ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [SF EXO] Impossible Miracle Love [คู่จิ้นตามใจฉัน]

    ลำดับตอนที่ #27 : [เด็กช่าง's Series] YeolKris BaekDo TaoHun - YeolKris Part 4

    • อัปเดตล่าสุด 6 ต.ค. 56


    Title: เด็กช่าง's Series - YeolKris Part 4
    Pairing: Chanyeol x Kris // Baekhyun x D.O. // Tao x Sehun
    Author: BettyNoona


    สิ่งยั่วยุเยอะเหลือเกิน ;A; อู้ไป อู้มา กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

    โอียยย น้องคริสมุมินูนาจะไม่ทน!!!

    เดี๋ยวชานคริสจบก็ต่อด้วยแบคโด้ล่ะนะ หุหุ


    _______________________________________



    แล้วด้วยเหตุนี้ก็เลยต้องพาไอ้เด็กหนีออกจากบ้านมากินข้าวก่อนค่อยคุยว่าจะเอายังไงต่อไปดี มาทำหน้าตาแบ๊วๆ ตาโตๆ ยู่ปากใส่ โอ๊ย!! ลูกพี่ชานยอลจะไม่ทนนะเว๊ย!!! 
     
    กำลังจะเดินไปหาข้าวกินก็เจอกับแก๊งเพื่อนที่นั่งแท็กซี่มาพอดีก็เลยได้ยกโขยงมาที่ร้านก๋วยเตี๋ยวกัน เช้าๆน่ะร้านอาหารยังเปิดไม่ค่อยเยอะหรอกแต่เจ้าตัวแสบบอกว่าอยากกินก๋วยเตี๋ยว เอ้าๆ ตามใจ ก๋วยเตี๋ยวก็ก๋วยเตี๋ยวจ๊ะ ไม่ต้องมาทำหน้าอ้อนวอนแบบนั้น!! โอ๊ยย นี่คนหรือหนูแฮมสเตอร์วะครับบบบบ!!
     
    พามาร้านก๋วยเตี๋ยวเจ้าประจำซะเลยเดินไปไม่ไกลหรอกอยู่ซอยข้างๆนี่เอง เป็นร้านนั่งได้ไม่ร้อน ไปถึงก็เลือกโต๊ะใหญ่สุดที่นั่งได้ 6คน แหมครบพอดิบพอดีอย่างกับเจ๊เจ้าของร้านรู้ว่าพวกเราจะมา หันไปสั่งเส้นใหญ่เย็นตาโฟต้มยำเผ็ดๆตามจำนวนคนด้วยความเคยชินแล้วก็ลืมว่าไอ้เด็กนี่มันจะกินได้ไหม คือพวกเขาก็ชอบกินอะไรเหมือนๆกันไง แบบเผ็ดๆก็กินได้.. แต่ดันลืมว่ามีคนมาด้วย
     
    “มึงจะกินอะไร” น้องคริสกระพริบตาสองปริบแล้วก็เอียงคอใส่ซะน่ารักเลย 
     
    “เอาเหมือนพี่ชานยอลก็ได้”
     
    “กินเผ็ดได้เปล่าวะ” น้องคริสกระพริบตาอีกที ชานยอลก็ลงความเห็นให้เลยว่ามันกินไม่ได้แน่ๆ
     
    “เจ๊เปลี่ยนชามนึงเป็นเย็นตาโฟธรรมดานะ” หันกลับไปสั่งให้ใหม่ก่อนที่จะหันกลับมานั่งสุมหัวแก้ปัญหานี้ให้แตก
     
    “ไอ้เทาไปตักน้ำ” เซฮุนเตะขาคนที่นั่งข้างๆให้ลุกขึ้นไปตักน้ำ เพราะทีนี่น้ำฟรี บริการตัวเอง เจ้าตัวทำท่าฮึดฮัดแต่ก็ยอมลุกขึ้นไปตัดน้ำมาให้ โต๊ะนี้เป็นโต๊ะกลมนั่งได้ 6คนพอดิบพอดี ข้างชานยอลก็เป็นแบคฮยอน คยองซู เทา เซฮุน และคริสวนมาครบหนึ่งรอบพอดี ตอนนี้ชานยอลก็ได้แต่มองหน้าเพื่อนๆเพราะก็ไม่รู้จะเริ่มแก้อะไรตรงไหนดี
     
    “ก็ไม่เห็นจะยากอะไร มึงก็ให้น้องเขานอนกับมึงไงง่ายๆ น้องเขามาหาก็ให้เขาอยู่ด้วยดิวะ เนอะน้องคริส~” แบคฮยอนเสนอความคิดพร้อมกับชะโงกหน้าไปเนอะ ไปแนะกับคริสที่ยิ้มกว้างแล้วพยักหน้ารับ แต่ชานยอลกลับตบซะหัวแทบทิ่ม
     
    “มึงจะบ้าหรือไง ถ้าพ่อแม่เขามาตามกูก็แย่สิวะแค่พาไปเที่ยวยังจะโดนเขาถีบออกจากบ้านมาเลย นี่ถ้ารู้ว่ากูไปพาน้องเขาหนีออกจากบ้านนะกูไม่หัวแบะเลยเหรอ” 
     
    “น้องคริสขอโทษ” 
     
    “เฮ้ยๆ กูไม่ได้ว่ามึง” น้ำเสียงอ่อยๆนั้นกับอาการก้มหน้าลงอย่างสำนึกผิดทำเอาลูกพี่ชานยอลไปไม่เป็น ไอ้พวกเพื่อนตัวดีก็ส่ายหน้ากันไปอย่างระอา 
     
    “เฮ้ยๆๆ ไม่ได้ว่าจริงๆ ขอโทษๆ” ชานยอลเอื้อมมือไปจับมือคริสที่กำกันอยู่ที่ตักพร้อมกับก้มหน้าลงไปหาเด็กน้อยที่นั่งก้มหน้าทำหน้าจะร้องไห้ คริสช้อนตาขึ้นมองพอเห็นใบหน้าของชานยอลอยู่ใกล้ๆก็เขินจนลืมหมดว่าตัวเองกำลังน้อยใจ
     
    “ไม่ต้องงอนแล้ว ขอโทษๆ” แล้วก็ขยี้หัวของเด็กน้อยใจไปสักหนึ่งที คริสพองลมสองแก้มก่อนที่จะฟาดมือกับแขนของชานยอลสักที
     
    “น้องคริสไม่ได้งอน พี่ชานยอลอย่ามามั่ว!” ชานยอลหัวเราะเสียงดังกับเด็กที่ไม่ได้งอนก่อนที่จะยื่นนิ้วไปจิ้มแก้มป่องๆของเด็กข้างตัวสักที
     
    “เออไม่ได้งอนก็ไม่ได้งอน” ทำอย่างกับในโลกนี้มีกันอยู่แค่สองคน ส่วนเกินที่เหลืออีก4คนก็มองหน้ากันไปมาอย่างเจ้าเล่ห์
     
    “ก็ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย ก็ให้น้องเขาอยู่ด้วยไปก่อนดิแล้วค่อยพากลับบ้าน” เซฮุนเอ่ยขึ้นทำลายบรรยากาศโลกนี้มีแต่เรา ชานยอลหันไปเลิกคิ้วใส่
     
    “ใช่ๆ ไม่ต้องกลัวหรอกพ่อแม่น้องเขาต้องเข้าใจดิว่าทำไมลูกเขาถึงต้องทำแบบนี้” เทาสนับสนุน 
     
    “เราก็ไม่ได้ทำอะไรเสียหายนิหว่า หรือชานยอลคิดจะทำ?”
     
    “เฮ้ย! ไอ้คยองซูอย่าหาคุกมาให้กูครับ บ้าใครจะทำอะไร” คยองซูทำหน้าตาเหมือนไม่เชื่อแต่ก็ยอมพยักหน้ารับ เอาน่าชานยอลน่ะพูดคำไหนคำนั้น
     
    “ถ้าไม่ทำก็ดี เห็นไหมล่ะว่ามันก็ไม่มีอะไรเสียหาย เหมือนไปนอนบ้านเพื่อนนั่นแหละ เนอะน้องคริส~”
     
    “ครับ” เอ้า ไอ้นี่ก็เห็นดีเห็นงามจริงวุ้ย
     
    “แต่ห้องกูแคบนะเว๊ยจะมานอนอะไรกัน 2คน” คือจริงๆก็หาเรื่องให้น้องเขาไปนอนที่อื่นอ่ะ คือชานยอลไม่เคยผิดคำพูด แต่จะทำตามที่พูดไหมนี่ก็อีกเรื่องนะ ถ้าจะมานั่งทำหน้าแบ๊วๆนี่ขอบอกเลยว่าจะไม่ทนนะ!
     
    “บ้านกูเต็ม ตัวเล็กไปนอนบ้านกูแล้ว” แบคฮยอนรีบบอกปัดก่อนเลย
     
    “บ้านไอ้เซฮุนไม่มีคนอยู่มันต้องระเห็จมานอนบ้านกู เพราะฉะนั้นไม่มีที่ว่างนะ” และเทารีบสำทับทันที
     
    “น้องคริสนอนห้องแคบๆได้ใช่ไหม?” เซฮุนถาม ชานยอลหรี่ตามอง แหม~~~ นี่ก็ชงจังไอ้เห..
     
    “ได้ครับ พี่ชานยอลอยู่ได้น้องคริสก็อยู่ได้” เอ้า บรรลัยให้พอ!!!!
     
    “เฮ้ยๆเตี๋ยวมาแล้ว กินๆ อย่าไปซีว่ะเรื่องจิ๊บๆ” จิ๊บพ่องมึงสิไอ้แบค! ขอตบหัวมันสักที ข้อหาหมั่นไส้ แบคยอนเลยหันไปให้คำอวยพรหนึ่งที
     
    “พี่ชานยอลน้องคริสไม่กินปลาหมึกกรอบ น้องคริสแพ้” 
     
    “อ้าวเหรอ มาๆตักมากินเอง” ชานยอลเลื่อนชามตัวเองเข้าไปหาชามของคริสเพื่อให้เจ้าตัวคีบปลาหมึกกรอบชิ้นใหญ่ๆมาให้
     
    “น้องคริสขอลูกชิ้นกุ้งนะพี่ชานยอล~” 
     
    “เออๆ เอาไปดิ” แล้วชานยอลก็ช่วยหนีบลูกชิ้นกุ้งให้ พอเรียบร้อยก็เลื่อนชามกลับมาไว้ตรงหน้าเหมือนเดิม
     
    “อย่าใส่ให้มันหวานมากนักนะ มันไม่ดีรู้ไหม” พอเห็นว่าคริสหยิบกระปุกน้ำตาลมาเติมในก๋วยเตี๋ยวก็ต้องเตือนไว้ก่อน ครั้งโน้นที่เคยไปกินด้วยกันไอ้เด็กนี่ใส่น้ำตาลซะน่ากลัวเชียว
     
    “พี่ชานยอลห่วงน้องคริสเหรอ” 
     
    “เอ้า ไม่ห่วงมึงกูจะไปห่วงหมาที่ไหนวะ” ก็ไม่รู้สินะ... แต่น้องคริสน่ะก้มหน้าเขินจนสีแก้มกับสีน้ำของเย็นตาโฟจะกลืนกันอยู่แล้วเนี่ย แล้วคนที่โดนเตือนก็ตักน้ำตาลใส่ชามก๋วยเตี๋ยวนิดหน่อย ก็แหมโดนเตือนมาแล้วนิเนอะ ส่วนไอ้ลูกลิง 4คนที่เหลือก็ได้แต่กลั้นยิ้ม กลั้นขำกันไป แหมบรรยายมันมุมิดีเหลือเกินนะ!!! น่าอัดคลิปชะมัด!!
     
     
     
     
    “แล้วนี่น้องคริสเอาของใช้มาครบหรือเปล่า” หลังกินข้าวเสร็จคยองซูก็เอ่ยถามขึ้นมา น้องคริสที่สุดแสนจะมุมิของคยองซูก็ยิ้มแล้วพยักหน้า
     
    “เอามาครบครับ” 
     
    “เฮ้ยไอ้ชานยอลเดี๋ยวพวกกูขอไปนอนห้องมึงก่อนนะเย็นๆค่อยกลับ” ชานยอลเลิกคิ้วมองเทาที่อยู่ตรงข้ามอย่างสงสัย
     
    “ตามใจแต่ไม่มีเสื่อให้หรอกนะ มีแต่หมอน” 
     
    “เออรู้หรอกห้องมึงจะมีอะไรนอกจากที่นอนตัวเอง ไปเหอะไปเซเว่นกัน” เมื่อเทาชวนทุกคนก็ต้องไปไงเพราะตอนนี้เซเว่นกำลังมีให้เก็บแสตมป์ หึหึ ขอพูดเลยว่ากำลังเก็บแข่งกันอยู่
     
    “อยากกินขนมไรก็หยิบไปนะแต่หยิบอันที่ได้แสตมป์นะเว๊ย” คริสกระตุกเสื้อของชานยอลไว้ก่อนที่เจ้าตัวจะเดินหนีไปหยิบขนมใส่ตะกร้า 
     
    “แสตมป์อะไรครับ น้องคริสไม่เข้าใจ” และก็ถึงคราวที่ชานยอลต้องทำหน้างง กระพริบตาปริบๆบ้าง 
     
    “ไม่เคยเข้าเซเว่นเหรอ?”
     
    “โห้ย!! พี่ชานยอลอย่ามาดูถูกน้องคริสนะ น้องคริสก็เคยเข้าเซเว่นนะ!!” ฮึดฮัดประหนึ่งโดนเรียกตัวให้อยู่เวรทำความสะอาดก่อนกลับบ้านเลย อย่ามาว่าน้องคริสนะ!! เดี๋ยวก็กระโดดขี่คอซะหรอก!!
     
    “เข้าเมื่อไหร่” 
     
    “เข้าตอน.. ตอน... เอาเป็นว่าน้องคริสเคยเข้าก็แล้วกัน” ชานยอลยิ้มขำก่อนที่จะส่งมือไปขยี้ผมสีทองสว่างนั้นสักทีอย่างหมั่นเขี้ยว
     
    “งั้นก็มาด้วยกันเลยมา” ชานยอลจับมือเด็กที่เคยเข้าเซเว่นแต่ไม่รู้จักแสตมป์ให้เดินตามมา ไอ้พวกหนูผีอีก4คนก็ชะเง้อชะแง้มองแล้วก็จิ้มยิกๆส่งไลน์หากัน เออจะบอกให้ว่าในเซเว่นมีไวไฟฟรีนะจ๊ะนะจ๊ะ มาหาจูนกันเองพี่เทาไม่บอกรหัสหรอกนะ อิอิ
     
    ชานยอลพาเด็กน้อยไปเดินเลือกซื้อของกิน แต่จริงๆคือชานยอลหยิบของกินทุกอย่างที่ได้แสตมป์มากกว่า ต้องซื้อน้อยๆ ให้ได้แสตมป์คุ้มค่าก็เลยจัดขนมไปเต็มตะกร้าเลย ก็แบบเผื่อไอ้เด็กตาแป๋วนี่มันหิวไง เกิดมันหิวขึ้นมากลางดึกเดินลงมาหาของกินคนเดียวมันก็ไม่ดีใช่ป่ะล่ะ แบบว่าหน้าตามันก็แบบ.. เอ่อ... น่ารัก.. น่ารักมาก นั่นแหละๆ เกิดเดินลงมาแล้วโดนฉุดทำไงล่ะ? ไม่มีปัญญาทำคืนพ่อแม่เขาหรอกนะ
     
    คริสเองก็เดินเกาะชายเสื้อของชานยอลไม่ห่าง ถามว่านี่หยิบได้ไหม อันนี้กินได้หรือเปล่า อร่อยไหม จะได้แสตมป์ไหม ช่วยกันเลือก ช่วยกันหยิบจนจะล้นตะกร้าอยู่แล้วล่ะ นี่พูดเลยว่ากินอยู่ได้เป็นอาทิตย์อ่ะ พอเดินมาที่เคาน์เตอร์จะจ่ายเงินเจ้าตัวแสบก็เหลือบไปเห็นป้ายว่าซื้อไสกรอกก็ได้แสตมป์ อารามคนที่ไม่เคยได้กินไส้กรอกเซเว่นก็อยากกินจนสะกิดคนข้างๆยิกเลยน่ะสิ
     
    “พี่ชานยอล น้องคริสอยากกินอันนี้” ว่าแล้วก็จิ้มเข้าที่รูปภาพประกอบเลย ชานยอลไล่สายตาอ่านก่อนที่จะมองหน้าคนอยากกินที่ยิ้มร่าตาหยีเป็นขีด
     
    “จะกินอีกเหรอ ยังไม่อิ่มเหรอไง” คริสทำปากยื่นแล้วก็ชี้นิ้วจิ้มๆที่รูปนั้นบอกว่าเขาอยากกิน
     
    “เอ้าๆ อยากกินก็สั่ง” เมื่อได้รับอนุญาตคริสก็ยิ้มกว้างแล้วก็หันไปสั่งพนักงานเซเว่นที่ยืนรออยู่แล้วทันที
     
    “เอาไส้กรอกอันนี้ที่ได้แสตมป์2อันครับ” ชานยอลหันควับเลย “อะไรเล่า.. ก็ของน้องคริสอันหนึ่ง ของพี่ชานยอลอันหนึ่งไง” แล้วก็ยิ้มประจบซะเลย
     
    “ไงเต๊าะเด็กอยู่เหรอมึง” แบคฮยอนกระแซะเข้าให้หนึ่งทีแล้วก็เลยโดนชานยอลเตะน่องไปหนึ่งที
     
    “ไอ้นี่นิโรคจิตไงชอบทำร้ายร่างกาย” แล้วทีนี้แบคฮยอนก็เตะตูดชานยอลไปหนึ่งที เอาคืนซะถลาไปชาเคาน์เตอร์คิดเงินเลยไง
     
    “เล่นเป็นเด็กๆไปได้ไอ้นี่นิ” แต่คนที่มาเคลียร์ไม่ใช่ใคร โดคยองซูเพื่อนตัวเล็กสุดของกลุ่มนั่นเองซัดซะแบคฮยอนถลาตามชานยอลไปเลย ก๊ากๆๆ สมน้ำหน้าว่ะ ลูกพี่ชานยอลเกิดมาหล่อไงใครๆก็เลยปกป้อง
     
    “นี่พวกมึงจะซื้อทำไมเยอะแยะวะ ไหนว่าจะอยู่แค่ถึงเย็นนี่จะอยู่ยันชาติหน้าเลยป่ะเนี่ย” ชานยอลมองตะกร้าของเพื่อนๆแล้วก็ถอนหายใจ นี่มึงซื้อไปถมห้องกูป่ะ แต่เออก็ดีถ้าเหลือก็แด..ฟรีครับ
     
    “เอ้ามีปาร์ตี้สังสรรค์ไง มื้อเที่ยงก็กินไอ้พวกนี่แหละ ประหยัดเงิน” ประหยัดต้องไหนของมึงครับฮวางจือเทา
     
    “ไส้กรอกได้แล้วค่ะเติมผัก เติมซอสได้นะคะ” คริสรับถุงไส้กรอกที่อุ่นนิดๆมาถือไว้
     
    “พี่ชานยอลใส่อะไรครับ” 
     
    “อะไรก็ใส่มาเถอะ กินได้หมดอ่ะ” พอคริสเดินไปที่กะบะเติมซอส ปฏิบัติการล้วงความลับก็เริ่มต้นทันที คุณมีเวลาแค่ 1นาทีกับอีก 50วินาทีเท่านั้น เริ่มได้!
     
    “นี่หวังว่าคืนนี้แกคงไม่ทำอะไรน้องเขานะเว๊ย เด็กมันมีพ่อมีแม่นะเว๊ย” แล้วเทาก็ได้ฝ่ามืออรหันต์ไปหนึ่งที
     
    “มึงเด็กมันมาอ่อยถึงที่เลยนะ น้องมันก็น่ารักดี ถามจริงหวั่นไหวบ้างป่ะ” แทนคำตอบเซฮุนก็หน้าหงายไปอีกหนึ่งคน
     
    “ไม่เป็นไรกูเข้าใจ ถ้ามึงอยากปล้ำน้องเขาก็จัดไปอย่าให้เสียเดี๋ยวคืนนี้กูล็อคห้องให้” แล้วแบคฮยอนก็โดนเตะไปอีกหนึ่งที
     
    “เราว่าชานยอลก็ควรใช้ถุงยางนะ เรากลัวน้องเจ็บ” มาคนสุดท้ายแต่ต่อยหนักชิบ ชานยอลล่ะอยากจะร้องไห้แต่ก็ทำอะไรมันไม่ได้ไง
     
    “เสร็จแล้วครับ คุยอะไรกันอยู่เหรอ” คริสเดินกลับมาพร้อมกับรอยยิ้มกว้างๆ ใบหน้าใสๆที่แบ๊วซะจนคนมองเริ่มคิดแล้ว หรือกูควรใช้ถุงยางดีวะ? เฮ้ย!!! สัปดนไป!!
     
    “ไม่มีอะไรหรอกคิดตังค์ๆ” ชานยอลเกี่ยวเอวเด็กน้อยให้หันกลับมาสนใจพนักงานที่เริ่มคิดเงิน ไม่ต้องไปสนใจอะไรพวกเพื่อเวรพวกนั้น คริสแอบก้มหน้าลงกัดริมฝีปากอย่างเขินๆ ก็เอ้าใครล่ะจะไม่เขินก็มือพี่ชายยอลน่ะโอบเอวน้องคริสอยู่นะ!!
     
     
     
    “เมื่อไหร่มึงจะย้ายหอวะ แม่งลำบากชิบ” แบคยอนอบ่นตั้งกะบันไดขั้นแรกยันขั้นสุดท้ายอ่ะ ชานยอลไม่สนใจหันไปรับไส้กรอกชุ่มซอสที่คริสส่งมาให้ แหมไม่ต้องถือเองสบายดีจริงๆ
     
    “บ่นมากกลับบ้านไปเลยไปมึง” พอเปิดประตูห้องได้หนูผีทั้งหลายก็รีบกรูเข้าห้องไปเปิดพัดลม กดเปิดแอร์ทันที แหมนี่พูดเลยนะว่าตั้งแต่อยู่มาชานยอลไม่ค่อยได้เปิดแอร์นะกลัวค่าไฟแพง
     
    “นอนแล้วสวัสดี” พอเข้ามาได้เหวี่ยงของไว้ที่มุมห้อง เทาก็ล้มตัวลงนอนทันทีโดยมีเซฮุนตามไปนอนหนุนแขน 
     
    “ไม่ต้องปลุก ราตรีสวัสดิ์” แบคฮยอนเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าแล้วก็หยิบหมอนใบใหญ่มาหนึ่งใบก่อนที่จะมาล้มตัวลงนอนกอดคยองซูไว้ 
     
    “เพื่อนพี่ชานยอลตลกดีนะครับ น้องคริสชอบจังเลย”
     
    “แล้วเพื่อนนายไม่เป็นแบบนี้เหรอไง” ชานยอลลงนั่งที่พื้นหลังจากเขี่ยของที่เกะกะไปไว้ที่มุมห้องได้แล้วจากนั้นก็เริ่มคุ้ยหาของกิน คริสก็นั่งลงตามพร้อมกับจิ้มไส้กรอกกินอย่างอร่อยไปตามภาษา
     
    “ไม่มีครับ น้องคริสมีเพื่อนแค่ 2คนเองแต่พวกนั้นก็เอาแต่เรียนแล้วก็ไปเที่ยวกัน 2คน พี่ชานยอลก็รู้ว่าน้องคริสไม่ค่อยได้ไปเที่ยวกับเพื่อนๆเท่าไหร่” น้ำเสียงหงอยๆเรียกให้ชานยอลหันไปมอง เด็กน้อยของเขานั่งอมไม้จิ้มไส้กรอกด้วยหน้าตาเศร้าๆ ลูกพี่ใหญ่ที่เป็นห่วงเด็กน้อยก็เลยยื่นมือไปขยี้หัวเบาๆ
     
    “ตอนนี้ก็ได้เที่ยวกับพวกกูแล้วไง” คริสหันมายิ้มกว้างจนตาเป็นขีด
     
    “นั่นสิเนอะ!”
     
    ไม่รู้ว่าหลับไปนานแค่ไหนและหลับไปตอนไหนด้วยดีกว่า สะดุ้งตื่นก็ตอนเสียงเคาะประตูดังโครมๆนี่ล่ะ พอสะดุ้งตื่นก็เห็นว่าเขานั่งพิงพนังห้องแล้วก็มีเด็กหนีออกจากบ้านในอ้อมแขน ใบหน้ายามหลับตาพริ้มของเด็กน้อยนี่ขอบอกเลยว่าพี่ชานยอลไม่อยากจะทน แต่ที่ต้องทนก็เพราะไอ้เสียงโครมครามที่ตบมาประตูแทบพังนั่นล่ะ
     
    “เออๆ มาแล้วๆ” คริสที่รู้สึกตัวก็ขยี้ตาเพราะงัวเงียเพิ่งตื่น ชานยอลก็เลยตีมือเข้าให้หนึ่งทีก่อนที่จะลุกขึ้นไปเปิดประตู พอเปิดประตูเท่านั้นแหละหายนะมาเยือนทันที
     
    “แท่นแท๊น~~ ไงไอ้น้องเดี๋ยวนี้ริอาจพาเด็กเข้าห้องเหรอวะ” เฮียสามจอโผล่หน้าเข้ามาพร้อมกับคำพูดชวนติดคุกเลยทีนี้ แล้วทั้งสามก็พยายามเหลือเกินที่จะชะโงกหน้าเข้ามาดูด้านในห้อง แต่ขอโทษปาร์คชานยอลบังมิดทุกมุมประตูครับ!
     
    “เฮียพูดอะไรน่าเกลียดว่ะ เด็กเดิกอะไรไม่มีอ่ะ” 
     
    “อะไรไม่มีมึง ไอ้หมากระเป๋าแบคฮยอนแม่งวิ่งขึ้นไปฟ้องกูถึงห้อง เปิดๆเร็วจะมาตั้งวงห้องมึงเนี่ย” 
     
    “เฮ้ย!! เฮียจงอินจะมาตั้งวงอะไรห้องผมเล่า” ให้ตายก็ไม่เปิดหรอก!! ได้ไงล่ะเขามีเจ้าตัวน่ารักๆ แบ๊วๆอยู่ในห้องนะเว๊ย!!
     
    “ก็กูจะตั้งมีปัญหา? ซ่อมป่ะหนู?” จุนมยอนยักคิ้วให้หลายจึก โอ้โห้แบบนี้จะทำไงได้ล่ะวะ
     
    “เปิดเร็วดิวะกูเมื่อย!!” จงแดเขย่าของในมือให้เห็น แน่นอนว่ามาเต็มทั้งของมึนเมาและกับแกล้ม เอาวะไม่เปิดก็โดนซ่อม ถึงเปิดก็คงจะโดนซ่อมอยู่ดี
     
    “โอ้โห้~~ ไหนว่าไม่มีเด็กไงมึง!!” พอชานยอลเปิดประตูเท่านั้นแหละ เฮียสามจอก็รีบพุ่งเข้าห้งอมาทันทีแล้วก็มายืนทำหน้าโอโห้ ทำตาอู้หู้กันใหญ่
     
    “น่ารักนะเนี่ย~” จุนมยอนเด็กช่าง(เต๊าะ)ก็จัดไปเต็มทั้งน้ำเสียงและรอยยิ้มหวานๆ
     
    “เฮียเด็กมันยังอายุน้อยนะไปตั้งวงห้องเฮียไม่ได้เหรอ”
     
    “โนไอ้หนูกูมานี่จะมาดูหน้าเด็กมึงหรอก ริอาจพาเด็กเข้าห้องไม่ผ่านพวกกูนะมึง หวัดดีครับน้องคนน่ารักสนใจมาร่วมวงกับพวกพี่เปล่า?” มาถึงก็หน้าหม้อ หูดำตามสีผิวเลยนะคิมจงอิน
     
    “ไม่ดีกว่าครับ” 
     
    “ว๊า~ เสียดายจังไม่มีเด็กเชียร์เบียร์เลย ไม่เป็นไรมึงไอ้ชานยอลตั้งวงให้ไว”
     
    แล้ววงก็ได้ตั้งกลางห้องโดยมีกับแกล้มเสริมเป็นขนมที่เหลืออยู่ในห้อง ก็บอกแล้วพวกมันซื้อเยอะก็มาทิ้งไว้ยังไงก็ได้แด..ฟรี คริสนั่งกินป๊อกกี้หลบอยู่ด้านหลังของชานยอลเพราะแอบกลัวอีกสามคนที่มานั่งมองแล้วก็เอาแต่แซวนั่นแหละ พอเริ่มดึก เริ่มอยู่ตัวไอ้สามคนที่จะมาเต๊าะน้องก็ลืมไปแล้วว่ามาทำไม ก็แก้วอยู่ในมือก็ได้แต่ยกดื่มหาย ยกดื่มหายนั่นแหละ
     
    นั่งร้องเพลงโวยวายไป ยกแก้วขึ้นดื่มไปก็รู้สึกถึงอะไรหนักๆที่หลัง พอหันไปดูก็เห็นเด็กน้อยนอนหลับพิงอยู่ที่หลังของเขา ชานยอลวางแก้วลงก่อนที่จะค่อยๆขยับตัวไปปลุกคริสที่พล็อยหลับไปแล้ว คริสลืมตาขึ้นมาอย่างงัวเงีย
     
    “ไปนอนไป” คริสบึนปากใส่แล้วส่ายหน้า
     
    “ไม่เอาน้องคริสไม่นอนคนเดียว” ชานยอลค่อยๆขยับตัวหันไปหาก่อนที่จะยกมือขึ้นไล้แก้มของคนง่วงเบาๆ
     
    “แต่มึงง่วงแล้วนิ ไปนอนไปเดี๋ยวกูพาไป” คริสก็ส่ายหน้าอีก
     
    “อ้าว แล้วจะเอาไง”
     
    “น้องคริสจะนอนกับพี่ชานยอล พี่ชานยอลก็เลิกกินได้แล้วเสียสุขภาพหมดแล้ว” เอ้า เมื่อกี้ยังง่วงนอนอยู่เลยตอนนี้มามองค้อนใส่ซะแล้ว ทำอะไรไม่ได้ก็เลยยกมือขึ้นเกาหัวอย่าง งงงวยเลยทีนี้
     
    “ไปนอนกับน้องคริสเถอะนะ ไม่ต้องกินแล้วนะ” เขย่าแขนเป็นออฟชั่นเสริมอีกแน่ะ ทำหน้าตาแบ๊วๆเป็นหนูแฮมสเตอร์อีก โอ๊ยยย ถึงจะยังไม่เมาแค่กรึ่มๆแต่กูก็พังทลายได้นะ!!
     
    “พาเด็กมึงไปนอนไป เดี๋ยวพวกกูก็นอนกองๆกันแถวนี้เองแหละ ไปชิ้วๆ” จงอินโบกมือไล่ โอ้โห้ ขอบคุณครับเฮีย ได้ข่าวนี่ห้องกูป่ะวะครับ
     
    “โอเคไปนอน เลิกทำหน้าค้อนใส่กูได้แล้ว” แค่นี้ล่ะ คริสก็ยิ้มกว้างแล้วรีบลุกขึ้นยืนทันที ชานยอลก็ลุกขึ้นยืนเหมือนกันแต่ก็แอบเซนิดหน่อย คริสก็รีบคว้ามือของเจ้าของห้องให้ไวเลย
     
    บนฟูกนอนที่สามารถนอนได้คนเดียวเช่นเดิมนั้น ชานยอลให้คริสนอนด้านในส่วนตัวเองก็นอนบังคริสเอาไว้ สองแขนก็โอบคริสเอาไว้แนบอกกันน้องมันตกเตียง พอได้นอนนิ่งๆ แอร์ตกกระทบ(เพราะปกติทุกคืนเป็นพัดลม) ชานยอลที่อยู่ในสภาพกรึ่มหน่อยๆก็หลับไปอย่างรวดเร็ว ส่วนอีกสามคนที่ยังนั่งก๊งกันอยู่ก็นั่งคุยกันไปเรื่อยเปื่อย แต่อีกเดี๋ยวสักพักก็หมดฤทธิ์สลบกันไปเอง
     
    คริสช้อนตาขึ้นมองคนที่นอนหลับตาพริ้มด้วยอาการเขินอาย แค่พี่ชานยอลกอดเขาแค่นี้ก็ร้อนจนร่างจะระเบิดอยู่แล้ว!! แล้วนี่ยังจะมีออฟชั่นเสริมเป็นลมหายใจอุ่นๆที่เป่ารดกันอยู่ใกล้ๆนี่อีกล่ะ โอ๊ย!! น้องคริสอยากจะเป็นลมให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย!!! นอนมองหน้าของคนหลับจนไม่รู้สึกว่าตัวเองง่วงเสียแล้วสิเนี่ย พอเสียงพูดคุยนั้นเงียบลง คริสก็ค่อยๆยันตัวขึ้นมองก็เห็นว่าสามคนนั้นนอนสลบอยู่คาวง
     
    “อืม...” ชานยอลที่รู้สึกถึงอะไรก็ไม่รู้ในอ้อมแขนขยับขยุกขยิกน่ารำคาญก็เลยคว้ามากอดไว้แน่นๆซะเลย คนที่อยู่ๆก็โดนรั้งมากอดเสียบตอนนี้ใบหน้าแทบจะห่างกันไม่เกินครึ่งไม้บรรทัดแล้วก็ตาโต พี่ชานยอลบ้าๆๆๆ 
     
    “อ๊ะ..” นอนมองหน้าอยู่ดีๆคนเมาที่หลับไปแล้วก็ขยับดึงตัวเขาไปกอดอีก โอ๊ย บ้าจริง พี่ชานยอลกำลังจะทำให้น้องคริสใจแตกนะ!!!
     
    นัยน์ตาสวยคมมองหยุดอยู่ที่ริมฝีปากอิ่มสีชมพูระเรื่อของคนเมาแล้วก็รู้สึกอายขึ้นมาทันที เมื่อคืนตอนที่เขามานอนกับพี่ชานยอล คนๆนี้ก็คงไม่รู้ตัวหรอกว่าอยู่ดีๆกลางดึกพี่ชานยอลก็มาจูบเขา จูบเขาไม่ปล่อยด้วย ปลุกยังไงก็ไม่ตื่นก็เลยต้องนอนนิ่งๆปล่อยให้ชานยอลจูบเขาไปเรื่อยๆ ก็แบบว่า... ก็ชอบไงถึงได้นอนนิ่งๆน่ะ ถ้าไม่ชอบน่ะเหรอ? คริสก็จะลุกขึ้นมาจับทุ่มน่ะสิ เห็นแบบนี้เขาก็เป็นเทควันโดนะ
     
    แล้วถ้าวันนี้..? เขาจะแอบจูบพี่ชานยอลคืนได้ไหมนะ ความคิดมักจะช้ากว่าการกระทำเสมอนั่นแหละ คริสเลื่อนใบหน้าเข้าไปแล้วก็วางสัมผัสไว้ที่ริมฝีปากคู่นั้นแผ่วเบา ก่อนที่จะละสัมผัสออกมา แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นเมื่อชานยอลลืมตาขึ้นมา คนที่แอบจูบเขาไว้ก็ตกใจทำตาโตเลยสิทีนี้
     
    “เด็กนิสัยไม่ดี” คริสที่ไม่รู้จะทำยังไงก็เลยได้แต่ก้มหน้าลง ไม่กล้าสบตาเลยทีนี้ ชานยอลเอื้อมมือไปรั้งต้นคอของคนที่ก้มหน้าให้เขยิบเข้ามาใกล้ก่อนที่จะเป็นฝ่ายป้อนจูบให้แทน รสชาติขมๆที่ปลายลิ้นได้รับรสนั้นทำเอาคริสจะเมาทั้งจูบ ทั้งรสขมนี้ไปด้วยกัน ชานยอลเลื่อนจากลำคอขึ้นไปช้อนเข้าที่ใต้กกหูก่อนที่ตัวเขาจะค่อยๆยันตัวขึ้นและปล่อยให้คริสนอนราบกับพื้นเตียง ชานยอลยังคงบดเบียดรสสัมผัสนี้ไม่ห่าง เคล้นคลึงเก็บความนุ่มนี้ให้สาแก่ใจจนกว่าที่เด็กน้อยจะหมดลมหายใจนั่นแหละ
     
    “ถ้าจะจูบน่ะมันต้องจูบแบบนี้ เข้าใจ?” คริสมองสบตาของคนสอนเขาจูบแล้วก็ได้แต่พยักหน้าด้วยความมึน ชานยอลที่ยังเห็นเด็กน้อยทำหน้าตาอึ้งๆอยู่ก็หลุดขำเบาๆก่อนที่จะก้มหน้าลงบดสัมผัสที่กลีบปากบางได้รูปนั้นอีกครั้ง
     
    “นอนได้แล้วเด็กนิสัยไม่ดี” คริสยู่ปากใส่
     
    “พี่ชานยอลก็นิสัยไม่ดีเหมือนกันมาจูบน้องคริส พี่ชานยอลต้องรับผิดชอบน้องคริสด้วยนะ” ชานยอลเลิกคิ้วก่อนที่จะโคลงหัวไปมา
     
    “ขอคิดดูก่อนได้ป่ะวะ” คริสที่ได้รับคำตอบไม่ถูกใจก่อนเกิดอาการงอนตุ๊บป่องพลิกตัวหันหลังให้เฉยเลย ชานยอลหัวเราะเบาๆก่อนที่จะล้มตัวลงนอนกอดวาดแขน ขาก่านหมอนข้างมีชีวิตของเขาซะเลย คริสเองก็ไม่ได้ขัดขืนอะไรเพราะขัดขืนไปก็เท่านั้น เตียงก็มีอยู่แค่นี้จะดิ้นไปทำไม ชานยอลยิ้มขำเด็กในอ้อมแขนเหลือเกิน ก็ไม่ใช่ไม่รู้หรอกนะว่าโดนแอบขโมยจูบน่ะถึงเขาจะมึนๆแต่ก็ยังไม่เมาขนขาดสติสักหน่อยนินะ
     
     
     
     
    ตอนเช้า... ที่ค่อนไปทางบ่าย หลังจากที่ส่งเฮียๆออกไปจากห้องและเก็บกวาดห้องดว้ยฝีมือคริสแล้วตอนนี้ก็คงถึงเวลาอาหารเช้าแล้วล่ะ ชานยอลที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จก็เดินเช็ดผมออกมา แต่ว่าเขาก็แต่งตัวเรียบร้อยแล้วนะ นี่ขอบอกเลยว่าถ้าอยู่คนเดียวพี่ชานยอลจะนุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียวเดินรอบห้องเลยเถอะ
     
    “แล้วนี่จะไม่ยอมกลับบ้านจริงๆเหรอ พรุ่งนี้ก็เปิดเรียนแล้วไม่ใช่หรือไง” คริสที่กำลังจัดพวกขนมอยู่มุมห้องก็หันมามองก่อนที่จะส่ายหน้า
     
    “ยังไม่รู้ครับ น้องคริสไม่อยากกลับบ้านแต่ก็อยากไปหาเพื่อนที่โรงเรียน”
     
    “ก็กลับบ้านเถอะแล้วก็ไปเรียน ไว้ว่างๆก็มาเที่ยวที่นี่อีกก็ได้” คริสยิ้มกว้างอย่างดีใจ
     
    “จริงเหรอ น้องคริสมาเที่ยวได้ใช่ไหมครับ” ชานยอลหัวเราะขำๆก่อนที่จะพยักหน้า
     
    “เออ อย่ามาก็มาเถอะตามใจแต่บอกที่บ้านด้วยล่ะ เดี๋ยวกินข้าวเสร็จจะพาไปส่ง”
     
    “ไม่เอาน้องคริสไม่อยากอยู่บ้านคนเดียว พี่ชานยอลไปค้างบ้านน้องคริสไหม”
     
    “เอ้าแล้วปกติอยู่ยังไง ป้าแม่บ้านก็อยู่ด้วยไม่ใช่เหรอ”
     
    “แต่มันก็ไม่เหมือนอยู่กับป๊ากับม๊าอยู่ดี” ชานยอลเดินเข้ามาใกล้แล้วลงนั่งยองๆก่อนที่จะยื่นมือไปลูบหัวเด็กน้อยหนีออกจากบ้านเบาๆ
     
    “เอาน่า พ่อกับแม่เราเขาก็ทำเพื่อเราทั้งนั้นแหละ ลองคุยกับเขาดูไม่แน่ตอนนี้เขาอาจจะกำลังตามหาอยู่ก็ได้นะ” 
     
    “เขาคง...” ยังไม่ทันพูดอะไรไต่อเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น เอ้าเมื่อคืนเอ๊ยสามจอมาชวนตั้งวง หรือวันนี้แก๊งเพื่อนเขาจะมาชวนตั้งวงต่อ? เอาเข้าไปสิ ลูกพี่นี่ฮอทจริงๆ ชานยอลลุกขึ้นเดินไปเปิดประตูแต่ก่อนที่จะเดินผ่านเจ้าตัวขาวๆที่มานั่งซุกตัวอยู่มุมห้องก็ขอขยี้ผมไปสักทีเถอะ หมั่นเขี้ยวความน่ารักมัน
     
    “พี่ชานยอลอ่ะ!!” คนทำก็หัวเราะร่าเดินไปเปิดประตู วินาทีที่เปิดประตูขอบอกเลยว่า.. นรกชัดๆ ชานยอลไมได้เปิดประตูกว้างพอที่คริสจะเห็นว่าใครมา และแน่นอนว่าเขาก็ยืนนิ่งอยู่แบบนั้นประสานตากับคนเคาะประตูจนคริสทนไม่ไหวอยากรู้ว่าใครนั่นแหละ
     
    “พี่ชานยอลใครมาเหรอ พี่คยองซูหรือเปล่า” คริสเดินมาที่หน้าประตูแล้วก็ต้องเบิกตากว้างเหมือนเห็นใครที่ยืนอยู่หลังประตู
     
    “ป๊า... ม๊า...”
     
    ขอบอกเลยว่า... ชีวิตของปาร์คชานยอลโคตรจะบรรลัย โคตรจะเลวร้าย โคตรจะสิ้นหวัง!!! นี่ถามจริงๆเคยมีเรื่องดีๆบ้างปะวะเนี่ย คนทั้งสองที่เดินเข้ามาในห้องก็มองสำรวจไปรอบๆก่อนที่จะหันมามองหน้าเขา ส่วนเจ้าเด็กที่เขามาตามน่ะเหรอก็ยืนหลบอยู่ข้างหลังเขานี่ไง
     
    จะมีอะไรซวยมากไปกว่านี้อีกป่ะ? แค่พาลูกเขาหนีเที่ยวก็ว่าซวยแล้ว นี่พ่อแม่เขาเล่นรู้อีกว่าอยู่ไหน โอ้โห้ซวยคูณ 2ไปเลยเถอะ นี่ยังไม่นับอีกนะว่าถ้ารู้ว่าเมื่อคืนเขาแอบ.. เออ ก็ไม่แอบนิหว่า เออนั่นแหละ ถ้ารู้ว่าเขาแอบขโมยจูบลูกเขาล่ะก็ ซวยไปยันชาติหน้าเลยล่ะมั้งกู!!!
     
    “ม๊าไม่คิดเลยนะว่าน้องคริสจะเป็นเด็กแบบนี้” ดวงตาสวยของคุณแม่มองผ่านเขาไปหาเด็กที่ยืนกำเสื้อซุกไหล่ของเขา 
     
    “ทำไมน้องคริสถึงทำแบบนี้คะ ไหนบอกม๊ามาสิ” คริสค่อยๆช้อนสายตาขึ้นมองก่อนที่จะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสั่นๆ
     
    “แล้วป๊ากับม๊าจะฟังน้องคริสได้หรือยังล่ะครับ น้องคริสจะได้อธิบายให้ฟัง”
     
    “เดี๋ยวนี้ยอกย้อนนักนะ ป๊าไม่เคยเลี้ยงให้น้องคริสมีนิสัยแบบนี้นะคงไม่ใช่เธอที่เสี้ยมลูกฉันหรอกนะ” แล้วชานยอลที่ยืนอยู่เฉยๆก็โดนหางเลขไปด้วย
     
    “ผมว่าคงไม่ใช่ผมหรอกมั้งครับ พวกคุณถามตัวเองเถอะว่าให้เวลาลูกพอหรือยัง ถ้าให้พอทำไมเขาถึงต้องอยากหนีพวกคุณไป ล้อมกรอบเขาได้แต่อย่าให้แน่นเกินไป ไม่มีใครชอบกรอบติดตัวหรอกนะครับ”
     
    “ปากดี ไม่ต้องมาสอนฉัน” คุณพ่อของคริสตวัดสายตาดุใส่ คริสที่จะอ้าปากพูดก็โดนชานยอลสะกัดไว้เสียก่อน
     
    “ผมไม่ได้สอน ผมแค่บอกคุณรู้ไหมว่าตั้งแต่วันที่ลูกคุณไปทะเลเขาพูดถึงพวกคุณว่ายังไง? ไม่มีเวลาบ้างล่ะ ไม่เคยเที่ยวบ้างล่ะ อยากไปเที่ยวบ้างล่ะ รู้ว่าต้องทำงานครับแต่ลูกคุณน่ะให้พื้นที่ให้เขาหายใจหน่อยเถอะ”
     
    “คนอย่างเธอจะมาเข้าใจอะไร ฉันก็ต้องทำงานหาเงินมาเลี้ยงลูกฉันสิ”
     
    “แล้วคุณเคยถามลูกคุณหรือยังครับว่าต้องการเงินมากมายหรือต้องการเวลาแค่เพียง10นาทีให้ได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน ได้พูดคุยกัน อย่างที่บอกครับบังคับน่ะได้แต่บางทีก็ต้องปล่อยบ้าง เอาแต่เรียนอย่างเดียวมันก็ดีครับแต่ถ้าน้องไม่ไหวคุณก็ควรให้น้องพักบ้างเถอะครับ” ชานยอลยังคงมองสบตากับคุณพ่อของคริสไม่ลดละ เขารู้ว่าเขาบังอาจและถือดีมากแต่เขาก็ทนไม่ได้จริงๆนั่นแหละ ก็แค่อยากพูดให้ฟังแต่จะคิดได้หรือเปล่านั้นก็สุดแท้แล้วแต่เถอะ
     
    “ถ้าคุณไม่กลัวน้องเครียดแล้วป่วยก็ตามสบายเถอะครับ ความรู้สึกของลูกน่ะมันเปราะบางนะถ้ามีอะไรมาสะกิดให้เขารู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจเมื่อไหร่ เขาก็จะยิ่งสร้างกำแพงมากันพวกคุณ... ผมขอถามสักข้อ คุณรู้หรือเปล่าว่าลูกคุณชอบหรือไม่ชอบอะไร ตอบได้เกิน10อย่างไหมครับ?” ไร้เสียงพูดใดๆ
     
    “ผมขอโทษถ้ามันเป็นการก้าวก่ายมากเกินไป” ชานยอลขอโทษอย่างจริงใจ 
     
    “แต่ม๊าไม่เห็นด้วยนะที่น้องคริสทำแบบนี้ รู้ไหมว่าตอนที่รู้ม๊าตกใจแค่ไหน”
     
    “น้องคริสขอโทษ แต่ถ้าไม่ทำแบบนี้ป๊ากับม๊าก็ไม่มีวันฟังน้องคริสอยู่ดี”
     
    “แกประชดฉันเหรอ? อยากได้อิสระมากใช่ไหม? งั้นก็ไม่ต้องทำอะไรมันเลยดีไหม อยู่เฉยๆเป็นคนรกโลกไปเลย” 
     
    “ป๊าไม่ใช่แบบนั้น” 
     
    “ฉันขอสั่งให้แกกลับบ้านเดี๋ยวนี้แล้วก็เลิกติดต่อมันด้วย ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม แกอยากอยู่กับฉันมากใช่ไหม? ได้ฉันจะไปรับไปส่งแกเอง” คริสมองหน้าพ่อของตัวเองแล้วก็ได้แต่ซบหน้าลงกับไหล่ของชานยอล
     
    “ป๊าก็ยังไม่เข้าใจน้องคริสอยู่ดี น้องคริสก็แค่อยากได้เวลาที่เราจะอยู่ด้วยกัน ได้ไปเที่ยวกันเหมือนครอบครัวคนอื่นก็เท่านั้นเอง ป๊าทำงานทุกวันไม่เคยมีวันหยุดทิ้งให้น้องคริสอยู่บ้านคนเดียว น้องคริสก็เหงาเป็นนะ”
     
    “กลับไปคุยกันที่บ้าน” พ่อของคริสเดินเข้ามาหวังว่าจะพาลูกตัวเองกลับบ้าน คริสก็เบี้ยงตัวหนีแล้วใช้ชานยอลเป็นเกราะกำบัง
     
    “พี่ชานยอลช่วยน้องคริสด้วย น้องคริสไม่อยากกลับบ้าน” คนเป็นพ่อที่ได้ยินแบบนั้นก็รู้สึกเจ็บแปลบในใจ ชานยอลหมุนตัวกลับไปหาเด็กน้อยที่กลั้นน้ำตาจนจมูกแดง ตาแดงแล้วจับแขนของคริสไว้
     
    “คริส มึงฟังกู... กลับไปคุยกับที่บ้านให้รู้เรื่อง กูรู้ว่ามึงทำได้ใช่ไหม?” คริสมองสบตาด้วยม่านน้ำตาเอ่อคลอก่อนที่จะพยักหน้า
     
    “กูรู้ว่ามึงเก่ง อยากบอกอะไร อยากพูดอะไรก็พูดให้หมด ปรับความเข้าใจกันเข้าใจไหม? มึงจำที่กูบอกได้ไหมว่าอยากมาก็มาน่ะ” คริสพยักหน้ารับ
     
    “กูจะรอมึงกลับมาก็แล้วกันนะ” หยดน้ำตาไหลรินอาบแก้มจนได้ ชานยอลยิ้มแล้วปาดเช็ดให้
     
    “ไอ้เด็กขี้แยเอ๋ย ร้องไห้มากี่รอบแล้ววะเนี่ยไม่กลัวเป็นกบเคโระหรือไง ไปกลับบ้านไปได้แล้ว” คริสลังเลที่จะเดินไป ก็ยังหันมามองแม้ว่าจะโดนม๊าของตัวเองรวบตัวไปกอดก็ตาม 
     
    “น้องคริสกลับบ้านกับม๊านะ มีอะไรค่อยคุยกันนะคะ” เมื่อคริสพยักหน้ารับ ชานยอลก็ไปช่วยเก็บของใส่กระเป๋าให้
     
    “พี่ชานยอลจะรอน้องคริสใช่ไหม จะรออยู่ที่นี่ใช่ไหม” 
     
    “เออสิ นี่มันห้องกูนิไม่ให้อยู่ที่นี่แล้วจะไปไหนล่ะ” ชานยอลกระตุกยิ้มขำๆก่อนที่จะเดินไปล้วงหาอะไรสักอย่างในถุงขนมมุมห้อง
     
    “ชอบกินใช่ไหมล่ะ เห็นแย่งไอ้เซฮุนกินใหญ่เลย เอาไปกินรองท้องก่อนก็แล้วกันนะ” คริสรับขวดนมเปรี้ยวเล็กๆมาถือไว้พร้อมกับรอยยิ้ม เขาก็ชอบกินจริงๆนั่นแหละ พี่เซฮุนซื้อมาสามแพ็ค เขาก็เลยแย่งกินไปสามขวดแน่ะ อร่อยดี
     
    ชานยอลยืนมองครบครัวนั้นเดินออกจากห้องแล้วก็ไม่รู้ว่าจะเดินลงไปส่งดีไหม แต่เห็นสายตาเว้าวอนของเด็กนั่นที่มองมาแล้วเขาว่าเขาไม่ควรเข้าไปยุ่งมากกว่านี้นะ แค่นี้ก็ดูก้าวก่ายมากเกินไปแล้ว เขาก็เลยมายืนที่นอกระเบียงแล้วก็มองรถหรูคันนั้นแล่นออกไป อย่างที่บอกว่ารถคันนั้นฟิล์มดำ เขาก็ไม่รู้หรอกว่าเด็กนั่นจะมองขึ้นมาไหม จะมองหาเขาหรือเปล่า บางทีถ้าเด็กนั้นเข้มแข็งขึ้นก็คงดี
     
    เขาไม่เห็นด้วยหรอกถ้าจะแก้ปัญหาด้วยวิธีนี้ ก็คงต้องปล่อยให้เขาไปเคลียร์กันเองล่ะนะ ครอบครัวใครก็ครอบครัวมันแต่เขารู้ว่าเขาคงไม่คู่ควรที่จะได้ใกล้ชิดกับน้องมันหรอก.. ทุกอย่างของเขากับเด็กนั่นต่างกันเกินไป เอาเถอะไม่มีเด็กมาคอยกวนก็ดีจะได้ไม่วุ่นวาย
     
    “แต่คงเหงาน่าดูเลยสิกูน่ะ” ก็เด็กมันน่ารัก พอไม่มีเด็กน่ารักๆ ตาแป๋วๆมาวนเวียนรอบๆเขาก็คงเหงานั่นแหละ ทำไมรู้สึกไม่ชินเลยนะ เจอกันแค่ไม่กี่ครั้งเองนะ เออเป็นเอามาก
     
    “บ้าว่ะกู คิดอะไรไม่เข้าท่า” ขยี้หัวตัวเองไล่อะไรบางอย่างในหัวให้มันกระเด็นหลุดออกไปก่อนที่จะหมุนตัวเดินกลับเข้าห้องแล้วก็คว้าเอากระเป๋าเงินและมือถือลงไปข้างล่างเพื่อหาอะไรกิน
     
     
     
    ชีวิตคนเรามันก็คงเป็นแบบนี้นั่นแหละ... ไม่เข้าใจอะไรสักอย่าง ไม่เคยเข้าใจความรู้สึกของตัวเองเลยสักนิด



     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×