ลำดับตอนที่ #14
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : Episode 3 : Home Sweet Home – 2
มาแล้วๆๆๆ >////< เราสบายดีแล้วค่ะ หายห่วง TvT ขอบคุณค่ะที่เป็นห่วง~
แต่ทำไมดูทุกคนไม่ไว้ใจเราแบบนั้นล่ะ โห้ยยยยยยยยย เราออกจะเชื่อถือได้นะเอาจริงๆ #จริงเหรอ
เราออกจะน่ารัก เรียบร้อย นี่พูดเลยนะ ก๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกก
ข่าวดีของเรามาแล้วค่ะ เรากำลังคิดว่าเราจะทำซีรีย์เรื่องนี้เป็นรูปเล่ม มีใครสนใจบ้างไหมคะ? ;A;
ถ้ามีคนสนใจเยอะเดี๋ยวรอบหน้าเราจะมีบอกรายละเอียดเพิ่มเติมนะคะ ^^ *โค้ง* ถึงเราจะนิสัยไม่ดี (ชอบแกล้งทุกคน) แต่เรารักทุกคนนะ~~~ *โปรยจูบรัวๆ*
______________________
“เฮ้ย!!!!” สายตาทุกคู่จับจ้องไปยังร่างสูงยาว ผมสีทองตรงหน้าที่ยืนเคียงข้างครูฝึกประจำชมรมบาสเกตบอล และแน่นอนคนที่ตะโกนเสียงดังอย่างนี้มีแค่คนเดียว
“เป็นอะไรชานยอล?” เสียงเข้มเอ่ยถาม ชานยอลหันมองใบหน้าของครูฝึกแล้วก็ส่ายหน้าไปมาอย่างตื่นตกใจว่าไอ้คนที่ครูฝึกพูดว่าเห็นแววดีเลยเอามาเข้าชมรมนี่คือ.... ไอ้หน้าแองกรี้เบิร์ดนี่อ่ะนะ!!!!! ดูมันๆ ยังมีส่งยิ้มกวนเบื้องล่างมาให้อีก ไอ้หน้าแองกรี้เบิร์ดสีแดง!!!
“เออไหนๆก็มีสมาชิกใหม่แล้วดูแลเพื่อนใหม่ด้วยแล้วก็หวังว่าจะไม่ลืมเรื่องเข้าค่ายของชมรมเรานะ”
“ห๊ะ!!!! เข้าค่าย!!!!!!” เด็กทุกคนตะโกนโวยวายเมื่อได้ยินคำว่าเข้าค่าย ครูฝึกกอดอกแล้วเอียงคอนิดๆ
“นี่ฉันยังไม่ได้บอกอีกเหรอ?” เด็กทุกคนโวยวายว่าครูฝึกนั้นยังไมได้บอก
“เออๆ ไปๆคริสไปนั่งกับเพื่อนๆไป เดี๋ยวฉันไปหยิบใบอนุญาตผู้ปกครองก่อน” ร่างสูงยาวเดินมาลงนั่งข้างหน้าและหันหน้าเข้าหาชานยอล เจ้าตัวเองก็ผงะตกใจ
“มานั่งนี่ทำไม ไปนั่งโน้นสิ!” ชีโบ้ชี้เบ๊ไปทางอื่นแต่คนตรงหน้ากับยกยิ้มมุมปาก ซึ่งหลายคนอาจจะมองว่าหล่อบาดแต่สำหรับชานยอลโคตรกวนเบื้องล่างให้กระตุกเลย
“ไม่ไป” สองพยางค์สั้นๆ ง่ายๆแต่โคตรเท้ากระตุกเลย ชานยอลถลึงตาโตของตัวเองมองคนที่นั่งประจันหน้าแล้วอยากจะยันให้สักโครม
“ตาจะหลุดออกมาอยู่แล้วน่ะ” ชานยอลยกมือปิดตาของตัวเองก่อนจะแล่บลิ้นใส่คนตรงหน้า ซึ่งก็ได้เสียงหัวเราะเบาๆกลับมา
“เอ้าๆ ฉันมาแล้วไอ้พวกลูกลิงทะโมน” เสียงดุเข้มของครูฝึกดังมา คริสที่นั่งหันหลังเลยต้องเปลี่ยนเป็นนั่งหันหน้าให้ แต่ก็ไม่ยอมขยับไปไหน ชานยอลมองแผ่นหลังกว้างตรงหน้าที่นั่งบังตนมิดแล้วก็อยากจะสกายคิกใส่แต่ก็ติดที่ว่าทำไม่ได้
“ครั้งนี้เราจะไปเก็บตัวซ้อมกันที่ทะเลนะ” แค่คำว่าทะเลลูกลิงทั้งหลายก็ร้องเฮโลกันใหญ่
“เฮ้ยๆ อย่าเพิ่งเฮฟังให้จบก่อน .... ถึงจะเป็นทะเลแต่การฝึกครั้งนี้ของเราจะหนักขึ้นด้วยเพราะเป็นการแข่งระดับจังหวัดเพื่อคัดเลือกไปแข่งในระดับประเทศล่ะ” คำว่าฝึกหนักมันริดรอนพลังงานชีวิตของเหล่าเด็กน้อยทั้งจริงๆแต่ก็เว้นไว้เสียสองคนนะ ชานยอลกับคยองซูนั่งคุยกันว่าจะเล่นน้ำให้ตัวคำกันไปเลย~
“เอ้าลงชื่อกันซะ ฉันจะได้เอาไปให้ท่านผอ.แล้วก็ใบขออนุญาตพรุ่งนี้ก็เอามาส่งด้วยนะ” ครูฝึกส่งใบให้เซ็นชื่อไปที่ร่างสูง ชานยอลเองก็อยากเซ็นเพราะคนตรงหน้านี่เขียนช้าชะมัดยากเลย!~ ชานยอลเลยเกาะไหล่แล้วยืดตัวมองข้ามไหล่คนข้างหน้าไปมองว่าทำไมชายหนุ่มที่ได้ชักช้านักนะ
“อ๊ะ...” อุทานออกมาเบาๆแต่คริสที่ก้มหน้าก้มตาอยู่ก็ไม่ได้สนใจอะไรกลับยกยิ้มเสียด้วยซ้ำที่มีลูกลิงมาเกาะหลังแบบนี้ ชานยอลมองอีกคนที่ค่อยๆเขียนชื่อของตนแล้วกลีบปากอิ่มก็วาดรอยยิ้มออกเพียงนิด นิดเดียวจริงๆแต่ไม่รู้ทำไมดวงตากลมเกิดยิบหยีเสียนี่ ทั้งสองคงไม่รู้หรอกว่าท่าทางเหล่านั้นน่ะ คนทั้งชมรมมองแล้วก็ยิ้มกันหมดละ
“อะไรเนี่ย แล้วก็เพิ่งมาบอกยังไม่ได้ซื้อเสื้อผ้าใหม่เลย” คยองซูคีบกิมจิเข้าปากแล้วเคี้ยวตุ๋ยๆให้ส่งให้ไคอดใจไม่ไหวให้หยิกแก้มป่องนั้นไป
“เดี๋ยวไคมันก็พาแกไปซื้อเองล่ะไอ้โด้” เซฮุนเหลือบมองเพื่อนตัวเล็กข้างกายที่ทำหน้าเง้าหน้างอ
“ไปด้วยดิ อยากได้เสื้ออ่ะไอ้กัมจง” ชานยอลเงยหน้าจากชามข้าวแล้วก็ยิ้มกว้างๆให้เพื่อนตัวดำ ไคหันมองก่อนจะส่ายหน้าอย่างระอา
“บอกกูทำไม ซื้อเองดิ บอกไอ้ฮุนโน้น~” แล้วไคก็พยักเพยิดหน้าไปทางเซฮุนที่นั่งตรงข้ามกับชานยอล ดวงตากลมหันมองเซฮุนก่อนจะยิ้มกว้าง
“กูรู้มึงรักกู ซื้อให้หน่อยดิสามแสนวอนเอง” เซฮุนอยากจะสบถและคว่ำโต๊ะจังกับไอ้คำว่าสามแสนวอนเองเนี่ย แต่ทว่าสายตาของเซฮุนก็มองเห็นคนข้างกายเพื่อนจอมกวนประสาทที่มองชานยอลไม่วางตา
“มึงก็บอกเพื่อนใหม่มึงสิ ใช่ไหมคริส” ชานยอลทำหน้าตกใจแล้วหันมองไอ้แองกรี้เบิร์ดที่ส่งยิ้มกวนๆ
“เอาสิ ฉันจ่ายให้ได้นะ” ก็แล้วกูอยากให้มึงจ่ายป่ะ? ถามกูป่ะ? ชานยอลหันไปมองคาดโทษไอ้เพื่อนตัวดีก่อนที่จะไม่ต่อบทสนทนาอีกเลย
จนจบมื้อเที่ยงนั้นชานยอลก็ไม่เอ่ยพูดอะไรอีกเลย กลัวว่าคนข้างตัวจะเอ่ยถามอีกว่าเราจะไปเที่ยวกันเมื่อไหร่ แล้วสามตัวป่วนก็วิ่งหนีหายโบกแท็กซี่กลับบ้านไปเลยทิ้งให้ชานยอลอยู่กับคริสสองคนที่ป้ายรถเมล์ คือจะตามก็ตามไม่ได้บ้านดันอยู่กันคนละทางอีก ชานยอลได้แต่กัดปากแล้วมองตามเพื่อนทั้งสามที่ยังไม่วายหันมาโบกมือให้จากในรถ โธ่ กลับมารับกันก่อนนนนนนนนนนน~
“ทำไมอยากนั่งแท็กซี่เหรอ?” แล้วคริสที่อมยิ้มขำก็โบกเรียกแท็กซี่แล้วยัดชานยอลเข้าไปนั่งก่อนที่จะตัวเขาจะตามเข้าไปนั่งข้างกันด้านหลังคนขับ
“เฮ้ย ใครบอกว่าจะขึ้น! นายเรียกนายก็จ่ายเองนะ!” ชานยอลสะบัดหน้าหนีไปอีกทาง หนีรอยยิ้มที่ส่งมาหา หนีอาการเต้นในอกที่แทบจะทะลุออกมา ก็แค่กลัวว่าใครอีกคนจะได้ยินมันก็เท่านั้น
“รู้แล้วน่า .. แล้วว่าแต่เราจะไปซื้อเสื้อนายเมื่อไหร่กันดี” ชานยอลสะบัดหน้ากลับมามองก่อนจะถลึงตาใส่
“ใครบอกว่าฉันจะไปซื้อกับนายกัน ไอ้แองกรี้เบิร์ด!” ขนาดถูกว่าคริสก็ยังยิ้มได้ จิตไม่ปกติหรือเปล่าวะ? เมื่อความคิดในหัวตกตะกอนชานยอลก็เขยิบติดประตูรถหนีคนข้างกายทันที
“ก็นายไงที่บอก” คริสเอื้อมจับมือขานยอลแล้วดึงให้อีกคนเข้ามาใกล้ ใบหน้าน่ารักยู่หน้า
“ไปบอกตอนไหนกัน!” คริสคลี่รอยยิ้มแล้วมองจ้องสบเข้ากับลูกแก้วสีอ่อนตรงหน้า แก้มกลมค่อยๆแดงเรื่อบางๆ
“เมื่อกี้ไง ... ว่างเมื่อไหร่ก็บอกนะ” ปากอิ่มยู่เข้าหากันก่อนจะสะบัดมือที่จับมือของตนไว้ออก
“อย่ามาขี้ตู่ ฉันไม่ไปกับนายหรอก ฉันจะไปกับไอ้ฮุน” ว่าแล้วก็สะบัดหน้าหนี
“ฉันว่าเพื่อนนายไม่ไปหรอก เสาร์นี้ไปซื้อเสื้อนายกัน ฉันจะไปซื้อเสื้อของฉันด้วย” แม้ว่าจะนึกหมั่นไส้ไอ้คนข้างหลังแต่ทว่าแผนการแกล้งคนข้างกายก็ผุดขึ้นมาในสมองอย่างรวดเร็ว กลีบปากอิ่มวาดรอยยิ้มร้ายกาจขึ้นแต้มใบหน้าที่ดูเจ้าเล่ห์ขึ้นมาทันตา แกได้จ่ายหมดตัวแน่ไอ้หน้าแองกรี้เบิร์ด!
“ก็ได้ๆ เห็นแก่นายหรอกนะที่ชวน” คนที่หันหน้าหนีไปอีกทางได้แต่พยักหน้าพร้อมกับเอ่ยบอกเสียงอย่างเสียไม่ได้ แต่ความจริงเรียวปากนั้นกำลังยิ้มร้าย คริสที่มองคนข้างกายเองก็ยิ้มมองคนที่ต้องคิดอะไรอยู่แน่ๆไม่เช่นนั้นคงไม่ตบปากรับคำง่ายๆแบบนี้หรอก... เดี๋ยวก็มาดูว่าใครจะโดนแกล้งกันแน่
เปลือกตาบางค่อยๆลืมเปิดขึ้นหลังจากฝันที่ฝันซ้ำๆแต่วันนี้กลับแปลกไป เสียงทุ้มนั้นคุ้นหูมากและประโยคถัดไปที่ได้ยินเป็นเสียงของตัวเอง ชานยอลมั่นใจมากว่าเสียงที่ตอบรับคำบอกรักนั้นเป็นเสียงของตัวเองแน่ๆ ถ้อยคำตอบกลับคำรักที่เพียงได้พูดก็รู้สึกอบอุ่นไปทั้งหัวใจ แม้ว่าจะเป็นเพียงฝันแต่หัวใจก็ยังคงเต้นรัวกับประโยคตอบรับแสนสั้นนั่น
…ข้าก็รักท่าน คุณชายอี้ฟานของข้า...
“อี้ฟาน.... ใครกันนะ” แม้ว่าวันนี้จะเป็นวันเสาร์ เป็นวันหยุดแต่มารดาของตนก็ยังมาตามให้ลงไปกินข้าวเช้าและแน่นอนที่จะต้องพ่วงใครอีกคนมาด้วย อยากจะเหวี่ยงก็เหวี่ยงไม่ออกก็ไอ้หน้าแองกรี้เบิร์ดนี่คุยยิ้มหัวเราะอย่างสนุกกับบิดาของตนที่นั่งคุยเรื่องข่าวสานบ้านเมืองอยู่น่ะสิ เผลอด่าออกไปพ่อเอาหนังสือพิมพ์ฟาดหัวตายเลย
“วันนี้จะไปเที่ยวกันก็อย่ากวนเขามากล่ะรู้ไหมชานยอล” เสียงของบิดาเอ่ยขึ้นหลังจากที่ชานยอลหย่อนกายลงนั่งที่เก้าอี้ตัวประจำ แก้มกลมพองออกก่อนจะพยักหน้ารับ
“ฮะพ่อ จะไม่กวนเลยฮะ สักนิดเดียวก็จะไม่ฮะ~” บิดาแย้มยิ้มแต่คริสกลับมองว่าประโยคนั้นเชื่อถือไม่ได้สักนิดเดียว …. ลางบรรลัยเหมือนรอคอยคริสอยู่ข้างหน้าอย่างไรก็ไม่รู้
“มองอะไรล่ะ ถือสิ” คริสมองถุงกระดาษมากมายในมือก่อนจะมองถุงกระดาษที่ชานยอลยื่นส่งมาให้ ชานยอลยังยืนกรานที่จะยื่นถุงมาให้พร้อมกับแสดงสีหน้าที่ว่าแค่นี้ก็ถือให้ไม่ได้ ไหล่เล็กยักขึ้นอย่างไม่หยี่ระก่อนจะหมุนตัวกลับไปและถือถุงนั้นเอง
“เอามาสิ” ชานยอลหมุนตัวกลับไปแล้วยื่นถุงให้พร้อมกับรอยยิ้มกว้างๆ ซึ่งคริสเองก็ยิ้มตามแล้วรับถุงนั้นมาถือไว้เอง ถุงมากมายในมือน่ะเป็นของชานยอลทั้งนั้นและแน่นอนคนจ่ายจะรอดพ้นคริสคนนี้หรือ? ..... ก็ไม่น่ะสิ คิๆ
“จะซื้ออะไรอีกไหม” ชานยอลหันมองร่างสูงกว่าข้างกายก่อนจะโคลงหัวไปมาชักอยากจะซื้ออีกสักหลายๆร้าน แต่ทว่าก็สงสารกระเป๋าเงินของคนข้างกายเบาๆ
“ไม่รู้สิ เข้าร้านนั้นกัน” แล้วชานยอลก็เดินนำเข้าร้านไปก่อน ปล่อยให้คริสได้เดินถือถุงมากมายตามพร้อมกับยิ้มขำ ที่เสียเงินไปทั้งหมดน่ะเดี๋ยวจะจดลงสมุดแล้วเอาคืนทบต้นทบดอกเลยเชียวล่ะ..
“อือ.....” ชานยอลเดินไปรอบๆร้านเพื่อหาเสื้อผ้าที่ถูกใจโดยมีชายหนุ่มยืนหิ้วถุงยืนมองเสื้อผ้าอยู่อีกมุมหนึ่ง ดวงตาคมกวาดมองไล่ไปเรื่อยก็ไม่เห็นว่าจะมีเสื้อตัวไหนที่ถูกใจเลย คริสไม่ใช่คนเรื่องมากแค่เสื้อผ้าแบรนด์เนมแค่นี้เขาควักเงินซื้อได้อยู่แล้ว แต่ทว่าถ้าแบบไม่ถูกใจต่อให้ตัวนั้นฟรีชายหนุ่มก็ไม่หันมอง
“คริสหันมาหน่อยสิ” ร่างสูงยาวหมุนตัวไปตามเสียงเรียกก่อนจะเจอเข้ากับคนที่เตี้ยกว่าเพียงนิดยืนส่งยิ้มมาพร้อมกับเสื้อสามตัวในมือ ชานยอลหยิบเสื้อขึ้นมาทาบลงกับตัวของคนตรงหน้าทีละตัว เรียวคิ้วเลิกขึ้นก่อนจะเอียงคอมองทั้งสามตัวแล้วก็ตบท้ายด้วยรอยยิ้มกว้าง สาบานได้ว่าชานยอลไม่ได้ใจดี.. ก็แค่เลือกให้ตอบแทนที่วันนี้ซื้อเสื้อผ้าให้เยอะแยะนั่นแหละ~
“เอาสามตัวนี้นะ จ่ายเงินด้วยล่ะ~” แล้วเจ้าตัวก็เดินอารมณ์ดีไปวางเสื้อทั้งสามตัวบนเคาน์เตอร์เพื่อรอให้พนักงานคิดเงิน คริสเดินตามมาจ่ายเงินอย่างว่าง่ายก่อนจะมองเสื้อทั้งสามตัวนั้นที่พนักงานกำลังพับใส่ถุงกระดาษสีดำอย่างเรียบร้อย เสื้อสีขาวคอวีกับลายตัวอักษรเท่ๆสีดำ เสียคอกลมพื้นสีขาวที่มีลายสลับแนวขวางสีเทาและดำ กับเสื้อเชิ้ตสีขาวแขนยาวที่กระดุมเป็นสีดำสลับสีแดง ทั้งสามตัวนี้ไม่ได้อยู่ในโซนที่คริสมองแต่กลับรู้สึกชอบเสื้อสามตัวนี้แปลกๆ ทั้งๆที่ก็ไม่ได้พิเศษหรือเป็นแบบที่ชอบอะไรมากมาย
“ทำไมต้องเสื้อสีขาวล่ะ” เอ่ยถามพร้อมกับวางถุงลงบนพื้นแล้วล้วงหยิบกระเป๋าเงินออกมาหยิบการ์ดส่งให้พนักงาน ชานยอลหันกลับมาแล้วยู่หน้าอย่างไม่สบอารมณ์
“ก็ไม่รู้สิ แค่รู้สึกว่านายใส่สีขาวแล้วเท่ดีก็เท่านั้น .... ขอบคุณครับ” ชานยอลรับถุงจากพนักงานที่ส่งยิ้มเขินๆมาให้ แล้วเจ้าตัวก็เดินถือถุงนั้นตัวปลิวออกจากร้าน ก็แค่ถือถุงเสื้อนั้นอย่างดี ก็แค่ถือไว้กับตัว ก็แค่..เห็นว่าถุงมันสวยดีหรอก ... แก้มขาวค่อยๆซับสีจางๆกับคำพูดนั้น ร่างสูงยาววิ่งตามมาเดินข้างกันก่อนที่จะยกยิ้มเมื่อเห็นริ้วรอยสีแดงจางๆบนแก้มกลมๆนั่น
“ไปหาอะไรกินกันดีกว่า” ชานยอลพยักหน้ารับ เพราะไม่ว่ายังไงคนข้างกายก็ต้องเป็นคนจ่ายอยู่ดี
ร้านอาหารอิตาเลี่ยนที่ชานยอลเลือกและแน่นอนจะต้องเป็นร้านที่คิดว่าต้องแพงมากแน่ๆ ไม่เช่นนั้นชานยอลไม่เดินนำเข้ามาหรอก ทั้งสองนั่งตรงข้ามกันและเก้าอี้อีกสองตัวก็ถูกคริสนำถุงเสื้อผ้ามาวางไว้แทน จานเฟตตูชินีครีมซอสเห็ดกับไก่อบกับมันฝรั่งและมะนาวของชานยอลที่เพิ่งมาเสิร์ฟนั้นส่งกลิ่นหอมจนเจ้าตัวอดรอนทนไม่ไหวหยิบส้อมขึ้นมาม้วนเส้นยาวๆขึ้นกิน ใบหน้าน่ารักยิ้มอย่างพอใจกับรสชาติของอาหาร ใจจริงชานยอลอยากที่จะสั่งทั้งหมดในเมนูแต่ก็นั่นล่ะกลัวว่าจะกินไม่หมดเสียก่อน
เพียงไม่นานจานพาสต้ากุ้งซอสอัลเฟรโดของคนตรงข้ามก็มาเสิร์ฟ เพียงแค่มองชานยอลก็อยากที่จะลิ้มชิมรสชาติของมันแล้วแต่ติดที่ว่าจานของคนตรงข้ามเป็นอาหารทะเลที่เขาแพ้ คริสที่อ่านสายตาคู่นั้นที่หงอยลงไปก็ยื่นขานเข้าไปหาแต่กลับถูกใบหน้าน่ารักส่ายหน้าปฏิเสธเสียนี่
“ฉันแพ้อาหารทะเลน่ะ” ยังไม่ทันได้ถามคนตรงข้ามก็เอ่ยบอกออกมาเสียแล้ว เรียวปากได้รูปส่งยิ้มให้ ..อีกหนึ่งเรื่องที่ต้องเรดคอร์ดเอาไว้ว่า ปาร์คชานยอลแพ้อาหารทะเล...
“ถ้างั้นกินข้าวเสร็จ จะพาไปกินไอติมแทนละกันนะ” ชานยอลไม่ตอบแต่ส่งยิ้มกว้างๆโชว์ฟันของตัวเองให้คนตรงข้ามที่ก็ยิ้มกลับมาเช่นกัน
คริสมองชานยอลที่ยืนเกาะตู้ไอศกรีมแล้วก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างเอ็นดู ใบหน้าน่ารักที่ดูตื่นเต้นกับลูกตาโตๆที่มองไอศกรีมหลากรสในตู้มันเรียกรอยยิ้มกว้างๆจากคนเย็นชาได้ขนาดนี้เชียวหรือ? นี่ถ้าแก๊งเพื่อนที่จีนมาเห็นเข้ามันคงเอามาล้อยันลูกบวชแน่ๆ แต่ก็ช่างเถอะจะแคร์ทำไมในเมื่อคนที่ใจพร้อมยอมทำให้ทุกอย่างปรากฏอยู่ตรงหน้านี่แล้ว
เวลาที่มองใครสักคนแล้วจดจำทุกท่วงท่า จดจำทุกสิ่งอย่างค่อยๆเรียนรู้เพื่อที่จะรู้จักคนตรงหน้าไปทีละเล็ก ละน้อย เพียงแค่มองหัวใจก็อบอุ่นทุกครั้งและกลีบปากที่ขยับยากยิ่งกว่าอะไรก็วาดส่งรอยยิ้มให้อีกคนไปเสียอย่างนั้น ไม่รู้ว่าป้อมน้ำแข็งที่สร้างขึ้นมาพังทลายลงเมื่อไหร่... แต่ก็อาจจะเป็นดวงตากลมโตที่แสนระยิบระยับคล้ายดวงดาวนับล้านที่มองจ้องมาในวันแรกที่เจอกันก็เป็นได้ แสงระยิบนั่นที่ค่อยๆหลอมละลายความแข็งกระด้างให้หมดไป อาจจะเป็นเพราะปาร์คชานยอลคือแสงสว่างที่อบอุ่นของคริสก็เป็นได้
“กินไหม” ช้อนพลาสติกคันใหญ่สีขาวที่ปลายช้อนมีเนื้อครีมสีน้ำตาลเข้มของช็อคโกแลตถูกจ่อมาตรงหน้า คริสมองเพียงชั่วครู่ก่อนจะอ้าปากรับมันเข้าปากไป
“อร่อยไหม?” ใบหน้าคมเพียงแค่พยักหน้ารับเบาๆ แค่นั้นชานยอลก็ยิ้มกริ่มแล้วตักไอศกรีมกินต่อ รสชาติของไอศกรีมเมื่อครู่ชายหนุ่มไม่รู้หรอกว่ามันอร่อยมากเพียงไหน เย็นมากเพียงใด รู้แต่แค่เพียงว่า มันหวาน... หวานมาก.. หวานไปทั่งหัวใจ
“เดินเร็วๆสิ!!” ชานยอลที่เดินนำไปแล้วหันกลับมากวักมือเรียกให้ชายหนุ่มที่ยังยืนอยู่ที่เดิมให้เดินตามมาเร็วๆ
“หึ..” สองขายาวรีบเร่งก้าวเดินไปเดินเคียงข้างคนที่ยังคงเดินกินไอศกรีมอย่างอารมณ์ดี นัยน์ตาคมหันมองคนข้างกายก่อนที่จะยิ้มออกมาอีกครั้ง รู้สึกว่าการที่ได้มาอยู่ประเทศนี้ไอ้เสือยิ้มยากอย่างเขาจะยิ้มบ่อยจนนับครั้งไม่ถ้วนเสียแล้ว..
ลมแอร์เย็นๆที่เป่ามาจากคอนโทรลหน้ารถแท็กซี่ก็ทำให้เจ้าตัวป่วนข้างกายพล็อตหลับไปได้เพียงไม่กี่วิหลังจากที่โบกรถแท็กซี่เพื่อกลับไปส่งบ้าน หัวกลมๆเอนพิงกระจกไว้ดูไม่สบาย มือใหญ่เลยถือวิสาสะช้อนหัวกลมที่สัปหงกโขกกระจกให้มาพิงไว้ที่ไหล่ของตัวเอง เรียวปากได้รูปยิ้มเป็นครั้งที่เท่าไหร่ของวันเจ้าตัวก็เลิกสนใจที่จะนับมันมานานล่ะ แค่มีกายบางอยู่เคียงข้าง ใบหน้าน่ารักที่มักจะยู่หน้าใส่เวลาโมโหหรือโดนขัดใจเพียงเท่านี้มุมปากก็ยกยิ้มโดยอัตโนมัติเสียแล้ว
กลิ่นกายหอมๆและกลิ่นแชมพูอ่อนๆที่กรุ่นอยู่ไม่ห่างปลายจมูกนี้อดไม่ได้เลยที่จะก้มลงสัมผัสกลิ่นหอมหวานนั้นปลายจมูกโด่งกดลงกลางกระหม่อม สูดกลิ่นหอมนั้นเข้าจมูก กลิ่นหอมหวานที่กำจายอยู่รอบกายนี้ เป็นเฉพาะที่คนๆนี้เท่านั้นที่มี เรียวปากได้รูปกดสัมผัสไว้ที่เดิมอีกครั้งแล้วจะละออกมาเมื่อรับรู้ได้ว่าคนขับแท็กซี่เหลือบสายตึขึ้นมอง
“มีอะไรครับ” แม้จะมีหางเสียงแต่ทว่ารูปประโยคกลับเสียงแข็งเหลือเกินจนคนขับยังกลัวแล้วรีบทำหน้าที่ของตัวเองต่อ ดวงตาเรียวคมแสนเฉี่ยวนั่นที่ตวัดมามองสบกันนั้นทำให้ขนอ่อนลุกขึ้นชันไปทั่วตัว น่ากลัวจริงๆ
และอีกไม่กี่วันก็ถึงวันเก็บตัวเพื่อเข้าแข่งของชมรมบาสเสียแล้ว ชานยอลออกมายืนรอคริสหน้าบ้านพร้อมกับกระเป๋าเสื้อผ้าใบโต ที่มองแล้วคาดว่าจะไปอยู่เสียสามเดือนจนคนที่เดินสะพายเป้ใบไม่ใหญ่มากถึงกับหัวเราะขำ ชานยอลยู่หน้าก่อนจะยกมือขึ้นกอดอกแล้วสะบัดหน้าหนี คริสเดินเข้ามาใกล้ๆก่อนจะใช้สองมือของตัวเองทาบแก้มใสไว้ผินหน้าให้หันมามองตน
“คอเคล็ดหรือยังน่ะเรา” ชานยอลจับสองมือที่ทาบแก้มตัวเองออกก่อนจะผลักอกคนแกล้งไปเสียหนึ่งทีแต่คริสกลับหัวเราะออกมาแทนเสียนี่
“ไปไกลๆเลยไป!!!” ตวาดเสียงใส่แต่คนโดนไล่ก็ยังคงยิ้มหน้าบานอยู่ที่เดิม
“ต่อให้เอาปืนมาจ่อหัวก็ไม่ไปไหนหรอก” ไม่รู้ว่าทำไมแต่ชานยอลร้อนไปทั่วตัว แก้มขาวแดงเรื่อจนคนมองนึกเอ็นดู
“งะ..งั้นก็อยู่ตรงนี้นะ ฉันจะไปโรงเรียนแล้ว!!” ว่าแล้วเจ้าตัวก็เดินตัวปลิวไปเลยลืมกระเป๋าเสื้อผ้าของตัวเองไปเลย คริสเพียงหัวเราะเบาๆในลำคอก่อนจะคว้าสายจับของกระเป๋านั้นมาสะพายไว้ที่ไหล่แล้วออกเดินตามหลังคนที่เดินกระฟัดกระเฟียดไป
“นี่มึงจะย้ายบ้านเหรอ?” โอเซฮุนเป็นคนแรกที่ทักหลังจากเห็นชานยอลและคริสมาถึงโรงเรียนแล้วและมองเห็นกระเป๋าเสื้อผ้าที่คุ้นตา
“โห้ยมึงอ่ะ ไม่มารับแล้วไม่ต้องพูดมากเลยนะ!” ชานยอลเดินยู่หน้าเข้ามาหาเซฮุนที่กวักมือเรียกให้ไปลงนั่งที่เก้าอี้ข้างๆ
“แล้วเอาอะไรมาเยอะแยะน่ะชานยอล กระเป๋านายใหญ่กว่าฉันอีก” คยองซูทำตาโตมองกระเป๋าที่คริสยกขึ้นมาวางไว้บนโต๊ะทานข้าวในโรงอาหารที่ตอนนี้ถูกจับจองโดยเด็กชมรมบาสเกตบอล
“ก็เราไปเข้าค่ายหนึ่งอาทิตย์ใช่ไหมล่ะ~ ฉันก็เลยเอาชุดใส่เล่นน้ำมาเจ็ดชุดเลย แถมเผื่อไว้เล่นตอนเย็นอีกเจ็ดชุดด้วย” บอกไปก็ยิ้มไปแต่คนที่ไม่ยิ้มด้วยนะเซฮุนกับไคเลย
“มึงกะจะทำให้ไอ้โด้มันดำเป็นไอ้ไคสองเลยว่างั้น?”
“อ้าวไอ้เชี่ยฮุน พาดพิงกูนะ ... แต่ถ้าคยองซูผิวสีแทนก็ดีนะเซ็กซี่ดี” แล้วไคก็หัวเราะเสียจนตัวเอน แต่คยองซูกลับฟาดมือลงที่ต้นแขนของคนข้างกายแรงๆ
“น่าสงสารคริสเนอะ ต้องมาคอยแบกกระเป๋าหนักๆให้ไอ้หูกางมัน” เซฮุนยกแขนขึ้นเท้าคางกับโต๊ะโดยมีชานยอลทำหน้ายู่ใส่และคริสที่นั่งยิ้มๆอยู่หัวโต๊ะ
“ไม่หรอก ต่อให้หนักกว่านี้ฉันก็แบกไหว” ก็ไม่รู้ทำไมแต่ทุกคนบนโต๊ะกลับอมยิ้มขำๆกันแต่ชานยอลกลับรู้สึกเขินหน้าร้อนกับประโยคนั้นและสายตาที่มองจ้องมา ก็แล้วจะมองมาทำอะไรเล่า!!
“ดะ..ดี งั้นแบกไปเลย!!” แล้วชานยอลก็ลุกขึ้นจากโต๊ะไปยังร้านขายขนม ทิ้งให้คนทั้งโต๊ะมองตามแล้วก็หลุดเสียงหัวเราะออกมา ไม่ใช่ว่าเซฮุน คยองซูและไคจะมองไม่ออกว่าไอ้เจ้าเพื่อนใหม่นี่จีบเพื่อนตัวสูงโย่งแต่ก็ว่านะ ก็แค่หยอดพอเป็นพิธีแต่ถ้าจะให้มากกว่านี้เซฮุนกับไคก็คงไม่ยอม ก็สองคนนี้น่ะหวงเพื่อนยิ่งกว่าจงอางหวงไข่แล้วยิ่งเป็นชานยอลด้วยแล้ว ต่อให้ตายกูสองคนก็จะเป็นผีมาตามเฝ้าไอ้หูกาง!! ส่วนไอ้เหลือกนั้นได้ผีตัวดำเป็นสามีแล้วก็คงหมดห่วง
รถบัสของโรงเรียนสองคันค่อยๆเคลื่อนตัวออกจากโรงเรียน เซฮุน ไคจับให้ชานยอลและคยองซูมานั่งด้วยกันที่ด้านหลังที่เป็นที่นั่งสี่ที่พอดีโดยมีชานยอลกับคยองซูนั่งกลางและเซฮุนกับไคขนาบข้าง เซฮุนกับไคนั่งกอดอกยักคิ้วให้ร่างสูงยาวที่เพิ่งเดินขึ้นรถมาก็อย่างว่าเซฮุนไวเสมอในเรื่องการฉกชานยอลออกมาจากอกคริส
ชายหนุ่มเลยเลือกที่จะนั่งเบาะหน้าของทั้งสี่คน ใบหน้าหล่อคมหันมองออกนอกหน้าต่าง ไม่ใช่เพราะทิวทัศน์ด้านนอกมีอะไรที่น่าสนใจหรอกแต่เพราะในบานกระจกสะท้อนเงาของทั้งสี่คนด้านหลังตนตั้งหาก ใบหน้าหวานที่หลับตาพริ้มซบไหล่ของเซฮุนทำให้คนที่แกล้งทำเป็นนั่งนิ่งหันมองนอกหน้าต่างหงุดหงิดยิ่งนัก แล้วสองมือที่กอดแขนของเซฮุนและมือที่ลูบกลุ่มผมนิ่มนั้นทำให้คริสไม่พอใจอย่างมาก คนอื่นๆที่หันกลับมาหวังจะแบ่งขนมให้ก็ต้องรีบหันกลับไป ไม่มีใครกล้าหันไปด้านหลังอีกเลย เพราะใบหน้าด้านข้างของสมาชิกใหม่ในชมรมนั้นช่างน่ากลัวยิ่งนัก
ตลอดการเดินทางนั้นชานยอลก็หลับตลอดทางและแน่นอนที่คริสก็หันมองนอกหน้าต่างตลอดทางจนเซฮุนกับไคที่แอบส่งสายตาคุยกันตลอดทางกลัวว่าคนตรงหน้าจะคอเคล็ดไปเสียก่อน เมื่อถึงที่หมายเซฮุนก็ทำการปลุกชานยอลที่นอนโคตรขี้เซา ส่วนคยองซูน่ะเหรอเพียงแค่ไคกระซิบเรียกชื่อข้างหูตาโตๆนั้นก็ลืมขึ้นเสียแล้ว แต่เซฮุนทั้งเขย่า ทั้งเรียกชานยอลก็ไม่ยอมตื่น คริสเลยลุกขึ้นจากที่นั่งแล้วมาหยุดยืนตรงหน้าชานยอล
“ปาร์คชานยอล” เพียงแค่เสียงเรียกนิ่งๆ เปลือกตาบางที่ปิดก็ค่อยๆลืมขึ้น สองแขนที่กอดเซฮุนไว้เอื้อมมือมากอดเอวคนตรงหน้าแทนแล้วซุกหน้าลงกับหน้าท้องของคนปลุก ฝ่ามืออุ่นลูบกลุ่มผมนิ่มเบาๆของแมวขี้เซาช่างอ้อน
“ตื่นได้แล้ว” ใบหน้าน่ารักที่ซุกกับหน้าท้องส่ายหน้าไปมา
“อย่าให้ต้องดุ .. หรือจะให้อุ้ม” คนที่ยังซุกหน้าอ้อนๆพยักหน้ารับ ทั้งสามคนที่ยังเหลืออยู่บนรถนั่งมองเพื่อนสุดหวงและเพื่อนใหม่ที่ยืนปลุกกันนี้ด้วยใบหน้าที่บ่งบอกว่าคุณพ่อสุดหล่อทั้งสองอยากจะบีบคอลูกชายตัวเองให้ตายเดี๋ยวนี้ มึงไปอ้อนมันได้ยังไงวะ!!
“ไม่อุ้มอย่างเดียวนะ แต่...” แค่ได้ยินคำว่าแต่ คนตื่นยากก็เงยหน้าทำหน้ายู่ใส่คนปลุกแล้ว
“ตื่นแล้วๆ ลงไปกันเถอะอยากเล่นน้ำแล้ว” เมื่อชานยอลลุกเดินลงจากรถ คริสก็ตามไป และอีกสามหน่อที่ยังคงนั่งมองหน้ากันไปมา
“แม่งไอ้หูกาง กูปลุกมันมาเป็นสิบนาที ไอ้สูงนั่นมายังไม่ถึงสามนาทีไอ้กางแม่งตื่นแล้วอ่ะ!!” โอเซฮุนคุณพ่อแสนหวงลูกกลับทำหน้าเง้าหน้างอ พอๆกับไคที่ทำหน้าหงุดหงิดไม่แพ้กัน
“เอาเหอะน่าลงรถกันเหอะ ก็แค่ลูกสาวจะออกเรือนทั้งทีคุณพ่อทั้งสองก็ยอมๆหน่อยเถอะนะ”
ชานยอลที่เดินลงรถมาก่อนก็เดินตรงดิ่งไปยังทะเลทันที ไม่รอแล้วกระเป๋าเสื้อผ้าหรือแม้แต่เสียงเรียกรวมกลุ่มของครูฝึกจอมโหด คริสเดินเอากระเป๋าไปรวมไว้กับคนอื่นๆก่อนจะเดินออกมาตามคนอยากเล่นน้ำทะเลมา ชานยอลเดินเตะน้ำพร้อมกับหัวเราะอย่างสนุกสนาน หยาดน้ำที่โดนเตะกระจายเป็นวงกว้างก่อนที่จะกระเซ็นไปโดนตัวคนเตะ เสียงทุ้มส่งเสียงหัวเราะอย่างชอบใจและก่อนที่จะได้ก้าวเดินเท้าที่ยืนอยู่บนทรายข้างเดียวก็โดนน้ำซัดเข้ามาแทบหงายหลัง
“อ๊ะ~” คนที่คิดว่าตัวเองจะหงายหลังก้นจำเบ้าลงน้ำแน่ๆกลับโดนใครบางคนที่ยืนอยู่ด้านหลังคว้าแขนไว้ทั้งสองข้าง ดวงตากลมแหงนขึ้นมองคนที่รับตนไว้ ใบหน้าหล่อคมก้มลงมองสบตาแล้วส่งรอยยิ้มให้ คริสค่อยๆพยุงให้ชานยอลยืนดีๆก่อนจะเอื้อมมือทัดปอยผมข้างแก้มขึ้นทัดหู
“เข้าห้องพักก่อนสิค่อยมาเล่นน้ำ” คนโดนสั่งพองแก้มสองข้างก่อนจะยืนกอดอกแล้วส่ายหน้าไปมา หมายว่ายังไงก็จะเล่นน้ำให้ได้
“ไปเปลี่ยนชุดสิแล้วเดี๋ยวลงมาเล่นน้ำกัน” นัยน์ตากลมทอแววระยิบระยับคล้ายดาวนับล้านดวงส่องแสง
“จริงนะ งั้นไปเปลี่ยนชุดกัน!” แล้วชานยอลก็ลากคริสไปยังห้องพักทันที คนตามใจก็เดินตามไปเงียบๆ
คริสสะพายทั้งกระเป๋าตัวเองและกระเป๋าของคนที่เดินนำพร้อมกับควงกุญแจไขห้องพักเล่นอยู่ด้านหน้าเดินตามคนที่กำลังฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดี ชานยอลไขกุญแจเข้าห้องไปก่อนที่จะเดินไปเปิดผ้าม่านเพื่อให้แสงสว่างลอดผ่านเข้าห้องและเพื่อมองวิวทะเลด้านนอก กลีบปากอิ่มวาดรอยยิ้มอย่างถูกใจแม้ว่าห้องนี้จะเป็นห้องสุดท้ายที่เหลือไว้ให้แต่ทว่าวิวทิวทัศน์ด้านนอกกลับสวยงามมากเสียจนต้องยิ้มกว้างๆอย่างถูกใจ
ร่างสูงยาววางกระเป๋าทั้งหลายเหล่ไว้บนเตียงใหญ่ก่อนจะเดินมายืนซ้อนหลังคนที่ยืนทำหน้าตื่นเต้นเกาะบานกระจก สองมือค่อยๆสอดเข้ากอดเอวเล็กแล้ววางคางเกยไหล่บางไว้แผ่วพลิ้วเมื่อเห็นว่าคนในอ้อมแขนไม่มีปฏิกิริยาตอบโต้แขนยาวก็ลงแรงกอดกระชับคนที่ยังเกาะกระจกเป็นลูกลิงแล้วฝังคางลงที่ไหล่บางเสีย ด้วยเพราะกายบางยังไม่รู้สึกตัวว่าโดนกอดหรอกถึงไมได้หันมาเสยปากเข้าให้
ก็ใช่ว่าคริสจะไม่เคยโดนนะ ร่างสูงเคยเข้าไปปลุกชานยอลถึงห้องนอนด้วยคำสั่งของมารดาของคนขี้เซา ปลุกเท่าไหร่ก็ไม่ยอมตื่นเลยยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆหมายว่าจะแกล้งแต่เจ้าตัวดีกลับลืมตาขึ้นมาเสียนี่ ด้วยความตกใจก็เสยปากเข้าให้แถมแรงถีบที่ท้องอีกเล่นเอาจุกไปหลายวัน เห็นตัวบางๆจะปลิวลมแบบนี้แต่มือหนักเท้าหนักอย่าบอกใครเลย
“เปลี่ยนชุดสิเดี๋ยวลงไปเล่นน้ำกัน” ชานยอลที่กำลังจะหันมาถามคนด้านหลังก็ชะงักเมื่อหันมาแล้วปากของตนก็เฉียดผ่านกลีบปากได้รูปไปเพียงนิด แก้มกลมแดงเรื่อก่อนจะปัดอ้อมแขนนั้นออกแล้วเดินไปเปิดกระเป๋าเสื้อผ้าคุ้ยๆหาเสื้อผ้าแล้วเข้าห้องน้ำไปเปลี่ยนเสื้อผ้า คริสเองก็เปิดกระเป๋าออกมาหาชุดใส่ลงเล่นน้ำแล้วเปลี่ยนเช่นกัน แต่ไม่ลืมหยิบผ้าขนหนูออกมาเตรียมไว้ด้วย
“เสร็จแล้วไปเล่นน้ำกันเถอะ” แล้วเจ้าตัวที่สวมเสื้อแขนยาวเนื้อบางสีขาวกับกางเกงสีดำสั้นแค่เข่าก็กระโดดออกมาจากห้องน้ำ ดวงตาคมมองชุดเล่นน้ำของคนข้างตัวแล้วก็ขมวดคิ้วมุ่น
“ใครให้เอาเสื้อตัวนี้มาใส่เล่นน้ำ” ชานยอลขมวดคิ้วแล้วเอียงคอมองอีกคนที่ถามเสียงนิ่งๆ
“ทำไมล่ะ? เท่ดีออก มาเล่นน้ำทะเลก็ต้องใส่สีขาวสิ~” ทฤษฎีบ้านไหนบอกก็ไม่รู้ รู้แต่ว่าคริสไม่ชอบเอามาก ไม่ชอบเอามากๆเสียด้วย
“ไปเปลี่ยนชุดเดี๋ยวนี้” ชานยอลยู่หน้าก่อนจะสะบัดหน้าหนี
“ไม่เปลี่ยนฉันจะใส่ชุดนี้!” ชานยอลหมายว่าจะเดินออกจากห้องไปแต่โดนเพื่อนร่วมห้องคว้าข้อมือไว้เสียก่อน
“ไปหาเสื้อสีใส่ ห้ามใส่เสื้อขาวลงทะเลเด็ดขาด” ชานยอลหันมองก่อนจะแบะปากใส่แล้วส่ายหัวจนเส้นผมสีอ่อนกระจายไม่เป็นทรง
“ถึงให้เปลี่ยนก็ไม่มีสีอื่นหรอก ก็เอามาแต่สีขาวนิ” คริสถอนหายใจก่อนจะเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวจากในกระเป๋าเป้ของตนมาคลี่แล้วเอาห่มคลุมร่างนั้นไว้
“คลุมไว้ ถ้าไม่คลุมก็ห้ามลงเล่นน้ำเด็ดขาด” ด้วยสายตาและน้ำเสียงที่เฉียบขาด ชานยอลก็เลยต้องทำตามแต่โดยดีเพราะไม่เช่นนั้นก็จะอดเล่นน้ำ
“ก็ได้ครับคุณพ่อ!!” รอยยิ้มประดับที่มุมปากบางๆก่อนจะจับจูงคนตัวบางออกจากห้องพักไปเล่นน้ำ
เมื่อลงมาถึงหาดทรายสีน้ำตาลอ่อน แม้จะไม่นิ่มและละเอียดแต่ก็ไม่หยาบเกินที่ฝ่าเท้าเปลือยจะสัมผัส ใบหน้าน่ารักยิ้มกว้างอย่างถูกใจเมื่อถอดรองเท้าย่ำลงบนทรายแล้วนิ่มเท้าอยู่ไม่น้อย ชานยอลวิ่งกางมือรับลมทะเลแล้วลงไปเตะน้ำเล่นทันที คนที่เดินตามมาส่ายหัวน้อยๆก่อนจะหยิบผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่ที่ถูกโยนทิ้งขึ้นมาพับให้เรียบร้อยแล้ววางทับลงบนรองเท้าของเขาและชานยอลที่ถอดวางคู่กันก่อนจะเดินตามไปหาคนที่หัวเราะคิกคักกับคลื่นทะเลที่ซัดสาดเข้ามา
ชานยอลที่เล่นเตะน้ำอยู่ก็สะดุ้งโหยงเมื่ออยู่ๆก็มีน้ำสาดมาโดนตัวและใบหน้า ใบหน้าน่ารักหันมองที่มาของน้ำสาดนั้นก่อนจะกวักน้ำสาดคืนบ้าง สองขายาวย่ำหนีพร้อมกับสาดน้ำคืน เสียงหัวเราะของทั้งคู่สอดประสานดังขึ้นพร้อมกับชานยอลที่สะดุดลงลมจมน้ำที่ตนวิ่งหนีมาถึงระดับเอว กลุ่มผมสีอ่อนที่ลู่ล้อมกรอบโครงหน้า สองมือขาวยกมือขึ้นปัดน้ำออกจากใบหน้าก่อนจะกวัดสาดใส่ร่างสูงที่เดินเข้ามาหาเสียห่าใหญ่
“อย่าวิ่งตามมาเซะ!!!” ชานยอลวิ่งหนี โดนคลื่นซัดลงน้ำก็หลายครั้งแต่คริสก็ยังตามที่จะมาแกล้งสาดน้ำใส่
“ก็อย่าวิ่งหนีสิ!!” ไม่วิ่งหนีก็โดนจับกดลงน้ำน่ะสิ ใครละจะไม่วิ่ง เพราะฉะนั้นชานยอลก็จะวิ่งหนี
“จับได้แล้ว” คริสคว้าข้อมือชานยอลไว้แต่คนตัวเตี้ยกว่ากลับหันมาผลักชายหนุ่มที่เปียกแต่ไม่ทั้งตัวแบบตนลงน้ำแต่ชานยอลลืมไปหรือเปล่าว่าสองมือของตนโดนมือใหญ่จับไว้อยู่ ชานยอลกับคริสล้มลงในน้ำด้วยกัน ทั้งคู่โผล่พ้นขึ้นน้ำมาหอบหายใจก่อนที่จะมองหน้ากันแล้วหัวเราะเสียงดัง ชานยอลสาดน้ำคริสอีกห่าใหญ่ สองมือของคริสป้องหน้าไม่ให้โดนหน้าพร้อมกับหลับตาเบี่ยงหน้าหนี เมื่อห่าน้ำนั้นหยุดชายหนุ่มก็ลืมตาขึ้นมองแต่กลับไม่เห็นชานยอลเลยในสายตา
“นี่แน่ะ!!!” เสียงทุ้มมาพร้อมกับสองมือที่ตวัดโอบรอบคอแล้วแรงที่ถาโถมมาจากด้านหลังและครั้งนี้ทั้งคริสและชานยอลก็ลงน้ำไปด้วยกันทั้งคู่ ชานยอลรีบลุกขึ้นมาแล้ววิ่งหนีขึ้นจากน้ำแต่คริสก็ตามมาคว้าตัวไว้ได้ทันก่อนจะจับอุ้มแล้วโยนลงน้ำ
“กล้ามานะ ตายซะเถอะ!!!” ชานยอลวิ่งเข้าใส่คริสที่ยืนรอรับอยู่แล้ว แล้วคริสก็หงายหลังลงน้ำพร้อมกับชานยอลที่พยายามกดคริสให้จมน้ำ แต่น้ำสูงแค่ขาก็คงจะจมหรอกเนอะ
“จะหนีไปไหนชานยอลกลับมาให้ลงโทษซะดีๆ” ชานยอลวิ่งหนีแต่คริสก็วิ่งตาม น้ำแค่ขาไม่เป็นอุปสรรคต่อการวิ่งหนีแน่นอน เสียงหัวเราะของทั้งคู่สอดขึ้นเป็นระลอกๆ ทำให้บรรยากาศแถวนั้นดูอบอุ่นขึ้นทันตา
“หยุดก็บ้าแล้ว ... เหวอ~” แล้วชานยอลก็โดนดึงกลับไปชิดอกของคนวิ่งไล่แต่ทว่าน้ำหนักที่โถมลงไปก็ทำให้ทั้งคู่หงายหลังลงไปอีกครั้ง... และปากของทั้งคู่ก็บรรจบแนบสนิทกัน ดวงตาโตเบิกกว้างอย่างตกใจ สองแขนยาวของคริสโอบร่างเล็กกว่าให้แนบชิด ชานยอลที่ยังหลงเหลือสติอีกเพียงนิดยันกายขึ้นก่อนจะลงไปนั่งสติหลุดอยู่ข้างๆ คริสหันมองคนที่ย้ายตัวไปลงนั่งบนพื้นทรายด้วยใบหน้าแดงสีจัด ดวงตาและกลีบปากก็อ้ากว้าง ร่างสูงกว่าลุกขึ้นนั่งยองๆแล้วหันหลังให้คนที่ยังนั่งสติหลุดลอย
“ขี่หลังไหม” ชานยอลหันมองแผ่นหลังกว้างที่เสื้อสีน้ำเงินเข้มเปื้อนทรายก่อนจะตอบรับคำชวนนั้นเบาๆแล้วขยับตัวเอื้อมแขนออกไปโอบรัดลำคอของใครอีกคน ที่ขี่หลังคนตรงหน้าชานยอลยังไม่รู้ตัวเลยว่าตอนนี้ทำอะไรลงไป แขนยาวช้อนล็อคเข้าไปใต้ข้อพับขาก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วกระชับในบนหลังแล้วออกเดินเล่นไปตามแนวทราย เดินไปเรื่อยๆ ... จนกว่าคนบนหลังจะรู้สึกเหนื่อย
“อื้อ...” เสียงทุ้มครางแผ่วเบา ไม่รู้ว่าคนบนหลังนั้นครางเพราะเหตุใด แก้มที่แนบกันอยู่นี้คริสรับรู้ได้เลยว่ามันร้อน ร้อนเสียจนแก้มของเขานั้นร้อนตามไปด้วย ลมทะเลพัดเอื่อยมาปะทะสองร่างที่ยังคงเดินเล่นช้าๆตามแนวหาดทราย แสงอาทิตย์ค่อยๆอ่อนแสงลง ท้องฟ้าวันนี้ก็สดใสและสวยกว่าทุกวัน ....บรรยากาศช่างเป็นใจยิ่งนัก..
“ชานยอล” เสียงทุ้มเอ่ยเรียก เจ้าของชื่อกระชับสองแขนที่โอบรอบลำคอไว้ให้แน่ก่อนจะขานรับในลำคอตอบรับเบาๆ
“เรา.... มาคบกันไหม" คล้ายกับช่วงเวลานั้นหยุดหมุนและหัวใจที่เต้นอยู่ในอกก็เต้นรัวเร็วเสียจนคนบนหลังสัมผัสได้ แก้มขาวร้อนและแดงเรื่อขึ้นอีกครั้ง ชานยอลก้มหน้าลงซุกกับไหล่หนาอย่างเขินอายและนานพอดูกว่าที่เสียงทุ้มแหบของใครอีกคนจะตอบกลับคำถามนั้น
“ก็... เราไมได้คบกันอยู่เหรอ อื้อ... รีบกลับเถอะหนาวแล้ว” คริสหัวเราะในลำคอก่อนจะหมุนตัวเดินกลับไปทางเดิมที่เดินมาเพื่อไปหยิบผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่ส่งให้คนด้านหลังคลุมตัวไว้และตัวเขาก็หิ้วรองเท้าสองคู่กลับห้องพัก หัวใจของคริสและชานยอลเต้นรัวเร็วเสียจนคนทั้งคู่สัมผัสได้ หัวใจที่เต้นสะท้อนเป็นจังหวะเดียวกัน รอยยิ้มของคนทั้งคู่ที่ประดับอยู่บนใบหน้านั้นกำลังวาดยิ้มอย่างมีความสุข ...
ห่างออกไปไม่ไกลใต้ต้นไม้ใหญ่ที่ชานยอลและคริสไม่เห็น เพื่อนรักทั้งสามที่นั่งอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่กลับมองเห็นเหตุการณ์ทุกเหตุการณ์ได้ชัดเจน ทั้งสามมองจับจ้องตั้งแต่คนคู่นั้นเดินมาถึงชายหาดแล้วจนชานยอลขี่หลังเอาผ้าคลุมตัวกลับขึ้นห้องพักไปกับเด็กใหม่นั่นแล้ว ทั้งเซฮุนและไคที่นั่งมองทะเลคุยกันเพลินๆก็ชักจะไม่เพลินล่ะเมื่อทั้งสองวิ่งไล่จับกัน ซ้ำยังจะมาขี่หลังอีกแล้วชานยอลก็ยอมขี่หลังมันไปง่ายๆเสียอีก
“ไอ้เชี่ยนั่น!!” กิ่งไม้ในมือที่เซฮุนเอามาเขี่ยทรายเล่นถูกหักคามือ ใบหน้าแสนนิ่งนั้นดูโมโหมาก
“กูอยากพุ่งชนเรดเบิร์ดชิบ!!” และไคที่กำทรายแน่นก่อนจะปาทรายออกไปอย่างอารมณ์เสีย คยองซูที่นั่งอยู่ตรงกลางหันมองซ้ายขวาของคุณพ่อจอมหวงแล้วก็ถอนหายใจเสียเฮือกใหญ่
“เอาน่าคุณพ่อจอมหวงทั้งสอง ลูกสาวนายจะออกเรือนทั้งทีอย่าทำลายความรักของลูกพวกนายเลย~”
“ไม่!!!!” เซฮุนกับไคตะโกนออกมาพร้อมกัน คยองซูเองก็ได้แต่ยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ หวังว่าจะไม่เข้าไปวุ่นวายหรอกนะคุณพ่อจอมหวง! ก็ใครกันล่ะไปเปิดทางให้เขาแต่แรกพอเขาเล่นด้วยก็หวงขึ้นมาซะงั้น เฮ้อ~ ...
แต่ทำไมดูทุกคนไม่ไว้ใจเราแบบนั้นล่ะ โห้ยยยยยยยยย เราออกจะเชื่อถือได้นะเอาจริงๆ #จริงเหรอ
เราออกจะน่ารัก เรียบร้อย นี่พูดเลยนะ ก๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกก
ข่าวดีของเรามาแล้วค่ะ เรากำลังคิดว่าเราจะทำซีรีย์เรื่องนี้เป็นรูปเล่ม มีใครสนใจบ้างไหมคะ? ;A;
ถ้ามีคนสนใจเยอะเดี๋ยวรอบหน้าเราจะมีบอกรายละเอียดเพิ่มเติมนะคะ ^^ *โค้ง* ถึงเราจะนิสัยไม่ดี (ชอบแกล้งทุกคน) แต่เรารักทุกคนนะ~~~ *โปรยจูบรัวๆ*
______________________
“เฮ้ย!!!!” สายตาทุกคู่จับจ้องไปยังร่างสูงยาว ผมสีทองตรงหน้าที่ยืนเคียงข้างครูฝึกประจำชมรมบาสเกตบอล และแน่นอนคนที่ตะโกนเสียงดังอย่างนี้มีแค่คนเดียว
“เป็นอะไรชานยอล?” เสียงเข้มเอ่ยถาม ชานยอลหันมองใบหน้าของครูฝึกแล้วก็ส่ายหน้าไปมาอย่างตื่นตกใจว่าไอ้คนที่ครูฝึกพูดว่าเห็นแววดีเลยเอามาเข้าชมรมนี่คือ.... ไอ้หน้าแองกรี้เบิร์ดนี่อ่ะนะ!!!!! ดูมันๆ ยังมีส่งยิ้มกวนเบื้องล่างมาให้อีก ไอ้หน้าแองกรี้เบิร์ดสีแดง!!!
“เออไหนๆก็มีสมาชิกใหม่แล้วดูแลเพื่อนใหม่ด้วยแล้วก็หวังว่าจะไม่ลืมเรื่องเข้าค่ายของชมรมเรานะ”
“ห๊ะ!!!! เข้าค่าย!!!!!!” เด็กทุกคนตะโกนโวยวายเมื่อได้ยินคำว่าเข้าค่าย ครูฝึกกอดอกแล้วเอียงคอนิดๆ
“นี่ฉันยังไม่ได้บอกอีกเหรอ?” เด็กทุกคนโวยวายว่าครูฝึกนั้นยังไมได้บอก
“เออๆ ไปๆคริสไปนั่งกับเพื่อนๆไป เดี๋ยวฉันไปหยิบใบอนุญาตผู้ปกครองก่อน” ร่างสูงยาวเดินมาลงนั่งข้างหน้าและหันหน้าเข้าหาชานยอล เจ้าตัวเองก็ผงะตกใจ
“มานั่งนี่ทำไม ไปนั่งโน้นสิ!” ชีโบ้ชี้เบ๊ไปทางอื่นแต่คนตรงหน้ากับยกยิ้มมุมปาก ซึ่งหลายคนอาจจะมองว่าหล่อบาดแต่สำหรับชานยอลโคตรกวนเบื้องล่างให้กระตุกเลย
“ไม่ไป” สองพยางค์สั้นๆ ง่ายๆแต่โคตรเท้ากระตุกเลย ชานยอลถลึงตาโตของตัวเองมองคนที่นั่งประจันหน้าแล้วอยากจะยันให้สักโครม
“ตาจะหลุดออกมาอยู่แล้วน่ะ” ชานยอลยกมือปิดตาของตัวเองก่อนจะแล่บลิ้นใส่คนตรงหน้า ซึ่งก็ได้เสียงหัวเราะเบาๆกลับมา
“เอ้าๆ ฉันมาแล้วไอ้พวกลูกลิงทะโมน” เสียงดุเข้มของครูฝึกดังมา คริสที่นั่งหันหลังเลยต้องเปลี่ยนเป็นนั่งหันหน้าให้ แต่ก็ไม่ยอมขยับไปไหน ชานยอลมองแผ่นหลังกว้างตรงหน้าที่นั่งบังตนมิดแล้วก็อยากจะสกายคิกใส่แต่ก็ติดที่ว่าทำไม่ได้
“ครั้งนี้เราจะไปเก็บตัวซ้อมกันที่ทะเลนะ” แค่คำว่าทะเลลูกลิงทั้งหลายก็ร้องเฮโลกันใหญ่
“เฮ้ยๆ อย่าเพิ่งเฮฟังให้จบก่อน .... ถึงจะเป็นทะเลแต่การฝึกครั้งนี้ของเราจะหนักขึ้นด้วยเพราะเป็นการแข่งระดับจังหวัดเพื่อคัดเลือกไปแข่งในระดับประเทศล่ะ” คำว่าฝึกหนักมันริดรอนพลังงานชีวิตของเหล่าเด็กน้อยทั้งจริงๆแต่ก็เว้นไว้เสียสองคนนะ ชานยอลกับคยองซูนั่งคุยกันว่าจะเล่นน้ำให้ตัวคำกันไปเลย~
“เอ้าลงชื่อกันซะ ฉันจะได้เอาไปให้ท่านผอ.แล้วก็ใบขออนุญาตพรุ่งนี้ก็เอามาส่งด้วยนะ” ครูฝึกส่งใบให้เซ็นชื่อไปที่ร่างสูง ชานยอลเองก็อยากเซ็นเพราะคนตรงหน้านี่เขียนช้าชะมัดยากเลย!~ ชานยอลเลยเกาะไหล่แล้วยืดตัวมองข้ามไหล่คนข้างหน้าไปมองว่าทำไมชายหนุ่มที่ได้ชักช้านักนะ
“อ๊ะ...” อุทานออกมาเบาๆแต่คริสที่ก้มหน้าก้มตาอยู่ก็ไม่ได้สนใจอะไรกลับยกยิ้มเสียด้วยซ้ำที่มีลูกลิงมาเกาะหลังแบบนี้ ชานยอลมองอีกคนที่ค่อยๆเขียนชื่อของตนแล้วกลีบปากอิ่มก็วาดรอยยิ้มออกเพียงนิด นิดเดียวจริงๆแต่ไม่รู้ทำไมดวงตากลมเกิดยิบหยีเสียนี่ ทั้งสองคงไม่รู้หรอกว่าท่าทางเหล่านั้นน่ะ คนทั้งชมรมมองแล้วก็ยิ้มกันหมดละ
“อะไรเนี่ย แล้วก็เพิ่งมาบอกยังไม่ได้ซื้อเสื้อผ้าใหม่เลย” คยองซูคีบกิมจิเข้าปากแล้วเคี้ยวตุ๋ยๆให้ส่งให้ไคอดใจไม่ไหวให้หยิกแก้มป่องนั้นไป
“เดี๋ยวไคมันก็พาแกไปซื้อเองล่ะไอ้โด้” เซฮุนเหลือบมองเพื่อนตัวเล็กข้างกายที่ทำหน้าเง้าหน้างอ
“ไปด้วยดิ อยากได้เสื้ออ่ะไอ้กัมจง” ชานยอลเงยหน้าจากชามข้าวแล้วก็ยิ้มกว้างๆให้เพื่อนตัวดำ ไคหันมองก่อนจะส่ายหน้าอย่างระอา
“บอกกูทำไม ซื้อเองดิ บอกไอ้ฮุนโน้น~” แล้วไคก็พยักเพยิดหน้าไปทางเซฮุนที่นั่งตรงข้ามกับชานยอล ดวงตากลมหันมองเซฮุนก่อนจะยิ้มกว้าง
“กูรู้มึงรักกู ซื้อให้หน่อยดิสามแสนวอนเอง” เซฮุนอยากจะสบถและคว่ำโต๊ะจังกับไอ้คำว่าสามแสนวอนเองเนี่ย แต่ทว่าสายตาของเซฮุนก็มองเห็นคนข้างกายเพื่อนจอมกวนประสาทที่มองชานยอลไม่วางตา
“มึงก็บอกเพื่อนใหม่มึงสิ ใช่ไหมคริส” ชานยอลทำหน้าตกใจแล้วหันมองไอ้แองกรี้เบิร์ดที่ส่งยิ้มกวนๆ
“เอาสิ ฉันจ่ายให้ได้นะ” ก็แล้วกูอยากให้มึงจ่ายป่ะ? ถามกูป่ะ? ชานยอลหันไปมองคาดโทษไอ้เพื่อนตัวดีก่อนที่จะไม่ต่อบทสนทนาอีกเลย
จนจบมื้อเที่ยงนั้นชานยอลก็ไม่เอ่ยพูดอะไรอีกเลย กลัวว่าคนข้างตัวจะเอ่ยถามอีกว่าเราจะไปเที่ยวกันเมื่อไหร่ แล้วสามตัวป่วนก็วิ่งหนีหายโบกแท็กซี่กลับบ้านไปเลยทิ้งให้ชานยอลอยู่กับคริสสองคนที่ป้ายรถเมล์ คือจะตามก็ตามไม่ได้บ้านดันอยู่กันคนละทางอีก ชานยอลได้แต่กัดปากแล้วมองตามเพื่อนทั้งสามที่ยังไม่วายหันมาโบกมือให้จากในรถ โธ่ กลับมารับกันก่อนนนนนนนนนนน~
“ทำไมอยากนั่งแท็กซี่เหรอ?” แล้วคริสที่อมยิ้มขำก็โบกเรียกแท็กซี่แล้วยัดชานยอลเข้าไปนั่งก่อนที่จะตัวเขาจะตามเข้าไปนั่งข้างกันด้านหลังคนขับ
“เฮ้ย ใครบอกว่าจะขึ้น! นายเรียกนายก็จ่ายเองนะ!” ชานยอลสะบัดหน้าหนีไปอีกทาง หนีรอยยิ้มที่ส่งมาหา หนีอาการเต้นในอกที่แทบจะทะลุออกมา ก็แค่กลัวว่าใครอีกคนจะได้ยินมันก็เท่านั้น
“รู้แล้วน่า .. แล้วว่าแต่เราจะไปซื้อเสื้อนายเมื่อไหร่กันดี” ชานยอลสะบัดหน้ากลับมามองก่อนจะถลึงตาใส่
“ใครบอกว่าฉันจะไปซื้อกับนายกัน ไอ้แองกรี้เบิร์ด!” ขนาดถูกว่าคริสก็ยังยิ้มได้ จิตไม่ปกติหรือเปล่าวะ? เมื่อความคิดในหัวตกตะกอนชานยอลก็เขยิบติดประตูรถหนีคนข้างกายทันที
“ก็นายไงที่บอก” คริสเอื้อมจับมือขานยอลแล้วดึงให้อีกคนเข้ามาใกล้ ใบหน้าน่ารักยู่หน้า
“ไปบอกตอนไหนกัน!” คริสคลี่รอยยิ้มแล้วมองจ้องสบเข้ากับลูกแก้วสีอ่อนตรงหน้า แก้มกลมค่อยๆแดงเรื่อบางๆ
“เมื่อกี้ไง ... ว่างเมื่อไหร่ก็บอกนะ” ปากอิ่มยู่เข้าหากันก่อนจะสะบัดมือที่จับมือของตนไว้ออก
“อย่ามาขี้ตู่ ฉันไม่ไปกับนายหรอก ฉันจะไปกับไอ้ฮุน” ว่าแล้วก็สะบัดหน้าหนี
“ฉันว่าเพื่อนนายไม่ไปหรอก เสาร์นี้ไปซื้อเสื้อนายกัน ฉันจะไปซื้อเสื้อของฉันด้วย” แม้ว่าจะนึกหมั่นไส้ไอ้คนข้างหลังแต่ทว่าแผนการแกล้งคนข้างกายก็ผุดขึ้นมาในสมองอย่างรวดเร็ว กลีบปากอิ่มวาดรอยยิ้มร้ายกาจขึ้นแต้มใบหน้าที่ดูเจ้าเล่ห์ขึ้นมาทันตา แกได้จ่ายหมดตัวแน่ไอ้หน้าแองกรี้เบิร์ด!
“ก็ได้ๆ เห็นแก่นายหรอกนะที่ชวน” คนที่หันหน้าหนีไปอีกทางได้แต่พยักหน้าพร้อมกับเอ่ยบอกเสียงอย่างเสียไม่ได้ แต่ความจริงเรียวปากนั้นกำลังยิ้มร้าย คริสที่มองคนข้างกายเองก็ยิ้มมองคนที่ต้องคิดอะไรอยู่แน่ๆไม่เช่นนั้นคงไม่ตบปากรับคำง่ายๆแบบนี้หรอก... เดี๋ยวก็มาดูว่าใครจะโดนแกล้งกันแน่
เปลือกตาบางค่อยๆลืมเปิดขึ้นหลังจากฝันที่ฝันซ้ำๆแต่วันนี้กลับแปลกไป เสียงทุ้มนั้นคุ้นหูมากและประโยคถัดไปที่ได้ยินเป็นเสียงของตัวเอง ชานยอลมั่นใจมากว่าเสียงที่ตอบรับคำบอกรักนั้นเป็นเสียงของตัวเองแน่ๆ ถ้อยคำตอบกลับคำรักที่เพียงได้พูดก็รู้สึกอบอุ่นไปทั้งหัวใจ แม้ว่าจะเป็นเพียงฝันแต่หัวใจก็ยังคงเต้นรัวกับประโยคตอบรับแสนสั้นนั่น
…ข้าก็รักท่าน คุณชายอี้ฟานของข้า...
“อี้ฟาน.... ใครกันนะ” แม้ว่าวันนี้จะเป็นวันเสาร์ เป็นวันหยุดแต่มารดาของตนก็ยังมาตามให้ลงไปกินข้าวเช้าและแน่นอนที่จะต้องพ่วงใครอีกคนมาด้วย อยากจะเหวี่ยงก็เหวี่ยงไม่ออกก็ไอ้หน้าแองกรี้เบิร์ดนี่คุยยิ้มหัวเราะอย่างสนุกกับบิดาของตนที่นั่งคุยเรื่องข่าวสานบ้านเมืองอยู่น่ะสิ เผลอด่าออกไปพ่อเอาหนังสือพิมพ์ฟาดหัวตายเลย
“วันนี้จะไปเที่ยวกันก็อย่ากวนเขามากล่ะรู้ไหมชานยอล” เสียงของบิดาเอ่ยขึ้นหลังจากที่ชานยอลหย่อนกายลงนั่งที่เก้าอี้ตัวประจำ แก้มกลมพองออกก่อนจะพยักหน้ารับ
“ฮะพ่อ จะไม่กวนเลยฮะ สักนิดเดียวก็จะไม่ฮะ~” บิดาแย้มยิ้มแต่คริสกลับมองว่าประโยคนั้นเชื่อถือไม่ได้สักนิดเดียว …. ลางบรรลัยเหมือนรอคอยคริสอยู่ข้างหน้าอย่างไรก็ไม่รู้
“มองอะไรล่ะ ถือสิ” คริสมองถุงกระดาษมากมายในมือก่อนจะมองถุงกระดาษที่ชานยอลยื่นส่งมาให้ ชานยอลยังยืนกรานที่จะยื่นถุงมาให้พร้อมกับแสดงสีหน้าที่ว่าแค่นี้ก็ถือให้ไม่ได้ ไหล่เล็กยักขึ้นอย่างไม่หยี่ระก่อนจะหมุนตัวกลับไปและถือถุงนั้นเอง
“เอามาสิ” ชานยอลหมุนตัวกลับไปแล้วยื่นถุงให้พร้อมกับรอยยิ้มกว้างๆ ซึ่งคริสเองก็ยิ้มตามแล้วรับถุงนั้นมาถือไว้เอง ถุงมากมายในมือน่ะเป็นของชานยอลทั้งนั้นและแน่นอนคนจ่ายจะรอดพ้นคริสคนนี้หรือ? ..... ก็ไม่น่ะสิ คิๆ
“จะซื้ออะไรอีกไหม” ชานยอลหันมองร่างสูงกว่าข้างกายก่อนจะโคลงหัวไปมาชักอยากจะซื้ออีกสักหลายๆร้าน แต่ทว่าก็สงสารกระเป๋าเงินของคนข้างกายเบาๆ
“ไม่รู้สิ เข้าร้านนั้นกัน” แล้วชานยอลก็เดินนำเข้าร้านไปก่อน ปล่อยให้คริสได้เดินถือถุงมากมายตามพร้อมกับยิ้มขำ ที่เสียเงินไปทั้งหมดน่ะเดี๋ยวจะจดลงสมุดแล้วเอาคืนทบต้นทบดอกเลยเชียวล่ะ..
“อือ.....” ชานยอลเดินไปรอบๆร้านเพื่อหาเสื้อผ้าที่ถูกใจโดยมีชายหนุ่มยืนหิ้วถุงยืนมองเสื้อผ้าอยู่อีกมุมหนึ่ง ดวงตาคมกวาดมองไล่ไปเรื่อยก็ไม่เห็นว่าจะมีเสื้อตัวไหนที่ถูกใจเลย คริสไม่ใช่คนเรื่องมากแค่เสื้อผ้าแบรนด์เนมแค่นี้เขาควักเงินซื้อได้อยู่แล้ว แต่ทว่าถ้าแบบไม่ถูกใจต่อให้ตัวนั้นฟรีชายหนุ่มก็ไม่หันมอง
“คริสหันมาหน่อยสิ” ร่างสูงยาวหมุนตัวไปตามเสียงเรียกก่อนจะเจอเข้ากับคนที่เตี้ยกว่าเพียงนิดยืนส่งยิ้มมาพร้อมกับเสื้อสามตัวในมือ ชานยอลหยิบเสื้อขึ้นมาทาบลงกับตัวของคนตรงหน้าทีละตัว เรียวคิ้วเลิกขึ้นก่อนจะเอียงคอมองทั้งสามตัวแล้วก็ตบท้ายด้วยรอยยิ้มกว้าง สาบานได้ว่าชานยอลไม่ได้ใจดี.. ก็แค่เลือกให้ตอบแทนที่วันนี้ซื้อเสื้อผ้าให้เยอะแยะนั่นแหละ~
“เอาสามตัวนี้นะ จ่ายเงินด้วยล่ะ~” แล้วเจ้าตัวก็เดินอารมณ์ดีไปวางเสื้อทั้งสามตัวบนเคาน์เตอร์เพื่อรอให้พนักงานคิดเงิน คริสเดินตามมาจ่ายเงินอย่างว่าง่ายก่อนจะมองเสื้อทั้งสามตัวนั้นที่พนักงานกำลังพับใส่ถุงกระดาษสีดำอย่างเรียบร้อย เสื้อสีขาวคอวีกับลายตัวอักษรเท่ๆสีดำ เสียคอกลมพื้นสีขาวที่มีลายสลับแนวขวางสีเทาและดำ กับเสื้อเชิ้ตสีขาวแขนยาวที่กระดุมเป็นสีดำสลับสีแดง ทั้งสามตัวนี้ไม่ได้อยู่ในโซนที่คริสมองแต่กลับรู้สึกชอบเสื้อสามตัวนี้แปลกๆ ทั้งๆที่ก็ไม่ได้พิเศษหรือเป็นแบบที่ชอบอะไรมากมาย
“ทำไมต้องเสื้อสีขาวล่ะ” เอ่ยถามพร้อมกับวางถุงลงบนพื้นแล้วล้วงหยิบกระเป๋าเงินออกมาหยิบการ์ดส่งให้พนักงาน ชานยอลหันกลับมาแล้วยู่หน้าอย่างไม่สบอารมณ์
“ก็ไม่รู้สิ แค่รู้สึกว่านายใส่สีขาวแล้วเท่ดีก็เท่านั้น .... ขอบคุณครับ” ชานยอลรับถุงจากพนักงานที่ส่งยิ้มเขินๆมาให้ แล้วเจ้าตัวก็เดินถือถุงนั้นตัวปลิวออกจากร้าน ก็แค่ถือถุงเสื้อนั้นอย่างดี ก็แค่ถือไว้กับตัว ก็แค่..เห็นว่าถุงมันสวยดีหรอก ... แก้มขาวค่อยๆซับสีจางๆกับคำพูดนั้น ร่างสูงยาววิ่งตามมาเดินข้างกันก่อนที่จะยกยิ้มเมื่อเห็นริ้วรอยสีแดงจางๆบนแก้มกลมๆนั่น
“ไปหาอะไรกินกันดีกว่า” ชานยอลพยักหน้ารับ เพราะไม่ว่ายังไงคนข้างกายก็ต้องเป็นคนจ่ายอยู่ดี
ร้านอาหารอิตาเลี่ยนที่ชานยอลเลือกและแน่นอนจะต้องเป็นร้านที่คิดว่าต้องแพงมากแน่ๆ ไม่เช่นนั้นชานยอลไม่เดินนำเข้ามาหรอก ทั้งสองนั่งตรงข้ามกันและเก้าอี้อีกสองตัวก็ถูกคริสนำถุงเสื้อผ้ามาวางไว้แทน จานเฟตตูชินีครีมซอสเห็ดกับไก่อบกับมันฝรั่งและมะนาวของชานยอลที่เพิ่งมาเสิร์ฟนั้นส่งกลิ่นหอมจนเจ้าตัวอดรอนทนไม่ไหวหยิบส้อมขึ้นมาม้วนเส้นยาวๆขึ้นกิน ใบหน้าน่ารักยิ้มอย่างพอใจกับรสชาติของอาหาร ใจจริงชานยอลอยากที่จะสั่งทั้งหมดในเมนูแต่ก็นั่นล่ะกลัวว่าจะกินไม่หมดเสียก่อน
เพียงไม่นานจานพาสต้ากุ้งซอสอัลเฟรโดของคนตรงข้ามก็มาเสิร์ฟ เพียงแค่มองชานยอลก็อยากที่จะลิ้มชิมรสชาติของมันแล้วแต่ติดที่ว่าจานของคนตรงข้ามเป็นอาหารทะเลที่เขาแพ้ คริสที่อ่านสายตาคู่นั้นที่หงอยลงไปก็ยื่นขานเข้าไปหาแต่กลับถูกใบหน้าน่ารักส่ายหน้าปฏิเสธเสียนี่
“ฉันแพ้อาหารทะเลน่ะ” ยังไม่ทันได้ถามคนตรงข้ามก็เอ่ยบอกออกมาเสียแล้ว เรียวปากได้รูปส่งยิ้มให้ ..อีกหนึ่งเรื่องที่ต้องเรดคอร์ดเอาไว้ว่า ปาร์คชานยอลแพ้อาหารทะเล...
“ถ้างั้นกินข้าวเสร็จ จะพาไปกินไอติมแทนละกันนะ” ชานยอลไม่ตอบแต่ส่งยิ้มกว้างๆโชว์ฟันของตัวเองให้คนตรงข้ามที่ก็ยิ้มกลับมาเช่นกัน
คริสมองชานยอลที่ยืนเกาะตู้ไอศกรีมแล้วก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างเอ็นดู ใบหน้าน่ารักที่ดูตื่นเต้นกับลูกตาโตๆที่มองไอศกรีมหลากรสในตู้มันเรียกรอยยิ้มกว้างๆจากคนเย็นชาได้ขนาดนี้เชียวหรือ? นี่ถ้าแก๊งเพื่อนที่จีนมาเห็นเข้ามันคงเอามาล้อยันลูกบวชแน่ๆ แต่ก็ช่างเถอะจะแคร์ทำไมในเมื่อคนที่ใจพร้อมยอมทำให้ทุกอย่างปรากฏอยู่ตรงหน้านี่แล้ว
เวลาที่มองใครสักคนแล้วจดจำทุกท่วงท่า จดจำทุกสิ่งอย่างค่อยๆเรียนรู้เพื่อที่จะรู้จักคนตรงหน้าไปทีละเล็ก ละน้อย เพียงแค่มองหัวใจก็อบอุ่นทุกครั้งและกลีบปากที่ขยับยากยิ่งกว่าอะไรก็วาดส่งรอยยิ้มให้อีกคนไปเสียอย่างนั้น ไม่รู้ว่าป้อมน้ำแข็งที่สร้างขึ้นมาพังทลายลงเมื่อไหร่... แต่ก็อาจจะเป็นดวงตากลมโตที่แสนระยิบระยับคล้ายดวงดาวนับล้านที่มองจ้องมาในวันแรกที่เจอกันก็เป็นได้ แสงระยิบนั่นที่ค่อยๆหลอมละลายความแข็งกระด้างให้หมดไป อาจจะเป็นเพราะปาร์คชานยอลคือแสงสว่างที่อบอุ่นของคริสก็เป็นได้
“กินไหม” ช้อนพลาสติกคันใหญ่สีขาวที่ปลายช้อนมีเนื้อครีมสีน้ำตาลเข้มของช็อคโกแลตถูกจ่อมาตรงหน้า คริสมองเพียงชั่วครู่ก่อนจะอ้าปากรับมันเข้าปากไป
“อร่อยไหม?” ใบหน้าคมเพียงแค่พยักหน้ารับเบาๆ แค่นั้นชานยอลก็ยิ้มกริ่มแล้วตักไอศกรีมกินต่อ รสชาติของไอศกรีมเมื่อครู่ชายหนุ่มไม่รู้หรอกว่ามันอร่อยมากเพียงไหน เย็นมากเพียงใด รู้แต่แค่เพียงว่า มันหวาน... หวานมาก.. หวานไปทั่งหัวใจ
“เดินเร็วๆสิ!!” ชานยอลที่เดินนำไปแล้วหันกลับมากวักมือเรียกให้ชายหนุ่มที่ยังยืนอยู่ที่เดิมให้เดินตามมาเร็วๆ
“หึ..” สองขายาวรีบเร่งก้าวเดินไปเดินเคียงข้างคนที่ยังคงเดินกินไอศกรีมอย่างอารมณ์ดี นัยน์ตาคมหันมองคนข้างกายก่อนที่จะยิ้มออกมาอีกครั้ง รู้สึกว่าการที่ได้มาอยู่ประเทศนี้ไอ้เสือยิ้มยากอย่างเขาจะยิ้มบ่อยจนนับครั้งไม่ถ้วนเสียแล้ว..
ลมแอร์เย็นๆที่เป่ามาจากคอนโทรลหน้ารถแท็กซี่ก็ทำให้เจ้าตัวป่วนข้างกายพล็อตหลับไปได้เพียงไม่กี่วิหลังจากที่โบกรถแท็กซี่เพื่อกลับไปส่งบ้าน หัวกลมๆเอนพิงกระจกไว้ดูไม่สบาย มือใหญ่เลยถือวิสาสะช้อนหัวกลมที่สัปหงกโขกกระจกให้มาพิงไว้ที่ไหล่ของตัวเอง เรียวปากได้รูปยิ้มเป็นครั้งที่เท่าไหร่ของวันเจ้าตัวก็เลิกสนใจที่จะนับมันมานานล่ะ แค่มีกายบางอยู่เคียงข้าง ใบหน้าน่ารักที่มักจะยู่หน้าใส่เวลาโมโหหรือโดนขัดใจเพียงเท่านี้มุมปากก็ยกยิ้มโดยอัตโนมัติเสียแล้ว
กลิ่นกายหอมๆและกลิ่นแชมพูอ่อนๆที่กรุ่นอยู่ไม่ห่างปลายจมูกนี้อดไม่ได้เลยที่จะก้มลงสัมผัสกลิ่นหอมหวานนั้นปลายจมูกโด่งกดลงกลางกระหม่อม สูดกลิ่นหอมนั้นเข้าจมูก กลิ่นหอมหวานที่กำจายอยู่รอบกายนี้ เป็นเฉพาะที่คนๆนี้เท่านั้นที่มี เรียวปากได้รูปกดสัมผัสไว้ที่เดิมอีกครั้งแล้วจะละออกมาเมื่อรับรู้ได้ว่าคนขับแท็กซี่เหลือบสายตึขึ้นมอง
“มีอะไรครับ” แม้จะมีหางเสียงแต่ทว่ารูปประโยคกลับเสียงแข็งเหลือเกินจนคนขับยังกลัวแล้วรีบทำหน้าที่ของตัวเองต่อ ดวงตาเรียวคมแสนเฉี่ยวนั่นที่ตวัดมามองสบกันนั้นทำให้ขนอ่อนลุกขึ้นชันไปทั่วตัว น่ากลัวจริงๆ
และอีกไม่กี่วันก็ถึงวันเก็บตัวเพื่อเข้าแข่งของชมรมบาสเสียแล้ว ชานยอลออกมายืนรอคริสหน้าบ้านพร้อมกับกระเป๋าเสื้อผ้าใบโต ที่มองแล้วคาดว่าจะไปอยู่เสียสามเดือนจนคนที่เดินสะพายเป้ใบไม่ใหญ่มากถึงกับหัวเราะขำ ชานยอลยู่หน้าก่อนจะยกมือขึ้นกอดอกแล้วสะบัดหน้าหนี คริสเดินเข้ามาใกล้ๆก่อนจะใช้สองมือของตัวเองทาบแก้มใสไว้ผินหน้าให้หันมามองตน
“คอเคล็ดหรือยังน่ะเรา” ชานยอลจับสองมือที่ทาบแก้มตัวเองออกก่อนจะผลักอกคนแกล้งไปเสียหนึ่งทีแต่คริสกลับหัวเราะออกมาแทนเสียนี่
“ไปไกลๆเลยไป!!!” ตวาดเสียงใส่แต่คนโดนไล่ก็ยังคงยิ้มหน้าบานอยู่ที่เดิม
“ต่อให้เอาปืนมาจ่อหัวก็ไม่ไปไหนหรอก” ไม่รู้ว่าทำไมแต่ชานยอลร้อนไปทั่วตัว แก้มขาวแดงเรื่อจนคนมองนึกเอ็นดู
“งะ..งั้นก็อยู่ตรงนี้นะ ฉันจะไปโรงเรียนแล้ว!!” ว่าแล้วเจ้าตัวก็เดินตัวปลิวไปเลยลืมกระเป๋าเสื้อผ้าของตัวเองไปเลย คริสเพียงหัวเราะเบาๆในลำคอก่อนจะคว้าสายจับของกระเป๋านั้นมาสะพายไว้ที่ไหล่แล้วออกเดินตามหลังคนที่เดินกระฟัดกระเฟียดไป
“นี่มึงจะย้ายบ้านเหรอ?” โอเซฮุนเป็นคนแรกที่ทักหลังจากเห็นชานยอลและคริสมาถึงโรงเรียนแล้วและมองเห็นกระเป๋าเสื้อผ้าที่คุ้นตา
“โห้ยมึงอ่ะ ไม่มารับแล้วไม่ต้องพูดมากเลยนะ!” ชานยอลเดินยู่หน้าเข้ามาหาเซฮุนที่กวักมือเรียกให้ไปลงนั่งที่เก้าอี้ข้างๆ
“แล้วเอาอะไรมาเยอะแยะน่ะชานยอล กระเป๋านายใหญ่กว่าฉันอีก” คยองซูทำตาโตมองกระเป๋าที่คริสยกขึ้นมาวางไว้บนโต๊ะทานข้าวในโรงอาหารที่ตอนนี้ถูกจับจองโดยเด็กชมรมบาสเกตบอล
“ก็เราไปเข้าค่ายหนึ่งอาทิตย์ใช่ไหมล่ะ~ ฉันก็เลยเอาชุดใส่เล่นน้ำมาเจ็ดชุดเลย แถมเผื่อไว้เล่นตอนเย็นอีกเจ็ดชุดด้วย” บอกไปก็ยิ้มไปแต่คนที่ไม่ยิ้มด้วยนะเซฮุนกับไคเลย
“มึงกะจะทำให้ไอ้โด้มันดำเป็นไอ้ไคสองเลยว่างั้น?”
“อ้าวไอ้เชี่ยฮุน พาดพิงกูนะ ... แต่ถ้าคยองซูผิวสีแทนก็ดีนะเซ็กซี่ดี” แล้วไคก็หัวเราะเสียจนตัวเอน แต่คยองซูกลับฟาดมือลงที่ต้นแขนของคนข้างกายแรงๆ
“น่าสงสารคริสเนอะ ต้องมาคอยแบกกระเป๋าหนักๆให้ไอ้หูกางมัน” เซฮุนยกแขนขึ้นเท้าคางกับโต๊ะโดยมีชานยอลทำหน้ายู่ใส่และคริสที่นั่งยิ้มๆอยู่หัวโต๊ะ
“ไม่หรอก ต่อให้หนักกว่านี้ฉันก็แบกไหว” ก็ไม่รู้ทำไมแต่ทุกคนบนโต๊ะกลับอมยิ้มขำๆกันแต่ชานยอลกลับรู้สึกเขินหน้าร้อนกับประโยคนั้นและสายตาที่มองจ้องมา ก็แล้วจะมองมาทำอะไรเล่า!!
“ดะ..ดี งั้นแบกไปเลย!!” แล้วชานยอลก็ลุกขึ้นจากโต๊ะไปยังร้านขายขนม ทิ้งให้คนทั้งโต๊ะมองตามแล้วก็หลุดเสียงหัวเราะออกมา ไม่ใช่ว่าเซฮุน คยองซูและไคจะมองไม่ออกว่าไอ้เจ้าเพื่อนใหม่นี่จีบเพื่อนตัวสูงโย่งแต่ก็ว่านะ ก็แค่หยอดพอเป็นพิธีแต่ถ้าจะให้มากกว่านี้เซฮุนกับไคก็คงไม่ยอม ก็สองคนนี้น่ะหวงเพื่อนยิ่งกว่าจงอางหวงไข่แล้วยิ่งเป็นชานยอลด้วยแล้ว ต่อให้ตายกูสองคนก็จะเป็นผีมาตามเฝ้าไอ้หูกาง!! ส่วนไอ้เหลือกนั้นได้ผีตัวดำเป็นสามีแล้วก็คงหมดห่วง
รถบัสของโรงเรียนสองคันค่อยๆเคลื่อนตัวออกจากโรงเรียน เซฮุน ไคจับให้ชานยอลและคยองซูมานั่งด้วยกันที่ด้านหลังที่เป็นที่นั่งสี่ที่พอดีโดยมีชานยอลกับคยองซูนั่งกลางและเซฮุนกับไคขนาบข้าง เซฮุนกับไคนั่งกอดอกยักคิ้วให้ร่างสูงยาวที่เพิ่งเดินขึ้นรถมาก็อย่างว่าเซฮุนไวเสมอในเรื่องการฉกชานยอลออกมาจากอกคริส
ชายหนุ่มเลยเลือกที่จะนั่งเบาะหน้าของทั้งสี่คน ใบหน้าหล่อคมหันมองออกนอกหน้าต่าง ไม่ใช่เพราะทิวทัศน์ด้านนอกมีอะไรที่น่าสนใจหรอกแต่เพราะในบานกระจกสะท้อนเงาของทั้งสี่คนด้านหลังตนตั้งหาก ใบหน้าหวานที่หลับตาพริ้มซบไหล่ของเซฮุนทำให้คนที่แกล้งทำเป็นนั่งนิ่งหันมองนอกหน้าต่างหงุดหงิดยิ่งนัก แล้วสองมือที่กอดแขนของเซฮุนและมือที่ลูบกลุ่มผมนิ่มนั้นทำให้คริสไม่พอใจอย่างมาก คนอื่นๆที่หันกลับมาหวังจะแบ่งขนมให้ก็ต้องรีบหันกลับไป ไม่มีใครกล้าหันไปด้านหลังอีกเลย เพราะใบหน้าด้านข้างของสมาชิกใหม่ในชมรมนั้นช่างน่ากลัวยิ่งนัก
ตลอดการเดินทางนั้นชานยอลก็หลับตลอดทางและแน่นอนที่คริสก็หันมองนอกหน้าต่างตลอดทางจนเซฮุนกับไคที่แอบส่งสายตาคุยกันตลอดทางกลัวว่าคนตรงหน้าจะคอเคล็ดไปเสียก่อน เมื่อถึงที่หมายเซฮุนก็ทำการปลุกชานยอลที่นอนโคตรขี้เซา ส่วนคยองซูน่ะเหรอเพียงแค่ไคกระซิบเรียกชื่อข้างหูตาโตๆนั้นก็ลืมขึ้นเสียแล้ว แต่เซฮุนทั้งเขย่า ทั้งเรียกชานยอลก็ไม่ยอมตื่น คริสเลยลุกขึ้นจากที่นั่งแล้วมาหยุดยืนตรงหน้าชานยอล
“ปาร์คชานยอล” เพียงแค่เสียงเรียกนิ่งๆ เปลือกตาบางที่ปิดก็ค่อยๆลืมขึ้น สองแขนที่กอดเซฮุนไว้เอื้อมมือมากอดเอวคนตรงหน้าแทนแล้วซุกหน้าลงกับหน้าท้องของคนปลุก ฝ่ามืออุ่นลูบกลุ่มผมนิ่มเบาๆของแมวขี้เซาช่างอ้อน
“ตื่นได้แล้ว” ใบหน้าน่ารักที่ซุกกับหน้าท้องส่ายหน้าไปมา
“อย่าให้ต้องดุ .. หรือจะให้อุ้ม” คนที่ยังซุกหน้าอ้อนๆพยักหน้ารับ ทั้งสามคนที่ยังเหลืออยู่บนรถนั่งมองเพื่อนสุดหวงและเพื่อนใหม่ที่ยืนปลุกกันนี้ด้วยใบหน้าที่บ่งบอกว่าคุณพ่อสุดหล่อทั้งสองอยากจะบีบคอลูกชายตัวเองให้ตายเดี๋ยวนี้ มึงไปอ้อนมันได้ยังไงวะ!!
“ไม่อุ้มอย่างเดียวนะ แต่...” แค่ได้ยินคำว่าแต่ คนตื่นยากก็เงยหน้าทำหน้ายู่ใส่คนปลุกแล้ว
“ตื่นแล้วๆ ลงไปกันเถอะอยากเล่นน้ำแล้ว” เมื่อชานยอลลุกเดินลงจากรถ คริสก็ตามไป และอีกสามหน่อที่ยังคงนั่งมองหน้ากันไปมา
“แม่งไอ้หูกาง กูปลุกมันมาเป็นสิบนาที ไอ้สูงนั่นมายังไม่ถึงสามนาทีไอ้กางแม่งตื่นแล้วอ่ะ!!” โอเซฮุนคุณพ่อแสนหวงลูกกลับทำหน้าเง้าหน้างอ พอๆกับไคที่ทำหน้าหงุดหงิดไม่แพ้กัน
“เอาเหอะน่าลงรถกันเหอะ ก็แค่ลูกสาวจะออกเรือนทั้งทีคุณพ่อทั้งสองก็ยอมๆหน่อยเถอะนะ”
ชานยอลที่เดินลงรถมาก่อนก็เดินตรงดิ่งไปยังทะเลทันที ไม่รอแล้วกระเป๋าเสื้อผ้าหรือแม้แต่เสียงเรียกรวมกลุ่มของครูฝึกจอมโหด คริสเดินเอากระเป๋าไปรวมไว้กับคนอื่นๆก่อนจะเดินออกมาตามคนอยากเล่นน้ำทะเลมา ชานยอลเดินเตะน้ำพร้อมกับหัวเราะอย่างสนุกสนาน หยาดน้ำที่โดนเตะกระจายเป็นวงกว้างก่อนที่จะกระเซ็นไปโดนตัวคนเตะ เสียงทุ้มส่งเสียงหัวเราะอย่างชอบใจและก่อนที่จะได้ก้าวเดินเท้าที่ยืนอยู่บนทรายข้างเดียวก็โดนน้ำซัดเข้ามาแทบหงายหลัง
“อ๊ะ~” คนที่คิดว่าตัวเองจะหงายหลังก้นจำเบ้าลงน้ำแน่ๆกลับโดนใครบางคนที่ยืนอยู่ด้านหลังคว้าแขนไว้ทั้งสองข้าง ดวงตากลมแหงนขึ้นมองคนที่รับตนไว้ ใบหน้าหล่อคมก้มลงมองสบตาแล้วส่งรอยยิ้มให้ คริสค่อยๆพยุงให้ชานยอลยืนดีๆก่อนจะเอื้อมมือทัดปอยผมข้างแก้มขึ้นทัดหู
“เข้าห้องพักก่อนสิค่อยมาเล่นน้ำ” คนโดนสั่งพองแก้มสองข้างก่อนจะยืนกอดอกแล้วส่ายหน้าไปมา หมายว่ายังไงก็จะเล่นน้ำให้ได้
“ไปเปลี่ยนชุดสิแล้วเดี๋ยวลงมาเล่นน้ำกัน” นัยน์ตากลมทอแววระยิบระยับคล้ายดาวนับล้านดวงส่องแสง
“จริงนะ งั้นไปเปลี่ยนชุดกัน!” แล้วชานยอลก็ลากคริสไปยังห้องพักทันที คนตามใจก็เดินตามไปเงียบๆ
คริสสะพายทั้งกระเป๋าตัวเองและกระเป๋าของคนที่เดินนำพร้อมกับควงกุญแจไขห้องพักเล่นอยู่ด้านหน้าเดินตามคนที่กำลังฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดี ชานยอลไขกุญแจเข้าห้องไปก่อนที่จะเดินไปเปิดผ้าม่านเพื่อให้แสงสว่างลอดผ่านเข้าห้องและเพื่อมองวิวทะเลด้านนอก กลีบปากอิ่มวาดรอยยิ้มอย่างถูกใจแม้ว่าห้องนี้จะเป็นห้องสุดท้ายที่เหลือไว้ให้แต่ทว่าวิวทิวทัศน์ด้านนอกกลับสวยงามมากเสียจนต้องยิ้มกว้างๆอย่างถูกใจ
ร่างสูงยาววางกระเป๋าทั้งหลายเหล่ไว้บนเตียงใหญ่ก่อนจะเดินมายืนซ้อนหลังคนที่ยืนทำหน้าตื่นเต้นเกาะบานกระจก สองมือค่อยๆสอดเข้ากอดเอวเล็กแล้ววางคางเกยไหล่บางไว้แผ่วพลิ้วเมื่อเห็นว่าคนในอ้อมแขนไม่มีปฏิกิริยาตอบโต้แขนยาวก็ลงแรงกอดกระชับคนที่ยังเกาะกระจกเป็นลูกลิงแล้วฝังคางลงที่ไหล่บางเสีย ด้วยเพราะกายบางยังไม่รู้สึกตัวว่าโดนกอดหรอกถึงไมได้หันมาเสยปากเข้าให้
ก็ใช่ว่าคริสจะไม่เคยโดนนะ ร่างสูงเคยเข้าไปปลุกชานยอลถึงห้องนอนด้วยคำสั่งของมารดาของคนขี้เซา ปลุกเท่าไหร่ก็ไม่ยอมตื่นเลยยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆหมายว่าจะแกล้งแต่เจ้าตัวดีกลับลืมตาขึ้นมาเสียนี่ ด้วยความตกใจก็เสยปากเข้าให้แถมแรงถีบที่ท้องอีกเล่นเอาจุกไปหลายวัน เห็นตัวบางๆจะปลิวลมแบบนี้แต่มือหนักเท้าหนักอย่าบอกใครเลย
“เปลี่ยนชุดสิเดี๋ยวลงไปเล่นน้ำกัน” ชานยอลที่กำลังจะหันมาถามคนด้านหลังก็ชะงักเมื่อหันมาแล้วปากของตนก็เฉียดผ่านกลีบปากได้รูปไปเพียงนิด แก้มกลมแดงเรื่อก่อนจะปัดอ้อมแขนนั้นออกแล้วเดินไปเปิดกระเป๋าเสื้อผ้าคุ้ยๆหาเสื้อผ้าแล้วเข้าห้องน้ำไปเปลี่ยนเสื้อผ้า คริสเองก็เปิดกระเป๋าออกมาหาชุดใส่ลงเล่นน้ำแล้วเปลี่ยนเช่นกัน แต่ไม่ลืมหยิบผ้าขนหนูออกมาเตรียมไว้ด้วย
“เสร็จแล้วไปเล่นน้ำกันเถอะ” แล้วเจ้าตัวที่สวมเสื้อแขนยาวเนื้อบางสีขาวกับกางเกงสีดำสั้นแค่เข่าก็กระโดดออกมาจากห้องน้ำ ดวงตาคมมองชุดเล่นน้ำของคนข้างตัวแล้วก็ขมวดคิ้วมุ่น
“ใครให้เอาเสื้อตัวนี้มาใส่เล่นน้ำ” ชานยอลขมวดคิ้วแล้วเอียงคอมองอีกคนที่ถามเสียงนิ่งๆ
“ทำไมล่ะ? เท่ดีออก มาเล่นน้ำทะเลก็ต้องใส่สีขาวสิ~” ทฤษฎีบ้านไหนบอกก็ไม่รู้ รู้แต่ว่าคริสไม่ชอบเอามาก ไม่ชอบเอามากๆเสียด้วย
“ไปเปลี่ยนชุดเดี๋ยวนี้” ชานยอลยู่หน้าก่อนจะสะบัดหน้าหนี
“ไม่เปลี่ยนฉันจะใส่ชุดนี้!” ชานยอลหมายว่าจะเดินออกจากห้องไปแต่โดนเพื่อนร่วมห้องคว้าข้อมือไว้เสียก่อน
“ไปหาเสื้อสีใส่ ห้ามใส่เสื้อขาวลงทะเลเด็ดขาด” ชานยอลหันมองก่อนจะแบะปากใส่แล้วส่ายหัวจนเส้นผมสีอ่อนกระจายไม่เป็นทรง
“ถึงให้เปลี่ยนก็ไม่มีสีอื่นหรอก ก็เอามาแต่สีขาวนิ” คริสถอนหายใจก่อนจะเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวจากในกระเป๋าเป้ของตนมาคลี่แล้วเอาห่มคลุมร่างนั้นไว้
“คลุมไว้ ถ้าไม่คลุมก็ห้ามลงเล่นน้ำเด็ดขาด” ด้วยสายตาและน้ำเสียงที่เฉียบขาด ชานยอลก็เลยต้องทำตามแต่โดยดีเพราะไม่เช่นนั้นก็จะอดเล่นน้ำ
“ก็ได้ครับคุณพ่อ!!” รอยยิ้มประดับที่มุมปากบางๆก่อนจะจับจูงคนตัวบางออกจากห้องพักไปเล่นน้ำ
เมื่อลงมาถึงหาดทรายสีน้ำตาลอ่อน แม้จะไม่นิ่มและละเอียดแต่ก็ไม่หยาบเกินที่ฝ่าเท้าเปลือยจะสัมผัส ใบหน้าน่ารักยิ้มกว้างอย่างถูกใจเมื่อถอดรองเท้าย่ำลงบนทรายแล้วนิ่มเท้าอยู่ไม่น้อย ชานยอลวิ่งกางมือรับลมทะเลแล้วลงไปเตะน้ำเล่นทันที คนที่เดินตามมาส่ายหัวน้อยๆก่อนจะหยิบผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่ที่ถูกโยนทิ้งขึ้นมาพับให้เรียบร้อยแล้ววางทับลงบนรองเท้าของเขาและชานยอลที่ถอดวางคู่กันก่อนจะเดินตามไปหาคนที่หัวเราะคิกคักกับคลื่นทะเลที่ซัดสาดเข้ามา
ชานยอลที่เล่นเตะน้ำอยู่ก็สะดุ้งโหยงเมื่ออยู่ๆก็มีน้ำสาดมาโดนตัวและใบหน้า ใบหน้าน่ารักหันมองที่มาของน้ำสาดนั้นก่อนจะกวักน้ำสาดคืนบ้าง สองขายาวย่ำหนีพร้อมกับสาดน้ำคืน เสียงหัวเราะของทั้งคู่สอดประสานดังขึ้นพร้อมกับชานยอลที่สะดุดลงลมจมน้ำที่ตนวิ่งหนีมาถึงระดับเอว กลุ่มผมสีอ่อนที่ลู่ล้อมกรอบโครงหน้า สองมือขาวยกมือขึ้นปัดน้ำออกจากใบหน้าก่อนจะกวัดสาดใส่ร่างสูงที่เดินเข้ามาหาเสียห่าใหญ่
“อย่าวิ่งตามมาเซะ!!!” ชานยอลวิ่งหนี โดนคลื่นซัดลงน้ำก็หลายครั้งแต่คริสก็ยังตามที่จะมาแกล้งสาดน้ำใส่
“ก็อย่าวิ่งหนีสิ!!” ไม่วิ่งหนีก็โดนจับกดลงน้ำน่ะสิ ใครละจะไม่วิ่ง เพราะฉะนั้นชานยอลก็จะวิ่งหนี
“จับได้แล้ว” คริสคว้าข้อมือชานยอลไว้แต่คนตัวเตี้ยกว่ากลับหันมาผลักชายหนุ่มที่เปียกแต่ไม่ทั้งตัวแบบตนลงน้ำแต่ชานยอลลืมไปหรือเปล่าว่าสองมือของตนโดนมือใหญ่จับไว้อยู่ ชานยอลกับคริสล้มลงในน้ำด้วยกัน ทั้งคู่โผล่พ้นขึ้นน้ำมาหอบหายใจก่อนที่จะมองหน้ากันแล้วหัวเราะเสียงดัง ชานยอลสาดน้ำคริสอีกห่าใหญ่ สองมือของคริสป้องหน้าไม่ให้โดนหน้าพร้อมกับหลับตาเบี่ยงหน้าหนี เมื่อห่าน้ำนั้นหยุดชายหนุ่มก็ลืมตาขึ้นมองแต่กลับไม่เห็นชานยอลเลยในสายตา
“นี่แน่ะ!!!” เสียงทุ้มมาพร้อมกับสองมือที่ตวัดโอบรอบคอแล้วแรงที่ถาโถมมาจากด้านหลังและครั้งนี้ทั้งคริสและชานยอลก็ลงน้ำไปด้วยกันทั้งคู่ ชานยอลรีบลุกขึ้นมาแล้ววิ่งหนีขึ้นจากน้ำแต่คริสก็ตามมาคว้าตัวไว้ได้ทันก่อนจะจับอุ้มแล้วโยนลงน้ำ
“กล้ามานะ ตายซะเถอะ!!!” ชานยอลวิ่งเข้าใส่คริสที่ยืนรอรับอยู่แล้ว แล้วคริสก็หงายหลังลงน้ำพร้อมกับชานยอลที่พยายามกดคริสให้จมน้ำ แต่น้ำสูงแค่ขาก็คงจะจมหรอกเนอะ
“จะหนีไปไหนชานยอลกลับมาให้ลงโทษซะดีๆ” ชานยอลวิ่งหนีแต่คริสก็วิ่งตาม น้ำแค่ขาไม่เป็นอุปสรรคต่อการวิ่งหนีแน่นอน เสียงหัวเราะของทั้งคู่สอดขึ้นเป็นระลอกๆ ทำให้บรรยากาศแถวนั้นดูอบอุ่นขึ้นทันตา
“หยุดก็บ้าแล้ว ... เหวอ~” แล้วชานยอลก็โดนดึงกลับไปชิดอกของคนวิ่งไล่แต่ทว่าน้ำหนักที่โถมลงไปก็ทำให้ทั้งคู่หงายหลังลงไปอีกครั้ง... และปากของทั้งคู่ก็บรรจบแนบสนิทกัน ดวงตาโตเบิกกว้างอย่างตกใจ สองแขนยาวของคริสโอบร่างเล็กกว่าให้แนบชิด ชานยอลที่ยังหลงเหลือสติอีกเพียงนิดยันกายขึ้นก่อนจะลงไปนั่งสติหลุดอยู่ข้างๆ คริสหันมองคนที่ย้ายตัวไปลงนั่งบนพื้นทรายด้วยใบหน้าแดงสีจัด ดวงตาและกลีบปากก็อ้ากว้าง ร่างสูงกว่าลุกขึ้นนั่งยองๆแล้วหันหลังให้คนที่ยังนั่งสติหลุดลอย
“ขี่หลังไหม” ชานยอลหันมองแผ่นหลังกว้างที่เสื้อสีน้ำเงินเข้มเปื้อนทรายก่อนจะตอบรับคำชวนนั้นเบาๆแล้วขยับตัวเอื้อมแขนออกไปโอบรัดลำคอของใครอีกคน ที่ขี่หลังคนตรงหน้าชานยอลยังไม่รู้ตัวเลยว่าตอนนี้ทำอะไรลงไป แขนยาวช้อนล็อคเข้าไปใต้ข้อพับขาก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วกระชับในบนหลังแล้วออกเดินเล่นไปตามแนวทราย เดินไปเรื่อยๆ ... จนกว่าคนบนหลังจะรู้สึกเหนื่อย
“อื้อ...” เสียงทุ้มครางแผ่วเบา ไม่รู้ว่าคนบนหลังนั้นครางเพราะเหตุใด แก้มที่แนบกันอยู่นี้คริสรับรู้ได้เลยว่ามันร้อน ร้อนเสียจนแก้มของเขานั้นร้อนตามไปด้วย ลมทะเลพัดเอื่อยมาปะทะสองร่างที่ยังคงเดินเล่นช้าๆตามแนวหาดทราย แสงอาทิตย์ค่อยๆอ่อนแสงลง ท้องฟ้าวันนี้ก็สดใสและสวยกว่าทุกวัน ....บรรยากาศช่างเป็นใจยิ่งนัก..
“ชานยอล” เสียงทุ้มเอ่ยเรียก เจ้าของชื่อกระชับสองแขนที่โอบรอบลำคอไว้ให้แน่ก่อนจะขานรับในลำคอตอบรับเบาๆ
“เรา.... มาคบกันไหม" คล้ายกับช่วงเวลานั้นหยุดหมุนและหัวใจที่เต้นอยู่ในอกก็เต้นรัวเร็วเสียจนคนบนหลังสัมผัสได้ แก้มขาวร้อนและแดงเรื่อขึ้นอีกครั้ง ชานยอลก้มหน้าลงซุกกับไหล่หนาอย่างเขินอายและนานพอดูกว่าที่เสียงทุ้มแหบของใครอีกคนจะตอบกลับคำถามนั้น
“ก็... เราไมได้คบกันอยู่เหรอ อื้อ... รีบกลับเถอะหนาวแล้ว” คริสหัวเราะในลำคอก่อนจะหมุนตัวเดินกลับไปทางเดิมที่เดินมาเพื่อไปหยิบผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่ส่งให้คนด้านหลังคลุมตัวไว้และตัวเขาก็หิ้วรองเท้าสองคู่กลับห้องพัก หัวใจของคริสและชานยอลเต้นรัวเร็วเสียจนคนทั้งคู่สัมผัสได้ หัวใจที่เต้นสะท้อนเป็นจังหวะเดียวกัน รอยยิ้มของคนทั้งคู่ที่ประดับอยู่บนใบหน้านั้นกำลังวาดยิ้มอย่างมีความสุข ...
ห่างออกไปไม่ไกลใต้ต้นไม้ใหญ่ที่ชานยอลและคริสไม่เห็น เพื่อนรักทั้งสามที่นั่งอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่กลับมองเห็นเหตุการณ์ทุกเหตุการณ์ได้ชัดเจน ทั้งสามมองจับจ้องตั้งแต่คนคู่นั้นเดินมาถึงชายหาดแล้วจนชานยอลขี่หลังเอาผ้าคลุมตัวกลับขึ้นห้องพักไปกับเด็กใหม่นั่นแล้ว ทั้งเซฮุนและไคที่นั่งมองทะเลคุยกันเพลินๆก็ชักจะไม่เพลินล่ะเมื่อทั้งสองวิ่งไล่จับกัน ซ้ำยังจะมาขี่หลังอีกแล้วชานยอลก็ยอมขี่หลังมันไปง่ายๆเสียอีก
“ไอ้เชี่ยนั่น!!” กิ่งไม้ในมือที่เซฮุนเอามาเขี่ยทรายเล่นถูกหักคามือ ใบหน้าแสนนิ่งนั้นดูโมโหมาก
“กูอยากพุ่งชนเรดเบิร์ดชิบ!!” และไคที่กำทรายแน่นก่อนจะปาทรายออกไปอย่างอารมณ์เสีย คยองซูที่นั่งอยู่ตรงกลางหันมองซ้ายขวาของคุณพ่อจอมหวงแล้วก็ถอนหายใจเสียเฮือกใหญ่
“เอาน่าคุณพ่อจอมหวงทั้งสอง ลูกสาวนายจะออกเรือนทั้งทีอย่าทำลายความรักของลูกพวกนายเลย~”
“ไม่!!!!” เซฮุนกับไคตะโกนออกมาพร้อมกัน คยองซูเองก็ได้แต่ยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ หวังว่าจะไม่เข้าไปวุ่นวายหรอกนะคุณพ่อจอมหวง! ก็ใครกันล่ะไปเปิดทางให้เขาแต่แรกพอเขาเล่นด้วยก็หวงขึ้นมาซะงั้น เฮ้อ~ ...
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น