ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : My puppy - 2
เรื่องนี้เป็นมินิซีรี่ส์เล็กๆนะคะ แต่หวานแหววตามชื่อแน่นอนค่ะ
#หรือเปล่า ฮ่าๆๆๆๆ
#หรือเปล่า ฮ่าๆๆๆๆ
___________________________________
ชานยอลนั่งขัดสมาธิอยู่บนโซฟาพร้อมกับกอดหมอนอิงใบใหญ่ที่เจ้าตัวชอบมาไว้แล้วมองจ้องหน้าคนที่นั่งขัดสมาธิอยู่ที่พื้นแล้วเงยหน้ามองเขาด้วยสายตาเป็นประกาย ชานยอลขมวดคิ้วแล้วจ้องมองสบตาคู่นั้นอย่างกดดันและค้นหาความจริงไปด้วยในตัวแต่คริสก็ทำเพียงแค่ยิ้มเช่นเดิมและมองสบสายตาไม่ละ
คริสยันขาของชานยอลที่นั่งอยู่สูงกว่าไว้เพราะรู้สึกเหมือนคุณพ่อที่นั่งกอดหมอนจนเหลือแต่ลูกตาที่มองเขานี่จะโน้มตัวลงมาหาจนจะตกโซฟาอยู่แล้ว คุณพ่อชานยอลทำหน้าตาสงสัยในแบบที่คนมองแล้วก็ลงความเห็นในใจว่าน่ารักมาก ดวงตากลมโตบวกกับแก้มกลมที่พองลมที่มองอยู่นั้นทำเอาอะไรสักอย่างในอกกำลังสั่นไหวระรัวเลย
“นายเป็นใคร ถึงนายจะเหมือนน้องไข่หวานแต่ฉันก็ไม่เชื่ออ่ะ” ชานยอลไล่มองเส้นผมสีน้ำตาลทองลงมายังดวงตาสีดำ โดยรวมๆแล้วเหมือนน้องไข่หวานจริงๆนั่นแหละ แต่มันจะเป็นความจริงเหรอที่สัตว์จะกลายเป็นคนได้ นี่มันเรื่องเหลือเชื่อชัดๆ!! ถึงบนโลกใบนี้จะมีเรื่องราวแปลกๆ แต่ไอ้การที่สัตว์สักตัวจะกลายร่างมาเป็นคนนี่มันไม่ใช่นะ!!!
“ทำไมคุณพ่อชานยอลไม่เชื่อล่ะครับ” ชานยอลขมวดคิ้วฉับแล้วมองจ้องก่อนที่จะเอื้อมมือไปลูบกลุ่มผมสีน้ำตาลทองนั่นเบาๆ ถึงสัมผัสจะคุ้นเคยแต่มันก็น่าเหลือเชื่อเกินไป
“ก็มันดูไม่น่าเชื่อนิ มันดูประหลาดมากเกินไป” คริสจับมือชานยอลที่ยังคงลูบผมตัวเขาออกแล้วกัดที่ปลายเรียวนิ้วเบาๆ ไม่รู้ทำไมอยู่ๆชานยอลก็รู้สึกร้อนวูบขึ้นมาเสียอย่างนั้น คนที่แก้มเริ่มเจือสีแดงจางๆดึงมือออกก่อนที่จะขยับตัวกลับไปนั่งพิงหลังกับพนักโซฟาแล้ววางหมอนใบโตไว้ข้างกาย
“แล้วฉันจะเชื่อได้ยังไงว่านายไม่ได้หลอกฉัน” คริสจับมือของชานยอลมาแนบไว้ที่แก้มแล้วส่งยิ้มให้
“ก็ถามเรื่องที่เป็นความลับของเราสิครับ” ก็ไม่รู้ทำไมไอ้คำว่า ‘ของเรา’ ทั้งน้ำเสียงออดอ้อนและสายตาเป็นประกายนั้นถึงทำให้คนมองรู้สึกเหมือนตัวร้อนๆจนจะเป็นไข้อยู่แล้ว ชานยอลดึงมือออกจากแก้มของใครอีกคนแล้วเอามันมากอดอกซะเลยจะได้ไม่ต้องไปจับแก้มใครแล้วร้อนวูบวาบอีก!
“ถะ.. ถามอะไรล่ะ” คริสลุกขึ้นยืนเข่าแล้วกางสองมือคร่อมคุณพ่อที่ทำตาโตอย่างตกใจเอาไว้
“ก็ถามสิว่าผมเป็นใคร ทำไมผมถึงมาอยู่ตรงนี้” ชานยอลกระพริบตาปริบๆแล้วพยักหน้า
“ถะ... ถ้านายเป็นน้องไข่หวานจริงนายต้องตอบได้ว่าฉันได้นายมาได้ยังไง” คริสกระตุกยิ้มแล้วยื่นหน้าเข้าไปอีกนิด ชานยอลก็ทำตาโตแล้วถอยหน้าหนี
“คุณพ่ออยากได้ผมแต่ไม่กล้าซื้อเพราะกลัวจะเลี้ยงผมไม่ได้ ตอนที่ผมมองตามคุณพ่อที่เดินออกจากร้านไปผมใจแป้วมากเลยนะ ผมอยากมาอยู่กับคุณพ่อที่สุดเลย ตอนที่ผู้ชายคนนั้นมาซื้อผมถึงผมจะไม่ชอบใจแต่ก็ยอมไปกับเขาเพราะรู้ว่ายังไงผมก็ได้เจอคุณพ่อแน่ๆ แต่ก็แอบกัดเขาไปทีนึงด้วยแหละ”
ชานยอลที่นั่งกระพริบตาปริบๆฟังคำบอกกล่าวจากริมฝีปากบางได้รูปนั้นแล้วก็ได้แต่มึนงง เพราะเรื่องที่หลุดผ่านริมฝีปากนั้นมาเป็นเรื่องจริง วันนั้นที่คนๆนั้นไปซื้อลูกหมามาให้เขาเป็นของขวัญน้องไข่หวานก็กัดมือคนนั้นจริงๆนั้นแหละ
“ตอนแรกที่ซื้อผมมาคุณพ่อเรียกผมว่าเจ้าอ้วน แต่มีอยู่วันหนึ่งที่คุณพ่อกำลังทำอาหารอยู่แล้วคุณพ่อทำไข่หวานตกพื้นผมก็เลยเข้าไปแย่งซะเลย ก็มันทั้งหอมแล้วก็อร่อยมากๆเลยนะครับใครจะอดใจไหว” ชานยอลกระพริบตาไปนั่งฟังคนตรงหน้าเล่าเรื่องไป
“ยังมีอีกนะครั้งแรกเลยที่คุณพ่อพาผมไปวิ่งที่สวนสาธารณะ ผมวิ่งไม่ไหวหยุดวิ่งคุณพ่อก็อุ้มผมวิ่งแทนซะเลย แล้วก็...”
“พอๆๆ ฉันเชื่อแล้วๆๆ” ไม่ต้องให้ได้เล่าอีกชานยอลก็ยกมือห้ามปรามซะเลย เรื่องพวกนี้ไม่มีใครเคยรู้เลยนอกจากตัวเขาเท่านั้น ถ้าจะมีใครรู้มันก็ต้องเป็นน้องไข่หวานของเขาน่ะสิ ถึงมันจะน่าเหลือเชื่อแต่ก็คงต้องเชื่อเสียแล้วสิเนี่ย แต่จะว่าไปโลกของเรามันก็มีเรื่องแปลกๆเกิดขึ้นทุกวันนั่นแหละน่า
“คุณพ่อเชื่อผมแล้วใช่ไหมครับ!” คริสยิ้มกว้างอย่างดีใจ ชานยอลพยักหน้ารับก่อนที่จะชี้นิ้วใส่อีกคนแล้วทำหน้าดุที่มองยังไงก็น่ารักอยู่ดีใส่
“ห้ามเรียกฉันว่าคุณพ่อ นายอยู่ในสภาพนี้เรียกพ่อแล้วฉันรู้สึกแปลกๆ” ชานยอลเกาหัวตัวเองแล้วก็ทำหน้าตารู้สึกแปลกที่คนมองแล้วยังน่ารัก
“งั้นผมเรียกคุณแม่ได้ไหม?” ชานยอลหันมาถลึงตาใส่
“เดี๋ยวจะโดนไม่ใช่น้อยนะ!” คริสเอียงคอแล้วยิ้มหวานเข้าใส่ แล้วคนที่รักน้องไข่หวาน(ถึงตอนนี้จะกลายเป็นคนแล้วก็เหอะ)มากๆ จะกล้าทำอะไรได้ยังไงล่ะ
“คุณแม่ก็ไม่ได้!” คริสโคลงหัวไปมาก่อนที่จะยิ้มกว้าง
“แล้วจะให้ผมเรียกว่าอะไรล่ะครับ .... ที่รักได้ไหม?” ชานยอลก็เลยตอบคำถามด้วยมะเหงกสักหนึ่งที คริสสะดุ้งโหยงแล้วกุมหัวส่งเสียงโอดโอย
“เรียกชื่อฉันสิ ชานยอลน่ะชานยอล” ชานยอลขยับตัวเข้าไปใกล้คริสที่ยังคงนั่งกุมหัวทำเหมือนกับว่ามันเจ็บเสียมากมาย ฝ่ามือนิ่มช้อนแก้มของคริสไว้ ดวงตาสวยคู่นั้นเงยขึ้นมองก็เห็นชานยอลที่ขยับตัวเข้ามาใกล้ส่งยิ้มมาให้
“ฉันดีใจนะที่ได้นายมา... ขอบคุณนะ เอาล่ะทำกับข้าวค้างไว้ไม่ใช่เหรอไปทำต่อสิ” คริสยกมือขึ้นจับทับมือของชานยอลแล้วยิ้ม
“ครับ”
ชานยอลนั่งเท้าคางมองแผ่นหลังกว้างที่ขยับไปทางโน้นที ทางนี้ทีแล้วก็รู้สึกแปลกๆ ถึงจะแปลกใจว่าลูกหมาที่เขาเลี้ยงมาเองกับมือจะทำอาหารเป็นได้อย่างไรก็ตามเถอะแต่แล้วก็พาลไปคิดถึงใครบางคน ใครบางคนที่ไม่เคยมาทำอะไรแบบนี้ให้เขาเลย แค่อาหารสักมื้อก็ไม่เคยทำให้ เวลาที่เขารู้สึกแย่ก็ไม่เคยมานั่งให้กำลังใจเขาเลยสักครั้ง
ที่ผ่านมา.. เราคบกันแบบไหนนะ มีแค่ตัวเขาคนเดียวหรือเปล่านะที่คอยทุ่มเทให้เขาสารพัด ทำให้ทุกอย่างแลกกับความอบอุ่นที่เขามอบให้ ตอนนั้นก็ไม่คิดหรอกแต่ตอนนี้คิดแล้วล่ะ หรือตัวเขาจะเป็นคนโง่กันนะที่ขอแค่มีเขายังคงนั่งกุมมือกันแค่นี้ก็คิดว่าเขารัก คิดว่าเขามีใจ... ช่างโง่เขลาเหลือเกินปาร์คชานยอล
“ชานยอลมาชิมหน่อยสิครับ” คริสหันมายิ้มให้ ชานยอลที่นั่งคิดอะไรเพลินๆก็สะดุ้งแล้วเลื่อนสายตาไปมองที่ใบหน้าคมได้รูปที่ส่งยิ้มมาให้ พออีกคนย้ำอีกรอบตัวเขาก็เลยลุกไปยืนข้างๆเซฟกิตติมศักดิ์แล้วชิมซุปอุ่นๆที่ถูกเป่าให้คลายความร้อนลง
“โอ๊ะ.. อร่อยนินา!!” ชานยอลย้ำคำด้วยการชูนิ้วโป้งให้เลยสองนิ้ว แม้หน้าตาอาหารจะดูหน้าตาธรรมดาแต่ทว่ารสชาติกลับดูดีจนตัวเขายังคิดเลยว่าอีกคนยังทำอาหารได้ดีกว่าเขาเสียอีก
“ถ้าอย่างนั้นผมจะทำอาหารแล้วก็ดูแลชานยอลเองนะ” คนที่จะโดนดูแลก็เลิกคิ้วแล้วมองคนที่หันกลับไปสนใจหม้อซุปต่อแล้ว
“ทำไมต้องมาดูแลด้วยล่ะ ฉันก็ดูแลตัวเองได้นะ” คริสไม่ได้หันมาแต่ก็ตอบคำถามนั้น
“ก็ผมอยากดูแลนิครับ เพราะฉะนั้นชานยอลก็อยู่เฉยๆให้ผมดูแลเถอะนะ” ชานยอลไม่ได้ตอบคำถามแต่ก็แอบอมยิ้มอยู่นิดหน่อยแต่ก็คงไม่รอดสายตาของคนที่อยู่ร่วมชายคาเดียวกันไปได้หรอก
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น