ลำดับตอนที่ #15
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #15 : Episode 3 : Home Sweet Home – 3
มาแล้วววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววว เพิ่งตื่น หลังจากหลับยาวเพราะไปทัวร์ทำบุญมา TvT
มีใครคิดถึงเราเปล่าาาาาาาาาาาาา ขอเสียงหน่อยยยยยยยยยยยยยยยยยยย #เงียบกริบเบย
ทำไมทุกคนไม่เชื่อใจเราอ่ะ โห้ยยย เราน้อยใจ เราเฉียจายยยยยยยยยยยยยย *วิ่งไปซุกเงิงพี่ตุ้ย* *เงิงตุ้ยเฉาะกบาล*
ตามที่คุณ scd เข้าใจถูกแล้วค่ะสำหรับพาร์ท Who are you ค่ะ คิๆ เดี๋ยวส่งหนูเน่ไปหานะคะ ส่วนคริสยอลยังให้ตัวไม่ได้เพราะต้องเอามาเล่นฟิคให้เราก่อน อุคิๆๆ
ส่วนเรื่องหนังสือเราจะมาแง้มบอกเท่าที่ตอนนี้คาดการณ์ไว้ก่อน คาดว่า รายละเอียดที่แน่ชัดอาจจะมาได้ในสัปดาห์นี้จ้า~
เรื่องราคานั้น เราจะไม่ให้เกิน 350 ค่ะ (ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเนื้อเรื่องทั้งหมดว่าจะได้เล่มหนา บางแค่ไหน)
เนื้อเรื่องในเล่มก็จะมี
Episode 1 : One moment in time
Episode 2 : Who are you?
Episode 3 : Home Sweet Home (ที่กำลังลงอยู่นี้)
Episode 4 : ยังไม่มา~ รอก่อนนะจ๊ะ
Special Episode : นี่ก็รอนะจ๊ะ
และฟิคเรื่องแถมสุดพิเศษที่จะยัดลงไปก็คือ แอ๊น.. แอ๊น... แอ่น.......
SF KrisYeol : ช่างกลแล้วไง(วะ)ครับ
ซึ่งยังไม่เคยลงที่ไหน ก็แน่ล่ะเพิ่งแต่งเสร็จ 555555 เดี๋ยวจะเอามาแง้มๆให้ดูกันนะ รับรองทุกคนต้องชอบ(หรือเปล่า)
แล้วของแถมสุดพิเศษสำหรับคนที่ซื้อฟิคเรา เราก็จะมอบ Secert bag ให้อีกหนึ่งถุง ส่วนข้างในนั้นมีอะไรยังบอกไม่ได้เพราะมันคือความลับ!! จุ๊ๆ เดี๋ยวตัวเล็กมาแอบฉก~
แต่จะแอบบอกเท่าที่บอกได้คือ ในนั้นจะมี ที่คั่นคริสยอล และ สมุดโน๊ตคริสยอล~ แน่นอนว่าทำเองนะจ๊ะ (ใช้คนอื่นทำให้ 5555) ส่วนของพิเศษอีกหนึ่งชิ้น เราก็งุบงิบอุบอิบไว้ก่อนนะคะ
ไว้เนื้อเรื่องใกล้จะจบเราจะเอามาบอกรายละเอียดอีกที หวังว่าทุกคนจะต้อนรับน้องไทม์เราและรับไว้ในอ้อมใจนะคะ ^v^
______________________________________
...คุณชายจะไปที่แห่งใดกัน อย่าทิ้งข้าไว้คนเดียว!!...
...คุณชาย อย่าทิ้งข้า ให้ข้าตามไปด้วย...
...คุณชายอี้ฟาน ท่านไม่รักข้าแล้วหรือ ทำไมต้องทิ้งให้ข้าอยู่คนเดียวเช่นนี้...
...ข้าไม่เคยไม่รักเจ้านกน้อยของข้า ข้ามิมีวันที่จะเลิกรักเจ้า ไม่มีวัน...
เปลือกตาบางค่อยๆลืมขึ้นและคล้ายกับว่าไออุ่นจากอ้อมกอดในห้วงฝันยังไม่จางหาย แรงกอดกระชับที่เอวเล็กเรียกให้กายบางต้องพลิกหันกลับไปหาคนที่นอนกอดตนไว้ทั้งคืน ใบหน้าหล่อคมที่หลับตาพริ้มดูช่างหล่อเหลาเสียจนอดใจเต้นรัวเสียไม่ได้ แพขนตายาว สันจมูกโด่ง เรียวปากบางได้รูปล้อมด้วยโครงกรอบหน้าที่แสนเพอร์เฟ็ค ปลายเรียวนิ้วไล้ตามโครงหน้าได้รูปนั้นแผ่วพลิ้ว กลีบปากอิ่มวาดรอยยิ้มออกมาอย่างนึกเขินอาย
หลังจากวันที่เข้าค่ายของชมรมบาสเกตบอลที่ทะเลคราวโน้นก็ผ่านมาได้เกือบเดือนแล้ว วันหยุดถ้าไม่เป็นชานยอลไปนอนบ้านคริส ก็จะเป็นคริสมานอนที่บ้านชานยอลแทนแต่ส่วนใหญ่จะเป็นคนตัวสูงกว่านั่นเสียมากกว่าที่จะมานอนบ้านของชานยอล แต่วันนี้ชานยอลมานอนที่บ้านของคนขี้เซานี้ด้วยข้อหาที่คนตัวสูงกว่าบอกว่าจะพาไปเที่ยว ก็เลยตามมา.. (นี่ผมใจง่ายไปไหม?)
“อี้ฟานอีกแล้ว? ใครกันนะ” ชานยอลจำเคล้าโครงหน้าได้มันช่างคล้ายกับใครสักคนเสียจริงแต่นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก ยิ่งนานวันก็ยิ่งชัดเจน น้ำเสียงนุ่มทุ้มนั้นอีกคุ้นชินหูเสียเหลือเกิน นัยน์ตากลมมองคนที่ยังนอนหลับอยู่ข้างกายก่อนที่จะหัวเราะคิกคัก
“ถ้าหน้าตาดีกว่านาย ... ฉันจะคิดดูอีกทีนะ” แล้วก็หัวเราะคิกคัก จนคนที่ยังหลับอยู่ค่อยๆลืมตาตื่นเพราะเสียงหัวเราะของคนในอ้อมแขนนี่ล่ะ
“หัวเราะอะไรน่ะ” ชานยอลมองคนเพิ่งตื่นด้วยตาปริบๆก่อนจะส่ายหน้า อ้อมแขนยาวกอดกระชับหมอนข้างนุ่มนิ่มไว้แนบชิด
“เปล่านี่ ตื่นได้แล้วไหนบอกว่าจะพาไปเที่ยวไง”
“ขอนอนต่ออีกแปบได้ไหม หื้ม?” ชานยอลยู่หน้ากับคนขี้เซาก่อนจะผละอกกว้างออกแล้วแบะปากใส่
“ถ้าไม่ตื่นถีบนะ” คริสพยักหน้ารับคิดว่าอีกคนคงจะไม่กล้าแต่ทว่าคิดผิด เมื่อชานยอลแกะอ้อมกอดออกแล้วลุกขึ้นยืนยันคนที่ยังหลับต่อตกเตียง
“โอ๊ย!!!!” และตามมาด้วยเสียงโหยหวนของเด็กแลกเปลี่ยนที่มาโฮมสเตย์เสียนี่.. เอวังก็จบด้วยประการละฉะนี้แล..
“โอ๋ๆ อย่างอนไปเลยนะ งอนมากก็ไมได้ทำหน้าดูดีขึ้นหรอกนะคริส~~” กายบางกระแซะคนที่หน้าง้อกินข้าวโดยไม่สนใจเลยว่าคุณลุงกับคุณป้าที่นั่งอยู่ตรงข้ามขำกันเสียแทบสำลักข้าว
“ไม่ต้องมาพูดเลย” ก็ยังคงงอนเสมอต้นเสมอปลาย ชานยอลเองก็ขำคิกคักกับคุณป้าที่กลั้นขำที่เด็กในความดูแลเสียจนออกนอกหน้า ก็นะเด็กหนุ่มแสนเท่ของเธอดันมาพลาดท่าให้เด็กหนุ่มน่ารักสดใจนี่เข้าซะแล้วนินา~
“ทำหน้างอนเป็นแองกรี้เบิร์ดไปได้ เอ้า กินไก่เยอะๆคุณป้าอุตส่าห์ทำไว้” แล้วก็คีบชิ้นไก่ใหญ่ๆไปใส่ชามข้าวของคนที่ทำหน้าเง้าหน้างอ
“นี่ก็ถ้ายังงอนไม่เลิกนี่ก็เลิกคบกันเลยไหม?” คริสวางตะเกียบลงแล้วหันมามองคนข้างกายที่สะบัดหน้าเชิดก่อนจะถอนหายใจ
“ไม่งอนแล้วครับ ไม่เลิกด้วยครับ” แค่นี้ล่ะ แล้วชานยอลก็ยิ้มกว้างนั่งกินข้าวต่ออย่างสบายใจ
“จะงอนอะไรนักหนาก็แค่ถีบเอง ไม่ได้ทำอะไรสักหน่อยทำเป็นตาแก่หัวล้านขี้ใจน้อยไปได้” อื้อหื้อ ด่าขนาดนี้เอาชามข้าวคว่ำใส่หน้าคริสยังจะดีซะกว่าอีกไหม? คุณลุงและคุณป้าที่นั่งตรงข้ามเองก็มองหน้าสบตาแล้วหัวเราะเบาๆ ลางว่าเจ้าเด็กแลกเปลี่ยนนี่จะออกอาการกลัวเมียเสียแล้วกระมัง
“ก็มันเจ็บนิ" ชานยอลคีบเนื้อปลาให้อีกคนก่อนจะยิ้มกว้างๆ
“ก็ถ้าเป็นฉันที่ทำนายเจ็บแล้วชอบไหมล่ะ?” คริสมองหน้าอีกคนด้วยรอยยิ้มก่อนจะเอื้อมมือออกไปลูบกลุ่มผมนิ่มเบาๆ คำตอบที่ไม่ผิดแปลกจากสิ่งที่ชานยอลคิดไว้ในใจเสียเท่าไหร่เลยก็ทำให้เจ้าตัวป่วนคลี่ยิ้มกว้างมากเข้าไปอีก
“ชอบสิ” หรือสองคนนี้จะเป็นคู่รักเอสเอ็มกันนะ?
หลังจากที่ทานมื้อเช้าเสร็จคริสก็จูงมือชานยอลออกไปยังบ้านหลังข้างๆ ใบหน้าน่ารักเอียงคออย่างสงสัยว่ามาที่บ้านหลังข้างๆทำไม คริสกดออดหน้าบ้านเพียงไม่นานชายร่างสูงใหญ่ก็เดินออกมาจากบ้าน ดวงตากลมเบิกกว้างเมื่อเจอผู้ชายตรงหน้าเขาว่าตนและคริสสูงมากแล้วแต่ทว่าคนตรงหน้ากลับสูงกว่าคริสเสียอีกและร่างกายก็กำยำใหญ่เสียจนชานยอลนึกกลัว
“อ้าวว่าไงไอ้คริสมาทำไมแต่เช้าวะ เข้ามาก่อนดิพี่กำลังทำเค้กอยู่” น้ำเสียงทุ้มใหญ่เอ่ยถาม ชานยอลกระพริบตามองคนสูงใหญ่ตรงหน้า ทำเค้ก!!!?
“สวัสดีครับพี่ซึงคยอง ผมมายืมลูกชายพี่น่ะครับ” ชายร่างใหญ่เลิกคิ้วก่อนที่จะมองเลยร่างของเด็กข้างบ้านไปก็เจอเข้ากับใบหน้าน่ารักที่แอบอยู่ด้านหลัง ดวงตาโตที่กระพริบตาปริบๆมองเขาสลับกับคนที่เกราะกำบัง
“จะพาแฟนไปเที่ยวเหรอ? เอาดิ เข้ามาเอา” ซึงคยองปิดประตูเล็กแล้วเปิดประตูใหญ่ออกเพื่อให้คริสเข้ามาเอาลูกชายเขา
“ยืนรออยู่ตรงนี้ก่อนนะ” เมื่อชานยอลพยักหน้ารับแล้วคริสก็เดินตามหลังชายร่างใหญ่เข้าไป เขาว่าคริสตัวสูงใหญ่แล้วนะพอเจอคนนี้เข้าไปคริสดูตัวเล็กไปเลย
เพียงไม่นานเสียงดังกระหึ่มของเครื่องยนต์ก็ดังขึ้นพร้อมกับร่างสูงบนเจ้าบิ๊กไบค์สีดำ Aprilia Touno V4R โดดเด่นด้วยลักษณะที่เป็น Naked Bike (รถเปลือย) เจ้าสัตว์ร้ายตัวใหญ่คันนี้ในสายตาของชานยอลมองว่ามันสวยงาม แสนเท่และโฉบเฉี่ยวมากด้วยลักษณะที่เป็นสีดำทั้งคันและช่วงเครื่องยนต์ที่เปลือยเปล่าเผยให้เห็นทุกสัดส่วนโดยไร้แฟริ่งปกปิดชุดเครื่องยนต์และโครงสร้างใดๆ ดวงตากลมโตที่มองร่างสูงที่ขับบิ๊กไบค์ออกมาก็เบิกตากว้างด้วยไม่คิดว่าคริสจะขับเป็น เพราะมันดูหนักและยากต่อการควบคุมมากถึงชานยอลจะตัวสูงพอกันแต่เขาไม่คิดว่าตัวเองนั้นจะควบคุมมันได้
“ขึ้นมาสิ” ชานยอลมองไปยังเบาะยาวที่เชื่อมเป็นเบาะเดียวและยกสูง ที่จริงมันสามารถซ้อนได้แต่รถแบบนี้ผู้ซ้อนด้านหลังอาจจะไม่สะดวกสลายเท่าคนขับก็เป็นได้
“ขึ้นมาเถอะน่า” คริสละมือออกจากแฮนด์รถแล้วลากใครอีกคนให้เข้ามาใกล้ๆ ชานยอลก้าวขาขึ้นไปนั่งคร่อมด้านหลังคนขับ เบาะที่ยกสูงทำให้ตัวของชานยอลมองวิวทิวทัศน์ข้ามหัวของคริสได้สบายๆ ด้านหลังมีที่กั้นขอบเบาะสำหรับคนนั่งซ้อนท้าย สองมือของชานยอลจับไว้มั่นเพื่อกันตัวเองตกแต่เมื่อคนควบคุมออกสตาร์ทรถกายบางก็ถลาไหลลงไปหาแนบชิดแผ่นหลังคนขับทันที สองแขนวาดโอบรอบลำคอของคนแกล้งกระตุกรถ
“เกาะแน่นๆนะ” คริสจับสองมือที่โอบรอบลำคอของตนก่อนจะเอื้อมมือไปด้านหลังเพื่อลูบกลุ่มผมนิ่ม
“รู้แล้วน่า ขับไปเถอะ” คริสยิ้มกับเสียงกระซิบข้างหูนั้น แก้มของทั้งคู่แนบกัน ชานยอลกระชับอ้อมแขนที่โอบรอบลำคอของคริสก่อนที่รถคันใหญ่จะเคลื่อนตัวจากไป
แม้ว่าเจ้าบิ๊กไบค์คันนี้จะใหญ่โตและดูควบคุมยากแต่ทว่ามันกลับน้ำหนักเบาและควบคุมง่ายอย่างไม่น่าเชื่อ แม้ว่าตัวเครื่องจะใหญ่แต่ทว่าเสียงยนต์กลับไม่ดังเสียดหูไม่เหมือนกับเสียงลมที่พัดเสียดข้างหูอยู่นี้ เสียงลมยังดังกว่าเสียงยนต์เสียอีก ยิ่งตอนเลี้ยวหัวโค้งตัวเครื่องที่ใหญ่แบบนี้ไม่เชื่อว่าจะเข้าโค้งได้นิ่มและคล่องแคล่วได้เพียงนี้
เรียวปากอิ่มวาดรอยยิ้มกับการมาขี่รถเล่นครั้งนี้ คริสขับเจ้าเอพริลเลียคันใหญ่เลาะไปตามทางเลียบแม่นำ ชานยอลค่อยๆละมือออกจากรอบลำคอที่โอบกอดแล้วกางมือออกเพื่อรับลมเย็นๆที่พัดตีปะทะหน้า เปลือกตาปิดลงก่อนที่จะวาดรอยยิ้มกับลมเย็นและเสียงหวืออื้อในหูที่ได้ยินแต่เสียงลมที่พัดเข้ามา เรื่องในหัวก็พาลขาวโพลน ดวงตาคมเหลือบมองที่กระจกส่องข้างแล้วก็จุดรอยยิ้มที่ริมฝีปากบ้างเมื่อเห็นว่าคนซ้อนนั้นกำลังยิ้มกว้างมีความสุข
ขับเลียบแม่น้ำไปตลอดสายก่อนที่จะหักเลี้ยวข้ามสะพานไปยังอีกฝั่งแล้วขับออกตัวถนนใหญ่เพื่อตัดถนนไปยังอีกเส้นหนึ่ง ชานยอลโอบรอบลำคอคนขับแน่นๆเมื่อการจารจรบนถนนนั้นโล่งและนักบิดก็บิดเสียเต็มแรงสูบของเครื่องยนต์ มอเตอร์ไซด์คันใหญ่แล่นฉิ่วไปตามทางก่อนที่จะผ่อนแรงลงเมื่อใกล้ถึงสถานที่ที่คนขับตั้งใจที่จะมาแล้ว
สวนสาธารณะใหญ่ของย่านชุมชนเล็กๆที่ปกคลุมไปด้วยหญ้าสีเขียวชอุ่ม เครื่องเล่นของเด็กๆ สระน้ำขนาดไม่กว้างมาก และลมเย็นๆพัดหอบเอาไอสดชื่นเข้ามาให้ คริสจอดรถดับเครื่องตรงลานจอดรถ ชานยอลก้าวเท้าลงมาก่อนที่จะมองรอบๆ เขาไม่เคยรู้เลยว่ามีสถานที่ที่ร่มรื่นย์แบบนี้อยู่ในเกาหลีด้วยแต่คนที่เดินเข้ามาข้างตัวกลับรู้จัก
“ไปกัน” คริสจับชานยอลแล้วพาเดินไปนั่งที่ริมสระน้ำ ร่มเงาไม้ใหญ่พาดบังแสงอาทิตย์ให้ทั้งสองไว้
“จะพามาที่นี่เหรอ?” ชานยอลถามพลางลงนั่งบนหญ้าสีเขียวนุ่มแล้วยิ้มกว้างๆเมื่อมองเห็นเหล่าปลาน้อยใหญ่ที่แหวกว่ายอยู่ในสระน้ำ คริสตามลงนั่งข้างๆแล้วหยิบก้อนหินเล็กขึ้นมาโยนลงน้ำ แรงสะท้อนบนผิวน้ำสามครั้งก่อนที่มันจะตกลงน้ำ
“อื้อ.. ชอบหรือเปล่า” ชานยอลพยักหน้ารับก่อนที่จะหันมาสบตากับดวงตาคู่คมที่มองอยู่ก่อนแล้ว แก้มขาวค่อยเผยริ้วแดงจางๆ
“อะ...อะไร” คริสยิ้มกว้างๆแล้วยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆพร้อมกับมือที่ทาบแก้มใสไว้
“ขอจูบได้ไหม” คนที่โดนขอจูบดื้อๆเบิกตากว้างแล้วผงะเอนหลังหนีไปนิดหน่อยแต่อีกคนก็เขยิบเข้ามาใกล้แถมยังก้มหน้าลงมาเสียปลายจมูกแทบชิดติดกัน
“ฉันควรปฏิเสธหรือเปล่าถ้านายจะยื่นหน้ามาใกล้ซะขนาดนี้แล้ว” เอ่ยจบประโยคเรียวปากได้รูปก็ทาบลงมาแนบชิด สัมผัสเบาๆก่อนที่จะค่อยๆสัมผัสแรงขึ้น คริสดูดดึงกลีบเนื้อนิ่มก่อนที่จะสอดแทรกลิ้นเข้าไปหยอกล้อกับลิ้นอุ่นที่ผละหนีในตอนแรกแต่แล้วก็ยอมตะหวัดเกี่ยวกับลิ้นของอีกคนที่รุกล้ำเข้ามา
“อื้อ...” ชานยอลทุบอกของคริสเผื่อให้ปล่อย เจ้าตัวก็ยอมปล่อยแต่โดยดีแต่อ้อยอิ่งที่จะละริมฝีปากกับกลีบเนื้อนั่น ถอนจูบออกอย่างช้าเชื่องและดูดเนื้อช่ำแดงเรื่อตรงหน้าอีกครั้งหนักก่อนจะผละออกมองดูผลงานของตัวเองที่บวมเจ่อช่างดูน่ารัก ช่างน่าหยิกสำหรับคริสเสียเหลือเกิน ชานยอลหอบเอาอากาศหายใจเข้าปอดให้เต็มก่อนที่จะยกมือทุบอกของคนริดเอาอากาศหายใจของตนไป เมื่อกี้เกือบตายแน่ะ!!!
“ไอ้บ้า!! ไอ้หื่น!!!” คริสหัวเราะเบาๆแล้วจับสองมือที่ทุบอกเขาไว้
“ฉันก็จูบนายคนเดียวนั่นล่ะ” แล้วทั้งหน้าของชานยอลก็แดงสีจัด ฟันขาวกัดกลีบปากช้ำก่อนจะสะบัดมือออกแล้วล้วงมือหยิบไอพอดในกระเป๋ากางเกงที่หยิบติดมาด้วยก่อนจะเสียบหูฟังไม่สนใจคนข้างกายที่พยายามจะมองสบตาเลย
“ไม่ต้องมายุ่งเลย!” ชานยอลเบี่ยงตัวหนีแล้วเร่งเสียงเพลงให้ดังขึ้นเพื่อที่จะไมได้ยินเสียงพูดของคนข้างกาย แน่นอนชานยอลไม่ได้ยินอะไรเลยนอกเสียจากเสียงเพลงที่ดังอยู่ในหู
“ชานยอล นายได้ยินฉันไหมเนี่ย” ชานยอลยังคงนั่งก้มหน้าร้องเพลง โยกหัวไปตามจังหวะไม่ได้สนใจเลยว่าคริสเอ่ยถามอะไร คริสเอื้อมมือออกไปดึงหูฟังข้างหนึ่งของชานยอลออกเจ้าตัวถึงได้หันกลับมาสนใจเขาอีกครั้งหนึ่ง ใบหน้าน่ารักเอียงคอมองคนข้างกายด้วยความสงสัย คริสยัดหูฟังอันนั้นใส่หูตัวเอง
“ถ้าเบื่ออยากกลับเมื่อไหร่ก็บอกนะ” ชานยอลยิ้มแล้วพยักหน้ารับ ยามที่กลีบปากที่บวมช้ำวาดรอยยิ้มนั้นช่างน่ารักน่าชังเสียจนอยากที่จะคว้าอีกคนเข้ามาจูบเสียจริง
ชานยอลลงนอนราบกับพื้นหญ้าโดยใช้สองมือของตัวเองรองหัวไว้ต่างหมอน คริสก็ลงนอนตามแต่หันตะแคงข้างไปทางชานยอลแล้วใช้มือข้างหนึ่งเท้ายันหัวไว้ ดวงตากลมโตเบนกลับมามองคนข้างกายที่วาดรอยยิ้มกว้างแล้วตนก็ยิ้มตามก่อนที่จะนอนหันตะแคงไปทางคริสแล้วนอนทับแขนข้างหนึ่งไว้ส่วนอีกข้างก็เอื้อมไปสัมผัสตามโครงหน้าได้รูป
ปลายเรียวนิ้วสัมผัสไล้ตามโครงกรอบหน้าได้รูปก่อนจะลากไล้ผ่านดวงตาคู่คม สันจมูกโด่ง กลีบปากเล็กได้รูปแล้ววกกลับขึ้นไปปัดเส้นผมสีทองที่ตกลงปรกใบหน้าก่อนที่จะยิ้มออกมา ใบหน้าคมที่ก้มลงต่ำกับเงาที่พาดผ่านจนแทบมองไม่เห็นใบหน้า แสงอาทิตย์ที่ส่องแสงอยู่ด้านหลัง ช่างคุ้นตาคล้ายดั่งภาพฝัน
รสจูบหวานล้ำที่ป้อนให้ช่างหวานและอบอุ่นไปทั่วหัวใจ กายใหญ่ที่ตามทาบลงมาพร้อมกับรสจูบหวานที่หนักหน่วง ในหัวขาวโพลนคล้ายกับตอนที่นั่งเจ้าบิ๊กไบค์ ขาวจนคิดอะไรไม่ออกได้แต่จูบตอบรสจูบที่แสนหลงมัวเมานั้นคืน ลมหายใจร้อนๆที่ราดรดกันผสมกับความหวานล้ำที่ได้สัมผัสก็แทบที่จะสติให้ล่องลอยคล้ายอยู่บนวิมาน
คริสลืมตาขึ้นก่อนที่จะกระพริบเพื่อปรับแสงหลังจากที่แอบนอนงีบกับชานยอลแต่แล้วพอลืมตาขึ้นก็ไม่เห็นร่างเล็กๆข้างกายเสียแล้ว พอยันตัวขึ้นนั่งก็เห็นแผ่นหลังเล็กที่นั่งยองๆอยู่ริมสระน้ำ คิ้วได้รูปเลิกขึ้นอย่างสงสัยว่าชานยอลนั้นไปนั่งทำอะไร
“ชานยอลนั่งทำอะไรน่ะ” คริสลุกขึ้นพร้อมกับเดินเข้าไปหาคนที่นั่งยองๆใช้นิ้ววนเล่นกับน้ำในสระ
“นั่งดูปลาอยู่” เอ่ยตอบแต่ไม่หันหน้ามามอง เรียวนิ้วยังคงวนๆอยู่เหนือผิวน้ำที่ด้านล่างมีปลาน้อยใหญ่แหวกว่ายไปมา
“อยากกลับหรือยัง?” ชานยอลหันหน้ามาหาคนที่นั่งอยู่ข้างๆแล้วยิ้มกว้าง
“กลับก็ได้ หิวแล้วล่ะ” คริสลุกขึ้นแล้วแบมือไปตรงหน้าเพื่อฉุดให้อีกคนลุกขึ้นยืน ชานยอลลุกขึ้นยืนแล้วยิ้มมองตอบอีกคนที่มองตนแล้วยิ้มกว้าง
“ขี่หลังไหม?” เมื่อเสนอมาชานยอลก็สนองตอบโดยการพยักหน้ารับรัวๆ คริสหันหลังแล้วย่อตัวลงซึ่งชานยอลก็กระโดดโถมตัวเข้าใส่แผ่นหลังกว้าง คริสล็อคขาของชานยอลไว้แล้วเดินให้ตัวเองและคนบนหลังห่างจากน้ำก่อนที่จะแกล้งคนบนหลังโดยการเหวี่ยงตัวเองไป
“เฮ้ยไอ้บ้าคริส หยุดนะ!!!” โวยวายได้ไม่นานชานยอลก็หัวเราะร่าเสียงดังสอดประสานไปกับเสียงหัวเราะของคริสที่แกล้งคนบนหลังได้ สองแขนกอดรัดรอบลำคอของอีกคนไว้กันตกและแน่นอนคริสเองก็ยิ่งแกล้งเหวี่ยงแรงคล้ายกับชานยอลเป็นนกที่กำลังโผบิน
“คริสอ่า พอแล้วเวียนหัวแล้ว” คริสหยุดแกล้งคนบนหลังก่อนที่จะพาเดินไปยังเจ้าเอพริลเลียที่จอดนิ่งสงบอยู่ใต้ร่มไม้ ชานยอลลงจากหลังของอีกคนแล้วเดินเข้าไปลูบเจ้าเอพริลเลียคันใหญ่ด้วยรอยยิ้ม บอกตามตรงชานยอลชอบรูปคันนี้มากเพราะมันทั้งขับนิ่มและโฉบเฉี่ยว
“ชอบเหรอ? ไว้ฉันจะซื้อบ้างนะ” ชานยอลหันมาหัวเราะคิกคัก ยืนเอาพิงเบาะรถคันใหญ่แล้วจิ้มหน้าอกของคนตรงหน้าหลายที
“เรียนให้จบม.ปลายก่อนเถอะ” คริสจับเรียวนิ้วที่จิ้มอยู่ที่หน้าอกของตนเอาไว้
“ถ้าเข้ามหาวิทยาลัยแล้วจะซ้อนไปเรียนด้วยกันไหมล่ะ?” ชานยอลยิ้มกว้างแล้วพยักหน้า
“อื้อ! ซ้อนทุกวันเลย!!”
กว่าที่เจ้า Aprilia Touno V4R จะกลับมาสู่รั้วบ้านเจ้าของนั้นก็เย็นย่ำเสียแล้ว เมื่อกลับมาถึงทั้งคู่ก็เดินขึ้นบนห้องนอนเลยเพราะคริสบอกกับคุณป้าไว้แล้วว่าเย็นนี้จะทานมื้อเย็นมาจากข้างนอกเสียเลย เมื่อกลับมาถึงชานยอลก็ขออาบน้ำก่อน คริสจึงเดินมานั่งที่ปลายเตียงพร้อมกับโทรทางไกลกลับไปหาคนที่บ้าน คุยเรื่องสำคัญ... มาก สำหรับชีวิตของตน
กว่าที่ทั้งคู่จะหลับได้ก็ปาเข้าไปเกือบเที่ยงคืนเพราะมัวเอาแต่เล่นกันเหย้าแหย่กันจนดึก เช้านี้ชานยอลตื่นก่อนเพราะอะไรก็ไม่รู้ ทั้งๆที่น่าจะฝันเหมือนเดิมคล้ายทุกเช้าก่อนตื่นแต่เช้านี้ชานยอลกลับไม่ฝันถึงเลยแม้แต่น้อย สิ่งแรกที่มองเห็นคือโครงหน้าหล่อที่หลับตาพริ้ม แพขนตาเรียงตัวสวยทาบปิดนัยน์ตาคู่แสนเฉี่ยวเอาไว้
เรียวปากอิ่มวาดรอยยิ้มก่อนที่จะไล้นิ้วไปตามโครงหน้าและเครื่องหน้าของคนที่กำลังหลับอยู่ วันนี้ยังคงเป็นวันหยุดและแน่นอนวันนี้ชานยอลมีแผนว่าจะไปเที่ยวห้างเพื่อซื้อเสื้อผ้า เมื่อคิดได้ดังนั้นชานยอลก็ค่อยๆแกะอ้อมแขนที่กอดตนเอาไว้ออกแล้วลุกจากเตียงไปอาบน้ำก่อน พออยู่ใกล้คริสทีไรพาลจะตื่นเร็วอยากที่จะเงยหน้ามองสบตากันเสียทุกที
“เอ๊ะ?” ชานยอลที่เหลือบเห็นซองเอกสารสีน้ำตาลวางอยู่บนโต๊ะเขียนหนังสือของเจ้าของห้องก็เดินเข้าไปใกล้แล้วหยิบขึ้นมาดู เอกสารที่หน้าซองเป็นชื่อของเจ้าของมันและตราประทับก็เป็นของโรงเรียนที่ทั้งคู่ศึกษาอยู่ ด้วยความถือวิสาสะชานยอลก็เปิดซองนั้นหยิบเอกสารออกมาดู
“เอกสารแลกเปลี่ยนนักเรียนเป็นเวลา 3เดือน” ดวงตากลมไหววูบไปเพียงครู่ก่อนที่จะยัดเอกสารนั้นใส่ซองแล้ววางมันกลับที่เดิม ชานยอลหมุนตัวกลับไปมองคนที่ยังนอนหลับอยู่บนเตียงก่อนที่จะจุดรอยยิ้มขึ้นมา
“อีกตั้งเดือนกว่าๆ เหลือเวลาอีกนาน~” ชานยอลเดินย่องเบาๆเข้าไปหาคนที่ยังนอนตะแคงข้างหันหลัง เมื่อใกล้จะถึงตัวชานยอลก็พร้อมที่จะกระโจนใส่แต่ทว่าคริสกลับพลิกตัวแล้วส่งยิ้มเจ้าเล่ห์หาคนที่กำลังจะพุ่งตัวล้มทับ
“เหวอ~~” แต่แล้วชานยอลก็เสียหลักล้มลงทับคริสเข้าจริงๆ สองแขนของคริสกอดรัดชานยอลไว้แน่นไม่ยอมให้เจ้าตัวได้ดิ้นหนี
“ปล่อยนะ ไม่เล่นนะ” แล้วก็หัวเราะคิกคักเมื่อคริสใช้ปลายจมูกไล้ไปตามแก้มและซอกคอของตน
“ไม่เอานะ ปล่อยนะ ไม่งั้นจะหนีไปหาเซฮุนแล้วนะ!!” ต้องยกชื่อคุณพ่อกิตติมศักดิ์ขึ้นมาอ้างคริสถึงจะยอมปล่อยมือ ชานยอลลุกขึ้นแล้วหนีไปยืนอยู่ไกลๆ คริสเสยผมอย่างหงุดหงิดนิดหน่อย
“ไปอาบน้ำสิจะได้ไปเที่ยวกัน” ชานยอลดีดนิ้วดังเป๊าะก่อนที่จะทำท่าเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้แล้วก็เดินฮัมเพลงอารมณ์ดีเข้าห้องน้ำไป คริสที่มองอยู่ก็ส่ายหน้าขำๆแต่เมื่อบานประตูปิดลงใบหน้าหล่อคมก็ฉายแววไม่พอใจ ก็ไม่ใช่ไม่ชอบเซฮุนหรือคนอื่นในกลุ่มของชานยอลหรอกแต่ก็แค่หึง ที่ในตอนเช้าที่มีแต่สองเราชานยอลกลับพูดชื่อถึงคนที่สามขึ้นมา
“อย่าทำให้ฉันเสียความเป็นตัวเองมากไปกว่านี้ได้ไหมชานยอล.. ฉันรักนายมากจนจะขาดใจอยู่แล้วนะ”
เช้าวันจันทร์ที่ไม่ค่อยจะน่าพิสมัยเสียเท่าไหร่ ตอนนี้ชานยอลกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะเรียนแล้ววาดรูปลงใส่ในสมุดอย่างหาอะไรฆ่าเวลาทำ ก้มหน้าวาดรูปก็มองสลับกลับบานประตูเผื่อว่าร่างสูงของใครอีกคนจะเดินเข้ามา เพราะเช้านี้คริสโดนเรียกตัวแต่เช้าตรู่เพื่อเข้าพบผู้อำนวยการ ชานยอลเลยต้องมาเช้าด้วยกันเพราะยังคงนอนบ้านกับคริส
ปลายดินสอวาดขีดเป็นตัวการ์ตูนของเด็กชายสองคนที่จับมือกัน ร้องไห้บ้าง หัวเราะบ้าง ขี่รถด้วยกันบ้าง ขี่หลังกันบ้างและจูบกันใต้ดวงอาทิตย์ ทั้งหน้ากระดาษเต็มไปด้วยรูปของเด็กผู้ชายสองคนในอิริยาบถต่างๆ กลีบปากอิ่มวาดรอยยิ้มยามที่ได้นึกถึงเรื่องราวแสนหวานเหล่านั้น บานประตูถูกเลื่อนออกไม่เบานักคนที่วาดรูปอยู่ก็เงยหน้าขึ้นมองด้วยรอยยิ้ม แต่แล้วรอยยิ้มนั้นก็ค่อยจางๆหายไปเมื่อคนที่เปิดเข้ามากลับไม่ใช่คนที่นั่งเรียนข้างกาย
“ทำไมทำหน้าแบบนั้นวะ” เซฮุนเดินคิ้วขมวดเข้ามาหาตามด้วยไคที่พยักหน้าตาม คยองซูเดินเข้ามาพร้อมกับถุงขนมแล้วยิ้มกว้างกับตาโตๆ
“เปล่า” ชานยอลก้มหน้าแล้วส่ายหน้าไปมาแล้วก็วาดรูปต่อ เซฮุนเดินมานั่งลงที่เก้าอี้ข้างเคียงที่เป็นที่นั่งของร่างสูงยาวนั่น ไคเดินอ้อมไปนั่งบนโต๊ะเรียนแล้วหันหน้ามาหาชานยอล คยองซูวางถุงขนมไว้บนโต๊ะที่เซฮุนนั่งก่อนจะหันเก้าอี้ให้หันไปหาชานยอลแล้วนั่งลงบ้าง คยองซูน่ะไม่ห่ามขนาดจะใช้เท้าเหยียบเก้าอี้ของคนอื่นได้หรอก
“เป็นอะไรวะ” ไคเอ่ยถามพร้อมกับมองรูปที่ชานยอลวาดแล้วรู้สึกเหมือนหนวดกระตุกๆยังไงก็ไม่รู้
“มันทำอะไรมึง?” ชานยอลวางดินสอแล้วหันมาหัวเราะใส่เซฮุนที่นั่งกอดอกพิงหลังกับพนักเก้าอี้ที่ตอนนี้หน้ายุ่งขมวดคิ้วมุ่น
“ใครจะกล้าทำอะไรปาร์คชานยอลได้เล่า~ ก็แค่...” ชานยอลเงียบไปเพียงอึดใจก่อนที่จะถอนหายใจเสียเฮือกใหญ่
“แค่..?”
“แค่.... อยากไปเรียนจีน”
“ห๊ะ!!!!!!!!” สิ้นเสียงชานยอลทั้งสามก็ตะโกนเสียงดังลั่น
“อะไรทำให้คิดแบบนั้นวะ ไม่ให้ไปนะเว๊ย!!!” เซฮุนเอ่ยบอกเป็นคนแรกก่อนที่จะจับแขนของชานยอลไว้
“เออๆกูก็ไม่ให้ไป!!” และตามด้วยไค
“จะไปหาคริสใช่ไหม?” คยองซูเอ่ยถาม ชานยอลไม่ตอบแต่เลื้อยแขนพาดไปกับโต๊ะแล้วซบหน้าลงกับแขนเท่านั้น
“คริสเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่มาอยู่โรงเรียนเราแค่3เดือนนี่นะ อีกไม่นานก็จะครบกำหนดเวลาแล้ว” ชานยอลกัดปากจนมันช้ำ ไค เซฮุนและคยองซูมองหน้า
“รักมันมากเลยเหรอ?” และก็เป็นไคที่ถามออกไป ชานยอลยกหัวขึ้นก่อนที่จะส่ายหน้า
“ไม่รู้.. รู้แค่ .. เหมือนผูกพันมาก จนไม่อยากห่างไปไหน” ได้ยินดังนั้นคุณพ่อจอมหวงก็เบ้หน้าจะมีก็แต่คยองซูนั่นแหละที่ยิ้มกว้าง
“นายเคยอ่านเรื่องสัญญารักข้ามภพชาติบ้างไหมละ? บางทีนายกับคริสอาจจะเคยเป็นคู่กันมาก่อนก็ได้นะ” และตอนนี้ก็เป็นสายตาของอีกสามคนที่หันมองคยองซูเป็นสายตาเดียว
“ก็ที่ฉันเคยอ่านนะเหมือนว่าคนรักกันในชาติปางก่อนสัญญาว่าจะรักกันไปทุกภพชาติน่ะ แล้วก็จะเกิดมาเจอกันทุกภพชาติแล้วก็จะรักกันไปทุกๆชาติ” คยองซูเล่าไปก็ทำหน้าเคลิ้มไป
“แล้วทำไมต้องสัญญาวะ? เกิดมาเป็นคู่กันยังไงก็ต้องคู่กันอยู่ดี” เซฮุนเอ่ยถาม คยองซูมองใบหน้าของเด็กยานแม่ก่อนที่จะถอนหายใจ
“ก็เพราะว่าชาติที่แล้วเรากับเขาอาจจะไม่ได้คู่กันไง ด้วยแรงรัก ผูกพันและคำมั่นสัญญาเลยบังเกิดให้คนทั้งสองกลับมาบรรจบพบเจอและรักกันไปในทุกชาติ”
“เหมือนเขากับตัวเองใช่ป่ะจ๊ะ??” ไคกระแซะคนข้างๆก่อนที่จะได้สายตาโตนั้นตวัดมองมา
“เงียบไปเลยไอ้กัมจง ชาติที่แล้วฉันกับนายคงมีเวรกรรมกันมากกว่า” แล้วก็ได้เสียงหัวเราะจากอีกสามคน ไคเองก็ได้แต่นั่งยู่หน้า
“แล้วไงต่ออ่ะไอ้โด้ ว่าต่อเลย” ชานยอลเองก็อยากรู้ถึงได้เร่งยิกๆ
“ก็นั่นแหละ พอเราเกิดมาเจอกันไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนเราก็จะได้พบเจอกันและรักกัน แกลองคิดดิเวลาแค่ไม่เท่าไหร่เองแต่แกกลับรักเขาและผูกพันอ่ะ ไม่แน่นะชาติที่แล้วแกกับเขาอาจจะเคยเจอกันก็ได้” คยองซูเอื้อมมือไปเท้าคางไว้ที่หน้าโต๊ะที่เซฮุนนั่งแล้วก็ส่งยิ้มให้ชานยอล เซฮุนใช้หัวโขกกับคยองซูเบาๆ
“เลอะเทอะน่าไอ้โด้” คยองซูสะบัดดวงตากลมหันมองเซฮุน
“รอไว้ให้มึงเจอคนที่มึงรู้สึกผูกพันก่อนเถอะ กูจะหัวเราะให้ตาเล็กเลย!!!” คยองซูโกรธนะเนี่ย โกรธจริงๆด้วย ไม่บ่อยนักที่คนตัวเล็กคนนี้จะขึ้นมึงขึ้นกู
“แต่ว่าไอ้โด้... มันอาจจะไม่ใช่ก็ได้นะ” คยองซูหันมาหาชานยอลแล้วยิ้มกว้างๆใส่ใหน้าแดงๆ
“ใชไม่ใช่ จริงหรือไม่จริง ก็รู้ๆกันอยู่กับใจนะ” ทิ้งระเบิดไว้เสียตูมใหญ่เชียวคุณแม่คนดี
ทั้งสามคนกลับไปแล้ว ตอนนี้เพื่อนๆก็พากันทยอยเข้าห้องเรียนแล้ว อีกไม่กี่นาทีคาบแรกก็จะเริ่มแล้วแต่ทว่าเพื่อนที่นั่งเรียนข้างกายชานยอลยังไม่กลับมาเลย ดวงตาวาวแสงหม่นลงเมื่อที่นั่งข้างตัวไร้คนนั่ง สมาธิที่จะใช้เรียนตอนนี้ไม่มีแล้ว ในหัวมีแต่เรื่องของคนข้างตัวที่หายไปกับเรื่องที่คยองซูเล่าซ้ำไปซ้ำมา
“ถ้าอี้ฟานอะไรนั่นที่ฝันเห็นถึง จะเป็นนายก็คงดีนะ” ชานยอลเลื้อยตัวลงนอนทับแขนทั้งสองข้างที่วางทับกันอยู่บนโต๊ะแล้วปิดเปลือกตาลง
ชานยอลหมายความตามที่พูดจริงๆ เพราะเจ้าตัวรู้สึกได้ถึงความรักที่โอบล้อม ความห่วงใยและความอบอุ่นที่ถ่ายทอดออกมาเป็นคำบอกรักของคุณชายอี้ฟานที่บอกแก่เจ้านกน้อย ดวงตาคู่นั้นที่มองเห็นไม่ชัดแต่ทว่าความอ่อนโยนและความรักที่ลอยวนอยู่ภายในดวงตาคู่นั้นมันส่งมาถึงใจของคนฟังเสียเหลือเกิน คล้ายกับคนที่หายตัวไปข้างกายทุกการกระทำและเสียงกระซิบแผ่วๆยามดึก ถ้อยคำรักที่กระซิบเบาๆนั้นชานยอลได้ยินทุกคืนที่นอนด้วยกัน ไออุ่นที่ประทับที่ข้างขมับนั้นอุ่นวาบไปทั้งหัวใจ เมื่อมีกันและกันชานยอลก็ไม่ฝันถึงคุณชายอี้ฟานอีกเลยแต่กลับฝันถึงคนที่อยู่ข้างกายในความเป็นจริง
“ข้าไม่เคยไม่รักเจ้านกน้อยของข้า ข้ามิมีวันที่จะเลิกรักเจ้า ไม่มีวัน”
“นกน้อยของข้า ... ข้ารักเจ้า ข้าจักรักเจ้าทุกภพทุกชาติไป ข้าจักมิพรากจากเจ้าอีก”
"ทุกภพ ทุกชาติ ข้าจักรักเจ้ามิเปลี่ยนแปลง เราจักอยู่ด้วยกันมิแยกจากไม่ว่าจะภพภูมิไหน ข้าจักตามเจ้าไปทุกภพชาติ"
“ชานยอล” เสียงเรียกพร้อมกับแรงเขย่าที่ไหล่เรียกให้คนที่หลับในชั่วโมงเรียนจนยาวเลยมาพักเที่ยงได้ตื่นขึ้น เปลือกตาบางค่อยๆเปิดขึ้นพร้อมกับหันมองคนปลุก รอยยิ้มที่แสนอบอุ่นที่เห็นอยู่ในนัยน์ตาเรียกให้ชานยอลลุกขึ้นแล้วกอดคนปลุกเสียแน่น ใบหน้าน่ารักซุกเข้ากับซอกคอของร่างสูงกว่าแล้วปล่อยน้ำตาให้ไหลลงไหล่แข็งแรงนั้น
“คริส.... ห้ามไปไหนนานๆอีกนะ” คริสหัวเราะในลำคอเบาๆแล้วยกมือขึ้นกลุ่มผมของคนที่ยืนกอดตนแน่ๆ
“ฝันร้ายเหรอ?” ชานยอลไม่ตอบแต่เพิ่มแรงกอดกระชับคนนี้ให้แน่นเข้าไปอีก ชานยอลไม่ได้ฝันร้ายแต่ฝันดีมาก มากเสียจนคิดว่ามันคือความจริง เจ้าของน้ำเสียงนุ่มทุ้มในฝันที่เอ่ยคำรักค่อยๆก้มลงมาใกล้ ใกล้จนแทบจะมองเห็นกันและกันแต่แล้วชานยอลก็ลืมตาตื่นขึ้นมาพบกับใบหน้าของคนตัวสูงคนนี้
“ไม่เป็นอะไรแล้วนะ” แม้น้ำตาจะไหลรินแต่กลีบปากอิ่มกลับวาดรอยยิ้มขึ้นเล็กๆกับอ้อมกอดแสนอบอุ่น
มีใครคิดถึงเราเปล่าาาาาาาาาาาาา ขอเสียงหน่อยยยยยยยยยยยยยยยยยยย #เงียบกริบเบย
ทำไมทุกคนไม่เชื่อใจเราอ่ะ โห้ยยย เราน้อยใจ เราเฉียจายยยยยยยยยยยยยย *วิ่งไปซุกเงิงพี่ตุ้ย* *เงิงตุ้ยเฉาะกบาล*
ตามที่คุณ scd เข้าใจถูกแล้วค่ะสำหรับพาร์ท Who are you ค่ะ คิๆ เดี๋ยวส่งหนูเน่ไปหานะคะ ส่วนคริสยอลยังให้ตัวไม่ได้เพราะต้องเอามาเล่นฟิคให้เราก่อน อุคิๆๆ
ส่วนเรื่องหนังสือเราจะมาแง้มบอกเท่าที่ตอนนี้คาดการณ์ไว้ก่อน คาดว่า รายละเอียดที่แน่ชัดอาจจะมาได้ในสัปดาห์นี้จ้า~
เรื่องราคานั้น เราจะไม่ให้เกิน 350 ค่ะ (ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเนื้อเรื่องทั้งหมดว่าจะได้เล่มหนา บางแค่ไหน)
เนื้อเรื่องในเล่มก็จะมี
Episode 1 : One moment in time
Episode 2 : Who are you?
Episode 3 : Home Sweet Home (ที่กำลังลงอยู่นี้)
Episode 4 : ยังไม่มา~ รอก่อนนะจ๊ะ
Special Episode : นี่ก็รอนะจ๊ะ
และฟิคเรื่องแถมสุดพิเศษที่จะยัดลงไปก็คือ แอ๊น.. แอ๊น... แอ่น.......
SF KrisYeol : ช่างกลแล้วไง(วะ)ครับ
ซึ่งยังไม่เคยลงที่ไหน ก็แน่ล่ะเพิ่งแต่งเสร็จ 555555 เดี๋ยวจะเอามาแง้มๆให้ดูกันนะ รับรองทุกคนต้องชอบ(หรือเปล่า)
แล้วของแถมสุดพิเศษสำหรับคนที่ซื้อฟิคเรา เราก็จะมอบ Secert bag ให้อีกหนึ่งถุง ส่วนข้างในนั้นมีอะไรยังบอกไม่ได้เพราะมันคือความลับ!! จุ๊ๆ เดี๋ยวตัวเล็กมาแอบฉก~
แต่จะแอบบอกเท่าที่บอกได้คือ ในนั้นจะมี ที่คั่นคริสยอล และ สมุดโน๊ตคริสยอล~ แน่นอนว่าทำเองนะจ๊ะ (ใช้คนอื่นทำให้ 5555) ส่วนของพิเศษอีกหนึ่งชิ้น เราก็งุบงิบอุบอิบไว้ก่อนนะคะ
ไว้เนื้อเรื่องใกล้จะจบเราจะเอามาบอกรายละเอียดอีกที หวังว่าทุกคนจะต้อนรับน้องไทม์เราและรับไว้ในอ้อมใจนะคะ ^v^
______________________________________
...คุณชายจะไปที่แห่งใดกัน อย่าทิ้งข้าไว้คนเดียว!!...
...คุณชาย อย่าทิ้งข้า ให้ข้าตามไปด้วย...
...คุณชายอี้ฟาน ท่านไม่รักข้าแล้วหรือ ทำไมต้องทิ้งให้ข้าอยู่คนเดียวเช่นนี้...
...ข้าไม่เคยไม่รักเจ้านกน้อยของข้า ข้ามิมีวันที่จะเลิกรักเจ้า ไม่มีวัน...
เปลือกตาบางค่อยๆลืมขึ้นและคล้ายกับว่าไออุ่นจากอ้อมกอดในห้วงฝันยังไม่จางหาย แรงกอดกระชับที่เอวเล็กเรียกให้กายบางต้องพลิกหันกลับไปหาคนที่นอนกอดตนไว้ทั้งคืน ใบหน้าหล่อคมที่หลับตาพริ้มดูช่างหล่อเหลาเสียจนอดใจเต้นรัวเสียไม่ได้ แพขนตายาว สันจมูกโด่ง เรียวปากบางได้รูปล้อมด้วยโครงกรอบหน้าที่แสนเพอร์เฟ็ค ปลายเรียวนิ้วไล้ตามโครงหน้าได้รูปนั้นแผ่วพลิ้ว กลีบปากอิ่มวาดรอยยิ้มออกมาอย่างนึกเขินอาย
หลังจากวันที่เข้าค่ายของชมรมบาสเกตบอลที่ทะเลคราวโน้นก็ผ่านมาได้เกือบเดือนแล้ว วันหยุดถ้าไม่เป็นชานยอลไปนอนบ้านคริส ก็จะเป็นคริสมานอนที่บ้านชานยอลแทนแต่ส่วนใหญ่จะเป็นคนตัวสูงกว่านั่นเสียมากกว่าที่จะมานอนบ้านของชานยอล แต่วันนี้ชานยอลมานอนที่บ้านของคนขี้เซานี้ด้วยข้อหาที่คนตัวสูงกว่าบอกว่าจะพาไปเที่ยว ก็เลยตามมา.. (นี่ผมใจง่ายไปไหม?)
“อี้ฟานอีกแล้ว? ใครกันนะ” ชานยอลจำเคล้าโครงหน้าได้มันช่างคล้ายกับใครสักคนเสียจริงแต่นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก ยิ่งนานวันก็ยิ่งชัดเจน น้ำเสียงนุ่มทุ้มนั้นอีกคุ้นชินหูเสียเหลือเกิน นัยน์ตากลมมองคนที่ยังนอนหลับอยู่ข้างกายก่อนที่จะหัวเราะคิกคัก
“ถ้าหน้าตาดีกว่านาย ... ฉันจะคิดดูอีกทีนะ” แล้วก็หัวเราะคิกคัก จนคนที่ยังหลับอยู่ค่อยๆลืมตาตื่นเพราะเสียงหัวเราะของคนในอ้อมแขนนี่ล่ะ
“หัวเราะอะไรน่ะ” ชานยอลมองคนเพิ่งตื่นด้วยตาปริบๆก่อนจะส่ายหน้า อ้อมแขนยาวกอดกระชับหมอนข้างนุ่มนิ่มไว้แนบชิด
“เปล่านี่ ตื่นได้แล้วไหนบอกว่าจะพาไปเที่ยวไง”
“ขอนอนต่ออีกแปบได้ไหม หื้ม?” ชานยอลยู่หน้ากับคนขี้เซาก่อนจะผละอกกว้างออกแล้วแบะปากใส่
“ถ้าไม่ตื่นถีบนะ” คริสพยักหน้ารับคิดว่าอีกคนคงจะไม่กล้าแต่ทว่าคิดผิด เมื่อชานยอลแกะอ้อมกอดออกแล้วลุกขึ้นยืนยันคนที่ยังหลับต่อตกเตียง
“โอ๊ย!!!!” และตามมาด้วยเสียงโหยหวนของเด็กแลกเปลี่ยนที่มาโฮมสเตย์เสียนี่.. เอวังก็จบด้วยประการละฉะนี้แล..
“โอ๋ๆ อย่างอนไปเลยนะ งอนมากก็ไมได้ทำหน้าดูดีขึ้นหรอกนะคริส~~” กายบางกระแซะคนที่หน้าง้อกินข้าวโดยไม่สนใจเลยว่าคุณลุงกับคุณป้าที่นั่งอยู่ตรงข้ามขำกันเสียแทบสำลักข้าว
“ไม่ต้องมาพูดเลย” ก็ยังคงงอนเสมอต้นเสมอปลาย ชานยอลเองก็ขำคิกคักกับคุณป้าที่กลั้นขำที่เด็กในความดูแลเสียจนออกนอกหน้า ก็นะเด็กหนุ่มแสนเท่ของเธอดันมาพลาดท่าให้เด็กหนุ่มน่ารักสดใจนี่เข้าซะแล้วนินา~
“ทำหน้างอนเป็นแองกรี้เบิร์ดไปได้ เอ้า กินไก่เยอะๆคุณป้าอุตส่าห์ทำไว้” แล้วก็คีบชิ้นไก่ใหญ่ๆไปใส่ชามข้าวของคนที่ทำหน้าเง้าหน้างอ
“นี่ก็ถ้ายังงอนไม่เลิกนี่ก็เลิกคบกันเลยไหม?” คริสวางตะเกียบลงแล้วหันมามองคนข้างกายที่สะบัดหน้าเชิดก่อนจะถอนหายใจ
“ไม่งอนแล้วครับ ไม่เลิกด้วยครับ” แค่นี้ล่ะ แล้วชานยอลก็ยิ้มกว้างนั่งกินข้าวต่ออย่างสบายใจ
“จะงอนอะไรนักหนาก็แค่ถีบเอง ไม่ได้ทำอะไรสักหน่อยทำเป็นตาแก่หัวล้านขี้ใจน้อยไปได้” อื้อหื้อ ด่าขนาดนี้เอาชามข้าวคว่ำใส่หน้าคริสยังจะดีซะกว่าอีกไหม? คุณลุงและคุณป้าที่นั่งตรงข้ามเองก็มองหน้าสบตาแล้วหัวเราะเบาๆ ลางว่าเจ้าเด็กแลกเปลี่ยนนี่จะออกอาการกลัวเมียเสียแล้วกระมัง
“ก็มันเจ็บนิ" ชานยอลคีบเนื้อปลาให้อีกคนก่อนจะยิ้มกว้างๆ
“ก็ถ้าเป็นฉันที่ทำนายเจ็บแล้วชอบไหมล่ะ?” คริสมองหน้าอีกคนด้วยรอยยิ้มก่อนจะเอื้อมมือออกไปลูบกลุ่มผมนิ่มเบาๆ คำตอบที่ไม่ผิดแปลกจากสิ่งที่ชานยอลคิดไว้ในใจเสียเท่าไหร่เลยก็ทำให้เจ้าตัวป่วนคลี่ยิ้มกว้างมากเข้าไปอีก
“ชอบสิ” หรือสองคนนี้จะเป็นคู่รักเอสเอ็มกันนะ?
หลังจากที่ทานมื้อเช้าเสร็จคริสก็จูงมือชานยอลออกไปยังบ้านหลังข้างๆ ใบหน้าน่ารักเอียงคออย่างสงสัยว่ามาที่บ้านหลังข้างๆทำไม คริสกดออดหน้าบ้านเพียงไม่นานชายร่างสูงใหญ่ก็เดินออกมาจากบ้าน ดวงตากลมเบิกกว้างเมื่อเจอผู้ชายตรงหน้าเขาว่าตนและคริสสูงมากแล้วแต่ทว่าคนตรงหน้ากลับสูงกว่าคริสเสียอีกและร่างกายก็กำยำใหญ่เสียจนชานยอลนึกกลัว
“อ้าวว่าไงไอ้คริสมาทำไมแต่เช้าวะ เข้ามาก่อนดิพี่กำลังทำเค้กอยู่” น้ำเสียงทุ้มใหญ่เอ่ยถาม ชานยอลกระพริบตามองคนสูงใหญ่ตรงหน้า ทำเค้ก!!!?
“สวัสดีครับพี่ซึงคยอง ผมมายืมลูกชายพี่น่ะครับ” ชายร่างใหญ่เลิกคิ้วก่อนที่จะมองเลยร่างของเด็กข้างบ้านไปก็เจอเข้ากับใบหน้าน่ารักที่แอบอยู่ด้านหลัง ดวงตาโตที่กระพริบตาปริบๆมองเขาสลับกับคนที่เกราะกำบัง
“จะพาแฟนไปเที่ยวเหรอ? เอาดิ เข้ามาเอา” ซึงคยองปิดประตูเล็กแล้วเปิดประตูใหญ่ออกเพื่อให้คริสเข้ามาเอาลูกชายเขา
“ยืนรออยู่ตรงนี้ก่อนนะ” เมื่อชานยอลพยักหน้ารับแล้วคริสก็เดินตามหลังชายร่างใหญ่เข้าไป เขาว่าคริสตัวสูงใหญ่แล้วนะพอเจอคนนี้เข้าไปคริสดูตัวเล็กไปเลย
เพียงไม่นานเสียงดังกระหึ่มของเครื่องยนต์ก็ดังขึ้นพร้อมกับร่างสูงบนเจ้าบิ๊กไบค์สีดำ Aprilia Touno V4R โดดเด่นด้วยลักษณะที่เป็น Naked Bike (รถเปลือย) เจ้าสัตว์ร้ายตัวใหญ่คันนี้ในสายตาของชานยอลมองว่ามันสวยงาม แสนเท่และโฉบเฉี่ยวมากด้วยลักษณะที่เป็นสีดำทั้งคันและช่วงเครื่องยนต์ที่เปลือยเปล่าเผยให้เห็นทุกสัดส่วนโดยไร้แฟริ่งปกปิดชุดเครื่องยนต์และโครงสร้างใดๆ ดวงตากลมโตที่มองร่างสูงที่ขับบิ๊กไบค์ออกมาก็เบิกตากว้างด้วยไม่คิดว่าคริสจะขับเป็น เพราะมันดูหนักและยากต่อการควบคุมมากถึงชานยอลจะตัวสูงพอกันแต่เขาไม่คิดว่าตัวเองนั้นจะควบคุมมันได้
“ขึ้นมาสิ” ชานยอลมองไปยังเบาะยาวที่เชื่อมเป็นเบาะเดียวและยกสูง ที่จริงมันสามารถซ้อนได้แต่รถแบบนี้ผู้ซ้อนด้านหลังอาจจะไม่สะดวกสลายเท่าคนขับก็เป็นได้
“ขึ้นมาเถอะน่า” คริสละมือออกจากแฮนด์รถแล้วลากใครอีกคนให้เข้ามาใกล้ๆ ชานยอลก้าวขาขึ้นไปนั่งคร่อมด้านหลังคนขับ เบาะที่ยกสูงทำให้ตัวของชานยอลมองวิวทิวทัศน์ข้ามหัวของคริสได้สบายๆ ด้านหลังมีที่กั้นขอบเบาะสำหรับคนนั่งซ้อนท้าย สองมือของชานยอลจับไว้มั่นเพื่อกันตัวเองตกแต่เมื่อคนควบคุมออกสตาร์ทรถกายบางก็ถลาไหลลงไปหาแนบชิดแผ่นหลังคนขับทันที สองแขนวาดโอบรอบลำคอของคนแกล้งกระตุกรถ
“เกาะแน่นๆนะ” คริสจับสองมือที่โอบรอบลำคอของตนก่อนจะเอื้อมมือไปด้านหลังเพื่อลูบกลุ่มผมนิ่ม
“รู้แล้วน่า ขับไปเถอะ” คริสยิ้มกับเสียงกระซิบข้างหูนั้น แก้มของทั้งคู่แนบกัน ชานยอลกระชับอ้อมแขนที่โอบรอบลำคอของคริสก่อนที่รถคันใหญ่จะเคลื่อนตัวจากไป
แม้ว่าเจ้าบิ๊กไบค์คันนี้จะใหญ่โตและดูควบคุมยากแต่ทว่ามันกลับน้ำหนักเบาและควบคุมง่ายอย่างไม่น่าเชื่อ แม้ว่าตัวเครื่องจะใหญ่แต่ทว่าเสียงยนต์กลับไม่ดังเสียดหูไม่เหมือนกับเสียงลมที่พัดเสียดข้างหูอยู่นี้ เสียงลมยังดังกว่าเสียงยนต์เสียอีก ยิ่งตอนเลี้ยวหัวโค้งตัวเครื่องที่ใหญ่แบบนี้ไม่เชื่อว่าจะเข้าโค้งได้นิ่มและคล่องแคล่วได้เพียงนี้
เรียวปากอิ่มวาดรอยยิ้มกับการมาขี่รถเล่นครั้งนี้ คริสขับเจ้าเอพริลเลียคันใหญ่เลาะไปตามทางเลียบแม่นำ ชานยอลค่อยๆละมือออกจากรอบลำคอที่โอบกอดแล้วกางมือออกเพื่อรับลมเย็นๆที่พัดตีปะทะหน้า เปลือกตาปิดลงก่อนที่จะวาดรอยยิ้มกับลมเย็นและเสียงหวืออื้อในหูที่ได้ยินแต่เสียงลมที่พัดเข้ามา เรื่องในหัวก็พาลขาวโพลน ดวงตาคมเหลือบมองที่กระจกส่องข้างแล้วก็จุดรอยยิ้มที่ริมฝีปากบ้างเมื่อเห็นว่าคนซ้อนนั้นกำลังยิ้มกว้างมีความสุข
ขับเลียบแม่น้ำไปตลอดสายก่อนที่จะหักเลี้ยวข้ามสะพานไปยังอีกฝั่งแล้วขับออกตัวถนนใหญ่เพื่อตัดถนนไปยังอีกเส้นหนึ่ง ชานยอลโอบรอบลำคอคนขับแน่นๆเมื่อการจารจรบนถนนนั้นโล่งและนักบิดก็บิดเสียเต็มแรงสูบของเครื่องยนต์ มอเตอร์ไซด์คันใหญ่แล่นฉิ่วไปตามทางก่อนที่จะผ่อนแรงลงเมื่อใกล้ถึงสถานที่ที่คนขับตั้งใจที่จะมาแล้ว
สวนสาธารณะใหญ่ของย่านชุมชนเล็กๆที่ปกคลุมไปด้วยหญ้าสีเขียวชอุ่ม เครื่องเล่นของเด็กๆ สระน้ำขนาดไม่กว้างมาก และลมเย็นๆพัดหอบเอาไอสดชื่นเข้ามาให้ คริสจอดรถดับเครื่องตรงลานจอดรถ ชานยอลก้าวเท้าลงมาก่อนที่จะมองรอบๆ เขาไม่เคยรู้เลยว่ามีสถานที่ที่ร่มรื่นย์แบบนี้อยู่ในเกาหลีด้วยแต่คนที่เดินเข้ามาข้างตัวกลับรู้จัก
“ไปกัน” คริสจับชานยอลแล้วพาเดินไปนั่งที่ริมสระน้ำ ร่มเงาไม้ใหญ่พาดบังแสงอาทิตย์ให้ทั้งสองไว้
“จะพามาที่นี่เหรอ?” ชานยอลถามพลางลงนั่งบนหญ้าสีเขียวนุ่มแล้วยิ้มกว้างๆเมื่อมองเห็นเหล่าปลาน้อยใหญ่ที่แหวกว่ายอยู่ในสระน้ำ คริสตามลงนั่งข้างๆแล้วหยิบก้อนหินเล็กขึ้นมาโยนลงน้ำ แรงสะท้อนบนผิวน้ำสามครั้งก่อนที่มันจะตกลงน้ำ
“อื้อ.. ชอบหรือเปล่า” ชานยอลพยักหน้ารับก่อนที่จะหันมาสบตากับดวงตาคู่คมที่มองอยู่ก่อนแล้ว แก้มขาวค่อยเผยริ้วแดงจางๆ
“อะ...อะไร” คริสยิ้มกว้างๆแล้วยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆพร้อมกับมือที่ทาบแก้มใสไว้
“ขอจูบได้ไหม” คนที่โดนขอจูบดื้อๆเบิกตากว้างแล้วผงะเอนหลังหนีไปนิดหน่อยแต่อีกคนก็เขยิบเข้ามาใกล้แถมยังก้มหน้าลงมาเสียปลายจมูกแทบชิดติดกัน
“ฉันควรปฏิเสธหรือเปล่าถ้านายจะยื่นหน้ามาใกล้ซะขนาดนี้แล้ว” เอ่ยจบประโยคเรียวปากได้รูปก็ทาบลงมาแนบชิด สัมผัสเบาๆก่อนที่จะค่อยๆสัมผัสแรงขึ้น คริสดูดดึงกลีบเนื้อนิ่มก่อนที่จะสอดแทรกลิ้นเข้าไปหยอกล้อกับลิ้นอุ่นที่ผละหนีในตอนแรกแต่แล้วก็ยอมตะหวัดเกี่ยวกับลิ้นของอีกคนที่รุกล้ำเข้ามา
“อื้อ...” ชานยอลทุบอกของคริสเผื่อให้ปล่อย เจ้าตัวก็ยอมปล่อยแต่โดยดีแต่อ้อยอิ่งที่จะละริมฝีปากกับกลีบเนื้อนั่น ถอนจูบออกอย่างช้าเชื่องและดูดเนื้อช่ำแดงเรื่อตรงหน้าอีกครั้งหนักก่อนจะผละออกมองดูผลงานของตัวเองที่บวมเจ่อช่างดูน่ารัก ช่างน่าหยิกสำหรับคริสเสียเหลือเกิน ชานยอลหอบเอาอากาศหายใจเข้าปอดให้เต็มก่อนที่จะยกมือทุบอกของคนริดเอาอากาศหายใจของตนไป เมื่อกี้เกือบตายแน่ะ!!!
“ไอ้บ้า!! ไอ้หื่น!!!” คริสหัวเราะเบาๆแล้วจับสองมือที่ทุบอกเขาไว้
“ฉันก็จูบนายคนเดียวนั่นล่ะ” แล้วทั้งหน้าของชานยอลก็แดงสีจัด ฟันขาวกัดกลีบปากช้ำก่อนจะสะบัดมือออกแล้วล้วงมือหยิบไอพอดในกระเป๋ากางเกงที่หยิบติดมาด้วยก่อนจะเสียบหูฟังไม่สนใจคนข้างกายที่พยายามจะมองสบตาเลย
“ไม่ต้องมายุ่งเลย!” ชานยอลเบี่ยงตัวหนีแล้วเร่งเสียงเพลงให้ดังขึ้นเพื่อที่จะไมได้ยินเสียงพูดของคนข้างกาย แน่นอนชานยอลไม่ได้ยินอะไรเลยนอกเสียจากเสียงเพลงที่ดังอยู่ในหู
“ชานยอล นายได้ยินฉันไหมเนี่ย” ชานยอลยังคงนั่งก้มหน้าร้องเพลง โยกหัวไปตามจังหวะไม่ได้สนใจเลยว่าคริสเอ่ยถามอะไร คริสเอื้อมมือออกไปดึงหูฟังข้างหนึ่งของชานยอลออกเจ้าตัวถึงได้หันกลับมาสนใจเขาอีกครั้งหนึ่ง ใบหน้าน่ารักเอียงคอมองคนข้างกายด้วยความสงสัย คริสยัดหูฟังอันนั้นใส่หูตัวเอง
“ถ้าเบื่ออยากกลับเมื่อไหร่ก็บอกนะ” ชานยอลยิ้มแล้วพยักหน้ารับ ยามที่กลีบปากที่บวมช้ำวาดรอยยิ้มนั้นช่างน่ารักน่าชังเสียจนอยากที่จะคว้าอีกคนเข้ามาจูบเสียจริง
ชานยอลลงนอนราบกับพื้นหญ้าโดยใช้สองมือของตัวเองรองหัวไว้ต่างหมอน คริสก็ลงนอนตามแต่หันตะแคงข้างไปทางชานยอลแล้วใช้มือข้างหนึ่งเท้ายันหัวไว้ ดวงตากลมโตเบนกลับมามองคนข้างกายที่วาดรอยยิ้มกว้างแล้วตนก็ยิ้มตามก่อนที่จะนอนหันตะแคงไปทางคริสแล้วนอนทับแขนข้างหนึ่งไว้ส่วนอีกข้างก็เอื้อมไปสัมผัสตามโครงหน้าได้รูป
ปลายเรียวนิ้วสัมผัสไล้ตามโครงกรอบหน้าได้รูปก่อนจะลากไล้ผ่านดวงตาคู่คม สันจมูกโด่ง กลีบปากเล็กได้รูปแล้ววกกลับขึ้นไปปัดเส้นผมสีทองที่ตกลงปรกใบหน้าก่อนที่จะยิ้มออกมา ใบหน้าคมที่ก้มลงต่ำกับเงาที่พาดผ่านจนแทบมองไม่เห็นใบหน้า แสงอาทิตย์ที่ส่องแสงอยู่ด้านหลัง ช่างคุ้นตาคล้ายดั่งภาพฝัน
รสจูบหวานล้ำที่ป้อนให้ช่างหวานและอบอุ่นไปทั่วหัวใจ กายใหญ่ที่ตามทาบลงมาพร้อมกับรสจูบหวานที่หนักหน่วง ในหัวขาวโพลนคล้ายกับตอนที่นั่งเจ้าบิ๊กไบค์ ขาวจนคิดอะไรไม่ออกได้แต่จูบตอบรสจูบที่แสนหลงมัวเมานั้นคืน ลมหายใจร้อนๆที่ราดรดกันผสมกับความหวานล้ำที่ได้สัมผัสก็แทบที่จะสติให้ล่องลอยคล้ายอยู่บนวิมาน
คริสลืมตาขึ้นก่อนที่จะกระพริบเพื่อปรับแสงหลังจากที่แอบนอนงีบกับชานยอลแต่แล้วพอลืมตาขึ้นก็ไม่เห็นร่างเล็กๆข้างกายเสียแล้ว พอยันตัวขึ้นนั่งก็เห็นแผ่นหลังเล็กที่นั่งยองๆอยู่ริมสระน้ำ คิ้วได้รูปเลิกขึ้นอย่างสงสัยว่าชานยอลนั้นไปนั่งทำอะไร
“ชานยอลนั่งทำอะไรน่ะ” คริสลุกขึ้นพร้อมกับเดินเข้าไปหาคนที่นั่งยองๆใช้นิ้ววนเล่นกับน้ำในสระ
“นั่งดูปลาอยู่” เอ่ยตอบแต่ไม่หันหน้ามามอง เรียวนิ้วยังคงวนๆอยู่เหนือผิวน้ำที่ด้านล่างมีปลาน้อยใหญ่แหวกว่ายไปมา
“อยากกลับหรือยัง?” ชานยอลหันหน้ามาหาคนที่นั่งอยู่ข้างๆแล้วยิ้มกว้าง
“กลับก็ได้ หิวแล้วล่ะ” คริสลุกขึ้นแล้วแบมือไปตรงหน้าเพื่อฉุดให้อีกคนลุกขึ้นยืน ชานยอลลุกขึ้นยืนแล้วยิ้มมองตอบอีกคนที่มองตนแล้วยิ้มกว้าง
“ขี่หลังไหม?” เมื่อเสนอมาชานยอลก็สนองตอบโดยการพยักหน้ารับรัวๆ คริสหันหลังแล้วย่อตัวลงซึ่งชานยอลก็กระโดดโถมตัวเข้าใส่แผ่นหลังกว้าง คริสล็อคขาของชานยอลไว้แล้วเดินให้ตัวเองและคนบนหลังห่างจากน้ำก่อนที่จะแกล้งคนบนหลังโดยการเหวี่ยงตัวเองไป
“เฮ้ยไอ้บ้าคริส หยุดนะ!!!” โวยวายได้ไม่นานชานยอลก็หัวเราะร่าเสียงดังสอดประสานไปกับเสียงหัวเราะของคริสที่แกล้งคนบนหลังได้ สองแขนกอดรัดรอบลำคอของอีกคนไว้กันตกและแน่นอนคริสเองก็ยิ่งแกล้งเหวี่ยงแรงคล้ายกับชานยอลเป็นนกที่กำลังโผบิน
“คริสอ่า พอแล้วเวียนหัวแล้ว” คริสหยุดแกล้งคนบนหลังก่อนที่จะพาเดินไปยังเจ้าเอพริลเลียที่จอดนิ่งสงบอยู่ใต้ร่มไม้ ชานยอลลงจากหลังของอีกคนแล้วเดินเข้าไปลูบเจ้าเอพริลเลียคันใหญ่ด้วยรอยยิ้ม บอกตามตรงชานยอลชอบรูปคันนี้มากเพราะมันทั้งขับนิ่มและโฉบเฉี่ยว
“ชอบเหรอ? ไว้ฉันจะซื้อบ้างนะ” ชานยอลหันมาหัวเราะคิกคัก ยืนเอาพิงเบาะรถคันใหญ่แล้วจิ้มหน้าอกของคนตรงหน้าหลายที
“เรียนให้จบม.ปลายก่อนเถอะ” คริสจับเรียวนิ้วที่จิ้มอยู่ที่หน้าอกของตนเอาไว้
“ถ้าเข้ามหาวิทยาลัยแล้วจะซ้อนไปเรียนด้วยกันไหมล่ะ?” ชานยอลยิ้มกว้างแล้วพยักหน้า
“อื้อ! ซ้อนทุกวันเลย!!”
กว่าที่เจ้า Aprilia Touno V4R จะกลับมาสู่รั้วบ้านเจ้าของนั้นก็เย็นย่ำเสียแล้ว เมื่อกลับมาถึงทั้งคู่ก็เดินขึ้นบนห้องนอนเลยเพราะคริสบอกกับคุณป้าไว้แล้วว่าเย็นนี้จะทานมื้อเย็นมาจากข้างนอกเสียเลย เมื่อกลับมาถึงชานยอลก็ขออาบน้ำก่อน คริสจึงเดินมานั่งที่ปลายเตียงพร้อมกับโทรทางไกลกลับไปหาคนที่บ้าน คุยเรื่องสำคัญ... มาก สำหรับชีวิตของตน
กว่าที่ทั้งคู่จะหลับได้ก็ปาเข้าไปเกือบเที่ยงคืนเพราะมัวเอาแต่เล่นกันเหย้าแหย่กันจนดึก เช้านี้ชานยอลตื่นก่อนเพราะอะไรก็ไม่รู้ ทั้งๆที่น่าจะฝันเหมือนเดิมคล้ายทุกเช้าก่อนตื่นแต่เช้านี้ชานยอลกลับไม่ฝันถึงเลยแม้แต่น้อย สิ่งแรกที่มองเห็นคือโครงหน้าหล่อที่หลับตาพริ้ม แพขนตาเรียงตัวสวยทาบปิดนัยน์ตาคู่แสนเฉี่ยวเอาไว้
เรียวปากอิ่มวาดรอยยิ้มก่อนที่จะไล้นิ้วไปตามโครงหน้าและเครื่องหน้าของคนที่กำลังหลับอยู่ วันนี้ยังคงเป็นวันหยุดและแน่นอนวันนี้ชานยอลมีแผนว่าจะไปเที่ยวห้างเพื่อซื้อเสื้อผ้า เมื่อคิดได้ดังนั้นชานยอลก็ค่อยๆแกะอ้อมแขนที่กอดตนเอาไว้ออกแล้วลุกจากเตียงไปอาบน้ำก่อน พออยู่ใกล้คริสทีไรพาลจะตื่นเร็วอยากที่จะเงยหน้ามองสบตากันเสียทุกที
“เอ๊ะ?” ชานยอลที่เหลือบเห็นซองเอกสารสีน้ำตาลวางอยู่บนโต๊ะเขียนหนังสือของเจ้าของห้องก็เดินเข้าไปใกล้แล้วหยิบขึ้นมาดู เอกสารที่หน้าซองเป็นชื่อของเจ้าของมันและตราประทับก็เป็นของโรงเรียนที่ทั้งคู่ศึกษาอยู่ ด้วยความถือวิสาสะชานยอลก็เปิดซองนั้นหยิบเอกสารออกมาดู
“เอกสารแลกเปลี่ยนนักเรียนเป็นเวลา 3เดือน” ดวงตากลมไหววูบไปเพียงครู่ก่อนที่จะยัดเอกสารนั้นใส่ซองแล้ววางมันกลับที่เดิม ชานยอลหมุนตัวกลับไปมองคนที่ยังนอนหลับอยู่บนเตียงก่อนที่จะจุดรอยยิ้มขึ้นมา
“อีกตั้งเดือนกว่าๆ เหลือเวลาอีกนาน~” ชานยอลเดินย่องเบาๆเข้าไปหาคนที่ยังนอนตะแคงข้างหันหลัง เมื่อใกล้จะถึงตัวชานยอลก็พร้อมที่จะกระโจนใส่แต่ทว่าคริสกลับพลิกตัวแล้วส่งยิ้มเจ้าเล่ห์หาคนที่กำลังจะพุ่งตัวล้มทับ
“เหวอ~~” แต่แล้วชานยอลก็เสียหลักล้มลงทับคริสเข้าจริงๆ สองแขนของคริสกอดรัดชานยอลไว้แน่นไม่ยอมให้เจ้าตัวได้ดิ้นหนี
“ปล่อยนะ ไม่เล่นนะ” แล้วก็หัวเราะคิกคักเมื่อคริสใช้ปลายจมูกไล้ไปตามแก้มและซอกคอของตน
“ไม่เอานะ ปล่อยนะ ไม่งั้นจะหนีไปหาเซฮุนแล้วนะ!!” ต้องยกชื่อคุณพ่อกิตติมศักดิ์ขึ้นมาอ้างคริสถึงจะยอมปล่อยมือ ชานยอลลุกขึ้นแล้วหนีไปยืนอยู่ไกลๆ คริสเสยผมอย่างหงุดหงิดนิดหน่อย
“ไปอาบน้ำสิจะได้ไปเที่ยวกัน” ชานยอลดีดนิ้วดังเป๊าะก่อนที่จะทำท่าเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้แล้วก็เดินฮัมเพลงอารมณ์ดีเข้าห้องน้ำไป คริสที่มองอยู่ก็ส่ายหน้าขำๆแต่เมื่อบานประตูปิดลงใบหน้าหล่อคมก็ฉายแววไม่พอใจ ก็ไม่ใช่ไม่ชอบเซฮุนหรือคนอื่นในกลุ่มของชานยอลหรอกแต่ก็แค่หึง ที่ในตอนเช้าที่มีแต่สองเราชานยอลกลับพูดชื่อถึงคนที่สามขึ้นมา
“อย่าทำให้ฉันเสียความเป็นตัวเองมากไปกว่านี้ได้ไหมชานยอล.. ฉันรักนายมากจนจะขาดใจอยู่แล้วนะ”
เช้าวันจันทร์ที่ไม่ค่อยจะน่าพิสมัยเสียเท่าไหร่ ตอนนี้ชานยอลกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะเรียนแล้ววาดรูปลงใส่ในสมุดอย่างหาอะไรฆ่าเวลาทำ ก้มหน้าวาดรูปก็มองสลับกลับบานประตูเผื่อว่าร่างสูงของใครอีกคนจะเดินเข้ามา เพราะเช้านี้คริสโดนเรียกตัวแต่เช้าตรู่เพื่อเข้าพบผู้อำนวยการ ชานยอลเลยต้องมาเช้าด้วยกันเพราะยังคงนอนบ้านกับคริส
ปลายดินสอวาดขีดเป็นตัวการ์ตูนของเด็กชายสองคนที่จับมือกัน ร้องไห้บ้าง หัวเราะบ้าง ขี่รถด้วยกันบ้าง ขี่หลังกันบ้างและจูบกันใต้ดวงอาทิตย์ ทั้งหน้ากระดาษเต็มไปด้วยรูปของเด็กผู้ชายสองคนในอิริยาบถต่างๆ กลีบปากอิ่มวาดรอยยิ้มยามที่ได้นึกถึงเรื่องราวแสนหวานเหล่านั้น บานประตูถูกเลื่อนออกไม่เบานักคนที่วาดรูปอยู่ก็เงยหน้าขึ้นมองด้วยรอยยิ้ม แต่แล้วรอยยิ้มนั้นก็ค่อยจางๆหายไปเมื่อคนที่เปิดเข้ามากลับไม่ใช่คนที่นั่งเรียนข้างกาย
“ทำไมทำหน้าแบบนั้นวะ” เซฮุนเดินคิ้วขมวดเข้ามาหาตามด้วยไคที่พยักหน้าตาม คยองซูเดินเข้ามาพร้อมกับถุงขนมแล้วยิ้มกว้างกับตาโตๆ
“เปล่า” ชานยอลก้มหน้าแล้วส่ายหน้าไปมาแล้วก็วาดรูปต่อ เซฮุนเดินมานั่งลงที่เก้าอี้ข้างเคียงที่เป็นที่นั่งของร่างสูงยาวนั่น ไคเดินอ้อมไปนั่งบนโต๊ะเรียนแล้วหันหน้ามาหาชานยอล คยองซูวางถุงขนมไว้บนโต๊ะที่เซฮุนนั่งก่อนจะหันเก้าอี้ให้หันไปหาชานยอลแล้วนั่งลงบ้าง คยองซูน่ะไม่ห่ามขนาดจะใช้เท้าเหยียบเก้าอี้ของคนอื่นได้หรอก
“เป็นอะไรวะ” ไคเอ่ยถามพร้อมกับมองรูปที่ชานยอลวาดแล้วรู้สึกเหมือนหนวดกระตุกๆยังไงก็ไม่รู้
“มันทำอะไรมึง?” ชานยอลวางดินสอแล้วหันมาหัวเราะใส่เซฮุนที่นั่งกอดอกพิงหลังกับพนักเก้าอี้ที่ตอนนี้หน้ายุ่งขมวดคิ้วมุ่น
“ใครจะกล้าทำอะไรปาร์คชานยอลได้เล่า~ ก็แค่...” ชานยอลเงียบไปเพียงอึดใจก่อนที่จะถอนหายใจเสียเฮือกใหญ่
“แค่..?”
“แค่.... อยากไปเรียนจีน”
“ห๊ะ!!!!!!!!” สิ้นเสียงชานยอลทั้งสามก็ตะโกนเสียงดังลั่น
“อะไรทำให้คิดแบบนั้นวะ ไม่ให้ไปนะเว๊ย!!!” เซฮุนเอ่ยบอกเป็นคนแรกก่อนที่จะจับแขนของชานยอลไว้
“เออๆกูก็ไม่ให้ไป!!” และตามด้วยไค
“จะไปหาคริสใช่ไหม?” คยองซูเอ่ยถาม ชานยอลไม่ตอบแต่เลื้อยแขนพาดไปกับโต๊ะแล้วซบหน้าลงกับแขนเท่านั้น
“คริสเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่มาอยู่โรงเรียนเราแค่3เดือนนี่นะ อีกไม่นานก็จะครบกำหนดเวลาแล้ว” ชานยอลกัดปากจนมันช้ำ ไค เซฮุนและคยองซูมองหน้า
“รักมันมากเลยเหรอ?” และก็เป็นไคที่ถามออกไป ชานยอลยกหัวขึ้นก่อนที่จะส่ายหน้า
“ไม่รู้.. รู้แค่ .. เหมือนผูกพันมาก จนไม่อยากห่างไปไหน” ได้ยินดังนั้นคุณพ่อจอมหวงก็เบ้หน้าจะมีก็แต่คยองซูนั่นแหละที่ยิ้มกว้าง
“นายเคยอ่านเรื่องสัญญารักข้ามภพชาติบ้างไหมละ? บางทีนายกับคริสอาจจะเคยเป็นคู่กันมาก่อนก็ได้นะ” และตอนนี้ก็เป็นสายตาของอีกสามคนที่หันมองคยองซูเป็นสายตาเดียว
“ก็ที่ฉันเคยอ่านนะเหมือนว่าคนรักกันในชาติปางก่อนสัญญาว่าจะรักกันไปทุกภพชาติน่ะ แล้วก็จะเกิดมาเจอกันทุกภพชาติแล้วก็จะรักกันไปทุกๆชาติ” คยองซูเล่าไปก็ทำหน้าเคลิ้มไป
“แล้วทำไมต้องสัญญาวะ? เกิดมาเป็นคู่กันยังไงก็ต้องคู่กันอยู่ดี” เซฮุนเอ่ยถาม คยองซูมองใบหน้าของเด็กยานแม่ก่อนที่จะถอนหายใจ
“ก็เพราะว่าชาติที่แล้วเรากับเขาอาจจะไม่ได้คู่กันไง ด้วยแรงรัก ผูกพันและคำมั่นสัญญาเลยบังเกิดให้คนทั้งสองกลับมาบรรจบพบเจอและรักกันไปในทุกชาติ”
“เหมือนเขากับตัวเองใช่ป่ะจ๊ะ??” ไคกระแซะคนข้างๆก่อนที่จะได้สายตาโตนั้นตวัดมองมา
“เงียบไปเลยไอ้กัมจง ชาติที่แล้วฉันกับนายคงมีเวรกรรมกันมากกว่า” แล้วก็ได้เสียงหัวเราะจากอีกสามคน ไคเองก็ได้แต่นั่งยู่หน้า
“แล้วไงต่ออ่ะไอ้โด้ ว่าต่อเลย” ชานยอลเองก็อยากรู้ถึงได้เร่งยิกๆ
“ก็นั่นแหละ พอเราเกิดมาเจอกันไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนเราก็จะได้พบเจอกันและรักกัน แกลองคิดดิเวลาแค่ไม่เท่าไหร่เองแต่แกกลับรักเขาและผูกพันอ่ะ ไม่แน่นะชาติที่แล้วแกกับเขาอาจจะเคยเจอกันก็ได้” คยองซูเอื้อมมือไปเท้าคางไว้ที่หน้าโต๊ะที่เซฮุนนั่งแล้วก็ส่งยิ้มให้ชานยอล เซฮุนใช้หัวโขกกับคยองซูเบาๆ
“เลอะเทอะน่าไอ้โด้” คยองซูสะบัดดวงตากลมหันมองเซฮุน
“รอไว้ให้มึงเจอคนที่มึงรู้สึกผูกพันก่อนเถอะ กูจะหัวเราะให้ตาเล็กเลย!!!” คยองซูโกรธนะเนี่ย โกรธจริงๆด้วย ไม่บ่อยนักที่คนตัวเล็กคนนี้จะขึ้นมึงขึ้นกู
“แต่ว่าไอ้โด้... มันอาจจะไม่ใช่ก็ได้นะ” คยองซูหันมาหาชานยอลแล้วยิ้มกว้างๆใส่ใหน้าแดงๆ
“ใชไม่ใช่ จริงหรือไม่จริง ก็รู้ๆกันอยู่กับใจนะ” ทิ้งระเบิดไว้เสียตูมใหญ่เชียวคุณแม่คนดี
ทั้งสามคนกลับไปแล้ว ตอนนี้เพื่อนๆก็พากันทยอยเข้าห้องเรียนแล้ว อีกไม่กี่นาทีคาบแรกก็จะเริ่มแล้วแต่ทว่าเพื่อนที่นั่งเรียนข้างกายชานยอลยังไม่กลับมาเลย ดวงตาวาวแสงหม่นลงเมื่อที่นั่งข้างตัวไร้คนนั่ง สมาธิที่จะใช้เรียนตอนนี้ไม่มีแล้ว ในหัวมีแต่เรื่องของคนข้างตัวที่หายไปกับเรื่องที่คยองซูเล่าซ้ำไปซ้ำมา
“ถ้าอี้ฟานอะไรนั่นที่ฝันเห็นถึง จะเป็นนายก็คงดีนะ” ชานยอลเลื้อยตัวลงนอนทับแขนทั้งสองข้างที่วางทับกันอยู่บนโต๊ะแล้วปิดเปลือกตาลง
ชานยอลหมายความตามที่พูดจริงๆ เพราะเจ้าตัวรู้สึกได้ถึงความรักที่โอบล้อม ความห่วงใยและความอบอุ่นที่ถ่ายทอดออกมาเป็นคำบอกรักของคุณชายอี้ฟานที่บอกแก่เจ้านกน้อย ดวงตาคู่นั้นที่มองเห็นไม่ชัดแต่ทว่าความอ่อนโยนและความรักที่ลอยวนอยู่ภายในดวงตาคู่นั้นมันส่งมาถึงใจของคนฟังเสียเหลือเกิน คล้ายกับคนที่หายตัวไปข้างกายทุกการกระทำและเสียงกระซิบแผ่วๆยามดึก ถ้อยคำรักที่กระซิบเบาๆนั้นชานยอลได้ยินทุกคืนที่นอนด้วยกัน ไออุ่นที่ประทับที่ข้างขมับนั้นอุ่นวาบไปทั้งหัวใจ เมื่อมีกันและกันชานยอลก็ไม่ฝันถึงคุณชายอี้ฟานอีกเลยแต่กลับฝันถึงคนที่อยู่ข้างกายในความเป็นจริง
“ข้าไม่เคยไม่รักเจ้านกน้อยของข้า ข้ามิมีวันที่จะเลิกรักเจ้า ไม่มีวัน”
“นกน้อยของข้า ... ข้ารักเจ้า ข้าจักรักเจ้าทุกภพทุกชาติไป ข้าจักมิพรากจากเจ้าอีก”
"ทุกภพ ทุกชาติ ข้าจักรักเจ้ามิเปลี่ยนแปลง เราจักอยู่ด้วยกันมิแยกจากไม่ว่าจะภพภูมิไหน ข้าจักตามเจ้าไปทุกภพชาติ"
“ชานยอล” เสียงเรียกพร้อมกับแรงเขย่าที่ไหล่เรียกให้คนที่หลับในชั่วโมงเรียนจนยาวเลยมาพักเที่ยงได้ตื่นขึ้น เปลือกตาบางค่อยๆเปิดขึ้นพร้อมกับหันมองคนปลุก รอยยิ้มที่แสนอบอุ่นที่เห็นอยู่ในนัยน์ตาเรียกให้ชานยอลลุกขึ้นแล้วกอดคนปลุกเสียแน่น ใบหน้าน่ารักซุกเข้ากับซอกคอของร่างสูงกว่าแล้วปล่อยน้ำตาให้ไหลลงไหล่แข็งแรงนั้น
“คริส.... ห้ามไปไหนนานๆอีกนะ” คริสหัวเราะในลำคอเบาๆแล้วยกมือขึ้นกลุ่มผมของคนที่ยืนกอดตนแน่ๆ
“ฝันร้ายเหรอ?” ชานยอลไม่ตอบแต่เพิ่มแรงกอดกระชับคนนี้ให้แน่นเข้าไปอีก ชานยอลไม่ได้ฝันร้ายแต่ฝันดีมาก มากเสียจนคิดว่ามันคือความจริง เจ้าของน้ำเสียงนุ่มทุ้มในฝันที่เอ่ยคำรักค่อยๆก้มลงมาใกล้ ใกล้จนแทบจะมองเห็นกันและกันแต่แล้วชานยอลก็ลืมตาตื่นขึ้นมาพบกับใบหน้าของคนตัวสูงคนนี้
“ไม่เป็นอะไรแล้วนะ” แม้น้ำตาจะไหลรินแต่กลีบปากอิ่มกลับวาดรอยยิ้มขึ้นเล็กๆกับอ้อมกอดแสนอบอุ่น
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น