ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Chapter 2
มาแล้วววววววววววววววววววววววววว
ตอนนี้ดองรัวๆๆๆๆๆ มาก ฮือออออออออ เราติดหนัง T T อย่าทำอะไรเรานะ แง๊~~~~
สารภาพบาป *นั่งกุมมือ* เราติดหนังมาก ฮือออออ ตื่นมาก็ดูทั้งวันเลย
ดูท่าแล้วทุกคนชอบโชตะเนอะ อิอิ เราก็ชอบ =w= ชอบน้องหนูยอลอ่ะ บอกแล้วว่าทุกคนจะต้องรักน้องหนูยอลกับพี่หนูคริสของเรา อิอิ #ค่อดอวยตัวเองเลยจ้า
ตอนนี้ร้อนมากถึงมากที่สุด ...... หน้าหนาวมันอยู่ตรงไหนกันนะ?
___________________________
“อย่าไปรบกวนพี่เขามากนะคะน้องหนูยอล” เสียงของมารดาเอ่ยบอกทำให้แก้มกลมๆพองออกใส่มารดาที่เดินมาส่งที่หน้าบ้านของเพื่อนบ้านข้างเคียง
“น้องหนูยอลไม่ได้รบกวนพี่หนูคริสนะ! น้องหนูยอลมาชวนพี่คริสเล่นตั้งหาก~~” ว่าแล้วคนที่มาชวนพี่ชายข้างบ้านตัวโตเล่นก็วิ่งแถ่ดๆเข้าไปในบ้านเมื่อคุณป้าเจ้าของบ้านเดินมาเปิดประตูเหล็กรอรับ เมื่อวิ่งเข้ามาก็เจอเข้ากับคุณลุงที่นั่งหลังตรงอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ที่โซฟา
“คุณลุงฮะ น้องหนูยอลมาแล้ว~~” คุณลุงที่แสร้งเก๊กขรึมว่าไม่ได้รอท่าการมาของเด็กตัวน้อยวางหนังสือพิมพ์ลงข้างตัวแล้วอุ้มเด็กตัวเล็กมากอดรัดฟัดเหวี่ยง
“คิกคิก .. ชื่นใจไหมฮะคุณลุง” เด็กน้อยหัวเราะคิกคักน่ารักและก็ได้การหอมแก้มจากคุณลุงไปหนึ่งฟอดใหญ่
“ไปปลุกคนขี้เซาทีนะลูกนะ เดี๋ยวเราจะได้ไปเที่ยวกัน” เมื่อได้ยินคำว่าเที่ยวเด็กน้อยก็ร้องเย้เสียลั่นล้านแล้วกระดึ๊บๆลงจากตักของคุณลุงก่อนที่จะปีนบันไดขึ้นไปยังชั้นบน
ด้วยเพราะน้องหนูยอลตัวเล็กกว่าที่จะปีนขึ้นบันไดมาได้ก็นานหลายนาทีอยู่ แล้วยิ่งลูกบิดที่ไม่ได้สูงเกิดเอื้อมแต่พอยืดตัวแล้วก็ไม่มีแรงจะหมุนลูกบิดนั่นอีก น้องหนูยอลก็เลยมีตัวช่วยเป็นเก้าอี้ตัวเล็กสีชมพูลายคิตตี้!! หนูยอลยิ้มกว้างแล้ววางเก้าอี้ที่คุณลุงซื้อมาให้วางลงหน้าประตูแล้วปีนขึ้นไป เมื่อความสูงพอเหมาะแล้วก็หมุนลูกบิดประตูเข้าห้องนอนที่มีไอเย็นลอยออกมา
หนูยอลเดินเข้ามาในห้องพร้อมกับเก้าอี้ประจำตัวที่ไว้ใช้ปีนเพื่อเปิดประตูห้องและปีนขึ้นเตียงเพื่อปลุกคนขี้เซา พี่หนูคริสของตนนั้นกำลังนอนหงายหลับตาพริ้มแค่นี้คนมาปลุกก็ยิ้มกว้างอย่างถูกใจ ผมแกละสองข้างที่ติดกิ๊บสีชมพูเอียงซ้ายที ขวาทีอย่างนึกสนุก เมื่อปีนขึ้นไปบนเตียงได้แล้วเด็กตัวน้อยก็ทิ้งตัวลงนอนทับคนที่กำลังหลับสนิททันที
“เฮ้ย!!!” เมื่อก้มลงเห็นแล้วว่าใครมาปลุกสองแขนที่โอบร่างเล็กไว้ก็กระชับกอดก่อนที่จะพลิกตัวลงนอนตะแคงโดยให้เด็กน้อยผมแกละลงนอนที่พื้นเตียง คริสยกแขนขึ้นเท้าหัวแล้วมองเด็กน้อยที่นอนอยู่ใกล้ๆ
“อรุณสวัสดิ์ฮะพี่หนูคริส วันนี้ก็ขี้เซาอีกแล้ว ไม่ดีๆ” เสียงใสๆเอ่ยเจื้อยแจ้วจนคนมองอดไม่ได้ที่จะยื่นปลายนิ้วมาบีบจมูกเล็กๆนั้น
“งื้อ~ พี่หนูคริสแกล้งน้องหนูยอลทำไม~~” เสียงพูดอู้อี้ก็ดูน่ารักไม่หยอกเช่นกัน เมื่อคริสปล่อยจมูกเล็กนั้นแล้วเจ้าตัวดีก็ลุกขึ้นนอนคว่ำ ใช้สองมือเท้าคางแล้วมองใบหน้ายามเพิ่งตื่นของพี่ชายตัวโต ดวงตากลมที่ส่อแววระยิบดั่งดวงดาวท่ามกลางเวิ้งทะเล รอยยิ้มหวานๆที่ดันแก้มให้กลมออก คริสยื่นหน้าเข้าไปจุ๊บที่หน้าผากมนเบาๆ
“ก็ถ้าไม่ขี้เซาจะมีใครมาปลุกไหมน้า~” น้องหนูยอลตีขาตัวเองสลับข้างไปมากับที่นอนแล้วเอียงหัวไปซ้าย มาขวาทั้งๆที่นอนคว่ำเท้าคางไว้แบบนั้น
“น้องหนูยอลจะปลุกพี่หนูคริสทุกเช้าเลย~ เพราะน้องหนูยอลตื่นก่อนที่หนูคริสอยู่แล้ว” แล้วก็ตบท้ายด้วยเสียงหัวเราะใสๆของเจ้าตัว ถ้าในยามปกติแล้วข้างกายก็จะต้องมีเด็กตัวเล็กๆนอนอยู่ด้วยแต่เมื่อคืนนั้นทั้งเด็กน้อยและคุณมี้กับคุณแด๊ดต้องไปงานเลี้ยง เพราะฉะนั้นคนปลุกก็เลยต้องขึ้นมาปลุกเอาแบบนี้
“รอนี่ก่อนนะครับเดี๋ยวพี่จะไปอาบน้ำก่อนนะ” เด็กน้อยพยักหน้ารับแล้วกลิ้งไปลงนอนแทนพี่ชายตัวโตที่ลุกออกจากเตียงไปอาบน้ำในห้องน้ำ
“งื้อ~” เมื่อหนูยอลกลิ้งมานอนบนหมอนที่ยังคงไอกรุ่นด้วยกลิ่นเย็นอ่อนจางๆ เด็กยน้อยก็เขินแก้มแดงกลิ้งเอาหน้าซุกลงกับหมอนแล้วตีขาพั่บๆแก้อาการเขินอาย
เพียงไม่นานคนถูกปลุกก็อุ้มคนมาปลุกเดินลงมาข้างล่างที่ตอนนี้มื้อเช้าพร้อมแล้ว ซุปร้อนๆกับสำรับอาหารถูกจัดวางไว้เรียบร้อยแล้ว คริสอุ้มหนูยอลให้ลงนั่งที่เก้าอี้เด็กตัวพิเศษข้างตัวที่คุณพ่อใจดีรีบซื้อมาเปลี่ยนให้ใหม่เลยเมื่อเห็นว่ามีแขกประจำที่น่ารักน่าหยิกของบ้านปรากฏตัว
“น้องหนูยอลไม่กินผัก~” ปากเล็กเชิดขึ้นแล้วหันหน้าหนีผักสีเขียวๆที่พี่ชายตัวโตคีบป้อน บนโต๊ะอาหารนี้น้องหนูยอลแทบราวกับราชินีที่มีพี่หนูคริสเป็นคนป้อนอาหารโดยที่เจ้าตัวได้แต่นั่งยิ้มแล้วอ้าปากรับอาหารมาเคี้ยวแล้วกลืนเท่านั้น บ้านนี้ก็โอ๋เด็กตัวน้อยกันทั้งบ้านล่ะนะ ดูอย่างคุณลุงสิเอาแต่คีบชิ้นเนื้อไก่เล็กๆให้พอดีคำมาป้อน คุณป้าก็เป่าน้ำซุปร้อนๆให้พออุ่นแล้วป้อนเด็กน้อยที่อารมณ์ดี
“ไม่ได้ครับ ไหนใครน้า~ บอกว่าอยากโตไวๆ” หนูยอลย่นจมูกใส่แล้วค่อยๆรับปลายชิ้นผักเข้าปากแล้วค่อยๆกินทีละนิดๆคล้ายกับกระต่ายค่อยๆแทะผักอย่างไรอย่างนั้นเลย
“ถ้าน้องหนูยอลตัวโตล่ะพี่หนูคริสไม่อุ้มล่ะน่าดู!” คาดโทษไว้อย่างนั้น แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไมสามผู้ใหญ่ถึงได้หัวเราะเฮฮาครื้นเครงจนคนคาดโทษอมลมเสียแก้มป่อง
เมื่อได้ฤกษ์งามยามดีคนทั้งบ้านก็พร้อมใจกันขึ้นมานั่งบนรถยนต์คันสวยทันที โดยมีคุณลุงเป็นคนขับ ขนาบข้างด้วยคุณปาที่เตรียมของกินมาเต็มตะกร้าที่หน้าตัก เบาะหลังก็ถูกจับจองโดยลูกชายตัวโตและเด็กน้อยตัวเล็กที่นั่งเล่นโทรศัพท์กับพี่ชายตัวใหญ่ที่เสียสละตักให้หนูยอลนั่งเล่น
...ทำไมไปไม่ชวนเลยอ่ะ พี่เปาจะงอนแล้วนะ~... เสียงของอีกฝั่งดังลอดออกจากมากวีดีโอคอล และตามด้วยเสียงบ่นงุ้งงิ้งของเหล่าเพื่อนที่เหลือ ...พี่ฮุนก็อยากไปด้วยนะ...
“คิๆ เดี๋ยวน้องหนูยอลซื้อของฝากมาให้นะฮะ แต่วันนี้น้องหนูยอลจะไปเล่นน้ำทะเลกับพี่หนูคริสก่อนนะฮะ”
...เอาเยอะๆเลยนะ เอาขนมด้วยนะเดี๋ยวพี่กวางกับพี่แดรอกินนะจ๊ะ... เด็กน้อยหัวเราะคิกคัก ส่วนเจ้าของเครื่องก็ได้แต่ส่ายหน้ากับเพื่อนตัวเองอยู่ด้านหลังหนูน้อย ...ให้พี่หนูคริสของหนูออกเงินนะ เราห้ามควักเองนะ พี่แดจะบอกให้...
“แน่นอนฮะ น้องหนูยอลไม่ยอมจ่ายหรอกเพราะพี่หนูคริสต้องเลี้ยงหนูน้องยอล เนอะพี่หนูคริส~~”หันมาถามเสียงหวานจ๋อยจนคนโดนถามเกิดอาการใจเต้นรัว เออก็นะ.. อย่ามาน่ารักมากได้ป่ะล่ะครับ!!
“จ๊ะๆ เลี้ยงจ๊ะเลี้ยง” แล้วฝั่งโน้นกับเด็กฝั่งนี้ก็หัวเราะกันเกรี้ยว ท่าว่าไอ้เสือผู้โดดเดี่ยวจะมีคู่ก็คราวนี้ล่ะวะ!!! คนหล่อทั้งสี่ฟันธง!!!
“น้องหนูยอลกินขนมไหมลูก” คุณป้ายื่นห่อขนมมาให้แล้วเด็กน้อยก็คว้ารับไว้อย่างไวว่อง
“ขอบคุณฮะคุณป้าคนสวย พี่หนูคริสแกะป้อนน้องหนูยอลหน่อย” คริสส่งไอโฟนให้เจ้าตัวเล็กถือแล้วตนก็แกะห่อขนมนั้นมาป้อนเด็กน้อยที่ยิ้มกว้างๆอยู่บนตัก การกระทำเหล่านั้นอยู่ในสายตาของเพื่อนผู้สังเกตการณ์หมดแล้ว ทั้งสี่คนหันมามองหน้าสบตากัน สงสัยต้องเตรียมหลักทรัพย์ไว้ไปประกันตัวมันออกจากตารางเสียแล้วพวกกู
กินขนม คุยวีดีโอคอลได้ไม่นานเจ้าตัวน้อยก็ค่อยๆสิ้นฤทธิ์ นอนคอพับคออ่อนอยู่บนอกของคนที่ให้นั่งพิงเสียแล้ว คริสประคองร่างของเด็กน้อยไว้ให้ดีๆก่อนที่จะรับผ้าห่มผืนน้อยจากคุณแม่มาห่มคลุมให้เด็กสิ้นฤทธิ์ ไอแอร์เย็นๆไม่สามารถระคายผิวนิ่มของเด็กในอ้อมแขนได้เลย เจ้าตัวดีนอนพิงหน้ากับที่นอนอุ่นๆแล้วยิ้มกริ่มคล้ายดั่งฝันดี
เมื่อรถยนต์แล่นเข้าสู่นอกเมือง สองข้างทางก็เต็มไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ หนูยอลก็ลืมตาตื่นขึ้นแล้วขยับพลิกตัว คริสที่นั่งเอาแขนเท้ากระจกมองทัศนียภาพนอกรถก็ก้มลงมายิ้มให้เด็กน้อยที่นั่งทำตาแป๋ว สองแขนสอดอุ้มให้เด็กน้อยข้ามตักมายืนชิดหน้าต่างรถแล้วเกาะกระจกดูด้านนอกกัน สองมือจับไว้ที่เอวของเด็กน้อยกันเจ้าตัวเสียหลัก คริสพิงหน้าไว้กับแขนนิ่มของเด็กน้อยยื่นหน้าแปะกระจกมองข้างนอกอย่างสนใจ คริสชี้นิ้วอธิบายไปเรื่อยเปื่อย ทั้งต้นไม้ใบหญ้า ท้องฟ้า หมู่นกกา เจ้าตัวเล็กก็อารมณ์ขันเสียจริงหัวเราะงอคว่ำงอหงาย ก็ไม่เข้าใจว่าขำอะไร
“พี่หนูคริส น้องหนูยอลหัวเราะเหนื่อย” คริสยิ้มแล้วละมือหนึ่งไปรับขวดน้ำที่เปิดฝาแล้วมาจากมารดาของตนที่ส่งมาให้ จับขวดและถือปลายหลอดจ่อที่กลีบปากสีสดนั้นเพื่อป้อนให้เด็กตัวน้อยที่ว่าหัวเราะจนเหนื่อย
“เดี๋ยวถ้าถึงบ้านพักแล้วพ่อกับแม่จะเข้าตลาดนะ ดูแลน้องด้วยล่ะคริส” เสียงของบิดาเอ่ยขึ้นพร้อมกับมองที่กระจกส่องหลัง คริสหันกลับไปยิ้มผ่านทางกระจกและรับคำ เช่นนั้นคุณพ่อถึงได้ยิ้มได้ ก็ลูกตัวเล็กสุดที่รักเลยนิเนอะ~ ใครบ้างนะที่มาเห็นเด็กตัวเล็กๆนี้แล้วจะไม่รักกันน่ะ
“คุณลุงฮะซื้อขนมมาฝากน้องหนูยอลด้วยนะฮะ~ น้องหนูยอลอยากกินสายไหม~~” หันมายิ้มกว้าง ทำตาโตใส่สารถีเสียนี่
“ได้เลยจ๊ะ เดี๋ยวคุณลุงจะหาซื้อมาให้เยอะๆเลยนะจ๊ะ~” เชื่อเถอะว่าถ้าแถวนี้ไม่มีสายไหม คุณท่านแกก็ยอมที่จะขับรถไปไกลๆเพื่อซื้อสายไหมแน่นอน
“เย้~ รักคุณลุงที่สุดเลย~~” เด็กน้อยยกสองมือชูขึ้นสูงแล้วหัวเราะคิกคัก คริสอุ้มเด็กน้อยให้กลับมาลงนั่งที่ตักเหมือนเดิม
“แล้วพี่หนูคริสล่ะครับ” หนูยอลลุกขึ้นยืนเหยียบบนหน้าขาของพี่ชายตัวโตแล้วใช้สองมือเล็กๆของตัวเองวางแนบแก้มของอีกคนไว้ ใบหน้าหล่อเหลาที่ยังคงระบายยิ้มอ่อนๆ
“น้องหนูยอลรักพี่หนูคริสที่สุดของที่สุดเลยฮะ!~” แล้วเจ้าตัวดีก็กอดพี่ชายตัวโตแก้เขินไปซะ ใบหน้าน่ารักซุกลงกับซอกคอของคนที่แกล้งถาม แล้วตอนนี้เด็กน้อยก็เขินอายจนหน้าแดงสุกใสดูน่ารักน่าหยอกเสียแล้ว
“ว๊า~ แค่รักที่สุดของที่สุดเองเหรอครับ? พี่อุตส่าห์รักเราคนเดียวเลยนะ” ออกจะดูตอแหลไปสักหน่อย แต่ก็เอาเถอะผู้ชายตัวโตๆอย่างคริสมาจีบปากจีบคอแกล้งเด็กตาแป๋วนี้ก็ดูไม่ดีเท่าไหร่ แต่เวลาที่เห็นแก้มใส่นั้นแดงเรื่อแล้วมันน่ารักนะจะบอกให้
“งื้อ... ไม่เอาๆ น้องหนูยอลจะพูดใหม่ น้องหนูยอลรักพี่หนูคริสคนเดียวที่สุดของที่สุดเลยฮะ!” พูดเองแล้วก็เขินเอง เจ้าตัวถึงได้ซุกหน้าฝังลงกับซอกคอของคนขี้แกล้ง เสียงหัวเราะทุ้มในลำคอดังเอื่อยพร้อมกับกอดรัดเด็กน้อยเอาไว้ จะว่าไปแก้มกลมๆเวลาแดงจัดแล้วก็น่ากัดอยู่เหมือนกัน
บ้านไม้หลังไม่ใหญ่มากสีขาวล้วนทั้งหลังถูกสร้างไว้ห่างจากท้องทะเลไม่ไกลมากนัก ส่วนของระเบียงยื่นยาวลงไปยังหาดทรายสีนวล เด็กตัวน้อยก็วิ่งลงไปเหยียบย่ำพื้นทรายนอกตัวบ้านทันทีโดยที่ไม่รอใครเลยยามที่คริสปล่อยให้หนูน้อยลงยืนกับพื้นบ้าน หนูยอลวิ่งหัวเราะร่าไปยังคลื่นน้ำที่กระทบเข้ากับหาดทรายแล้วลองเอาปลายเท้าแตะดู ยามที่น้ำลดตัวน้อยก็วิ่งลงไปแตะน้ำ พอคลื่นน้ำซัดมาเจ้าตัวก็วิ่งหนีขึ้นมาที่ที่น้ำซัดมาไม่ถึง
คริสรีบวางกระเป๋าที่ขนลงมาจากรถแทนพ่อกับแม่เข้ามาในบ้านแล้วก็ต้องรีบตามเด็กตัวน้อยที่ถลาวิ่งไปทางทะเล แล้วก็ยิ่งใจหายเมื่อเด็กน้อยวิ่งลงไปหาคลื่นน้ำที่ลดระดับ จริงๆมันก็ไม่ได้ลดระดับเพียงแต่เป็นการดูดกลืนของคลื่นก่อนที่จะถาโถมซัดเข้ามาอีก ใจหายใจคว่ำถ้าหนูยอลวิ่งขึ้นมาไม่ทันแล้วโดนน้ำซัดไปจะเป็นอย่างไรนะ เมื่อถึงได้ถึงตรงนี้เสียงทุ้มก็ตะโกนเรียกเด็กน้อยทันที
“หนูยอล กลับมานี่เดี๋ยวนี้!!!” คริสวิ่งไปหยุดห่างจากเด็กน้อยในระยะที่แขนเอื้อมถึง เด็กน้อยหันกลับมายิ้มกว้างใส่ใบหน้าหล่อเหลาที่ดูบูดบึ้ง
“ทำไมละฮะ น้องหนูยอลอยากเล่นทะเล น้องหนูยอลไม่เคยมาทะเลเลยนะฮะ” ปากเล็กยื่นออกอย่างโดนขัดใจ แต่คริสก็ไม่ได้เล่นด้วย
“เดี๋ยวนี้น้องหนูยอลไม่ฟังพี่หนูคริสแล้วใช่ไหมคะ?” น้องหนูยอลผู้ที่ชื่นชอบการฟังคำพูดเพราะๆก็ยิ้มกว้าง แก้มกลมๆแดงเรื่อคล้ายดั่งผลไม้สุกทันที
“แต่ว่า...” แต่ก็ด้วยความรั้นที่ทำให้น้องหนูยอลเอ่ยขัด เจ้าตัวหันกลับไปหมายว่าจะเดินไปเล่นน้ำอีกสักทีแต่ด้วยเสียงนุ่มทุ้มที่เคยอ่อนโยนเสมอกลับดูเข้มจนหยดน้ำตาไหลรินก็ทำให้เด็กน้อยวิ่งกลับมาหาแทบไม่ทัน
“ถ้าอยากเล่นน้ำก็ไป แต่พี่จะไม่อยู่กับเราแล้วนะ” คริสก้มลงอุ้มเด็กน้อยที่สะอื้นจนตัวโยนขึ้นมากอดแล้วลูบหลังปลอบ
“ไม่ร้องนะคะคนเก่ง” หนูยอลกอดรอบคอของคนอุ้มไว้แน่น เสียงร้องสะอื้นดังบาดหูของคนอุ้ม คริสพาเด็กขี้แยกลับขึ้นบ้าน
“อือ....” กลับเข้ามาในบ้านแล้ว นั่งลูบหัว ลูบหลังเช็ดน้ำตาให้ก็แล้วแต่เด็กน้อยก็ยังไม่ยอมหยุดร้องไห้จนใบหน้าแดงไปหมดแล้ว
“หยุดได้แล้วนะคะคนเก่งของพี่หนูคริส เดี๋ยวแดดล่มกว่านี้พี่จะพาไปเล่นน้ำนะคะ”
“พี่หนูคริสจะอยู่กับน้องหนูยอลใช่ไหมฮะ จะไม่ทิ้งน้องหนูยอลใช่ไหมฮะ” ถามไปก็สะอื้นไปจนแทบจะจับใจความไม่ได้
“ครับ ไม่ไปไหนครับ จะอยู่กับหนูยอลครับ” แล้วเด็กน้อยก็ยอมหยุดร้องไห้และยิ้มออก แค่เพียงได้ยินว่าจะไม่อยู่ด้วยแล้วหัวใจมันก็เหมือนกับกำลังจะสลายไปเลย สงสัยน้องหนูยอลกำลังจะเป็นโรคหัวใจ
“แต่พี่หนูคริสดุน้องหนูยอล พี่หนูคริสไม่รักน้องหนูยอลแล้ว” หยดน้ำตาเม็ดกลมถูกปลายนิ้วเรียวเช็ดปาดออกให้ก่อนที่จะก้มลงจูบซับที่แก้มแดงเรื่อนั้นสองข้าง
“พี่เป็นห่วงเรามากเลยนะรู้ไหม อย่าไปเล่นทะเลคนเดียวอีก มันอันตรายมากถ้าพี่ไปไม่ทันแล้วพี่หาเราไม่เจอจะทำยังไงหื้ม?” น้องหนูยอลสะอื้นฮักๆแล้วก้มหน้าลงสำนึกผิด
“น้องหนูยอลขอโทษฮะ น้องหนูยอลจะไม่ทำอีกแล้ว” คริสลูบหัวของเด็กน้อยแล้วโยกเบาๆ
“รู้ก็ดีแล้วครับ”
พอแดดเริ่มจางไอร้อนลงไป คริสก็จับทั้งตัวเองและเด็กน้อยเปลี่ยนเสื้อผ้าเสียใหม่ ร่างสูงยาวนั้นสวมเสื้อกล้ามสีขาวกับกางเกงยาวแค่เข่าสีดำ ส่วนของหนูยอลนั้นก็สวมเสื้อยืดสีเขียวและกางเกงยาวเลยเข่าสีดำ คริสไม่ลืมที่จะทาครีมกันแดดสำหรับเด็กให้หนูยอลด้วย เพราะกลัวว่าไอแดดที่ยังคงเหลือจะเผาผิวขาวนวลนี่ไปเสียก่อน เมื่อทาครีมกันแดดเรียบร้อยก็ถึงเวลาที่จะได้ลงเล่นทะเล!!
“ว๊ากกกกก... ฮ่าๆๆๆ” คริสช้อนอุ้มตัวหนูยอลแล้ววิ่งลงน้ำ เจ้าตัวที่โดนเหวี่ยงก็ร้องโวยวายเสียงดังแต่แล้วก็หัวเราะอย่างสนุกสนานไปตามเรื่องตามราว
“พี่หนูคริสอย่าโยนน้องหนูยอลลงน้ำนะ!!” เจ้าตัวเล็กโวยวายใหญ่เมื่อพี่ชายตัวโตทำท่าจะเหวี่ยงตัวเองลงน้ำ น้ำที่สูงแค่เอว ...... คนอุ้ม แต่คนโดนอุ้มน่ะมิดหัว
“ไหนใครบอกว่าอยากเล่นน้ำ” ก้มหน้าลงเสียแทบชิดกับใบหน้าของเด็กน้อยที่กำลังทำปากยื่น
“ถ้าพี่หนูคริสโยนน้องหนูยอลลงน้ำ น้องหนูยอลจะโกรธ จะโป้งแล้วก็จะงอนด้วย!!” เจ้าตัวเล็กยกแขนขึ้นกอดอกก่อนที่จะถลึงตาใส่เมื่ออ้อมแขนยาวจะเหวี่ยงตัวเองอีกครั้ง “แล้วก็จะฟ้องพี่กวางกับพี่เปาให้จัดการพี่หนูคริสด้วย!!”
“แล้วจะเล่นน้ำยังไงหื้ม? จะให้พี่เปียกคนเดียวหรือคะ?” น้องหนูยอลยิ้มกว้างแล้วพยักหน้ารับรัวๆ
“พี่หนูคริสก็อุ้มน้องยอลเล่นน้ำสิฮะ~ นะ~~~” เมื่อโดนพลังโมเอ้แอ็คแท็คเข้าไปคนที่จะแกล้งเขาก็น็อคเอ้าท์กลางอากาศเสียเลย
“อ่า.... งั้นเอาแค่ขาแตะน้ำแล้วกันเนอะ” เมื่อเจ้าตัวเล็กในอ้อมแขนพยักหน้า คริสก็เปลี่ยนท่าช้อนตัวอุ้มเป็นช้อนแขนใต้ข้อพับขาและล็อตตัวนิ่มๆของเด็กน้อยให้ชิดอก ปลายขาเรี่ยแตะผิวน้ำ หนูยอลตีขากับน้ำเบาๆอย่างสนุก เสียงหัวเราะใส่ดังลั่นชายหาด
“พี่หนูคริสฮะ~” ตีขาเล่นน้ำอยู่ดีๆ เจ้าตัวก็เอ่ยเสียงหวานพร้อมกับเอี้ยวตัวขึ้นมามอง คริสแย้มยิ้มแล้วยักคิ้วขึ้นสูงเพื่อรอฟังคนตัวเล็กในอ้อมแขน
“ถ้าน้องหนูยอลโตแล้ว ตัวสูงๆแล้ว .... พี่หนูคริสจะทิ้งให้น้องหนูยอลเล่นทะเลคนเดียวไหมฮะ จะอุ้มน้องหนูยอลเล่นน้ำแบบนี้ไหมฮะ” ดวงตากลมแป๋วแหว๋วเรียกอาการเขินประหม่าจากคนมองได้เต็มสูบ
“แน่นอน ต่อให้จะตัวโตกว่านี้แค่ไหนก็จะอุ้มเล่นน้ำแบบนี้แล้วก็จะไม่ให้ลงเล่นน้ำคนเดียวด้วยครับ” แค่นี้ล่ะคนถามก็เขินอายม้วนหันหน้ากลับไปตีขากับน้ำเล่นดังเดิม
เมื่อตีขาเล่นน้ำจนเหนื่อยแล้วคริสก็พาเด็กน้อยมานั่งก่อกองทรายริมคลื่นน้ำ หนูยอลกำลังมีความสุขกับการเอากองทรายมาทับถมกัน คนพาเด็กมาเที่ยวก็มัวแต่ยิ้มกับเด็กน้อยที่กำลังเล่นสนุก ผู้ที่มาเที่ยวเดินผ่านไปผ่านมาก็อดที่จะมองและยิ้มตามไม่ได้ ด้วยเสียงหัวเราะใสๆของหนูยอลก็ทำเอาบริเวณรอบข้างอบอุ่นและมีความสุขมากขึ้นไปอีกหลายเท่าตัว
คิ้วเล็กขมวดมุ่นแล้วหันมองรอบๆ แม้ว่าหาดทรายนี้จะไม่ค่อยมีคนพลุกพล่านเท่าไห่ แต่สายตาของหญิงสาวทั้งหลายที่หันมามองพี่ชายข้างกายที่ช่วยตนก่อกองทรายก็ทำให้ตัวเองไม่สบอารมณ์และเผลอไปลงแรงกับกองทรายเหล่านั้นจนมันพังลง ใบหน้าน่ารักมุ่ยลงพร้อมกับยกแขนขึ้นกอดอกแน่น สะบัดหน้าหนีดวงตาคมที่ทอดมองมา ขอบอกไว้ตอนนี้เลยว่า น้องหนูยอลกำลังอารมณ์ไม่ดี!! มากๆเลยด้วย!!
"เป็นอะไรครับคนเก่ง" คริสละมือจากกองทรายเช็ดเข้ากับเสื้อส่วนที่ไม่เปียกแล้วก็ลูบหัวของเด็กน้อยที่อยู่ๆก็อารมณ์เสียเบาๆ
"ไม่ใช่คนเก่ง น้องหนูยอลไม่อยากเป็นคนเก่ง น้องหนูยอลจะเป็นน้องหนูยอลของพี่หนูคริส!" หันมาสะบัดหน้าใส่ด้วยอีกแน่ะ
"น้องหนูยอลเป็นอะไรคะ ไหนบอกพี่หนูคริสสิ" แขนยาวช้อนอุ้มเด็กน้อยขึ้นมาแนบอกก่อนที่จะถามด้วยน้ำเสียงละมุน สองมือเล็กขย้ำเสื้อของคนตรงหน้าก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นมอง ดวงตาใสเอ่อคลอไปด้วยม่านน้ำ
"น้องหนูยอลไม่ชอบให้ใครมองพี่หนูคริส พี่หนูคริสเป็นของน้องหนูยอลคนเดยีวนะ น้องหนูยอลต้องมีสิทธิ์มองได้คนเดียวสิ" เมื่อได้ยินคำพูดของเด็กน้อย ใจหนึ่งเจ้าตัวก็อยากขำแต่รู้ว่าถ้าหลุดออกมาอาจจะโดนโกรธยาว คริสก็เลยได้แค่ระบายยยิ้มออกมาแล้วกอดรัดร่างในอ้อมแขนนี้
"ก็เป็นของน้องหนูยอลคนเดียวอยู่แล้วนิคะ ไม่เห็นจะต้องสนใจคนอื่นเลย อยากให้มองก็มองไปสิเพราะยังไงพี่ก็เป็นของน้องหนูยอลคนเดียว ... หยุดร้องไห้นะคะแล้วมาเล่นทรายกันต่อดีกว่า"
“อึก... พี่หนูคริสเป็นของน้องหนูยอลคนเดียวนะ .. แล้ว.... ถ้าน้องหนูยอลขอแต่งงานพี่หนูคริสจะยอมแต่งงานกับน้องหนูยอลไหม” อู้ย.. ไวไฟไปไหม แต่ก็นะไม่ทันได้คิดหรอกพยักหน้าตอบตกลงไปแล้ว
“จะเรียกสินสอดเท่าไหร่ดีน้า~~” คริสยกตัวของหนูยอลขึ้นแล้วไถหน้าเข้ากับแผ่นอกเล็กๆของเด็กน้อยให้พอได้จั๊กกะจี้
“คิๆๆ เท่าไหร่ก็ให้ฮะ คุณแด๊ดของน้องหนูยอลใจดี ... คิๆๆ พี่หนูคริสอ่า น้องหนูยอลจั๊กกะจี้”
ผมว่าไม่ต้องหรอกสินสอด หลักประกันทรัพย์เถอะ ... ช่วยผมออกจากตารางได้ก็พอแล้ว *น้ำตาไหลพราก* ไม่เอาข้าวผัดกับโอเลี้ยงนะ ขอของหวานที่ผมชอบก็แล้วกันนะครับ *ทรุด น้ำตาไหล กอดซี่ลูกกรง/มโนภาพเอง*
หลังจากที่เล่นกองทรายได้อีกสักพัก คุณลุงก็ออกมาตามทั้งสองให้เข้ามาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนที่จะเป็นหวัดกันไปเสียก่อน อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าน่ะไม่เท่าไหร่ แต่คำสั่งของมารดานี่สิ "พาน้องไปอาบน้ำด้วยกันสิลูก" และด้วยคำสั่งนั้นก็ทำให้ชายหนุ่มผู้ที่ภูมิต้านทานต่ำ(ต่อเด็กในห้องน้ำ)ต้องมายืนเดินวนไปวนมาอยู่หน้าห้องน้ำนี่ไงล่ะ ...เอาไงดีละทีนี้...
“พี่หนูคริส น้องหนูยอลหนาวแล้ว~” แล้วเสียงเรียกจากคนด้านในก็พาลให้คนด้านนอกสะดุ้งโหยงอย่างไม่ได้ตั้งใจ สติสะตังหลุดหมดแล้ว พระเจ้าคุ้มครองผมด้วยตอนนี้สถานการณ์ล่อแหลมขั้นวิกฤต ขาก้าวเข้าตารางแล้วหนึ่งก้าว
“เข้าไปเดี๋ยวนี้ล่ะครับ” สูดลมหายใจเฮือกใหญ่ๆก่อนที่จะค่อยๆเปิดประตูห้องน้ำเข้าไป เด็กตัวขาวที่ถูกห่อด้วยผ้าขนหนูผืนใหญ่สีชมพูลายคิตตี้นั้นยืนหนาวสั่นเป็นเจ้าเข้ากลางห้องน้ำ
“เดี๋ยวแช่น้ำในอ่างกันเนอะ” ถึงจะพูดไปอย่างนั้นแต่ก็รู้สึกผวาไม่น้อยเมื่อเด็กตัวน้อยทำท่าจะปลดผ้าที่คลุมตัวออก สองแขนยาวโอบรอบตัวเด็กน้อยไว้แล้วอุ้มขึ้นแนบอกเปลือยของตนทันที ผ้าขนหนูที่พันไว้รอบเอวนั้นถูกมัดแน่นหนาอย่างดีกลัวว่าจะหลุดออกมาเสียก่อน คริสก้าวยาวๆไปเปิดน้ำใส่อ่างอาบน้ำสีขาวพร้อมกับบีบสบู่ลงในอ่างเยอะๆแล้วตีให้เกิดฟองหนาที่สุดเท่าที่จะมีได้ ก่อนที่จะดึงผ้าที่คลุมร่างหนูยอลออกแล้วหย่อนตัวของเด็กน้อยลงในอ่าง
“อ๊า~ น้ำเย็นจังเลย~” เด็กน้อยเมื่อเจอน้ำเย็นๆกับฟองสบู่สีขาวนุ่มๆก็เล่นเพลินลืมคนที่นั่งเกาะขอบอ่างไปเลย คริสถอนหายใจอีกเฮือกใหญ่ คิดไว้ว่าจะอาบน้ำให้เจ้าเด็กแสนซนนี่เสียก่อนตนจึงค่อยอาบ แต่แล้วอยู่ๆเด็กน้อยก็ยื่นแขนมาตรงหน้าทำเอาคนที่ก้มหน้าถอนหายใจสะดุ้งเฮือก(อีกรอบ)
“ขะ..ขะ... ขา?” ก็ขานรับธรรมดาแต่ทำไมเสียงถึงสั่นแบบนี้ฟะกู?
“ขาที่ไหน นี่แขนน้องหนูยอลนะ พี่หนูคริสแก่แล้วเหรอถึงสายตาไม่ดี” นั่นโดนเข้าไปหนึ่งดอก คนหนึ่งก็พยายามจะเลี่ยง อีกคนก็พยายามจะยัดเยียดตารางให้เหลือเกิน ก็ไมได้อะไรแต่พออยู่ใกล้ทีไรรู้สึกเหมือนจะได้เข้าไปนอนคุกทุกที เกิดเป็นคริสนี่มันลำบากจริงๆ
“ถูแขนอาบน้ำให้น้องหนูยอลหน่อยสิฮะ” นั่นไงเอฟเฟคมาพร้อมดวงตากลมๆและรอยยิ้มกว้างๆ มองกี่ทีก็น่ารักน่าฟัด! เอ๊อะ ฟัดไม่ได้เดี๋ยวเข้าตาราง
“นะฮะ~” เมื่อเห็นว่าพี่ชายตัวโตทำท่าจะไม่ยอมอาบน้ำให้ตนก็เพิ่มออฟชั่นเสริมด้วยการทำเสียงหวาน ตาโตแล้วยิ้มเข้าประจบ แล้วคนที่กำลังเสี่ยงคุกเสี่ยงตารางก็คอตกตกปากรับคำจนได้
“ครับ อาบก็อาบครับ” ห้องกรงอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมจริงๆ
กว่าที่จะอาบน้ำเสร็จก็นานอยู่ที่เดียว แต่อาบน้ำให้เจ้าตัวเล็กน่ะไม่นานหรอกอุ้มออกมาใส่เสื้อผ้าก็แปบเดียวเพราะเจ้าตัวเขาใส่เสื้อผ้าเองได้ คริสเลยปลีกตัวกลับเข้ามาอาบน้ำตนอีกที กว่าที่จะยืนข่มใจได้ก็นานพอดู ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเป็นอะไร ใจมันเต้นรัวๆคล้ายดั่งกลองแซมบ้า อยู่ๆไอ้ภาพในหัวที่มโนขึ้นมาก็แบบเสี่ยงคุกแน่ๆอ่ะ กว่าที่จะเอาสายน้ำเย็นๆดับความคิดบ้าๆในหัวได้ก็นานอยู่นะ ไม่รู้สิว่าตัวเองนั้นเป็นอะไร รู้แต่เด็กตัวน้อยที่ดูท่าจะไม่มีพิษภัยนั้น โคตรอันตรายเลย!! อันตรายต่ออนาตคที่เสี่ยงตารางมาก
“เด็กมันก็ยังเด็กนะ มึงเป็นบ้าอะไรวะ” คริสขยี้ผมเผ้าจนยุ่งเหยิงก่อนที่จะเอาหัวโขกผนังห้องน้ำไปสักที ปล่อยให้สายน้ำจากฝักบัวไหลรดความคิดออกจากหัวให้หมด
เด็กก็เหมือนกับผ้าสีขาว หากแม้นเราจะเติมแต่งสีอะไรลงไปก็ได้ เพราะผ้าขาวนั้นแสนสะอาด เขาจะซึมซับและรับมันไปโดยไม่รู้ตัว ถ้าเราเติมสิ่งดีๆให้ เขาก็จะเติบโตมาเป็นคนดีและจดจำแต่สิ่งดีๆที่เราเติมใส่ลงไป แต่ถ้าเราเติมสีขุ่นมัวลงไป เราก็จะซึมซับมันไป ผ้าขาวแสนอ่อนบางก็เหมือนกับเด็กที่เปราะบาง สะอาดและบางเหมือนแก้วใสๆหนึ่งใบที่พร้อมจะรับสิ่งเต็มเติม
แต่ผมก็ไม่อยากเข้าคุกนะเอาจริงๆ …. ถึงจะอยากแกล้งให้ร้องไห้ก็เถอะ
หรือจะลองเสี่ยงตารางดูสักครั้งดีวะ?
หลังจากทำสมาธิอยู่นานคริสก็ออกจากห้องน้ำ พอเปิดประตูห้องน้ำมาก็สะดุ้งโหยงกับเด็กน้อยตัวเล็กที่นั่งอยู่ปลายเตียงแล้วส่งยิ้มมาให้ คริสเดินเลี่ยงไปหยิบเสื้อผ้าที่ตู้เสื้อผ้าที่แขวนไว้ก่อนอาบน้ำก่อนที่จะกลับเข้าห้องน้ำไปใส่เสื้อผ้าแต่พอหันหลังมาก็ไม่เจอกับเด็กน้อยที่นั่งอยู่ตรงปลายเตียงเสียแล้ว แต่แล้วก็ไม่ต้องรอนานเมื่อคำตอบกำลังยืนกระตุกผ้าขนหนูที่พันเอวอยู่นี่
“พี่หนูคริสเป็นอะไรไปฮะ” ถามไปก็กระตุก คริสก็คว้าหมับเข้าที่ปมผ้า ไม่ได้หรอกเดี๋ยวหลุด ถ้าหลุดขึ้นมาล่ะบรรลัยแน่ๆ
“เอ่อ...อย่างดึงครับ พี่ไม่ได้เป็นอะไรครับ จริงๆนะ” หนูยอลแบะปากแล้วส่ายหน้าแต่มือก็ยังไม่ยอมปล่อยชายผ้าขนหนู
“พี่หนูคริสโกหก พี่หนูคริสไม่ชอบอาบน้ำให้น้องหนูยอลเหรอฮะ? หรือว่าน้องหนูยอลไม่น่ารักเหรอ?” เอียงน้อยเอียงคอถามพร้อมกับยกนิ้วชี้ข้างที่ว่างขึ้นมาแตะที่ริมฝีปาก ท่าโมเอ้ทำลายล้าง!!! (อันนี้คริสแอบตั้งอยู่ในใจ)
“เอ่อ... ไม่ใช่อย่างนั้น น่ารักที่สุดแล้วครับคนนี้อ่ะ” เมื่อให้เจ้าตัวห่างปลายผ้าเช็ดตัวไม่ได้คริสก็ตัดสินใจอุ้มเด็กน้อยขึ้นแนบอกเสียเลย เมื่ออยู่ในระดับเดียวกันหนูยอลก็วาดสองมือโอบรอบคอแล้วเอียงหน้าซบเข้ากับไหล่ของคนอุ้มทันที
“ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้ก็อาบน้ำกับน้องยอลนะฮะ ไม่ใช่แค่พรุ่งนี้แต่เป็นทุกวันเลยนะฮะ” เป็นคำขอที่โคตรทรมานใจ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้
“ครับ”
“เย้! พี่หนูคริสน่ารักจังเลย~~” หนูยอลชูมือทำท่าดีใจแต่คนตกปากรับคำน่ะคอตก หูลู่ หางตกไปแล้ว หนูยอลยิ้มกว้างแล้วจุ๊บแรงๆเป็นรางวัลให้พี่ชายตัวโตที่ยอมตามใจ ไม่ว่าจะเมื่อไหร่หรือตอนไหนถ้าพี่หนูคริสตามใจน้องหนูยอลล่ะก็ .. ก็จะได้รางวัลแบบนี้เสียทุกครั้ง ก็ไม่อยากจะบอกว่าตอนอุ้มเล่นน้ำน่ะพี่หนูคริสได้จุ๊บไปหลายทีเลยน้า~
“เดี๋ยวพี่ใส่เสื้อผ้าก่อนนะครับแล้วลงไปกินข้าวกันนะ”
“รับทราบฮะ!!” แล้วเจ้าตัวดีก็วิ่งไปนั่งรออยู่ที่ปลายเตียงเช่นเดิม ดีที่เตียงตั้งไม่สูงมากเด็กน้อยก็เลยขึ้นไปได้แม้จะต้องโน้มตัวนอนราบกับที่นอนแล้วค่อยๆกระดึ๊บๆขึ้นเตียงก็เหอะ แลดูเหมือนหนอนตัวน้อยยามกระดึ๊บๆเลยนะ
อาหารมื้อเย็นนี้เป็นอาหารทะเลที่พ่อกับแม่ของคริสไปซื้อมาจากร้านอาหารดังในย่านนี้เลยเพื่อที่จะเอาใจเด็กตัวน้อยที่กลายมาเป็นสมาชิกในครอบครัวตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ใครทุกคนก็คอยตามใจและเจ้าตัวเองก็เอาแต่ใจคอยอยากให้พี่ชายตัวโตดูแล กุ้งตัวโตๆที่ถูกแกะเปลือกแล้ววางอยู่ในจานตรงหน้าของเด็กน้อยแต่เจ้าตัวก็ยังไม่พอใจอ้าปากรอรับเนื้อกุ้งคำโตๆนั้นจากพี่ชายตัวโตข้างกาย
แก้มกลมๆป่องออกยามที่เจ้าตัวเคี้ยวตุ้ยๆ ใบหน้าของสองสามีภรรยาที่มองแล้วก็ยิ้มเอ็นดูคล้ายดั่งตัวเองนั้นมีลูกชายตัวน้อยขี้อ้อนเพิ่มเข้ามาอีกหนึ่งคน เนื้อปูขาวนวลก็ถูกป้อนให้เด็กน้อยที่ยิ้มกว้าง ตาโตเป็นประกายกับรสชาติของอาหารที่อร่อยถูกปากที่สุด แถมยังมีคนป้อนหน้าตาดีอีกด้วยนะเออ..
หลังจากจัดการกับอาหารทะเลตรงหน้าหมดหนูยอลก็ถูกคุณพ่อคุณแม่อุ้มขึ้นไปนั่งเล่นในห้องนอน ทิ้งให้ลูกชายตัวโตยืนล้างจานอยู่คนเดียวที่ห้องครัว ล้างจานชามไปก็หนีบมือถือคุยกับแก๊งเพื่อนไป พอเล่าว่าวันีน้เล่นน้ำกับเจ้าตัวเล็ก ปลายสายก็บ่นกระปอดกระแปดร่ำไห้ว่าอยากมาด้วยเสียอย่างนั้น
“อะไรของพวกมึงน่ะ” คริสส่ายหน้าเบา อย่างอ้อนใจ จะส่ายหน้ามากก็ได้ก็เอาคอหนีบโทรศัพท์อยู่นินา สองมือก็ล้างจานไป ปากก็คุยกับเพื่อนที่ทำตัวง๊องแง๊งไป
...ก็มึงอ่ะ กูก็อยากไปเล่นน้ำบ้างนะ เนี่ยทำรายงานเหนื่อยชิบเลยมึง...
“ไอ้ลู่มึงอย่ามาพูดมาก ไม่ได้อยากเล่นน้ำบ้างอยากมาเล่นกับน้องหนูยอลล่ะมากกว่า” ว่าแล้วเจ้าตัวก็หัวเราะเสียงดังจนคนที่กำลังเดินเข้ามาในห้องครัสสะดุ้งตกใจ พี่หนูคริสบ้า! อยู่ๆก็เสียงดัง!!
...เออก็แบบนั้นล่ะ แล้วนี่น้องเขาอยู่ไหนวะอยากคุยด้วยอ่ะ...
“อยู่บนห้องนอนพ่อกับแม่น่ะ นี่กูยืนล้างจานอยู่นะเนี่ย” ยังไม่ทันได้อะไรไปถึงไหนเลยเสียงเล็กๆก็ดังขึ้นขัดบทสนทนาเสียแล้ว “พี่หนูคริสพูดไม่เพราะ!!! น้องหนูยอลจะโป้งแล้วนะ!!” คริสหันไปมองด้านหลังอย่างตกใจ เด็กน้อยตัวเล็กยืนกอดอกทำสีหน้าบูดบึ้ง
“โอ๋ๆ ขอโทษครับพี่หนูคริสจะไม่พูดไม่เพราะแล้วครับนะ ... หายงอนนะคะคนดี” คริสเช็ดมือกับผ้าเช็ดมือก่อนที่จะวางมือถือไว้บนซิงก์ล้างจานแล้วตัวเองก็เดินมาลงนั่งยองๆพร้อมกับส่งนิ้วก้อยให้
“น้องหนูยอลไม่เป็นคนดี น้องหนูยอลจะเป็นน้องหนูยอลของพี่คริสคนเดียว” ดวงตากลมฉายแววไม่พอใจพร้อมกับปากที่แบะออก
“ครับๆ เป็นคนเดียวของพี่ครับ ตอนนี้หายงอนแล้วเนอะ” หนูยอลยิ้มกว้างก่อนที่จะเกี่ยวนิ้วก้อยเล็กกับนิ้วก้อยยาวๆที่กระดิกรออยู่ตรงหน้า
“เดี๋ยวคุยกับพี่ลู่นะครับ ล้างจานเสร็จเราจะได้ขึ้นไปนอนกันนะ” หยิบมือถือส่งให้เด็กน้อยเสร็จก็กลับมายืนล้างจานต่อ หนูยอลก็ถือไอโฟนเครื่องใหญ่นั้นไว้ด้วยสองมือแล้วก็คุยทักทายกับปลายสายที่คาดว่าคืนนี้ก็คงจะนั่งโต้รุ่งทำงานอยู่เช่นเดิม
ครคิสล้างมือให้เรียบร้อยหลังจากล้างจานเสร็จก็หยิบผ้าเช็ดมือขึ้นมาซับน้ำจากมือ แรงกระตุกที่ขาเรียกให้ตนต้องก้มลงมอง เด็กตัวน้อยยืนทำหน้าง่วงขยี้ตาเงยหน้าขึ้นมอง โทรศัพท์ในมือก็วางสายไปแล้วคาดว่าคงกล่าวราตรีสวัสดิ์กันแล้วเรียบร้อย คริสหยิบมือถือมาเก็บใส่กระเป๋ากางเกงก่อนที่จะอุ้มเด็กน้อยขึ้น สองมือโอบรอบลำคอยาวเช่นเดิม หัวกลมๆพิงซบกับไหล่หนา
“ฝันดีนะฮะพี่หนูคริส น้องหนูยอลรักพี่หนูคริสที่สุดเลย” แอบจุ๊บแก้มของคนอุ้มไปหนึ่งที และเพียงไม่นานหนูยอลก็หลับคาไหล่
“ฝันดีครับ” แล้วคริสก็ก้มลงจูบที่กระหม่อมเล็กเบาๆก่อนที่จะเดินไปตรวจเช็ดกลอนประตูและปิดไฟก่อนขึ้นไปห้องนอน
เตียงหลังไม่ใหญ่สีขาวสะอาดที่มีแม่บ้านคอยมาดูแลให้เป็นประจำรับร่างสูงใหญ่ของบุตรชายเจ้าของบ้านและมีเด็กน้อยนอนอยู่ข้างกาย ผ้าห่มผืนหนาสีขาวเช่นเดียวกับผ้าปูที่นอนถูกยกขึ้นห่มกายเด็กตัวน้อยที่หลับปุ๋ยไปเสียแล้ว คริสค่อยๆพลิกกายนอนตะแคงข้างแล้วเท้าหัวไว้กับแขนที่ตั้งยัน มองใบหน้าของเด็กน้อยยามหลับ พียงแค่มองก็วาดรอยยิ้มได้อีกแล้ว เปลือกตาที่ปิดดวงตากลมแสนประกาย จมูกเล็กๆ แก้มกลมสองข้าว ผิวละเอียดขาวนวล กลีบปากเล็กสีสด ...
คริสค่อยๆก้มลงแตะสัมผัสที่กลีบปากสีเชอร์รี่คู่นั้น แตะค้างไว้เพียงคู่ก่อนที่จะขยับชิมเนื้อนุ่มนั่งเสียหนึ่งที ปลายนิ้วเรียวไล้แก้มกลมของหนูยอลแผ่วเบา แล้วริมฝีปากบางคู่เดิมก็ละจากกลีบเนื้อนุ่มมาเป็นแก้มกลมๆ กลิ่นแป้งเด็กลอยแตะจมูกคาดว่าคุณแม่คงจะทาให้ก่อนนอน ริมฝีปากคู่นั้นไล้ไปยังปลายจมูกเล็กๆแล้วขึ้นไปยังเปลือกตาที่ปิดสนิททั้งสองข้างก่อนที่จะวกกลับมาบรรจบที่ริมฝีปากช่างจำนรรจาคู่นั้น ดูดลิ้มชิมอีกครั้งก่อนที่จะผละออกมานอนทับแขนมองใบหน้ายามหลับของเด็กตัวน้อย หัวใจเต้นระส่ำรัวเร็วเสียยิ่งกว่ากลองเสียอีก รัวเสียอย่างกับจะออกมานอกอกเสียให้ได้
“ฝันดีครับเจ้าตัวเล็กของพี่” และเปลือกตาหนาก็ปิดลง ไม่นานห้วงนิทราฝันก็เข้าครอบงำคนที่ระบายยิ้มมุมปากทั้งสองข้าง ห้วงฝันไออุ่นและกลิ่นกายหอมแป้งเด็กที่คลอเคล้าเพรียกให้คืนนั้นคนขี้เซานอนฝันดีทั้งคืน
ตอนนี้ดองรัวๆๆๆๆๆ มาก ฮือออออออออ เราติดหนัง T T อย่าทำอะไรเรานะ แง๊~~~~
สารภาพบาป *นั่งกุมมือ* เราติดหนังมาก ฮือออออ ตื่นมาก็ดูทั้งวันเลย
ดูท่าแล้วทุกคนชอบโชตะเนอะ อิอิ เราก็ชอบ =w= ชอบน้องหนูยอลอ่ะ บอกแล้วว่าทุกคนจะต้องรักน้องหนูยอลกับพี่หนูคริสของเรา อิอิ #ค่อดอวยตัวเองเลยจ้า
ตอนนี้ร้อนมากถึงมากที่สุด ...... หน้าหนาวมันอยู่ตรงไหนกันนะ?
___________________________
“อย่าไปรบกวนพี่เขามากนะคะน้องหนูยอล” เสียงของมารดาเอ่ยบอกทำให้แก้มกลมๆพองออกใส่มารดาที่เดินมาส่งที่หน้าบ้านของเพื่อนบ้านข้างเคียง
“น้องหนูยอลไม่ได้รบกวนพี่หนูคริสนะ! น้องหนูยอลมาชวนพี่คริสเล่นตั้งหาก~~” ว่าแล้วคนที่มาชวนพี่ชายข้างบ้านตัวโตเล่นก็วิ่งแถ่ดๆเข้าไปในบ้านเมื่อคุณป้าเจ้าของบ้านเดินมาเปิดประตูเหล็กรอรับ เมื่อวิ่งเข้ามาก็เจอเข้ากับคุณลุงที่นั่งหลังตรงอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ที่โซฟา
“คุณลุงฮะ น้องหนูยอลมาแล้ว~~” คุณลุงที่แสร้งเก๊กขรึมว่าไม่ได้รอท่าการมาของเด็กตัวน้อยวางหนังสือพิมพ์ลงข้างตัวแล้วอุ้มเด็กตัวเล็กมากอดรัดฟัดเหวี่ยง
“คิกคิก .. ชื่นใจไหมฮะคุณลุง” เด็กน้อยหัวเราะคิกคักน่ารักและก็ได้การหอมแก้มจากคุณลุงไปหนึ่งฟอดใหญ่
“ไปปลุกคนขี้เซาทีนะลูกนะ เดี๋ยวเราจะได้ไปเที่ยวกัน” เมื่อได้ยินคำว่าเที่ยวเด็กน้อยก็ร้องเย้เสียลั่นล้านแล้วกระดึ๊บๆลงจากตักของคุณลุงก่อนที่จะปีนบันไดขึ้นไปยังชั้นบน
ด้วยเพราะน้องหนูยอลตัวเล็กกว่าที่จะปีนขึ้นบันไดมาได้ก็นานหลายนาทีอยู่ แล้วยิ่งลูกบิดที่ไม่ได้สูงเกิดเอื้อมแต่พอยืดตัวแล้วก็ไม่มีแรงจะหมุนลูกบิดนั่นอีก น้องหนูยอลก็เลยมีตัวช่วยเป็นเก้าอี้ตัวเล็กสีชมพูลายคิตตี้!! หนูยอลยิ้มกว้างแล้ววางเก้าอี้ที่คุณลุงซื้อมาให้วางลงหน้าประตูแล้วปีนขึ้นไป เมื่อความสูงพอเหมาะแล้วก็หมุนลูกบิดประตูเข้าห้องนอนที่มีไอเย็นลอยออกมา
หนูยอลเดินเข้ามาในห้องพร้อมกับเก้าอี้ประจำตัวที่ไว้ใช้ปีนเพื่อเปิดประตูห้องและปีนขึ้นเตียงเพื่อปลุกคนขี้เซา พี่หนูคริสของตนนั้นกำลังนอนหงายหลับตาพริ้มแค่นี้คนมาปลุกก็ยิ้มกว้างอย่างถูกใจ ผมแกละสองข้างที่ติดกิ๊บสีชมพูเอียงซ้ายที ขวาทีอย่างนึกสนุก เมื่อปีนขึ้นไปบนเตียงได้แล้วเด็กตัวน้อยก็ทิ้งตัวลงนอนทับคนที่กำลังหลับสนิททันที
“เฮ้ย!!!” เมื่อก้มลงเห็นแล้วว่าใครมาปลุกสองแขนที่โอบร่างเล็กไว้ก็กระชับกอดก่อนที่จะพลิกตัวลงนอนตะแคงโดยให้เด็กน้อยผมแกละลงนอนที่พื้นเตียง คริสยกแขนขึ้นเท้าหัวแล้วมองเด็กน้อยที่นอนอยู่ใกล้ๆ
“อรุณสวัสดิ์ฮะพี่หนูคริส วันนี้ก็ขี้เซาอีกแล้ว ไม่ดีๆ” เสียงใสๆเอ่ยเจื้อยแจ้วจนคนมองอดไม่ได้ที่จะยื่นปลายนิ้วมาบีบจมูกเล็กๆนั้น
“งื้อ~ พี่หนูคริสแกล้งน้องหนูยอลทำไม~~” เสียงพูดอู้อี้ก็ดูน่ารักไม่หยอกเช่นกัน เมื่อคริสปล่อยจมูกเล็กนั้นแล้วเจ้าตัวดีก็ลุกขึ้นนอนคว่ำ ใช้สองมือเท้าคางแล้วมองใบหน้ายามเพิ่งตื่นของพี่ชายตัวโต ดวงตากลมที่ส่อแววระยิบดั่งดวงดาวท่ามกลางเวิ้งทะเล รอยยิ้มหวานๆที่ดันแก้มให้กลมออก คริสยื่นหน้าเข้าไปจุ๊บที่หน้าผากมนเบาๆ
“ก็ถ้าไม่ขี้เซาจะมีใครมาปลุกไหมน้า~” น้องหนูยอลตีขาตัวเองสลับข้างไปมากับที่นอนแล้วเอียงหัวไปซ้าย มาขวาทั้งๆที่นอนคว่ำเท้าคางไว้แบบนั้น
“น้องหนูยอลจะปลุกพี่หนูคริสทุกเช้าเลย~ เพราะน้องหนูยอลตื่นก่อนที่หนูคริสอยู่แล้ว” แล้วก็ตบท้ายด้วยเสียงหัวเราะใสๆของเจ้าตัว ถ้าในยามปกติแล้วข้างกายก็จะต้องมีเด็กตัวเล็กๆนอนอยู่ด้วยแต่เมื่อคืนนั้นทั้งเด็กน้อยและคุณมี้กับคุณแด๊ดต้องไปงานเลี้ยง เพราะฉะนั้นคนปลุกก็เลยต้องขึ้นมาปลุกเอาแบบนี้
“รอนี่ก่อนนะครับเดี๋ยวพี่จะไปอาบน้ำก่อนนะ” เด็กน้อยพยักหน้ารับแล้วกลิ้งไปลงนอนแทนพี่ชายตัวโตที่ลุกออกจากเตียงไปอาบน้ำในห้องน้ำ
“งื้อ~” เมื่อหนูยอลกลิ้งมานอนบนหมอนที่ยังคงไอกรุ่นด้วยกลิ่นเย็นอ่อนจางๆ เด็กยน้อยก็เขินแก้มแดงกลิ้งเอาหน้าซุกลงกับหมอนแล้วตีขาพั่บๆแก้อาการเขินอาย
เพียงไม่นานคนถูกปลุกก็อุ้มคนมาปลุกเดินลงมาข้างล่างที่ตอนนี้มื้อเช้าพร้อมแล้ว ซุปร้อนๆกับสำรับอาหารถูกจัดวางไว้เรียบร้อยแล้ว คริสอุ้มหนูยอลให้ลงนั่งที่เก้าอี้เด็กตัวพิเศษข้างตัวที่คุณพ่อใจดีรีบซื้อมาเปลี่ยนให้ใหม่เลยเมื่อเห็นว่ามีแขกประจำที่น่ารักน่าหยิกของบ้านปรากฏตัว
“น้องหนูยอลไม่กินผัก~” ปากเล็กเชิดขึ้นแล้วหันหน้าหนีผักสีเขียวๆที่พี่ชายตัวโตคีบป้อน บนโต๊ะอาหารนี้น้องหนูยอลแทบราวกับราชินีที่มีพี่หนูคริสเป็นคนป้อนอาหารโดยที่เจ้าตัวได้แต่นั่งยิ้มแล้วอ้าปากรับอาหารมาเคี้ยวแล้วกลืนเท่านั้น บ้านนี้ก็โอ๋เด็กตัวน้อยกันทั้งบ้านล่ะนะ ดูอย่างคุณลุงสิเอาแต่คีบชิ้นเนื้อไก่เล็กๆให้พอดีคำมาป้อน คุณป้าก็เป่าน้ำซุปร้อนๆให้พออุ่นแล้วป้อนเด็กน้อยที่อารมณ์ดี
“ไม่ได้ครับ ไหนใครน้า~ บอกว่าอยากโตไวๆ” หนูยอลย่นจมูกใส่แล้วค่อยๆรับปลายชิ้นผักเข้าปากแล้วค่อยๆกินทีละนิดๆคล้ายกับกระต่ายค่อยๆแทะผักอย่างไรอย่างนั้นเลย
“ถ้าน้องหนูยอลตัวโตล่ะพี่หนูคริสไม่อุ้มล่ะน่าดู!” คาดโทษไว้อย่างนั้น แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไมสามผู้ใหญ่ถึงได้หัวเราะเฮฮาครื้นเครงจนคนคาดโทษอมลมเสียแก้มป่อง
เมื่อได้ฤกษ์งามยามดีคนทั้งบ้านก็พร้อมใจกันขึ้นมานั่งบนรถยนต์คันสวยทันที โดยมีคุณลุงเป็นคนขับ ขนาบข้างด้วยคุณปาที่เตรียมของกินมาเต็มตะกร้าที่หน้าตัก เบาะหลังก็ถูกจับจองโดยลูกชายตัวโตและเด็กน้อยตัวเล็กที่นั่งเล่นโทรศัพท์กับพี่ชายตัวใหญ่ที่เสียสละตักให้หนูยอลนั่งเล่น
...ทำไมไปไม่ชวนเลยอ่ะ พี่เปาจะงอนแล้วนะ~... เสียงของอีกฝั่งดังลอดออกจากมากวีดีโอคอล และตามด้วยเสียงบ่นงุ้งงิ้งของเหล่าเพื่อนที่เหลือ ...พี่ฮุนก็อยากไปด้วยนะ...
“คิๆ เดี๋ยวน้องหนูยอลซื้อของฝากมาให้นะฮะ แต่วันนี้น้องหนูยอลจะไปเล่นน้ำทะเลกับพี่หนูคริสก่อนนะฮะ”
...เอาเยอะๆเลยนะ เอาขนมด้วยนะเดี๋ยวพี่กวางกับพี่แดรอกินนะจ๊ะ... เด็กน้อยหัวเราะคิกคัก ส่วนเจ้าของเครื่องก็ได้แต่ส่ายหน้ากับเพื่อนตัวเองอยู่ด้านหลังหนูน้อย ...ให้พี่หนูคริสของหนูออกเงินนะ เราห้ามควักเองนะ พี่แดจะบอกให้...
“แน่นอนฮะ น้องหนูยอลไม่ยอมจ่ายหรอกเพราะพี่หนูคริสต้องเลี้ยงหนูน้องยอล เนอะพี่หนูคริส~~”หันมาถามเสียงหวานจ๋อยจนคนโดนถามเกิดอาการใจเต้นรัว เออก็นะ.. อย่ามาน่ารักมากได้ป่ะล่ะครับ!!
“จ๊ะๆ เลี้ยงจ๊ะเลี้ยง” แล้วฝั่งโน้นกับเด็กฝั่งนี้ก็หัวเราะกันเกรี้ยว ท่าว่าไอ้เสือผู้โดดเดี่ยวจะมีคู่ก็คราวนี้ล่ะวะ!!! คนหล่อทั้งสี่ฟันธง!!!
“น้องหนูยอลกินขนมไหมลูก” คุณป้ายื่นห่อขนมมาให้แล้วเด็กน้อยก็คว้ารับไว้อย่างไวว่อง
“ขอบคุณฮะคุณป้าคนสวย พี่หนูคริสแกะป้อนน้องหนูยอลหน่อย” คริสส่งไอโฟนให้เจ้าตัวเล็กถือแล้วตนก็แกะห่อขนมนั้นมาป้อนเด็กน้อยที่ยิ้มกว้างๆอยู่บนตัก การกระทำเหล่านั้นอยู่ในสายตาของเพื่อนผู้สังเกตการณ์หมดแล้ว ทั้งสี่คนหันมามองหน้าสบตากัน สงสัยต้องเตรียมหลักทรัพย์ไว้ไปประกันตัวมันออกจากตารางเสียแล้วพวกกู
กินขนม คุยวีดีโอคอลได้ไม่นานเจ้าตัวน้อยก็ค่อยๆสิ้นฤทธิ์ นอนคอพับคออ่อนอยู่บนอกของคนที่ให้นั่งพิงเสียแล้ว คริสประคองร่างของเด็กน้อยไว้ให้ดีๆก่อนที่จะรับผ้าห่มผืนน้อยจากคุณแม่มาห่มคลุมให้เด็กสิ้นฤทธิ์ ไอแอร์เย็นๆไม่สามารถระคายผิวนิ่มของเด็กในอ้อมแขนได้เลย เจ้าตัวดีนอนพิงหน้ากับที่นอนอุ่นๆแล้วยิ้มกริ่มคล้ายดั่งฝันดี
เมื่อรถยนต์แล่นเข้าสู่นอกเมือง สองข้างทางก็เต็มไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ หนูยอลก็ลืมตาตื่นขึ้นแล้วขยับพลิกตัว คริสที่นั่งเอาแขนเท้ากระจกมองทัศนียภาพนอกรถก็ก้มลงมายิ้มให้เด็กน้อยที่นั่งทำตาแป๋ว สองแขนสอดอุ้มให้เด็กน้อยข้ามตักมายืนชิดหน้าต่างรถแล้วเกาะกระจกดูด้านนอกกัน สองมือจับไว้ที่เอวของเด็กน้อยกันเจ้าตัวเสียหลัก คริสพิงหน้าไว้กับแขนนิ่มของเด็กน้อยยื่นหน้าแปะกระจกมองข้างนอกอย่างสนใจ คริสชี้นิ้วอธิบายไปเรื่อยเปื่อย ทั้งต้นไม้ใบหญ้า ท้องฟ้า หมู่นกกา เจ้าตัวเล็กก็อารมณ์ขันเสียจริงหัวเราะงอคว่ำงอหงาย ก็ไม่เข้าใจว่าขำอะไร
“พี่หนูคริส น้องหนูยอลหัวเราะเหนื่อย” คริสยิ้มแล้วละมือหนึ่งไปรับขวดน้ำที่เปิดฝาแล้วมาจากมารดาของตนที่ส่งมาให้ จับขวดและถือปลายหลอดจ่อที่กลีบปากสีสดนั้นเพื่อป้อนให้เด็กตัวน้อยที่ว่าหัวเราะจนเหนื่อย
“เดี๋ยวถ้าถึงบ้านพักแล้วพ่อกับแม่จะเข้าตลาดนะ ดูแลน้องด้วยล่ะคริส” เสียงของบิดาเอ่ยขึ้นพร้อมกับมองที่กระจกส่องหลัง คริสหันกลับไปยิ้มผ่านทางกระจกและรับคำ เช่นนั้นคุณพ่อถึงได้ยิ้มได้ ก็ลูกตัวเล็กสุดที่รักเลยนิเนอะ~ ใครบ้างนะที่มาเห็นเด็กตัวเล็กๆนี้แล้วจะไม่รักกันน่ะ
“คุณลุงฮะซื้อขนมมาฝากน้องหนูยอลด้วยนะฮะ~ น้องหนูยอลอยากกินสายไหม~~” หันมายิ้มกว้าง ทำตาโตใส่สารถีเสียนี่
“ได้เลยจ๊ะ เดี๋ยวคุณลุงจะหาซื้อมาให้เยอะๆเลยนะจ๊ะ~” เชื่อเถอะว่าถ้าแถวนี้ไม่มีสายไหม คุณท่านแกก็ยอมที่จะขับรถไปไกลๆเพื่อซื้อสายไหมแน่นอน
“เย้~ รักคุณลุงที่สุดเลย~~” เด็กน้อยยกสองมือชูขึ้นสูงแล้วหัวเราะคิกคัก คริสอุ้มเด็กน้อยให้กลับมาลงนั่งที่ตักเหมือนเดิม
“แล้วพี่หนูคริสล่ะครับ” หนูยอลลุกขึ้นยืนเหยียบบนหน้าขาของพี่ชายตัวโตแล้วใช้สองมือเล็กๆของตัวเองวางแนบแก้มของอีกคนไว้ ใบหน้าหล่อเหลาที่ยังคงระบายยิ้มอ่อนๆ
“น้องหนูยอลรักพี่หนูคริสที่สุดของที่สุดเลยฮะ!~” แล้วเจ้าตัวดีก็กอดพี่ชายตัวโตแก้เขินไปซะ ใบหน้าน่ารักซุกลงกับซอกคอของคนที่แกล้งถาม แล้วตอนนี้เด็กน้อยก็เขินอายจนหน้าแดงสุกใสดูน่ารักน่าหยอกเสียแล้ว
“ว๊า~ แค่รักที่สุดของที่สุดเองเหรอครับ? พี่อุตส่าห์รักเราคนเดียวเลยนะ” ออกจะดูตอแหลไปสักหน่อย แต่ก็เอาเถอะผู้ชายตัวโตๆอย่างคริสมาจีบปากจีบคอแกล้งเด็กตาแป๋วนี้ก็ดูไม่ดีเท่าไหร่ แต่เวลาที่เห็นแก้มใส่นั้นแดงเรื่อแล้วมันน่ารักนะจะบอกให้
“งื้อ... ไม่เอาๆ น้องหนูยอลจะพูดใหม่ น้องหนูยอลรักพี่หนูคริสคนเดียวที่สุดของที่สุดเลยฮะ!” พูดเองแล้วก็เขินเอง เจ้าตัวถึงได้ซุกหน้าฝังลงกับซอกคอของคนขี้แกล้ง เสียงหัวเราะทุ้มในลำคอดังเอื่อยพร้อมกับกอดรัดเด็กน้อยเอาไว้ จะว่าไปแก้มกลมๆเวลาแดงจัดแล้วก็น่ากัดอยู่เหมือนกัน
บ้านไม้หลังไม่ใหญ่มากสีขาวล้วนทั้งหลังถูกสร้างไว้ห่างจากท้องทะเลไม่ไกลมากนัก ส่วนของระเบียงยื่นยาวลงไปยังหาดทรายสีนวล เด็กตัวน้อยก็วิ่งลงไปเหยียบย่ำพื้นทรายนอกตัวบ้านทันทีโดยที่ไม่รอใครเลยยามที่คริสปล่อยให้หนูน้อยลงยืนกับพื้นบ้าน หนูยอลวิ่งหัวเราะร่าไปยังคลื่นน้ำที่กระทบเข้ากับหาดทรายแล้วลองเอาปลายเท้าแตะดู ยามที่น้ำลดตัวน้อยก็วิ่งลงไปแตะน้ำ พอคลื่นน้ำซัดมาเจ้าตัวก็วิ่งหนีขึ้นมาที่ที่น้ำซัดมาไม่ถึง
คริสรีบวางกระเป๋าที่ขนลงมาจากรถแทนพ่อกับแม่เข้ามาในบ้านแล้วก็ต้องรีบตามเด็กตัวน้อยที่ถลาวิ่งไปทางทะเล แล้วก็ยิ่งใจหายเมื่อเด็กน้อยวิ่งลงไปหาคลื่นน้ำที่ลดระดับ จริงๆมันก็ไม่ได้ลดระดับเพียงแต่เป็นการดูดกลืนของคลื่นก่อนที่จะถาโถมซัดเข้ามาอีก ใจหายใจคว่ำถ้าหนูยอลวิ่งขึ้นมาไม่ทันแล้วโดนน้ำซัดไปจะเป็นอย่างไรนะ เมื่อถึงได้ถึงตรงนี้เสียงทุ้มก็ตะโกนเรียกเด็กน้อยทันที
“หนูยอล กลับมานี่เดี๋ยวนี้!!!” คริสวิ่งไปหยุดห่างจากเด็กน้อยในระยะที่แขนเอื้อมถึง เด็กน้อยหันกลับมายิ้มกว้างใส่ใบหน้าหล่อเหลาที่ดูบูดบึ้ง
“ทำไมละฮะ น้องหนูยอลอยากเล่นทะเล น้องหนูยอลไม่เคยมาทะเลเลยนะฮะ” ปากเล็กยื่นออกอย่างโดนขัดใจ แต่คริสก็ไม่ได้เล่นด้วย
“เดี๋ยวนี้น้องหนูยอลไม่ฟังพี่หนูคริสแล้วใช่ไหมคะ?” น้องหนูยอลผู้ที่ชื่นชอบการฟังคำพูดเพราะๆก็ยิ้มกว้าง แก้มกลมๆแดงเรื่อคล้ายดั่งผลไม้สุกทันที
“แต่ว่า...” แต่ก็ด้วยความรั้นที่ทำให้น้องหนูยอลเอ่ยขัด เจ้าตัวหันกลับไปหมายว่าจะเดินไปเล่นน้ำอีกสักทีแต่ด้วยเสียงนุ่มทุ้มที่เคยอ่อนโยนเสมอกลับดูเข้มจนหยดน้ำตาไหลรินก็ทำให้เด็กน้อยวิ่งกลับมาหาแทบไม่ทัน
“ถ้าอยากเล่นน้ำก็ไป แต่พี่จะไม่อยู่กับเราแล้วนะ” คริสก้มลงอุ้มเด็กน้อยที่สะอื้นจนตัวโยนขึ้นมากอดแล้วลูบหลังปลอบ
“ไม่ร้องนะคะคนเก่ง” หนูยอลกอดรอบคอของคนอุ้มไว้แน่น เสียงร้องสะอื้นดังบาดหูของคนอุ้ม คริสพาเด็กขี้แยกลับขึ้นบ้าน
“อือ....” กลับเข้ามาในบ้านแล้ว นั่งลูบหัว ลูบหลังเช็ดน้ำตาให้ก็แล้วแต่เด็กน้อยก็ยังไม่ยอมหยุดร้องไห้จนใบหน้าแดงไปหมดแล้ว
“หยุดได้แล้วนะคะคนเก่งของพี่หนูคริส เดี๋ยวแดดล่มกว่านี้พี่จะพาไปเล่นน้ำนะคะ”
“พี่หนูคริสจะอยู่กับน้องหนูยอลใช่ไหมฮะ จะไม่ทิ้งน้องหนูยอลใช่ไหมฮะ” ถามไปก็สะอื้นไปจนแทบจะจับใจความไม่ได้
“ครับ ไม่ไปไหนครับ จะอยู่กับหนูยอลครับ” แล้วเด็กน้อยก็ยอมหยุดร้องไห้และยิ้มออก แค่เพียงได้ยินว่าจะไม่อยู่ด้วยแล้วหัวใจมันก็เหมือนกับกำลังจะสลายไปเลย สงสัยน้องหนูยอลกำลังจะเป็นโรคหัวใจ
“แต่พี่หนูคริสดุน้องหนูยอล พี่หนูคริสไม่รักน้องหนูยอลแล้ว” หยดน้ำตาเม็ดกลมถูกปลายนิ้วเรียวเช็ดปาดออกให้ก่อนที่จะก้มลงจูบซับที่แก้มแดงเรื่อนั้นสองข้าง
“พี่เป็นห่วงเรามากเลยนะรู้ไหม อย่าไปเล่นทะเลคนเดียวอีก มันอันตรายมากถ้าพี่ไปไม่ทันแล้วพี่หาเราไม่เจอจะทำยังไงหื้ม?” น้องหนูยอลสะอื้นฮักๆแล้วก้มหน้าลงสำนึกผิด
“น้องหนูยอลขอโทษฮะ น้องหนูยอลจะไม่ทำอีกแล้ว” คริสลูบหัวของเด็กน้อยแล้วโยกเบาๆ
“รู้ก็ดีแล้วครับ”
พอแดดเริ่มจางไอร้อนลงไป คริสก็จับทั้งตัวเองและเด็กน้อยเปลี่ยนเสื้อผ้าเสียใหม่ ร่างสูงยาวนั้นสวมเสื้อกล้ามสีขาวกับกางเกงยาวแค่เข่าสีดำ ส่วนของหนูยอลนั้นก็สวมเสื้อยืดสีเขียวและกางเกงยาวเลยเข่าสีดำ คริสไม่ลืมที่จะทาครีมกันแดดสำหรับเด็กให้หนูยอลด้วย เพราะกลัวว่าไอแดดที่ยังคงเหลือจะเผาผิวขาวนวลนี่ไปเสียก่อน เมื่อทาครีมกันแดดเรียบร้อยก็ถึงเวลาที่จะได้ลงเล่นทะเล!!
“ว๊ากกกกก... ฮ่าๆๆๆ” คริสช้อนอุ้มตัวหนูยอลแล้ววิ่งลงน้ำ เจ้าตัวที่โดนเหวี่ยงก็ร้องโวยวายเสียงดังแต่แล้วก็หัวเราะอย่างสนุกสนานไปตามเรื่องตามราว
“พี่หนูคริสอย่าโยนน้องหนูยอลลงน้ำนะ!!” เจ้าตัวเล็กโวยวายใหญ่เมื่อพี่ชายตัวโตทำท่าจะเหวี่ยงตัวเองลงน้ำ น้ำที่สูงแค่เอว ...... คนอุ้ม แต่คนโดนอุ้มน่ะมิดหัว
“ไหนใครบอกว่าอยากเล่นน้ำ” ก้มหน้าลงเสียแทบชิดกับใบหน้าของเด็กน้อยที่กำลังทำปากยื่น
“ถ้าพี่หนูคริสโยนน้องหนูยอลลงน้ำ น้องหนูยอลจะโกรธ จะโป้งแล้วก็จะงอนด้วย!!” เจ้าตัวเล็กยกแขนขึ้นกอดอกก่อนที่จะถลึงตาใส่เมื่ออ้อมแขนยาวจะเหวี่ยงตัวเองอีกครั้ง “แล้วก็จะฟ้องพี่กวางกับพี่เปาให้จัดการพี่หนูคริสด้วย!!”
“แล้วจะเล่นน้ำยังไงหื้ม? จะให้พี่เปียกคนเดียวหรือคะ?” น้องหนูยอลยิ้มกว้างแล้วพยักหน้ารับรัวๆ
“พี่หนูคริสก็อุ้มน้องยอลเล่นน้ำสิฮะ~ นะ~~~” เมื่อโดนพลังโมเอ้แอ็คแท็คเข้าไปคนที่จะแกล้งเขาก็น็อคเอ้าท์กลางอากาศเสียเลย
“อ่า.... งั้นเอาแค่ขาแตะน้ำแล้วกันเนอะ” เมื่อเจ้าตัวเล็กในอ้อมแขนพยักหน้า คริสก็เปลี่ยนท่าช้อนตัวอุ้มเป็นช้อนแขนใต้ข้อพับขาและล็อตตัวนิ่มๆของเด็กน้อยให้ชิดอก ปลายขาเรี่ยแตะผิวน้ำ หนูยอลตีขากับน้ำเบาๆอย่างสนุก เสียงหัวเราะใส่ดังลั่นชายหาด
“พี่หนูคริสฮะ~” ตีขาเล่นน้ำอยู่ดีๆ เจ้าตัวก็เอ่ยเสียงหวานพร้อมกับเอี้ยวตัวขึ้นมามอง คริสแย้มยิ้มแล้วยักคิ้วขึ้นสูงเพื่อรอฟังคนตัวเล็กในอ้อมแขน
“ถ้าน้องหนูยอลโตแล้ว ตัวสูงๆแล้ว .... พี่หนูคริสจะทิ้งให้น้องหนูยอลเล่นทะเลคนเดียวไหมฮะ จะอุ้มน้องหนูยอลเล่นน้ำแบบนี้ไหมฮะ” ดวงตากลมแป๋วแหว๋วเรียกอาการเขินประหม่าจากคนมองได้เต็มสูบ
“แน่นอน ต่อให้จะตัวโตกว่านี้แค่ไหนก็จะอุ้มเล่นน้ำแบบนี้แล้วก็จะไม่ให้ลงเล่นน้ำคนเดียวด้วยครับ” แค่นี้ล่ะคนถามก็เขินอายม้วนหันหน้ากลับไปตีขากับน้ำเล่นดังเดิม
เมื่อตีขาเล่นน้ำจนเหนื่อยแล้วคริสก็พาเด็กน้อยมานั่งก่อกองทรายริมคลื่นน้ำ หนูยอลกำลังมีความสุขกับการเอากองทรายมาทับถมกัน คนพาเด็กมาเที่ยวก็มัวแต่ยิ้มกับเด็กน้อยที่กำลังเล่นสนุก ผู้ที่มาเที่ยวเดินผ่านไปผ่านมาก็อดที่จะมองและยิ้มตามไม่ได้ ด้วยเสียงหัวเราะใสๆของหนูยอลก็ทำเอาบริเวณรอบข้างอบอุ่นและมีความสุขมากขึ้นไปอีกหลายเท่าตัว
คิ้วเล็กขมวดมุ่นแล้วหันมองรอบๆ แม้ว่าหาดทรายนี้จะไม่ค่อยมีคนพลุกพล่านเท่าไห่ แต่สายตาของหญิงสาวทั้งหลายที่หันมามองพี่ชายข้างกายที่ช่วยตนก่อกองทรายก็ทำให้ตัวเองไม่สบอารมณ์และเผลอไปลงแรงกับกองทรายเหล่านั้นจนมันพังลง ใบหน้าน่ารักมุ่ยลงพร้อมกับยกแขนขึ้นกอดอกแน่น สะบัดหน้าหนีดวงตาคมที่ทอดมองมา ขอบอกไว้ตอนนี้เลยว่า น้องหนูยอลกำลังอารมณ์ไม่ดี!! มากๆเลยด้วย!!
"เป็นอะไรครับคนเก่ง" คริสละมือจากกองทรายเช็ดเข้ากับเสื้อส่วนที่ไม่เปียกแล้วก็ลูบหัวของเด็กน้อยที่อยู่ๆก็อารมณ์เสียเบาๆ
"ไม่ใช่คนเก่ง น้องหนูยอลไม่อยากเป็นคนเก่ง น้องหนูยอลจะเป็นน้องหนูยอลของพี่หนูคริส!" หันมาสะบัดหน้าใส่ด้วยอีกแน่ะ
"น้องหนูยอลเป็นอะไรคะ ไหนบอกพี่หนูคริสสิ" แขนยาวช้อนอุ้มเด็กน้อยขึ้นมาแนบอกก่อนที่จะถามด้วยน้ำเสียงละมุน สองมือเล็กขย้ำเสื้อของคนตรงหน้าก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นมอง ดวงตาใสเอ่อคลอไปด้วยม่านน้ำ
"น้องหนูยอลไม่ชอบให้ใครมองพี่หนูคริส พี่หนูคริสเป็นของน้องหนูยอลคนเดยีวนะ น้องหนูยอลต้องมีสิทธิ์มองได้คนเดียวสิ" เมื่อได้ยินคำพูดของเด็กน้อย ใจหนึ่งเจ้าตัวก็อยากขำแต่รู้ว่าถ้าหลุดออกมาอาจจะโดนโกรธยาว คริสก็เลยได้แค่ระบายยยิ้มออกมาแล้วกอดรัดร่างในอ้อมแขนนี้
"ก็เป็นของน้องหนูยอลคนเดียวอยู่แล้วนิคะ ไม่เห็นจะต้องสนใจคนอื่นเลย อยากให้มองก็มองไปสิเพราะยังไงพี่ก็เป็นของน้องหนูยอลคนเดียว ... หยุดร้องไห้นะคะแล้วมาเล่นทรายกันต่อดีกว่า"
“อึก... พี่หนูคริสเป็นของน้องหนูยอลคนเดียวนะ .. แล้ว.... ถ้าน้องหนูยอลขอแต่งงานพี่หนูคริสจะยอมแต่งงานกับน้องหนูยอลไหม” อู้ย.. ไวไฟไปไหม แต่ก็นะไม่ทันได้คิดหรอกพยักหน้าตอบตกลงไปแล้ว
“จะเรียกสินสอดเท่าไหร่ดีน้า~~” คริสยกตัวของหนูยอลขึ้นแล้วไถหน้าเข้ากับแผ่นอกเล็กๆของเด็กน้อยให้พอได้จั๊กกะจี้
“คิๆๆ เท่าไหร่ก็ให้ฮะ คุณแด๊ดของน้องหนูยอลใจดี ... คิๆๆ พี่หนูคริสอ่า น้องหนูยอลจั๊กกะจี้”
ผมว่าไม่ต้องหรอกสินสอด หลักประกันทรัพย์เถอะ ... ช่วยผมออกจากตารางได้ก็พอแล้ว *น้ำตาไหลพราก* ไม่เอาข้าวผัดกับโอเลี้ยงนะ ขอของหวานที่ผมชอบก็แล้วกันนะครับ *ทรุด น้ำตาไหล กอดซี่ลูกกรง/มโนภาพเอง*
หลังจากที่เล่นกองทรายได้อีกสักพัก คุณลุงก็ออกมาตามทั้งสองให้เข้ามาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนที่จะเป็นหวัดกันไปเสียก่อน อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าน่ะไม่เท่าไหร่ แต่คำสั่งของมารดานี่สิ "พาน้องไปอาบน้ำด้วยกันสิลูก" และด้วยคำสั่งนั้นก็ทำให้ชายหนุ่มผู้ที่ภูมิต้านทานต่ำ(ต่อเด็กในห้องน้ำ)ต้องมายืนเดินวนไปวนมาอยู่หน้าห้องน้ำนี่ไงล่ะ ...เอาไงดีละทีนี้...
“พี่หนูคริส น้องหนูยอลหนาวแล้ว~” แล้วเสียงเรียกจากคนด้านในก็พาลให้คนด้านนอกสะดุ้งโหยงอย่างไม่ได้ตั้งใจ สติสะตังหลุดหมดแล้ว พระเจ้าคุ้มครองผมด้วยตอนนี้สถานการณ์ล่อแหลมขั้นวิกฤต ขาก้าวเข้าตารางแล้วหนึ่งก้าว
“เข้าไปเดี๋ยวนี้ล่ะครับ” สูดลมหายใจเฮือกใหญ่ๆก่อนที่จะค่อยๆเปิดประตูห้องน้ำเข้าไป เด็กตัวขาวที่ถูกห่อด้วยผ้าขนหนูผืนใหญ่สีชมพูลายคิตตี้นั้นยืนหนาวสั่นเป็นเจ้าเข้ากลางห้องน้ำ
“เดี๋ยวแช่น้ำในอ่างกันเนอะ” ถึงจะพูดไปอย่างนั้นแต่ก็รู้สึกผวาไม่น้อยเมื่อเด็กตัวน้อยทำท่าจะปลดผ้าที่คลุมตัวออก สองแขนยาวโอบรอบตัวเด็กน้อยไว้แล้วอุ้มขึ้นแนบอกเปลือยของตนทันที ผ้าขนหนูที่พันไว้รอบเอวนั้นถูกมัดแน่นหนาอย่างดีกลัวว่าจะหลุดออกมาเสียก่อน คริสก้าวยาวๆไปเปิดน้ำใส่อ่างอาบน้ำสีขาวพร้อมกับบีบสบู่ลงในอ่างเยอะๆแล้วตีให้เกิดฟองหนาที่สุดเท่าที่จะมีได้ ก่อนที่จะดึงผ้าที่คลุมร่างหนูยอลออกแล้วหย่อนตัวของเด็กน้อยลงในอ่าง
“อ๊า~ น้ำเย็นจังเลย~” เด็กน้อยเมื่อเจอน้ำเย็นๆกับฟองสบู่สีขาวนุ่มๆก็เล่นเพลินลืมคนที่นั่งเกาะขอบอ่างไปเลย คริสถอนหายใจอีกเฮือกใหญ่ คิดไว้ว่าจะอาบน้ำให้เจ้าเด็กแสนซนนี่เสียก่อนตนจึงค่อยอาบ แต่แล้วอยู่ๆเด็กน้อยก็ยื่นแขนมาตรงหน้าทำเอาคนที่ก้มหน้าถอนหายใจสะดุ้งเฮือก(อีกรอบ)
“ขะ..ขะ... ขา?” ก็ขานรับธรรมดาแต่ทำไมเสียงถึงสั่นแบบนี้ฟะกู?
“ขาที่ไหน นี่แขนน้องหนูยอลนะ พี่หนูคริสแก่แล้วเหรอถึงสายตาไม่ดี” นั่นโดนเข้าไปหนึ่งดอก คนหนึ่งก็พยายามจะเลี่ยง อีกคนก็พยายามจะยัดเยียดตารางให้เหลือเกิน ก็ไมได้อะไรแต่พออยู่ใกล้ทีไรรู้สึกเหมือนจะได้เข้าไปนอนคุกทุกที เกิดเป็นคริสนี่มันลำบากจริงๆ
“ถูแขนอาบน้ำให้น้องหนูยอลหน่อยสิฮะ” นั่นไงเอฟเฟคมาพร้อมดวงตากลมๆและรอยยิ้มกว้างๆ มองกี่ทีก็น่ารักน่าฟัด! เอ๊อะ ฟัดไม่ได้เดี๋ยวเข้าตาราง
“นะฮะ~” เมื่อเห็นว่าพี่ชายตัวโตทำท่าจะไม่ยอมอาบน้ำให้ตนก็เพิ่มออฟชั่นเสริมด้วยการทำเสียงหวาน ตาโตแล้วยิ้มเข้าประจบ แล้วคนที่กำลังเสี่ยงคุกเสี่ยงตารางก็คอตกตกปากรับคำจนได้
“ครับ อาบก็อาบครับ” ห้องกรงอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมจริงๆ
กว่าที่จะอาบน้ำเสร็จก็นานอยู่ที่เดียว แต่อาบน้ำให้เจ้าตัวเล็กน่ะไม่นานหรอกอุ้มออกมาใส่เสื้อผ้าก็แปบเดียวเพราะเจ้าตัวเขาใส่เสื้อผ้าเองได้ คริสเลยปลีกตัวกลับเข้ามาอาบน้ำตนอีกที กว่าที่จะยืนข่มใจได้ก็นานพอดู ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเป็นอะไร ใจมันเต้นรัวๆคล้ายดั่งกลองแซมบ้า อยู่ๆไอ้ภาพในหัวที่มโนขึ้นมาก็แบบเสี่ยงคุกแน่ๆอ่ะ กว่าที่จะเอาสายน้ำเย็นๆดับความคิดบ้าๆในหัวได้ก็นานอยู่นะ ไม่รู้สิว่าตัวเองนั้นเป็นอะไร รู้แต่เด็กตัวน้อยที่ดูท่าจะไม่มีพิษภัยนั้น โคตรอันตรายเลย!! อันตรายต่ออนาตคที่เสี่ยงตารางมาก
“เด็กมันก็ยังเด็กนะ มึงเป็นบ้าอะไรวะ” คริสขยี้ผมเผ้าจนยุ่งเหยิงก่อนที่จะเอาหัวโขกผนังห้องน้ำไปสักที ปล่อยให้สายน้ำจากฝักบัวไหลรดความคิดออกจากหัวให้หมด
เด็กก็เหมือนกับผ้าสีขาว หากแม้นเราจะเติมแต่งสีอะไรลงไปก็ได้ เพราะผ้าขาวนั้นแสนสะอาด เขาจะซึมซับและรับมันไปโดยไม่รู้ตัว ถ้าเราเติมสิ่งดีๆให้ เขาก็จะเติบโตมาเป็นคนดีและจดจำแต่สิ่งดีๆที่เราเติมใส่ลงไป แต่ถ้าเราเติมสีขุ่นมัวลงไป เราก็จะซึมซับมันไป ผ้าขาวแสนอ่อนบางก็เหมือนกับเด็กที่เปราะบาง สะอาดและบางเหมือนแก้วใสๆหนึ่งใบที่พร้อมจะรับสิ่งเต็มเติม
แต่ผมก็ไม่อยากเข้าคุกนะเอาจริงๆ …. ถึงจะอยากแกล้งให้ร้องไห้ก็เถอะ
หรือจะลองเสี่ยงตารางดูสักครั้งดีวะ?
หลังจากทำสมาธิอยู่นานคริสก็ออกจากห้องน้ำ พอเปิดประตูห้องน้ำมาก็สะดุ้งโหยงกับเด็กน้อยตัวเล็กที่นั่งอยู่ปลายเตียงแล้วส่งยิ้มมาให้ คริสเดินเลี่ยงไปหยิบเสื้อผ้าที่ตู้เสื้อผ้าที่แขวนไว้ก่อนอาบน้ำก่อนที่จะกลับเข้าห้องน้ำไปใส่เสื้อผ้าแต่พอหันหลังมาก็ไม่เจอกับเด็กน้อยที่นั่งอยู่ตรงปลายเตียงเสียแล้ว แต่แล้วก็ไม่ต้องรอนานเมื่อคำตอบกำลังยืนกระตุกผ้าขนหนูที่พันเอวอยู่นี่
“พี่หนูคริสเป็นอะไรไปฮะ” ถามไปก็กระตุก คริสก็คว้าหมับเข้าที่ปมผ้า ไม่ได้หรอกเดี๋ยวหลุด ถ้าหลุดขึ้นมาล่ะบรรลัยแน่ๆ
“เอ่อ...อย่างดึงครับ พี่ไม่ได้เป็นอะไรครับ จริงๆนะ” หนูยอลแบะปากแล้วส่ายหน้าแต่มือก็ยังไม่ยอมปล่อยชายผ้าขนหนู
“พี่หนูคริสโกหก พี่หนูคริสไม่ชอบอาบน้ำให้น้องหนูยอลเหรอฮะ? หรือว่าน้องหนูยอลไม่น่ารักเหรอ?” เอียงน้อยเอียงคอถามพร้อมกับยกนิ้วชี้ข้างที่ว่างขึ้นมาแตะที่ริมฝีปาก ท่าโมเอ้ทำลายล้าง!!! (อันนี้คริสแอบตั้งอยู่ในใจ)
“เอ่อ... ไม่ใช่อย่างนั้น น่ารักที่สุดแล้วครับคนนี้อ่ะ” เมื่อให้เจ้าตัวห่างปลายผ้าเช็ดตัวไม่ได้คริสก็ตัดสินใจอุ้มเด็กน้อยขึ้นแนบอกเสียเลย เมื่ออยู่ในระดับเดียวกันหนูยอลก็วาดสองมือโอบรอบคอแล้วเอียงหน้าซบเข้ากับไหล่ของคนอุ้มทันที
“ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้ก็อาบน้ำกับน้องยอลนะฮะ ไม่ใช่แค่พรุ่งนี้แต่เป็นทุกวันเลยนะฮะ” เป็นคำขอที่โคตรทรมานใจ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้
“ครับ”
“เย้! พี่หนูคริสน่ารักจังเลย~~” หนูยอลชูมือทำท่าดีใจแต่คนตกปากรับคำน่ะคอตก หูลู่ หางตกไปแล้ว หนูยอลยิ้มกว้างแล้วจุ๊บแรงๆเป็นรางวัลให้พี่ชายตัวโตที่ยอมตามใจ ไม่ว่าจะเมื่อไหร่หรือตอนไหนถ้าพี่หนูคริสตามใจน้องหนูยอลล่ะก็ .. ก็จะได้รางวัลแบบนี้เสียทุกครั้ง ก็ไม่อยากจะบอกว่าตอนอุ้มเล่นน้ำน่ะพี่หนูคริสได้จุ๊บไปหลายทีเลยน้า~
“เดี๋ยวพี่ใส่เสื้อผ้าก่อนนะครับแล้วลงไปกินข้าวกันนะ”
“รับทราบฮะ!!” แล้วเจ้าตัวดีก็วิ่งไปนั่งรออยู่ที่ปลายเตียงเช่นเดิม ดีที่เตียงตั้งไม่สูงมากเด็กน้อยก็เลยขึ้นไปได้แม้จะต้องโน้มตัวนอนราบกับที่นอนแล้วค่อยๆกระดึ๊บๆขึ้นเตียงก็เหอะ แลดูเหมือนหนอนตัวน้อยยามกระดึ๊บๆเลยนะ
อาหารมื้อเย็นนี้เป็นอาหารทะเลที่พ่อกับแม่ของคริสไปซื้อมาจากร้านอาหารดังในย่านนี้เลยเพื่อที่จะเอาใจเด็กตัวน้อยที่กลายมาเป็นสมาชิกในครอบครัวตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ใครทุกคนก็คอยตามใจและเจ้าตัวเองก็เอาแต่ใจคอยอยากให้พี่ชายตัวโตดูแล กุ้งตัวโตๆที่ถูกแกะเปลือกแล้ววางอยู่ในจานตรงหน้าของเด็กน้อยแต่เจ้าตัวก็ยังไม่พอใจอ้าปากรอรับเนื้อกุ้งคำโตๆนั้นจากพี่ชายตัวโตข้างกาย
แก้มกลมๆป่องออกยามที่เจ้าตัวเคี้ยวตุ้ยๆ ใบหน้าของสองสามีภรรยาที่มองแล้วก็ยิ้มเอ็นดูคล้ายดั่งตัวเองนั้นมีลูกชายตัวน้อยขี้อ้อนเพิ่มเข้ามาอีกหนึ่งคน เนื้อปูขาวนวลก็ถูกป้อนให้เด็กน้อยที่ยิ้มกว้าง ตาโตเป็นประกายกับรสชาติของอาหารที่อร่อยถูกปากที่สุด แถมยังมีคนป้อนหน้าตาดีอีกด้วยนะเออ..
หลังจากจัดการกับอาหารทะเลตรงหน้าหมดหนูยอลก็ถูกคุณพ่อคุณแม่อุ้มขึ้นไปนั่งเล่นในห้องนอน ทิ้งให้ลูกชายตัวโตยืนล้างจานอยู่คนเดียวที่ห้องครัว ล้างจานชามไปก็หนีบมือถือคุยกับแก๊งเพื่อนไป พอเล่าว่าวันีน้เล่นน้ำกับเจ้าตัวเล็ก ปลายสายก็บ่นกระปอดกระแปดร่ำไห้ว่าอยากมาด้วยเสียอย่างนั้น
“อะไรของพวกมึงน่ะ” คริสส่ายหน้าเบา อย่างอ้อนใจ จะส่ายหน้ามากก็ได้ก็เอาคอหนีบโทรศัพท์อยู่นินา สองมือก็ล้างจานไป ปากก็คุยกับเพื่อนที่ทำตัวง๊องแง๊งไป
...ก็มึงอ่ะ กูก็อยากไปเล่นน้ำบ้างนะ เนี่ยทำรายงานเหนื่อยชิบเลยมึง...
“ไอ้ลู่มึงอย่ามาพูดมาก ไม่ได้อยากเล่นน้ำบ้างอยากมาเล่นกับน้องหนูยอลล่ะมากกว่า” ว่าแล้วเจ้าตัวก็หัวเราะเสียงดังจนคนที่กำลังเดินเข้ามาในห้องครัสสะดุ้งตกใจ พี่หนูคริสบ้า! อยู่ๆก็เสียงดัง!!
...เออก็แบบนั้นล่ะ แล้วนี่น้องเขาอยู่ไหนวะอยากคุยด้วยอ่ะ...
“อยู่บนห้องนอนพ่อกับแม่น่ะ นี่กูยืนล้างจานอยู่นะเนี่ย” ยังไม่ทันได้อะไรไปถึงไหนเลยเสียงเล็กๆก็ดังขึ้นขัดบทสนทนาเสียแล้ว “พี่หนูคริสพูดไม่เพราะ!!! น้องหนูยอลจะโป้งแล้วนะ!!” คริสหันไปมองด้านหลังอย่างตกใจ เด็กน้อยตัวเล็กยืนกอดอกทำสีหน้าบูดบึ้ง
“โอ๋ๆ ขอโทษครับพี่หนูคริสจะไม่พูดไม่เพราะแล้วครับนะ ... หายงอนนะคะคนดี” คริสเช็ดมือกับผ้าเช็ดมือก่อนที่จะวางมือถือไว้บนซิงก์ล้างจานแล้วตัวเองก็เดินมาลงนั่งยองๆพร้อมกับส่งนิ้วก้อยให้
“น้องหนูยอลไม่เป็นคนดี น้องหนูยอลจะเป็นน้องหนูยอลของพี่คริสคนเดียว” ดวงตากลมฉายแววไม่พอใจพร้อมกับปากที่แบะออก
“ครับๆ เป็นคนเดียวของพี่ครับ ตอนนี้หายงอนแล้วเนอะ” หนูยอลยิ้มกว้างก่อนที่จะเกี่ยวนิ้วก้อยเล็กกับนิ้วก้อยยาวๆที่กระดิกรออยู่ตรงหน้า
“เดี๋ยวคุยกับพี่ลู่นะครับ ล้างจานเสร็จเราจะได้ขึ้นไปนอนกันนะ” หยิบมือถือส่งให้เด็กน้อยเสร็จก็กลับมายืนล้างจานต่อ หนูยอลก็ถือไอโฟนเครื่องใหญ่นั้นไว้ด้วยสองมือแล้วก็คุยทักทายกับปลายสายที่คาดว่าคืนนี้ก็คงจะนั่งโต้รุ่งทำงานอยู่เช่นเดิม
ครคิสล้างมือให้เรียบร้อยหลังจากล้างจานเสร็จก็หยิบผ้าเช็ดมือขึ้นมาซับน้ำจากมือ แรงกระตุกที่ขาเรียกให้ตนต้องก้มลงมอง เด็กตัวน้อยยืนทำหน้าง่วงขยี้ตาเงยหน้าขึ้นมอง โทรศัพท์ในมือก็วางสายไปแล้วคาดว่าคงกล่าวราตรีสวัสดิ์กันแล้วเรียบร้อย คริสหยิบมือถือมาเก็บใส่กระเป๋ากางเกงก่อนที่จะอุ้มเด็กน้อยขึ้น สองมือโอบรอบลำคอยาวเช่นเดิม หัวกลมๆพิงซบกับไหล่หนา
“ฝันดีนะฮะพี่หนูคริส น้องหนูยอลรักพี่หนูคริสที่สุดเลย” แอบจุ๊บแก้มของคนอุ้มไปหนึ่งที และเพียงไม่นานหนูยอลก็หลับคาไหล่
“ฝันดีครับ” แล้วคริสก็ก้มลงจูบที่กระหม่อมเล็กเบาๆก่อนที่จะเดินไปตรวจเช็ดกลอนประตูและปิดไฟก่อนขึ้นไปห้องนอน
เตียงหลังไม่ใหญ่สีขาวสะอาดที่มีแม่บ้านคอยมาดูแลให้เป็นประจำรับร่างสูงใหญ่ของบุตรชายเจ้าของบ้านและมีเด็กน้อยนอนอยู่ข้างกาย ผ้าห่มผืนหนาสีขาวเช่นเดียวกับผ้าปูที่นอนถูกยกขึ้นห่มกายเด็กตัวน้อยที่หลับปุ๋ยไปเสียแล้ว คริสค่อยๆพลิกกายนอนตะแคงข้างแล้วเท้าหัวไว้กับแขนที่ตั้งยัน มองใบหน้าของเด็กน้อยยามหลับ พียงแค่มองก็วาดรอยยิ้มได้อีกแล้ว เปลือกตาที่ปิดดวงตากลมแสนประกาย จมูกเล็กๆ แก้มกลมสองข้าว ผิวละเอียดขาวนวล กลีบปากเล็กสีสด ...
คริสค่อยๆก้มลงแตะสัมผัสที่กลีบปากสีเชอร์รี่คู่นั้น แตะค้างไว้เพียงคู่ก่อนที่จะขยับชิมเนื้อนุ่มนั่งเสียหนึ่งที ปลายนิ้วเรียวไล้แก้มกลมของหนูยอลแผ่วเบา แล้วริมฝีปากบางคู่เดิมก็ละจากกลีบเนื้อนุ่มมาเป็นแก้มกลมๆ กลิ่นแป้งเด็กลอยแตะจมูกคาดว่าคุณแม่คงจะทาให้ก่อนนอน ริมฝีปากคู่นั้นไล้ไปยังปลายจมูกเล็กๆแล้วขึ้นไปยังเปลือกตาที่ปิดสนิททั้งสองข้างก่อนที่จะวกกลับมาบรรจบที่ริมฝีปากช่างจำนรรจาคู่นั้น ดูดลิ้มชิมอีกครั้งก่อนที่จะผละออกมานอนทับแขนมองใบหน้ายามหลับของเด็กตัวน้อย หัวใจเต้นระส่ำรัวเร็วเสียยิ่งกว่ากลองเสียอีก รัวเสียอย่างกับจะออกมานอกอกเสียให้ได้
“ฝันดีครับเจ้าตัวเล็กของพี่” และเปลือกตาหนาก็ปิดลง ไม่นานห้วงนิทราฝันก็เข้าครอบงำคนที่ระบายยิ้มมุมปากทั้งสองข้าง ห้วงฝันไออุ่นและกลิ่นกายหอมแป้งเด็กที่คลอเคล้าเพรียกให้คืนนั้นคนขี้เซานอนฝันดีทั้งคืน
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น