุกคนหันไปมองชานยอลด้วยสายตาตกใจ เพราะเพื่อนตัวสูงของเขาไม่ใช่คนที่จะไปมีเรื่องกับใครก็ได้หรอกนะ
“จะดีเหรอวะ” แบคฮยอนถาม ชานยอลหันไปมองก่อนที่จะพยักหน้า
“เอ้าก็มันอยาก ก็จัดให้ไง เซฮุนไปบอกพวกไอ้ลู่ให้เรียกรวมรุ่นไป” เซฮุนพยักหน้ารับงงๆแต่ก็ยอมลุกขึ้นไปจัดการให้
“ชานยอลคิดดีแล้วใช่ไหม?” ชานยอลมองหน้าคยองซูก่อนที่จะพยักหน้า
“อืม คิดดีแล้ว.. กำลังอยากหาอะไรทำอยู่พอดี”
แม้ว่าวันนี้จะยังไม่ถึงวันศุกร์ แต่ทำไมต้องแคร์เมื่ออีกฝ่ายอยาก ลูกพี่ชานยอลก็จัดให้ได้อยู่แล้ว เมื่อเรียกรวมรุ่นได้เรียบร้อยแบคฮยอนก็สั่งให้คยองซูอยู่แต่ด้านในโรงเรียนเพราะไม่อยากให้เจ็บตัว ชานยอลเดินไปยังพุ่มไม้รอบประตูโรงเรียนแล้วก็หยิบไม้ทีที่ซ่อนไว้ออกมา ขอบอกเลยว่าไม้ทีอันนี้ราคา 60บาทเท่านั้น ไม่ได้ซื้อมาทำงานแต่ซื้อมาฟาดคน
ล้อเล่นหรอก แอ่แฮร่~ มีไว้อุ่นใจยามต้องใช้ไงไม่ว่าจะเอามาทำงานหรือจะใช้ในยามเหตุจำเป็นก็พกง่าย สบายแฮร์ ใครอยากได้ไม่ทีถูกๆไลน์มาหาพี่ชานยอลนะจ๊ะ จะบอกว่าซื้อที่ร้านไหน เมื่อทุกคนครบ เครื่องป้องกันครบก็จัดแถวเรียงหนึ่งไปยังเทคโนที่มาหาเรื่องทันที อยากมากก็จัดไป
บุกไปแบบไม่ทันได้ให้ฝ่ายนั้นตั้งตัวได้ ก็จัดการเปิดงานก่อนเลย ในเมื่ออยากเจอนักก็จัดให้!! ไม้ในมือก็ใช้ให้เป็นประโยชน์พร้อมกับช่วงขายาวๆที่ยันโครมเข้าให้ คิดว่าจะเสยหน้าลูกพี่ชานยอลได้น่ะ กลับไปคิดใหม่เถอะ!!
“เฮ้ย ระวัง!!” ชานยอลก้มตัวหลบก่อนที่จะยกขาฟาดเข้าสีข้างของอีกฝ่าย
“จะกินพี่ชานยอลน่ะเร็วไปร้อยชาติเว๊ย!!!” แล้วก็ถีบย้ำเข้าที่หลังอีกสักที
“เฮ้ยหนีก่อนเว๊ย แม่งมีพวกเสริม!!” ได้ยินเสียงของใครสักคนตะโกนบอก ในช่วงของการชุลมุนนั้น ชานยอลก็หิ้วคอเสื้อแบคฮยอนวิ่งออกมาก่อน ตามด้วยเทาและเซฮุน และคนอื่นๆก็ตามมาพร้อมกับพวกเทคโนที่ตามมาอีกเป็นกองทัพ
“ชิบหองแล้วมึง~” เทาวิ่งไปก็หันไปมองที เอาล่ะมึงตัวใครตัวมัน ตัวเผือกกันล่ะทีนี้
“แม่งเล่นไม่ซื่อนิหว่า!!” แบคฮยอนโวยวาย
“กลับไปตั้งหลักที่โรงเรียนก่อน คนอื่นๆคงรอซ้ำอยู่ที่โน้นแล้วล่ะ” เพราะก่อนมาเขาบอกให้คยองซูเตรียมกระจายข่าวให้แล้ว ไม่งั้นแบคฮยอนคงไม่บอกให้คยองซูอยู่ที่โรงเรียนรอพวกเขาหรอก
“พวกมึงจะหนีไปไหนวะ!!!” พวกเทคโนที่วิ่งไล่ตามมาก็ตะโกนเสียงดัง ตอนนี้ทุกคนก็ได้แต่วิ่งเอาตัวรอดก่อน เพราะถ้ายังไม่ถึงถิ่นตัวเองสถานการณ์ก็ยังไม่น่าไว้วางใจ
ชานยอลวิ่งผ่านรถที่จอดติดไฟแดงไปอย่างรวดเร็ว ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าจะมาติดไฟแดงอะไรกันตอนนี้ เขาก็แค่ภาวนาว่ารถเหล่านั้นที่อยู่บนท้องถนนจะไม่โดนลูกหลงไปด้วยก็พอ แต่ตอนนี้เอาชีวิตตัวเองให้รอดก่อนเถอะ เขาไม่ได้สนใจอะไรรอบข้างนักหรอกแต่ที่สนน่ะคือตอนนี้จะเอาชีวิตรอดกลับไปได้ไหมเท่านั้นแหละ
“แน่จริงอย่าหนีสิวะ!!!” เสียงของฝั่งตรงข้ามไล่หลังมา
“แน่จริงมึงก็อย่ารุมสิวะ!!!” ชานยอลหันกลับไปตอบทำให้ใครบางคนที่นั่งอยู่บนรถทำตาโต
“ป๊านั่นพี่ชานยอล!!” ชายวัยกลางคนหันไปมองตามที่ลูกชายบอก แล้วก็เห็นชานยอลวิ่งผ่านรถเขาไป
“น้องคริสจะไปหาพี่ชานยอล!” แต่คุณป๊าก็คว้าจับแขนลูกชายไว้แน่นเลย
“ไม่ได้ มันอันตรายจะลงไปทำไม”
“แต่ป๊าพี่ชานยอลก็อันตรายเหมือนกันนะ!!”
“แล้วเราน่ะช่วยเขาได้หรือไง ไม่ต้องลงไปอยู่บนนี้นี่แหละ” คริสก็เลยได้แต่นั่งเกาะกระจกมองชานยอลที่หันไปฟาดขาใส่อีกฝ่ายที่วิ่งตามมาทัน
“อ๊ะพี่ชานยอล!!” คริสที่นั่งมองอยู่ก็ตกใจร้องเสียงดังเลยเมื่อชานยอลพลาดท่าโดนหมัดเสยเข้าที่มุมปาก ตอนนี้ก็ไม่รู้แล้วว่าอะไรเป็นอะไร คริสปลดล็อคประตูอย่างเร็วแล้วก็วิ่งลงจากรถไปเลยโดยที่ไม่ฟังคำเรียกของคนเป็นพ่อเลยสักนิด
“พี่ชานยอล!!” ชานยอลที่ถีบมันคนนั้นออกไปก็ต้องตกใจเมื่อเห็นคริสวิ่งเข้ามาหา เมื่อมาถึงตัวได้คริสก็โผเข้ากอดชานยอลทันที เจ้าตัวที่อยู่ๆก็โดนกอดทำอะไรไม่ถูกเลยน่ะสิ
“มาได้ยังไงวะ วิ่งมาทำไมมันอันตรายกลับไปเลย” คริสส่ายหน้าแล้วก็กอดชานยอลให้แน่นกว่าเดิม เพราะกลัวว่าจะโดนไล่น่ะสิ
“ไม่เอาน้องคริสไม่กลับ!” ชานยอลที่ยืนกอดคริสอยู่นั้นไม่ทันสังเกตเห็นอีกฝ่ายที่ถือไม้ทีเงื้อมขึ้นสูงจะฟาดเข้าให้
“ไอ้ชานยอลระวัง!!” เมื่อหันไปมองก็เห็นว่าระยะอีกแค่ไม่เท่าไหร่คนในอ้อมแขนเขาก็จะโดนไม้นั้นฟาดใส่แน่ๆ ชานยอลหมุนตัวเบี่ยงให้ตัวเองเป็นคนรับไม้นั้นแทน เขายอมไม่ได้หรอกถ้าจะให้เด็กนี่เจ็บตัวหรือต้องมาโดนลูกหลงน่ะ เขายอมเป็นคนเจ็บเองซะดีกว่า คริสหลับตาแน่นแล้วก็ซุกหน้าลงกับไหล่ของคนกอดเขาอยู่นี้ จะว่ากลัวก็กลัว จะว่าอยากปกป้องก็ใช่แต่เขาจะไปช่วยอะไรได้ล่ะตอนนี้น่ะ ก็เลยได้แต่กอดแล้วก็ซุกหน้ากับไหล่ของชานยอล
“กะจะฟาดเพื่อนกูลับหลังเหรอมึง!!” เทาที่อยู่ใกล้กว่าเซฮุนที่ร้องเตือนก็จัดการกระโดดถีบมันซะหงายกองกับพื้น ชานยอลหันมามองก่อนที่จะส่งยิ้มให้เทาที่มาช่วย เจ้าตัวก็ชูนิ้วโป้งให้
“เฮ้ย ลุยโว๊ย!!” หันไปที่หน้าประตูโรงเรียนก็เจอเข้ากับพวกรุ่นพี่ที่อาวุธครบมือวิ่งออกมาจากหน้าประตูแล้ววิ่งเข้าใส่ฝั่งตรงข้าม การจราจรตอนนี้ยังคงติดขัดเหมือนเดิมด้วยไม่มีใครกล้าออกรถเพราะฝ่ายเทคโนวิ่งหนีกลับกันแทบจะไม่ได้ดูว่าตรงไหนฟุตบาท ตรงไหนพื้นถนน วุ่นวายไปหมด
“ไม่ต้องกลัวแล้วมึง” ชานยอลเอ่ยเหย้าคนในอ้อมแขนด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ เด็กในอ้อมแขนน่ะคงจะกลัวมากเลยล่ะตัวสั่นเป็นลูกนกเชียว คริสเงยหน้าขึ้นมามองสบตากับชานยอลก่อนที่จะปล่อยน้ำตาให้รินอาบแก้ม ทั้งเป็นห่วง ทั้งคิดถึงเลยล่ะ
“พี่ชานยอลบ้าๆๆๆๆ” ด่าเขาแล้วก็ทุบอกเขารัวๆเลยล่ะ ชานยอลยิ้มขำแล้วก็ลูบหัวเด็กขี้แยในอ้อมแขนเบาๆ
“เออๆกูบ้า เลิกร้องไห้ได้แล้วกูยังไม่อยากคุยกับกบเคโระตอนนี้หรอกนะ” คริสเงยหน้าจากไหล่ที่ซบแล้วก็ทำหน้ายู่ใส่ ชานยอลหัวเราะไปก็ไล้มือปาดเช็ดน้ำตาให้ไป คริสพองสองแก้มแล้วก็ทุบอกไปอีกสักที
“แต่ฉันอยากคุยกับเธอ มากด้วย” ชานยอลกับคริสหันไปมองก็เห็นคุณป๊าของคริสยืนกอดอกอยู่ไม่ใกล้ ไม่ไกลอยู่ตรงรถคันสีดำที่คุ้นตา... แหมก็ไม่คิดว่าฉากรักจะบู๊เดือดล้างพลาญได้ขนาดนี้นะเนี่ย ก็ไม่ได้มองเลยว่าขนาดที่กำลังรักหวานแหววด้านหลังก็ไล่ตีกันเลือดสาด... ช่างเร้าใจดีนัก
“ตามฉันมา.. ให้หมดทุกคนนั่นแหละ” ที่ต้องบอกว่าทุกคนก็เพราะมันมีลูกลิงอีก4คนที่พยายามเอียงหูฟังน่ะสิ ไหนๆก็ต้องเคลียร์แล้ว เรียกไปให้หมดเลยก็ไม่เห็นเป็นไร ไปล้างแผลทายาหน่อยก็ไม่ว่ากัน
“พี่ชานยอลป๊าจะดุอีกไหม” คริสหันมาถามชานยอลด้วยสีหน้าหงอยๆ เพราะตัวเองทำความผิดขั้นใหญ่หลวงเลยล่ะ วิ่งลงจากรถทั้งๆที่เขากำลังตีกันอยู่เนี่ย
“ไม่หรอก ถ้าเขาดุมึงอีกเดี๋ยวกูจะปกป้องมึงเอง โอเคไหม?” คริสยิ้มกว้างแล้วก็พยักหน้ารับ
“อืม! น้องคริสคิดถึงพี่ชานยอลจังเลย” ชานยอลผละตัวออกแล้วจับมือเจ้าเด็กที่ยิ้มเสียแก้มแทบปริก่อนที่จะขยี้หัวอย่างหมั่นเขี้ยว
“รู้แล้วน่า กูก็คิดถึงมึงเหมือนกันนั่นแหละ”
กว่าจะมาถึงบ้านคริสได้ก็ทำเอาทุลักทุเล อย่าได้ถามว่ามาสภาพไหนกัน ก็ยังดีที่รถมันก็ไม่ได้คับแคบอะไรแต่ก็ใช่ว่าจะมีที่มากพอให้ผู้ชาย 6คนเบียดอัดกันอยู่ด้านหลังได้ พอลงมาจากรถได้ลูกลิงที่ไม่เคยมาก็ทำตาโต(ยกเว้นคยองซู) อู้หู้ โอ้โห้กันใหญ่ คุณป๊าเดินเข้าบ้านไปแล้วแต่ทุกคนยังยืนตะลึงอยู่ที่หน้าบ้านเช่นเดิม จนคุณท่านเขาต้องเดินออกมาตามนั่นแหละถึงจะยอมเดินเข้าไปได้
ในห้องนั่งเล่น ทุกคนกระจัดกระจายตามพื้นห้องพร้อมกับคนทำแผลประจำตัว ดีหน่อยที่คนได้พยาบาลประจำตัวเป็นลูกเจ้าของบ้านนี้ก็เลยได้นั่งบนโซฟาแต่ก็โดนบ่นทุกวินาทีที่ล้างแผลให้ จะอ้าปากร้องก็ไม่ได้จะโดนคุณหนูจิกตาใส่ซ้ำยังจะโดนหยิกให้เนื้อเขียวอีก เอ้า เกิดเป็นปาร์คชานยอลล่ะอนาถใจฝุดๆ
“พี่ชานยอลนะพี่ชานยอล น้องคริสไม่ชอบเลยนะที่พี่ชานยอลจะทำตัวแบบนี้ ไปมีเรื่องกับใครทำไมกันก็ไม่รู้ ถ้าเกิดพลาดไปจะทำยังไง น้องคริสไม่ชอบใจเลยนะแบบนี้” บ่นไปก็ทำแผลให้เขาไป จะอ้าปากพูดสักคำก็โดนดวงตาดุนั้นจิกเข้าใส่ ทางทีดีเงียบปากดีกว่าถ้างั้น..
“รู้หรือเปล่าว่าน้องคริสเป็นห่วงน่ะ.. แน่ะ ถามไม่ตอบ” คริสละมือที่ใส่ยาแดงที่มุมปากของชานยอลออกแล้วมองจ้องหน้า ชานยอลขยับปากเบาๆพอให้หายตึงก่อนที่จะกระตุกมุมปากข้างที่ไม่เจ็บขึ้นยิ้ม
“อ้าวกูพูดได้แล้วเหรอ” คริสพองแก้มก่อนที่จะยกมือข้างที่ถือสำลีชุบยาแดงขึ้นมา ชานยอลยกสองมือขึ้นยอมแพ้เลยดีกว่าแบบนี้
“พี่ชานยอลอ่ะ!!”
“โอเคๆ ต่อไปจะไม่ทำแล้วโอเคไหม?” คริสส่ายหน้าไปมา
“ไม่โอเคครับ พี่ชานยอลสัญญากับน้องคริสมาเลยนะว่าจะไม่ไปตีกับคนอื่นอีก ถ้ามีเมื่อไหร่น้องคริสจะเอาไม้ฟาดพี่ชานยอลให้เข้าโรงบาลเลยคอยดู”
“โอเคครับ สัญญาเลยครับ อย่าทำหน้าโหดสิ” ชานยอลยิ้มขำแล้วก็ยื่นนิ้วไปจิ้มแก้มป่องของคริสหนึ่งที คนที่ทำหน้า(เหมือนจะ)โหดก็ยิ้มกว้าง หน้าโหดๆที่เจ้าหนูแฮมสเตอร์นี่ทำก็ไม่ได้ทำให้เขากลัวหรอกนะ แต่กลัวว่าจะเห็นเจ้าหนูนี่ร้องไห้อีกน่ะสิ ช็อตที่เจ้าเด็กนี่เงยหน้าขึ้นมาด้วยน้ำตาคลอแล้วก็หยดแหมะนี่.. บอกเลยว่าร้าวใจปาร์คชานยอลสุดๆ
“กลัวเมียว่ะ” แล้วคนปากดีอย่างแบคฮยอนก็ได้ลูกถีบจากชานยอลไปหนึ่งที
“ไอ้แบคฮยอนเดี๋ยวมึงจะโดน” หันไปชี้นิ้วคาดโทษสักหนึ่งทีถ้วน
“เออ แบคฮยอนมึงก็มั่วว่ะเมียอะไรที่ไหน มันยังไม่ได้กันหรอก” ไม่ต้องให้ถึงเท้าลูกพี่ชานยอล เซฮุนก็จัดการถีบเทาให้เลย
“ไอ้พวกนี้นิจะพูดอะไรเกรงใจน้องมันบ้าง” แล้วทุกสายตาก็หันไปเห็นคริสนั่งก้มหน้า ทำอะไรไม่ถูก คยองซูเลยจัดการย้ำยาแดงกับแผลที่แก้มของแบคฮยอนให้หนักๆเลยโทษฐานทำน้องที่รักของเขาเขิน
“เอ้า เด็กๆทุกคนทำแผลกันเสร็จหรือยังจ๊ะ” คุณนายของบ้านเดินลงจากบันไดมาพร้อมกับสามีของเธอ ทุกคนที่นั่งกองกับพื้นก็ลุกขึ้นยืนต้อนรับทันที
“เสร็จแล้วครับม๊า” คริสตอบแทน คุณม๊ายิ้มแล้วก็เดินเข้ามานั่งโซฟาตัวยาวที่ทุกคนเว้นว่างไว้ให้เจ้าของบ้าน
“เป็นไงมายังไงจ๊ะถึงได้เจ็บตัวกันขนาดนี้ หื้ม? ชานยอล” อุ้ย.. งานเข้าลูกพี่สุดหล่อเลย
“ก็ไม่มีอะไรหรอกครับ... อ่า.. ก็แค่ความเห็นไม่ลงรอยกันก็เลยตัดสินกับแบบลูกผู้ชายน่ะครับ”
“แบบนั้นเหรอจ๊ะ... แหม วัยรุ่นนี่ก็เลือดร้อนจังเลยนะ แต่มันก็ไม่ดีนะชานยอลตัดสินแบบนี้บ่อยๆชานยอลคงเจ็บแย่เลยนะจ๊ะ” แค่คาดว่าผมคงจะได้ไปนอนโรงบาลเพราะโดนไม้ฟาดคอหักด้วยก็ได้นะครับคุณนาย แอบเหล่มองเด็กข้างกายก็เห็นทำหน้าตาเอาเรื่องอยู่ อู้ย.. ไม่กล้าแล้วจ๊ะ นี่พูดเลยนะเนี่ย
“ครับ ผมจะระวังครับ” ก้มหัวรับไป เด็กข้างตัวก็ยิ้มได้ แหงล่ะเพราะถ้าพี่ชานยอลนอกลู่นอกทางก็จะเอาไม้ฟาดให้คอหักจริงๆนั่นล่ะ
“แต่ฉันมีเรื่องอยากจะคุยกับเธอหน่อยชานยอล” เสียงของประมุขของบ้านดังขึ้นดูน่าเกรงขาม น่ากลัวแค่ไหนก็ดูได้ที่เทากับแบคฮยอนกระเด้งนั่งพับเพียบทำหน้าตาเรียบร้อย ไม่มีพิษไม่มีภัยนั่นแหละ เซฮุนกับคยองซูก็แอบก้มหน้าหัวเราะเบาๆ ก็แหงล่ะไอ้ท่าที่นั่งขัดสมาธิอยู่ๆก็กระเด้งมานั่งพับเพียบเรียบร้อยนี่ไม่ฮายังไงไหวล่ะ ทำอย่างกับมีส่วนได้ส่วนเสียกับเขาอย่างนั้นอ่ะ วัวสันหลังหวะชัดๆ
“ก็ไม่ได้อยากจะพูดแบบนี้หรอกนะ ให้ตายสิ... แต่พอได้ลองทำแบบที่เธอว่าแล้ว ฉันก็เข้าใจแล้วล่ะ” เอ้า งงกันให้พอ สามสี่! ไอ้ลุกลิง4คนที่นั่งกองที่พื้นก็ไม่รู้เรื่องหรอก ว่าแต่มองเผินๆอย่างกับมีอีช้อย อีเย็น อี้แป้น อีปริกนั่งทำหน้าเหมือนอยากรู้อยากเห็นอย่างไรอย่างนั้น ชานยอลกับคริสมองหน้ากันแล้วก็ได้แต่ทำหน้าไม่เข้าใจใส่กันเอง
“ฉันเข้าใจแล้วว่าฉันควรเลือกอะไรให้ลูกชายของฉัน ยังไงก็ฝากดูแลคริสด้วยก็แล้วกันถ้าเขาห่างสายตาฉันน่ะ.. เห็นลูกตัวเองเอาแต่พูดถึงคนอื่นแล้วป๊าปวดใจ”
“โธ่ ป๊าก็.. ถ้าป๊าฟังน้องคริส ป๊าก็ไม่ปวดใจหรอก” คริสลุกขึ้นแล้วก็เดินไปกอดป๊าของตัวเอง ชานยอลที่มองอยู่ก็ยิ้มไปด้วย คาดว่าในระยะเวลาที่ไม่ได้เจอกันเด็กน้อยของเขาคงจะจัดการทุกเรื่องได้จริงๆสินะ เก่งจริงๆนั่นแหละ
“ถ้างั้นแปลว่าคุณพ่อก็อนุญาตให้น้องคริสไปเที่ยวกับพวกเราได้แล้วใช่ไหมครับ” เทาเสนอหน้า ส่งเสียง ยกมือมาเต็มสตรีม เซฮุนก็พยักหน้ารับเป็นลูกคู่ บอกแล้วว่าเรื่องของคนอื่นคืองานของเรา คนที่โดนเรียกว่าพ่อมองหน้าของลูกชายที่กอดตัวเองทำหน้าอ้อน.. แหมมันน่ารักจริงๆลูกใครเนี่ย
“ถ้ามาขออนุญาตก่อนน่ะนะ” แล้วไอ้คู่หูอยากเผือกทุกเรื่องก็ร้องเย้กันเลยล่ะ แหม.. ก็เผื่อโชคดีไปครั้งหน้าน้องจะรูดปรื๊ดๆจ่ายค่าอาหารอีกไง ก็ไม่ได้งกหรอกแต่เรียกว่าใช้สอยอย่างประหยัดจะดีกว่า
“ฉันฝากดูแลลูกฉันด้วยก็แล้วกันนะ ยังไงก็ขอบใจสำหรับข้อคิดดีๆแล้วก็ความกล้าของลูกชายฉัน.. ยังไงเย็นนี้ก็กินข้าวเย็นกันก่อนแล้วกันเดี๋ยวจะให้คนขับรถไปส่งถึงบ้าน” ที่ยอมใจดีด้วยก็ส่วนหนึ่งมาจากลูกชายเขานั่นแหละ ทั้งกล้ามากขึ้นที่จะพูดในสิ่งที่ต้องการ ยอมที่จะเผชิญปัญหาที่เขาตั้งโจทย์ให้ และเขาเชื่อว่าถ้าเป็นเด็กคนนี้คงจะช่วยดูแลลูกเขาได้ ตอนที่เห็นว่าเด็กนั่นจะเอาไม้มาฟาดใส่ลูกเขา เขารู้ว่าตัวเขาคงจะวิ่งเข้าไปช่วยลูกเขาไม่ทันหรอก แต่เขาก็ไม่คิดว่าชานยอลจะไวถึงขนาดหมุนตัวเอาลูกเขาหลบเข้าหาความปลอดภัยแล้วเลือกเป็นคนที่จะถูกตีแทน.. นั่นทำให้เขายอมให้ชานยอลได้ดูแลลูกชายเขาอย่างที่เจ้าตัวต่อรองหรอกนะ
“ขอบคุณครับ” ชานยอลก้มหัวขอบคุณโดยมีลูกลิงที่จะได้กินฟรีร้องเฮ้กันใหญ่ เรื่องเสียเงินล่ะขอคิดก่อน แต่เรื่องฟรีนี่ให้รีบบอก พวกพี่พร้อมเสมอ!!!
“ป๊า น้องคริสให้พี่ชานยอลค้างที่นี่ได้ไหมครับ” เฮ้ย!!! เปล่า ยังไม่ได้ร้องออกไป แต่ในใจของแขกที่มาบ้านนี้ก็ร้องกันทุกคนนั่นแหละ
“ก็ได้ๆ เห็นว่ามีความดี ความชอบหรอกนะ” คนมีความดี ความชอบเลยได้แต่ก้มหัวขอบคุณ คือจริงๆก็ยังไม่รู้เลยว่าทำไมต้องค้าง แล้วค้างทำไม
“ก็ขอบคุณที่พี่ชานยอลเคยให้น้องคริสไปค้างที่ห้องไงครับ” แต่มึงต้องตอบแทนกูแบบนี้เหรอ? ไม่ต้องก็ได้มั้ง กูเกรงใจ~
หลังจากกินข้าวเสร็จ และต้อนพวกลูกลิงที่ทำตัวเหมือนอยากจะสิงเขาแล้วขึ้นห้องนอนไปกับลูกเจ้าของบ้านนี่กลับบ้านไปได้ เขาก็ถูกเจ้าเด็กตาแป๋วลากขึ้นมาบนชั้นห้อง ห้องเดิมที่เขาเคยเข้ามาแล้ว ทุกอย่างดูปกติเหมือนเดิมแต่ที่ไม่เหมือนเดิมคงเป็นตัวเขานี่แหละ.. ก็ไม่ได้คิดที่จะทำอะไรหรอก แต่แบบมันก็หวิวๆไหมวะ อยู่ๆมาชวนนอนค้างเนี่ย กูกลับห้องกูทันไหมตอนนี้ หรือโทรไปตั้งวงกับเฮียสามจอดีวะ
ในขณะที่ยืนอยู่กลางห้องนั้นคริสที่หันมาเจอก็หัวเราะคิกคักดูน่ารักนักล่ะ แต่ตอนนี้คือลูกพี่ขำไม่ออกไง ตกใจด้วยเถอะ เด็กตัวสูงกว่าเขานิดหน่อยตรงหน้าโคลงหัวไปมาแล้วก็หัวเราะคิกคักอยู่คนเดียวจนชานยอลเริ่มรู้สึกประหม่านั่นแหละ
“ขำอะไรนักหนาหื้ม?” คริสยังคงหัวเราะต่อแต่ก็ยังใจดีส่ายหน้าให้อีกแน่ะ ก่อนที่จะผละไปเปิดค้นตู้เสื้อผ้าแล้วก็เอาผ้าเช็ดตัวกับชุดนอนมาวางไว้ที่ปลายเตียง
“จริงๆพี่ชานยอลอาจจะลำบากใจก็ได้ที่น้องคริสให้พี่ชานยอลมาค้างด้วย” โอ้โห้ ลำบากใจมากเลยเถอะไอ้หนู!!! แต่ก็ไม่ได้พูดหรอกไม่กล้าขัดเจ้าเด็กที่กำลังอารมณ์ดี ยิ้มแฉ่งเป็นจานแดงนั่นนักหรอก
“แต่น้องคริสก็ไม่สนหรอก ไม่ได้เจอพี่ชานยอลตั้งนาน... จริงๆแล้วน้องคริสมีเรื่องอยากให้พี่ชานยอลช่วยหน่อยครับ” เฮ้อ ค่อยโล่งอกหน่อย คือตอนนี้ในหัวสมองลูกพี่แม่งคิดไปถึงกาแล็คซี่ไหนต่อไหนแล้วเนี่ย
“น้องคริสอยากให้พี่ชานยอลสอนขั้นต่อไปของจูบน่ะครับ”
“ห๊ะ!!!!!!!”
“ล้อเล่นหรอก น้องคริสอยากให้พี่ชานยอลช่วยน้องคริสหน่อย ป๊าชอบถามว่าน้องคริสจะเรียนอะไรต่อดี น้องคริสยังไม่รู้เลยเพิ่งจะมอ4เองนะ พี่ชานยอลโตกว่าน้องคริสนิแล้วพี่ชานยอลอยากจะต่ออะไรครับ” คริสว่าแล้วก็ผละไปหยิบหนังสือที่เกี่ยวกับมหาวิทยาลัยมาให้ชานยอลดู
“แล้วมึงอยากเรียนอะไรก็เรียนไปเถอะ เอาที่มึงชอบนั่นแหละ”
“แต่น้องคริสอยากไปเรียนกับพี่ชานยอล” ชานยอลมองเด็กน้อยทำปากยื่นแล้วก็ดีดหน้าผากไปสักหนึ่งที
“มึงกับกูจะไปเรียนเหมือนกันได้ยังไงล่ะ แค่เรียนตอนนี้ยังคนละสายเลยกว่ากูจะเรียนจบที่นี่อีก 3ปีเลยนะ มึงเรียนจบก่อนกูไปแล้วเถอะ”
“ห๊ะ!! ทำไมพี่ชานยอลเรียนเยอะแบบนั้นล่ะ!!!”
“ก็ต้องเรียนต่อวิชาชีพขั้นสูงแล้วค่อยไปต่อปริญญาน่ะ” คริสทำหน้าหงอย ลงนั่งที่ขอบเตียงแล้วก็ก้มหน้ามองสองมือที่จับกันไว้ที่ตัก ชานยอลกระตุกยิ้มขำก่อนที่จะเอาหนังสือพวกนั้นไปวางไว้ที่โต๊ะเขียนหนังสือแล้วเดินมาหยุดตรงหน้าของเด็กที่นั่งก้มหน้า
“ทำไมอยากเรียนกับกูขนาดนั้นเลยหรือไง” คริสกัดริมฝีปากล่างแล้วเงยหน้าขึ้นมองชานยอลที่ยืนเท้าเอว ก้มหน้าลงมามองด้วยรอยยิ้มขำๆ คริสเอื้อมมือไปกอดที่เอวชานยอลไว้แล้วก็อิงใบหน้าลงที่อกของชานยอล
“น้องคริสอยากไปเรียนกับพี่ชานยอลนิ” ชานยอลหัวเราะก่อนที่จะลูบผมสีสว่างนิ่มๆนั่นเบาๆ
“ลืมไปหรือไงว่าตัวเองเรียนนานาชาติน่ะจะมาเรียนอะไรกับกูล่ะ แล้วมึงจบไปอยากเป็นอะไรล่ะ” คริสผละตัวออกนิดหน่อยแล้วเงยหน้าขึ้นยิ้มกว้างจนดวงตาหยีเป็นขีดเล็กๆดูน่ารักเหมือนหนูแฮมสเตอร์เวลามันหยีตาเลยล่ะ น่ารักน่าฝัดชะมัด
“เป็นอะไรก็ได้ที่จะได้อยู่ข้างๆพี่ชานยอลครับ” อั๊ยย๊ะ... บอกทีว่านี่เรียกให้ท่า... ใช่ป่ะ? จะไม่ขึ้นก็กระไรอยู่ป่ะล่ะ หุหุ
“มาเป็นคนรักกูเลยไหมล่ะ ถ้างั้นน่ะ”
“ถ้าพี่ชานยอลให้เป็น น้องคริสก็จะเป็นครับ” มองเด็กน้อยที่นั่งยิ้มแต้แล้วก็ดีดหน้าผากไปสักที
“แก่แดด” ว่าไว้แค่นั้นก่อนที่จะผละออกไปหยิบผ้าขนหนูกับชุดนอนที่เจ้าของห้องเตรียมไว้ให้เดินเข้าห้องน้ำ คริสที่นั่งยู่หน้าลูบหน้าผากปอยๆก็ได้แต่มองตามแผ่นหลังของชานยอลเข้าไปด้วยสายตาทิ่มแทง นี่ถ้าเป็นการ์ตูนคงมีมีดเป็นพันๆเล่มปักจึกๆๆเข้าที่ตัวชานยอลแล้วมั้งน่ะ
การเปลี่ยนสถานที่นอนใหม่ไม่ใช่เรื่องลำบากของปาร์คชานยอล จะเตียงใหญ่เกินความจำเป็นหรือความเย็นของแอร์ที่ปรับไว้สูงนั้นก็ไม่ใช่ปัญหา แต่ปัญหาชิ้นโตของเขาก็คือไอ้เด็กบ้าที่อยู่ๆก็นอนกลิ้งมาซุกหลังเขานี่ล่ะ จะทำใจดำไม่หันไปหาก็ไม่ได้ไง แต่พอหันมาก็รู้สึกว่าโคตรพลาดอย่างแรง
กางเกงนอนขายาวก็ไม่ได้เลิกขึ้นอะไรหรอก แหม.. ใส่ขายาวน่ะนะ แต่ไอ้ที่เลิกน่ะเสื้อเลยเถอะ เลือกจนเห็นผิวขาวๆเลยล่ะ เอ่อ.. แบบพอมองก็รู้สึกแบบ... โอ๊ยยย อย่าตื่นลูกพ่อ ปาร์คชานยอลว่าไอ้การนอนต่างที่น่ะไม่มีปัญหาหรอก แต่ไอ้คนที่นอนด้วยนี่แหละปัญหาใหญ่!!! ริมฝีปากสีชมพู แก้มขาวๆ ผิวนิ่มๆ โอ๊ยยย กูหนีไปนอนเรือนคนสวนดีไหมวะ *น้ำตาตก*
“อื้อ...” คงจะหนาวนั่นล่ะผ้าห่มก็ไม่รู้จักห่ม ยังจะมานอนยั่วกันอยู่ได้ ขยับหยิบผ้าห่มมาห่มให้แล้วเจ้าตัวก็เหมือนจะไม่พอใจขยับมาชิดอีกแน่ะจนชานยอลต้องสงบจิต สงบใจไว้แล้วนอนกอดเจ้าเด็กขี้หนาวนี่ไว้แนบอก ก็ห้องนี้หนาวเย็นกว่าห้องเขาอีกนี่นะ
“ไอ้ลูกแมวเอ๋ย~” ไล้ปลายนิ้วกับเนื้อนิ่มหยุ่นสีชมพูก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นริมฝีปากของเขาเข้าแทนที่ สัมผัสเพียงแผ่วเบาก่อนที่จะละออกแล้วจบที่ปลายจมูกโด่งของอีกคน
ขอสารภาพเลยว่าเขาไม่เคยคิดถึงเรื่องอนาคตมาก่อน เขาก็คิดแค่ว่าเรียนให้จบ ทำงาน มีเงินดูแลตัวเอง ดูแลที่บ้านได้ก็พอใจแล้ว แต่ตอนนี้ถ้าจะลองเพิ่มอีกหนึ่งออฟชั่นเข้าไปจะเป็นยังไงนะ บางทีอนาคตของเขาอาจจะสนุกก็ได้ ถ้ามีออฟชั่นเสริมเป็นเจ้าเด็กหน้าแป๋วในอ้อมกอดเขาน่ะ... บางทีชีวิตที่ไม่มีสีสรรของเขาคงจะสนุกสุดเหวี่ยงไปเลยล่ะ
เขาคิดว่าแบบนั้นนะ..... ซึ่งมันก็น่าสนุกดี
ชานยอลเป็นคนตื่นเร็ว.. ไม่ใช่โดยกมลสันดาร แต่เป็นเพราะมีเรียนเช้าต่างหากที่ต้องปลุกให้ชานยอลตื่นเช้า อาจจะไม่ได้เช้าตรู่แต่ก็ไปเรียนไม่สายก็แล้วกัน เหมือนอย่างตอนนี้ที่เขาตื่นก่อนเจ้าของห้อง พอเห็นใบหน้าน่ารักหลับตาพริ้มอยู่ใกล้ๆก็เกิดอาการหมั่นเขี้ยวอยากจะจับฝัดขึ้นมาแต่ก็นะ.. เด็กมันยังไม่ตื่นปล่อยไปก่อนก็แล้วกัน
เขาเคยคิดไว้ในหัวตอนนั่งดูละครเคล้าตั้งวงกับเฮียสามจอว่า ถ้าตัวเขาเป็นคนรวยมากๆ มีคฤหาสน์เป็นของตัวเอง ตอนเช้าเขาจะมายืนอยู่ข้างหน้าต่าง ยืนกอดอกใช้ไหล่พิงขอบหน้าต่างไว้แล้วมองลงไปยังสวนหน้าบ้านที่มีคนสวนกำลังตกแต่งกิ่งก้านของต้นไม้เหล่านั้น.. เขาจะรู้สึกยังไง อ๋า.. คงจะสวรรค์เลยแหละ แม้ในความเป็นจริงจะเป็นเขากำลังยืนพิงประตูระเบียงก็เถอะ ให้อารมณ์คือๆกันนั่นแหละ
“ก็สวรรค์จริงๆนั่นแหละ” การที่ยืนมองความเป็นไปด้านล่าง(แม้จะไม่สูงมาก) มันก็ให้ความรู้สึกดีมาก คล้ายกับเรายืนอยู่บนจุดสูงสุดแล้วก้มลงมองคนด้านล่างเคลื่อนไหวไปตามตารางเวลา ผ่อนคลายและรู้สึกดี จนอยู่ๆชานยอลก็รู้สึกหนักที่หลังแล้วก็เห็นสองแขนที่โอบผ่านเอวเขามานั่นแหละ
“พี่ชานยอล~” คริสซุกหน้าลงกับหลังของชานยอล คนโดนกอดก็หัวเราะขำๆก่อนที่จะลูบแขนที่กอดเขาไว้เบาๆ
“ตื่นแล้วเหรอไง” แต่คนงัวเงียกลับส่ายหน้าไปมาพร้อมกับกอดชานยอลให้แน่นขึ้นอีก
“แล้วลุกขึ้นมาทำไม ไปนอนสิ” คริสส่ายหัวอีกรอบ
“น้องคริสอยากนอนกับพี่ชานยอลนิ พี่ชานยอลลุกขึ้นมาทำไมครับ” แล้วคริสก็ยื่นหน้าไปมองว่าชานยอลมองอะไร
“พี่ชานยอลมองด้านล่างอยู่เหรอ เปิดประตูออกไปนอกระเบียงก็ได้นะ” แล้วคริสก็ผละไปเปิดประตูระเบียงออก ระเบียงที่มีความยาวแค่ 5ก้าวนั้นไม่ได้ดูน้อยหรือมากเกินไป คริสว่ามันกำลังดี เจ้าของห้องเดินมาเกาะขอบระเบียงที่สูงแค่เอวแล้วก็ยืดแขนรับอากาศดีๆยามเช้า ชานยอลยิ้มแล้วเดินมาหยุดข้างกัน
“ก็เห็นหลับอยู่ไม่อยากเปิดให้แสงสว่างมันเข้าไปปลุกมึง” คริสหันมากว้างให้ แก้มขาวนวลเริ่มซับสีเลือดจางๆ
“พี่ชานยอลว่าที่นี่เป็นยังไงบ้างครับ” อยู่ๆเจ้าตัวดีก็หันมาถาม เอ้า.. ถามมาก็ตอบไป
“ก็สวยดี ใหญ่ด้วย คงสะดวกสบายมากเลยสิ ดีออกนะ” ตอบด้วยความสัตย์จริง คริสระบายยิ้มบางๆก่อนที่จะหันหลังพิงระเบียงแทนก่อนที่จะหันหน้าไปมองชานยอลที่เท้าสองมือคำขอบระเบียงแล้วหันหน้ามามองเขาเช่นกัน
“เปล่าเลย มันเงียบเหงาแล้วก็อ้างว้างมากเลยต่างหาก บางครั้งน้องคริสก็ไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ตรงไหน จะหันไปหาใครดี” ชานยอลละตัวออกจากการเท้าระเบียงแล้วเดินไปยืนกางสองมือคร่อมคนที่ยืนทำหน้าหงอยๆไว้ ใบหน้าของชานยอลก้มลงให้อยู่ในระดับเดียวกับคริสที่มองช้อนขึ้นมาหา
“ก็มีกูอยู่นี่แล้วไงล่ะ” ชานยอลยิ้ม คริสก็ยิ้ม
“พี่ชานยอลจะมาอยู่กับน้องคริสไหมล่ะ” ชานยอลเลิกคิ้วก่อนที่จะส่ายหน้า
“ไม่อ่ะ กูไม่ชอบอยู่บ้านใหญ่ๆ” คริสยู่หน้าใส่ก่อนที่จะยิ้มกว้างแล้วเอียงคอ
“งั้นน้องคริสไปอยู่กับพี่ชานยอลได้ไหม นะ~” คนโดนเด็กตาแป๋วอ้อนก็เลิกคิ้วก่อนที่จะหัวเราะเบาๆ
“อยากมาก็มาดิ กูห้ามมึงได้ด้วยเหรอ”
“ไม่ได้ครับ” แล้วคริสก็หัวเราะเสียงเบาก่อนที่จะเงียบเสียงนั้นลง เจ้าตัวก้มหน้าลงกัดริมฝีปาก มือสองข้างก็กำปลายเสื้อของคนที่ยืนคร่อมตัวเองไว้
“พี่ชานยอลครับ” คริสช้อนสายตาขึ้นมองสบตา ชานยอลครางรับในลำคอเบาๆ
“พี่ชานยอล.. หลังจากวันนี้... จะอยู่ข้างๆน้องคริสไหมครับ จะทิ้งน้องคริสหรือเปล่า” ชานยอลเลิกคิ้วกับคำถามพวกนั้นก่อนที่จะเคาะหัวเด็กทำท่าจะร้องไห้อีกสักที
“ไหนบอกว่าอยากเป็นอะไรก็ได้ที่จะได้อยู่ข้างๆกูไง แล้วทำไมถามแบบนั้น”
“แต่พี่ชานยอล...” ด้วยน้ำเสียงที่ดูไม่มั่นใจแบบนั้นก็ทำให้คนอายุมากกว่าหลุดยิ้มขำ
“อ่ะๆ โปรโมชั่นพิเศษสำหรับมึงคนเดียวเลย ไม่มีหมดอายุด้วยสำหรับโปรนี้ กูทุ่มให้มึงสุดตัวเลย.. มึงบอกว่าอยากอยู่ข้างๆกูใช่มะ? มึงอยากอยู่ในฐานะอะไร ให้เลือกได้คำตอบเดียวถือว่าขาดตัว”
“น้องคริส... น้องคริสอยาก.. น้องคริสอยากเป็นคนพิเศษ.. ของพี่ชานยอล” ชานยอลมองเจ้าหนูแฮมสเตอร์แก้มแดงแล้วก็ยิ้มขันก่อนที่จะก้มลงทิ้งสัมผัสที่ไว้ริมฝีปากบางนั้นหนึ่งทีจากนั้นก็ลากไล้ริมฝีปากผ่านแก้มใสสีระเรื่อไปยังใบหูขาวที่เริ่มแดงเรื่อ
“อยากเป็นคนรักกูไม่ใช่หรือไง.. พิเศษสำหรับมึงเลยนะ กูให้มึงเป็นคนรักคนพิเศษของกูเลย” กระซิบเสียงเบาก่อนที่จะประทับรอยจูบที่ใบหูนั้น
“พะ... พี่ชานยอล” เจ้าของชื่อละใบหน้าออกแล้วมองเด็กน้อยที่หน้าแดงไปทั้งหน้า ไหนจะดวงตาคู่สวยนั้นที่ฉายแววประกายนั่นอีกล่ะ ก็เลย.. เผลอใจไปหน่อย ก้มลงไปฝากสัมผัสที่ริมฝีปากบางคู่นั้นแบบรู้ตัวแต่ไม่ห้ามใจ
สัมผัสแผ่วเบาก่อนที่จะลงน้ำหนักย้ำลงไป เปลือกตาขาวนวลค่อยๆปิดลงพร้อมกับที่เต็มใจรับสัมผัสนั้น สองมือที่กำชายเสื้อของชานยอลก็ค่อยๆเลื่อนขึ้นมาเกาะที่ไหล่ ชานยอลเบี่ยงหน้าแล้วกดสัมผัสแนบชิดก่อนที่จะค่อยๆส่งลิ้นอุ่นเข้าสัมผัสกับกลีบเนื้อนิ่มเพื่อขออนุญาต เมื่อเนื้อนิ่มเปิดออกเรียวลิ้นก็สอดเข้าไปควานหาสัมผัสและไล่ต้อนให้เด็กที่ไม่รู้ประสีให้ยอมจำนน
ความหวานที่ได้ลิ้มรสทำให้ยิ่งอยากได้สัมผัสมากกว่านี้ ชานยอลเปลี่ยนมือที่เกาะขอบระเบียงมาโอบเอวของเด็กในอ้อมแขนไว้ รั้งให้แนบชิดติดอกก่อนที่จะควานสัมผัสไล่ต้อนให้หนักหน่วงขึ้นจนเด็กน้อยใจอ้อมแขนหายใจไม่ทัน สองมือทุบเข้าที่ไหล่นั้นแหละ คนอยากได้มากกว่านี้เลยจำต้องละออก คริสซบหน้าลงกับไหล่ของคนโอบกอดแล้วก็หอบหายใจเข้าปอดถี่ๆ
“อยากรู้ขั้นต่อไปของจูบหรือยังล่ะ หื้ม?” คนที่ยังคงหายใจไม่ทันนั้นได้แต่พยักหน้ารับกับไหล่ที่อิงแอบ ชานยอลกระตุกยิ้มขำก่อนที่จะดันตัวคริสออก
“เข้าข้างในกันเถอะ”
เมื่อพาเข้ามาด้านในแล้วชานยอลก็จัดการปิดประตูระเบียงแล้วปลดม่านที่เขามัดเก็บไว้ก่อนหน้านี้ลง พอหันกลับมาก็เจอเข้ากับเด็กตัวขาวนั่งก้มหน้าอยู่ที่ขอบเตียง พอชานยอลเดินเข้าไปใกล้คริสก็ช้อนหน้าขึ้นมอง ดวงหน้าขาวแดงเรื่อดูน่ารัก ริมฝีปากสีชมพูนั้นก็บวมเจ่อนิดๆ ดูน่ากัดไม่หยอก ถ้าได้กัดอีกสักครั้งคงจะดีไม่น้อยล่ะ..
คริสลงนอนกับพื้นเตียงตามแรงโน้มกายของคนที่ขึ้นคร่อมทับ บทจูบรสหวานถูกป้อนมาอีกครั้ง ดวงตาปิดสนิทและเคลิบเคลิ้มไปกับสัมผัสที่แสนหวานและหนักหน่วงนี้ ไม่รู้ทำไมแต่คริสรู้สึกถึงไอวนรอบกายนั้นช่างอบอุ่นแล้วก็หวานหอมจนอยากจะสัมผัสมัน เจ้าตัวรู้ว่าปลายนิ้วของคนด้านบนกำลังปลดกระดุมเสื้อนอนของเขา แต่เขาก็ไม่ได้มีท่าทีขัดขืนอะไร ทำไมจะต้องขัดล่ะจริงไหม?
กระดุมยังไม่ทันได้ปลด เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นพร้อมกับเสียงของคุณม๊าคนสวย...
“น้องคริส ชานยอลลงไปกินข้าวเช้าได้แล้วลูก โต๊ะตั้งเสร็จแล้วนะจ๊ะเด็กๆ” ชานยอลผละออกจากคริส แล้วทั้งสองก็มองหน้ากันก่อนที่จะหัวเราะออกมา
“เดี๋ยวน้องคริสลงไปครับม๊า!!” หันไปตะโกนบอกสักหน่อย เพราะถ้าไม่บอกม๊าก็คงจะเคาะประตูอยู่อย่างนั้นแหละ โชคดีที่เขาชอบล็อคห้องตอนนอนไม่อย่างนั้นล่ะก็.... แย่แน่ๆ
“กูเข้าใจแล้วว่าทำไมมึงถึงไม่อยากอยู่บ้านหลังใหญ่ๆ มัดจำไว้ก่อนก็แล้วกัน” ชานยอลโน้มหน้าลงมาฝากสัมผัสอุ่นๆที่กลีบปากบางอีกครั้งก่อนที่จะกดปลายจมูกแรงๆกับแก้มนิ่มนั้นสักที พอฝากมัดจำเรียบร้อยชานยอลก็ลงจากเตียงแล้วช่วยดึงเด็กน้อยตาแป๋วให้ลุกขึ้นนั่ง แถมยังช่วยติดกระดุมกลับคืนให้ด้วยนะ แหมเป็นคนดีสุดๆล่ะปาร์คชานยอลน่ะ
“ก็ให้น้องคริสไปอยู่กับพี่ชานยอลสิ จะได้ไม่ต้องมัดจำ” ชานยอลมองเด็กที่นั่งยิ้มกว้างแล้วก็ดีดหน้าผากไปสักหนึ่งที
“ไอ้เด็กแก่แดด รีบๆเลยกูหิวข้าวแล้ว” คริสพองแก้ม มุ่ยหน้าใส่
“น่ารักตายแหละไอ้หนูแฮมสเตอร์” ชานยอลใช้สองมือบีบแก้มของคริสให้แฟ่บแล้วก็ส่ายมือเข้ากับแก้มัน้นไปมา
“แล้วน่ารักไหมล่ะ” ชานยอลยิ้มใส่ตาคู่สวยที่มองมาแล้วจรดริมฝีปากที่ปลายจมูกโด่งนั้น คริสหลับตารับสัมผัสนั้นก่อนที่จะลืมตาแล้วมองเข้าไปในนัยต์กลมโตของคนตรงหน้า
“น่ารักกว่านี้ไม่มีอีกแล้วล่ะ”
“พี่ชานยอลทำแบบนี้.. น้องคริสรักตายเลยอ่ะ”
“รีบๆลุกขึ้นเลย เร็วๆหิวข้าวแล้ว” ชานยอลหัวเราะเสียงร่าก่อนที่จะฉุดให้คริสลุกขึ้นแล้วก็ดันหลังไปทางห้องน้ำ เมื่อบานประตูห้องน้ำปิดลงคนที่ยืนยิ้มอยู่ก็ยกมือขึ้นปิดหน้าตัวเองอย่างประหม่าก่อนที่จะพึมพำเบาๆ
“มึงรักกูตายคนเดียวที่ไหนล่ะ กูก็รักมึงจะตายเหมือนกันนั่นแหละไอ้เด็กหน้าแมวเอ๋ย”
เขาหวังว่าเรื่องในอนาคตของเขาต่อจากนี้... มันคงจะสนุกมากยิ่งขึ้น
ก็ในชีวิตของปาร์คชานยอลจะมีเด็กตาแป๋วนั่นมาวนเวียนอยู่รอบตัวแล้วนินะ..
จริงๆปาร์คชานยอลก็ไม่ใช่คนที่จะมายุ่งกับเด็กไร้เดียงสาอะไรหรอกนะ แหม.. แต่บางทีเด็กมันน่าฝัดก็หมั่นเขี้ยวไงเนอะ
“พี่ชานยอลน้องคริสเสร็จแล้ว~” คริสเดินอกมาจากห้องน้ำด้วยรอยยิ้มกว้างๆพร้อมกับเปลี่ยนชุดใหม่แล้ว เจ้าตัวเดินมากอดคอชานยอลที่ยังยืนนิ่งแล้วก็ทำตาโตๆใส่
“พี่ชานยอลเป็นอะไรเหรอ? ไหนว่าหิวข้าวไงไปอาบน้ำสิ” แล้วคริสก็ลากแขนพาชานยอลไปส่งถึงหน้าห้องน้ำเลย ซ้ำยังจะมายิ้งกว้าง ทำตาหยี แก้มกลมๆใส่อีกแน่ะ!!
ก็แหม... แล้วแบบนี้จะไม่ให้อยากฝัดเด็กมันได้ยังไงกันล่ะ จริงไหม?
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น