ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Special] KrisYeol : Memorable Journey

    ลำดับตอนที่ #14 : Epilogue

    • อัปเดตล่าสุด 9 พ.ย. 57



    วันเวลาเคลื่อนผ่านไปทุกเวลานาที จากวันเป็นเดือน จากเดือนเป็นปี จากหนึ่งปีเป็นหลายปี .. และเวลานาทียังคงเดินหมุนไปเรื่อยๆไม่มีหยุดพัก

    ปาร์คชานยอลที่ค่อยๆก้าวเท้าขึ้นมาในสายการแสดงอย่างที่ตั้งใจก็กำลังประสบความสำเร็จกับการได้เล่นหนัง เล่นละครอย่างที่ตั้งใจ จนตอนนี้เขาได้ก้าวขึ้นมาอยู่ในแถวของนักแสดงมีชื่อเสียงได้แล้ว อาจจะไม่ใช่แถวหน้าแต่เขาก็มีชื่อแล้ว มีชื่อเสียงพอที่ทุกคนจะรู้จักปาร์คชานยอลในฐานะนักแสดงและนักร้องของวง EXO
     
    เกือบหกปีที่เขาพิสูจน์ตัวเองและโลดแล่นอยู่ในสายการแสดงเหมือนกับคนอื่นๆในวง แม้ว่างานร้องเพลงจะยังมีอยู่แต่ก็เป็นช่วงเวลาพิเศษที่ต้องกลับมารวมตัวกันเท่านั้น ...ทุกคนมีหนทางเป็นของตัวเอง... ทุกคนก้าวออกไปทำสิ่งที่ตัวเองอยากทำ เป็นในสิ่งที่ตัวเองอยากเป็น ชื่อวง สมาชิก และแฟนๆยังคงอยู่ที่เดิมเสมอเพียงแต่เราแค่เติบโตขึ้นแล้วก้าวเดินออกไปยังเส้นทางที่ไม่คุ้นเคยแต่หมายมั่นที่จะลองมันก็เท่านั้น
     
    ชานยอลสนุกกับทุกสิ่งที่ได้เรียนรู้ทั้งงานร้องเพลง งานแสดง งานโฆษณา หรือแม้แต่งานเดินสาย เขาชอบทุกอย่าง ขอแค่ได้ทำทุกสิ่งที่สนใจแฮปปี้ไวรัสก็พร้อมแล้วที่จะสาดกระจายความสุขไปให้ทุกคน ตอนนี้ปาร์คชานยอลกำลังเป็นที่สนใจของผู้คนทั่วไปทั้งในประเทศและนอกประเทศ
     
    นอกจากหนังในประเทศที่เล่นแล้วนั้นชานยอลก็ยังได้ไปเล่นหนังร่วมกับทางต่างประเทศเช่นกัน เรียกได้ว่าดาวรุ่งพุ่งแรงดีไม่มีตกเลยเชียวล่ะ เดี๋ยวอีกสามเดือนจะมีคอนเสิร์ตครอบรอบสิบปีของวงตอนนี้ชานยอลที่เคลียร์คิวหนังและละครทุกอย่างลงตัวแล้วจะได้ไปซ้อมคอนได้อย่างเต็มตัว หนังเรื่องล่าสุดเขาก็เพิ่งจะถ่ายจบไป และตอนนี้ก็กำลังมีหนังของชานยอลที่แสดงนำฉายลงโรงภาพยนตร์อยู่
     
     

    ตอนนี้มีเวลาว่างอยู่อีกสองอาทิตย์ก่อนที่จะบินไปปักกิ่งเพื่อร่วมรายการประกาศรางวัล ชานยอลถูกเสนอชื่อเข้าชิงจากกระแสความดังและหนังหลายๆเรื่องที่ตัวเขาได้เข้ามาร่วมแสดงของทางฝั่งจีน ด้วยฝีมือก็โดดเด่นแล้วไหนจะเพลงประกอบทั้งหนังและละครอีก
     
    ภาษาเกาหลีหรือแม้แต่จีนชานยอลก็ร้องและทำมันได้เป็นอย่างดี ภาษาจีนที่ตนสนใจเรียนและโดนอาจารย์ทั้งลู่หาน อี้ชิง(ที่แอบสอนโดยไม่ยอมบอก) และจื่อเทา(ที่อยากมีส่วนร่วม)เขี้ยวเข็ญก็ผ่านมันมาได้เป็นอย่างดีจนตอนนี้เขาสามารถอ่าน พูด และสื่อสารภาษาจีนได้เข้าใจด้วยตัวเองไม่จำเป็นต้องมีล่ามอีก
     
    ในช่วงวันหยุดนี้ชานยอลใช้เวลากับครอบครัวหนึ่งอาทิตย์ ไปเที่ยว ไปปิคนิคกันเพื่อรอให้ชุดที่เขาสั่งตัดใหม่เพื่อไปงานรับรางวัลนี้โดยเฉพาะ.. เขาหวังว่าจะเจอใครบางคนที่ไม่ได้เจอกันนานมากและไม่ได้คุยกันนานมากแล้ว มีชื่ออู๋อี้ฟานเข้าชิงในรายการนี้ด้วย แน่นอนว่าคนๆนี้จะต้องได้รับรางวัลอย่างแน่นอนเพราะเดินสายรับรางวัลมาแล้วหลายรางวัลจนบางทีชานยอลก็นึกหมั่นไส้เสียเหลือเกิน
     
    เรายิ่งเดินตามหลังเขามากเท่าไหร่ .. คนที่เดินนำหน้าเราก็ยิ่งเดินเร็วจนเราแทบจะตามไม่ทัน
     
    ถึงแม้ชานยอลจะไม่ได้ติดต่อหรือคุยกับใครอีกคนอีกเลยแต่ตัวเขาก็ยังคงคอยเช็คข่าวของคนนั้นทุกวันดั่งเช่นกิจวัตรประจำวัน ตอนนี้เขาก็เข้าใจอารมณ์แฟนคลับเวลาที่ต้องตามข่าวของศิลปินที่ชอบแล้วล่ะ ถึงจะเหนื่อยและหัวหมุนแต่มันก็มีความสุขดีที่ได้เห็นศิลปินที่ชอบในมุมต่างๆ
     
    “อย่าลืมของฝากพี่นะ~” วันนี้ที่สนามบินยูรามาส่งน้องชายบินไปปักกิ่ง
     
    “แน่นอนให้เจ้าตัวน้อยด้วย” ชานยอลพูดถึงเด็กน้อยอายุยังไม่ถึงขวบดีที่นอนเล่นอยู่บ้านกับสามีของพี่สาว
     
    “เดินทางปลอดภัยนะชานยอล” ยูรากอดน้องแล้วลูบหัวเบาๆ
     
    “ดูแลตัวเองด้วยแล้วจะโทรหา คิดถึงนะ” ปลายเรียวนิ้วเสลาเกลี่ยแก้มของน้องชายเบาๆ

    เมื่อล่ำลากันเสร็จเรียบร้อยการเดินทางไปปักกิ่งก็เริ่มต้นขึ้น
     
     

    เมื่อขึ้นไปบนเครื่องได้ชานยอลก็พล็อยหลับไปอย่างเช่นทุกครั้งที่ขึ้นเครื่องบิน ลงมาจากเครื่องก็เลยได้แต่เดินทำหน้างัวเงียตามผู้จัดการส่วนตัวไปเท่านั้น ชานยอลบินมาปักกิ่งหนึ่งวันก่อนถึงงานประกาศรางวัลเพราะหาเรื่องเที่ยวก่อนที่จะไปงานประกาศรางวัล และอีกวันชานยอลจะต้องเข้าไปคุยกับทางผู้กำกับเกี่ยวกับละครจีนเรื่องใหม่
     
    ชานยอลมักจะมองหาชื่อของใครบางคนเสมอ .. เมื่อไหร่เขาจะให้เราสองคนเล่นหนังด้วยกันสักทีนะ ไม่ว่าอีกกี่ปี ห้าปี สิบปี ยี่สิบปีต่อจากนี้เขาก็จะรอ ดวงตากลมมองออกไปนอกหน้าต่างรถ มองทัศนียภาพไปเรื่อยเปื่อยไม่ได้จับจ้องหรือจดจ่ออยู่กับสิ่งใด ตัวเขากะว่าถ้ากลับไปถึงโรงแรมแล้วกะว่าจะขอนอนพักอีกสักหนึ่งตื่นแล้วค่อยออกไปตะลุยเดินเที่ยวแดนมังกรแห่งนี้
     
    หลายครั้งที่มาเมืองนี้จนก็นับแทบจะไม่ถ้วน ก็ไม่เคยจะมีเวลาเยอะๆ ยาวๆพอที่จะไปเดินเล่นหนีเที่ยวทำตัวเถลไถลได้เลยเพราะตางรางงานที่ถูกกำหนดไว้แล้วนั้นไม่สามารถทำให้เขาแอบหนีออกไปพักผ่อนได้เลย แค่ยามปกติจะทำงานให้ทันตามกำหนดเวลาก็แทบจะหืดขึ้นคอและเร่งรีบมากพออยู่แล้ว การไปเดินเที่ยวเล่นก็เลยเป็นเรื่องที่แทบจะไม่มีอยู่ในลิสต์รายการเลยแม้แต่น้อย
     
    ชานยอลทิ้งตัวลงนอนบนเตียงนิ่มก่อนที่จะพลิกตัวไปมาแล้วยกมือขึ้นมองแหวนวงนั้น ที่ต่อให้อีกกี่ปีเขาก็จะสวมมันไว้อย่างนี้ ที่มืออีกข้างก็มีแหวนวงที่เราซื้อคู่กันและสร้อยข้อมือที่ได้มาเป็นของขวัญตอนวันเกิดสวมอยู่ บางทีอาจจะไม่ได้เจอกันเพราะได้ยินมาว่าคิวงานของอีกฝ่ายนั้นเรียกได้ว่ากองแทบจะท่วมหัว ถ้าไม่ได้เจอกันอย่างน้อยก็อยากให้เขาภูมิใจว่าวันนี้ปาร์คชานยอลก้าวมาถึงตรงนี้แล้ว ตัวไม่อยู่ก็ขอของของเขาให้ได้ร่วมยินดีก็แล้วกัน
     
    บางครั้งปาร์คยูราผู้เป็นพี่สาวยังเคยเหย้าแหย่ตัวเขาว่าจะพาเขาไปหาจิตแพทย์อยู่แล้ว พอมุ่ยหน้าใส่เข้าหน่อยพี่สาวที่แสนสวยก็จะหัวเราะแล้วขยี้หัวคนเป็นน้องอย่างเอ็นดูเสียทุกที
     
    เพราะปาร์คยูราเป็นคนมองโลกในแง่ดีที่ได้รับมาจากทั้งคุณพ่อและคุณแม่เต็มๆ ชานยอลก็เลยได้รับไปด้วย
     
    นอนกลิ้งไปมาอีกสักพักชานยอลก็ลุกขึ้นคว้ากระเป๋าสะพายแล้วเดินออกนอกห้องไปเดินเล่น หาของกินดีกว่า เขาเคยได้ลองกินหม้อไฟของที่นี่แล้ว เพราะมาทำงานบางครั้งบางคราวทีมงานก็พาไปเลี้ยงหม้อไฟซึ่งชานยอลก็ไม่ขัด มันอร่อยอย่างที่ใครที่เคยเปิดประเด็นไว้พูดเลย มันอร่อยจนนึกถึงใครคนนั้นว่าถ้าเราได้มานั่งกินด้วยกันมันก็คงจะดีไม่ใช่น้อย
     
    ชานยอลยกแก้วช็อคโกแลตขึ้นมาดื่ม เขาไม่ได้ชอบมันนักหรอกแต่เห็นเป็นช่วงเทศกาลที่กำลังลดราคาอยู่ก็เลยขอไปเอามาลองชิมหน่อย แม้มันจะหวานแต่ก็ไม่ได้หวานมากจนเลี่ยน ชานยอลมีความสุขกับเครื่องดื่มของตัวเองและสองข้างทางที่มีแต่ร้านรวงน่าสนใจ 
     
    มื้อเย็นวันนี้ว่าจะฝากท้องไว้ที่ร้านแถวนี้สักร้านก็ดูจะน่าสนใจไม่หยอกเลย บางทีอาจจะได้ของเล่นน่ารักๆไปฝากเจ้าตัวน้อยลูกแฝดของพี่ยูรากับพี่เขยก็ได้ พูดแล้วก็คิดถึงหลานชะมัดคืนนี้ก่อนนอนก็วีดีโอคอลไปหาพี่สาวขอดูหน้าหลานดีกว่า~ ใครอีกคนที่ไม่ได้ติดต่อกันมาหลายปีดีดักก็ช่างเถอะ ชานยอลเปลี่ยนเบอร์ใหม่แล้วและคงไม่มีเรื่องที่ให้ต้องมารอได้ทุกคืนอีกแล้ว
     
    ก็แค่ปล่อยมันไปอย่างที่ควรจะเป็น
     
    ชานยอลวาดรอยยิ้มก่อนที่จะยกแก้วในมือขึ้นดื่มอีกครั้ง ถ้าไม่สะดวกใจหรือไม่อยากคุยเขาก็จะปล่อยไป ปล่อยวางมันเพราะอย่างที่รู้ๆกันเขาก็มีเครื่องเตือนให้อุ่นใจแล้ว ดวงตากลมก้มลงมองแหวนที่นิ้วแล้วริมฝีปากก็ฉีกยิ้มกว้างขึ้นกว่าเก่า ... ก็แค่นี้แหละ
     
    เมื่อคืนทั้งคืนชานยอลนอนไม่หลับเพราะตื่นเต้นนิดหน่อย เขาไม่เคยมารับรางวัลนอกประเทศแบบตัวคนเดียวแบบนี้เลย นี่เป็นครั้งแรกและเป็นงานแรกก็เลยอดที่จะประหม่าไม่ได้ ชุดสูทวันนี้ก็เป็นสีดำสนิทผ้าเนื้อดีที่ผ่านการตัดเย็บมาอย่างประณีต เพราะเป็นงานแรกในต่างประเทศทั้งคุณแม่และพี่สาวก็อยากให้ชานยอลพิถีพิถัน เจ้าตัวเองก็เห็นดีเห็นงามไปเสียหมด คุณหญิงทั้งสองว่าอย่างไร ชานยอลก็ว่าตามกัน
     
    สูทสีดำเนื้อดีคลุมทับเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาวเรียบๆและเพิ่มความเก๋ของชุดด้วย หูกระต่ายสีดำ ชานยอลขอทำผมเองดังนั้นทรงผมก็เป็นทรงเสยที่ชอบพอ กลิ่นน้ำหอมเย็นๆที่ใช้ประจำถูกฉีดพรมลงบนอากาศก่อนที่ตัวเขาจะเดินผ่านแล้ววาดรอยยิ้มอย่างมั่นใจ
     
    “ไฟท์ติ้งชานยอล!” กำมือให้กำลังใจตัวเองจากนั้นก็เดินออกจากห้องไปอย่างมั่นคง ทุกย่างก้าวก้าวลงเต็มเท้าอย่างหนักแน่น วันนี้จะต้องเป็นอีกวันที่ชานยอลจะเฉิดฉายอยู่บนเวที
     
    รถส่วนตัวที่ผู้จัดการติดต่อขอให้มารับถึงหน้าโรงแรมก่อนที่จะพาไปยังสถานที่จัดงานซึ่งเป็นฮอลใหญ่ เรียกได้ว่างานวันนี้เป็นงานที่ยิ่งใหญ่จริงๆ แต่ถึงจะจัดที่ห้องประชุมเล็กๆชานยอลก็มองว่ามันเป็นงานที่ยิ่งใหญ่สำหรับตัวเขาเสมอนั่นแหละ
     
    ทุกคนที่มางานนี้จะถูกนัดให้มาเวลาต่างกันเพราะจะต้องเข้าคิวเพื่อเดินพรมแดงและคิวจะได้ไม่ชนหรือซ้อนกัน ชานยอลมาตรงตามกำหนดเวลาพอดิบพอดี สิ้นเสียงประกาศเรียกชื่อปาร์คชานยอลก็ก้าวเท้าออกไปเดินบนพรมแดงอย่างสง่างาม รอยยิ้มกว้างที่ริมฝีปากขับส่งให้แฮปปี้ไวรัสยิ่งสง่างามและดูน่ารักขึ้นอีกหลายเท่าตัว เมื่อเดินพรมแดงพ้นไปแล้วก็ยืนให้พิธีกรสัมภาษณ์อีกเล็กน้อย
     
    “สวัสดีครับผมปาร์คชานยอลครับ” ชานยอลแนะนำตัวเป็นภาษาจีนอย่างคล่องแคล่วแล้วค้อมตัวลงทักทายกับทุกคน เสียงกดชัตเตอร์ดังขึ้นไม่ขาดสายและแสงแฟลชก็สว่างวูบวาบจนตัวเขาน้ำตาคลอหน่วย
     
    หลังจากสัมภาษณ์เล็กน้อยพอเป็นพิธีแล้วชานยอลก็เดินเข้าสู่ตัวฮอลที่จัดงาน มีสต๊าฟทำหน้าที่นำทางไปที่นั่งของชานยอล ร่างโปร่งบางทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้แล้วกวาดสายตามองไปรอบๆ ชั้นด้านล่างจะเป็นที่นั่งสำหรับศิลปินนักแสดงที่มาร่วมงาน ชั้นสองตรงรั้วด้านบนเป็นที่นั่งสำหรับแฟนคลับ
     
    ก็ไม่ได้อยากจะคุยปาร์คชานยอลเห็นกลุ่มแฟนคลับของตัวเองด้วยแหละ
     
    นัยน์ตากลมกวาดมองไปแต่ละที่เพื่อมองหาใครอีกคน กวาดมองอย่างช้าๆเพราะงานยังไม่เริ่ม จนไปสะดุดกับด้านข้างของใครสักคน ผิวที่ดูคล้ำนิดหน่อยกอปรกับจมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากได้รูประบายยิ้มบางเบายามที่เพื่อนนักแสดงข้างกายชวนคุย นัยน์ตากลมวาววับทอแสงประกายพร้อมกับริมฝีปากที่วาดรอยยิ้มขึ้น ปลายนิ้วลูบไล้วงแหวนที่เรียวนิ้วเล่น
     

    ...ผมหาพี่เจอแล้วนะ...
     

    การแสดงและการประกาศรับรางวัลดำเนินไปเรื่อยๆ ดวงตากลมที่มองจับจ้องบนเวทีนั้นบ่อยครั้งที่หันไปสนใจกับคนที่นั่งเยื้องไปด้านซ้ายห่างออกไปห้าแถว ใบหน้าด้านข้างที่เรียบเฉยนั้นเพียงแค่มองไกลๆตัวเขาก็จำได้ ยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกคิดถึง อยากเข้าไปหาแต่ทว่าตอนนี้ยังคงต้องทำงานอยู่ อาจจะต้องรองานเลิกเสียแล้วกระมัง.. แต่ก็ใช่ว่าอีกฝ่ายจะมีเวลามาคุยกับเขาเสียหน่อย อู๋อี้ฟานน่ะดาวเด่นดาวรุ่งของที่นี่เชียวนะ
     
    ไม่ผิดคาดที่ชื่อของอู๋อี้ฟานนั้นกวาดรางวัลใหญ่มาได้ถึงสองรางวัล ชานยอลปรบมืออย่างภาคภูมิใจกับความสำเร็จของคนตรงหน้าที่กำลังกล่าวคำขอบคุณอยู่ สายตาของคนบนเวทีปรายมองขึ้นมาสบตากับคนที่กำลังยิ้มดีใจจนออกนอกหน้าเสียจนคิดว่ารางวัลนี้เป็นของเจ้าตัวเสียเอง ริมฝีปากได้รูปวาดรอยยิ้มขึ้น
     
    “และต่อไปขอประกาศผลรางวัลนักแสดงชายต่างชาติยอดเยี่ยมนะคะ คุณปาร์คชานยอลค่ะ!!” ชานยอลที่โดนประกาศชื่อนั้นก็ยิ้มร่าแล้วลุกขึ้นเดินออกจากแถวที่นั่งไปรับรางวัลบนเวที เหล่าแฟนคลับต่างก็กรี๊ดให้กำลังใจอย่างท่วมท้น เหล่านักแสดงคนอื่นก็ปรบมือให้อย่างชื่นชมพร้อมกับสายตาคู่หนึ่งที่มองตามร่างโปร่งบางด้วยความภาคภูมิใจเช่นกัน
     
    “ดูไม่ผิดโผเท่าไหร่เลยนะครับ ขอแสดงความยินดีด้วยนะครับคุณปาร์คชานยอล” พิธีกรร่วมชายกล่าวด้วยน้ำเสียงยินดี ชานยอลค้อมตัวให้แล้วเดินผ่านไปรับรางวัลด้วยความยินดีจนแทบจะล้นปริ่ม
     
    “สวัสดีครับผมปาร์คชานยอลครับ รู้สึกตื่นเต้นจังเลยครับ โอ๊ะ..” ชานยอลแนะนำตัวเป็นภาษาเกาหลีแล้วยิ้มเขินมองรางวัลในมือก่อนที่จะสูดลมหายใจเข้าเพื่อระงับความตื่นเต้นแล้วกล่าวขอบคุณเป็นภาษาจีน
     
    “ขอบคุณสำหรับรางวัลนี้ทรงเกียรตินี้นะครับ ผมรู้สึกยินดีและตื้นตันมากครับที่ได้รับรางวัลที่แสนทรงคุณค่ารางวัลนี้ ขอบคุณสำหรับแฟนคลับที่ให้กำลังใจและผมสัญญาว่าจะทำงานให้หนักและทำให้ทุกคนได้เห็นด้านที่ดีๆของผมต่อไป ขอบคุณพี่ๆทีมงานที่ช่วยดูแลผม ทั้งพี่ผู้จัดการ พี่สไตล์ลิส พี่ทีมงานในกองทุกคนและคุณผู้กำกับที่ผมเคารพด้วย ขอบคุณคุณพ่อ คุณแม่ พี่สาวที่คอยให้กำลังใจผมมาตลอด”
     
    ชานยอลเบือนหน้าไปมองใครอีกคนที่ยังคงส่งยิ้มมาให้อย่างภูมิใจ รอยยิ้มนั้นมันซ้อนทับกับรอยยิ้มเดิมที่ตัวเขาชอบมอง เพียงแค่มองก็รู้สึกอบอุ่นไปถึงหัวใจ
     
    “และขอบคุณคนที่ทำให้ผมได้มายืนอยู่ตรงนี้ ขอบคุณครับ” สบกันตาอีกครั้งก่อนที่ชานยอลจะค้อมตัวลงแล้วเดินลงจากเวทีไป ทีมงานข้างเวทีปรี่เข้ามาดูแลและผู้จัดการก็เดินมาช่วยถือทั้งรางวัลและดอกไม้
     
    ชานยอลเดินกลับไปนั่งที่เดิม เพราะยังเหลือการประกาศรางวัลของนักแสดงต่างชาติอีกสามรางวัล ใครคนที่อยู่เยื้องด้านซ้ายออกไปหันมามองแล้วยกนิ้วชูนิ้วโป้งให้ ชานยอลก็ยกนิ้วให้กลับไป ทั้งสองคนมอบส่งรอยยิ้มให้กันก่อนที่จะหันไปให้ความสนใจกับทางเวทีเมื่อได้ยินเสียงประกาศจากพิธีกรสาว
     
    การประกาศรางวัลนั้นเสร็จสิ้นลงแล้ว ต่อไปจะเป็นการเรียกรวมเหล่านักแสดงทั้งหลายให้ขึ้นมาถ่ายภาพรวมกันบนเวที ชานยอลลุกขึ้นจากที่นั่งแล้วเดินไปขึ้นเวที สองเท้ากล่าวขึ้นบันไดเล็กที่พาดขึ้นไปทางเวที นัยน์ตากลมสังเกตเห็นอีกด้านของเวทีที่มีผู้ชายร่างสูงในชุดสูทดำที่กำลังเดินขึ้นมาบนเวทีเช่นกัน น่าแปลกทั้งๆที่ผู้คนรายล้อมเราอยู่มากมายแต่กลับมองเห็นแต่เขาคนนั้นเพียงคนเดียว
     
    ชานยอลกำลังจะเดินไปอีกฟากและคนนั้นก็กำลังจะเดินมาทางนี้ ในช่วงจังหวะที่เรากำลังจะเดินสวนกันนั้นอยู่ๆฝ่ามือใหญ่ก็แนบมาที่ท้องของชานยอลและรอยยิ้มอบอุ่นจากริมฝีปากนั้น คริสละมือแล้วเดินจากไปชานยอลหันไปมองเล็กน้อยก่อนที่จะหันกลับมาแล้วเดินไปอีกฟากของเวทีอย่างที่ตั้งใจ
     
    ทุกคนกำลังจับกลุ่มพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน ชานยอลที่รู้จักคนบนเวทีนี้ไม่เยอะเท่าไหร่หลังจากที่ทักทายเสร็จก็ขอไปยืนหลบมุมที่ข้างเวทีรอเวลาถ่ายรูปดีกว่า ดวงตากลมมองขึ้นไปยังชั้นสองของกลุ่มแฟนคลับที่มาให้กำลังใจเขา เจ้าตัวก็เลยยกมือขึ้นโบกทักทายแฟนคลับก็ส่งเสียงกรี๊ดกัน
     
    ยืนนิ่งอยู่ได้ไม่นานก็รู้สึกถึงฝ่ามือที่ไล่ผ่านแถวเอวช่วงหลังของตัวเอง หันไปมองด้านข้างก็เห็นใบหน้าคมกับดวงตาดุคู่นั้นในระยะใกล้ คล้ายดั่งได้ยินเสียงกรีดร้องของเหล่าแฟนคลับอยู่ไกลลิบอีกด้วย ฝ่ามือที่แตะอยู่ช่วงหลังเอวตำแหน่งเดิมกับที่เคยแตะยามที่โอบเขาอยู่เวที ชานยอลส่งยิ้มให้
     
    “ไม่เจอกันนานดำแซงหน้าจงอินแล้วนะพี่” ชานยอลเปิดบทสนทนาแล้วยักคิ้วให้อย่างกวนๆด้วยภาษาบ้านเกิดของตัวเอง
     
    “ไม่เจอกันนานก็ยังเตี้ยเหมือนเดิมนะเรา” ชานยอลยู่ปากใส่ คนที่บอกว่าเจ้าตัวเตี้ยก็ยิ้มขำ
     
    “สบายดีใช่ไหม” ชานยอลเลิกคิ้วกับคำถามนั้น ไม่เจอกันนานเกือบสิบปี .. คำถามแรกคือนี่เหรอ?
     
    “ถ้าไม่สบายผมคงไม่มายืนอยู่ตรงนี้หรอก” ปลายจมูกรั้นเชิดขึ้นพร้อมกับริมฝีปากอิ่มที่แบะใส่ คริสหัวเราะแล้วขยับตัวเข้ามาใกล้ก่อนที่จะเลื่อนมือจากหลังเอวขึ้นมาจับที่ไหล่ของคนเป็นน้อง
     
    “แต่พี่ไม่ค่อยสบายเลยอ่ะรู้สึกป่วยๆยังไงก็ไม่รู้ ไม่มีวิตามินกินเลย” คริสมองคนข้างตัวแล้วก็ยิ้ม ชานยอลก็เชิดหน้ายิ้มเย้ย
     
    “ก็บอกแล้วไงว่าให้กินวิตามินเยอะๆจะได้ไม่ป่วย” ชานยอลก็ยังคงเป็นชานยอล แฮปปี้ไวรัสที่พอได้อยู่ใกล้หรือได้สัมผัสก็จะยิ้มและมีความสุขเสมอไป คริสทอดสายตามองน้องชายที่ไม่ได้เจอกันมานานนับเกือบสิบปีแล้วก็ยิ้มกว้าง
     
    “เดี๋ยวจะมีคอนครบรอบสิบปีของวงจะไปไหม” ชานยอลถามแล้วมองจ้องขอคำตอบ ใบหน้าคมวาดรอยยิ้มแล้วพยักหน้า
     
    “ต้องไปสิพี่ก็เป็นแฟนคลับเหมือนกันนะ” คริสยิ้มกว้าง ชานยอลหัวเราะเบาๆแล้วนึกได้ถึงบทสัมภาษณ์ที่ใครอีกคนเคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่าถ้าไม่ใช่สมาชิกของวงตัวเขาจะทำอย่างไร คริสตอบว่าเขาก็คงจะเป็นแฟนคลับของวงนี้อย่างแน่นอน
     
    “พี่ดีใจด้วยนะกับรางวัลที่เราได้ในวันนี้ และก็รางวัลอื่นๆด้วย” ชานยอลเอียงคอแล้วยิ้มให้
     
    “ก็เพราะพี่นั่นแหละ” คริสที่สงสัยยังไม่ทันที่จะได้เอ่ยถ่าย เสียงของพิธีกรหญิงก็ดังขึ้นขัดเสียก่อน
     
    พิธีกรของงานกำลังพูดถึงจุดประสงค์ของงานวันนี้และการเชื่อมสัมพันธ์อันดีงามกับต่างประเทศด้วย คริสที่ยืนอยู่ใกล้ชานยอลก็โน้มใบหน้าลงมาเอ่ยแปลภาษาจีนเหล่านั้นให้เด็กที่ยืนอยู่ใกล้ๆฟัง คล้ายดั่งเช่นเมื่อก่อนที่เจ้าตัวมักจะทำตัวเป็นล่ามให้เขาเสมอ โดยที่ไม่ต้องร้องขอพี่ชายคนนี้ก็มักจะทำสิ่งดีๆให้เขาเสมอ
     
    คริสยังคงอธิบายถึงกำหนดการคร่าวๆของพิธีการบนเวทีนี้ให้ฟัง ชานยอลแอบวาดรอยยิ้มขึ้นที่ริมฝีปากแล้วหันมองคนข้างตัวที่ก้มหน้าลงมาเอ่ยคำแปลให้ฟัง ดวงตากลมที่ทอแววประกายนึกชื่นชมมองไปที่พี่ชายตัวสูงที่ทำหน้าที่อย่างดีไม่มีขาดตกบกพร่อง คล้ายดั่งความทรงจำครั้งก่อนที่ถูกฉายซ้ำขึ้นอีกครั้ง
     
    “มีอะไรเหรอ? พี่พูดเร็วไปหรือเปล่า” คริสเลิกคิ้วถามเมื่อเห็นชานยอลที่ยืนอยู่ใกล้ๆนั้นหันหน้ามามองเขา ด้วยภาษาเกาหลีที่ก็ลืมเลือนไปบ้างแล้วเพราะไม่ค่อยได้ใช้นักก็พาลให้คิดว่าหรือเขาพูดผิดหรือพูดให้ไม่เข้าใจกันนะ แต่ชานยอลกลับส่ายหน้าไปมา
     
    “คิดถึงมั้ง” คริสยิ้มตอบกับคำพูดประโยคนั้น
     
    “พี่ก็คิดถึงเด็กตัวแสบเหมือนกัน” คริสกับชานยอลแอบจับมือกันไว้ด้านหลัง ให้ร่างสูงของพวกเขาสองคนบังสองมือที่จับกันไว้ รอยยิ้มที่มอบให้กันตอนนี้มันหวาน อบอุ่น ละมุนและมีความสุขที่สุดแล้ว
     
    อู๋อี้ฟานก็ยังคงเป็นเช่นเดิม เวลาออกงานก็มักจะทำหน้านิ่ง เก๊กหน้าตายทำให้ตัวเองดูหล่อขึ้น แม้จะยิ้มมากขึ้นกว่าเดิมนิดหน่อย แต่ถ้าดูจริงๆรอยยิ้มที่งานวันนี้และตอนที่ยืนเคียงข้างกันแบบนี้ดูมีเสน่ห์และมีความสุขที่สุดแล้ว
     
    ชานยอลเองก็ยิ้มร่าเริงมากกว่าเดิม ก็ได้เจอคนที่อยากเจอสักที ตอนนี้เวลามันก็ผ่านมานานแล้วจะให้มานั่งโกรธ นั่งโมโหใส่กันมันก็ไม่ใช่เรื่องใช่ราวแล้ว เพราะตอนนี้กำลังดีใจที่ได้เจอกันอีก ดีใจที่ได้ยืนเคียงข้างกันอีกและเรื่องที่รบกวนจิตใจก็ถูกเป่าหายไปเมื่อก่อนงานเริ่มเขากำลังคิดว่า ถ้าพี่ชายคนนั้นเจอเขาแล้วทำห่างเหินเดินไปอีกฟากของเวทีโดยที่ไม่มองตัวเขาล่ะ.. มันคงจะน่าเศร้าน่าดูชม
     
    ในเวลานี้ที่ในกรอบตาของชานยอลมีใบหน้าคมเข้มกับดวงตาแสนดุคู่นั้นให้ได้มองใกล้ๆ ตัวเขาก็แทบจะไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว สิ่งที่พยายามทำมาหลายปีนี้ก็ได้สัมฤทธิ์ผลเสียที การที่เขาก้าวมายืนตรงนี้ก็เพราะคนข้างตัวจริงๆ ดั่งคำกล่าวขอบคุณที่ตัวเขามักจะกล่าถึงในทุกๆครั้ง
     

    ‘ขอบคุณคนที่ทำให้ผมได้มายืนอยู่ตรงนี้’

    คนสำคัญที่ผมไม่เคยลืม และเป็นคนที่ผลักดันผมให้ก้าวขึ้นมาอยู่บนเวทีแห่งนี้ ที่ตรงนี้ ที่ข้างกายของเขาอีกครั้ง พื้นที่ว่างรอบตัวที่เคยว่างเปล่าถูกเติมเต็มอีกครั้ง ความหนาวเหน็บที่ต้องยืนอยู่บนเวทีที่กว้างใหญ่คนเดียวนับหลายปีถูกแทรกทับด้วยความอบอุ่นเช่นดั่งเดิม

     
    ความปลอดภัยที่โอบล้อมไว้อยู่นี้ทำให้ชานยอลไม่ได้หันไปมองตากล้องที่กำลังเก็บภาพของนักแสดงที่ได้รับรางวัลวันนี้เลย ยามเมื่อดวงตาดุคู่นั้นผินกลับมามอง ริมฝีปากทั้งสองคู่ก็วาดรอยยิ้มขึ้นสูงอีก สองมือที่จับกันก็กระชับแน่นส่งผ่านทุกความคิดถึงหากัน ส่งทุกความนึกคิดหากัน
     

    ไม่ว่าเขาจะเป็นคริสเอ็กโซ ตุ้ยจางฝั่งเอ็ม แร๊พเปอร์สุดเท่ห์ หรือจะเป็นอู๋อี้ฟานนักแสดงที่มากด้วยความสามารถ หรือจะเป็นเพียงอี้ฟานผู้ชายคนธรรมดา
     

    ผมก็แค่อยากได้เขากลับคืนมา ... ผมผิดนักหรือ?
     

    ปาร์คชานยอลขอแค่ได้พี่ชายที่แสนดีกลับมาก็เพียงพอแล้ว ขอแค่ฮยองของน้องชายคนนี้กลับมาก็พอ
     

    ไม่ว่ายังไงเขาก็ยังคงเป็นผู้ชายธรรมดาที่ขี้อายและชอบเก๊กหน้าตายให้ตัวเขาได้หัวเราะเสียทุกที เป็นพี่ชายที่แสนดีคนสำคัญที่ไม่ว่ายังไงก็อยากได้กลับคืนมา เป็นความอบอุ่นและความปลอดภัยที่คอยประคองเขา
     


    และตอนนี้ผมก็ได้เขากลับมาแล้ว .. ไม่ว่าจะเป็นใคร คริส อี้ฟาน หรืออู๋อี้ฟาน
     


    ผมได้พี่ชายคนเดิมกลับมาแล้ว ... แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว

     


     


    หลังจากจบงานทุกคนจะลงจากเวทีและเข้าด้านหลังเวทีเพื่อรอให้นักข่าวสัมภาษณ์กันอีกนิดหน่อย ชานยอลเดินเข้าไปหาผู้จัดการก่อนที่จะอ้อนด้วยความหิวว่าอยากจะหาอะไรกินก่อนกลับโรงแรมนอนเพราะพรุ่งนี้เขาจะต้องไปหาผู้กำกับที่เรียกตัวเขาเข้าไปพบ พี่ผู้จัดการก็ใจดีบอกว่าเดี๋ยวจะพาไปหาอะไรอร่อยๆกินกันก่อนกลับเข้าโรงแรมก็ได้ ซึ่งนั่นเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่สุด!
     
    ที่ด้านหลังเวทีชานยอลเห็นคริสยืนคุยอยู่กับผู้ติดตามของตัวเอง เพียงแค่ได้เจอแค่นี้ก็เพียงพอแล้วและคงไม่อยากจะไปรบกวนอะไรอีก ตอนนี้ร่างโปร่งบางกำลังคิดว่าถ้าสัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวเสร็จเขาก็จะกลับออกจากงานเลย หาของกินอร่อยๆที่พี่ผู้จัดการจะพาไปชิมแล้วก็คงเข้าโรงแรมนอนเลย ถ้าพรุ่งนี้เสร็จธุระเร็วเขาก็จะได้มีโอกาสเที่ยวอีกหนึ่งวันเต็มๆก่อนที่จะบินกลับเกาหลี ซึ่งนั่นถือเป็นเรื่องที่ดี
     
    ชานยอลที่ยืนรอนักข่าวอยู่กำลังคิดว่าตัวเองจะหนีไปเข้าห้องน้ำก่อนดีหรือเปล่า แต่ถ้านักข่าวทุกคนยังไม่มาสัมภาษณ์เขาเพราะงั้นก็ขอไปเข้าห้องน้ำก่อนดีกว่า หันไปบอกพี่ผู้จัดการเสร็จก็เตรียมจะเดินออกไปแต่ทว่าแขนของเขาก็โดนรั้งไว้เสียก่อน พอหันกลับไปก็เห็นร่างสูงยาวคว้าข้อมือเขาไว้
     
    “รอก่อนนะเดี๋ยวพาไปกินหม้อไฟ เข้าร้านกาแฟก็ได้” ชานยอลส่ายหน้า
     
    “ไม่เอาอ่ะ ไม่เป็นไรหรอกพี่ก็มีงานต้องทำนิ ไม่เป็นไรครับ” ชานยอลยิ้มแต่คริส กลับขมวดคิ้วมุ่นอย่างขัดใจที่ชานยอลขัดคำพูดของเขา สีหน้าแบบนี้จะมีมาทุกทีที่    ชานยอลชอบขัดใจเขาหรือชอบทำให้เขาโมโห
     
    “รอก่อนเดี๋ยวพี่พาไป อย่าขัดคำสั่งสิไอ้เด็กดื้อ” คริสส่งสายตาดุใส่ ถ้าเป็น    ปาร์คชานยอลคนก่อนคงจะทำหน้าหงอยแล้วตอบตกลงแต่โดยดี แต่ตอนนี้เขาไม่ใช่คนนั้นแล้วเพราะฉะนั้นรอบนี้เขาคงจะปฏิเสธ ไม่ใช่ว่าไม่อยากไปด้วยกันแต่อยากให้คนเป็นพี่ได้กลับไปพักผ่อนเสียมากกว่า ก็ได้ยินข่าวมาว่าเมื่อวานเพิ่งบินกลับมาปักกิ่งเพราะไปถ่ายหนังมานินา อีกวันก็ต้องบินกลับไปถ่ายหนังอีกแล้ว เขาก็อยากให้พี่ชายของเขาได้พักเยอะๆ
     
    ยังไม่ทันที่จะได้เอ่ยปฏิเสธ เหล่านักข่าวก็เข้ามารุมสัมภาษณ์คริส และนักข่าวอีกกลุ่มก็เข้ามาขอสัมภาษณ์ชานยอล เมื่อมีวงนักข่าวมาล้อมก็ยิ่งทำให้ทั้งสองคนขยับห่างไกลกันมากเข้าไปอีก เหล่านักข่าวที่มาหาชานยอลนั้นเป็นนักข่าวที่สัมภาษณ์เกี่ยวกับนักแสดงต่างชาติที่ได้รับรางวัลนี้โดยเฉพาะดังนั้นก็เลยเป็นคนละกลุ่มกับของคริส
     
    ไม่นานชานยอลก็ถูกสัมภาษณ์เสร็จ เจ้าตัวหันมองกลุ่มข้างๆที่ดูว่าจะยังคงไม่เสร็จงั้นตัวเขาก็ขอไปเข้าห้องน้ำก่อนดีกว่า หลังจากที่ทำธุระส่วนตัวเสร็จก็เดินออกมาล้างมือแล้วจัดทรงผมให้เข้าที่อีกนิด ปาร์คชานยอลที่หล่อจนสาวๆจะต้องร้องกรี๊ดก็วาดรอยยิ้มกับตัวเอง วันนี้เขาดูมีความสุขมากที่สุด ไม่รู้ทำไม .. แต่ความอบอุ่นที่มือก็ยังคงรู้สึกถึงมันได้อยู่เลย
     
    พอเดินกลับมานักข่าวก็ยังคงรุมสัมภาษณ์คริสไม่เสร็จ คาดว่าน่าจะอีกนานล่ะมั้งเพราะเห็นนางเอกหนังเรื่องที่ถ่ายจบไปแล้วยืนอยู่ด้วยข้างๆ สงสัยจะสัมภาษณ์เรื่องหนังไปด้วยในตัว ร่างโปร่งบางไหวไหล่ก่อนที่จะมองหาพี่ผู้จัดการของตัวเอง
     
    “พี่ครับหิวแล้วอ่ะ กลับกันเถอะเราไม่ต้องทำอะไรแล้วใช่ไหมครับ” พี่ผู้จัดการเลิกคิ้วขึ้น
     
    “แล้วคริสล่ะ” เธอก็ได้ยินหรอกว่าคริสเอ่ยบอกกับชานยอลว่าอย่างไรตอนที่รั้งเด็กในปกครองของเธอ
     
    “ไม่เป็นไรหรอกครับ รายนั้นน่ะผิดนัดประจำไว้รอบหน้าก็ได้” ชานยอลหันไปมองก่อนที่จะหันมายิ้มให้พี่ผู้จัดการที่ตกลงปลงใจพยักหน้ารับ
     
    “ถ้างั้นก็โอเค งั้นเราก็กลับกันเลย”
     
    ชานยอลกับผู้จัดการเดินออกมาทางวีไอพีเพื่อลงไปที่ชั้นจอดรถ ดังนั้นจะไม่มีแฟนคลับหรือผู้ไม่เกี่ยวข้องแน่นอน ชานยอลยืนรอรถกับผู้จัดการอยู่ที่หน้าประตู เพียงไม่นานรถแวนสีขาวก็แล่นมาจอดเทียบที่หน้าประตู ชานยอลก้าวเท้าขึ้นรถแล้วเปิดผ้าม่านมองออกไปนอกตัวรถด้วยรอยยิ้ม ก็วันนี้เป็นวันที่เขามีความสุขแล้วเพราะเหตุใดเขาถึงจะยิ้มไม่ได้กันล่ะ
     รถเคลื่อนผ่านไปแล้ว ดวงตากลมมองทัศนียภาพด้านนอกตัวรถพร้อมกับเผยรอยยิ้มกว้างอย่างสุขใจ ผู้จัดการที่นั่งอยู่ข้างคนขับเหลือบมองชานยอลจากทางกระจกส่องหลัง ดูเหมือนว่าชานยอลจะยังไม่สังเกตแต่เธอเห็น.. และก็ไม่ใช่กงการอะไรของเธอที่จะต้องไปขัดอารมณ์สุนทรีย์ของเด็กที่เธอดูแล ชานยอลเอนหัวพิงกระจกแล้วมองออกไปด้านนอกด้วยรอยยิ้มที่แต่งแต้มด้วยความสุข
     

    ถ้าชานยอลหันกลับไปมองที่ประตูที่ตัวเองจากมาสักนิดก็คงจะเห็นร่างสูงยาวในชุดสูทที่ดูหรูหราวิ่งกระหืดกระหอบตามหลังมา ร่างสูงที่มองตามหลังรถที่แล่นออกมานั้นช่างดูน่าสงสารเหลือเกิน ..
     
    ดวงตาเรียวที่เฉี่ยวคมด้วยอายไลนเนอร์วาดโค้งเป็นเสี้ยว
     
    แน่ใจหรือที่พูดว่าน่าสงสาร?
     
    “โอ๊ะ..” ชานยอลร้องออกมาเบาๆเมื่อนึกขึ้นได้ว่าตัวเองยังไม่ได้บอกเบอร์ติดต่อของเขาให้อีกฝ่ายเลย เบอร์ใหม่ที่เปลี่ยนยกเซ็ท ทวิตเตอร์ เฟสบุคอะไรก็ไม่ได้เล่นแล้ว เหลือก็แต่อินสตราแกรมนี่ล่ะที่ยังเล่นอยู่ แล้วอีกฝ่ายจะติดต่อเขายังไงกันนะ
     
    เอาน่า... วันนี้ได้เจอกันแล้ว วันหน้าก็คงจะได้เจอกันอีก
     
    ชานยอลหยิบมือถือขึ้นมาแล้วกดดูรูปในโฟร์เดอร์เก่าเก็บ รูปสมัยก่อนของตัวเองกับพี่ชายอีกคนที่ชอบถ่ายเล่นกัน ก็นะ.. ชานยอลไม่เคยลบทิ้งเลย ก็ไม่รู้ว่าจะลบไปทำไมนิ
     
    ความทรงจำดีๆที่เคยมี ไม่จำเป็นต้องลบมันออกไป ชานยอลก้มลงมองมือของตัวเอง แม้ดอกของแดนดิไลอ้อนจะปลิวไปหมดแล้วแต่ก้านของมันก็ยังคงอยู่ในมือของเขา

     

     

     

    แดนดิไลอ้อนมันยังไม่ได้หายไปไหนเสียหน่อย มันก็ยังอยู่ในมือของเขานี่แหละ ... แม้จะมองไม่เห็นแต่ก็รับรู้ว่ามันยังอยู่

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×