ลำดับตอนที่ #13
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : Episode 3 : Home Sweet Home - 1
มาแล้ววววววววววววววว ว่าจะลงตั้งแต่เมื่อวานโน้นแล้ว แต่ทำงานไม่เสร็จ เมื่อวานก็กลับมาเป็นกรรมกร เลยมาลงวันนี้ซะ เอาซะเลยไปวันใหม่เลย 555555
ดะเราก็กลับไปเป็นกรรมกรใช้แรงงานต่ออีก ;A; นี่ยังป่วยอยู่นะ แง๊~~~ *วิ่งไปซุกแร้ของนกน้อย* #ตายป่ะเอาจริงๆ 5555
รู้สึกทุกคนจะชอบงอนง้อเราเนอะ อะโห้ แอบส่งลิงค์กันป่ะ? ส่งได้เราไม่ว่า 5555 เอาให้ฟินตายกันไปข้างหนึ่ง คิๆ
ปล. เรามีข่าวดีจะมาบอกล่ะ อ่านปล2.ค่ะ
ปล2. ใครที่อยากอ่านงอนง้อในอีกแง่มุมหนึ่ง ตามไปได้ที่ http://writer.dek-d.com/dek-d/writer/view.php?id=887233 เป็นบ้านหลังเล็กๆสำหรับคนติ่งฮุนยอล ชานฮุน #แต่เราติ่งฮุนยอล XD หรือใครที่ไม่มีอะไรอ่านอยากลองไปอ่านแล้วฟิน(?) ติ่ง(?) เกรียน(?) กับเราก็ตามสะดวกค่ะ ไม่ต้องชอบแต่ไปอ่านคลายเครียดก็ได้ค่ะ #ขายของสุดติ่ง
ปล3. เดี๋ยวจะมีข่าวดีมาบอกอีก แต่ตอนนี้จุ๊ๆ อุบอิบไว้ก่อน คิๆๆๆ
กลับมาฟินกับนกน้อยของเราต่อกันดีกว่า ><
__________________________________________
สองข้างทางเต็มไปด้วยต้นไม้และยอดหญ้าสูง ปลายยอดหญ้าที่ต้องลมสะบัดพลิ้วคลอเคลียฝ่ามือที่ไล้ไปตามยอดหญ้าที่สูงระดับช่วงเอว สองเท้าค่อยๆเดินย่ำบนพื้นดินนุ่มก่อนที่จะมองเห็นหลังไวๆของใครบางคนอยู่ตรงหน้า ด้วยชุดที่สวมใส่ที่ดูแปลกตาสำหรับคนในละแวกนี้แต่ทว่ากับดวงตาคู่นี้ที่ทอดมองมันกลับคุ้นชินอย่างน่าประหลาด เนื้อผ้าลื่นมือกับสีสันของเนื้อผ้าเนื้อดี ....คล้ายกับชุดที่ตนสวมใส่
กายสูงเบื้องหน้าที่ยืนเอามือไพล่หลัง ใบหน้าเชิดมองตรงไปยังภูเขาด้านหน้าที่ตั้งตระหง่านรับกับแสงอาทิตย์ที่ทอแสงอ่อนๆและท้องฟ้าสีฟ้าสดใส ก้อนเมฆปุยขาวกำลังลอยเอื่อย ริมฝีปากคู่นั้นแย้มยิ้มกับทัศนียภาพเบื้องหน้า สองแขนของตนค่อยๆสอดเข้ากอดเอวหนาของใครอีกคน สัมผัสได้ไม่นานคนในอ้อมกอดก็หมุนตัวเข้าเป็นฝ่ายโอบกอดเสียเอง ไออุ่นและไอความรักลอยวนโอบรอบกายพร้อมกับเสียงกระซิบชิดริมหูดั่งเช่นทุกครา
“นกน้อยของข้า ข้ารักเจ้า”
เปลือกตาค่อยๆลืมตื่นขึ้นแล้วนึกไปถึงความฝันเมื่อครู่ ความฝันที่มักจะวนเวียนอยู่แบบนี้เสมอ ความฝันที่ฝันแบบเดิมซ้ำๆ มันเริ่มตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้.. รู้แค่ว่าก่อนที่จะลืมตาตื่นขึ้นมาในโลกแห่งความเป็นจริง เสียงทุ้มหูนั้นจะเอ่ยปลุกทุกเช้า เจ้าของอ้อมกอดแสนอุ่นกับน้ำเสียงนุ่มหู คนที่มองไม่เห็นหน้าว่าเป็นใคร.. แต่รับรู้ด้วยใจว่าจะต้องเป็นคนที่มีความหมายแน่ๆ
ใบหน้าหวานหันมองนาฬิกาหัวเตียงก่อนที่จะสะดุ้งโหยงลุกขึ้นนั่งคว้านาฬิกาปลุกขึ้นมาดูแล้ววางมันลงที่เดิม สองมือตลบผ้าห่มขึ้นก่อนที่จะก้าวลงจากเตียงอย่างไวที่สุดแล้วรีบเข้าห้องน้ำเพื่อทำธุรกิจส่วนตัวทันที เพราะตอนนี้ใกล้จะสายแล้วถ้าหากตนนั้นยังไม่รีบอีก เสียงดังตึงตังที่กำลังวิ่งลงบันไดเรียกรอยยิ้มจากมารดาที่หันมองก่อนจะส่งถุงกล่องอาหารและขนมปังเพื่อเป็นอาหารเช้าให้ลูกชายตัวดีที่ชอบสายประจำ
“ผมไปก่อนนะครับแม่” เจ้าตัวยุ่งคาบขนมปังไว้ในปากก่อนจะเขย่งๆใส่รองเท้าแล้ววิ่งออกจากบ้านไปทันที
“ตั้งใจเรียนนะชานยอล~” และเสียงตอบรับจากหน้าบ้าน เพียงไม่นานในบ้านหลังนี้ก็เงียบสงบไร้เสียงตึงตังที่ลูกชายตัวดีทำทุกเช้า
ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเวลาใกล้สายแล้วแต่ร่างสูงโย่งก็ไม่คิดที่จะเร่งรีบใดๆ สองเท้ายังคงก้าวเดินไปเรื่อยเฉื่อยไปยังป้ายรถโดยสารประจำทางเหมือนกับว่าตอนนี้เป็นเวลาหกโมงเช้า แต่ทว่าตอนนี้นั้นเป็นเวลาเจ็ดโมงครึ่งแล้ว อีกเพียงครึ่งชั่วโมงคาบแรกก็จะเริ่มแล้ว ดวงตากลมหันหน้าออกกระจกรถโดยสารมองทัศนียภาพด้านนอกที่ผ่านตา พลางคิดถึงใครบางคนในฝันดั่งเช่นทุกวันจนเป็นกิจวัตรหนึ่งประจำวันไปเสียแล้ว
ไม่นานชานยอลก็ถึงโรงเรียน ตอนนี้บริเวณนอกอาคารเรียนไม่มีนักเรียนเหลือแล้ว ขายาวถึงได้ก้าวเร็วขึ้นอีกนิด คนตัวสูงโย่งเดินไปตามอาคารเรียนเพื่อเข้าห้องเรียนประจำของตน ใบหน้าน่ารักวาดรอยยิ้มดั่งเช่นเคย แม้ว่ารอบข้างจะมีผู้คนหรือไม่ก็ตามกลายเป็นนิสัยของชานยอลไปเสียแล้ว เสียงดังของครูประจำชั้นดังลอดออกมานอกบานประตูเลื่อนเรียกคิ้วให้ขมวดกันอย่างสงสัย และก้อนเนื้อในอกกลับเต้นรัว.. เต้นจนชานยอลต้องยกมือขึ้นจับมันไว้เมื่อได้ยินเสียงทุ้มนั้นดังขึ้น
“วันนี้เรามีเพื่อนใหม่นะจ๊ะ เขามาในฐานะเด็กแลกเปลี่ยนจากประเทศจีนยังไงก็ฝากดูแลเพื่อนใหม่ด้วยนะ เอ้า มาแนะนำตัวกับเพื่อนๆสิ”
“สวัสดีครับผมอู๋อี้ฟาน เรียกคริสก็ได้ครับ” สิ้นเสียงแนะนำตัวบานประตูก็ถูกเลื่อนเปิดออก สายตาทุกคู่หันมองจ้องมายังบานประตูเลื่อนที่มีร่างของเพื่อนตัวสูงยืนยิ้มกว้างอยู่ตรงนั้น ร่างของเพื่อนใหม่ที่สูงกว่าคนที่เพิ่งมาใหม่สูงกว่าเพียงเล็กน้อย นัยน์ตาคมหันมองก่อนจะส่งยิ้มกลับไปเมื่อรอยยิ้มกว้างนั้นส่งมาหาตน
“ปาร์คชานยอล ครูบอกแล้วใช่ไหมว่าอย่ามาสายอีก” เจ้าของชื่อเดินเข้ามาพร้อมกับรอยยิ้มกว้างมาหยุดยืนอยู่ข้างๆเพื่อนใหม่
“ขอโทษครับ นี่เพื่อนใหม่เหรอฮะ? สวัสดีฉันชื่อชานยอลนะ นายชื่ออะไรนะ? นายเป็นลูกครึ่งใช่เปล่า? ตานายสวยจัง..” ดวงตากลมจ้องมองดวงตาแสนคมคู่นั้น มันดูลึกลับน่าค้นหา... และคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูก
“คริส” คำตอบแค่เพียงสั้นๆเรียกอาการย่นจมูกจากชานยอลได้ไม่ยาก คนอะไรมนุษยสัมพันธ์แย่ชะมัด อุตส่าห์พูดด้วยตั้งหลายคำ
“ไปชานยอล พาเพื่อนใหม่ไปนั่งข้างเธอเลย ฝากดูแลเพื่อนใหม่ด้วยนะ” ชานยอลยังคงยิ้มกว้างตามนิสัย แม้ว่าข้างในจะเข่นเขี้ยวด่ายันโคตรถึงคนข้างกายอยู่ก็ตาม
“ฮะ” ชานยอลเดินออกนำไปยังหลังห้อง โต๊ะสองโต๊ะติดหน้าต่างด้านฝั่งในเป็นของชานยอลและตัวข้างๆที่เคยว่างมานานก็กลับมีร่างสูงของใครอีกคนมานั่งข้างกาย แม้จะน่าดีใจที่ไม่ต้องนั่งคนเดียวแต่ด้วยท่าทีแสนนิ่งเฉยก็ทำให้คนอารมณ์ดีอย่างชานยอลไม่สบอารมณ์เอาได้ง่ายๆ
เมื่อหมดคาบแรกที่เป็นโฮมรูมก็เข้าสู่วิชาเรียนและแน่นอนคาบนี้คือภาษาอังกฤษที่ชานยอลเกลียดแสนเกลียด หนังสือเล่มหนาถูกดึงออกมาจากใต้โต๊ะวางไว้บนโต๊ะเรียนด้านหน้า ถุงดินสอสีดำถูกดึงออกจากกระเป๋ามาวางข้างกัน ชานยอลรู้สึกว่าคนข้างกายขยับเก้าอี้เข้ามาชิดใกล้ .. ชิดจนแขนเราสัมผัสกัน ใบหน้าหวานเงยขึ้นมองคนข้างกายที่มองมาอยู่ก่อนแล้ว
“ขอดูหนังสือด้วยนะ” จบท้ายคำพูดด้วยรอยยิ้มบางๆ แค่นี้ล่ะชานยอลก็วาดรอยยิ้มกว้างแล้วดันหนังสือเล่มใหญ่ไปตรงกลางของสองโต๊ะแต่ทว่าเพื่อนใหม่ก็ไม่ยอมเขยิบเก้าอี้ออกไป ก็มนุษยสัมพันธ์ดีอยู่นินา~
วิชาภาษาอังกฤษที่แสนจะง่วงงุนส่งผลให้ชานยอลวางสองแขนทับกันบนโต๊ะแล้วเอนหัวทับแขนหันหน้าไปยังเพื่อนใหม่ข้างกาย ทนเสียงของอาจารย์หน้าห้องไม่ไหวเปลือกตาบางก็ปิดลงทันทีตัดขากโลกเบื้องหน้าก่อนที่จะได้เห็นรอยยิ้มของใครบางคนที่วาดเสียเต็มหน้า ปลายดินสอกดเขียนคำตอบในหน้าหนังสือให้คนข้างกาย เรื่องพวกนี้คริสไม่จำเป็นต้องเรียนเพราะตัวเขาเรียนผ่านมาแล้วก่อนที่จะแลกเปลี่ยนมาที่นี่
ท้ายชั่วโมงอาจารย์ประจำวิชาสั่งการบ้านให้ทำแล้วส่งพรุ่งนี้เช้า ซึ่งแน่นอนคริสจัดการเขียนคำตอบลงในหนังสือเล่มนั้นแล้ว เมื่อเสียงออดหมดคาบเรียนดังขึ้นเปลือกตาบางที่บดบังลูกตากลมโตก็ค่อยๆลืมขึ้น กายบางหยัดกายขึ้นนั่งก่อนจะยกมือขึ้นบิดขี้เกียจตามความเคยชิด แต่ทว่ามือของตนกลับชนคนข้างๆเสียนี่ ชานยอลหันมองอย่างตกใจก่อนจะค่อยๆนึกออกว่าข้างกายนี้คือเพื่อนใหม่ นัยน์ตาคมที่มองทอดมาเรียกอาการหมั่นไส้จากชานยอลได้มากเป็นหลายร้อยเท่าตัว ...เก๊กอยู่ได้ ไม่เมื่อยหน้าบ้างหรือไง!...
“ชานยอล รายงานเสร็จหรือยัง” เพื่อนในห้องลุกขึ้นเดินจากหน้าห้องมาหาชานยอลที่นั่งอยู่หลังห้อง ดวงตาคู่คมเพียงแค่มองจ้องเฉยๆ
“โอ๊ะ.. เสร็จแล้วๆ เอามาแล้วด้วยลืมให้น่ะ แหะๆ” ชานยอลหยิบกระเป๋าสะพายขึ้นมาเปิดแล้วหยิบเล่มรายงานออกมายื่นให้เพื่อน
“งั้นเดี๋ยวเราเอาไปส่งละนะ” แล้วเพื่อนคนนั้นก็จากไป ทิ้งไว้แค่ชานยอลและคริสที่ยังคงนั่งเงียบอยู่ และชานยอลที่ไม่ชอบความอึดอัดก็หันไปหาเพื่อนใหม่แล้วฉีกยิ้มกว้าง อีกคนเพียงแค่หันมามองเท่านั้นแล้วก็หันหน้ากลับไปตามเดิม ชานยอลที่เห็นแบบนั้นก็ยิ้มค้างก่อนจะอมลมแก้มป่องขัดใจไม่น้อยกับท่าทีเย็นชาของคนข้างกาย คนตัวบางเลยสะบัดหน้าหันไปทางอื่น คริสที่เหลือบตามองก็อดไม่ได้หลุดขำออกมา
“เอ๊ะ??” ชานยอลหันมองคนข้างกายที่ก้มหน้าหัวเราะเบาๆก่อนจะเอียงคอประมวลผลในหัวว่าโดนคนข้างกายแกล้ง
“นายแกล้งฉันเหรอ?” ใบหน้าหล่อคมที่พยายามกลั้นหัวเราะและรอยยิ้มหันมามองคนข้างกายที่ทำแก้มป่อง
“นายนี่มันแย่ที่สุดเลย!!” ทุบกำปั้นลงกับต้นแขนของคนข้างกายก่อนจะมองใบหน้าคมที่ยังคงกลั้นหัวเราะ ชานยอลมองคริสก่อนจะลงความเห็นในใจว่า ต่อจากนี้จะไม่ยอมญาติดีกับไอ้นกแองกี้เบิร์ดนี่แน่นอน!!
“นี่จะไปไหนน่ะ รอกันด้วยสิ” ชานยอลเดินหนีไม่ยอมรอไอ้ตัวสูงยาวด้านหลังที่เดินยิ้มตามหลังมาเลยแม้แต่นิด คนตัวบางยังคงเดินนำก้าวเท้าไวๆเพื่อหนีอีกคน คริสเพียงแค่ก้าวเดิมธรรมดาก็แทบจะตามชานยอลทันอยู่แล้วแต่เจ้าตัวก็เดินรั้งท้ายเดินตามคนที่เดินฟึดฟัดอยู่ด้านหน้า
“เฮ้ย จะรีบไปไหนวะไอ้หูกาง!” ยังไม่ทันที่ชานยอลจะก้าวเท้าเข้าโรงอาหารร่างของใครอีกคนก็โผล่ออกมายืนขวางหน้าพร้อมกับเพื่อนอีกสองคนที่เป็นเพื่อนต่างห้องเพราะคนเดินตามหลังมาไม่คุ้นหน้า
“ไอ้ยานแม่ ไอ้ไค ไอ้โด้! ทำไมเลิกเร็วจังวะ” ชานยอลมองเพื่อนที่กระพริบตาปริบๆมองเลยข้ามตัวเองไป คนโดนเพื่อนเมินเอียงคอก่อนจะหันไปมองบ้างแต่ชานยอลคงจะลืมไปว่ามีใครเดินตามหลังมายืนซ้อนอยู่ด้านหลัง อ้อมแขนโอบเอวของชานยอลไว้เมื่อใครอีกคนหันมาชนแล้วแทบจะผละล้มลงไป
“นายเป็นใคร” เซฮุนกับไคลากชานยอลออกจากอ้อมกอดของคนที่ไม่คุ้นหน้าก่อนที่จะตีหน้าเข้มมองจ้องกับอีกฝ่าย
“อ๊ะ~ หมอนี่เป็นเด็กแลกเปลี่ยนจากจีนน่ะ มาอยู่ห้องฉันเอง ชื่อคริส” ชานยอลหันบอกเพื่อนๆ
“ไปกินข้าวเหอะหิวแล้ว ส่วนนายไม่ต้องตามมาเลยไอ้แองกรี้เบิร์ด!” ชี้นิ้วใส่หน้าเพื่อนใหม่ก่อนจะเดินไปกับแก๊งเพื่อนตัวเองทิ้งให้เด็กใหม่ยิ้มขำอยู่ตรงนั้นคนเดียว
“นายไปให้มันเดินตามมาได้ไงวะ” เมื่อทุกคนซื้อมื้อกลางวันและพร้อมเพรียงกันที่โต๊ะ คยองซูก็จัดการเปิดฉากถามทันที ชานยอลยู่หน้าก่อนจะส่ายหน้าไปมา
“มันเดินตามมาเองเถอะ ใครให้ตามกัน!” นั่งบ่นอยู่ได้ไม่นาน คนที่โดนบ่นถึงก็เดินถือจานข้าวมานั่งด้วย
“ขอนั่งด้วยคนนะ”
“เฮ้ย นายมาได้ไง!!!”
ความประทับใจแรก .... ไม่ค่อยดีเท่าที่ควรแหะ
“เอาล่ะจับคู่กันทำรายงานนะ ตอนนี้ห้องนี้มีคนเพิ่มแล้วนิก็จับคู่ง่ายหน่อย นั่งกับใครก็คู่คนนั้นไปละกันนะ” ดวงตากลมเบิกกว้างมองหน้าครูผู้สอนที หันมองคนข้างๆที่หันหน้ามายิ้มที
“ว่าไงครับ?” คริสที่เห็นคนข้างกายมองหน้าเขานานก็เอ่ยถามออกไปแต่ชานยอลกลับกัดริมฝีปากล่างแล้วสะบัดหน้าหนี คอยดูนะจะไปขอแลกคู่ทำรายงานเลย!!
“ไม่มี ไม่พูดด้วย!!” ขนาดบอกว่าไม่พูดด้วยแต่ก็หันส่งเสียมาหานะดูสิ ใบหน้าคมส่ายหน้ากับความรั้นของคนข้างกาย เมื่อออดเลิกเรียนดังขึ้น ชานยอลก็กวาดของลงกระเป๋าทันทียังไม่ทันที่จะได้ลุกเพื่อนต่างห้องสามคนก็เดินมายืนรออยู่หน้าห้องแล้ว ชานยอลเดินออกไปหน้าห้องและแน่นอนพ่วงด้วยเพื่อนใหม่อีกคน
“นายจะเดินตามมาทำไมกัน!” ชานยอลหันไปแว้ดใส่ก่อนจะสะบัดหน้าหนี คริสเพียงแค่ส่งยิ้มให้อีกคนแต่ไม่ตอบอะไร เป็นการกวนอารมณ์ของชานยอลได้ไม่ยากเลย
“ไปเถอะ คริสนายก็ไปด้วยกันสิ” คนตัวเล็กที่สุดเอ่ยบอกพร้อมกับรอยยิ้ม และแน่นอนชานยอลก็แหวขึ้นตามระเบียบ
“ไอ้โด้ใครให้แกไปชวนตานี่ห๊ะ!! ฉันไม่ไปไหนกับไอ้หน้าแองกรี้เบิร์ดนี่นะ!!” เหลือบมองคนที่ยืนซ้อนอยู่ด้านหลังก่อนจะสะบัดหน้าหนี คริสหลุดเสียงหัวเราะเบาๆก่อนจะเอ่ยบางประโยคที่ทำให้ชานยอลกระแทกส้นเท้าเดินตึงตังไปก่อน
“สะบัดหน้ามากๆระวังคอจะเคล็ดนะครับชานยอล” ไอ้แองกรี้เบิร์ดบ้า!!!!
สามอาทิตย์แล้วที่นักเรียนแลกเปลี่ยนต้องมาเรียนที่เกาหลี และเป็นสามอาทิตย์ที่คริสนั่งข้างชานยอล เป็นสามอาทิตย์ที่ชานยอลกับคริสทะเลาะง๊องแง๊งกันทุกวันไม่เว้นวันหยุดเสาร์อาทิตย์ แต่ถึงกระนั้นไม่ว่าชานยอลจะอยู่ที่ไหน ด้านหลังจะต้องมีชายร่างสูงเดินตามอยู่ทุกทีจนเป็นที่ชินตาสำหรับคนในห้องเสียแล้ว ด้วยความที่คริสมีรูปร่างที่สูงโปร่ง หน้าตาดี ดวงตาคมแสนทรงเสน่ห์จึงทำให้เหล่าสาวน้อยใหญ่แอบหลงรักได้ไม่ยากเลย
แต่ในความจริงแล้วคริสเป็นคนที่เย็นชาเสียจนจะเรียกว่าไร้ความรู้สึกก็ไม่ผิดนัก แต่ก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเวลาตาสายตาดุคมนั้นจับจ้องไปยังชานยอล ดวงตานั้นจะต้องทอแสงวาววับและริมฝีปากบางได้รูปก็วาดรอยยิ้มเสมอไป ... จะเรียกว่าปล่อยความรู้สึกหรือเผลอตัวก็ได้ เพราะคริสคนนี้รู้สึกอยากยิ้มเวลามองชานยอลจริงๆ
วิชาอีกหนึ่งที่ชานยอลเกลียดเข้ากระดูกดำนอกจากภาษาอังกฤษ คณิตศาสตร์ก็มีวิชาพละนี่ล่ะ ไม่ใช่เพราะว่าชานยอลเล่นกีฬาไม่เก่งนะ แต่เพราะเล่นเก่งแล้วตัวสูงเกินไปน่ะสิเพื่อนๆถึงไม่ค่อยยอมให้เขาจับกลุ่มเล่นกีฬาด้วย แต่คาบนี้เป็นคาบรวมของสองห้องเพื่อที่จะใช้แข่งให้คะแนนสอบโดยการให้แข่งบาสเกตบอลกัน และการแข่งก็เสมือนจริง การแข่งนี้ห้องที่ได้ลงแข่งกันคือห้องของชานยอลคริส และห้องเซฮุน จงอินและคยองซู
ทั้งสี่เป็นเพื่อนกันแต่สาเหตุที่ชานยอลไม่ได้เรียนห้องเดียวกับเพื่อนนั้นเป็นเพราะเจ้าตัวทำข้อสอบวิชาคอมพิวเตอร์ไม่ผ่านแต่ดันมัววิชาภาษาอังกฤษผ่าน ด้วยเพราะเหตุนี้ชานยอลเลยได้อยู่สายภาษาทั้งๆที่เกลียดภาษาส่วนเพื่อนทั้งสามได้อยู่สายคอมพิวเตอร์ โคตรเป็นเรื่องที่ชานยอลเจ็บใจมากแต่ก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี กายบางเดินวุ่นกับการเตรียมน้ำและผ้าไว้ให้นักกีฬาด้วยที่ตัวเองนั้นเป็นผู้จัดการทีมบาสประจำโรงเรียน(โดยที่โดนเซฮุนและไคลากมาให้ช่วยคยองซูทำ) ชานยอลกับคยองซูเดินไปห้องชมรมบาสพร้อมกัน
“ฉันได้ยินมาว่าคริสเล่นบาสเก่งมากเลยนะ” อยู่ๆคยองซูก็เปลี่ยนประเด็นพูดเรื่องนี้ขึ้นมาซะเฉยๆ ใบหน้าน่ารักของชานยอลที่กำลังยิ้มแย้มอยู่กลับยู่ลงอย่างหมั่นไส้คนที่พูดถึง
“สู้เซฮุนกับไคไมได้หรอก” ก็สบประมาทไปแบบนั้นล่ะ เพราะไม่ว่ายังไงชานยอลก็จะเชียร์เซฮุนกับไคอยู่ดี
ชานยอลกับคยองซูแยกกันไปคนละฝั่งของสนามเพื่อดูแลนักกีฬาของตน กะบะที่มีขวดน้ำและผ้าขนหนูวางบนม้านั่งเตรียมพร้อม ผู้จัดการทีมที่ต้องคอยจดชื่อ(สำหรับการแข่งรวมห้อง)และคอยจดสกอร์และสถิติซึ่งแน่นอนหน้าที่นี้จะต้องเป็นของชานยอลที่โดนให้ทำประจำอยู่แล้ว ชานยอลจดชื่อลงในตารางบันทึกก่อนที่จะกวาดมองใบหน้าของทุกคนแล้วมาหยุดที่ใบหน้าคมที่มองตนไม่วางตา
“แข่งให้ชนะนะ” เพียงแค่กำลังใจเล็กๆ เหล่านักกีฬาก็ยิ้มรับพร้อมกับส่งสัญญาณว่าจะต้องชนะ ทุกคนเดินออกไปยืนรอเพื่อเริ่มแข่งเกมจะมีก็แต่คริสเท่านั้นที่ยังคงยืนอยู่ที่เดิม
“ยืนอยู่ทำไม ทำไมไม่ไปเตรียมตัว” ชานยอลเลิกคิ้วมองอีกคนที่ยังยืนมองจ้องตาและยิ้มบางๆ
“ขอกำลังใจหน่อยสิ” ชานยอลมองคนข้างตัวก่อนจะเขยิบออกห่าง
“อะไรๆ กำลังใจอะไร!” คริสไม่ตอบแต่แบมือมาตรงหน้าชานยอล ซึ่งเจ้าตัวก็มองด้วยสายตาไม่เข้าใจ
“ขอมือหน่อยสิ” ดวงตาคมที่มองจ้องเหมือนมีพลังอะไรบางอย่างที่ชานยอลที่มองจ้องแล้วจะขัดคำสั่งนั้นไม่ได้ มือเรียวค่อยๆวางลงกับฝ่ามือใหญ่ตรงหน้า เรียวนิ้วเสลาจับเข้ากับมือนั้นก่อนใช้นิ้วหัวแม่มือลูบไล้หลังมือแผ่วเบา
“การแข่งวันนี้ขอแค่นี้ล่ะ ถ้ามีอีกจะขอมากกว่านี้” คริสวาดรอยยิ้มส่งให้คนตรงหน้าที่อ้าปากค้าง พวงแก้มแดงเรื่อ ชานยอลดึงมือออกก่อนจะก้าวถอยหลังแต่มือที่จับกันกลับไม่หลุดออกจากกัน คนตัวสูงกว่าดึงคนที่ทำท่าว่าจะถอยหลังเข้ามาชิด ใบหน้าคมก้มลงกระซิบเบาๆข้างใบหูแดงเรื่อ
“พูดให้กำลังใจฉันหน่อยสิ” ชานยอลใช้สองมือดันหน้าอกกว้างที่แนบแทบจะหลอมรวมเป็นคนเดียวกันให้ออกห่าง
“พะ... พูดอะไรล่ะ ... อ่า.. แข่งให้ชนะนะ” พูดเสียงแผ่ว แต่อยู่ใกล้แค่นี้มีหรือจะไม่ได้ยิน เรียวปากบางยกยิ้มก่อนที่จะผละร่างในที่ก้มหน้านี้ออก
“ถ้าวันนี้แข่งชนะ ไปดูหนังกันนะ” ชานยอลกระพริบตาปริบๆมองอีกคนที่ส่งข้อเสนอมาให้จนชานยอลหมั่นไส้
“เอาสิ ถ้าคิดว่าชนะเซฮุนกับไคได้” ชานยอลยิ้มเยาะเย้ยใครอีกคน แต่คริสเพียงแต่กระตุกยิ้มบางๆ
“เดี๋ยวก็รู้กัน”
แล้วก็รู้กันจริงๆ... ท่วงท่าการเล่นในสนามของคริสนั้นช่างดึงดูดทุกสายตาให้จับจอง ใบหน้าคมที่จริงจังรับกับท่วงท่าที่แสนทรงเสน่ห์ ปฏิเสธไมได้จริงๆว่าร่างที่กำลังวาดลวดลายอยู่ตรงหน้านี้ไม่อาจทำให้ละสายตาได้เลย เซฮุนกับไคที่ว่ามีเสน่ห์และน่าจับตามองยามที่กำลังจริงจังกับการแข่งบาสเกตบอลตรงหน้าแล้ว ยามที่สายตาจับจ้องไปที่ใบหน้าจริงนั้นก็พาลให้หัวใจของคนมองเต้นรัวอย่างเสียไม่ได้
ท่วงท่าการเล่นเซฮุนกับไคนั้นต่างก็มีเสน่ห์พอๆกับคริสนั่นล่ะ แต่ทว่าทริคในการเล่นหลบหลีกของคริสดูจะช่ำช่องกว่า ไคกับเซฮุนเกือบพลาดท่าหลายครั้ง ทั้งสองฝั่งคอยทำแต้มแข่งกัน มือยาวเดาะบอลพร้อมกับวิ่งตามและหลบหลีกฝ่ายตรงข้าม ไคกับเซฮุนวิ่งเข้ามาดักหน้าคนละข้าง ไม่มีทางที่คริสจะผ่านทั้งสองคนไปได้เลย ร่างสูงยาวเลยตัดสินใจหยุดวิ่งแล้วประคองลูกบาสขึ้นเตรียมพร้อมในท่าชู้ตเพื่อทำสามแต้ม ไคกับเซฮุนวิ่งเข้ามาหมายจะสกัดแต่ร่างสูงยาวกลับกระโดดแล้วปล่อยชู้ตลูกไปแล้ว .... ลูกกลมๆสีส้มลอยละลิ่วลงห่วงไปอย่างสวยงามพร้อมกับเสียงนกหวีดเป่าหมดเวลา
“อ๊ะ...” ชานยอลที่มองตามลูกบาสนั้นร้องออกมาอย่างตกใจ ด้วยไม่คิดว่ามันจะลงและห้องฝั่งตนนั้นจะชนะจริงๆ แต้มห่างกันพียงแค่สามแต้มจากลูกชู้ตสามแต้มเมื่อครู่ ดวงตากลมกระพริบปริบๆมองคนที่ยืนอยู่ที่เดิมที่หันมายิ้มให้ ชานยอลก้มหน้าลงจดคะแนนให้เรียบร้อย เหล่านักกีฬาค่อยๆทยอยเดินมานั่งพักและแน่นอนใครอีกคนก็ด้วย
“อย่าลืมสัญญาล่ะ” ชานยอลที่ได้ยินเสียงกระซิบชิดหูก็เงยหน้าขึ้นมองคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า ใบหน้าคมส่งรอยยิ้มมาให้ ชานยอลยู่หน้าก่อนจะทำเป็นไม่สนใจ ไอ้ไค ไอ้เซฮุน แกนะแกแพ้ทำไมวะ!
“ขอน้ำกับผ้าเช็ดหน้าหน่อยสิ” ชานยอลเหลือบตามองคนตรงหน้าก่อนจะชี้ไปยังด้านหลังที่ในกะบะยังเหลือน้ำและผ้าขนหนูอีกหนึ่งผืน คริสมองตามก่อนจะก้มหน้าลงเพียงนิดเพื่อกระซิบกับคนที่ยังคงก้มหน้าก้มตาจดอะไรก็ไม่รู้ยุกยิกกับสมุดในมือ
“หยิบให้หน่อยสิ วันนี้ฉันอุตส่าห์เล่นชนะเพื่อนายเลยนะชานยอล” แก้มกลมๆเรื่อแดงขึ้นทันควันก่อนที่ชานยอลจะหมุนตัวเดินไปคว้าขวดน้ำกับผ้าขนหนูมาให้ชายหนุ่มแล้วจึงเดินหนีไปหาอาจารย์ผู้สอนเพื่อส่งสมุดจดการแข่งของวันนี้ คริสเพียงแต่กดยิ้มบางแล้วมองตามคนที่เดินหนีไปเท่านั้น
หลังเลิกเรียนคริสก็นั่งรอชานยอลที่ต้องยกกองสมุดการบ้านไปส่งอยู่ในห้องเรียน ห้องเรียนที่ร้างไร้ผู้คนทำให้ใบหน้าคมนิ่งเฉย จะบอกว่าตอนนี้เป็นตัวตนจริงๆของคริส จะมีใครเชื่อหรือเปล่านะ ตอนที่ยังอยู่ที่จีนคริสเคยโดนเรียกว่าเสือยิ้มยากอยู่บ่อยๆแต่ไม่รู้ทำไมพอมาถึงที่นี่ ความรู้สึกมันถึงคุ้นเคยแปลกๆ มันก็เลยทำให้คริสได้ทำตัวสบายๆกับสถานที่แห่งนี้ มันรู้สึกเหมือนใจสงบ อะไรในหัวก็สลายหายไปหมดเหลือแค่ความอุ่นใจและความสบาย ทั้งกายและหัวใจ
ชานยอลเลื่อนเปิดประตูห้องเรียนเข้ามาก่อนจะมองไปยังร่างสูงหลังห้องที่นั่งเท้าคางมองออกไปนอนหน้าต่าง เปลือกตาที่ปิดลงบดบังนัยน์ตาสีมืดที่น่าหลงใหล กลีบปากได้รูปที่แย้มยิ้มบางๆ แสงอาทิตย์จางๆที่อาบไล้ร่างที่นั่งหลับตาพริ้มอยู่นี้พาลให้หัวใจของคนมองเต้นไม่เป็นจังหวะ แก้มกลมค่อยๆร้อนผ่าวและเรื่อซับสีเลือด ชายหนุ่มค่อยๆลืมตาก่อนที่จะหันกลับมามองที่ประตูหน้าห้องเรียนที่มีร่างสูงยาวของใครอีกคนยืนกัดปากมองมาหาตน แสงสีส้มอาบไปทั่วห้องเรียนและพาดไล้อาบกายบางที่ยืนอยู่หน้าห้องด้วย ทั้งสองมองจ้องตากันและ.... หัวใจสองดวงก็เต้นไม่เป็นจังหวะเหมือนกัน
กว่าที่ทั้งสองจะมาถึงห้างใหญ่ก็เกือบมืดและเกือบพลาดรอบที่เร็วที่สุดเสียแล้ว หนังวันนี้ชานยอลไม่รู้หรอกว่ามันคือเรื่องอะไรเพราะพอมาถึงคนตัวสูงกว่าก็ปล่อยมือที่ขอจับมาตั้งแต่หน้าโรงเรียนจนมาถึงโรงหนังนี้แล้วบอกให้ยืนรอตรงหน้า ก่อนที่เจ้าตัวจะหายวับไปยังเคาน์เตอร์เพื่อซื้อตั๋วหนัง ชานยอลยืนหน้ามุ่ยหันมองรอบข้างเพื่อฆ่าเวลาในการรอใครอีกคน แต่ในสายตาก็เหลือไปเห็นใครบางคน ใครบางคนที่เดินเคียงคู่มากับคนรักที่ดูรักกันดี แต่ทว่าชานยอลกลับปวดใจกับทั้งสองคนที่ทรยศตน ถ้าโทรไปเล่าให้เซฮุน ไคกับคยองซูฟังรับรองว่าทั้งสามคนนั้นคงจะแช่งชักหักกระดูกแน่ๆ ก่อนที่ม่านน้ำในตาจะรินไหลกับภาพที่มองเห็น ชานยอลหมุนตัวหนีแต่กลับชนเข้ากับใครอีกคนที่ก็ไม่รู้ว่าเดินมายืนอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้อีกเช่นกัน
“เป็นอะไรหรือเปล่า” คริสทาบมือกับแก้มอิ่มนั้นก่อนที่จะไล้ใต้ดวงตากลมโตเบาๆ ชานยอลก้มหน้าลงแล้วส่ายหน้าน้อยๆ
“รอนานเหรอ? ขอโทษนะกลัวว่าข้างในคนจะเยอะน่ะเลยให้รอข้างนอก” กลีบปากบางสีหวานแย้มยิ้มนิดๆก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองคนตรงหน้าที่ระบายยิ้มบางๆตอบกลับ
“หนังจะเข้าหรือยัง ไปกันเถอะ” คริสเลื่อนมือไปกุมจับกับมือเรียวแล้วพาเดินออกไปจากตรงนั้นด้วยกัน ท่ามกลางสายตาสองคู่ที่มองมา... มีความสุขก็ดีแล้ว ดีกว่าจมอยู่กับอดีตเก่าๆ
หนังที่คริสเลือกดูเป็นหนังรักโรแมนติคแน่นอนเพื่อคนข้างกายโดยเฉพาะแต่ใครละจะรู้ว่าพอหนังเริ่มฉาย ไฟเริ่บดับแสงลง ปาร์คชานยอลก็หลับทันที ... ชานยอลไม่ชอบดูหนัง แหงล่ะ พอเจออากาศเย็นๆ บรรยากาศมืดๆแค่นี้ความง่วงก็เข้ามาทำร้ายชานยอลเสียแล้ว ใบหน้าหวานที่หลับตาพริ้มเอนคอพับคออ่อน ไปอีกทางจนคนที่หันมาเห็นก็ยิ้มบางๆก่อนจะค่อยๆเอนหันของคนหลับให้มาพิงที่ไหล่ของตัวเอง แม้ว่าวันนี้แผนดูหนังจะล่มแต่สองมือที่จับกันอยู่นี้ก็ถือเป็นเรื่องที่ดีนะ แต่ก็แอบจับนั่นล่ะไม่ได้เอ่ยขอก่อน...
กว่าสองชั่วโมงที่คนตัวบางนอนพิงไหล่ของคริสหลับ เมื่อไฟค่อยๆสว่างขึ้นเปลือกตาบางก็ลืมเปิดขึ้นพร้อมกัน ดวงตากลมกระพริบปริบๆมองใบหน้าคมที่อยู่ห่างออกไปเพียงไม่กี่คืบก็ต้องตกใจ รอยยิ้มกวนๆจากริมฝีปากบางนั้นเสียอีกแต่คริสกับไม่พูดอะไรนอกเสียจากยิ้มให้อย่างเดียว เมื่อชายหนุ่มขยับตัวชานยอลก็เพิ่งรู้ตัวว่าตนนั้นนอนซบไหล่ของคนที่ก้มหน้าลงมองจ้องตนอยู่
“กลับกันเถอะ” คริสยื่นมือมาให้ ชานยอลมองมันก่อนที่จะตัดสินใจวางมือลงบนมือตรงหน้า คริสยิ้มอีกครั้งก่อนจะจับจูงพาคนเพิ่งตื่นกลับบ้านเพราะนี่ก็เป็นเวลามืดเสียแล้ว ชานยอลที่เดินรั้งอยู่ด้านหลังมองแผ่นหลังตรงหน้าแล้วก็ยกมือขึ้นแตะริมฝีปากตัวเองที่คล้ายว่าจะหลงเหลือรสอุ่นจางๆ แก้มกลมแดงเรื่ออีกครั้ง ก็ไม่เข้าใจว่าคู่กัดที่กัดกันมาตลอดจะมาใจเต้นด้วยทำไม ... แต่ยังไงก็ใจเต้นไปแล้ว ก็ช่วยไม่ได้ล่ะเนอะ
เมื่อทั้งสองเดินมาถึงบ้านของชานยอลแล้วแต่คริสก็ยังคงยืนอยู่หน้าประตูรั้ว แม้ชานยอลจะไล่เจ้าตัวก็ยังคงยืนเกาะประตูรั้วไม่ยอมไปไหน ชานยอลถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะเปิดประตูรั้วแล้วออกมายืนคุยกับอีกคนที่ยังคงยืนยิ้มบางๆส่งให้ ยิ้มจนชานยอลชักจะสงสัยแล้วว่าคู่กัดคนสำคัญนี้ สติไม่สมประกอบหรือไม่? แม้ว่าระแวกบ้านของชานยอลกับคริสจะอยู่ใกล้กันแต่ทว่ากลับบ้านมืดค่ำก็คงจะไม่ใช่เรื่องดีเท่าไหร่ ยิ่งกับคริสที่เหมือนมาอาศัยโฮมสเตย์ด้วยยิ่งแล้วใหญ่
“มีอะไรจะพูดก็ว่ามา ยืนยิ้มเป็นคนบ้าหน้าบ้านฉันอยู่ได้” คริสเอียงคอก่อนจะยิ้มกว้างๆ
“แบบนี้น่ะเหรอ?” อะโห้ กวนตีนกว่านี้มีอีกไหมครับ!! ชานยอลมองค้อนใส่คนตรงหน้าก่อนจะยกมือขึ้นกอดอกมองอีกคนด้วยสายตาที่ไม่ไว้ใจ
“มีอะไรจะพูดก็ว่ามา” คริสยิ้มอีกครั้ง แต่ชานยอลกลับยิ้มไม่ออก เพราะรู้สึกว่าคนตรงหน้าจะชอบยิ้มกวนเบื้องล่างเสียจริง
“นายไม่ชอบดูหนังเหรอ?” ชานยอลเกาต้นคอเบาๆแก้เขิน แก้มขาวเรื่อสีจางๆแต่สายตาของคริสที่จับจ้องใบหน้าตรงหน้าไม่ละตาก็พอจะมองเห็น
“คือ.. ไม่เชิงไม่ชอบหรอกแต่ว่าพอเข้าโรงหนังทีไร... ฉันก็หลับทุกทีเลย” ชานยอลก้มหน้าลงไม่อยากรับรู้ว่าอีกฝ่ายคงจะหัวเราะตัวเองเป็นแน่ แต่คริสกลับยื่นมือมาลูบกลุ่มผมนิ่มเบาๆ
“แล้วนายชอบอะไร? ถ้างั้นครั้งหน้าเราไปกินข้าวกันนะ” ชานยอลเงยหน้าขึ้นมองคริสอย่างสงสัย
“ใครบอกว่าฉันจะไปกันเล่า!!!!” ตะโกนไล่หลังคนที่เดินหนีไป ร่างสูงยาวเดินล้วงกระเป๋าจากไปพร้อมกับยกมือขึ้นโบก ชานยอลยู่หน้ากับอาการขี้เก๊กเหล่านั้น
“หล่อตายล่ะไอ้เสาไฟหน้าแองกรี้เบิร์ด!!”
แต่จะว่าไป .......... ก็หล่อจริงๆนั่นล่ะนะ...
แล้วชานยอลก็เดินกลับเข้าบ้านไปด้วยใบหน้าที่เปื้อนยิ้มอย่างไม่รู้ตัว ชานยอลไม่รู้หรอกว่าเมื่อใดกันที่ข้างกายตนนั้นจะมีร่างสูงยาวของคริสคอยอยู่เคียงข้างเสมอ ใบหน้าหล่อคมที่ได้จ้องมองใกล้แทบสัมผัสถึงลมหายใจของกันและกันนั้นยังคงติดตาเรียกให้แก้มใสร้อนผ่าวได้ไม่ยากเลย ชานยอลยกสองมือขึ้นปิดแก้มแล้วเดินผ่านมารดากับบิดาที่นั่งดูโทรทัศน์ในห้องนั่งเล่นขึ้นไปบนห้องเรียน กายบางทิ้งตัวลงนอนบนเตียงนุ่มก่อนจะยิ้มกว้างๆเมื่อคิดถึงคำชวนของอีกฝ่าย ...จะไปกินอะไรกันดีนะ~...
ดะเราก็กลับไปเป็นกรรมกรใช้แรงงานต่ออีก ;A; นี่ยังป่วยอยู่นะ แง๊~~~ *วิ่งไปซุกแร้ของนกน้อย* #ตายป่ะเอาจริงๆ 5555
รู้สึกทุกคนจะชอบงอนง้อเราเนอะ อะโห้ แอบส่งลิงค์กันป่ะ? ส่งได้เราไม่ว่า 5555 เอาให้ฟินตายกันไปข้างหนึ่ง คิๆ
ปล. เรามีข่าวดีจะมาบอกล่ะ อ่านปล2.ค่ะ
ปล2. ใครที่อยากอ่านงอนง้อในอีกแง่มุมหนึ่ง ตามไปได้ที่ http://writer.dek-d.com/dek-d/writer/view.php?id=887233 เป็นบ้านหลังเล็กๆสำหรับคนติ่งฮุนยอล ชานฮุน #แต่เราติ่งฮุนยอล XD หรือใครที่ไม่มีอะไรอ่านอยากลองไปอ่านแล้วฟิน(?) ติ่ง(?) เกรียน(?) กับเราก็ตามสะดวกค่ะ ไม่ต้องชอบแต่ไปอ่านคลายเครียดก็ได้ค่ะ #ขายของสุดติ่ง
ปล3. เดี๋ยวจะมีข่าวดีมาบอกอีก แต่ตอนนี้จุ๊ๆ อุบอิบไว้ก่อน คิๆๆๆ
กลับมาฟินกับนกน้อยของเราต่อกันดีกว่า ><
__________________________________________
สองข้างทางเต็มไปด้วยต้นไม้และยอดหญ้าสูง ปลายยอดหญ้าที่ต้องลมสะบัดพลิ้วคลอเคลียฝ่ามือที่ไล้ไปตามยอดหญ้าที่สูงระดับช่วงเอว สองเท้าค่อยๆเดินย่ำบนพื้นดินนุ่มก่อนที่จะมองเห็นหลังไวๆของใครบางคนอยู่ตรงหน้า ด้วยชุดที่สวมใส่ที่ดูแปลกตาสำหรับคนในละแวกนี้แต่ทว่ากับดวงตาคู่นี้ที่ทอดมองมันกลับคุ้นชินอย่างน่าประหลาด เนื้อผ้าลื่นมือกับสีสันของเนื้อผ้าเนื้อดี ....คล้ายกับชุดที่ตนสวมใส่
กายสูงเบื้องหน้าที่ยืนเอามือไพล่หลัง ใบหน้าเชิดมองตรงไปยังภูเขาด้านหน้าที่ตั้งตระหง่านรับกับแสงอาทิตย์ที่ทอแสงอ่อนๆและท้องฟ้าสีฟ้าสดใส ก้อนเมฆปุยขาวกำลังลอยเอื่อย ริมฝีปากคู่นั้นแย้มยิ้มกับทัศนียภาพเบื้องหน้า สองแขนของตนค่อยๆสอดเข้ากอดเอวหนาของใครอีกคน สัมผัสได้ไม่นานคนในอ้อมกอดก็หมุนตัวเข้าเป็นฝ่ายโอบกอดเสียเอง ไออุ่นและไอความรักลอยวนโอบรอบกายพร้อมกับเสียงกระซิบชิดริมหูดั่งเช่นทุกครา
“นกน้อยของข้า ข้ารักเจ้า”
เปลือกตาค่อยๆลืมตื่นขึ้นแล้วนึกไปถึงความฝันเมื่อครู่ ความฝันที่มักจะวนเวียนอยู่แบบนี้เสมอ ความฝันที่ฝันแบบเดิมซ้ำๆ มันเริ่มตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้.. รู้แค่ว่าก่อนที่จะลืมตาตื่นขึ้นมาในโลกแห่งความเป็นจริง เสียงทุ้มหูนั้นจะเอ่ยปลุกทุกเช้า เจ้าของอ้อมกอดแสนอุ่นกับน้ำเสียงนุ่มหู คนที่มองไม่เห็นหน้าว่าเป็นใคร.. แต่รับรู้ด้วยใจว่าจะต้องเป็นคนที่มีความหมายแน่ๆ
ใบหน้าหวานหันมองนาฬิกาหัวเตียงก่อนที่จะสะดุ้งโหยงลุกขึ้นนั่งคว้านาฬิกาปลุกขึ้นมาดูแล้ววางมันลงที่เดิม สองมือตลบผ้าห่มขึ้นก่อนที่จะก้าวลงจากเตียงอย่างไวที่สุดแล้วรีบเข้าห้องน้ำเพื่อทำธุรกิจส่วนตัวทันที เพราะตอนนี้ใกล้จะสายแล้วถ้าหากตนนั้นยังไม่รีบอีก เสียงดังตึงตังที่กำลังวิ่งลงบันไดเรียกรอยยิ้มจากมารดาที่หันมองก่อนจะส่งถุงกล่องอาหารและขนมปังเพื่อเป็นอาหารเช้าให้ลูกชายตัวดีที่ชอบสายประจำ
“ผมไปก่อนนะครับแม่” เจ้าตัวยุ่งคาบขนมปังไว้ในปากก่อนจะเขย่งๆใส่รองเท้าแล้ววิ่งออกจากบ้านไปทันที
“ตั้งใจเรียนนะชานยอล~” และเสียงตอบรับจากหน้าบ้าน เพียงไม่นานในบ้านหลังนี้ก็เงียบสงบไร้เสียงตึงตังที่ลูกชายตัวดีทำทุกเช้า
ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเวลาใกล้สายแล้วแต่ร่างสูงโย่งก็ไม่คิดที่จะเร่งรีบใดๆ สองเท้ายังคงก้าวเดินไปเรื่อยเฉื่อยไปยังป้ายรถโดยสารประจำทางเหมือนกับว่าตอนนี้เป็นเวลาหกโมงเช้า แต่ทว่าตอนนี้นั้นเป็นเวลาเจ็ดโมงครึ่งแล้ว อีกเพียงครึ่งชั่วโมงคาบแรกก็จะเริ่มแล้ว ดวงตากลมหันหน้าออกกระจกรถโดยสารมองทัศนียภาพด้านนอกที่ผ่านตา พลางคิดถึงใครบางคนในฝันดั่งเช่นทุกวันจนเป็นกิจวัตรหนึ่งประจำวันไปเสียแล้ว
ไม่นานชานยอลก็ถึงโรงเรียน ตอนนี้บริเวณนอกอาคารเรียนไม่มีนักเรียนเหลือแล้ว ขายาวถึงได้ก้าวเร็วขึ้นอีกนิด คนตัวสูงโย่งเดินไปตามอาคารเรียนเพื่อเข้าห้องเรียนประจำของตน ใบหน้าน่ารักวาดรอยยิ้มดั่งเช่นเคย แม้ว่ารอบข้างจะมีผู้คนหรือไม่ก็ตามกลายเป็นนิสัยของชานยอลไปเสียแล้ว เสียงดังของครูประจำชั้นดังลอดออกมานอกบานประตูเลื่อนเรียกคิ้วให้ขมวดกันอย่างสงสัย และก้อนเนื้อในอกกลับเต้นรัว.. เต้นจนชานยอลต้องยกมือขึ้นจับมันไว้เมื่อได้ยินเสียงทุ้มนั้นดังขึ้น
“วันนี้เรามีเพื่อนใหม่นะจ๊ะ เขามาในฐานะเด็กแลกเปลี่ยนจากประเทศจีนยังไงก็ฝากดูแลเพื่อนใหม่ด้วยนะ เอ้า มาแนะนำตัวกับเพื่อนๆสิ”
“สวัสดีครับผมอู๋อี้ฟาน เรียกคริสก็ได้ครับ” สิ้นเสียงแนะนำตัวบานประตูก็ถูกเลื่อนเปิดออก สายตาทุกคู่หันมองจ้องมายังบานประตูเลื่อนที่มีร่างของเพื่อนตัวสูงยืนยิ้มกว้างอยู่ตรงนั้น ร่างของเพื่อนใหม่ที่สูงกว่าคนที่เพิ่งมาใหม่สูงกว่าเพียงเล็กน้อย นัยน์ตาคมหันมองก่อนจะส่งยิ้มกลับไปเมื่อรอยยิ้มกว้างนั้นส่งมาหาตน
“ปาร์คชานยอล ครูบอกแล้วใช่ไหมว่าอย่ามาสายอีก” เจ้าของชื่อเดินเข้ามาพร้อมกับรอยยิ้มกว้างมาหยุดยืนอยู่ข้างๆเพื่อนใหม่
“ขอโทษครับ นี่เพื่อนใหม่เหรอฮะ? สวัสดีฉันชื่อชานยอลนะ นายชื่ออะไรนะ? นายเป็นลูกครึ่งใช่เปล่า? ตานายสวยจัง..” ดวงตากลมจ้องมองดวงตาแสนคมคู่นั้น มันดูลึกลับน่าค้นหา... และคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูก
“คริส” คำตอบแค่เพียงสั้นๆเรียกอาการย่นจมูกจากชานยอลได้ไม่ยาก คนอะไรมนุษยสัมพันธ์แย่ชะมัด อุตส่าห์พูดด้วยตั้งหลายคำ
“ไปชานยอล พาเพื่อนใหม่ไปนั่งข้างเธอเลย ฝากดูแลเพื่อนใหม่ด้วยนะ” ชานยอลยังคงยิ้มกว้างตามนิสัย แม้ว่าข้างในจะเข่นเขี้ยวด่ายันโคตรถึงคนข้างกายอยู่ก็ตาม
“ฮะ” ชานยอลเดินออกนำไปยังหลังห้อง โต๊ะสองโต๊ะติดหน้าต่างด้านฝั่งในเป็นของชานยอลและตัวข้างๆที่เคยว่างมานานก็กลับมีร่างสูงของใครอีกคนมานั่งข้างกาย แม้จะน่าดีใจที่ไม่ต้องนั่งคนเดียวแต่ด้วยท่าทีแสนนิ่งเฉยก็ทำให้คนอารมณ์ดีอย่างชานยอลไม่สบอารมณ์เอาได้ง่ายๆ
เมื่อหมดคาบแรกที่เป็นโฮมรูมก็เข้าสู่วิชาเรียนและแน่นอนคาบนี้คือภาษาอังกฤษที่ชานยอลเกลียดแสนเกลียด หนังสือเล่มหนาถูกดึงออกมาจากใต้โต๊ะวางไว้บนโต๊ะเรียนด้านหน้า ถุงดินสอสีดำถูกดึงออกจากกระเป๋ามาวางข้างกัน ชานยอลรู้สึกว่าคนข้างกายขยับเก้าอี้เข้ามาชิดใกล้ .. ชิดจนแขนเราสัมผัสกัน ใบหน้าหวานเงยขึ้นมองคนข้างกายที่มองมาอยู่ก่อนแล้ว
“ขอดูหนังสือด้วยนะ” จบท้ายคำพูดด้วยรอยยิ้มบางๆ แค่นี้ล่ะชานยอลก็วาดรอยยิ้มกว้างแล้วดันหนังสือเล่มใหญ่ไปตรงกลางของสองโต๊ะแต่ทว่าเพื่อนใหม่ก็ไม่ยอมเขยิบเก้าอี้ออกไป ก็มนุษยสัมพันธ์ดีอยู่นินา~
วิชาภาษาอังกฤษที่แสนจะง่วงงุนส่งผลให้ชานยอลวางสองแขนทับกันบนโต๊ะแล้วเอนหัวทับแขนหันหน้าไปยังเพื่อนใหม่ข้างกาย ทนเสียงของอาจารย์หน้าห้องไม่ไหวเปลือกตาบางก็ปิดลงทันทีตัดขากโลกเบื้องหน้าก่อนที่จะได้เห็นรอยยิ้มของใครบางคนที่วาดเสียเต็มหน้า ปลายดินสอกดเขียนคำตอบในหน้าหนังสือให้คนข้างกาย เรื่องพวกนี้คริสไม่จำเป็นต้องเรียนเพราะตัวเขาเรียนผ่านมาแล้วก่อนที่จะแลกเปลี่ยนมาที่นี่
ท้ายชั่วโมงอาจารย์ประจำวิชาสั่งการบ้านให้ทำแล้วส่งพรุ่งนี้เช้า ซึ่งแน่นอนคริสจัดการเขียนคำตอบลงในหนังสือเล่มนั้นแล้ว เมื่อเสียงออดหมดคาบเรียนดังขึ้นเปลือกตาบางที่บดบังลูกตากลมโตก็ค่อยๆลืมขึ้น กายบางหยัดกายขึ้นนั่งก่อนจะยกมือขึ้นบิดขี้เกียจตามความเคยชิด แต่ทว่ามือของตนกลับชนคนข้างๆเสียนี่ ชานยอลหันมองอย่างตกใจก่อนจะค่อยๆนึกออกว่าข้างกายนี้คือเพื่อนใหม่ นัยน์ตาคมที่มองทอดมาเรียกอาการหมั่นไส้จากชานยอลได้มากเป็นหลายร้อยเท่าตัว ...เก๊กอยู่ได้ ไม่เมื่อยหน้าบ้างหรือไง!...
“ชานยอล รายงานเสร็จหรือยัง” เพื่อนในห้องลุกขึ้นเดินจากหน้าห้องมาหาชานยอลที่นั่งอยู่หลังห้อง ดวงตาคู่คมเพียงแค่มองจ้องเฉยๆ
“โอ๊ะ.. เสร็จแล้วๆ เอามาแล้วด้วยลืมให้น่ะ แหะๆ” ชานยอลหยิบกระเป๋าสะพายขึ้นมาเปิดแล้วหยิบเล่มรายงานออกมายื่นให้เพื่อน
“งั้นเดี๋ยวเราเอาไปส่งละนะ” แล้วเพื่อนคนนั้นก็จากไป ทิ้งไว้แค่ชานยอลและคริสที่ยังคงนั่งเงียบอยู่ และชานยอลที่ไม่ชอบความอึดอัดก็หันไปหาเพื่อนใหม่แล้วฉีกยิ้มกว้าง อีกคนเพียงแค่หันมามองเท่านั้นแล้วก็หันหน้ากลับไปตามเดิม ชานยอลที่เห็นแบบนั้นก็ยิ้มค้างก่อนจะอมลมแก้มป่องขัดใจไม่น้อยกับท่าทีเย็นชาของคนข้างกาย คนตัวบางเลยสะบัดหน้าหันไปทางอื่น คริสที่เหลือบตามองก็อดไม่ได้หลุดขำออกมา
“เอ๊ะ??” ชานยอลหันมองคนข้างกายที่ก้มหน้าหัวเราะเบาๆก่อนจะเอียงคอประมวลผลในหัวว่าโดนคนข้างกายแกล้ง
“นายแกล้งฉันเหรอ?” ใบหน้าหล่อคมที่พยายามกลั้นหัวเราะและรอยยิ้มหันมามองคนข้างกายที่ทำแก้มป่อง
“นายนี่มันแย่ที่สุดเลย!!” ทุบกำปั้นลงกับต้นแขนของคนข้างกายก่อนจะมองใบหน้าคมที่ยังคงกลั้นหัวเราะ ชานยอลมองคริสก่อนจะลงความเห็นในใจว่า ต่อจากนี้จะไม่ยอมญาติดีกับไอ้นกแองกี้เบิร์ดนี่แน่นอน!!
“นี่จะไปไหนน่ะ รอกันด้วยสิ” ชานยอลเดินหนีไม่ยอมรอไอ้ตัวสูงยาวด้านหลังที่เดินยิ้มตามหลังมาเลยแม้แต่นิด คนตัวบางยังคงเดินนำก้าวเท้าไวๆเพื่อหนีอีกคน คริสเพียงแค่ก้าวเดิมธรรมดาก็แทบจะตามชานยอลทันอยู่แล้วแต่เจ้าตัวก็เดินรั้งท้ายเดินตามคนที่เดินฟึดฟัดอยู่ด้านหน้า
“เฮ้ย จะรีบไปไหนวะไอ้หูกาง!” ยังไม่ทันที่ชานยอลจะก้าวเท้าเข้าโรงอาหารร่างของใครอีกคนก็โผล่ออกมายืนขวางหน้าพร้อมกับเพื่อนอีกสองคนที่เป็นเพื่อนต่างห้องเพราะคนเดินตามหลังมาไม่คุ้นหน้า
“ไอ้ยานแม่ ไอ้ไค ไอ้โด้! ทำไมเลิกเร็วจังวะ” ชานยอลมองเพื่อนที่กระพริบตาปริบๆมองเลยข้ามตัวเองไป คนโดนเพื่อนเมินเอียงคอก่อนจะหันไปมองบ้างแต่ชานยอลคงจะลืมไปว่ามีใครเดินตามหลังมายืนซ้อนอยู่ด้านหลัง อ้อมแขนโอบเอวของชานยอลไว้เมื่อใครอีกคนหันมาชนแล้วแทบจะผละล้มลงไป
“นายเป็นใคร” เซฮุนกับไคลากชานยอลออกจากอ้อมกอดของคนที่ไม่คุ้นหน้าก่อนที่จะตีหน้าเข้มมองจ้องกับอีกฝ่าย
“อ๊ะ~ หมอนี่เป็นเด็กแลกเปลี่ยนจากจีนน่ะ มาอยู่ห้องฉันเอง ชื่อคริส” ชานยอลหันบอกเพื่อนๆ
“ไปกินข้าวเหอะหิวแล้ว ส่วนนายไม่ต้องตามมาเลยไอ้แองกรี้เบิร์ด!” ชี้นิ้วใส่หน้าเพื่อนใหม่ก่อนจะเดินไปกับแก๊งเพื่อนตัวเองทิ้งให้เด็กใหม่ยิ้มขำอยู่ตรงนั้นคนเดียว
“นายไปให้มันเดินตามมาได้ไงวะ” เมื่อทุกคนซื้อมื้อกลางวันและพร้อมเพรียงกันที่โต๊ะ คยองซูก็จัดการเปิดฉากถามทันที ชานยอลยู่หน้าก่อนจะส่ายหน้าไปมา
“มันเดินตามมาเองเถอะ ใครให้ตามกัน!” นั่งบ่นอยู่ได้ไม่นาน คนที่โดนบ่นถึงก็เดินถือจานข้าวมานั่งด้วย
“ขอนั่งด้วยคนนะ”
“เฮ้ย นายมาได้ไง!!!”
ความประทับใจแรก .... ไม่ค่อยดีเท่าที่ควรแหะ
“เอาล่ะจับคู่กันทำรายงานนะ ตอนนี้ห้องนี้มีคนเพิ่มแล้วนิก็จับคู่ง่ายหน่อย นั่งกับใครก็คู่คนนั้นไปละกันนะ” ดวงตากลมเบิกกว้างมองหน้าครูผู้สอนที หันมองคนข้างๆที่หันหน้ามายิ้มที
“ว่าไงครับ?” คริสที่เห็นคนข้างกายมองหน้าเขานานก็เอ่ยถามออกไปแต่ชานยอลกลับกัดริมฝีปากล่างแล้วสะบัดหน้าหนี คอยดูนะจะไปขอแลกคู่ทำรายงานเลย!!
“ไม่มี ไม่พูดด้วย!!” ขนาดบอกว่าไม่พูดด้วยแต่ก็หันส่งเสียมาหานะดูสิ ใบหน้าคมส่ายหน้ากับความรั้นของคนข้างกาย เมื่อออดเลิกเรียนดังขึ้น ชานยอลก็กวาดของลงกระเป๋าทันทียังไม่ทันที่จะได้ลุกเพื่อนต่างห้องสามคนก็เดินมายืนรออยู่หน้าห้องแล้ว ชานยอลเดินออกไปหน้าห้องและแน่นอนพ่วงด้วยเพื่อนใหม่อีกคน
“นายจะเดินตามมาทำไมกัน!” ชานยอลหันไปแว้ดใส่ก่อนจะสะบัดหน้าหนี คริสเพียงแค่ส่งยิ้มให้อีกคนแต่ไม่ตอบอะไร เป็นการกวนอารมณ์ของชานยอลได้ไม่ยากเลย
“ไปเถอะ คริสนายก็ไปด้วยกันสิ” คนตัวเล็กที่สุดเอ่ยบอกพร้อมกับรอยยิ้ม และแน่นอนชานยอลก็แหวขึ้นตามระเบียบ
“ไอ้โด้ใครให้แกไปชวนตานี่ห๊ะ!! ฉันไม่ไปไหนกับไอ้หน้าแองกรี้เบิร์ดนี่นะ!!” เหลือบมองคนที่ยืนซ้อนอยู่ด้านหลังก่อนจะสะบัดหน้าหนี คริสหลุดเสียงหัวเราะเบาๆก่อนจะเอ่ยบางประโยคที่ทำให้ชานยอลกระแทกส้นเท้าเดินตึงตังไปก่อน
“สะบัดหน้ามากๆระวังคอจะเคล็ดนะครับชานยอล” ไอ้แองกรี้เบิร์ดบ้า!!!!
สามอาทิตย์แล้วที่นักเรียนแลกเปลี่ยนต้องมาเรียนที่เกาหลี และเป็นสามอาทิตย์ที่คริสนั่งข้างชานยอล เป็นสามอาทิตย์ที่ชานยอลกับคริสทะเลาะง๊องแง๊งกันทุกวันไม่เว้นวันหยุดเสาร์อาทิตย์ แต่ถึงกระนั้นไม่ว่าชานยอลจะอยู่ที่ไหน ด้านหลังจะต้องมีชายร่างสูงเดินตามอยู่ทุกทีจนเป็นที่ชินตาสำหรับคนในห้องเสียแล้ว ด้วยความที่คริสมีรูปร่างที่สูงโปร่ง หน้าตาดี ดวงตาคมแสนทรงเสน่ห์จึงทำให้เหล่าสาวน้อยใหญ่แอบหลงรักได้ไม่ยากเลย
แต่ในความจริงแล้วคริสเป็นคนที่เย็นชาเสียจนจะเรียกว่าไร้ความรู้สึกก็ไม่ผิดนัก แต่ก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเวลาตาสายตาดุคมนั้นจับจ้องไปยังชานยอล ดวงตานั้นจะต้องทอแสงวาววับและริมฝีปากบางได้รูปก็วาดรอยยิ้มเสมอไป ... จะเรียกว่าปล่อยความรู้สึกหรือเผลอตัวก็ได้ เพราะคริสคนนี้รู้สึกอยากยิ้มเวลามองชานยอลจริงๆ
วิชาอีกหนึ่งที่ชานยอลเกลียดเข้ากระดูกดำนอกจากภาษาอังกฤษ คณิตศาสตร์ก็มีวิชาพละนี่ล่ะ ไม่ใช่เพราะว่าชานยอลเล่นกีฬาไม่เก่งนะ แต่เพราะเล่นเก่งแล้วตัวสูงเกินไปน่ะสิเพื่อนๆถึงไม่ค่อยยอมให้เขาจับกลุ่มเล่นกีฬาด้วย แต่คาบนี้เป็นคาบรวมของสองห้องเพื่อที่จะใช้แข่งให้คะแนนสอบโดยการให้แข่งบาสเกตบอลกัน และการแข่งก็เสมือนจริง การแข่งนี้ห้องที่ได้ลงแข่งกันคือห้องของชานยอลคริส และห้องเซฮุน จงอินและคยองซู
ทั้งสี่เป็นเพื่อนกันแต่สาเหตุที่ชานยอลไม่ได้เรียนห้องเดียวกับเพื่อนนั้นเป็นเพราะเจ้าตัวทำข้อสอบวิชาคอมพิวเตอร์ไม่ผ่านแต่ดันมัววิชาภาษาอังกฤษผ่าน ด้วยเพราะเหตุนี้ชานยอลเลยได้อยู่สายภาษาทั้งๆที่เกลียดภาษาส่วนเพื่อนทั้งสามได้อยู่สายคอมพิวเตอร์ โคตรเป็นเรื่องที่ชานยอลเจ็บใจมากแต่ก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี กายบางเดินวุ่นกับการเตรียมน้ำและผ้าไว้ให้นักกีฬาด้วยที่ตัวเองนั้นเป็นผู้จัดการทีมบาสประจำโรงเรียน(โดยที่โดนเซฮุนและไคลากมาให้ช่วยคยองซูทำ) ชานยอลกับคยองซูเดินไปห้องชมรมบาสพร้อมกัน
“ฉันได้ยินมาว่าคริสเล่นบาสเก่งมากเลยนะ” อยู่ๆคยองซูก็เปลี่ยนประเด็นพูดเรื่องนี้ขึ้นมาซะเฉยๆ ใบหน้าน่ารักของชานยอลที่กำลังยิ้มแย้มอยู่กลับยู่ลงอย่างหมั่นไส้คนที่พูดถึง
“สู้เซฮุนกับไคไมได้หรอก” ก็สบประมาทไปแบบนั้นล่ะ เพราะไม่ว่ายังไงชานยอลก็จะเชียร์เซฮุนกับไคอยู่ดี
ชานยอลกับคยองซูแยกกันไปคนละฝั่งของสนามเพื่อดูแลนักกีฬาของตน กะบะที่มีขวดน้ำและผ้าขนหนูวางบนม้านั่งเตรียมพร้อม ผู้จัดการทีมที่ต้องคอยจดชื่อ(สำหรับการแข่งรวมห้อง)และคอยจดสกอร์และสถิติซึ่งแน่นอนหน้าที่นี้จะต้องเป็นของชานยอลที่โดนให้ทำประจำอยู่แล้ว ชานยอลจดชื่อลงในตารางบันทึกก่อนที่จะกวาดมองใบหน้าของทุกคนแล้วมาหยุดที่ใบหน้าคมที่มองตนไม่วางตา
“แข่งให้ชนะนะ” เพียงแค่กำลังใจเล็กๆ เหล่านักกีฬาก็ยิ้มรับพร้อมกับส่งสัญญาณว่าจะต้องชนะ ทุกคนเดินออกไปยืนรอเพื่อเริ่มแข่งเกมจะมีก็แต่คริสเท่านั้นที่ยังคงยืนอยู่ที่เดิม
“ยืนอยู่ทำไม ทำไมไม่ไปเตรียมตัว” ชานยอลเลิกคิ้วมองอีกคนที่ยังยืนมองจ้องตาและยิ้มบางๆ
“ขอกำลังใจหน่อยสิ” ชานยอลมองคนข้างตัวก่อนจะเขยิบออกห่าง
“อะไรๆ กำลังใจอะไร!” คริสไม่ตอบแต่แบมือมาตรงหน้าชานยอล ซึ่งเจ้าตัวก็มองด้วยสายตาไม่เข้าใจ
“ขอมือหน่อยสิ” ดวงตาคมที่มองจ้องเหมือนมีพลังอะไรบางอย่างที่ชานยอลที่มองจ้องแล้วจะขัดคำสั่งนั้นไม่ได้ มือเรียวค่อยๆวางลงกับฝ่ามือใหญ่ตรงหน้า เรียวนิ้วเสลาจับเข้ากับมือนั้นก่อนใช้นิ้วหัวแม่มือลูบไล้หลังมือแผ่วเบา
“การแข่งวันนี้ขอแค่นี้ล่ะ ถ้ามีอีกจะขอมากกว่านี้” คริสวาดรอยยิ้มส่งให้คนตรงหน้าที่อ้าปากค้าง พวงแก้มแดงเรื่อ ชานยอลดึงมือออกก่อนจะก้าวถอยหลังแต่มือที่จับกันกลับไม่หลุดออกจากกัน คนตัวสูงกว่าดึงคนที่ทำท่าว่าจะถอยหลังเข้ามาชิด ใบหน้าคมก้มลงกระซิบเบาๆข้างใบหูแดงเรื่อ
“พูดให้กำลังใจฉันหน่อยสิ” ชานยอลใช้สองมือดันหน้าอกกว้างที่แนบแทบจะหลอมรวมเป็นคนเดียวกันให้ออกห่าง
“พะ... พูดอะไรล่ะ ... อ่า.. แข่งให้ชนะนะ” พูดเสียงแผ่ว แต่อยู่ใกล้แค่นี้มีหรือจะไม่ได้ยิน เรียวปากบางยกยิ้มก่อนที่จะผละร่างในที่ก้มหน้านี้ออก
“ถ้าวันนี้แข่งชนะ ไปดูหนังกันนะ” ชานยอลกระพริบตาปริบๆมองอีกคนที่ส่งข้อเสนอมาให้จนชานยอลหมั่นไส้
“เอาสิ ถ้าคิดว่าชนะเซฮุนกับไคได้” ชานยอลยิ้มเยาะเย้ยใครอีกคน แต่คริสเพียงแต่กระตุกยิ้มบางๆ
“เดี๋ยวก็รู้กัน”
แล้วก็รู้กันจริงๆ... ท่วงท่าการเล่นในสนามของคริสนั้นช่างดึงดูดทุกสายตาให้จับจอง ใบหน้าคมที่จริงจังรับกับท่วงท่าที่แสนทรงเสน่ห์ ปฏิเสธไมได้จริงๆว่าร่างที่กำลังวาดลวดลายอยู่ตรงหน้านี้ไม่อาจทำให้ละสายตาได้เลย เซฮุนกับไคที่ว่ามีเสน่ห์และน่าจับตามองยามที่กำลังจริงจังกับการแข่งบาสเกตบอลตรงหน้าแล้ว ยามที่สายตาจับจ้องไปที่ใบหน้าจริงนั้นก็พาลให้หัวใจของคนมองเต้นรัวอย่างเสียไม่ได้
ท่วงท่าการเล่นเซฮุนกับไคนั้นต่างก็มีเสน่ห์พอๆกับคริสนั่นล่ะ แต่ทว่าทริคในการเล่นหลบหลีกของคริสดูจะช่ำช่องกว่า ไคกับเซฮุนเกือบพลาดท่าหลายครั้ง ทั้งสองฝั่งคอยทำแต้มแข่งกัน มือยาวเดาะบอลพร้อมกับวิ่งตามและหลบหลีกฝ่ายตรงข้าม ไคกับเซฮุนวิ่งเข้ามาดักหน้าคนละข้าง ไม่มีทางที่คริสจะผ่านทั้งสองคนไปได้เลย ร่างสูงยาวเลยตัดสินใจหยุดวิ่งแล้วประคองลูกบาสขึ้นเตรียมพร้อมในท่าชู้ตเพื่อทำสามแต้ม ไคกับเซฮุนวิ่งเข้ามาหมายจะสกัดแต่ร่างสูงยาวกลับกระโดดแล้วปล่อยชู้ตลูกไปแล้ว .... ลูกกลมๆสีส้มลอยละลิ่วลงห่วงไปอย่างสวยงามพร้อมกับเสียงนกหวีดเป่าหมดเวลา
“อ๊ะ...” ชานยอลที่มองตามลูกบาสนั้นร้องออกมาอย่างตกใจ ด้วยไม่คิดว่ามันจะลงและห้องฝั่งตนนั้นจะชนะจริงๆ แต้มห่างกันพียงแค่สามแต้มจากลูกชู้ตสามแต้มเมื่อครู่ ดวงตากลมกระพริบปริบๆมองคนที่ยืนอยู่ที่เดิมที่หันมายิ้มให้ ชานยอลก้มหน้าลงจดคะแนนให้เรียบร้อย เหล่านักกีฬาค่อยๆทยอยเดินมานั่งพักและแน่นอนใครอีกคนก็ด้วย
“อย่าลืมสัญญาล่ะ” ชานยอลที่ได้ยินเสียงกระซิบชิดหูก็เงยหน้าขึ้นมองคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า ใบหน้าคมส่งรอยยิ้มมาให้ ชานยอลยู่หน้าก่อนจะทำเป็นไม่สนใจ ไอ้ไค ไอ้เซฮุน แกนะแกแพ้ทำไมวะ!
“ขอน้ำกับผ้าเช็ดหน้าหน่อยสิ” ชานยอลเหลือบตามองคนตรงหน้าก่อนจะชี้ไปยังด้านหลังที่ในกะบะยังเหลือน้ำและผ้าขนหนูอีกหนึ่งผืน คริสมองตามก่อนจะก้มหน้าลงเพียงนิดเพื่อกระซิบกับคนที่ยังคงก้มหน้าก้มตาจดอะไรก็ไม่รู้ยุกยิกกับสมุดในมือ
“หยิบให้หน่อยสิ วันนี้ฉันอุตส่าห์เล่นชนะเพื่อนายเลยนะชานยอล” แก้มกลมๆเรื่อแดงขึ้นทันควันก่อนที่ชานยอลจะหมุนตัวเดินไปคว้าขวดน้ำกับผ้าขนหนูมาให้ชายหนุ่มแล้วจึงเดินหนีไปหาอาจารย์ผู้สอนเพื่อส่งสมุดจดการแข่งของวันนี้ คริสเพียงแต่กดยิ้มบางแล้วมองตามคนที่เดินหนีไปเท่านั้น
หลังเลิกเรียนคริสก็นั่งรอชานยอลที่ต้องยกกองสมุดการบ้านไปส่งอยู่ในห้องเรียน ห้องเรียนที่ร้างไร้ผู้คนทำให้ใบหน้าคมนิ่งเฉย จะบอกว่าตอนนี้เป็นตัวตนจริงๆของคริส จะมีใครเชื่อหรือเปล่านะ ตอนที่ยังอยู่ที่จีนคริสเคยโดนเรียกว่าเสือยิ้มยากอยู่บ่อยๆแต่ไม่รู้ทำไมพอมาถึงที่นี่ ความรู้สึกมันถึงคุ้นเคยแปลกๆ มันก็เลยทำให้คริสได้ทำตัวสบายๆกับสถานที่แห่งนี้ มันรู้สึกเหมือนใจสงบ อะไรในหัวก็สลายหายไปหมดเหลือแค่ความอุ่นใจและความสบาย ทั้งกายและหัวใจ
ชานยอลเลื่อนเปิดประตูห้องเรียนเข้ามาก่อนจะมองไปยังร่างสูงหลังห้องที่นั่งเท้าคางมองออกไปนอนหน้าต่าง เปลือกตาที่ปิดลงบดบังนัยน์ตาสีมืดที่น่าหลงใหล กลีบปากได้รูปที่แย้มยิ้มบางๆ แสงอาทิตย์จางๆที่อาบไล้ร่างที่นั่งหลับตาพริ้มอยู่นี้พาลให้หัวใจของคนมองเต้นไม่เป็นจังหวะ แก้มกลมค่อยๆร้อนผ่าวและเรื่อซับสีเลือด ชายหนุ่มค่อยๆลืมตาก่อนที่จะหันกลับมามองที่ประตูหน้าห้องเรียนที่มีร่างสูงยาวของใครอีกคนยืนกัดปากมองมาหาตน แสงสีส้มอาบไปทั่วห้องเรียนและพาดไล้อาบกายบางที่ยืนอยู่หน้าห้องด้วย ทั้งสองมองจ้องตากันและ.... หัวใจสองดวงก็เต้นไม่เป็นจังหวะเหมือนกัน
กว่าที่ทั้งสองจะมาถึงห้างใหญ่ก็เกือบมืดและเกือบพลาดรอบที่เร็วที่สุดเสียแล้ว หนังวันนี้ชานยอลไม่รู้หรอกว่ามันคือเรื่องอะไรเพราะพอมาถึงคนตัวสูงกว่าก็ปล่อยมือที่ขอจับมาตั้งแต่หน้าโรงเรียนจนมาถึงโรงหนังนี้แล้วบอกให้ยืนรอตรงหน้า ก่อนที่เจ้าตัวจะหายวับไปยังเคาน์เตอร์เพื่อซื้อตั๋วหนัง ชานยอลยืนหน้ามุ่ยหันมองรอบข้างเพื่อฆ่าเวลาในการรอใครอีกคน แต่ในสายตาก็เหลือไปเห็นใครบางคน ใครบางคนที่เดินเคียงคู่มากับคนรักที่ดูรักกันดี แต่ทว่าชานยอลกลับปวดใจกับทั้งสองคนที่ทรยศตน ถ้าโทรไปเล่าให้เซฮุน ไคกับคยองซูฟังรับรองว่าทั้งสามคนนั้นคงจะแช่งชักหักกระดูกแน่ๆ ก่อนที่ม่านน้ำในตาจะรินไหลกับภาพที่มองเห็น ชานยอลหมุนตัวหนีแต่กลับชนเข้ากับใครอีกคนที่ก็ไม่รู้ว่าเดินมายืนอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้อีกเช่นกัน
“เป็นอะไรหรือเปล่า” คริสทาบมือกับแก้มอิ่มนั้นก่อนที่จะไล้ใต้ดวงตากลมโตเบาๆ ชานยอลก้มหน้าลงแล้วส่ายหน้าน้อยๆ
“รอนานเหรอ? ขอโทษนะกลัวว่าข้างในคนจะเยอะน่ะเลยให้รอข้างนอก” กลีบปากบางสีหวานแย้มยิ้มนิดๆก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองคนตรงหน้าที่ระบายยิ้มบางๆตอบกลับ
“หนังจะเข้าหรือยัง ไปกันเถอะ” คริสเลื่อนมือไปกุมจับกับมือเรียวแล้วพาเดินออกไปจากตรงนั้นด้วยกัน ท่ามกลางสายตาสองคู่ที่มองมา... มีความสุขก็ดีแล้ว ดีกว่าจมอยู่กับอดีตเก่าๆ
หนังที่คริสเลือกดูเป็นหนังรักโรแมนติคแน่นอนเพื่อคนข้างกายโดยเฉพาะแต่ใครละจะรู้ว่าพอหนังเริ่มฉาย ไฟเริ่บดับแสงลง ปาร์คชานยอลก็หลับทันที ... ชานยอลไม่ชอบดูหนัง แหงล่ะ พอเจออากาศเย็นๆ บรรยากาศมืดๆแค่นี้ความง่วงก็เข้ามาทำร้ายชานยอลเสียแล้ว ใบหน้าหวานที่หลับตาพริ้มเอนคอพับคออ่อน ไปอีกทางจนคนที่หันมาเห็นก็ยิ้มบางๆก่อนจะค่อยๆเอนหันของคนหลับให้มาพิงที่ไหล่ของตัวเอง แม้ว่าวันนี้แผนดูหนังจะล่มแต่สองมือที่จับกันอยู่นี้ก็ถือเป็นเรื่องที่ดีนะ แต่ก็แอบจับนั่นล่ะไม่ได้เอ่ยขอก่อน...
กว่าสองชั่วโมงที่คนตัวบางนอนพิงไหล่ของคริสหลับ เมื่อไฟค่อยๆสว่างขึ้นเปลือกตาบางก็ลืมเปิดขึ้นพร้อมกัน ดวงตากลมกระพริบปริบๆมองใบหน้าคมที่อยู่ห่างออกไปเพียงไม่กี่คืบก็ต้องตกใจ รอยยิ้มกวนๆจากริมฝีปากบางนั้นเสียอีกแต่คริสกับไม่พูดอะไรนอกเสียจากยิ้มให้อย่างเดียว เมื่อชายหนุ่มขยับตัวชานยอลก็เพิ่งรู้ตัวว่าตนนั้นนอนซบไหล่ของคนที่ก้มหน้าลงมองจ้องตนอยู่
“กลับกันเถอะ” คริสยื่นมือมาให้ ชานยอลมองมันก่อนที่จะตัดสินใจวางมือลงบนมือตรงหน้า คริสยิ้มอีกครั้งก่อนจะจับจูงพาคนเพิ่งตื่นกลับบ้านเพราะนี่ก็เป็นเวลามืดเสียแล้ว ชานยอลที่เดินรั้งอยู่ด้านหลังมองแผ่นหลังตรงหน้าแล้วก็ยกมือขึ้นแตะริมฝีปากตัวเองที่คล้ายว่าจะหลงเหลือรสอุ่นจางๆ แก้มกลมแดงเรื่ออีกครั้ง ก็ไม่เข้าใจว่าคู่กัดที่กัดกันมาตลอดจะมาใจเต้นด้วยทำไม ... แต่ยังไงก็ใจเต้นไปแล้ว ก็ช่วยไม่ได้ล่ะเนอะ
เมื่อทั้งสองเดินมาถึงบ้านของชานยอลแล้วแต่คริสก็ยังคงยืนอยู่หน้าประตูรั้ว แม้ชานยอลจะไล่เจ้าตัวก็ยังคงยืนเกาะประตูรั้วไม่ยอมไปไหน ชานยอลถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะเปิดประตูรั้วแล้วออกมายืนคุยกับอีกคนที่ยังคงยืนยิ้มบางๆส่งให้ ยิ้มจนชานยอลชักจะสงสัยแล้วว่าคู่กัดคนสำคัญนี้ สติไม่สมประกอบหรือไม่? แม้ว่าระแวกบ้านของชานยอลกับคริสจะอยู่ใกล้กันแต่ทว่ากลับบ้านมืดค่ำก็คงจะไม่ใช่เรื่องดีเท่าไหร่ ยิ่งกับคริสที่เหมือนมาอาศัยโฮมสเตย์ด้วยยิ่งแล้วใหญ่
“มีอะไรจะพูดก็ว่ามา ยืนยิ้มเป็นคนบ้าหน้าบ้านฉันอยู่ได้” คริสเอียงคอก่อนจะยิ้มกว้างๆ
“แบบนี้น่ะเหรอ?” อะโห้ กวนตีนกว่านี้มีอีกไหมครับ!! ชานยอลมองค้อนใส่คนตรงหน้าก่อนจะยกมือขึ้นกอดอกมองอีกคนด้วยสายตาที่ไม่ไว้ใจ
“มีอะไรจะพูดก็ว่ามา” คริสยิ้มอีกครั้ง แต่ชานยอลกลับยิ้มไม่ออก เพราะรู้สึกว่าคนตรงหน้าจะชอบยิ้มกวนเบื้องล่างเสียจริง
“นายไม่ชอบดูหนังเหรอ?” ชานยอลเกาต้นคอเบาๆแก้เขิน แก้มขาวเรื่อสีจางๆแต่สายตาของคริสที่จับจ้องใบหน้าตรงหน้าไม่ละตาก็พอจะมองเห็น
“คือ.. ไม่เชิงไม่ชอบหรอกแต่ว่าพอเข้าโรงหนังทีไร... ฉันก็หลับทุกทีเลย” ชานยอลก้มหน้าลงไม่อยากรับรู้ว่าอีกฝ่ายคงจะหัวเราะตัวเองเป็นแน่ แต่คริสกลับยื่นมือมาลูบกลุ่มผมนิ่มเบาๆ
“แล้วนายชอบอะไร? ถ้างั้นครั้งหน้าเราไปกินข้าวกันนะ” ชานยอลเงยหน้าขึ้นมองคริสอย่างสงสัย
“ใครบอกว่าฉันจะไปกันเล่า!!!!” ตะโกนไล่หลังคนที่เดินหนีไป ร่างสูงยาวเดินล้วงกระเป๋าจากไปพร้อมกับยกมือขึ้นโบก ชานยอลยู่หน้ากับอาการขี้เก๊กเหล่านั้น
“หล่อตายล่ะไอ้เสาไฟหน้าแองกรี้เบิร์ด!!”
แต่จะว่าไป .......... ก็หล่อจริงๆนั่นล่ะนะ...
แล้วชานยอลก็เดินกลับเข้าบ้านไปด้วยใบหน้าที่เปื้อนยิ้มอย่างไม่รู้ตัว ชานยอลไม่รู้หรอกว่าเมื่อใดกันที่ข้างกายตนนั้นจะมีร่างสูงยาวของคริสคอยอยู่เคียงข้างเสมอ ใบหน้าหล่อคมที่ได้จ้องมองใกล้แทบสัมผัสถึงลมหายใจของกันและกันนั้นยังคงติดตาเรียกให้แก้มใสร้อนผ่าวได้ไม่ยากเลย ชานยอลยกสองมือขึ้นปิดแก้มแล้วเดินผ่านมารดากับบิดาที่นั่งดูโทรทัศน์ในห้องนั่งเล่นขึ้นไปบนห้องเรียน กายบางทิ้งตัวลงนอนบนเตียงนุ่มก่อนจะยิ้มกว้างๆเมื่อคิดถึงคำชวนของอีกฝ่าย ...จะไปกินอะไรกันดีนะ~...
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น