ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Chapter 2
TT____________________TT
___________________________________
แต่ชานยอลก็ยอมโง่.. เพื่อที่จะได้อยู่กับคริส แม้จะไม่ตลอดไปแต่ขอแค่ในตอนนี้คริสยังอยู่กับเขาก็พอ
ความรักมักทำให้คนตาบอด... และบางครั้งก็โง่ด้วย เหมือนที่ชานยอลกำลังเป็น
ขอให้แค่มีคริส.. ชานยอลยอมเป็นทั้งคนตาบอดและคนโง่
___________________________________
ชานยอลมองหน้าจอมือถือตัวเองแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ ไม่ว่าเขาจะโทรไปกี่ครั้งคริสก็ไม่ยอมรับสายเขาเลยและวันนี้ก็เป็นวันที่2 แล้วที่คริสยังไม่กลับมา จะให้เขาทำอะไรได้ล่ะ โทรหาก็ไม่รับ จะให้ไปบริษัทน่ะหรือ? ก็ลองไปสิกลับมาเขาก็โดนทำโทษอีกนั่นล่ะ
“เฮ้อ นายหายไปไหนนะคริส” ชานยอลซุกหน้าลงกับเข่าที่ชันขึ้นบนโซฟา ตัวชานยอลเองก็ไม่เข้าใจว่าตัวเองเขานั้นทำผิดอะไร เพราะอะไรคริสถึงเปลี่ยนไป เมื่อก่อนเขากับคริสก็ออกจะรักกันดีแท้ๆ
...มันเพราะตัวเขาเปลี่ยน หรือ ใจคริสที่เปลี่ยนกันนะ...
“โอ๊ย เลิกคิดๆๆๆ” ขยี้หัวจนผมยุ่งให้พอใจก่อนที่จะเลิกคิดแล้วก็ลุกขึ้นไปเทน้ำมาดับความคิดอะไรในหัวที่มันดูวุ่นวายและยุ่งเหยิงเกินกว่าจะแก้มันได้หมด
ดวงตากลมของชานยอลกวาดมองรอบๆห้องที่ว่างเปล่าแล้วก็ใจหาย.. ถ้าสักวันหนึ่งเขาต้องอยู่ที่นี่คนเดียวโดยที่คริสจะไม่หวนกลับมาอีกเลยล่ะ? ไม่สิ ห้องนี้เป็นของคริส ถ้าเขาต้องออกไปจากห้องนี้ ไปจากคริส ตัวเขาจะอยู่ได้อย่างไร? ถ้าทุกวันในชีวิตของเขาต้องอยู่คนเดียวโดยที่ไม่มีมืออุ่นคู่นั้นคอยประคองเขาจะอยู่ได้ไหมนะ..
แค่คิดชานยอลก็ปวดใจแล้ว ไม่ว่ายังไงเขาก็จะรอคริสที่นี่ไม่ไปไหน รอให้คริสกลับมาหาเขา แม้จะไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ก็เถอะ ยืนนิ่งคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยก็ต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่ออยู่ๆโทรศัพท์ที่วางทิ้งไว้ที่โซฟาก็แผดเสียงร้อง ริมฝีปากอิ่มสีสดวาดรอยยิ้มอย่างดีใจก่อนที่จะสองขาจะวิ่งไปหามันอย่างรวดเร็ว แต่พอหยิบขึ้นมาดูก็ต้องหุบยิ้มลงเมื่อคนที่โทรเข้ามาไม่ใช่คนที่เขารอ
“ว่าไงเทา” พอรู้ว่าไม่ใช่คนที่รอคอย มันก็จะรู้สึกเหนื่อยๆ เหมือนหมดแรงไปเสียดื้อๆ
“ทำไมทำเสียงงั้นวะ อยู่ไหนไอ้คริสกลับห้องหรือยัง”
“ยังเลยเทา ฉันจะทำยังไงดีนี่กินไม่ได้ นอนไม่หลับ ทำอะไรไม่ถูกจนจะบ้าตายอยู่แล้วเนี่ย!!”
“เฮ้ยๆ อย่าเพิ่งตายเว๊ย .. เอางี้ไหม? ไปเดินเล่นที่ทะเลกันเหมือนที่เราเคยไปกันบ่อยๆไง เอามะ? ยังไงตอนนี้มันก็ยังไม่กลับมาเราแอบแว่บไปเดินก่อนดีไหม?” ชานยอลกัดริมฝีปากอย่างช่างใจก่อนที่จะหันไปมองนาฬิกาที่พนัง
“ก็ได้ มารับหน่อยสิ”
ลงมายืนรอไม่นานรถมินิคูเปอร์สีดำก็มาจอดลงตรงหน้าพร้อมกับคนขับหน้าตาคุ้นเคย เมื่อเข้าไปนั่งแล้วชานยอลก็นั่งพิงเบาะมองหน้าเพื่อนนิ่งๆแล้วก็คิดไปว่าถ้าวันนี้เขาได้ออกมาเที่ยวกับคนที่หายตัวไปสองวันแล้วก็คงจะดี ครั้งสุดท้ายที่เขาสองคนไปเที่ยวด้วยกันนี่เมื่อไหร่นะ?
“นอนเถอะถึงแล้วจะปลุก” เทาหันมามองเพื่อนตากลมที่มองมาหาก็ส่งยิ้มให้พร้อมกับยื่นมือข้างหนึ่งไปลูบหัวเพื่อนเบาๆ ชานยอลยังมองเทาไม่วางตาจนเทาต้องเลี้ยวรถจอดที่ข้างทางก่อนที่จะหันมาหาเพื่อน
“ไม่ต้องคิดอะไรทั้งนั้น หลับตาซะ” เทาปิดตาชานยอลซะเลย และเจ้าตัวก็ต้องหลับตาลง
“อยู่กับฉันนายก็ทำตัวให้สบายเถอะ ไม่ต้องไปคิดอะไรให้มันวุ่นวานหรอกนะ” เทาทอดมองชานยอลด้วยสายตาที่สื่อความหมายที่ส่งไปไม่ถึงคนนี้ โน้มตัวลงไปนิดวางสัมผัสอุ่นๆที่หน้าผากมนก่อนที่จะถอยออกมาแล้วขับรถไปตามเดิม
ฮวางจื่อเทาก็เป็นแบบนี้แหละ.. ขอแค่ได้อยู่ข้างๆ ต่อให้อยู่ในสถานะไหนเขาก็ยอมทั้งนั้น ถ้ามันจะทำให้เขาได้อยู่เคียงข้างชานยอล จะให้เป็นเพื่อน เป็นอะไรเขาก็ยอม ขอแค่ชานยอลยังมองเห็นความสำคัญของเขาอยู่ ริมฝีปากได้รูปวาดรอยยิ้มอย่างพอใจ ขอแค่ได้ดูแลนิดๆหน่อยก็พอใจแล้วล่ะ ตัวเขาไม่ต้องอะไรมากมายหรอก
ขอแค่บางเวลาที่ชานยอลต้องการคนเคียงข้างแล้วฮวางจื่อเทาจะเป็นคนแรกที่คนๆนี้เรียกหาก็พอแล้วล่ะ... ขับรถออกนอกชานเมืองไปได้ไม่ไกลก็ใกล้ถึงทะเลที่ทั้งเขาและชานยอลชอบมากันแล้ว หาดทรายเล็กๆกับน้ำทะเลที่ไม่ได้สวยงดงามอะไร แต่มันก็เป็นความทรงจำดีๆสำหรับเขาสองคน
สมัยเด็กๆพวกเขาสองคนมักจะตัดติดกันเสมอ เหตุเพราะพ่อกับแม่ไม่ค่อยมีเวลาที่จะอยู่ดูแลเขาดังนั้นถ้าไม่ใช่ชานยอลมาอยู่กับเทา ก็จะเป็นเทาที่ไปอยู่กับชานยอล เด็กทั้งคู่ชอบมาเที่ยวเล่นที่ทะเลกัน มาวิ่งไล่จับ มาลงเล่นน้ำ แล้วก็มานอนบนพื้นทรายให้น้ำซัดปลายเท้า ความทรงจำที่สวยงามของพวกเขามักจะมีเสียงหัวเราะเสมอ
แต่หลังจากที่เข้ามัธยม ชานยอลเริ่มปันใจจากเขาไปที่คนอื่น.. ชานยอลหัวเราะกับคนอื่นมากขึ้นและใส่ใจตัวเขาน้อยลงแต่ฮวางจื่อเทาก็ไม่เคยละทิ้งชานยอลเลยสักนิด ยังคงอยู่ข้างๆและดูแลเท่าที่จะทำได้ ครั้งยังเด็กเขาปกป้องชานยอลอย่างไร เขาก็ยังคงปกป้องแบบนั้นเรื่อยมา จนช่วงหลังๆนี้เขาแทบจะไม่เคยเห็นชานยอลหัวเราะเลยสักครั้ง ทั้งๆที่เวลาที่ปาร์คชานยอลคนนี้ยิ้มหรือหัวเราะ โลกมันก็สว่างสดใสไปทั้งใบแล้ว ทำไมคนๆนั้นถึงไม่เห็นค่ามันกันนะ
“ชานยอล เปลี่ยนใจจากคริสมารักฉันแทนได้ไหม” เสียงนั้นก็คงไปไม่ถึงคนหลับ เหมือนดั่งความรักของเทาที่ไม่เคยส่งไปถึงใจของชานยอลเลย
“ชานยอลตื่นได้แล้ว ถึงแล้วนะ” ชานยอลคอยๆลืมตาขึ้นตื่นเพราะแรงเขย่านี่ล่ะ พอลุกขึ้นนั่งดีๆก็เห็นว่าตอนนี้พวกเขามาถึงทะเลแล้ว
“ลงไปกันเถอะ” พอเปิดประตูรถออกไปก็ได้กลิ่นของทะเลและลมที่พัดมาเอื่อย ชานยอลมองฝ่ามือตรงหน้าที่ยื่นมาหาพร้อมกับรอยยิ้มของคนพามา ชานยอลก็ยิ้มตามแล้ววางมือลงบนฝ่ามืออุ่นนั้น
เทาจับมือพาชานยอลเดินเตะทรายเล่นเลียบทะเล ทั้งสองไม่ได้พูดอะไรกันเพียงแต่จับมือเดินไปเรื่อยๆเท่านั้น ฝ่ามือของเทากอบกุมมือของชานยอลให้แน่นๆเพื่อให้รู้ว่าชานยอลยังมีตัวเขาอยู่ทุกเวลา เจ้าตัวก็หันมายิ้มให้ก่อนที่จะเริ่มแกว่งมือไปมาอย่างอารมณ์ดี
อยู่ๆลมวูบหนึ่งก็หอบพัดเอาทรายมาด้วย ชานยอลที่โดนทรายเข้าตาก็ขยี้ใหญ่ เทาก็จัดการตีมือนั้นแรงๆแล้วจับมือที่ขยี้ตาออกก่อนที่จะดูให้ ลมอุ่นๆเป่าเข้าที่ตาข้างที่โดนทรายเข้าให้มันหลุดออก ชานยอลค่อยๆลืมตาขึ้นก่อนที่จะกระพริบตาเพื่อดูว่าทรายนั้นออกไปหมดหรือยัง เมื่อลืมตาสิ่งแรกที่เห็นก็คือใบหน้าของเทาที่ก้มเข้ามาหาที่อยู่ห่างออกไปเพียงสุดลมหายใจ ใบหน้าของเพื่อนที่ประดับรอยยิ้มนั้นชานยอลเห็นมันบ่อยๆแต่ก็ไม่รู้ทำไมครั้งนี้ตัวเขาถึงได้ใจเต้น
“หายเคืองตาแล้วใช่ไหม” ชานยอลพยักหน้ารับอย่างมึนๆ เทาถอยตัวออกห่าง ชานยอลก็แอบลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก
“แต่ตาแดงเลยนะ” ปลายนิ้วแตะไล้ที่ใต้ขอบตา ชานยอลยิ้มรับแล้วจับมือนั้นออกจากใบหน้าตนก่อนที่จะมีเพิ่มอุณหภูมิและอีกคนจะรู้ซะก่อน
“เดี๋ยวก็หาย เทาขี่หลังหน่อยสิ” คนโดนขอขี่หลังก็พระพริบตาปริบๆเลยน่ะสิ ไอ้จะขี่หลังน่ะได้อยู่หรอกแต่.. คิดว่าตอนนี้พวกเขาอายุเท่าไหร่กัน? แล้วส่วนสูงของชานยอลน่ะสูงกี่เซ็น!!
“นะ~” โอเคเมื่ออ้อนมาจื่อเทาก็จัดไป ยอมย่อตัวให้คนอยากขี่หลังเขาได้ขึ้นขี่หลัง สองมือของชานยอลรวบไว้รอบคอของเทาหลวมๆ สองแขนของเทาช้อนเข้าที่ใต้ข้อพับขาของชานยอลก็แล้วยอมแบกเพื่อนสนิทที่เขารักมากกว่าเพื่อนเดินเล่นไปเรื่อยๆ.. แปลกที่ชานยอลตัวสูงกว่าเขาหน่อยนึงแต่กลับเบาและผอมบางจนแทบจะเบาหวิวปลิวไปตามลม
“นายกินข้าวบ้างหรือเปล่าเนี่ยชานยอล” คนโดนถามบู้ปากแล้วก็กอดกระชับรอบลำคอของเพื่อนอีกนิด
“กินหรือเปล่า” เมื่อได้ยินน้ำเสียงดุและคาดคั้นก็เลี่ยงคำตอบนั้นไม่ได้เสียแล้ว
“ก็กิน..”
“อย่าโกหกปาร์คชานยอล นายคิดว่าฉันเป็นเพื่อนนายมากี่ปี ห๊ะ?” ชานยอลแบะปากแล้วยิ่งโน้มตัวเอาแก้มแนบแก้มของเพื่อนไว้อย่างอ้อนๆ เหมือนทุกครั้งที่เขาโดนเทาดุ
“ก็คริสไม่อยู่ฉันก็เลยไม่ค่อยได้กิน” เมื่อได้ฟังคำสารภาพเขาก็ยิ่งโกรธนัก ทำไมนะทั้งๆที่เขาดูแลคนบนหลังนี้มาอย่างดี ไม่เคยให้เสียน้ำตา ไม่เคยให้อดข้าว ไม่เคยทำให้เสียใจแต่ทำไมคนๆนั้นต้องทำให้คนที่เขารักเจ็บปวดด้วยนะ
“ถึงมันจะไม่อยู่แต่ก็ต้องกินนะรู้ไหม ตอนนี้นายผอมไปมากเลยนะ ถือว่าขอร้องก็ได้มันไม่กินแต่นายต้องกินนะฉันเป็นห่วงนายมากนะชานยอล”
“อืม.. เราจะทำตามที่เทาบอกนะ” ชานยอลขยับแก้มถูไถกับแก้มของเพื่อนรักอย่างออดอ้อนหวังว่าเทาจะยอมยิ้มแล้วก็เลิกทำเสียงดุแบบนี้ ชานยอลใจไม่ดีทุกครั้งเวลาที่เทาดุเขาดังนั้นเทาก็เลยจะไม่ค่อยบ่น ไม่ค่อยดุสักเท่าไหร่ ปกติก็จะเอาใจแล้วก็ตามใจตลอด
“ชานยอล” อยู่ๆก็เรียกเสียงนิ่งเชียว คนที่กลัวโดนว่าอีกก็ยิ่มกอดรัดเพื่อนให้แน่นอีกนิด
“อืม ฟังอยู่” ปาร์คชานยอลเป็นเด็กดื้อเงียบใครๆก็รู้ แต่ก็มีคนเดียวนั่นแหละที่ปราบพยศคนนี้ได้
“นายช่วยทนไม่ไหวสักทีได้ไหม เลิกทนเถอะนะ” ฟันขาวกัดริมฝีปากสีสดของตัวเองไว้ก่อนที่จะก้มหน้าลงซุกที่ไหล่ของคนอุ้มแทน
“เรารักคริสนะเทา” คำตอบนั้นถือว่าปิดประเด็นทุกอย่างและเทาก็จะไม่เซ้าซี้ถามอีก เทาก็ยังคงเดินแบกชานยอลแล้วก้าวเดินช้าๆอย่างมั่นคง เดินไปเรื่อยๆไม่ได้รีบร้อนอะไร.. วันนี้ยังรัก ไม่แน่วันหน้าอาจจะไม่ก็ได้ เขาจะคอยถามทุกวันเผื่อรอสักวันคนบนหลังจะเปลี่ยนใจ
หลังจากเดินเล่นก็มานอนเล่นให้น้ำซัดเท้ากันอยู่นาน เทาก็พาชานยอลมาส่งเพราะเจ้าตัวบอกว่าจะกลับไปรอเตรียมอาหารเย็นไว้ให้คริสเพื่อว่าใครอีกคนจะกลับมา แล้วถ้ากลับมาไม่เจอเขาล่ะก็เป็นเรื่องแน่ๆ ซึ่งเทาก็ยอมแต่โดยดี ขากลบนั้นเทาไม่พูดอะไรสักคำ ไม่ใช่ว่ายังโกรธ ยังเคืองกับคำตอบนั้นหรอกแต่เขาไม่รู้ว่าจะพูดอะไรมากกว่า
ก็ในเมื่อตัวคนตอบยังบอกว่าจะรอ.. แล้วทำไมเขาถึงจะนิ่งรอบ้างไม่ได้ เขาเชื่อว่าสักวันชานยอลก็ต้องล้ม ชานยอลไม่ใช่คนแข็งแรงที่จะเผชิญหน้ากับทุกปัญหาได้ เขาจะรอวันนั้นที่เขาจะเข้าไปดูแลชานยอลและหวังว่ามันจะเป็นเร็วๆนี้ ฮวางจื่อเทารู้ตัวว่าเขาไม่ใช่คนดีสักเท่าไหร่หรอกที่รอคอยให้คนรักกันแตกแยก เขาก็แค่อยากทำตามใจ อยากมีชานยอลอยู่ข้างๆก็เท่านั้นเอง.. ต่อให้รอนานแค่ไหนเขาก็จะรอ
“ไปนะมีอะไรก็โทรมาล่ะกัน” เมื่อชานยอลลงจากรถไปแล้ว เทาก็เปิดกระจกโบกมือลาก่อนที่จะขับรถของตัวเองจากไป ชานยอลยืนมองรถของเพื่อนจนลับตานั่นแหละเขาถึงได้เดินเข้าคอนโดไป
หวังว่าคริสจะยังไม่กลับมาหรอกนะ ขอให้กลับมาตอนที่เห็นเขากำลังทำอาหารก็ยังดีเพราะนั่นจะทำให้เขาโดนโกรธน้อยลง ชานยอลสูดลมหายใจเข้าปอดให้เต็มก่อนที่จะกดรหัสแล้วปลดล็อคประตูเข้าไปแต่แล้วดวงตากลมโตก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อเห็นชายหนุ่มร่างสูงนั่งรออยู่แล้วที่โซฟาหน้าทีวี
คริสกลับมาแล้วและดวงตาคมคู่นั้นก็ปรายสายตามองมาที่เขาอย่างโกรธเกรี้ยว สองขาที่ยืนอยู่นั้นสั่นจนแทบจะยืนไม่ไหว เมื่อไร้การเคลื่อนไหวใดๆคริสก็ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงก่อนที่จะเดินเข้ามาหาชานยอลที่ยังคงยืนช็อคอยู่ที่เดิม
“ไปไหนมา” น้ำเสียงทุ้มต่ำที่เต็มไปด้วยความกดดันเรียกให้ชานยอลตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว ดวงตาคู่คมคู่นั้นที่มองมาก็ยิ่งทวีความดุและคาดคั้น
“ปะ.. ไปเดินเล่นมา”
“ไปกับใคร” ชานยอลไม่เคยรู้สึกกลัวอะไรเท่านี้มาก่อนเลย ในลำคอแห้งผากอย่างกับเขาเดินอยู่ท่ามกลางทะเลทรายที่ร้อนระอุอย่างไรอย่างนั้น
“ไป.. ไปคนเดียว”
“ไปเดินเล่นที่ไหนมา” ชานยอลไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไปนอกห้อง แต่ถ้าไปแถวๆคอนโดเพื่อไปซื้อของก็ยังพอไหวอยู่แต่ต้องไปแค่ 30นาทีเท่านั้น ถ้ารู้ว่าไปเกินล่ะก็คริสจะต้องโมโหแล้วก็ออกจากห้องไปอีกแน่ๆ เพราะฉะนั้นเขาจะทำให้คริสโกรธไม่ได้ ไม่ว่ายังไงเขาก็ไม่ยอมให้คริสออกไปข้างนอกอีกแล้ว
“แถวๆนี้แหละ” ดวงตาคู่คมมองสำรวจที่ใบหน้าใสที่กำลังฉายแววหวาดกลัวเขาอยู่ แต่แล้วก็เขาก็เห็นเศษทรายที่ไหล่เล็ก คริสหยิบมันขึ้นมาก่อนที่จะถามอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่กดต่ำกว่าเดิม
“แล้วทรายนี้มาจากไหน”
“คง.. คงจะเป็นฝุ่นที่พัดมานั่นแหละ”
“เดี๋ยวนี้หัดโกหกฉันใช่ไหม? ไปกับมันมาใช่ไหม!!!” เสียงทุ้มตวาดก้องจนชานยอลสะดุ้ง
“บอกแล้วไม่เชื่อฟังใช่ไหม!! ต้องให้ทำยังไง!! ต้องให้มัดเลยไหมถึงจะได้ไม่ต้องออกไปกับมันอีก มานี่เลย!!!” คริสคว้าข้อมือของชานยอลแล้วก็ลากเดินไปเข้าห้องนอนโดยที่ลืมไปเลยว่าชานยอลยังเจ็บขาอยู่
“ปล่อยนะคริส! ฉันไม่ได้ไปกับเทาจริงๆ ปล่อยฉันเถอะ!!” เพราะคิดว่าคริสจะมัดตัวเองจริงๆแล้วทิ้งไว้ในห้องคนเดียวนั่นแหละถึงได้พยายามดิ้นแบบนี้น่ะ จะมัดเขาก็ได้แต่ชานยอลไม่อยากอยู่ห้องคนเดียว!!
“กล้าโกหกเลยเหรอ!!!” คริสสะบัดใส่แก้มของชานยอลอย่างแรงจนร่างของชานยอลเซถลาไปที่เตียง แรงกระแทกที่ท้องทำเอาจุกจนพูดไม่ออก คริสช้อนอุ้มชานยอลที่อยู่ปลายเตียงให้ขึ้นไปนอนบนเตียงดีๆก่อนที่จะถอดเนคไทที่คอของเขาออกแล้วมัดข้อมือชานยอลไว้“ไม่นะคริส ไม่เอา ฉันขอโทษ!” ถึงน้ำตาจะไหลริน แต่คริสก็ไม่รับฟังอะไรทั้งนั้น
“ฉันเคยพูดแล้วว่าถ้าทำผิด ฉันจะลงโทษ”
“คริสจะทำอะไรปล่อยฉันนะ ปล่อยเถอะนะ” พยายามขอร้องด้วยน้ำตา ไทด์ที่มัดข้อมือนั้นก็แน่นเสียจนเริ่มมองเห็นรอยแดงๆที่รอบข้อมือ
“อย่าให้ปล่อยเหรอ? แล้วทำไมไม่ฟังที่ฉันเตือน ออกไปกับมันกี่ครั้งกี่หนแล้วห๊ะ!!!”
“ปล่อยเถอะนะ ฉันจะไม่ออกไปไหนอีกแล้ว” คริสยกยิ้มที่มุมปาก
“คิดว่าฉันจะเชื่อหรือไง”
สัมผัสหยาบโลนที่ป้อนสัมผัสมานั้นทำให้ชานยอลหยุดเสียงร้องอ้อนวอนให้ปล่อยตัวเอง แล้วเปลี่ยนมาเป็นกัดฟันนอนร้องไห้เงียบๆแทน ตั้งแต่ที่คบกันมาคริสไม่เคยทำร้ายเขาด้วยเรื่องแบบนี้สักครั้งและเขาก็ไม่ปรารถนาที่จะได้พบเจอ เรื่องแบบนี้มันควรสร้างด้วยความรักมากกว่าที่จะเป็นความโกรธมิใช่หรือ?
ทุกสัมผัสที่ลากไล้ลงมา ทุกความร้อนรุ่มที่ได้รับมันไม่ได้ทำให้เขารู้สึกดีเลย แต่มันกลับทำให้ชานยอลยิ่งรู้สึกว่าตัวเองนั้นไร้ค่าเหลือคณา เป็นเพียงที่รองรับอารมณ์ยามโกรธเท่านั้นหรือ? เขามิใช่คนรักหรอกหรือ? ทำไมไม่เคยพึงกระทำสิ่งที่คนรักสมควรกระทำเลย ถ้าไม่พอใจเขาก็จะตวาดเขา ผลักไสไล่ส่ง ทิ้งขว้างเขาให้อยู่คนเดียวในคุกที่ถูกปิดตายแห่งนี้ จองจำอยู่ในคุกดั่งเช่นนกน้อยในกรงทอง
คริสไม่เคยคิดถึงเลยว่าตัวเขานั้นจะรู้สึกอย่างไร เจ็บปวดมากเพียงไหน ที่กายน่ะชานยอลเจ็บปวดแต่ก็คงสู้อะไรกับหัวใจที่ถูกกรีดซ้ำแล้วซ้ำเล่าไม่ได้หรอก เสียงกระซิบเรียกชื่อเขาแผ่วเบาที่ริมหูไม่ได้ทำให้เขารู้สึกดีเลยสักนิด การยัดเหยียดสิ่งที่ไม่เต็มใจให้นั้นมันสร้างความปวดร้าวให้ตัวเขาแค่ไหน คริสอาจจะไม่เคยรับรู้แต่ชานยอลร้องไห้จนแทบจะไม่เหลือน้ำตาอยู่แล้ว
คนด้านบนคงไม่รู้หรอกว่าทุกครั้งที่ถาโถมเข้ามาหานั้น หัวใจที่กำลังร่ำร้องนี้ถูกกรีดจนแทบจะไม่เหลือชิ้นดี ชานยอลไม่รู้ว่าอีกนานเท่าไหร่การลงโทษครั้งนี้ถึงจะสิ้นสุดแต่เขาก็ทนไม่ไหวอีกแล้ว ก่อนที่จะชานยอลจะหมดสติไปนั้นคล้ายกับว่าตัวเองได้ยินเสียงกระซิบบอกคำบางคำ.. คำบางคำที่ไม่ได้ยินนานจนลืมไปแล้วว่าครั้งสุดท้ายได้ยินมันเมื่อไหร่ คำสั้นๆที่แฝงไปด้วยความหมายมากมาย คำเพียงแผ่วเบาที่สามารถทำให้หัวใจของเขาพองโตได้อีกครั้ง ...รัก...
“อ๊ะ...” ไม่รู้ว่าตัวเองนั้นหลับไปนานแค่ไหน แต่พอตื่นขึ้นมาก็รู้สึกเจ็บไปหมดทั้งตัว รู้สึกตัวร้อนๆด้วย ไหนจะอาการที่เหมือนคอแห้งจนเจ็บไปหมดทั้งลำคอนี่อีกล่ะ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าชานยอลกำลังเป็นไข้ นัยน์ตากลมเหลือบมองที่ข้อมือทั้งสองของตัวเองก็เห็นว่ายังคงเป็นรอยแดงอยู่รอบข้อมือ พลันน้ำใสๆก็ค่อยๆเอ่อคลอรอบหน่วยตาใส
“คริส นายอยู่ที่ไหนนะ” พอคิดว่าคนรักจะทิ้งให้อยู่คนเดียวอีกแล้วก็ไม่อดกลั้นหยดน้ำตาใสที่ค่อยๆไหลรินเลยสักนิด ชานยอลค่อยๆคู้ตัวขึ้นแล้วนอนร้องไห้อยู่อย่างนั้น เจ็บที่ตัวน่ะเรื่องเล็กแต่ที่หัวใจของเขานี่สิ บางที.. เรื่องเมื่อที่ได้ยินคำนั้น บางทีเขาอาจจะฝันไปหรือไม่ก็คิดไปเอง
“ชานยอล ตื่นหรือยัง” ประตูห้องนอนถูกเปิดออกพร้อมกับเสียงทุ้มต่ำที่ลอดเสียงเข้ามา ไม่นานคนตัวสูงก็เข้ามาพร้อมกับถาดอาหารเช้าในมือ รอยยิ้มที่ประดับอยู่บนใบหน้าคมนั้นทำเอาคนป่วยที่นอนอยู่บนเตียงยิ่งน้ำตาไหลริน
“เป็นอะไรครับ” คริสวางถาดอาหารไว้ที่โต๊ะข้างเตียงก่อนที่จะลงนั่งที่ขอบเตียงแล้วค่อยๆช้อนประครองชานยอลให้ลุกขึ้นนั่ง นัยน์ตากลมทอดมองคนตรงหน้าอย่างไม่เชื่อสายตาว่าคริสจะนั่งอยู่ตรงข้ามเขาจริงๆ
“คริส” ชานยอลไล้มือเข้ากับโครงหน้าของคนตรงหน้า คริสเช็ดหยดน้ำตาที่ไหลรินนั่นให้
“ร้องไห้ทำไม เจ็บตรงไหนหรือเปล่า” ชานยอลส่ายหน้าไปมา ดวงตากลมที่ยังมองจับจ้องผู้ชายตรงหน้าไล่มองสำรวจไปทั่วใบหน้าคมนี้ มองเพื่อให้รู้ว่าตอนนี้ตัวเขาตื่นขึ้นมาอยู่กับความจริงและคนๆนี้ก็อยู่กับเขาจริงๆ
“อย่าไปไหนอีกเลยนะ อย่าทิ้งฉันไว้คนเดียว ฉันจะไม่ไปกับเทาแล้วก็ได้” คริสยิ้มก่นอที่จะพยักหน้ารับ ชานยอลก็เอื้อมสองมือไปกอดคนตรงหน้าไว้ทันที หยดน้ำตาแห่งความดีใจไหลซึมเข้าที่ไหล่หนา คริสโอบกอดร่างของชานยอลที่สั่นเทาไว้แนบอก
“กินข้าวนะ จะได้กินยาแล้วก็นอนพัก”
“คริสจะไม่ไปไหนใช่ไหม”
“อืม ไม่ไปไหนจะอยู่ตรงนี้แหละ” เมื่อได้รับคำสัญญาชานยอลก็ยอมปล่อยอ้อมแขนที่โอบกอดออก คริสผละตัวไปหยิบถาดอาหารมาวางไว้บนเตียง ในนั้นมีชามข้าวต้ม แก้วยาและแก้วน้ำ
ชานยอลมองตามทุกการกระทำของคริสด้วยรอยยิ้ม อยู่ๆก็รู้สึกว่าหัวใจที่มันแห้งเหี่ยวค่อยๆพองโตคับแน่นอกอีกครั้ง คริสตัดข้าวต้มขึ้นมาเป่าพอให้หายร้อนก่อนที่จะยื่นปลายช้อนนั้นไปทางชานยอลที่อ้าปากรอรับอยู่ก่อนแล้วจากนั้นก็ไล้ปลายนิ้วเช็ดที่มุมปากให้
ป้อนให้คำแล้ว คำเล่าจนหมดชาม จากนั้นก็ให้กินยา กินน้ำแล้วพาให้ล้มตัวลงนอน ดวงตากลมใสยังคงจ้องมองมาที่คริสไม่วางตา พอเจ้าตัวจะลุกขึ้นจากเตียงชานยอลก็ผวาคว้ามือใหญ่นั้นไว้จนลืมไปแล้วว่าตอนนี้ตัวเองกำลังเจ็บอยู่ คริสลงนั่งที่ข้างเตียงตามเดิมก่อนที่จะลูบกลุ่มผมนิ่มของชานยอลเบาๆ
“ไม่ไปไหนแล้ว นอนเถอะ” คริสล้มตัวลงนอนเคียงข้างชานยอลก่อนที่จะโอบร่างบอบบางเข้ามากอดไว้แนบอก
“อืม” ครางรับเสียงเบาก่อนที่จะค่อยๆปิดตาหลับอีกครั้ง หลับอยู่ในอ้อมแขนอุ่นๆของคริส หลับในรอบหลายๆอาทิตย์อย่างสุขใจ
บางครั้งชานยอลก็เป็นคนโง่.. โง่เพียงเพราะได้ยินคำรักและได้รับความอบอุ่นที่แสนจอมปลอม
แต่ชานยอลก็ยอมโง่.. เพื่อที่จะได้อยู่กับคริส แม้จะไม่ตลอดไปแต่ขอแค่ในตอนนี้คริสยังอยู่กับเขาก็พอ
ความรักมักทำให้คนตาบอด... และบางครั้งก็โง่ด้วย เหมือนที่ชานยอลกำลังเป็น
ขอให้แค่มีคริส.. ชานยอลยอมเป็นทั้งคนตาบอดและคนโง่
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น