คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : JOURNEY 05 -END-
หลังจากที่ทำงานหนักจนตอนนี้มีเวลาว่างหนึ่งอาทิตย์เพราะเป็นช่วงเทศกาลพอดิบพอดี ชานยอลกลับไปอยู่ที่บ้านพร้อมกับเจ้าไดอารี่เล่มใหญ่คู่ใจและโน้ตบุคที่เอามาเปิดเพลงฟัง ไม่ได้แตะเจ้าไดอารี่มาหลายเดือนแล้ว ความทรงจำที่ร้อยเรียงมันยังไม่สมบูรณ์เลย ยังดำเนินไปไม่ถึงเท่านั้น ก็ทุกๆวันตัวเขากับเจ้าของความทรงจำก็มันจะมีและสร้างความทรงจำใหม่ๆกันทุกวัน
ไดอารี่เล่มใหญ่ของเขานั้นก็ใกล้จะหมดหน้ากระดาษเต็มทีแล้วแต่ชานยอลก็ไม่ได้นึกหวั่นกลัวอะไรเพราะเขายังมีอีกเล่มหนึ่ง แม้จะไม่ใช่แบบเดิมแต่ก็สามารถใช้มันบันทึกเรื่องราวได้เช่นกัน ชานยอลอยากเป็นนักเขียนด้วย ทุกคนอาจจะยังไม่รู้แต่ทว่าความคิดนี้ผุดขึ้นมาหลังจากที่เห็นใครบางคนที่มีความทรงจำร่วมกับเขาอ่านหนังสือ อ่านพวกมันราวกับมีความสุขเสียเหลือเกิน
ชานยอลอยากจะลองเขียนหนังสือแล้วให้ใครคนนั้นได้อ่านแล้วยิ้มมีความสุขตามไปด้วย ชานยอลก็แค่อยากลองแต่เขาก็ไม่คิดว่าไดอารี่ที่เขาเขียนพวกนี้จะได้ออกมาเป็นหนังสือหรอก อายเขาตายเลยที่ในแต่ละอักษร แต่ละบรรทัดมีแต่ชื่อของใครคนนั้น มีแต่ความทรงจำที่มีร่วมกัน ถึงแม้จะมีเรื่องเล่าอื่นๆด้วยก็ตามเถอะแต่มันก็น่าอายไม่น้อยเลย
แล้วอีกอย่างแนวหนังสือที่เขาคนนั้นชอบอ่านก็ไม่ใช่แนวของชานยอลเสียด้วยสิ จะให้ไปเขียนแบบที่เจ้าตัวชอบอ่านก็คงจะทำไม่ได้ ถ้าเป็นเช่นนั้นคงแค่ได้เขียนไปเรื่อยๆก็แล้วกัน ไว้ถ้าตัวเขาจับพลัดจับผลูมีอายุมากกว่านี้ มีชื่อเสียงมากกว่านี้ก็อาจจะมีหนังสือเป็นของเขาเองก็ได้ มันก็น่าลองและน่าสนุกนะ แต่ตอนนี้เอาเท่าที่มีให้รอดถึงฝั่งก่อนดีกว่า
หมดไปหนึ่งวันกับการจรดปลายปากกาลงกับเนื้อกระดาษเนียนนั้น ชานยอลเองก็ได้แต่เกาหัวมองนาฬิกาเวลาที่เดินไปข้างหน้าเรื่อยๆไม่มีหยุดพัก เขียนมาทั้งวันก็เมื่อยเนื้อเมื่อยตัว ยังไม่มีใครกลับมาบ้านเลยสักคนเพราะฉะนั้นก็เป็นเรื่องดีที่ชานยอลจะหยิบแบบทดสอบของลู่หานออกมาทำต่อ อย่างน้อยชานยอลก็ต้องการสมาธิในการเปิดตำรามากกว่าเวลาอื่น
แต่ทว่าแบบทดสอบที่ลู่หานเขียนให้นั้นยากพอดูเลย ส่วนที่จื่อเทาเขียนให้(คาดว่าคงไปป่วนลู่หานแล้วเห็นเข้าก็เลยอยากจะเขียนบ้าง)นั้นก็ดูค่อนข้างง่ายและอยากจะเอามันฟาดหัวน้องให้รู้แล้วรู้รอดไป ฮวางจื่อเทาคือผู้ชายเท่ๆ ฮวางจื่อเทาน่ารักและเก่งที่สุด ฮวางจื่อเทาเป็นที่สุดของโลก นี่หรือคือแบบทดสอบภาษาจีน?
ฮวางจื่อเทาเป็นแพนด้าน่ะสิถึงจะถูก .. ก็ขอเพิ่มไปอีกสักประโยคก็แล้วกันเนอะ
ทำแบบทดสอบอยู่นานพอดูจนทุกคนก็กลับมาถึงที่บ้านกัน วันนี้คุณแม่บอกว่าจะทำหม้อไฟกินกันเพื่อต้อนรับและแสดงความยินดีที่วงของชานยอลได้รางวัล เจ้าลูกชายก็ไม่ขัดแถมยังขอเข้าไปช่วยแม่และพี่สาวเตรียมอาหารอีก คุณพ่อก็ยิ้มอารมณ์นั่งดูรายการกีฬาที่โซฟาไป
ชานยอลช่วยแม่และพี่สาวเตรียมอาหารอย่างคล่องแคล่วเพราะคุณแม่ชอบทำอาหารและชานยอลก็ชอบตามพี่ยูราเข้ามาในครัว ดังนั้นก็เลยได้เป็นลูกมืออย่างไม่ได้ตั้งใจและเจ้าตัวก็ค่อนข้างชื่นชอบเสียด้วยสิ ร่างโปร่งบางที่กำลังช่วยพี่สาวหั่นเนื้ออยู่นั้นกำลังคิดว่า ถ้าเขาได้เป็นพิธีกรรายการทำอาหารหรือมีรายการทำอาหารเป็นของตัวเองมันก็คงจะสุดยอดไม่น้อยเลย
“ยิ้มทำไมเนื้อมันยิ้มให้เราเหรอ” ยูราเอ่ยแซว ชานยอลก็มุ่ยหน้าใส่
“พี่อ่ะ~ ชานยอลกำลังคิดว่าถ้าได้เป็นพิธีกรรายการอาหารก็ดีน่ะสิ” ยูราและคุณแม่หัวเราะเสียงร่าเริง
“จะได้กินเองจนหมดน่ะหรือชานยอล” คุณแม่หันมาแซวร่วมวง
“โธ่แม่อ่ะ!! แต่ก็จริงนะจะได้กินให้หมดเลยต้องอร่อยแน่ๆ” แล้วชานยอลก็หัวเราะคิกคักผสมร่วมไปกับแม่และพี่สาว
“ก็ว่างั้นแหละ อ้วนจนจะกลิ้งได้อยู่แล้ว” ยูราเอ่ยแซวแล้วมองแก้มกลมๆของน้องชาย ชานยอลมุ่ยหน้าใส่
“ชานยอลอ้วนพี่ก็อ้วนเหมือนกัน ก็เราเป็นพี่น้องกัน” ชานยอลทำหน้าทำตาถือดี ถือว่าเหนือกว่า ยูราส่ายหน้าไปมาแล้วยิ้มขำ
“โอเคๆ อ้วนเหมือนกันก็อ้วนเหมือนกัน” นี่แหละปาร์คยูราที่ตามใจน้องได้ทุกเรื่อง ชานยอลก็ยิ้มร่าอารมณ์ดีเชียว
ยูราเหลือบตามองน้องชายที่ดูจะอารมณ์ดีแล้วก็แย้มยิ้มออกมาบ้าง เมื่อน้องชายของเธอมีความสุขยิ้มได้ เธอก็มีความสุขเช่นกัน เธอเห็นว่าวันนี้ชานยอลใช้โต๊ะตัวเล็กตัวที่เคยถูกทิ้งไว้นานแล้ว กาลเวลาไม่ได้ทำให้คนเปลี่ยนแต่ทำให้คนเข้มแข็งขึ้นและช่วยเยี่ยวยาจิตใจให้ดีขึ้นด้วย
เธอดีใจที่น้องชายของเรากลับมาร่าเริงดั่งเช่นเคยไม่ต้องรู้สึกเจ็บปวดกับสิ่งใดในบ้านอีก แค่นี้เธอก็พอใจแล้ว และเหมือนว่าคุณแม่เองก็สังเกตและสัมผัสได้ ทั้งสองแอบมองกันแล้วยิ้มให้กันอย่างสุขใจที่เจ้าตัวป่วนของบ้านกลับมาร่าเริงเสียที ไม่มีใครลืมใครได้แต่เลือกที่จะจดจำเอาไว้
ก็ความทรงจำที่มีคุณค่าและมีความสุขทั้งนั้น จะลบมันทิ้งก็น่าเสียดายใช่ไหมล่ะ?
หม้อไฟค่ำนี้ผ่านไปด้วยความสนุกและบรรยากาศดีๆ ทำให้บางทีก็เผลอคิดถึงใครบางคนที่ชอบมาที่บ้านเขาแล้วแม่ก็จะทำหม้อไฟกินกันประจำ ความทรงจำที่มีค่าตัวเขาเองก็ไม่สามารถลบเลือนมันออกไปได้และคงจะลบมันออกไปจากใจและสมอง ก็คงต้องมีสักวันที่ตัวเขาจะได้กลับไปมีความทรงจำแบบนั้นอีก
เวลาหยุดหนึ่งอาทิตย์ผ่านไปอย่างรวดเร็ว เวลาแห่งความสุขมักจะผ่านไปไว้เสมอดั่งคำกล่าวที่ว่า ถ้าความสุขอยู่กับเรานานเท่าความทุกข์ คนเราจักเห็นค่าของความสุขได้เช่นไรกัน? ใครคนนั้นขาดการติดต่ออีกแล้ว บางครั้งก็ครึ่งวัน หนึ่งวัน สองวัน ห้าวัน และตอนนี้เป็นอาทิตย์เสียแล้ว ข้อความที่เคยส่งให้ก็ไม่มีการตอบรับและการอ่านเลยสักนิด
ได้แต่มองแล้วก็ถอนหายใจ เขางานยุ่ง ตัวเองก็งานยุ่งเช่นกัน จะมีทางไหนหรือมีเวทีไหนไหมนะที่จะได้ยืนอยู่บนที่เดียวกัน ก็แค่อยากเจอ อยากเห็นหน้า อยากกลับมานั่งล้อมวงพูดคุยกันเช่นดังเดิม แม้จะรู้ว่ายากแต่ก็ยังอยากจะนึกฝัน
ไม่พูดก็ใช่ว่าจะไม่รู้สึก สมาชิกทุกคนก็คิดถึงและยังคงจำได้ทุกเรื่องราว ยังจำความใจดี ความอ่อนโยนและความรักที่อีกฝ่ายมอบให้ได้เสมอแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้แล้วว่าถวิลหามากเพียงใด ยิ่งพวกมักเนที่โดนโอ๋มากกว่าใครก็ยิ่งคิดถึง ... คิดถึงจนแทบจะขาดใจ
หนังของคนไกลคนนั้นที่เข้าฉายที่เกาหลีพวกเราก็แอบไปดูกัน ก็คิดถึงนินะ หรือบางเรื่องที่มีแต่ที่จีนหรือฮ่องกง ถ้าได้ไปพอดีก็จะแอบไปดูกันแต่ถ้าไม่ก็... โหลดบิทดูเอา ขอโทษนะแต่มันหาดูไม่ได้ไง ยังไงก็อย่าว่ากันเลยเนอะ~
ละครของชานยอลถ่ายทำเสร็จแล้วและอีกไม่กี่วันก็จะเป็นการแถลงข่าวก่อนที่ละครจะลงจอ หลังจากที่ถ่ายละครเสร็จเขาก็ต้องไปถ่ายหนังอีกเรื่องที่เขาได้รับบทรอง สักวันปาร์คชานยอลจะก้าวขึ้นเป็นพระเอกแถวหน้าเลยคอยดู!!!
บรรยากาศงานแถลงข่าวก็ไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่นัก เพราะเขาก็เคยแถลงข่าวรายการ อัลบั้ม คอนเสิร์ต หรือแม้กระทั่งรายการเรียลลิตี้มาแล้วเพราะฉะนั้นก็ไม่ได้ตื่นเต้นเท่าที่ควร แต่จะประหม่าก็ตรงที่มีเขาคนเดียวที่อยู่บนเวทีแล้วก็มีพวกคนอื่นๆในวงที่ว่างวันนี้มาคอยป่วนอยู่ด้านล่างเนี่ยสิ ถ้าหลุดคอนเซ็ปต์ผู้ชายมาดแมนแสนซังนัมจาไปไล่จับพวกนั้นก็คงจะไม่ดีนัก มักเนวงนี้น่ะร้ายนัก!
แม้จะเสร็จสิ้นการแถลงข่าวไปแล้วแต่ความสงสัยก็ยังคงอยู่ ชานยอลเลือกที่จะยังอยู่ที่สถานที่จัดงานจนทุกคนทยอยกลับไปจนเกือบหมดตัวเขาถึงเดินออกมาดูพวกหรีดแสดงความยินดีอีกครั้ง จริงๆมันก็ไม่ได้มีอะไรผิดแปลกหรอก เหล่าแฟนคลับ เพื่อนพ้องและพี่สาวส่งมาให้กำลังใจ มันจะไม่ฉุกใจเขาให้รู้สึกเลยถ้าไม่ได้เห็นหรีดแสดงความยินดีที่ดูประหลาดหนึ่งอันเล็กๆที่หลบอยู่ในมุม
หรีดที่ดูแปลกตา มันก็เหมือนคนอื่นนั่นแหละแต่ทว่าไม่มีชื่อเขียน ไม่มีถ้อยคำกล่าวใดมีแต่เพียงแค่พื้นที่ว่างๆและหรีดที่ใช้สำหรับแสดงความยินดีเท่านั้น รู้สึกติดใจแต่ก็ได้เท่านั้นแหละเพราะเขาก็ไม่รู้ว่าจะไปถามไถ่เอาจากใคร ชานยอลถ่ายหรีดอันนั้นไว้แล้วถ่ายรวมๆไว้อัพขอบคุณแฟนๆอีกครั้ง ถึงจะอยากรู้ว่าใครส่งอันนี้มาแต่ทว่าก็ไม่รู้หนทางที่จะถามไถ่ ก็ปล่อยมันไป
ชานยอลเรียนรู้คำว่า ‘ปล่อย’ และปฏิบัติตามได้ทุกครั้งที่คิดว่าจะต้องปล่อยมันไป
ดูห้องสนทนาอีกครั้งก็ไม่มีสิ่งใดเคลื่อนไหว ข้อความยังหยุดอยู่ที่ข้อความเดิมเมื่อเดือนที่แล้ว ร่างโปร่งบางถอนหายใจแล้วไหวไหล่อย่างไม่ใครจะใส่ใจ
“ก็แค่ปล่อยมันไป” พูดเสียงเบาก่อนที่จะเก็บมือถือเข้ากระเป่ากางเกงแล้วเดินออกมา เขายังมีอีกหลายอย่างที่ต้องทำ ยังมีหน้าที่ที่ต้องทำอีกหลายอย่าง
ปาร์คชานยอลเคยถามตัวเอง... ว่าที่เป็นอยู่ทุกวันนี้พอใจแล้วหรือยัง มีความสุขแล้วใช่ไหม ดูโง่เง่ามากไหมที่ยังยึดติดกับอะไรเดิมๆ สองคำถามแรกเขามีคำตอบแต่คำถามสุดท้ายเขายังตอบไม่ได้ ไม่ใช่เพราะรู้สึกโง่เง่าหรืออะไรหรอกแต่เขายังไม่รู้เลยว่าตอนนี้เขารู้สึกแบบไหน ทำไมเขาจะต้องยึดติดอะไรให้มากมายด้วย
ดวงตากลมมองแหวนวงสวยที่สวมอยู่บนเรือนนิ้วยาวของตัวเองแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ หรืออาจจะเป็นเพราะ ‘ความหวัง’ กันนะที่รั้งให้เขาอยู่ตรงนี้และยึดติดกับทุกสิ่งอย่าง
หวังที่จะพบกันอีก หวังที่จะได้ยืนข้างกันอีก หวังที่จะได้เห็นรอยยิ้มอ่อนโยนอีก หวังที่จะได้สัมผัสกับไออุ่นจากฝ่ามือคู่นั้นที่คอยประคอง หวังที่จะถูกความปลอดภัยนั้นโอบล้อม .. หวังที่จะได้เจอคนๆนั้นอีกครั้ง ต่อให้อยู่กันแสนไกลแต่ก็ ‘หวัง’ ที่จะได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง
คำถามอีกมากมายที่ยังคงวนเวียนยังไม่ได้รับคำตอบ และปาร์คชานยอลไม่ใช่คนที่จะเก็บความสงสัยเอาไว้ในหัวได้ตลอดไป เพราะเช่นนั้นเลยยังหวังที่จะได้เจอกันอีก ปลายเรียวนิ้วหมุนวงแหวนที่ใหญ่กว่าเรียวนิ้วของตัวเองเล่นเบาๆ เจ้าตัวจะรู้บ้างหรือเปล่านะว่าการที่เจ้าตัวได้จมอยู่กับภวังค์แล้วหมุนเรือนแหวนนี้เล่น เจ้าตัวกำลังวาดรอยยิ้มและมีความสุขจนคนรอบข้างไม่นึกอยากจะขัด
แต่ถ้าถึงเวลางานแล้วก็คงต้องปลุกจากภวังค์กันเสียหน่อยแล้ว
เมื่อไร้การติดต่อใดๆอีก ชานยอลก็เลือกที่จะนิ่งหายไปบ้าง ครั้งก่อนๆไม่เคยทำได้สำเร็จเพราะต้องมีเหตุให้ได้คุยกันทุกที แต่ครั้งนี้ชานยอลก็จะปล่อยเลยตามเลย ถ้าไม่อยากคุยก็ช่างเถอะ เขาเองก็ไม่อยากจะเป็นฝ่ายแสดงความรู้สึกก่อนอีกแล้ว ไม่ว่าจะเป็นตอนนี้หรือตอนไหนๆชานยอลก็มักจะแสดงความรู้สึกออกมาก่อนเสียทุกครั้ง ก็พอจะรู้ว่าอีกคนเป็นคนขี้อายเลยไม่สันทัดกับการแสดงความรู้สึก .. แต่แค่พูดมันก็ไม่น่าจะยากอะไรนะ หรือเปล่า?
อยู่ด้วยกันมาก็หลายปีแทนที่จะซึมซับไปบ้างแต่ก็เปล่าเลยคริสยังคงเป็นคริสที่ไม่รู้ว่าควรจะแสดงความรู้สึกออกไปอย่างไร จะรู้ก็แต่วิธีเก๊กหน้าตายที่มองยังไงก็สุดจะน่าหัวเราะนั่นแหละ ชานยอลเข้าใจคำพูดของพี่สาวขึ้นมาบ้างแล้วที่บอกว่า บางครั้งเหตุผลมันก็พูดยาก สำหรับคนอื่นอาจจะแค่ยาก แต่สำหรับผู้ชายคนนี้คงจะยากมากเลยด้วยซ้ำ
ชานยอลระบายยิ้มกับไดอารี่เล่มใหญ่ตรงหน้าก่อนที่จะยกแก้วเครื่องดื่มของตัวเองมาดื่มแก้กระหาย ตัวเขานั่งอยู่ในร้านกาแฟที่กึ่งจะเป็นร้านประจำและขาจร ร้านที่ชอบมาบ่อยๆและชอบเดินผ่านทุกครั้งที่มาเดินเล่นหาของกินกับคนในความคิด ตอนนี้เขามีเวลาว่างสองวันก่อนที่จะกลับไปลุยงานถ่ายหนังยาวๆสามอาทิตย์ติด
ถึงแม้จะอยู่ในร้านกาแฟแต่ชานยอลก็ไม่ชอบดื่มกาแฟ เขาดื่มไม่ได้ถึงแม้ว่ามันจะหอมและกลมกล่อมแค่ไหนก็ตาม เขาก็ยังคงสั่งแต่พวกฟรุตตี้เฟรปเป้ก็เท่านั้น แล้วก็พลันนึกไปถึงใครอีกคนที่รายนั้นก็ชอบเข้าร้านกาแฟแต่ก็ไม่ใคร่ดื่มกาแฟเช่นกัน เท่าๆที่คิดดูแล้วพวกเขาก็มีอะไรหลายๆอย่างที่คล้ายกันและบางสิ่งก็อยู่กันคนละขั้ว
สิ่งใดที่นำพาพวกเราสองคนมาเจอกันนะ คนสองคนที่แทบจะอยู่กันคนละขั้วโลกกลับมาเจอกัน รู้จักกันและก็พบว่าเราสองคนกลับเข้ากันได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นอะไรปาร์คชานยอลก็ต้องขอบคุณมัน
ขอบคุณที่ทำให้เขาได้เจอและได้มีคนที่เป็นทั้งพ่อ พี่ชาย และเพื่อนเข้ามาในชีวิต ถือเป็นเรื่องราวดีๆในชีวิตอีกหนึ่งเรื่องเลย ถึงแม้จะมีบางช่วงจังหวะสะดุดไปบ้างแต่ก็ถือเป็นรสชาติของชีวิตที่ให้ได้พบเจอ
ดวงตากลมที่มองออกไปด้านนอกร้านผินกลับมาแล้วก้มลงมองไดอารี่เล่มเดิมที่ถูกเปิดค้างไว้ที่หน้าท้ายๆ เล่มที่สองหน้ากระดาษกำลังจะหมดอีกแล้วสินะ ริมฝีปากอิ่ม สีสดวาดรอยยิ้มขึ้นพร้อมกับปลายนิ้วที่ลูบไล้เนื้อเนียนของกระดาษตรงหน้า ลูบสัมผัสความทรงจำที่ถูกร้อยเรียงออกมาอย่างถนุถนอมและแผ่วเบา เขาก็ยังหวังเพียงว่าคนที่เขานึกถึงจะไม่จามจนป่วยไปเสียก่อน
ชานยอลมองไปยังเก้าอี้ว่างเปล่าตรงหน้าที่มักจะเป็นที่นั่งประจำของใครบางคนแล้วก็วาดรอยยิ้มออกมา อืม.. หรือจะเขียนเล่าเรื่องที่สมัยเจ้าตัวที่เพิ่งเริ่มเรียนภาษาเกาหลีแล้วยังไม่ข้องมากนักแต่กลับริอาจหาญจะไปสั่งเครื่องดื่มมาให้เขากันนะ? โชคร้ายที่วันนั้นพนักงานเสิร์ฟที่พูดภาษาอังกฤษได้ล่ากะทันหันเลยได้พนักงานชั่วคราวมาแทน ภาษามือเลยถูกใช้ในการสื่อสาร
หรือจะเป็นเรื่องที่พวกเขาไปเล่นบาสเกตบอลกันที่ข้างแม่น้ำฮัน สนุกจนลืมไปเลยว่าอีกวันมีงานเช้าก็เลยโดนพี่ผู้จัดการตำหนิ ไหนจะโดนพี่จุนมยอนเรียกไปตำหนิอีก สองพี่ใหญ่อย่างลู่หานและมินซอกอีก เรียกได้ว่าอ่วมกันเลยทีเดียวแต่เขาสองคนก็แอบหัวเราะให้กันเอง เขายังจำได้ถึงฝ่ามือข้างที่เอื้อมมาจับมือของเขา มันอบอุ่นและทำให้เรื่องที่โดนตำหนินั้นดูไม่ค่อยน่ากลัวเท่าที่ควร ทั้งๆที่ก็กลัวเหมือนกันแต่ก็ยังคงปกป้องเขาเอาไว้
“พี่ชายที่แสนดี” ชานยอลกล่าวเบาๆคล้ายกันตรงหน้ามีใครบางคนอยู่จริงๆ
“จะได้เจอกันเมื่อไหร่นะ” ชานยอลเหลือบสายตาไปมองข้างๆไดอารี่ของเรา มีบทหนังวางอยู่คู่กัน ถ้าเขาได้เป็นนักแสดงที่มีชื่อ เราจะได้พบกันหรือเปล่านะ
ชานยอลยกแก้วของตัวเองมาดื่มน้ำดับกระหายอีกครั้งก่อนที่จะคว้าปากกามาจรดเขียนอะไรอีกนิดหน่อยลงในหน้ากระดาษ ริมฝีปากสีหวานยังคงแต้มรอยยิ้มอยู่ไม่จางราวกับกำลังมีความสุขเสียเหลือเกิน
หลังจากที่จรดปากกาส่วนสุดท้ายเสร็จเรียบร้อยเจ้าตัวก็จัดการเก็บของทุกอย่างใส่กระเป๋าสะพายก่อนที่จะจัดการกับขนมและเครื่องดื่มให้หมด
เขานั่งอยู่ที่นี่มาหลายชั่วโมงแล้ว แม้จะไม่ได้เปลี่ยนเครื่องดื่มแต่ขนมที่กินก็เพียงพอที่จะทำให้เด็กกินจุอย่างเขาอิ่มหนำเชียวล่ะ หลังจากที่จัดการขนมและเครื่องดื่มหมดชานยอลก็ลุกขึ้นยืนสะพายกระเป๋าแล้วเดินออกจากร้านไป มือถือถูกยกขึ้นมาดูอีกครั้งในหน้าสนทนาก็ยังคงไร้สิ่งใด ริมฝีปากวาดรอยยิ้มแล้วก็เพียงแค่ไหวไหล่เท่านั้น สองขาก้าวผ่านประตูร้านออกมาแล้วก็ยกมือขึ้นบินไล่ความเมื่อยขบที่นั่งอยู่บนเก้าอี้อยู่นาน
ชานยอลเก็บมือถือเข้ากระเป๋ากางเกง เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้ายามใกล้มืดแล้วก็เริ่มเดินกลับหอพัก สองเท้าก้าวอย่างมั่นคงและรอยยิ้มก็ระบายรับกับสายลมอ่อนที่พัดผ่านมาสัมผัสร่างของตัวเอง ชานยอลผิวปากอย่างอารมณ์ดีเดินไปเรื่อยๆตามเส้นทางที่คุ้นเคยกับกระเป๋าคู่ใจ.. และแหวงวงใหญ่ที่สวมอยู่บนเรียวนิ้ว
ความคิดเห็น