ลำดับตอนที่ #16
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #16 : Episode 3 : Home Sweet Home 4 [END]
จะมาบอกว่าเดี๋ยวจะไม่อยู่กรุงเทพนะคะ จะไปแฮ่ด!!(?) แต่เดี๋ยวเรากลับมาก็ประมาณวันที่3 เดี๋ยวจะกลับมาต่อให้จบเลยนะคะ
นักอ่านท่านไหนสนใจฟิคของเราก็ไม่ต้องเมลมาจองนะคะ เมื่อพร้อมแล้วก็โอนเเงินเข้ามาได้เลย จากนี้เราจะให้เพื่อนเราดูแลให้ทุกอย่างเลย TvT เพราะฉะนั้นหายห่วงค่ะว่าเราจะไม่ได้รัับเมลนะคะ
ฟิค: The Time of Love ราคา 330
[ค่าจัดส่ง 60บาท (เล่มต่อไปคิดเพิ่มเล่มละ10บาท) / แต่ถ้าใครจะนัดรับก็วันที่ 26 มกราคมงานตลาดฟิค ครั้งที่3(Fiction-Market) บูท z-rowink (F2-F3) สถานที่:Thai CC Convention Hall ชั้น 12]
รายละเอียด:
Episode 1 : One moment in time
Episode 2 : Who are you?
Episode 3 : Home Sweet Home
Episode 4 : Angels & Demons
Special Episode : One day with KrisYeol
SF KrisYeol : ช่างกลแล้วไง(วะ)ครับ
โอนเงินเข้าบัญชี ธนาคารกสิกรไทย 7432386402
ชื่อ กัลยรัตน์ ชาญชัยศิลป์
จากนั้นก็เมลแจ้งรายละเอียดมาที่ bettynewkiss@gmail.com
หัวข้อ: แจ้งโอนเงินฟิค
ชื่อ:
เบอร์โทร:
อีเมลที่ติดต่อ:
จำนวนเล่ม:
จำนวนเงินที่โอน:
จัดส่งแบบ: นัดรับงานฟิค หรือ ไปรษณีย์
ที่อยู่ (กรณีจัดส่ง):
ระยะเวลาโอนเงิน ตั้งแต่วันที่ 25 ธันวาคม 2555 - 19 มกราคม 2556 (เวลา 2ทุ่มนะคะ)
วันงานฟิคมาจอยกันได้นะคะ จอยกับเพื่อน พี่น้องเรานะ ตัวเราไมไ่ด้ไป แง๊ววววววววววว แต่บอกแล้วว่าโยนให้เพื่อน ให้น้อง ให้พี่จัดการให้หมดเลย 5555 ฝากน้องไทม์ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจของทุกคนด้วยนะคะ TvT *โค้ง*
__________________________________________
เวลาอีกแค่เดือนกว่าๆ โอ๊ยยย ยังมีเวลาอีกนาน~ ….. ดูท่าว่าจะไม่จริงเลย เวลานั้นผ่านไปไวเสมอ ยังไม่ทันรู้ตัวก็เดินเข้าสู่หนึ่งอาทิตย์ก่อนที่จะหมดเวลา อีกแค่หนึ่งอาทิตย์ที่นักเรียนแลกเปลี่ยนจะถูกส่งตัวกลับตามวันเวลาที่ระบุในเอกสารเหล่านั้น ...ในเอกสารที่ชานยอลแอบดู
คริสยังคงทำตัวเหมือนเดิม ทั้งหยอกคนข้างกาย ไปเที่ยวและผลัดเปลี่ยนนอนบ้านกันและกัน แต่กลับเป็นชานยอลเสียอีกที่ทำตัวนิ่งเงียบคล้ายกับคิดอะไรอยู่ตลอดเวลา คิ้วเรียวสวยก็ขมวดมุ่นเสียจนแทบจะแก้ปมไม่ออกแต่เมื่อคริสหันมามองใบหน้าน่ารักจะหันมาส่งยิ้มให้ แก้มกลมแดงเรื่อเวลามองสบกับดวงตาคู่คม คริสกระชับมือที่สอดประสานของอีกฝ่ายไว้ ชานยอลหันมายิ้มน่ารักแล้วทั้งคู่ก็เดินออกจากโรงเรียนไปด้วยกัน
แปลก แปลกมากด้วย ….. คริสหันมองคนข้างกายที่พักนี้ชอบทำตัวแปลกๆ ไม่รู้ทำไมแต่คริสคิดว่ามันแปลกมาก แปลกเกินไป ดวงตาคมแอบเหลือบมองคนข้างกายที่เดินก้มหน้า กัดริมฝีปากเหมือนครุ่นคิดอะไรสักอย่าง นัยน์ตาคู่กลมที่เคยวาวใสทอแสงระยิบบัดนี้กลับทอแสงหม่นจนคนมองรู้สึกตามไปด้วย
ชานยอลทำตัวแปลกไปหรือเพราะเจ้าตัวจะเครียดมากเกินไป แต่เรื่องอะไรล่ะ ร่างสูงยาวที่เดินอยู่ข้างเคียงอยากรู้ใจจะขาด คริสพาคนที่กำลังจะเดินกลับบ้านไปเบนไปอีกทางเพื่อที่จะไปบ้านคนเองแทน ชานยอลเงยหน้าขึ้นมามองแต่เมื่อเห็นว่ารอบข้างเป็นที่ไหนชานยอลก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร แต่อะไรที่ก่อกวนจิตใจอยู่ตอนนี้ช่างกวนใจของชานยอลมากเสียจริงๆ
“รออยู่ตรงนี้ก่อนนะ” คริสว่าแค่นั้นก่อนผละออกไปกดออดเรียกบ้านข้างๆ ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่เดินออกมาพร้อมกับตะหลิวและผ้ากันเปื้อนสีชมพูหวานแวว เรียกรอยยิ้มจากทั้งคนที่ยืนอยู่หน้าบ้านและด้านหลังได้ไม่ยาก
“ไงไอ้คริส เข้ามากินข้าวไหม?” คนถูกชวนยิ้มแล้วส่ายหน้า
“ไม่ฮะพี่ ผมมาขอยืมลูกรักพี่หน่อย” ร่างสูงใหญ่กลั้วหัวเราะในลำคอแล้วก็เปิดประตูบ้าน
“เข้ามาดิ” แล้วเพียงไม่นานเจ้าเอพริลเลียก็ทะยานออกมาจากในบ้านหลังใหญ่
“ขึ้นมาสิ” ชานยอลคนบนหลังเจ้าสัตว์ร้ายแล้วก็ทำหน้าไม่เข้าใจแต่ก็โดนฉุดแขนให้ซ้อนหลังขึ้นมา
สองแขนวาดรอบคอของอีกคน ชานยอลก้มลงสัมผัสแนบแก้มไว้กับแก้มของอีกฝ่าย เรียวปากอิ่มค่อยจุดรอยยิ้มขึ้น นัยน์ตากลมทอแสงระยิบอย่างเคย คริสเหลือบตามองกระจกส่องหลังข้างที่ส่องเห็นคนซ้อนด้านหลังแล้วเรียวปากได้รูปก็วาดรอยยิ้มก่อนที่จะเจ้าเอพริลเลียจะทะยานเข้าสู่ถนนใหญ่ที่การจราจรคลาคล่ำไปด้วยรถรามากมาย
เพียงไม่นานเจ้าบิ๊กไบค์คันสวยก็วิ่งเข้าสู่เส้นเลียบแม่น้ำฮัน ชานยอลปล่อยมือและแก้มที่แนบกันออกก่อนที่จะหันไปมองด้านซ้ายที่เป็นแม่น้ำฮัน ลมเย็นๆที่ตีพัดเข้าหน้านี้คล้ายกับกำลังพัดเป่าเรื่องราวมากมายในใจให้หายไป ขับต่อไปอีกไม่ไกลคริสก็จอดรถแล้วพาชานยอลไปอีกมุมหนึ่งไกลผู้คนออกไป พื้นหญ้าสีเขียวกับเก้าอี้ไม้ตัวยาววางตั้งอย่างโดดเดี่ยว อาจจะเพราะไม่ค่อยมีใครเดินเข้ามาใช้บริการแถวนี้แต่ทว่ามันกลับสวยงามและเงียบสงบยามที่แสงสีจากเมืองหลวงส่องกระทบพื้นผิวน้ำ
ชานยอลนั่งพิงหัวซบไหล่ของคนข้างกายไว้ นัยน์ตาสะท้อนแสงระยิบของพื้นน้ำ ชานยอลเลือกที่จะปิดตาลงเพื่อกั้นความรู้สึกบางอย่างที่ไหววูบอยู่ในหน่วยตา แม้ว่าคริสจะก้มลงมองเพียงไหนเปลือกตาบางก็กั้นไมให้มองสบเข้ากับลูกแก้วสีนิล เมื่อป่วยการที่จะแอบค้นหาความหมายในลูกตาสวยคู่นั้น ร่างสูงยาวก็เบนหน้าออกไปมองยังพื้นน้ำไกลๆพร้อมกับลูบหลังมือเนียนที่กอบกุมกันอยู่
“เป็นอะไรหรือเปล่า” นั่งเงียบกันอยู่นานจนเสียงนุ่มต้องเอ่ยถาม ชานยอลขยับเพียงนิดแต่ก็ยังคงหลับตาอยู่อย่างนั้น
“ไม่นิ ทำไม? เมื่อยเหรอ?” ชานยอลลุกขึ้นนั่งก่อนจะหันไปหาคนข้างกายที่หันมองกลับมา ในที่สุดก็เห็นลูกแก้วสีนิลทั้งสองลูกเสียที คริสโอบคนข้างกายให้ลงซบที่ซอกคอของตนก่อนที่จะเอ่ยตอบเสียงนุ่มชิดใกล้
“เปล่าหรอก ชานยอลเป็นอะไรหรือเปล่า?” หัวกลมๆที่ซุกซบอยู่ที่ซอกคอส่ายหัวไปมา
“คริส ... ถ้าเรียนมหาวิทยาลัยจบนายอยากทำอะไร” ดวงตาคู่คมเหลือบมองคนในอ้อมแขนด้วยความไม่เข้าใจแต่ก็เอ่ยตอบคำถามนั้นไป
“ก็คงจะแต่งงานกับนายมั้ง” ชานยอลหัวเราะเบาๆแล้วใช้มืออีกข้างที่วางฟาดมือลงที่หน้าขาของคนเอ่ยหยอกเย้า
“นี่ฉันถามจริงจังนะ” คริสหัวเราะเบาๆในลำคอก่อนที่จะเอ่ยตอบพร้อมกับกระชับอ้อมแขนที่กอดคนข้างกายไว้
“ก็คงจะต้องกลับไปรับช่วงต่อที่บ้านนั่นล่ะ ที่บ้านฉันทำธุรกิจเกี่ยวกับส่งออกน่ะ พ่อกับแม่ท่านอยากให้ฉันรับช่วงต่อน่ะ”
“อย่างนั้นเหรอ? บ้านที่จีนของนายเป็นไงเหรอ? เล่าให้ฟังหน่อยสิ” คริสก้มลงคนที่เงยหน้าขึ้นมาแล้วยิ้ม ดวงตาพราวไปด้วยแสงวาวระยิบน่าตักตวงดวงดาวในลูกแก้วสีนิลเสียจริง คริสไล้แก้มขาวก่อนที่จะตามมาฝากรสสัมผัสอุ่นไว้บางๆ
“บ้านที่จีนเป็นบ้านสองชั้นหลังใหญ่ พ่อทำธุรกิจส่งออก ส่วนแม่ก็ทำเกี่ยวกับเครื่องเพชรมีหลายสาขาในจีน แคนนาดาและอังกฤษ พ่อกับแม่ทำงานไม่ค่อยมีเวลาอยู่บ้านหรอกแต่ท่านก็มักจะหาเวลามาทานข้าวเย็นกับฉันทุกวัน พ่อกับแม่รักฉันมากและแน่นอนฉันก็รักพ่อกับแม่มาก ....” คริสยังคงเล่าเรื่องราวถึงที่บ้านให้ฟังแต่ชานยอลที่นั่งฟังก็พยักหัวรับเป็นครั้งคราว ทำเป็นนั่งฟังเรื่องราวที่เรียงร้อยออกจากกลีบปากที่วาดรอยยิ้มของคนข้างกาย แต่ความคิดของชานยอลกลับวิ่งไปไกลกว่านั้น
ใครๆก็รักพ่อแม่ของตัวเองและพ่อแม่ก็ต้องรักลูกของพวกเขามาก ... แน่นอน มันคงจะไม่ดีถ้าคิดที่จะพรากลูกของพวกเขามา ถ้าจะขัดขวางอนาคตของใครก็คงจะไม่ดี... ใช่ไหม?
“ชานยอล เราจะกลับกันหรือยัง?” คริสเอ่ยถามคนข้างกายที่นั่งนิ่งเมื่อเห็นว่าเขาทั้งสองมาอยู่ที่นี่นานจนเวลาจะล่วงเลยไปดึกเสียแล้ว ชานยอลค่อยๆลุกขึ้นยืนแล้วบิดกายไปมาก่อนที่จะหันมายิ้มให้กับคนด้านหลังที่ยังคงนั่งอยู่
“กลับกันเถอะ” ชานยอลยื่นมือมาหาอีกคนที่ยื่นมือมาจับตอบ ดวงตากลมทอแววระยิบแต่ทว่ากลับหม่นหมอง คริสยิ้มแล้วเดินเคียงคู่กันกลับไปยังเจ้าเอพริลเลียคันเดิมที่จอดไว้ไม่ใกล้ไม่ไกล
“เดี๋ยวก่อนคริส” ชานยอลรั้งมือคนที่เดินนำเบาๆ ชายหนุ่มร่างสูงหันมายิ้มมองคนที่ยืนกัดริมฝีปากแล้วหันหน้าไปทางอื่น ถ้าแถวนี้ไม่มืดเกินไปชายหนุ่มว่าเห็นแก้มกลมนั้นแดงเรื่อ
“หื้ม?” เมื่ออีกฝ่ายเงียบก็เลยลองเรียกหยั่งเชิง ชานยอลค่อยๆหันหน้ากลับมามองสบเข้ากับดวงตาคมเข้ม
“ฉัน... ฉัน... จูบนายได้ไหม” คริสเกี่ยวเอวเล็กให้เข้ามาแนบชิดก่อนจะก้มลงสัมผัสกลีบเนื้อนิ่มที่พูดยั่วเย้าตรงหน้าเสีย ค่อยสัมผัสแทะเล็มเบาๆก่อนจะดูดเนื้อนิ่มที่จูบตอบกลับมา เปลือกตาบางค่อยๆปิดลงรับสัมผัสอุ่นวาบในใจ สมองก็พลันขาวโพลนไปหมดหักความคิดที่ตีกันไปมา สองมือกำเสื้อของคนตรงหน้าแน่น ก่อนที่จะหมดลมหายใจชานยอลทุบอกบอกอีกคนให้ปล่อย คริสละจูบออกอย่างอ้อยอิ่งเพียงนิดก่อนที่จะตามลงมาทาบทับป้อนจูบหวานให้อีกครั้ง .. อีกครั้ง .. และอีกครั้ง จนชานยอลแทบจะขาดใจตาย
ตอนนี้เรื่องราวในหัวหมุนคว้างจนแทบจะแยกไม่ออกว่าสิ่งใดคือสิ่งถูก สิ่งไหนคือสิ่งผิด ตอนนี้ชานยอลไม่ขอรับรู้อะไรแล้ว ขอละลายไปกับจูบหวานๆตรงหน้าก็พอแล้ว กลีบปากที่บดเบียดเข้ามาช่างอ่อนหวานและเร่าร้อนยิ่งนัก สองเรียวลิ้นที่พันเกี่ยวกันต่างพากันแลกเปลี่ยนความหวานที่ซ่านไปทั้งใจ และก่อนที่จะได้ละลายไปกับความหอมหวานตรงหน้ากลีบปากที่เฝ้าแต่บดเบียดก็ละออกอย่างอ้อยอิ่ง คริสจูบซัมมุมปากอิ่มก่อนที่จะดูดดึงกลีบเนื้อนิ่มอีกครั้งก่อนถอนออก
“กลับกันเถอะ” เสียงนุ่มเอ่ยบอกกับคนที่หมดแรงอยู่ในอ้อมกอด ชานยอลหอมเอาอากาศหายใจเข้าปอดให้เต็ม มือข้างหนึ่งทุบลงอกกว้างนั้นเบาๆด้วยเพราะเรี่ยวแรงยังกลับมาไม่ครบ
“กลับบ้านของเรากันชานยอล” เปลือกตาบางปิดลงเพื่อรับสัมผัสอุ่นที่ข้างแก้ม เสียงนุ่มที่กระซิบอยู่ชิดริมหูทุกครั้งก็ทำให้หัวใจของชานยอลสั่นเสียจนยอมแพ้ในทุกๆเรื่อง ..ชานยอลแพ้อย่างราบคาบ
แต่หลังจากที่จูบกันที่ริมแม่น้ำฮันคืนนั้น ชานยอลก็พยายามที่จะหลบหน้าคริสให้ได้มากที่สุด บางครั้งก็โดดเรียนโดยที่คริสไม่รู้อีกตั้งหาก พักนี้คริสโดนเรียกให้พบผู้อำนวยการอยู่บ่อยครั้งและทุกครั้งก็จะเข้าไปเสียนาน ชานยอลถ้าไม่นั่งเรียกคนเดียวก็โดดไปยังสถานที่ลับของกลุ่มเพื่อนและแน่นอนที่คริสไม่รู้ ก็ไม่แปลกที่คาบนี้คริสกลับมาแล้วไม่เห็นคนข้างกาย
ตลอดเที่ยงคริสพยายามตามหาชานยอลแต่ก็ไม่เจอใครเลย ทั้งชานยอลและแก๊งเพื่อน โทรหาก็ปิดเครื่องซ้ำคนอื่นก็ไม่ยอมรับสายเสียอีก ถามเพื่อนในห้องของพวกเซฮุน ไคหรือแม้แต่คยองซู พอไปถามถึงห้องเรียกของพวกคยองซูเพื่อนๆก็ให้คำตอบว่ายังไม่เห้นหน้าทั้งสามเลย คริสเองก็ร้อนใจว่าชานยอลไปไหน ทำอะไรหรือตอนนี้อยู่ที่ไหน
จนเลิกเรียนคริสก็ยังไม่เห็นชานยอลทั้งๆที่เมื่อเช้าก็มาเรียนพร้อมกันด้วยซ้ำแล้วตอนนี้คนที่คอยอยู่ข้างกายเขาอยู่ที่ไหนกันแน่ คริสกดออดเพียงไม่นานคุณแม่ของชานยอลก็เดินออกมาพร้อมกับรอยยิ้มและเชื้อเชิญให้ตนเข้าบ้าน
“ชานยอลเหรอจ๊ะ? ก็เจ้าตัวดีบอกว่าไม่สบายเลยกลับมาก่อนแล้วนี่เขาไม่ได้บอกเราเหรอ? น่าตีจริงๆเด็กคนนี้”
“ชานยอลอยู่บนห้องใช่ไหมครับ ผมขอขึ้นไปตามชานยอลนะครับ” เธอยิ้มแล้วพยักหน้ารับก่อนที่จะหันกลับไปทำมื้อเย็นต่อ
ยังไม่ทันที่คริสจะเปิดประตูห้องนอนออก บานประตูนั้นก็ถูกเปิดออกมาด้วยมือของเจ้าของห้องเอง ดวงตาโตที่แดงรื้นกับรอยยิ้มระคนแปลกใจที่ส่งมาให้คนตรงหน้าแต่ก็ไมได้เชื้อเชิญให้ใครอีกคนเข้าห้องอย่างเช่นทุกที
“มาทำอะไรที่นี่น่ะ?” คริสเลิกคิ้วกับคำถามอย่างนั้นของชานยอลแต่ก็เลือกที่จะมองข้ามมันไป
“วันนี้ทำไมโดดเรียนแล้วทำไมถึงกลับบ้านมาก่อน ปิดมือถือทำไม” ชานยอลเอียงคอแล้วหัวเราะคิกคัก
“จะให้ตอบคำถามไหนก่อนดีละ?” คริสขมวดคิ้วตีหน้ายุ่งใส่คนที่ยืนพิงบานประตูห้องนอนที่ปิดแล้ว มือใหญ่เอื้อมออกไปจับมือของอีกคนขึ้นมากอบกุมแล้วแบมือแนบแก้มลงกับฝ่ามือนิ่ม
“เป็นอะไร ชานยอลบอกมาเถอะว่าคิดอะไรอยู่” คริสเอื้อมมืออีกข้างออกไปแนบแก้มใสที่แดงเรื่อไว้
“ไม่มีนิ ... ไม่มีจริงๆ” เมื่อโดนสายตาคู่คมนั้นคาดคั้น ชานยอลก็ต้องย้ำคำว่าตนนั้นไม่มีอะไรจริงๆ แต่คริสไม่เชื่อ ถ้าไม่มีอะไรจริงๆน้ำตาที่คลอขังอยู่ในหน่วยตานี่คือสิ่งใดกัน
“ชานยอล บอกฉันนายกำลังเป็นอะไร” ชานยอลดึงมือที่แนบแก้มของคริสออกแล้วปัดมือที่แนบแก้มตัวเองออกก่อนที่จะตบลงบนอกกว้างเบาๆหลายๆที
“ไปแม่น้ำฮันกัน” คริสมองอีกฝ่ายแล้วจ่ายรอยยิ้มบางคล้ายกับอีกคนที่ส่งรอยยิ้มตอบ
“ให้ไปเอารถไหม?” ชานยอลยืนนิ่งคิดเพียงครู่ก่อนที่จะพยักหน้ารับแล้วส่งรอยยิ้มคืนคนที่ลูบหัวเขาอยู่
“มารับที่บ้านนะ จะรอ”
สถานที่เดิม พราวระยิบหลากสีบนผิวน้ำ ลมเย็นๆที่พัดตีเข้าใบหน้า ชานยอลยืนมองออกไปไกลๆ ไกลจนแทบไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วตนนั้นมองสิ่งใดอยู่ คริสโอบกอดคนตัวเล็กกว่าจากด้านหลังแล้ววางคางไว้บนไหล่เล็ก เปลือกตาบางปิดลงเพื่อไล่ม่านที่บังสายตาให้มัวก่อนจะลืมตาขึ้น ... หยดน้ำตาไหลกลิ้งผ่านแก้มใสไป
กายบางสั้นเบาๆคริสคิดว่าคนในอ้อมแขนอาจจะหนาวเพราะคืนนี้อากาศเริ่มเย็นลงแล้ว แขนยาวโอบกระชับกายเล็กให้แนบชิด ชานยอลแทบจะจมฝังหายไปกับแผ่นอกกว้างนั้น ชานยอลวางมือทับอ้อมแขนยาวที่กอดตนไว้ก่อนที่จะก้มหน้าลงแล้วผละอ้อมแขนนั้นออก กายบางหมุนกลับไปหาใครอีกคนด้านหลัง ที่ตรงนี้ที่ยืนกันอยู่นั้นแสงไฟไม่สว่างเท่าไหร่นัก ไม่มากพอที่คริสจะมองเห็นริ้วรอยความเสียใจของคนตรงหน้า
“คริส..” น้ำเสียงทุ้มเอ่ยเรียกแผ่วเบา เจ้าของชื่อขานรับในลำคอพร้อมกับยื่นมืออกไปไล้ข้างแก้มใสเบาๆ ผิวเนื้อที่เริ่มเย็นค่อยๆส่งผลกับหัวใจของคนสัมผัสราวกับมีน้ำแข็งแช่แข็งหัวใจและสมองของตนไว้
“เราเลิกกันเถอะ” มือที่ไล้แก้มใสชะงักค้างเหมือนกับคนฟังที่หยุดหายใจเช่นกัน
“ทำไม” ชานยอลถอยหลังหนึ่งก้าวแล้วก้มหน้าลง
“ไม่รู้ๆๆๆ ทางเดินของเราไม่ใช่เส้นเดียวกันหรอก นายกลับบ้านไปเถอะ” ชานยอลส่ายหัวไปมาก่อนที่จะปล่อยให้หยดน้ำตาไหลกระทบกับพื้นดิน
“จะไม่ใช่ได้ไง ไม่ว่ายังไงฉันก็ไม่ยอมเลิกเด็ดขาด ชานยอลเรามาคุยกันก่อนสิ ฟังฉันก่อน” ชานยอลยกมือขึ้นปิดหูแล้วส่ายหน้าไปมา
“ถึงฉันจะไม่อยากให้นายไปแต่นายกลับไปเถอะ อีกแค่ไม่กี่วันเอง อีกแค่ไม่กี่วันนายก็ต้องกลับไปแล้ว อย่ารั้งฉันไว้เลย!” แล้วชานยอลที่ระเบิดไว้ก็วิ่งหนีจากไป คริสวิ่งตามแต่ก็ไม่ทันชานยอลที่วิ่งขึ้นรถยนต์ที่จอดรออยู่ รถคันนั้นขับออกไปอย่างรวดเร็วก่อนที่คริสจะวิ่งมาถึงเสียอีก
“ชานยอลเดี๋ยวก่อน กลับมาคุยกันก่อน!!” เมื่อรถยนต์คันนั้นแล่นออกไป คริสก็วิ่งกลับไปขับเจ้าบิ๊กไบค์ทะยานออกตามไป
คริสขับเอพริลเลียคันใหญ่วนตามหา ไม่ว่าจะเข้าซอย ตรอกหรือต้องขับวนทั้งเมืองหาทั้งคืนก็ตามคริสก็ยังไม่เจอแต่แม้แต่เงาของรถคันนั้น จะไปตามหาบ้านเพื่อนชานยอลก็ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน แม้จะโทรไปหาก็ไม่มีใครติดต่อได้เลยสักคน คริสเบี่ยงเจ้าคัวใหญ่ไปทางริมถนนแล้วจอดยกมือถือขึ้นกดโทรหาใครอีกคนรู้ว่าโทรไปก็ไม่สามารถติดต่อได้ แต่แค่อยากให้ได้ยินเสียง
...กรุณาฝากข้อความหลังสัญญาณนี้ค่ะ ปิ๊บ...
“ชานยอลอยู่ที่ไหน มาคุยกันก่อน เราต้องคุยกันนะชานยอล ขอร้องล่ะ ฟังกันก่อนมันไม่ใช่แบบนั้นนะ ชานยอลได้โปรดกลับมาหาฉัน ฟังฉันพูดก่อน อย่าคิดไปเองคนเดียว ฟังกันก่อน ได้โปรด...” คริสฟุบหน้าลงกับมือที่รองซับน้ำตา เสียงสะอื้นดังเข้าเครื่องตอบรับเสียงโดยที่เจ้าตัวไม่รู้เลยว่ายังไม่ได้กดตัดสาย คริสยังคงนั่งก้มหน้าสะอื้นกับตัวเอง .. ถ้าทำอะไรชัดเจนกว่านี้ก็คงดี
อีกแค่ไม่กี่วันหลังจากวันนี้ก็เป็นวันเตรียมสอบของเด็กมัธยม จะไปหรือไม่ไปโรงเรียนก็ไม่มีผลเพราะยังไงเหล่าครูผู้สอนก็แค่จะให้ทุกคนอ่านหนังสือกันเองและแน่นอนก็ไม่ค่อยจะมีใครไปกันหรอก รวมถึงชานยอลและแก๊งเพื่อนด้วย คริสก็ยังคงออกตามหาในที่ๆที่คิดว่าชานยอลอาจจะไป แม้ว่าจะตามไปจนถึงบ้านของเซฮุนแล้วก็ตามแต่ก็ไม่มีใครอยู่เลย คริสมองใบกระดาษที่จดที่อยู่ของบ้านคยองซูและไคที่ไปขอมาจากห้องปกครองก่อนที่จะทะยานเจ้าเอพริลเลียไปตามทาง
คริสอยากจะบอกว่าเจ้าเอพริลเลียคันนี้เขาขอซื้อต่อมาจากพี่ซึงคยองแล้วเพราะชานยอล คริสตั้งใจว่าก่อนสอบจะพาชานยอลไปทะเลอีกครั้ง แต่ทำไมตอนนี้ชานยอลถึงหนีเข้าไปเสียแล้วล่ะ.. บิ๊กไบค์คันใหม่แล่นมาหยุดที่หน้าบ้านหลังใหญ่ของคยองซู เมื่อจอดรถได้เสร็จคริสก็ไม่รอช้าเดินเข้าไปกดออดเรียกคนในบ้านทันที ไม่นานคุณป้าร่างท้วมก็วิ่งออกมาพร้อมกับรอยยิ้ม
“มาหาใครจ๊ะพ่อหนุ่ม” คริสก้มหัวลงก่อนที่จะส่งยิ้มบางๆให้
“คุณป้าครับผมมาหาชานยอล ชานยอลอยู่ที่นี่กับคยองซูหรือเปล่าครับ” คุณป้ายิ้มก่อนจะส่ายหน้า
“ไม่ค่ะ คุณหนูชานยอลไมได้มาที่นี่นานแล้วค่ะ มีอะไรหรือเปล่าคะ?”
“แล้วคยองซูล่ะครับ เขาอยู่ไหม” คุณป้ายังคงยิ้ม
“ไม่อยู่จ๊ะ ไปสัมมนากับคุณหญิงจ๊ะ ค่ำๆโน้นถึงจะกลับให้ฟ้าฝากบอกอะไรถึงคุณหนูคยองซูไหมจ๊ะ” คริสก้มหน้าลงซ่อนความผิดหวังเอาไว้
“ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณครับ” คริสโค้งตัวลงอีกครั้งก่อนที่จะหันหลังกลับไปขึ้นคร่อมบิ๊กไบค์คันเดิม เพียงไม่กี่อึดใจเสียงคำรามของเจ้าสัตว์ใหญ่ก็ดังขึ้นแล้วทะยานออกไป
“ทำไมไม่คุยกันให้รู้เรื่องวะ” คยองซูลูบแผ่นหลังของเพื่อนที่สะอื้อจนตัวโยนเบาๆเพื่อปลอบประโลม
“เออ แม่งตามไปทุกที่เลยเนี่ย” ไคบ่นกระปอดประแปดแต่ก็ไม่ลืมที่จะเอื้อมมือมาลูบหัวเพื่อนที่ยืนก้มหน้าอยู่ชิดหน้าต่าง
“ชานยอล ไร้สาระมากเกินไปแล้วนะ” เซฮุนเอ่ยพูดเสียงแข็ง ไคและคยองซูหันกลับมามองก่อนที่จะส่ายหน้าไม่อยากให้เซฮุนพูดต่อ
“ถ้ายังไม่หยุดทำอะไรบ้าๆแบบนี้ฉันจะไม่อยู่กับนายแล้วนะ” ชานยอลเงยหน้าขึ้นแล้ววิ่งเข้ามากอดเซฮุนไว้
“ไม่เอาไม่ให้ไปนะ แต่.. ฮึก.. ไม่อยากพูดกับคริสตอนนี้” เซฮุนลูบหัวเพื่อนเบาๆ
“ทำไม” ชานยอลกอดเพื่อนตัวเองแน่นกลัวว่าเพื่อนจะหนีไปจริงๆ ไคและคยองซูก็ตามเข้ามาสมทบ
“ก็.. ไม่อยากให้คริสกลับจีน.. ตะ..แต่ มันเป็นไปไม่ได้” เซฮุนผละเพื่อนตัวสูงกว่าออกแล้วที่จะเช็ดน้ำตาให้
“แล้วมึงรักเขาหรือเปล่าล่ะ? ถ้ารักต้องรั้งไว้เข้าใจไหม” ชานยอลส่ายหน้า
“แต่อนาคตเขา กูทำลายไม่ได้หรอก” เซฮุนถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะดีดหน้าผากขาวไปแรงๆ
“ประสาท!! อนาคตของไอ้นกหัวเถิกนั่นก็คือมึง! อย่าทำตัวงี่เง่า เพราะถ้ามึงยังงี่เง่าอยู่แบบนี้มีงจะเสียมันไปจริงๆ” แล้วเซฮุนก็เดินออกจากห้องนอนของคยองซูที่ทุกคนมารวมตัวกันตามด้วยไคและเจ้าของห้อง ชานยอลยังคงอยู่ในห้องนั้นคนเดียว
เมื่อกี้ชานยอลมองอยู่เห็นทุกกิริยาและท่าทาง ที่ร้องไห้สะอื้นจนจะขาดใจก็เพราะร่างสูงนั้นที่ดูห่อเหี่ยวและไม่ร่าเริงนั่นล่ะ ไหล่กว้างก็ลู่ตกอย่างคนหมดอาลัย ไม่รู้แล้วว่าสิ่งที่ทำอยู่นี้ถูกหรือเปล่า ทำถูกไหมที่จะปล่อยให้อีกคนเดินไปตามเส้นทางของเขา เส้นทางที่ไม่มีเรา เส้นทางที่ปลายทางข้างหน้าไม่มีเราสองคน ชานยอลเดินไปล้มตัวลงนอนบนเตียงของคยองซู กายเล็กที่ซูบผอม ดวงตากลมบวมช้ำและแก้มกลมที่เคยมีเลือดฝาดกลับขาวซีด
จะทรมานตัวเองไปเพื่ออะไรกันนะ... ชานยอลคว้ามือถือที่วางไว้บนโต๊ะหัวเตียงขึ้นมากดเปิดเครื่อง รอเพียงไม่นานเครื่องก็พร้อมใช้งานและยังไม่ทันที่จะได้ทำอะไรเสียงเตือนของมันก็ดังขึ้นถี่รัว รัวเสียจนชานยอลยังตกใจ ทั้งสายที่ไม่ได้รับ ข้อความเข้าและข้อความทางโปรแกรมแชทอีกเยอะแยะมากมาย มันดังรัวเสียจนชานยอลตกใจ กว่าที่จะหยุดได้ก็นานเกือบนาที ข้อความสุดท้ายที่ส่งเข้ามาคือเตือนว่ามีข้อความเสียงที่ฝากไว้ ปลายเรียวนิ้วก่อนเพื่อฟังมัน แล้วชานยอลก็รู้ว่าตัวเองพลาดไปแล้ว พลาดทุกอย่าง..
ชานยอลอยู่ที่ไหน มาคุยกันก่อน เราต้องคุยกันนะชานยอล ขอร้องล่ะ ฟังกันก่อนมันไม่ใช่แบบนั้นนะ ชานยอลได้โปรดกลับมาหาฉัน ฟังฉันพูดก่อน อย่าคิดไปเองคนเดียว ฟังกันก่อน ได้โปรด... อึก... ฮือ.. ชานยอล … ชานยอล.. ฮืออออ.. อึก... กลับมา ขอร้อง.... กลับมา... อึก...
พลาดที่รักคริส พลาดที่หนีมาและพลาดที่ทำให้คริสร้องไห้... หัวใจของคนทั้งคู่ก็เจ็บปวดไม่ต่างกันหัวใจทั้งสองดวงก็ร้องไห้ไม่ต่างกัน แต่ในเมื่อมันกลับไปแก้ไขไม่ได้ชานยอลก็เลือกที่จะกดฟังมันซ้ำไปซ้ำมาแล้วก็นอนร้องไห้กับความเสียใจนั้นจนพล็อยหลับไป .. ก็แค่อยากตื่นมาแล้วพบว่าทั้งหมดมันแค่เรื่องที่เราฝันไป ฝันร้ายที่จะต้องจบสักวัน... แต่เมื่อไหร่ที่มันจะจบกันนะฝันนี้
กว่าที่ชานยอลจะลืมตาตื่นก็ปาเข้าไปเกือบสองทุ่มแล้วนี่ถ้าไม่ได้เพื่อนทั้งสามมาปลุกนะชานยอลก็คงจะหลับยาวและหลังจากที่ร้องไห้ติดต่อกันนานๆ ข้าวปลาก็ไม่ค่อยจะได้กินก็เลยส่งผลให้ร่างกายของชานยอลนั้นป่วย คยองซูโทรเรียกหมอประจำบ้านให้มาดูชานยอล เซฮุนกับไคก็ช่วยกันป้อนข้าวป้อนน้ำแล้วก็เช็ดตัวให้พร้อมทั้งที่บ่นสลับกันจนชานยอลยู่หน้า
“นี่กูป่วยอยู่นะ” เซฮุนกับไคเหลือบตามอง
“ป่วยแล้วไง? หูมึงพิการเหรอ?” ชานยอลแบะปากใส่ไคแล้วหันมาอ้อนเซฮุน
“ไม่ต้องมอง ก็เพราะงี่เง่าไงถึงได้ป่วยแบบนี้” เกิดเป็นปาร์คชานยอลที่มีพ่อสุดโหดสองคนนี่ไม่ใช่ง่ายๆเลยนะ
“แล้วทีนี้จะเอายังไงต่อ” ชานยอลมองหน้าเพื่อนรักทั้งสามก่อนที่จะส่ายหน้า
“ไม่รู้สิ... ก็อาจจะปล่อยเลยผ่านไปมั้ง” เซฮุนตีหน้ายุ่งทันทีหลังจากที่ได้ยินเพื่อนรักพูดแบบนั้น
“ไม่ได้นะ ถ้ามึงปล่อยมึงก็เจ็บ มันก็เจ็บแล้วทางข้างหน้ามันจะมีความสุขได้ยังไงวะ!” เซฮุนควาดลั่นเป็นครั้งแรกจริงๆที่คนนิ่งๆ อารมณ์เย็นอย่างเซฮุนจะระเบิดเสียงดังได้ขนาดนี้
“เวลา.. คงช่วยทุกอย่างได้เองแหละ” แล้วชานยอลก็หลับตาลงปิดการสนทนา ก็แค่เจ็บตอนนี้ แต่ต่อไปเราอาจจะไม่ได้เจอกันอีกก็ได้ ทั้งสามมองหน้ากันก่อนที่จะถอนหายใจแล้วก็ไม่มีใครพูดอะไรออกมาอีกเพราะเรื่องความรักมันเป็นเรื่องของคนสองคน หยดน้ำตาที่ขังอยู่หลังเปลือกตากำลังจะทะลายแผงกั้นออกมา หัวใจที่กำลังเต้นอยู่เจ็บปวด ปวดจนแทบจะหยุดเต้น..
ชานยอลที่ว่าหัวใจเจ็บเจียนตายแล้ว .. คริสก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่นัก ร่างที่นั่งก้มหน้าแทบชิดขาอยู่ปลายเตียง ประสานมือพาดไปกับขา เปลือกตาหลับลงอย่างต้องการพักผ่อนและลืมเรื่องบางอย่างที่รบกวนจิตใจและที่ทำให้ไม่ได้นอนเต็มตาสักคืน แต่ยิ่งจมอยู่กับตัวเองมากเท่าไหร่คริสก็ยิ่งคิดถึงใครอีกคนขึ้นมาจับใจ แม้ว่าอยากที่จะอธิบายเรื่องราวทั้งหมด อยากพูดคุยปรับความเข้าใจกันแต่ชานยอลที่หนีไม่ยอมพบหน้าก็ทำให้ตัวเขาหงุดหงิดอยู่ไม่น้อย
ยอมรับเลยว่าโกรธชานยอลที่ทำเรื่องวุ่นวายให้แต่ทว่ากลับโกรธตัวเองมากกว่าที่ไม่ยอมอธิบายให้ฟังเสียตั้งแต่แรก ลืมไปว่าปาร์คชานยอลน่ะดื้อกว่าเด็กตัวเล็กๆเสียอีก กลีบปากบางค่อยๆจุดรอยยิ้มขึ้นเมื่อยามที่นึกถึงคนตัวเล็กกว่า อยากจะไปหา อยากไปมองหน้า อยากสัมผัส อยากรู้ว่าตอนนี้คนที่กุมหัวใจของตนอยู่นี้จะเป็นอย่างไรบ้าง กินข้าวหรือเปล่า นอนพักผ่อนหรือไม่ ป่วยอยู่ไหม .. แต่ก็ได้แค่คิดเพราะไม่ว่าจะไปบ้านของแก๊งนั้นก็ไม่มีใครอยู่เลย ไม่ใช่ไม่มีใครอยู่แต่ไม่ยอมให้เข้าพบมากกว่า คริสรู้ว่าชานยอลจะต้องอยู่ที่บ้านใครสักคน แต่ถึงจะรู้ก็เข้าไปหาไม่ได้อยู่ดี
“อย่าทรมานฉันอีกเลยนะชานยอล” คริสก้มหัวลงแทบจะซบอยู่ที่ขาของตัวเอง สองมือขึ้นตั้งประสานไว้เหนือหัว หมดแรงแล้วจริงๆ...
“คริส ถ้าเก็บกระเป๋าเสร็จก็ลงมาทานข้าวนะจ๊ะ” เสียงของคุณป้าเจ้าของบ้านที่เขาอาศัยเคาะประตูเรียก คริสค่อยๆเงยหน้าขึ้นก่อนที่จะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ดวงตาคมที่อ่อนแรงปรายมองไปยังมุมห้องที่มีกระเป๋าเสื้อผ้าวางนอนนิ่ง เขาจัดเสร็จนานแล้วแต่ก็แค่ไม่อยากจะสนใจมันเท่านั้น
ชายหนุ่มเดินออกไปยังสวนเด็กเล่นๆในระแวกบ้านด้วยเพราะยังไม่อยากทานอะไรทั้งนั้น ตอนนี้เรื่องราวมันเยอะมากมายจนสุ่มใจของเขาให้ฟุ้งซ่านไปเยอะ มากเกินกว่าที่จะมานั่งกินข้าวทำอารมณ์ดีแล้วก็ไปจากประเทศที่เขาอยู่แล้วสบายใจนี้ คริสยอมรับว่าตัวเองอาจจะทรยศต่อบ้านเกิดแต่ทว่าการที่ได้มาประเทศนี้ เขารู้สึกรักที่นี่จริงๆ ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมตัวเขาถึงเลือกมาแลกเปลี่ยนที่นี่ ทั้งๆที่เขาสามารถเลือกไปที่อื่นได้
หรืออาจจะเป็นเพราะ ..โชคชะตา.. ที่ทำให้เขามาที่ประเทศนี้ คล้ายกับได้กลับมายังบ้านเก่าบ้านเกิด ทั้งๆที่เขาเป็นคนจีนเกิดและโตที่จีน แต่ทำไมถึงคิดว่าบ้านเมืองนี้เป็นบ้านเมืองของเขากันนะ หรือเพราะประเทศนี้มีปาร์คชานยอลอยู่ ... ก็อาจจะเป็นได้ คิดได้แบบนั้นกลีบปากบางก็วาดรอยยิ้มขึ้น แก้มขาวซีดค่อยๆซับสีเลือดจางๆ ถึงจริงๆแล้วคริสจะเป็นคนนิ่งติดออกจะเย็นชาแต่ใครเลยจะรู้ว่าท่าทีแบบนั้นก็แค่ทำกลบเกลือนความเขินไปแบบนั้นเอง
คริสมีความลับที่ไม่เคยบอกใครหรือแม้แต่ชานยอลเอง ก่อนที่จะมาแลกเปลี่ยนที่นี่หนึ่งเดือนคริสเคยฝันถึงใครคนหนึ่ง คนที่ยิ้มแล้วน่ารัก คนที่ดวงตากลมโตมักจะสะท้อนเป็นเงาของตนเสมอ คนที่มักจะร้องเรียกชื่อตัวเขาและเอ่ยบอกคำรัก คริสจดจำใบหน้านั้นได้ขึ้นใจ ครั้งแรกที่เจอกันเขาถึงจ้องใบหน้าน่ารักนั้น ดวงตากลมโตที่ทอดมองมาที่เขาจ้องตอบแล้วก็ใจสั่นเสียเอง .. หรือนี่จะเป็นโชคชะตาที่ขีดให้ทั้งสองมาเจอกันนะ
“คิดถึงนายจังชานยอล เมื่อไหร่จะเลิกทำตัวเป็นเด็กๆแล้วหันมาคุยกันนะ ปวดใจจะแย่อยู่แล้ว” คริสยืนล้วงกระเป๋ากางเกงแล้วเงยหน้ามองท้องฟ้าที่ทอแสงสีส้ม กลีบปากได้รูปวาดรอยยิ้มก่อนที่จะหมุนตัวแล้วเดินกลับไปทางเดิม ทิ้งเรื่องราวที่เจ็บเจียนตายไว้เบื้องหลัง.. บางทีเวลาอาจจะช่วยให้ดีขึ้นก็เป็นได้
แต่บางทีเวลาก็ไม่ได้ช่วยอะไรให้ดีขึ้น รั้งแต่จะซ้ำ ย้ำรอยเดิมให้บาดลึกและเหวอะหวะยิ่งขึ้นก็เป็นได้... เวลาอาจจะไม่ได้เยี่ยวยาอะไร แต่เป็นตัวเรานั่นล่ะที่จะเยี่ยวยาทุกอย่างเอง
…อย่าทิ้งข้านะ คุณชายอี้ฟาน อย่าทิ้งข้าไป ข้าอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีท่าน...
...ข้าไม่เคยทิ้งเจ้า นกน้อยของข้า ข้าจะไม่ทิ้งเจ้าไปไหน...
เช้าแล้ว.. ชานยอลค่อยๆลืมตาตื่น อาการตัวรุมๆหายไปหมดแล้วจะเหลือก็แต่ไข้ใจนี่ล่ะ เพื่อนตัวสูงยาวนอนกลิ้งไปมาในห้องรับแขกของบ้านเพื่อนตัวเล็กตาโต ก่อนที่จะลุกขึ้นนั่งแล้วมองออกไปนอกหน้าต่าง แสงแดดอ่อนๆที่สาดเข้ามาเรียกรอยยิ้มจากคนเพิ่งตื่นได้ไม่ยากเลย ชานยอลเหลือบตามองนาฬิกาเรือนเล็กที่โต๊ะข้างหัวนอนแล้วก็เบ้ปาก
“จะเที่ยงแล้วเหรอ? มิน่าล่ะหิวแล้วเนี่ย” ชานยอลตลบผ้าห่มออกหมายว่าจะลงไปกินข้าวเสียหน่อย และวันนี้กะไว้ว่าจะกลับไปหาใครบางคนเสียหน่อย คิดถึงอยากกอด..
มื้อเที่ยงนี้นอกจากจะมีคุณหนูทั้งสามแล้วยังพ่วงคุณหนูชานยอลมาร่วมทานมื้อเที่ยงเสียด้วย เป้าแม่บ้านและเด็กรับใช้ต่างก็ยิ้มแก้มปริที่วันนี้คุณหนูแสนร่าเริงลงมาทานข้าวเอง วันนี้บนโต๊ะอาหารมีอาหารมากมายวางเรียงรายไว้ และคุณหนูทั้งสี่ต่างก็สนุกกับการร่วมกินมื้อเที่ยงร่วมกัน
“เอาจริงเหรอ? คิดได้แล้วเหรอ?” คยองซูเอ่ยถามหลังจากที่ชานยอลขอยืมรถจากเซฮุนเพื่อที่จะกลับไปหาคริส
“ก็เปล่าหรอก แค่จะทำตัวให้ชัดเจนว่าเราจะเลิกกันจริงๆ”
“ตามใจมึงนะ ถ้ากลับมาคราวนี้ร้องไห้กลับมาแบบเดิมอีกกูจะกระทืบมึง” ชานยอลยิ้มกว้างๆให้เซฮุน ดูก็รู้ว่าเซฮุนไม่ทำหรอก
“กูเอาจริง” คล้ายกับรู้ความในใจ ชานยอลยู่หน้าลงอย่างขัดใจ
“อย่าไปสนใจไคกับเซฮุนเลย ไปเถอะ อย่างน้อยก็คุยกันให้รู้เรื่องซะนะ” ชานยอลยิ้มให้คยองซูก่อนที่จะขอตัวขึ้นห้องนอนเพื่อไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า
ชานยอลเดินฮัมเพลงขึ้นมายังชั้นสอง อย่างน้อยก็ขอบิ๊วท์อารมณ์ดีๆไปเจอหน้ากันหน่อยล่ะกัน ยังไม่ทันก้าวเท้าเดินยังไปห้อง หูของชานยอลก็ได้ยินเสียงริงโทนมือถือของตัวเองในห้องทั้งๆที่เมื่อคืนก็ไม่ได้เปิดเสียงไว้ สองเท้ายาวรีบวิ่งไปยังห้อพักของตัวเองแต่ก็ช้ากว่าเสียงนั้นดับไปแล้ว เพียงไม่นานมันก็ดังขึ้นอีก บานประตูถูกเปิดออกพร้อมกับคนที่มาอาศัยห้องนี้วิ่งเข้าไปรับก่อนที่มันจะดับ
“.......” ก่อนที่เสียงร้องจะดับมือเรียวก็คว้ามากดรับและยังไม่ทันที่จะได้เอ่ยอะไรออกไป เสียงนุ่มของใครอีกคนก็เอ่ยพูดออกมา
“ชานยอล ถ้านายได้ยินข้อความนี้ฉันอาจจะบินกลับจีนแล้วก็ได้ เฮ้อ... ฉันทรมานจริงๆนะที่ไม่มีนายอยู่เคียงข้าง ไม่รู้ว่าเพราะอะไรแต่ฉันรู้สึกว่าฉันขาดนายไม่ได้จริงๆ นายอาจจะไม่เคยได้ยินฉันพูดคำนี้แต่ฉันรักนายจริงๆนะ เรากลับมาเหมือนเดิมได้ไหม กลับมาคุยกัน กลับมาเหมือนเดิม ทุกๆวันที่ไม่มีรอยยิ้มของนายมันทำให้โลกของฉันไม่สดใสเลย”
“นายอาจจะไม่เชื่อแต่ฉันชอบรอยยิ้มของนาย ชอบเสียงหัวเราะของนาย ขอบทุกอย่างที่รวมกันเป็นปาร์คชานยอล .. ชานยอลฉันยังรอนายอยู่นะ ฉันจะไม่ยอมเลิก ฉันเข้าใจว่านายคิดอะไรอยู่ นายห่วงชีวิตฉัน นายห่วงอนาคตของฉันแต่ชานยอล ... ทั้งชีวิตและอนาคตของฉันคือนายนะ วันนี้ฉันจะบินกลับจีนตอนบ่ายสองโมงนะ ฉันจะไม่บอกให้นายรอฉันแต่อย่าเลิกรักฉันนะ ชานยอลฉันรักนายนะ”
“อึก... คริส” หยดน้ำตาไหลอาบนองหน้า มือเล็กยกขึ้นปิดปากกลั้นเสียงสะอื้น ดวงตากลมหันมองนาฬิกาเรือนเล็กก่อนที่จะเบิกตากว้าง
“บ่ายโมงครึ่ง!! แย่แล้ว!!!” ชานยอลรีบวิ่งออกจากห้องนอนทันที เสียงดึงตึงตังจากชั้นบนเรียกให้ทั้งสามคนที่ยังนั่งคุยกันเงยขึ้นมอง
“ไอ้เซฮุนขอกุญแจรถหน่อย!!” ชานยอลวิ่งปรี่เข้ามาอย่างไว เซฮุนล้วงมือลงกระเป๋ากางเกงแล้วโยนส่งให้คนที่รับมันได้อย่างพอดิบพอดี
“จะรีบไปไหนวะ” เซฮุนเอ่ยถามแต่ชานยอลกลับวิ่งตัวปลิวออกไปแล้วแต่ก็ยังตะโกนตอบกลับมาตามลม
“ไปสนามบิน~~” ทั้งสามมองหน้ากันก่อนที่จะยกยิ้มให้กัน ไคชูนิ้วโป้งให้คยองซูที่แอบไปเปิดโทรศัพท์ของชานยอลไว้ แต่ก็น่าใจหายนะที่วันนี้คริสจะบินแล้ว ก็แหงล่ะไปสนามบินจะให้คิดเป็นอื่นได้อย่างไร
คริสลดเครื่องมือสื่อสารที่แนบหูมองหน้าจอที่ถูกตัดสายไปแล้วอย่างฉงน เมื่อกี้ถ้าหูไม่ฟาดคริสได้ยินเสียงสะอื้นไห้เบาๆ แต่มันจะเป็นไปได้อย่างไรที่เสียงตอบรับอัตโนมัติจะมีเสียงสะอื้น สงสัยจะคิดถึงคนปลายสายมากไป โทรไปกี่ครั้งๆก็ไม่รับจนมันตัดเข้าเครื่องตอบรับเสียทุกรอบจนรอบสุดท้ายยอมฝากข้อความเสียงเอาไว้
“เป็นเอามากแหะ หากาแฟดื่มสักหน่อยดีกว่า” คริสเดินไปยังร้านกาแฟเล็กๆในสนามบินเพื่อรอเวลาเข้าเกท ส่วนกระเป๋านั้นตนไปโหลดลงเครื่องเพื่อเช็คอินนานแล้ว
คริสเลือกนั่งที่โซนนอกร้านเพื่อมองผู้คนที่เดินผ่านไปมา ก็แค่หวังว่าชานยอลจะมาส่งแต่ก็คงทำได้แค่คิด ใบหน้าคมยิ้มบางๆแล้วก้มหน้าลงก่อนที่จะยกแก้วกาแฟขึ้นจิบ มองผู้โดยสารคนอื่นแล้วก็นึกอิจฉาที่คนอื่นมีคนที่รักมาส่งแต่ตนนั้นกลับได้แต่นั่งจิบกาแฟอิจฉาคนอื่นไปเรื่อย ขอบอกเลยว่าตั้งแต่เกิดมามีแต่คนคอยอิจฉาคริสเสมอแต่วันนี้เป็นครั้งแรกเลยที่ผู้ชายคนนี้ต้องมาอิจฉาคนอื่น
“จะโทรไปอีกทีดีไหมนะ” คริสมองหน้าจอมือถือที่เป็นรูปของตัวเขาเองกับเจ้าของดวงตากลมโตนั้น รอยยิ้มกว้างถูกจุดขึ้นที่ริมฝีปากบาง ปลายเรียวนิ้วไล้ที่หน้าจอเบาๆก่อนที่จะวางมันลงกับโต๊ะที่เดิม
“โธ่เว๊ย!!! มึงจะติดไฟคนข้ามถนนอะไรนักหนาวะ!!” ชานยอลสบถแล้วทุบมือเข้ากับพวงมาลัยรถ จะไม่ให้โวยวายได้อย่างไรกันก็ที่ขับออกมาจากบ้านเซฮุนนี่ก็ปาไปไฟที่สี่แล้วนะที่ติดน่ะ!! ถนนก็โล่งอยู่หรอกแค่ไอ้ไฟที่ติดมันเสียทุกแยกเนี่ยมันจะไปทันได้ยังไงกัน!!
“เฮ้ยๆๆ อย่าเพิ่งบ่ายสองดิวะ มึงก็รีบๆแดงได้แล้ว!!” ตะโกนเสียลั่นรถแต่ก็ไมได้ทำให้ไฟนั้นเปลี่ยนสีได้เร็วขึ้นเลย เมื่อไฟข้ามถนนดับลงรถคันสวยแถวหน้าก็พุ่งทะยานออกไปทันที ชานยอลกดเหยียบความเร็วไว้ที่ระดับเกือบจะสองร้อยและแน่นอนแยกข้างหน้าก็กำลังเปลี่ยนเป็นไฟคนเดินข้ามอีกแล้ว
“ผ่าแม่งเลย!” แล้วชานยอลก็เหยียบจนสุดเพื่อพุ่งผ่าไฟแดงออกไป
และเพียงไม่นานชานยอลก็มาอยู่ที่หน้าสนามบินแล้ว ก่อนที่จะลงรถดวงตากลมเหลือบมองนาฬิกาบนหน้าปัดคอนโทรลรถแล้วว่าอีกไม่กี่นาทีก็จะบ่ายสองโมงแล้ว สองขายาววิ่งเข้าไปในตัวอาคารอย่างรวดเร็วเพื่อตามหาใครอีกคน ด้วยความสูงของเขานั้นไม่ใช่เรื่องยากเลยที่จะกวาดตามองหาคนที่สูงกว่าเขาแต่ด้วยที่ไม่รู้ว่าคริสจะไปไฟลท์ไหนหรือนั่งรอที่เกทไหนเนี่ยสิที่เป็นเรื่องยาก
ดวงตากลมคลอหน่วยไปด้วยม่านน้ำและไหลหยดกลิ้งผ่านแก้มใสไป หลังมือบางยกขึ้นปาดมันออกพร้อมกับมองสอดสายตาหาร่างที่คุ้นตา ยิ่งเวลาเดินผ่านไปในแต่ละวินาทีหยดน้ำตาก็ยิ่งคลอรอบหน่วยตา ฟันขาวกัดริมฝีปากไว้เพื่อกลั้นเสียงสะอื้น ทั้งขอบตาและปลายจมูกที่แดงจัดใครพบเห็นก็มองมายังร่างที่เดินไปก็มองซ้ายที ขวาทีไปแต่ชานยอลไม่ได้สนใจคนเหล่านั้น
“คริสนายอยู่ไหน.. อึก...” นัยน์โตสั่นระริกยังคงมองหาและวิ่งตามหาไม่หยุด และร่างสูงยาวนั้นที่อยู่ไกลลิบก็เรียกให้สองขารีบวิ่งไปให้ไวที่สุด
หลังจากที่นั่งจิบกาแฟจนเพลินคริสก็ลุกขึ้นเดินออกจากร้านไปเพื่อเข้าเกท ใบหน้าคมสันต์หันกลับไปมองด้านหลังคล้ายกับได้ยินเสียงที่คุ้นหูดังอยู่ไกลๆ แต่จะเป็นไปได้อย่างไรก็ในเมื่อตนและชานยอลไม่ได้คุยกันเลย คริสก้มหน้าลงอีกครั้งเพื่อสลัดไล่ความคิดฟุ้งซ่านให้ออกจากหัว แต่ก็ยังคงหวังว่าเจ้าของดวงตากลมโตนั้นจะมาหา
“โอ๊ะ” คริสก้มลงมองเด็กหญิงตัวเล็กที่วิ่งมาชนขาของเขาส้มนอนกับพื้น เด็กผู้หญิงมัดผมปกละที่สวมชูดเดรสสีแดงลายจุดขาวปกทหารเรือกำลังมองหน้าเขาแล้วก็ค่อยๆแบะปากน้ำตาไหล คริสย่อตัวลงนั่งแล้วประคองเด็กหญิงให้ลุกขึ้นยืน
“ไม่เจ็บนะครับ” รอยยิ้มกว้างๆที่ส่งให้เด็กหญิงตัวน้อย เจ้าตัวเลยหยุดร้องไห้ ฝ่ามือใหญ่ลูบผมนิ่มมัดสองแกละของเด็กน้อยเบาๆ
“จะรีบวิ่งไปไหนครับ” มือเล็กๆยกขึ้นปาดเช็ดน้ำตาก่อนที่จะเอ่ยด้วยเสียงสะอื้น
“อึก.. จะวิ่งไปหาพ่อกับแม่ค่ะ” คริสอุ้มเด็กคนนั้นไว้แนบอกก่อนที่จะพาเดินไปส่ง
“เดี๋ยวพี่พาไปหานะครับ”
อยู่ๆร่างสูงยาวนั้นก็หายไปจากสายตาของชานยอล สองขารีบวิ่งเบนไปทางนั้นทันทีแต่เมื่อวิ่งไปแล้วกลับไม่เจอใครเลย ในบริเวณนั้นก็ไม่มีใครเลยที่จะมีรูปร่างสูงยาวแล้วผมสีทอง หยดน้ำตาไหลรินอีกครั้ง ชานยอลหมุนรอบตัวเพื่อมองไปรอบข้างแต่กลับไม่มี หลังมือบางยกขึ้นปิดปากกลั้นสะอื้น ตอนนี้ชานยอลรู้สึกจุกที่ลำคอ จุกจนพูดไม่ออก หัวใจเต้นอย่างเจ็บปวด
“คริสนายอยู่ไหน ฉันขอโทษ” หยาดน้ำอุ่นที่ไหลเป็นสายไม่ต่างกับรอยแผลในใจที่ถูกกรีดยาวเป็นทาง มีดนับร้อยเล่มพันเล่มที่มองไม่เห็นค่อยๆกรีดหัวใจจนแทบจะไม่เหลือชิ้นดี
“อึก.. กลับมา ขอโทษ” ชานยอลก้มหน้าลงปล่อยให้หยดน้ำตาไหลรินลงสู่พื้น ปล่อยสะอื้นกับหลังมือที่ยกขึ้นปิดปาก ไหล่เล็กสะท้านไหวอย่างน่าสงสาร เปลือกตาบางเปิดขึ้นปล่อยสายน้ำอุ่นที่กักเก็บไว้ก่อนที่จะเห็นพาสปอร์ตนอนนิ่งอยู่ใกล้ๆเท้า คนตัวบางย่อตัวลงนั่งแล้วหยิบหนังสือเดินทางเล่มนั้นขึ้นมาเปิดดูว่าเป็นของใคร
“อ๊ะ... อู๋อี้ฟาน... คุณชายอี้ฟาน!” รูปและชื่อของเจ้าของพาสปอร์ตเล่มนี้ทำเอาคนที่สะอื้นฮักๆหยุดนิ่งแล้วเปลี่ยนเป็นตกใจจนตาโตแทน ชานยอลลุกขึ้นยืนแล้วเบิกตากว้างมองผู้ชายในรูปแล้วก็เบนสายตามองชื่อแล้วก็ใจสั่นไหว ชื่อนี้ชานยอลไม่เคยลืม ชื่อนี้ชานยอลไม่มีวันลืมแน่ๆ ชื่อที่เขาฝันว่าบอกรักทุกคน!!
“อี้ฟาน...”
“ครับ?” ชานยอลหันหลังกลับไปมองเจ้าของเสียงทุ้มนั้นแล้วหยดน้ำตาก็ไหลรินอีกครั้ง สองแขนกอดคนตรงหน้าเสียเต็มแรง
“คริส!!!” อ้อมแขนยาวกอดกายเล็กไว้แนบชิด กดปลายจมูกลงกับไหล่เล็กเพื่อฝังรอยอุ่นและสูดกลิ่นหอมอ่อนๆที่ถวิลหา ฝ่ามือใหญ่ลูบไล้แผ่นหลังบางเบาๆ
“ร้องไห้ทำไมครับ ไม่เอาไม่ร้องนะตาบวมเป็นกบนะ ไม่สวยนะ” ชานยอลทุบหลังของคนหยอกเย้าแรงๆ คริสหัวเราะเบาๆ ชานยอลผละคนที่ตัวเองกอดไว้เสียแน่นให้ออกห่าง
“หายไปไหนมา เมื่อกี้ไปไหนมา” ถามไปก็น้ำตาร่วงผล็อยๆ ปลายเรียวนิ้วยาวไล้เช็ดหยาดน้ำตาที่ไหลรินเป็นสายออกจากดวงหน้าขาวที่คิดถึง
“พาเด็กไปส่งพ่อแม่เขามา พอดีหาพาสปอร์ตไม่เจอก็เลยเดินกลับมาหา ขอโทษนะ” ชานยอลส่ายหน้าก่อนที่จะกอดอีกฝ่ายแรงๆ คริสลูบหัวกลมที่ซุกซอกคอเขาเบาๆพร้อมกับกดจูบที่ข้างขมับสวย
“คริส ไม่ไปได้ไหม” สองแขนละคนในอ้อมแขนออกก่อนที่จะส่ายหน้าไปมา
“ไม่ได้หรอก อย่าร้องไห้สินะชานยอลเดี๋ยวเราก็ได้เจอกัน” ชานยอลยกหลังมือปาดน้ำตาก่อนที่จะเห็นพาสปอร์ตในมือ
“นายชื่ออี้ฟานเหรอ?” คริสรับพาสปอร์ตที่ชานยอลส่งคืนมาถือไว้แล้วพยักหน้ารับ
“อืม ชื่อจีนของฉันคืออู๋อี้ฟาน” ชานยอลสูดน้ำมูกก่อนที่จะตีเข้าที่อกกว้างแรงๆ
“ทำไมไม่บอกฉันล่ะ!!” คิ้วได้รูปยกขึ้นอย่างสงสัยแต่ก็ตอบติดตลกออกไปและก็ได้ฝ่ามือฟาดเข้ามาที่ไหล่แรงๆ
“ก็นายไม่เคยถาม... โอเคๆ ขอโทษๆ” เมื่อได้สายตาเขียวปั๊ดมาให้คริสก็ยกสองมือขึ้นยอมแพ้
“มีอะไรหรือเปล่า?” ชานยอลยิ้มแล้วส่ายหน้าไปมาก่อนที่จะนึกขึ้นได้
“นายไม่ขึ้นเครื่องเหรอ? มันเลยเวลาแล้วนิ” คริสยกมือขึ้นเกาหัวก่อนที่จะยิ้มแหยะๆส่งคืน
“คือจริงๆแล้วเครื่องขึ้นสองโมงครึ่งน่ะแต่ฉันดูเวลาผิด” ชานยอลอ้าปากกว้างก่อนที่จะทำนบน้ำตาแตกอีกรอบ สองมือฟาดเข้าใส่ไม่ยั้ง
“ไอ้บ้าๆๆๆ ไอ้อี้ฟานบ้า ไอ้ประสาท!!” คริสหลบสองมือที่ฟาดใส่เป็นพัลวัน
“โอ๊ยๆๆ เจ็บนะ ชานยอล~” คริสคว้าข้อมือเล็กไว้ให้หยุดทุบตีเขา ใบหน้าน่ารักมุ่ยลงน่าเอ็นดู
“คริส... ฉันขอโทษนะที่หนีนาย ที่บอกเลิกนายแต่ฉันจะไม่หยุดรักนายหรอกนะ รอฉันก่อนถ้าเรียนจบฉันจะบินไปเรียนมหาลัยที่โน้นกับนาย” ชานยอลยิ้มกว้างแล้วเอียงคอมองอีกคนอย่างน่ารักน่าชัง คือถ้าตรงนี้ไม่ใช่สนามบินคริสกระชากอีกคนมาจูบแล้วนะเนี่ย
“ไม่ต้องหรอก ไม่จำเป็น” ชานยอลที่ยิ้มกว้างค่อยๆตีหน้ายุ่งแล้วมองจ้องอีกคนเขม็ง
“ทำไม!!” เสียงทุ้มตลาดกร้าว คริสโอบคนตรงหน้ามากอดแล้วลูบแผ่นหลังเล็กเบาๆ ได้ยินเสียงสะอื้นที่ซอกคอด้วยล่ะ
“ไม่ต้องหรอกชานยอลนายเรียนต่อที่นี่ล่ะ อยู่ที่เกาหลีนี่ล่ะ.... เพราะเดี๋ยวฉันจะกลับมาหานายเอง” ชานยอลผลักอีกคนออกแล้วกระพริบตาปริบๆ
“ห๊ะ??”
“อีกอาทิตย์หนึ่งรอฉันนะเดี๋ยวฉันก็กลับมา ฉันจะกลับไปทำเรื่องขอย้ายมาเรียนที่เกาหลี” ดวงตาโตของชานยอลคริสไม่เคยคิดว่ามันจะโตได้มากขนาดนี้มาก่อน คนตรงหน้าแทบจะตาถลนเสียด้วยซ้ำ
“อะ...อาทิตย์หนึ่ง?” คริสพยักหน้ารับ ชานยอลก็ยิ่งทำตาโตเข้าไปใหญ่
“ละที่ฉันทำทั้งหมดนี่.....”
“ก็บอกแล้วว่าให้คุยกันก่อน ฉันมีเรื่องจะบอก... ต่อจากนี้ไม่เอาแล้วนะ ห้ามหนีไปอีกนะ ห้ามไม่ฟังฉันอธิบายด้วยนะ แค่นี้ก็ทรมานใจจะแย่อยู่แล้ว” ชานยอลปล่อยโฮสะอื้นเสียงดังก่อนที่จะกอดร่างสูงกว่าไว้แน่นๆ
“ขอโทษๆๆ ฉันมันโง่เองแหละ ขอโทษๆ” คริสวาดรอยยิ้มแล้วกอดตอบคนที่กอดเขาไว้เสียแน่น ก็ถ้าคุยกันก่อนเรื่องจะยุ่งวุ่นวายไหมนะ? แต่ก็นะ มันก็มีข้อดีนะ ข้อดีที่ทำให้รู้ว่าชานยอลก็รักคริสมากไม่แพ้ที่คริสรักชานยอลเลย
“รอฉันนะอีกอาทิตย์เดียวแล้วจะกลับมานะ... ตอนนี้ฉันต้องไปจริงๆแล้วล่ะ” ชานยอลแบะปากมองคนตรงหน้าแล้วจะร้องไห้อีกครั้ง
“รีบๆกลับมานะ คิดถึงอยากกอดจะตายอยู่แล้ว!! อี้ฟาน.. ชานยอลรักอี้ฟานนะ” ริมฝีปากบางวาดรอยยิ้มกว้างก่อนที่จะประคองใบหน้าน่ารักที่แดงเรื่อให้เงยขึ้นรับจูบหวานที่ป้อนให้ จูบที่โหยหาและหวานล้ำที่สุด ไม่จาบจ้วงแต่ก็พาลให้ใจสั่นไหว ไม่รุกล้ำแต่ก็โหยหา
“อี้ฟานก็รักชานยอลครับ” ทั้งสองยิ้มให้กันก่อนที่จะส่งจูบป้อนให้กันและกันอีกครั้ง แม้ไม่อยากแยกจากแต่ก็คงจะเป็นไปไม่ได้... แต่อีกเพียงไม่นานทั้งสองก็จะกลับมาพบกันอีกครั้ง อนาคตที่มองไม่เห็นแต่ทั้งคู่จะจับมือไปด้วยกัน
ก็ถ้าชานยอลยอมฟังสักนิด เรื่องราวจะวุ่นวายแบบนี้หรือเปล่าล่ะ?? นายพลาดจริงๆนะชานยอล..
และอีกสามคนที่ไม่ยอมตามมาด้วยก็พลาดเช่นกัน ... อดเห็นฉากจูบหวานกลางสนามบินเลย
เครื่องบินบินขึ้นไปยังท้องฟ้าแล้ว เรียวนิ้วเสลาลูบไล้จี้ทองคำขาวที่คอที่คริสถอดมาสวมไว้ก่อนที่จะแยกจากกันเบาๆ เรียวปากอิ่มวาดรอยยิ้มพร้อมกับมองเครื่องบินลำนั้นที่ค่อยบินห่างออกไปเรื่อยๆ มือเล็กที่วางแปะอยู๋ที่กระจกโบกไปมาอำลาเครื่องบินลำนั้น อีกแค่หนึ่งอาทิตย์เดี๋ยวก็ได้เจอกันแล้ว นัยน์กลมโตก้มลงมองจี้รูปตัวเคที่คอแล้วก็ยิ้มกว้างๆ
“นายคือคนในฝันของฉันจริงๆสินะ... แล้วฉันเป็นคนในฝันของนายหรือเปล่าอี้ฟาน”
สงสัยว่าเรื่องพันธะสัญญาของคยองซูจะเป็นจริงเสียแล้วล่ะ ตอนนี้ชานยอลเชื่อเรื่องเหล่านี้อย่างสนิทใจ...
“คุณชายอี้ฟานกับนกน้อย ... คริสกับชานยอล” แม้ว่าบนท้อฟ้าสีฟ้าใสจะไม่มีเครื่องบินลำนั้นแล้วแต่ชานยอลก็ยังคงมองไปบนฟ้าแล้วยิ้ม จี้รูปตัวเคยังคงถูกเรียวนิ้วสัมผัสลูบไล้มันอย่างแผ่วเบา .. อีกไม่นานก็จะได้สัมผัสตัวจริงแล้วนะ คิกๆ…
นักอ่านท่านไหนสนใจฟิคของเราก็ไม่ต้องเมลมาจองนะคะ เมื่อพร้อมแล้วก็โอนเเงินเข้ามาได้เลย จากนี้เราจะให้เพื่อนเราดูแลให้ทุกอย่างเลย TvT เพราะฉะนั้นหายห่วงค่ะว่าเราจะไม่ได้รัับเมลนะคะ
ฟิค: The Time of Love ราคา 330
[ค่าจัดส่ง 60บาท (เล่มต่อไปคิดเพิ่มเล่มละ10บาท) / แต่ถ้าใครจะนัดรับก็วันที่ 26 มกราคมงานตลาดฟิค ครั้งที่3(Fiction-Market) บูท z-rowink (F2-F3) สถานที่:Thai CC Convention Hall ชั้น 12]
รายละเอียด:
Episode 1 : One moment in time
Episode 2 : Who are you?
Episode 3 : Home Sweet Home
Episode 4 : Angels & Demons
Special Episode : One day with KrisYeol
SF KrisYeol : ช่างกลแล้วไง(วะ)ครับ
โอนเงินเข้าบัญชี ธนาคารกสิกรไทย 7432386402
ชื่อ กัลยรัตน์ ชาญชัยศิลป์
จากนั้นก็เมลแจ้งรายละเอียดมาที่ bettynewkiss@gmail.com
หัวข้อ: แจ้งโอนเงินฟิค
ชื่อ:
เบอร์โทร:
อีเมลที่ติดต่อ:
จำนวนเล่ม:
จำนวนเงินที่โอน:
จัดส่งแบบ: นัดรับงานฟิค หรือ ไปรษณีย์
ที่อยู่ (กรณีจัดส่ง):
ระยะเวลาโอนเงิน ตั้งแต่วันที่ 25 ธันวาคม 2555 - 19 มกราคม 2556 (เวลา 2ทุ่มนะคะ)
วันงานฟิคมาจอยกันได้นะคะ จอยกับเพื่อน พี่น้องเรานะ ตัวเราไมไ่ด้ไป แง๊ววววววววววว แต่บอกแล้วว่าโยนให้เพื่อน ให้น้อง ให้พี่จัดการให้หมดเลย 5555 ฝากน้องไทม์ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจของทุกคนด้วยนะคะ TvT *โค้ง*
__________________________________________
เวลาอีกแค่เดือนกว่าๆ โอ๊ยยย ยังมีเวลาอีกนาน~ ….. ดูท่าว่าจะไม่จริงเลย เวลานั้นผ่านไปไวเสมอ ยังไม่ทันรู้ตัวก็เดินเข้าสู่หนึ่งอาทิตย์ก่อนที่จะหมดเวลา อีกแค่หนึ่งอาทิตย์ที่นักเรียนแลกเปลี่ยนจะถูกส่งตัวกลับตามวันเวลาที่ระบุในเอกสารเหล่านั้น ...ในเอกสารที่ชานยอลแอบดู
คริสยังคงทำตัวเหมือนเดิม ทั้งหยอกคนข้างกาย ไปเที่ยวและผลัดเปลี่ยนนอนบ้านกันและกัน แต่กลับเป็นชานยอลเสียอีกที่ทำตัวนิ่งเงียบคล้ายกับคิดอะไรอยู่ตลอดเวลา คิ้วเรียวสวยก็ขมวดมุ่นเสียจนแทบจะแก้ปมไม่ออกแต่เมื่อคริสหันมามองใบหน้าน่ารักจะหันมาส่งยิ้มให้ แก้มกลมแดงเรื่อเวลามองสบกับดวงตาคู่คม คริสกระชับมือที่สอดประสานของอีกฝ่ายไว้ ชานยอลหันมายิ้มน่ารักแล้วทั้งคู่ก็เดินออกจากโรงเรียนไปด้วยกัน
แปลก แปลกมากด้วย ….. คริสหันมองคนข้างกายที่พักนี้ชอบทำตัวแปลกๆ ไม่รู้ทำไมแต่คริสคิดว่ามันแปลกมาก แปลกเกินไป ดวงตาคมแอบเหลือบมองคนข้างกายที่เดินก้มหน้า กัดริมฝีปากเหมือนครุ่นคิดอะไรสักอย่าง นัยน์ตาคู่กลมที่เคยวาวใสทอแสงระยิบบัดนี้กลับทอแสงหม่นจนคนมองรู้สึกตามไปด้วย
ชานยอลทำตัวแปลกไปหรือเพราะเจ้าตัวจะเครียดมากเกินไป แต่เรื่องอะไรล่ะ ร่างสูงยาวที่เดินอยู่ข้างเคียงอยากรู้ใจจะขาด คริสพาคนที่กำลังจะเดินกลับบ้านไปเบนไปอีกทางเพื่อที่จะไปบ้านคนเองแทน ชานยอลเงยหน้าขึ้นมามองแต่เมื่อเห็นว่ารอบข้างเป็นที่ไหนชานยอลก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร แต่อะไรที่ก่อกวนจิตใจอยู่ตอนนี้ช่างกวนใจของชานยอลมากเสียจริงๆ
“รออยู่ตรงนี้ก่อนนะ” คริสว่าแค่นั้นก่อนผละออกไปกดออดเรียกบ้านข้างๆ ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่เดินออกมาพร้อมกับตะหลิวและผ้ากันเปื้อนสีชมพูหวานแวว เรียกรอยยิ้มจากทั้งคนที่ยืนอยู่หน้าบ้านและด้านหลังได้ไม่ยาก
“ไงไอ้คริส เข้ามากินข้าวไหม?” คนถูกชวนยิ้มแล้วส่ายหน้า
“ไม่ฮะพี่ ผมมาขอยืมลูกรักพี่หน่อย” ร่างสูงใหญ่กลั้วหัวเราะในลำคอแล้วก็เปิดประตูบ้าน
“เข้ามาดิ” แล้วเพียงไม่นานเจ้าเอพริลเลียก็ทะยานออกมาจากในบ้านหลังใหญ่
“ขึ้นมาสิ” ชานยอลคนบนหลังเจ้าสัตว์ร้ายแล้วก็ทำหน้าไม่เข้าใจแต่ก็โดนฉุดแขนให้ซ้อนหลังขึ้นมา
สองแขนวาดรอบคอของอีกคน ชานยอลก้มลงสัมผัสแนบแก้มไว้กับแก้มของอีกฝ่าย เรียวปากอิ่มค่อยจุดรอยยิ้มขึ้น นัยน์ตากลมทอแสงระยิบอย่างเคย คริสเหลือบตามองกระจกส่องหลังข้างที่ส่องเห็นคนซ้อนด้านหลังแล้วเรียวปากได้รูปก็วาดรอยยิ้มก่อนที่จะเจ้าเอพริลเลียจะทะยานเข้าสู่ถนนใหญ่ที่การจราจรคลาคล่ำไปด้วยรถรามากมาย
เพียงไม่นานเจ้าบิ๊กไบค์คันสวยก็วิ่งเข้าสู่เส้นเลียบแม่น้ำฮัน ชานยอลปล่อยมือและแก้มที่แนบกันออกก่อนที่จะหันไปมองด้านซ้ายที่เป็นแม่น้ำฮัน ลมเย็นๆที่ตีพัดเข้าหน้านี้คล้ายกับกำลังพัดเป่าเรื่องราวมากมายในใจให้หายไป ขับต่อไปอีกไม่ไกลคริสก็จอดรถแล้วพาชานยอลไปอีกมุมหนึ่งไกลผู้คนออกไป พื้นหญ้าสีเขียวกับเก้าอี้ไม้ตัวยาววางตั้งอย่างโดดเดี่ยว อาจจะเพราะไม่ค่อยมีใครเดินเข้ามาใช้บริการแถวนี้แต่ทว่ามันกลับสวยงามและเงียบสงบยามที่แสงสีจากเมืองหลวงส่องกระทบพื้นผิวน้ำ
ชานยอลนั่งพิงหัวซบไหล่ของคนข้างกายไว้ นัยน์ตาสะท้อนแสงระยิบของพื้นน้ำ ชานยอลเลือกที่จะปิดตาลงเพื่อกั้นความรู้สึกบางอย่างที่ไหววูบอยู่ในหน่วยตา แม้ว่าคริสจะก้มลงมองเพียงไหนเปลือกตาบางก็กั้นไมให้มองสบเข้ากับลูกแก้วสีนิล เมื่อป่วยการที่จะแอบค้นหาความหมายในลูกตาสวยคู่นั้น ร่างสูงยาวก็เบนหน้าออกไปมองยังพื้นน้ำไกลๆพร้อมกับลูบหลังมือเนียนที่กอบกุมกันอยู่
“เป็นอะไรหรือเปล่า” นั่งเงียบกันอยู่นานจนเสียงนุ่มต้องเอ่ยถาม ชานยอลขยับเพียงนิดแต่ก็ยังคงหลับตาอยู่อย่างนั้น
“ไม่นิ ทำไม? เมื่อยเหรอ?” ชานยอลลุกขึ้นนั่งก่อนจะหันไปหาคนข้างกายที่หันมองกลับมา ในที่สุดก็เห็นลูกแก้วสีนิลทั้งสองลูกเสียที คริสโอบคนข้างกายให้ลงซบที่ซอกคอของตนก่อนที่จะเอ่ยตอบเสียงนุ่มชิดใกล้
“เปล่าหรอก ชานยอลเป็นอะไรหรือเปล่า?” หัวกลมๆที่ซุกซบอยู่ที่ซอกคอส่ายหัวไปมา
“คริส ... ถ้าเรียนมหาวิทยาลัยจบนายอยากทำอะไร” ดวงตาคู่คมเหลือบมองคนในอ้อมแขนด้วยความไม่เข้าใจแต่ก็เอ่ยตอบคำถามนั้นไป
“ก็คงจะแต่งงานกับนายมั้ง” ชานยอลหัวเราะเบาๆแล้วใช้มืออีกข้างที่วางฟาดมือลงที่หน้าขาของคนเอ่ยหยอกเย้า
“นี่ฉันถามจริงจังนะ” คริสหัวเราะเบาๆในลำคอก่อนที่จะเอ่ยตอบพร้อมกับกระชับอ้อมแขนที่กอดคนข้างกายไว้
“ก็คงจะต้องกลับไปรับช่วงต่อที่บ้านนั่นล่ะ ที่บ้านฉันทำธุรกิจเกี่ยวกับส่งออกน่ะ พ่อกับแม่ท่านอยากให้ฉันรับช่วงต่อน่ะ”
“อย่างนั้นเหรอ? บ้านที่จีนของนายเป็นไงเหรอ? เล่าให้ฟังหน่อยสิ” คริสก้มลงคนที่เงยหน้าขึ้นมาแล้วยิ้ม ดวงตาพราวไปด้วยแสงวาวระยิบน่าตักตวงดวงดาวในลูกแก้วสีนิลเสียจริง คริสไล้แก้มขาวก่อนที่จะตามมาฝากรสสัมผัสอุ่นไว้บางๆ
“บ้านที่จีนเป็นบ้านสองชั้นหลังใหญ่ พ่อทำธุรกิจส่งออก ส่วนแม่ก็ทำเกี่ยวกับเครื่องเพชรมีหลายสาขาในจีน แคนนาดาและอังกฤษ พ่อกับแม่ทำงานไม่ค่อยมีเวลาอยู่บ้านหรอกแต่ท่านก็มักจะหาเวลามาทานข้าวเย็นกับฉันทุกวัน พ่อกับแม่รักฉันมากและแน่นอนฉันก็รักพ่อกับแม่มาก ....” คริสยังคงเล่าเรื่องราวถึงที่บ้านให้ฟังแต่ชานยอลที่นั่งฟังก็พยักหัวรับเป็นครั้งคราว ทำเป็นนั่งฟังเรื่องราวที่เรียงร้อยออกจากกลีบปากที่วาดรอยยิ้มของคนข้างกาย แต่ความคิดของชานยอลกลับวิ่งไปไกลกว่านั้น
ใครๆก็รักพ่อแม่ของตัวเองและพ่อแม่ก็ต้องรักลูกของพวกเขามาก ... แน่นอน มันคงจะไม่ดีถ้าคิดที่จะพรากลูกของพวกเขามา ถ้าจะขัดขวางอนาคตของใครก็คงจะไม่ดี... ใช่ไหม?
“ชานยอล เราจะกลับกันหรือยัง?” คริสเอ่ยถามคนข้างกายที่นั่งนิ่งเมื่อเห็นว่าเขาทั้งสองมาอยู่ที่นี่นานจนเวลาจะล่วงเลยไปดึกเสียแล้ว ชานยอลค่อยๆลุกขึ้นยืนแล้วบิดกายไปมาก่อนที่จะหันมายิ้มให้กับคนด้านหลังที่ยังคงนั่งอยู่
“กลับกันเถอะ” ชานยอลยื่นมือมาหาอีกคนที่ยื่นมือมาจับตอบ ดวงตากลมทอแววระยิบแต่ทว่ากลับหม่นหมอง คริสยิ้มแล้วเดินเคียงคู่กันกลับไปยังเจ้าเอพริลเลียคันเดิมที่จอดไว้ไม่ใกล้ไม่ไกล
“เดี๋ยวก่อนคริส” ชานยอลรั้งมือคนที่เดินนำเบาๆ ชายหนุ่มร่างสูงหันมายิ้มมองคนที่ยืนกัดริมฝีปากแล้วหันหน้าไปทางอื่น ถ้าแถวนี้ไม่มืดเกินไปชายหนุ่มว่าเห็นแก้มกลมนั้นแดงเรื่อ
“หื้ม?” เมื่ออีกฝ่ายเงียบก็เลยลองเรียกหยั่งเชิง ชานยอลค่อยๆหันหน้ากลับมามองสบเข้ากับดวงตาคมเข้ม
“ฉัน... ฉัน... จูบนายได้ไหม” คริสเกี่ยวเอวเล็กให้เข้ามาแนบชิดก่อนจะก้มลงสัมผัสกลีบเนื้อนิ่มที่พูดยั่วเย้าตรงหน้าเสีย ค่อยสัมผัสแทะเล็มเบาๆก่อนจะดูดเนื้อนิ่มที่จูบตอบกลับมา เปลือกตาบางค่อยๆปิดลงรับสัมผัสอุ่นวาบในใจ สมองก็พลันขาวโพลนไปหมดหักความคิดที่ตีกันไปมา สองมือกำเสื้อของคนตรงหน้าแน่น ก่อนที่จะหมดลมหายใจชานยอลทุบอกบอกอีกคนให้ปล่อย คริสละจูบออกอย่างอ้อยอิ่งเพียงนิดก่อนที่จะตามลงมาทาบทับป้อนจูบหวานให้อีกครั้ง .. อีกครั้ง .. และอีกครั้ง จนชานยอลแทบจะขาดใจตาย
ตอนนี้เรื่องราวในหัวหมุนคว้างจนแทบจะแยกไม่ออกว่าสิ่งใดคือสิ่งถูก สิ่งไหนคือสิ่งผิด ตอนนี้ชานยอลไม่ขอรับรู้อะไรแล้ว ขอละลายไปกับจูบหวานๆตรงหน้าก็พอแล้ว กลีบปากที่บดเบียดเข้ามาช่างอ่อนหวานและเร่าร้อนยิ่งนัก สองเรียวลิ้นที่พันเกี่ยวกันต่างพากันแลกเปลี่ยนความหวานที่ซ่านไปทั้งใจ และก่อนที่จะได้ละลายไปกับความหอมหวานตรงหน้ากลีบปากที่เฝ้าแต่บดเบียดก็ละออกอย่างอ้อยอิ่ง คริสจูบซัมมุมปากอิ่มก่อนที่จะดูดดึงกลีบเนื้อนิ่มอีกครั้งก่อนถอนออก
“กลับกันเถอะ” เสียงนุ่มเอ่ยบอกกับคนที่หมดแรงอยู่ในอ้อมกอด ชานยอลหอมเอาอากาศหายใจเข้าปอดให้เต็ม มือข้างหนึ่งทุบลงอกกว้างนั้นเบาๆด้วยเพราะเรี่ยวแรงยังกลับมาไม่ครบ
“กลับบ้านของเรากันชานยอล” เปลือกตาบางปิดลงเพื่อรับสัมผัสอุ่นที่ข้างแก้ม เสียงนุ่มที่กระซิบอยู่ชิดริมหูทุกครั้งก็ทำให้หัวใจของชานยอลสั่นเสียจนยอมแพ้ในทุกๆเรื่อง ..ชานยอลแพ้อย่างราบคาบ
แต่หลังจากที่จูบกันที่ริมแม่น้ำฮันคืนนั้น ชานยอลก็พยายามที่จะหลบหน้าคริสให้ได้มากที่สุด บางครั้งก็โดดเรียนโดยที่คริสไม่รู้อีกตั้งหาก พักนี้คริสโดนเรียกให้พบผู้อำนวยการอยู่บ่อยครั้งและทุกครั้งก็จะเข้าไปเสียนาน ชานยอลถ้าไม่นั่งเรียกคนเดียวก็โดดไปยังสถานที่ลับของกลุ่มเพื่อนและแน่นอนที่คริสไม่รู้ ก็ไม่แปลกที่คาบนี้คริสกลับมาแล้วไม่เห็นคนข้างกาย
ตลอดเที่ยงคริสพยายามตามหาชานยอลแต่ก็ไม่เจอใครเลย ทั้งชานยอลและแก๊งเพื่อน โทรหาก็ปิดเครื่องซ้ำคนอื่นก็ไม่ยอมรับสายเสียอีก ถามเพื่อนในห้องของพวกเซฮุน ไคหรือแม้แต่คยองซู พอไปถามถึงห้องเรียกของพวกคยองซูเพื่อนๆก็ให้คำตอบว่ายังไม่เห้นหน้าทั้งสามเลย คริสเองก็ร้อนใจว่าชานยอลไปไหน ทำอะไรหรือตอนนี้อยู่ที่ไหน
จนเลิกเรียนคริสก็ยังไม่เห็นชานยอลทั้งๆที่เมื่อเช้าก็มาเรียนพร้อมกันด้วยซ้ำแล้วตอนนี้คนที่คอยอยู่ข้างกายเขาอยู่ที่ไหนกันแน่ คริสกดออดเพียงไม่นานคุณแม่ของชานยอลก็เดินออกมาพร้อมกับรอยยิ้มและเชื้อเชิญให้ตนเข้าบ้าน
“ชานยอลเหรอจ๊ะ? ก็เจ้าตัวดีบอกว่าไม่สบายเลยกลับมาก่อนแล้วนี่เขาไม่ได้บอกเราเหรอ? น่าตีจริงๆเด็กคนนี้”
“ชานยอลอยู่บนห้องใช่ไหมครับ ผมขอขึ้นไปตามชานยอลนะครับ” เธอยิ้มแล้วพยักหน้ารับก่อนที่จะหันกลับไปทำมื้อเย็นต่อ
ยังไม่ทันที่คริสจะเปิดประตูห้องนอนออก บานประตูนั้นก็ถูกเปิดออกมาด้วยมือของเจ้าของห้องเอง ดวงตาโตที่แดงรื้นกับรอยยิ้มระคนแปลกใจที่ส่งมาให้คนตรงหน้าแต่ก็ไมได้เชื้อเชิญให้ใครอีกคนเข้าห้องอย่างเช่นทุกที
“มาทำอะไรที่นี่น่ะ?” คริสเลิกคิ้วกับคำถามอย่างนั้นของชานยอลแต่ก็เลือกที่จะมองข้ามมันไป
“วันนี้ทำไมโดดเรียนแล้วทำไมถึงกลับบ้านมาก่อน ปิดมือถือทำไม” ชานยอลเอียงคอแล้วหัวเราะคิกคัก
“จะให้ตอบคำถามไหนก่อนดีละ?” คริสขมวดคิ้วตีหน้ายุ่งใส่คนที่ยืนพิงบานประตูห้องนอนที่ปิดแล้ว มือใหญ่เอื้อมออกไปจับมือของอีกคนขึ้นมากอบกุมแล้วแบมือแนบแก้มลงกับฝ่ามือนิ่ม
“เป็นอะไร ชานยอลบอกมาเถอะว่าคิดอะไรอยู่” คริสเอื้อมมืออีกข้างออกไปแนบแก้มใสที่แดงเรื่อไว้
“ไม่มีนิ ... ไม่มีจริงๆ” เมื่อโดนสายตาคู่คมนั้นคาดคั้น ชานยอลก็ต้องย้ำคำว่าตนนั้นไม่มีอะไรจริงๆ แต่คริสไม่เชื่อ ถ้าไม่มีอะไรจริงๆน้ำตาที่คลอขังอยู่ในหน่วยตานี่คือสิ่งใดกัน
“ชานยอล บอกฉันนายกำลังเป็นอะไร” ชานยอลดึงมือที่แนบแก้มของคริสออกแล้วปัดมือที่แนบแก้มตัวเองออกก่อนที่จะตบลงบนอกกว้างเบาๆหลายๆที
“ไปแม่น้ำฮันกัน” คริสมองอีกฝ่ายแล้วจ่ายรอยยิ้มบางคล้ายกับอีกคนที่ส่งรอยยิ้มตอบ
“ให้ไปเอารถไหม?” ชานยอลยืนนิ่งคิดเพียงครู่ก่อนที่จะพยักหน้ารับแล้วส่งรอยยิ้มคืนคนที่ลูบหัวเขาอยู่
“มารับที่บ้านนะ จะรอ”
สถานที่เดิม พราวระยิบหลากสีบนผิวน้ำ ลมเย็นๆที่พัดตีเข้าใบหน้า ชานยอลยืนมองออกไปไกลๆ ไกลจนแทบไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วตนนั้นมองสิ่งใดอยู่ คริสโอบกอดคนตัวเล็กกว่าจากด้านหลังแล้ววางคางไว้บนไหล่เล็ก เปลือกตาบางปิดลงเพื่อไล่ม่านที่บังสายตาให้มัวก่อนจะลืมตาขึ้น ... หยดน้ำตาไหลกลิ้งผ่านแก้มใสไป
กายบางสั้นเบาๆคริสคิดว่าคนในอ้อมแขนอาจจะหนาวเพราะคืนนี้อากาศเริ่มเย็นลงแล้ว แขนยาวโอบกระชับกายเล็กให้แนบชิด ชานยอลแทบจะจมฝังหายไปกับแผ่นอกกว้างนั้น ชานยอลวางมือทับอ้อมแขนยาวที่กอดตนไว้ก่อนที่จะก้มหน้าลงแล้วผละอ้อมแขนนั้นออก กายบางหมุนกลับไปหาใครอีกคนด้านหลัง ที่ตรงนี้ที่ยืนกันอยู่นั้นแสงไฟไม่สว่างเท่าไหร่นัก ไม่มากพอที่คริสจะมองเห็นริ้วรอยความเสียใจของคนตรงหน้า
“คริส..” น้ำเสียงทุ้มเอ่ยเรียกแผ่วเบา เจ้าของชื่อขานรับในลำคอพร้อมกับยื่นมืออกไปไล้ข้างแก้มใสเบาๆ ผิวเนื้อที่เริ่มเย็นค่อยๆส่งผลกับหัวใจของคนสัมผัสราวกับมีน้ำแข็งแช่แข็งหัวใจและสมองของตนไว้
“เราเลิกกันเถอะ” มือที่ไล้แก้มใสชะงักค้างเหมือนกับคนฟังที่หยุดหายใจเช่นกัน
“ทำไม” ชานยอลถอยหลังหนึ่งก้าวแล้วก้มหน้าลง
“ไม่รู้ๆๆๆ ทางเดินของเราไม่ใช่เส้นเดียวกันหรอก นายกลับบ้านไปเถอะ” ชานยอลส่ายหัวไปมาก่อนที่จะปล่อยให้หยดน้ำตาไหลกระทบกับพื้นดิน
“จะไม่ใช่ได้ไง ไม่ว่ายังไงฉันก็ไม่ยอมเลิกเด็ดขาด ชานยอลเรามาคุยกันก่อนสิ ฟังฉันก่อน” ชานยอลยกมือขึ้นปิดหูแล้วส่ายหน้าไปมา
“ถึงฉันจะไม่อยากให้นายไปแต่นายกลับไปเถอะ อีกแค่ไม่กี่วันเอง อีกแค่ไม่กี่วันนายก็ต้องกลับไปแล้ว อย่ารั้งฉันไว้เลย!” แล้วชานยอลที่ระเบิดไว้ก็วิ่งหนีจากไป คริสวิ่งตามแต่ก็ไม่ทันชานยอลที่วิ่งขึ้นรถยนต์ที่จอดรออยู่ รถคันนั้นขับออกไปอย่างรวดเร็วก่อนที่คริสจะวิ่งมาถึงเสียอีก
“ชานยอลเดี๋ยวก่อน กลับมาคุยกันก่อน!!” เมื่อรถยนต์คันนั้นแล่นออกไป คริสก็วิ่งกลับไปขับเจ้าบิ๊กไบค์ทะยานออกตามไป
คริสขับเอพริลเลียคันใหญ่วนตามหา ไม่ว่าจะเข้าซอย ตรอกหรือต้องขับวนทั้งเมืองหาทั้งคืนก็ตามคริสก็ยังไม่เจอแต่แม้แต่เงาของรถคันนั้น จะไปตามหาบ้านเพื่อนชานยอลก็ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน แม้จะโทรไปหาก็ไม่มีใครติดต่อได้เลยสักคน คริสเบี่ยงเจ้าคัวใหญ่ไปทางริมถนนแล้วจอดยกมือถือขึ้นกดโทรหาใครอีกคนรู้ว่าโทรไปก็ไม่สามารถติดต่อได้ แต่แค่อยากให้ได้ยินเสียง
...กรุณาฝากข้อความหลังสัญญาณนี้ค่ะ ปิ๊บ...
“ชานยอลอยู่ที่ไหน มาคุยกันก่อน เราต้องคุยกันนะชานยอล ขอร้องล่ะ ฟังกันก่อนมันไม่ใช่แบบนั้นนะ ชานยอลได้โปรดกลับมาหาฉัน ฟังฉันพูดก่อน อย่าคิดไปเองคนเดียว ฟังกันก่อน ได้โปรด...” คริสฟุบหน้าลงกับมือที่รองซับน้ำตา เสียงสะอื้นดังเข้าเครื่องตอบรับเสียงโดยที่เจ้าตัวไม่รู้เลยว่ายังไม่ได้กดตัดสาย คริสยังคงนั่งก้มหน้าสะอื้นกับตัวเอง .. ถ้าทำอะไรชัดเจนกว่านี้ก็คงดี
อีกแค่ไม่กี่วันหลังจากวันนี้ก็เป็นวันเตรียมสอบของเด็กมัธยม จะไปหรือไม่ไปโรงเรียนก็ไม่มีผลเพราะยังไงเหล่าครูผู้สอนก็แค่จะให้ทุกคนอ่านหนังสือกันเองและแน่นอนก็ไม่ค่อยจะมีใครไปกันหรอก รวมถึงชานยอลและแก๊งเพื่อนด้วย คริสก็ยังคงออกตามหาในที่ๆที่คิดว่าชานยอลอาจจะไป แม้ว่าจะตามไปจนถึงบ้านของเซฮุนแล้วก็ตามแต่ก็ไม่มีใครอยู่เลย คริสมองใบกระดาษที่จดที่อยู่ของบ้านคยองซูและไคที่ไปขอมาจากห้องปกครองก่อนที่จะทะยานเจ้าเอพริลเลียไปตามทาง
คริสอยากจะบอกว่าเจ้าเอพริลเลียคันนี้เขาขอซื้อต่อมาจากพี่ซึงคยองแล้วเพราะชานยอล คริสตั้งใจว่าก่อนสอบจะพาชานยอลไปทะเลอีกครั้ง แต่ทำไมตอนนี้ชานยอลถึงหนีเข้าไปเสียแล้วล่ะ.. บิ๊กไบค์คันใหม่แล่นมาหยุดที่หน้าบ้านหลังใหญ่ของคยองซู เมื่อจอดรถได้เสร็จคริสก็ไม่รอช้าเดินเข้าไปกดออดเรียกคนในบ้านทันที ไม่นานคุณป้าร่างท้วมก็วิ่งออกมาพร้อมกับรอยยิ้ม
“มาหาใครจ๊ะพ่อหนุ่ม” คริสก้มหัวลงก่อนที่จะส่งยิ้มบางๆให้
“คุณป้าครับผมมาหาชานยอล ชานยอลอยู่ที่นี่กับคยองซูหรือเปล่าครับ” คุณป้ายิ้มก่อนจะส่ายหน้า
“ไม่ค่ะ คุณหนูชานยอลไมได้มาที่นี่นานแล้วค่ะ มีอะไรหรือเปล่าคะ?”
“แล้วคยองซูล่ะครับ เขาอยู่ไหม” คุณป้ายังคงยิ้ม
“ไม่อยู่จ๊ะ ไปสัมมนากับคุณหญิงจ๊ะ ค่ำๆโน้นถึงจะกลับให้ฟ้าฝากบอกอะไรถึงคุณหนูคยองซูไหมจ๊ะ” คริสก้มหน้าลงซ่อนความผิดหวังเอาไว้
“ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณครับ” คริสโค้งตัวลงอีกครั้งก่อนที่จะหันหลังกลับไปขึ้นคร่อมบิ๊กไบค์คันเดิม เพียงไม่กี่อึดใจเสียงคำรามของเจ้าสัตว์ใหญ่ก็ดังขึ้นแล้วทะยานออกไป
“ทำไมไม่คุยกันให้รู้เรื่องวะ” คยองซูลูบแผ่นหลังของเพื่อนที่สะอื้อจนตัวโยนเบาๆเพื่อปลอบประโลม
“เออ แม่งตามไปทุกที่เลยเนี่ย” ไคบ่นกระปอดประแปดแต่ก็ไม่ลืมที่จะเอื้อมมือมาลูบหัวเพื่อนที่ยืนก้มหน้าอยู่ชิดหน้าต่าง
“ชานยอล ไร้สาระมากเกินไปแล้วนะ” เซฮุนเอ่ยพูดเสียงแข็ง ไคและคยองซูหันกลับมามองก่อนที่จะส่ายหน้าไม่อยากให้เซฮุนพูดต่อ
“ถ้ายังไม่หยุดทำอะไรบ้าๆแบบนี้ฉันจะไม่อยู่กับนายแล้วนะ” ชานยอลเงยหน้าขึ้นแล้ววิ่งเข้ามากอดเซฮุนไว้
“ไม่เอาไม่ให้ไปนะ แต่.. ฮึก.. ไม่อยากพูดกับคริสตอนนี้” เซฮุนลูบหัวเพื่อนเบาๆ
“ทำไม” ชานยอลกอดเพื่อนตัวเองแน่นกลัวว่าเพื่อนจะหนีไปจริงๆ ไคและคยองซูก็ตามเข้ามาสมทบ
“ก็.. ไม่อยากให้คริสกลับจีน.. ตะ..แต่ มันเป็นไปไม่ได้” เซฮุนผละเพื่อนตัวสูงกว่าออกแล้วที่จะเช็ดน้ำตาให้
“แล้วมึงรักเขาหรือเปล่าล่ะ? ถ้ารักต้องรั้งไว้เข้าใจไหม” ชานยอลส่ายหน้า
“แต่อนาคตเขา กูทำลายไม่ได้หรอก” เซฮุนถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะดีดหน้าผากขาวไปแรงๆ
“ประสาท!! อนาคตของไอ้นกหัวเถิกนั่นก็คือมึง! อย่าทำตัวงี่เง่า เพราะถ้ามึงยังงี่เง่าอยู่แบบนี้มีงจะเสียมันไปจริงๆ” แล้วเซฮุนก็เดินออกจากห้องนอนของคยองซูที่ทุกคนมารวมตัวกันตามด้วยไคและเจ้าของห้อง ชานยอลยังคงอยู่ในห้องนั้นคนเดียว
เมื่อกี้ชานยอลมองอยู่เห็นทุกกิริยาและท่าทาง ที่ร้องไห้สะอื้นจนจะขาดใจก็เพราะร่างสูงนั้นที่ดูห่อเหี่ยวและไม่ร่าเริงนั่นล่ะ ไหล่กว้างก็ลู่ตกอย่างคนหมดอาลัย ไม่รู้แล้วว่าสิ่งที่ทำอยู่นี้ถูกหรือเปล่า ทำถูกไหมที่จะปล่อยให้อีกคนเดินไปตามเส้นทางของเขา เส้นทางที่ไม่มีเรา เส้นทางที่ปลายทางข้างหน้าไม่มีเราสองคน ชานยอลเดินไปล้มตัวลงนอนบนเตียงของคยองซู กายเล็กที่ซูบผอม ดวงตากลมบวมช้ำและแก้มกลมที่เคยมีเลือดฝาดกลับขาวซีด
จะทรมานตัวเองไปเพื่ออะไรกันนะ... ชานยอลคว้ามือถือที่วางไว้บนโต๊ะหัวเตียงขึ้นมากดเปิดเครื่อง รอเพียงไม่นานเครื่องก็พร้อมใช้งานและยังไม่ทันที่จะได้ทำอะไรเสียงเตือนของมันก็ดังขึ้นถี่รัว รัวเสียจนชานยอลยังตกใจ ทั้งสายที่ไม่ได้รับ ข้อความเข้าและข้อความทางโปรแกรมแชทอีกเยอะแยะมากมาย มันดังรัวเสียจนชานยอลตกใจ กว่าที่จะหยุดได้ก็นานเกือบนาที ข้อความสุดท้ายที่ส่งเข้ามาคือเตือนว่ามีข้อความเสียงที่ฝากไว้ ปลายเรียวนิ้วก่อนเพื่อฟังมัน แล้วชานยอลก็รู้ว่าตัวเองพลาดไปแล้ว พลาดทุกอย่าง..
ชานยอลอยู่ที่ไหน มาคุยกันก่อน เราต้องคุยกันนะชานยอล ขอร้องล่ะ ฟังกันก่อนมันไม่ใช่แบบนั้นนะ ชานยอลได้โปรดกลับมาหาฉัน ฟังฉันพูดก่อน อย่าคิดไปเองคนเดียว ฟังกันก่อน ได้โปรด... อึก... ฮือ.. ชานยอล … ชานยอล.. ฮืออออ.. อึก... กลับมา ขอร้อง.... กลับมา... อึก...
พลาดที่รักคริส พลาดที่หนีมาและพลาดที่ทำให้คริสร้องไห้... หัวใจของคนทั้งคู่ก็เจ็บปวดไม่ต่างกันหัวใจทั้งสองดวงก็ร้องไห้ไม่ต่างกัน แต่ในเมื่อมันกลับไปแก้ไขไม่ได้ชานยอลก็เลือกที่จะกดฟังมันซ้ำไปซ้ำมาแล้วก็นอนร้องไห้กับความเสียใจนั้นจนพล็อยหลับไป .. ก็แค่อยากตื่นมาแล้วพบว่าทั้งหมดมันแค่เรื่องที่เราฝันไป ฝันร้ายที่จะต้องจบสักวัน... แต่เมื่อไหร่ที่มันจะจบกันนะฝันนี้
กว่าที่ชานยอลจะลืมตาตื่นก็ปาเข้าไปเกือบสองทุ่มแล้วนี่ถ้าไม่ได้เพื่อนทั้งสามมาปลุกนะชานยอลก็คงจะหลับยาวและหลังจากที่ร้องไห้ติดต่อกันนานๆ ข้าวปลาก็ไม่ค่อยจะได้กินก็เลยส่งผลให้ร่างกายของชานยอลนั้นป่วย คยองซูโทรเรียกหมอประจำบ้านให้มาดูชานยอล เซฮุนกับไคก็ช่วยกันป้อนข้าวป้อนน้ำแล้วก็เช็ดตัวให้พร้อมทั้งที่บ่นสลับกันจนชานยอลยู่หน้า
“นี่กูป่วยอยู่นะ” เซฮุนกับไคเหลือบตามอง
“ป่วยแล้วไง? หูมึงพิการเหรอ?” ชานยอลแบะปากใส่ไคแล้วหันมาอ้อนเซฮุน
“ไม่ต้องมอง ก็เพราะงี่เง่าไงถึงได้ป่วยแบบนี้” เกิดเป็นปาร์คชานยอลที่มีพ่อสุดโหดสองคนนี่ไม่ใช่ง่ายๆเลยนะ
“แล้วทีนี้จะเอายังไงต่อ” ชานยอลมองหน้าเพื่อนรักทั้งสามก่อนที่จะส่ายหน้า
“ไม่รู้สิ... ก็อาจจะปล่อยเลยผ่านไปมั้ง” เซฮุนตีหน้ายุ่งทันทีหลังจากที่ได้ยินเพื่อนรักพูดแบบนั้น
“ไม่ได้นะ ถ้ามึงปล่อยมึงก็เจ็บ มันก็เจ็บแล้วทางข้างหน้ามันจะมีความสุขได้ยังไงวะ!” เซฮุนควาดลั่นเป็นครั้งแรกจริงๆที่คนนิ่งๆ อารมณ์เย็นอย่างเซฮุนจะระเบิดเสียงดังได้ขนาดนี้
“เวลา.. คงช่วยทุกอย่างได้เองแหละ” แล้วชานยอลก็หลับตาลงปิดการสนทนา ก็แค่เจ็บตอนนี้ แต่ต่อไปเราอาจจะไม่ได้เจอกันอีกก็ได้ ทั้งสามมองหน้ากันก่อนที่จะถอนหายใจแล้วก็ไม่มีใครพูดอะไรออกมาอีกเพราะเรื่องความรักมันเป็นเรื่องของคนสองคน หยดน้ำตาที่ขังอยู่หลังเปลือกตากำลังจะทะลายแผงกั้นออกมา หัวใจที่กำลังเต้นอยู่เจ็บปวด ปวดจนแทบจะหยุดเต้น..
ชานยอลที่ว่าหัวใจเจ็บเจียนตายแล้ว .. คริสก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่นัก ร่างที่นั่งก้มหน้าแทบชิดขาอยู่ปลายเตียง ประสานมือพาดไปกับขา เปลือกตาหลับลงอย่างต้องการพักผ่อนและลืมเรื่องบางอย่างที่รบกวนจิตใจและที่ทำให้ไม่ได้นอนเต็มตาสักคืน แต่ยิ่งจมอยู่กับตัวเองมากเท่าไหร่คริสก็ยิ่งคิดถึงใครอีกคนขึ้นมาจับใจ แม้ว่าอยากที่จะอธิบายเรื่องราวทั้งหมด อยากพูดคุยปรับความเข้าใจกันแต่ชานยอลที่หนีไม่ยอมพบหน้าก็ทำให้ตัวเขาหงุดหงิดอยู่ไม่น้อย
ยอมรับเลยว่าโกรธชานยอลที่ทำเรื่องวุ่นวายให้แต่ทว่ากลับโกรธตัวเองมากกว่าที่ไม่ยอมอธิบายให้ฟังเสียตั้งแต่แรก ลืมไปว่าปาร์คชานยอลน่ะดื้อกว่าเด็กตัวเล็กๆเสียอีก กลีบปากบางค่อยๆจุดรอยยิ้มขึ้นเมื่อยามที่นึกถึงคนตัวเล็กกว่า อยากจะไปหา อยากไปมองหน้า อยากสัมผัส อยากรู้ว่าตอนนี้คนที่กุมหัวใจของตนอยู่นี้จะเป็นอย่างไรบ้าง กินข้าวหรือเปล่า นอนพักผ่อนหรือไม่ ป่วยอยู่ไหม .. แต่ก็ได้แค่คิดเพราะไม่ว่าจะไปบ้านของแก๊งนั้นก็ไม่มีใครอยู่เลย ไม่ใช่ไม่มีใครอยู่แต่ไม่ยอมให้เข้าพบมากกว่า คริสรู้ว่าชานยอลจะต้องอยู่ที่บ้านใครสักคน แต่ถึงจะรู้ก็เข้าไปหาไม่ได้อยู่ดี
“อย่าทรมานฉันอีกเลยนะชานยอล” คริสก้มหัวลงแทบจะซบอยู่ที่ขาของตัวเอง สองมือขึ้นตั้งประสานไว้เหนือหัว หมดแรงแล้วจริงๆ...
“คริส ถ้าเก็บกระเป๋าเสร็จก็ลงมาทานข้าวนะจ๊ะ” เสียงของคุณป้าเจ้าของบ้านที่เขาอาศัยเคาะประตูเรียก คริสค่อยๆเงยหน้าขึ้นก่อนที่จะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ดวงตาคมที่อ่อนแรงปรายมองไปยังมุมห้องที่มีกระเป๋าเสื้อผ้าวางนอนนิ่ง เขาจัดเสร็จนานแล้วแต่ก็แค่ไม่อยากจะสนใจมันเท่านั้น
ชายหนุ่มเดินออกไปยังสวนเด็กเล่นๆในระแวกบ้านด้วยเพราะยังไม่อยากทานอะไรทั้งนั้น ตอนนี้เรื่องราวมันเยอะมากมายจนสุ่มใจของเขาให้ฟุ้งซ่านไปเยอะ มากเกินกว่าที่จะมานั่งกินข้าวทำอารมณ์ดีแล้วก็ไปจากประเทศที่เขาอยู่แล้วสบายใจนี้ คริสยอมรับว่าตัวเองอาจจะทรยศต่อบ้านเกิดแต่ทว่าการที่ได้มาประเทศนี้ เขารู้สึกรักที่นี่จริงๆ ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมตัวเขาถึงเลือกมาแลกเปลี่ยนที่นี่ ทั้งๆที่เขาสามารถเลือกไปที่อื่นได้
หรืออาจจะเป็นเพราะ ..โชคชะตา.. ที่ทำให้เขามาที่ประเทศนี้ คล้ายกับได้กลับมายังบ้านเก่าบ้านเกิด ทั้งๆที่เขาเป็นคนจีนเกิดและโตที่จีน แต่ทำไมถึงคิดว่าบ้านเมืองนี้เป็นบ้านเมืองของเขากันนะ หรือเพราะประเทศนี้มีปาร์คชานยอลอยู่ ... ก็อาจจะเป็นได้ คิดได้แบบนั้นกลีบปากบางก็วาดรอยยิ้มขึ้น แก้มขาวซีดค่อยๆซับสีเลือดจางๆ ถึงจริงๆแล้วคริสจะเป็นคนนิ่งติดออกจะเย็นชาแต่ใครเลยจะรู้ว่าท่าทีแบบนั้นก็แค่ทำกลบเกลือนความเขินไปแบบนั้นเอง
คริสมีความลับที่ไม่เคยบอกใครหรือแม้แต่ชานยอลเอง ก่อนที่จะมาแลกเปลี่ยนที่นี่หนึ่งเดือนคริสเคยฝันถึงใครคนหนึ่ง คนที่ยิ้มแล้วน่ารัก คนที่ดวงตากลมโตมักจะสะท้อนเป็นเงาของตนเสมอ คนที่มักจะร้องเรียกชื่อตัวเขาและเอ่ยบอกคำรัก คริสจดจำใบหน้านั้นได้ขึ้นใจ ครั้งแรกที่เจอกันเขาถึงจ้องใบหน้าน่ารักนั้น ดวงตากลมโตที่ทอดมองมาที่เขาจ้องตอบแล้วก็ใจสั่นเสียเอง .. หรือนี่จะเป็นโชคชะตาที่ขีดให้ทั้งสองมาเจอกันนะ
“คิดถึงนายจังชานยอล เมื่อไหร่จะเลิกทำตัวเป็นเด็กๆแล้วหันมาคุยกันนะ ปวดใจจะแย่อยู่แล้ว” คริสยืนล้วงกระเป๋ากางเกงแล้วเงยหน้ามองท้องฟ้าที่ทอแสงสีส้ม กลีบปากได้รูปวาดรอยยิ้มก่อนที่จะหมุนตัวแล้วเดินกลับไปทางเดิม ทิ้งเรื่องราวที่เจ็บเจียนตายไว้เบื้องหลัง.. บางทีเวลาอาจจะช่วยให้ดีขึ้นก็เป็นได้
แต่บางทีเวลาก็ไม่ได้ช่วยอะไรให้ดีขึ้น รั้งแต่จะซ้ำ ย้ำรอยเดิมให้บาดลึกและเหวอะหวะยิ่งขึ้นก็เป็นได้... เวลาอาจจะไม่ได้เยี่ยวยาอะไร แต่เป็นตัวเรานั่นล่ะที่จะเยี่ยวยาทุกอย่างเอง
…อย่าทิ้งข้านะ คุณชายอี้ฟาน อย่าทิ้งข้าไป ข้าอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีท่าน...
...ข้าไม่เคยทิ้งเจ้า นกน้อยของข้า ข้าจะไม่ทิ้งเจ้าไปไหน...
เช้าแล้ว.. ชานยอลค่อยๆลืมตาตื่น อาการตัวรุมๆหายไปหมดแล้วจะเหลือก็แต่ไข้ใจนี่ล่ะ เพื่อนตัวสูงยาวนอนกลิ้งไปมาในห้องรับแขกของบ้านเพื่อนตัวเล็กตาโต ก่อนที่จะลุกขึ้นนั่งแล้วมองออกไปนอกหน้าต่าง แสงแดดอ่อนๆที่สาดเข้ามาเรียกรอยยิ้มจากคนเพิ่งตื่นได้ไม่ยากเลย ชานยอลเหลือบตามองนาฬิกาเรือนเล็กที่โต๊ะข้างหัวนอนแล้วก็เบ้ปาก
“จะเที่ยงแล้วเหรอ? มิน่าล่ะหิวแล้วเนี่ย” ชานยอลตลบผ้าห่มออกหมายว่าจะลงไปกินข้าวเสียหน่อย และวันนี้กะไว้ว่าจะกลับไปหาใครบางคนเสียหน่อย คิดถึงอยากกอด..
มื้อเที่ยงนี้นอกจากจะมีคุณหนูทั้งสามแล้วยังพ่วงคุณหนูชานยอลมาร่วมทานมื้อเที่ยงเสียด้วย เป้าแม่บ้านและเด็กรับใช้ต่างก็ยิ้มแก้มปริที่วันนี้คุณหนูแสนร่าเริงลงมาทานข้าวเอง วันนี้บนโต๊ะอาหารมีอาหารมากมายวางเรียงรายไว้ และคุณหนูทั้งสี่ต่างก็สนุกกับการร่วมกินมื้อเที่ยงร่วมกัน
“เอาจริงเหรอ? คิดได้แล้วเหรอ?” คยองซูเอ่ยถามหลังจากที่ชานยอลขอยืมรถจากเซฮุนเพื่อที่จะกลับไปหาคริส
“ก็เปล่าหรอก แค่จะทำตัวให้ชัดเจนว่าเราจะเลิกกันจริงๆ”
“ตามใจมึงนะ ถ้ากลับมาคราวนี้ร้องไห้กลับมาแบบเดิมอีกกูจะกระทืบมึง” ชานยอลยิ้มกว้างๆให้เซฮุน ดูก็รู้ว่าเซฮุนไม่ทำหรอก
“กูเอาจริง” คล้ายกับรู้ความในใจ ชานยอลยู่หน้าลงอย่างขัดใจ
“อย่าไปสนใจไคกับเซฮุนเลย ไปเถอะ อย่างน้อยก็คุยกันให้รู้เรื่องซะนะ” ชานยอลยิ้มให้คยองซูก่อนที่จะขอตัวขึ้นห้องนอนเพื่อไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า
ชานยอลเดินฮัมเพลงขึ้นมายังชั้นสอง อย่างน้อยก็ขอบิ๊วท์อารมณ์ดีๆไปเจอหน้ากันหน่อยล่ะกัน ยังไม่ทันก้าวเท้าเดินยังไปห้อง หูของชานยอลก็ได้ยินเสียงริงโทนมือถือของตัวเองในห้องทั้งๆที่เมื่อคืนก็ไม่ได้เปิดเสียงไว้ สองเท้ายาวรีบวิ่งไปยังห้อพักของตัวเองแต่ก็ช้ากว่าเสียงนั้นดับไปแล้ว เพียงไม่นานมันก็ดังขึ้นอีก บานประตูถูกเปิดออกพร้อมกับคนที่มาอาศัยห้องนี้วิ่งเข้าไปรับก่อนที่มันจะดับ
“.......” ก่อนที่เสียงร้องจะดับมือเรียวก็คว้ามากดรับและยังไม่ทันที่จะได้เอ่ยอะไรออกไป เสียงนุ่มของใครอีกคนก็เอ่ยพูดออกมา
“ชานยอล ถ้านายได้ยินข้อความนี้ฉันอาจจะบินกลับจีนแล้วก็ได้ เฮ้อ... ฉันทรมานจริงๆนะที่ไม่มีนายอยู่เคียงข้าง ไม่รู้ว่าเพราะอะไรแต่ฉันรู้สึกว่าฉันขาดนายไม่ได้จริงๆ นายอาจจะไม่เคยได้ยินฉันพูดคำนี้แต่ฉันรักนายจริงๆนะ เรากลับมาเหมือนเดิมได้ไหม กลับมาคุยกัน กลับมาเหมือนเดิม ทุกๆวันที่ไม่มีรอยยิ้มของนายมันทำให้โลกของฉันไม่สดใสเลย”
“นายอาจจะไม่เชื่อแต่ฉันชอบรอยยิ้มของนาย ชอบเสียงหัวเราะของนาย ขอบทุกอย่างที่รวมกันเป็นปาร์คชานยอล .. ชานยอลฉันยังรอนายอยู่นะ ฉันจะไม่ยอมเลิก ฉันเข้าใจว่านายคิดอะไรอยู่ นายห่วงชีวิตฉัน นายห่วงอนาคตของฉันแต่ชานยอล ... ทั้งชีวิตและอนาคตของฉันคือนายนะ วันนี้ฉันจะบินกลับจีนตอนบ่ายสองโมงนะ ฉันจะไม่บอกให้นายรอฉันแต่อย่าเลิกรักฉันนะ ชานยอลฉันรักนายนะ”
“อึก... คริส” หยดน้ำตาไหลอาบนองหน้า มือเล็กยกขึ้นปิดปากกลั้นเสียงสะอื้น ดวงตากลมหันมองนาฬิกาเรือนเล็กก่อนที่จะเบิกตากว้าง
“บ่ายโมงครึ่ง!! แย่แล้ว!!!” ชานยอลรีบวิ่งออกจากห้องนอนทันที เสียงดึงตึงตังจากชั้นบนเรียกให้ทั้งสามคนที่ยังนั่งคุยกันเงยขึ้นมอง
“ไอ้เซฮุนขอกุญแจรถหน่อย!!” ชานยอลวิ่งปรี่เข้ามาอย่างไว เซฮุนล้วงมือลงกระเป๋ากางเกงแล้วโยนส่งให้คนที่รับมันได้อย่างพอดิบพอดี
“จะรีบไปไหนวะ” เซฮุนเอ่ยถามแต่ชานยอลกลับวิ่งตัวปลิวออกไปแล้วแต่ก็ยังตะโกนตอบกลับมาตามลม
“ไปสนามบิน~~” ทั้งสามมองหน้ากันก่อนที่จะยกยิ้มให้กัน ไคชูนิ้วโป้งให้คยองซูที่แอบไปเปิดโทรศัพท์ของชานยอลไว้ แต่ก็น่าใจหายนะที่วันนี้คริสจะบินแล้ว ก็แหงล่ะไปสนามบินจะให้คิดเป็นอื่นได้อย่างไร
คริสลดเครื่องมือสื่อสารที่แนบหูมองหน้าจอที่ถูกตัดสายไปแล้วอย่างฉงน เมื่อกี้ถ้าหูไม่ฟาดคริสได้ยินเสียงสะอื้นไห้เบาๆ แต่มันจะเป็นไปได้อย่างไรที่เสียงตอบรับอัตโนมัติจะมีเสียงสะอื้น สงสัยจะคิดถึงคนปลายสายมากไป โทรไปกี่ครั้งๆก็ไม่รับจนมันตัดเข้าเครื่องตอบรับเสียทุกรอบจนรอบสุดท้ายยอมฝากข้อความเสียงเอาไว้
“เป็นเอามากแหะ หากาแฟดื่มสักหน่อยดีกว่า” คริสเดินไปยังร้านกาแฟเล็กๆในสนามบินเพื่อรอเวลาเข้าเกท ส่วนกระเป๋านั้นตนไปโหลดลงเครื่องเพื่อเช็คอินนานแล้ว
คริสเลือกนั่งที่โซนนอกร้านเพื่อมองผู้คนที่เดินผ่านไปมา ก็แค่หวังว่าชานยอลจะมาส่งแต่ก็คงทำได้แค่คิด ใบหน้าคมยิ้มบางๆแล้วก้มหน้าลงก่อนที่จะยกแก้วกาแฟขึ้นจิบ มองผู้โดยสารคนอื่นแล้วก็นึกอิจฉาที่คนอื่นมีคนที่รักมาส่งแต่ตนนั้นกลับได้แต่นั่งจิบกาแฟอิจฉาคนอื่นไปเรื่อย ขอบอกเลยว่าตั้งแต่เกิดมามีแต่คนคอยอิจฉาคริสเสมอแต่วันนี้เป็นครั้งแรกเลยที่ผู้ชายคนนี้ต้องมาอิจฉาคนอื่น
“จะโทรไปอีกทีดีไหมนะ” คริสมองหน้าจอมือถือที่เป็นรูปของตัวเขาเองกับเจ้าของดวงตากลมโตนั้น รอยยิ้มกว้างถูกจุดขึ้นที่ริมฝีปากบาง ปลายเรียวนิ้วไล้ที่หน้าจอเบาๆก่อนที่จะวางมันลงกับโต๊ะที่เดิม
“โธ่เว๊ย!!! มึงจะติดไฟคนข้ามถนนอะไรนักหนาวะ!!” ชานยอลสบถแล้วทุบมือเข้ากับพวงมาลัยรถ จะไม่ให้โวยวายได้อย่างไรกันก็ที่ขับออกมาจากบ้านเซฮุนนี่ก็ปาไปไฟที่สี่แล้วนะที่ติดน่ะ!! ถนนก็โล่งอยู่หรอกแค่ไอ้ไฟที่ติดมันเสียทุกแยกเนี่ยมันจะไปทันได้ยังไงกัน!!
“เฮ้ยๆๆ อย่าเพิ่งบ่ายสองดิวะ มึงก็รีบๆแดงได้แล้ว!!” ตะโกนเสียลั่นรถแต่ก็ไมได้ทำให้ไฟนั้นเปลี่ยนสีได้เร็วขึ้นเลย เมื่อไฟข้ามถนนดับลงรถคันสวยแถวหน้าก็พุ่งทะยานออกไปทันที ชานยอลกดเหยียบความเร็วไว้ที่ระดับเกือบจะสองร้อยและแน่นอนแยกข้างหน้าก็กำลังเปลี่ยนเป็นไฟคนเดินข้ามอีกแล้ว
“ผ่าแม่งเลย!” แล้วชานยอลก็เหยียบจนสุดเพื่อพุ่งผ่าไฟแดงออกไป
และเพียงไม่นานชานยอลก็มาอยู่ที่หน้าสนามบินแล้ว ก่อนที่จะลงรถดวงตากลมเหลือบมองนาฬิกาบนหน้าปัดคอนโทรลรถแล้วว่าอีกไม่กี่นาทีก็จะบ่ายสองโมงแล้ว สองขายาววิ่งเข้าไปในตัวอาคารอย่างรวดเร็วเพื่อตามหาใครอีกคน ด้วยความสูงของเขานั้นไม่ใช่เรื่องยากเลยที่จะกวาดตามองหาคนที่สูงกว่าเขาแต่ด้วยที่ไม่รู้ว่าคริสจะไปไฟลท์ไหนหรือนั่งรอที่เกทไหนเนี่ยสิที่เป็นเรื่องยาก
ดวงตากลมคลอหน่วยไปด้วยม่านน้ำและไหลหยดกลิ้งผ่านแก้มใสไป หลังมือบางยกขึ้นปาดมันออกพร้อมกับมองสอดสายตาหาร่างที่คุ้นตา ยิ่งเวลาเดินผ่านไปในแต่ละวินาทีหยดน้ำตาก็ยิ่งคลอรอบหน่วยตา ฟันขาวกัดริมฝีปากไว้เพื่อกลั้นเสียงสะอื้น ทั้งขอบตาและปลายจมูกที่แดงจัดใครพบเห็นก็มองมายังร่างที่เดินไปก็มองซ้ายที ขวาทีไปแต่ชานยอลไม่ได้สนใจคนเหล่านั้น
“คริสนายอยู่ไหน.. อึก...” นัยน์โตสั่นระริกยังคงมองหาและวิ่งตามหาไม่หยุด และร่างสูงยาวนั้นที่อยู่ไกลลิบก็เรียกให้สองขารีบวิ่งไปให้ไวที่สุด
หลังจากที่นั่งจิบกาแฟจนเพลินคริสก็ลุกขึ้นเดินออกจากร้านไปเพื่อเข้าเกท ใบหน้าคมสันต์หันกลับไปมองด้านหลังคล้ายกับได้ยินเสียงที่คุ้นหูดังอยู่ไกลๆ แต่จะเป็นไปได้อย่างไรก็ในเมื่อตนและชานยอลไม่ได้คุยกันเลย คริสก้มหน้าลงอีกครั้งเพื่อสลัดไล่ความคิดฟุ้งซ่านให้ออกจากหัว แต่ก็ยังคงหวังว่าเจ้าของดวงตากลมโตนั้นจะมาหา
“โอ๊ะ” คริสก้มลงมองเด็กหญิงตัวเล็กที่วิ่งมาชนขาของเขาส้มนอนกับพื้น เด็กผู้หญิงมัดผมปกละที่สวมชูดเดรสสีแดงลายจุดขาวปกทหารเรือกำลังมองหน้าเขาแล้วก็ค่อยๆแบะปากน้ำตาไหล คริสย่อตัวลงนั่งแล้วประคองเด็กหญิงให้ลุกขึ้นยืน
“ไม่เจ็บนะครับ” รอยยิ้มกว้างๆที่ส่งให้เด็กหญิงตัวน้อย เจ้าตัวเลยหยุดร้องไห้ ฝ่ามือใหญ่ลูบผมนิ่มมัดสองแกละของเด็กน้อยเบาๆ
“จะรีบวิ่งไปไหนครับ” มือเล็กๆยกขึ้นปาดเช็ดน้ำตาก่อนที่จะเอ่ยด้วยเสียงสะอื้น
“อึก.. จะวิ่งไปหาพ่อกับแม่ค่ะ” คริสอุ้มเด็กคนนั้นไว้แนบอกก่อนที่จะพาเดินไปส่ง
“เดี๋ยวพี่พาไปหานะครับ”
อยู่ๆร่างสูงยาวนั้นก็หายไปจากสายตาของชานยอล สองขารีบวิ่งเบนไปทางนั้นทันทีแต่เมื่อวิ่งไปแล้วกลับไม่เจอใครเลย ในบริเวณนั้นก็ไม่มีใครเลยที่จะมีรูปร่างสูงยาวแล้วผมสีทอง หยดน้ำตาไหลรินอีกครั้ง ชานยอลหมุนรอบตัวเพื่อมองไปรอบข้างแต่กลับไม่มี หลังมือบางยกขึ้นปิดปากกลั้นสะอื้น ตอนนี้ชานยอลรู้สึกจุกที่ลำคอ จุกจนพูดไม่ออก หัวใจเต้นอย่างเจ็บปวด
“คริสนายอยู่ไหน ฉันขอโทษ” หยาดน้ำอุ่นที่ไหลเป็นสายไม่ต่างกับรอยแผลในใจที่ถูกกรีดยาวเป็นทาง มีดนับร้อยเล่มพันเล่มที่มองไม่เห็นค่อยๆกรีดหัวใจจนแทบจะไม่เหลือชิ้นดี
“อึก.. กลับมา ขอโทษ” ชานยอลก้มหน้าลงปล่อยให้หยดน้ำตาไหลรินลงสู่พื้น ปล่อยสะอื้นกับหลังมือที่ยกขึ้นปิดปาก ไหล่เล็กสะท้านไหวอย่างน่าสงสาร เปลือกตาบางเปิดขึ้นปล่อยสายน้ำอุ่นที่กักเก็บไว้ก่อนที่จะเห็นพาสปอร์ตนอนนิ่งอยู่ใกล้ๆเท้า คนตัวบางย่อตัวลงนั่งแล้วหยิบหนังสือเดินทางเล่มนั้นขึ้นมาเปิดดูว่าเป็นของใคร
“อ๊ะ... อู๋อี้ฟาน... คุณชายอี้ฟาน!” รูปและชื่อของเจ้าของพาสปอร์ตเล่มนี้ทำเอาคนที่สะอื้นฮักๆหยุดนิ่งแล้วเปลี่ยนเป็นตกใจจนตาโตแทน ชานยอลลุกขึ้นยืนแล้วเบิกตากว้างมองผู้ชายในรูปแล้วก็เบนสายตามองชื่อแล้วก็ใจสั่นไหว ชื่อนี้ชานยอลไม่เคยลืม ชื่อนี้ชานยอลไม่มีวันลืมแน่ๆ ชื่อที่เขาฝันว่าบอกรักทุกคน!!
“อี้ฟาน...”
“ครับ?” ชานยอลหันหลังกลับไปมองเจ้าของเสียงทุ้มนั้นแล้วหยดน้ำตาก็ไหลรินอีกครั้ง สองแขนกอดคนตรงหน้าเสียเต็มแรง
“คริส!!!” อ้อมแขนยาวกอดกายเล็กไว้แนบชิด กดปลายจมูกลงกับไหล่เล็กเพื่อฝังรอยอุ่นและสูดกลิ่นหอมอ่อนๆที่ถวิลหา ฝ่ามือใหญ่ลูบไล้แผ่นหลังบางเบาๆ
“ร้องไห้ทำไมครับ ไม่เอาไม่ร้องนะตาบวมเป็นกบนะ ไม่สวยนะ” ชานยอลทุบหลังของคนหยอกเย้าแรงๆ คริสหัวเราะเบาๆ ชานยอลผละคนที่ตัวเองกอดไว้เสียแน่นให้ออกห่าง
“หายไปไหนมา เมื่อกี้ไปไหนมา” ถามไปก็น้ำตาร่วงผล็อยๆ ปลายเรียวนิ้วยาวไล้เช็ดหยาดน้ำตาที่ไหลรินเป็นสายออกจากดวงหน้าขาวที่คิดถึง
“พาเด็กไปส่งพ่อแม่เขามา พอดีหาพาสปอร์ตไม่เจอก็เลยเดินกลับมาหา ขอโทษนะ” ชานยอลส่ายหน้าก่อนที่จะกอดอีกฝ่ายแรงๆ คริสลูบหัวกลมที่ซุกซอกคอเขาเบาๆพร้อมกับกดจูบที่ข้างขมับสวย
“คริส ไม่ไปได้ไหม” สองแขนละคนในอ้อมแขนออกก่อนที่จะส่ายหน้าไปมา
“ไม่ได้หรอก อย่าร้องไห้สินะชานยอลเดี๋ยวเราก็ได้เจอกัน” ชานยอลยกหลังมือปาดน้ำตาก่อนที่จะเห็นพาสปอร์ตในมือ
“นายชื่ออี้ฟานเหรอ?” คริสรับพาสปอร์ตที่ชานยอลส่งคืนมาถือไว้แล้วพยักหน้ารับ
“อืม ชื่อจีนของฉันคืออู๋อี้ฟาน” ชานยอลสูดน้ำมูกก่อนที่จะตีเข้าที่อกกว้างแรงๆ
“ทำไมไม่บอกฉันล่ะ!!” คิ้วได้รูปยกขึ้นอย่างสงสัยแต่ก็ตอบติดตลกออกไปและก็ได้ฝ่ามือฟาดเข้ามาที่ไหล่แรงๆ
“ก็นายไม่เคยถาม... โอเคๆ ขอโทษๆ” เมื่อได้สายตาเขียวปั๊ดมาให้คริสก็ยกสองมือขึ้นยอมแพ้
“มีอะไรหรือเปล่า?” ชานยอลยิ้มแล้วส่ายหน้าไปมาก่อนที่จะนึกขึ้นได้
“นายไม่ขึ้นเครื่องเหรอ? มันเลยเวลาแล้วนิ” คริสยกมือขึ้นเกาหัวก่อนที่จะยิ้มแหยะๆส่งคืน
“คือจริงๆแล้วเครื่องขึ้นสองโมงครึ่งน่ะแต่ฉันดูเวลาผิด” ชานยอลอ้าปากกว้างก่อนที่จะทำนบน้ำตาแตกอีกรอบ สองมือฟาดเข้าใส่ไม่ยั้ง
“ไอ้บ้าๆๆๆ ไอ้อี้ฟานบ้า ไอ้ประสาท!!” คริสหลบสองมือที่ฟาดใส่เป็นพัลวัน
“โอ๊ยๆๆ เจ็บนะ ชานยอล~” คริสคว้าข้อมือเล็กไว้ให้หยุดทุบตีเขา ใบหน้าน่ารักมุ่ยลงน่าเอ็นดู
“คริส... ฉันขอโทษนะที่หนีนาย ที่บอกเลิกนายแต่ฉันจะไม่หยุดรักนายหรอกนะ รอฉันก่อนถ้าเรียนจบฉันจะบินไปเรียนมหาลัยที่โน้นกับนาย” ชานยอลยิ้มกว้างแล้วเอียงคอมองอีกคนอย่างน่ารักน่าชัง คือถ้าตรงนี้ไม่ใช่สนามบินคริสกระชากอีกคนมาจูบแล้วนะเนี่ย
“ไม่ต้องหรอก ไม่จำเป็น” ชานยอลที่ยิ้มกว้างค่อยๆตีหน้ายุ่งแล้วมองจ้องอีกคนเขม็ง
“ทำไม!!” เสียงทุ้มตลาดกร้าว คริสโอบคนตรงหน้ามากอดแล้วลูบแผ่นหลังเล็กเบาๆ ได้ยินเสียงสะอื้นที่ซอกคอด้วยล่ะ
“ไม่ต้องหรอกชานยอลนายเรียนต่อที่นี่ล่ะ อยู่ที่เกาหลีนี่ล่ะ.... เพราะเดี๋ยวฉันจะกลับมาหานายเอง” ชานยอลผลักอีกคนออกแล้วกระพริบตาปริบๆ
“ห๊ะ??”
“อีกอาทิตย์หนึ่งรอฉันนะเดี๋ยวฉันก็กลับมา ฉันจะกลับไปทำเรื่องขอย้ายมาเรียนที่เกาหลี” ดวงตาโตของชานยอลคริสไม่เคยคิดว่ามันจะโตได้มากขนาดนี้มาก่อน คนตรงหน้าแทบจะตาถลนเสียด้วยซ้ำ
“อะ...อาทิตย์หนึ่ง?” คริสพยักหน้ารับ ชานยอลก็ยิ่งทำตาโตเข้าไปใหญ่
“ละที่ฉันทำทั้งหมดนี่.....”
“ก็บอกแล้วว่าให้คุยกันก่อน ฉันมีเรื่องจะบอก... ต่อจากนี้ไม่เอาแล้วนะ ห้ามหนีไปอีกนะ ห้ามไม่ฟังฉันอธิบายด้วยนะ แค่นี้ก็ทรมานใจจะแย่อยู่แล้ว” ชานยอลปล่อยโฮสะอื้นเสียงดังก่อนที่จะกอดร่างสูงกว่าไว้แน่นๆ
“ขอโทษๆๆ ฉันมันโง่เองแหละ ขอโทษๆ” คริสวาดรอยยิ้มแล้วกอดตอบคนที่กอดเขาไว้เสียแน่น ก็ถ้าคุยกันก่อนเรื่องจะยุ่งวุ่นวายไหมนะ? แต่ก็นะ มันก็มีข้อดีนะ ข้อดีที่ทำให้รู้ว่าชานยอลก็รักคริสมากไม่แพ้ที่คริสรักชานยอลเลย
“รอฉันนะอีกอาทิตย์เดียวแล้วจะกลับมานะ... ตอนนี้ฉันต้องไปจริงๆแล้วล่ะ” ชานยอลแบะปากมองคนตรงหน้าแล้วจะร้องไห้อีกครั้ง
“รีบๆกลับมานะ คิดถึงอยากกอดจะตายอยู่แล้ว!! อี้ฟาน.. ชานยอลรักอี้ฟานนะ” ริมฝีปากบางวาดรอยยิ้มกว้างก่อนที่จะประคองใบหน้าน่ารักที่แดงเรื่อให้เงยขึ้นรับจูบหวานที่ป้อนให้ จูบที่โหยหาและหวานล้ำที่สุด ไม่จาบจ้วงแต่ก็พาลให้ใจสั่นไหว ไม่รุกล้ำแต่ก็โหยหา
“อี้ฟานก็รักชานยอลครับ” ทั้งสองยิ้มให้กันก่อนที่จะส่งจูบป้อนให้กันและกันอีกครั้ง แม้ไม่อยากแยกจากแต่ก็คงจะเป็นไปไม่ได้... แต่อีกเพียงไม่นานทั้งสองก็จะกลับมาพบกันอีกครั้ง อนาคตที่มองไม่เห็นแต่ทั้งคู่จะจับมือไปด้วยกัน
ก็ถ้าชานยอลยอมฟังสักนิด เรื่องราวจะวุ่นวายแบบนี้หรือเปล่าล่ะ?? นายพลาดจริงๆนะชานยอล..
และอีกสามคนที่ไม่ยอมตามมาด้วยก็พลาดเช่นกัน ... อดเห็นฉากจูบหวานกลางสนามบินเลย
เครื่องบินบินขึ้นไปยังท้องฟ้าแล้ว เรียวนิ้วเสลาลูบไล้จี้ทองคำขาวที่คอที่คริสถอดมาสวมไว้ก่อนที่จะแยกจากกันเบาๆ เรียวปากอิ่มวาดรอยยิ้มพร้อมกับมองเครื่องบินลำนั้นที่ค่อยบินห่างออกไปเรื่อยๆ มือเล็กที่วางแปะอยู๋ที่กระจกโบกไปมาอำลาเครื่องบินลำนั้น อีกแค่หนึ่งอาทิตย์เดี๋ยวก็ได้เจอกันแล้ว นัยน์กลมโตก้มลงมองจี้รูปตัวเคที่คอแล้วก็ยิ้มกว้างๆ
“นายคือคนในฝันของฉันจริงๆสินะ... แล้วฉันเป็นคนในฝันของนายหรือเปล่าอี้ฟาน”
สงสัยว่าเรื่องพันธะสัญญาของคยองซูจะเป็นจริงเสียแล้วล่ะ ตอนนี้ชานยอลเชื่อเรื่องเหล่านี้อย่างสนิทใจ...
“คุณชายอี้ฟานกับนกน้อย ... คริสกับชานยอล” แม้ว่าบนท้อฟ้าสีฟ้าใสจะไม่มีเครื่องบินลำนั้นแล้วแต่ชานยอลก็ยังคงมองไปบนฟ้าแล้วยิ้ม จี้รูปตัวเคยังคงถูกเรียวนิ้วสัมผัสลูบไล้มันอย่างแผ่วเบา .. อีกไม่นานก็จะได้สัมผัสตัวจริงแล้วนะ คิกๆ…
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น