ลำดับตอนที่ #12
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : [SF] มองมาที่ผมสิ
พาร์ทนี้เป็นพาร์ท 2 นะคะ ถ้าใครอยากอ่านพาร์ทแรก ก็กดไปอ่านนะคะ
SF : จีบได้แฟนฉันตายแล้ว (KrisYeol)
อ่านก็ได้ไม่อ่านก็ได้นะคะ
คิดถึงกันไหมคะ? อิอิ วุ่นวายชีวิตมาก 5555555
__________________________________________
ถามว่าผมตกใจกับคำพูดเหล่านั้น…
“เปล่านิฮะ ผมสบายดี” พี่ชานยอลยิ้มให้ แต่เด็กอนุบาลก็ดูออกว่านั่นฝืนธรรมชาติเกินไป พี่มินซอนขมวดคิ้วแล้วทำหน้าหนักใจ
“เจ็บมากไหม” เสียงของพี่มินซอกอ่อนโยนมากเสียจนพี่ชานยอลเริ่มน้ำตาคลอ
“เจ็บอะไรฮะ?” พี่ชานยอลเอียงคอมองด้วยความสงสัย พี่มินซอกยื่นมือไปแนบแก้มป่องๆของพี่ชานยอลแล้วก็ลูบเบาๆ
“จะร้องไห้อยู่แล้วเนี่ย เจ็บมากใช่ไหม” พี่ชานยอลส่ายหน้าเบาๆ แต่ผมแอบเห็นว่าหยดน้ำตานั้นหยดลงกระทบพื้น ซึ่งพี่มินซอกก็คงเห็น
“ผมไม่เป็นไรฮะ เรากลับหอกันเถอะ”
“บ้า ใครวิ่งอะไรไม่มีหรอก พูดไปเรื่อย ฮ่าๆๆ” ผมมองรอยยิ้มและเสียงหัวเราะฝืนๆพวกนั้นแล้วก็เจ็บแปลกในใจ ผมอยากที่จะยื่นมือไปกุมมือพี่เขาจริงๆนะ แต่ก็ไม่กล้า โอเซฮุนขี้ขลาดเกินไป
“ถ้าพี่ฝืนก็อย่าหัวเราะเลย มันไม่ตลกหรอก” ผมก็ไม่รู้ว่าพี่เขาจะโกรธหรือเปล่า เพราะหลังจากผมพูดประโยคนี้จบพี่เขาก็เงียบไปเลย
“กินดิกิน ... อยากกินไก่ทอดอันนั้นอ่ะ” พี่ชานยอลมองไปที่ไก่น้ำผึ้งทอดราดซอสที่อยู่ตรงหน้าพี่คริส ซึ่งผมก็มองตามแล้วก็รู้ว่าพี่เขาคงอยากกินมาก เพราะฝั่งเราไม่มีสักกล่อง
“พี่คริสฮะ หยิบไก่ให้ผมหน่อย” แต่คนที่ถูกเรียกชื่อก็ไม่ได้กระดิกตัวเลยสักมิลเดียว ยังคงก้มหน้ากินในส่วนของตัวเองเหมือนเดิม คนอื่นๆบนโต๊ะต่างก็หันมาสนใจพี่ชานยอลทั้งนั้น
“เดี๋ยวผมหยิบให้” ผมอาสาก่อนที่จะลุกขึ้นยืนแล้วโน้มตัวเอื้อมไปหยิบมาให้ แต่โชคดีหน่อยที่พี่อี้ชิงที่นั่งใกล้ๆพี่คริสยกกล่องไก่ขึ้นมาให้ ส่วนพี่มินซอกที่นั่งอยู่ตรงข้ามกันก็คีบมาให้ผม
“เอ้า นี่ครับ” ผมส่งยิ้มให้แล้วก็วางไก่ทอดชิ้นนั้นไว้บนชามข้าวของพี่ชานยอลที่ดูสายตาจะหมองลงอีกแล้ว
“ขอบใจนะ”
“หยุดสักทีเถอะ... หยุดได้แล้ว” พี่ก็ควรหยุดเหมือนกันนั่นแหละพี่รู้ตัวไหม พี่เป็นแบบนี้แล้วผมทั้งหงุดหงิดแล้วก็เจ็บปวดแค่ไหน ต่อจากนี้ผมจะไม่ยอมให้พี่ต้องเป็นแบบนี้อีก!!
... ของพี่ชานยอลแล้วคว้าผ้าห่มของพี่เขาจากเตียงติดมือมาด้วย ผมรู้ว่าคืนนี้พี่เขาคงอยากนอนในห้องนั่งเล่นมากกว่าแน่นอน คงไม่อยากเห็นหน้าไอ้แพนด้านั่นสินะ กลัวจะไปตะปบมันแน่ๆ หึหึ..
....
ใช่ เริ่มต้นใหม่.. เริ่มต้นวันใหม่ที่สดใสไปด้วยกันเถอะนะ...
โอเซฮุน...
SF : จีบได้แฟนฉันตายแล้ว (KrisYeol)
อ่านก็ได้ไม่อ่านก็ได้นะคะ
คิดถึงกันไหมคะ? อิอิ วุ่นวายชีวิตมาก 5555555
__________________________________________
...ผมใช่ไหมฮะ?...
...ไม่ใช่นาย...
ถามว่าผมตกใจกับคำพูดเหล่านั้น…
โอเซฮุนขอตอบเลยว่า ไม่!! แต่เป็นห่วงใจของคนที่ได้รับคำตอบนั้นมากกว่า
พี่คริสใจร้ายเกินไป... ผมก็ไม่รู้หรอกนะว่าสถานะความสัมพันธ์ของคู่รักเสาไฟในวงจะเป็นอย่างไร จะเป็นแบบที่แฟนคลับจิ้นกัน หรือจะมากกว่านั้น ผมก็ไม่รู้หรอก
ถ้าจะพูดให้ถูกคือ... ผมไม่อยากรับรู้มากกว่า
ผมรู้ว่าไอ้แพนด้าตาดำนั้นไม่ได้คิดอะไรเกินเลยหรอก ซึ่งผมก็รู้ว่าแน่นอนมันคงไม่คิดแต่อีกคนจะคิดไหม อันนี้ผมก็ไม่รู้ หรือพี่เขาคิดอะไรในหัวก็ไม่มีใครเดาออกหรอก อู๋อี้ฟานเป็นคนที่ไม่มีใครเดาความคิดของเขาออกเลยล่ะ
หลังจากจบรายการวิทยุพวกเราก็จะกลับหอกัน ซึ่งแน่นอนว่าเด็กกำลังกิน กำลังนอนแบบพวกผมแก๊งมักแนไลน์(ที่คงต้องนับพี่แบคฮยอนที่พยายามอยากที่จะอยู่แก๊งนี้กับพวกเราสามหนุ่มน้อยเหลือเกิน)จะต้องหิวเป็นธรรมดา ผมกำลังจะเดินไปขึ้นรถก็เจอเข้ากับพี่ชานยอลที่ยืนคุยกับพี่มินซอก พี่มินซอกน่ะเป็นพี่ใหญ่ที่ดีที่หนึ่งเลยล่ะ เพราะพี่มินซอกจะคอยเป็นห่วงและดูแลทุกคน ไม่ว่าใครจะวุ่นวาย งอแงแค่ไหนพี่มินซอกก็จัดการได้เสมอ
“เป็นอะไรชานยอล” พี่มินซอกมองพี่ชานยอลด้วยความเป็นห่วง
“เปล่านิฮะ ผมสบายดี” พี่ชานยอลยิ้มให้ แต่เด็กอนุบาลก็ดูออกว่านั่นฝืนธรรมชาติเกินไป พี่มินซอนขมวดคิ้วแล้วทำหน้าหนักใจ
“เจ็บมากไหม” เสียงของพี่มินซอกอ่อนโยนมากเสียจนพี่ชานยอลเริ่มน้ำตาคลอ
“เจ็บอะไรฮะ?” พี่ชานยอลเอียงคอมองด้วยความสงสัย พี่มินซอกยื่นมือไปแนบแก้มป่องๆของพี่ชานยอลแล้วก็ลูบเบาๆ
“จะร้องไห้อยู่แล้วเนี่ย เจ็บมากใช่ไหม” พี่ชานยอลส่ายหน้าเบาๆ แต่ผมแอบเห็นว่าหยดน้ำตานั้นหยดลงกระทบพื้น ซึ่งพี่มินซอกก็คงเห็น
“ผมไม่เป็นไรฮะ เรากลับหอกันเถอะ”
...พี่เจ็บ ผมก็เจ็บเหมือนกันนะ...
ผมย้ายตัวเองไปนั่งที่เบาะหลังรถคู่กับพี่ชานยอล พี่เขามองออกนอกหน้าต่างด้วยสีหน้าไม่ดีนัก คิ้วก็ขมวดกันยุ่งเชียว ผมว่าพี่เขาคงจะคิดมากเรื่องพี่คริสอยู่แน่ๆ
“ถ้าพี่วิ่งตามไม่ไหวก็หยุดเถอะ” พอสิ้นเสียงผม พี่ชานยอลก็หันกลับมายิ้มให้ รอยยิ้มของแฮปปี้ไวรัสปาร์คชานยอล... เศร้าได้ขนาดนี้เลยเหรอ?
“บ้า ใครวิ่งอะไรไม่มีหรอก พูดไปเรื่อย ฮ่าๆๆ” ผมมองรอยยิ้มและเสียงหัวเราะฝืนๆพวกนั้นแล้วก็เจ็บแปลกในใจ ผมอยากที่จะยื่นมือไปกุมมือพี่เขาจริงๆนะ แต่ก็ไม่กล้า โอเซฮุนขี้ขลาดเกินไป
“ถ้าพี่ฝืนก็อย่าหัวเราะเลย มันไม่ตลกหรอก” ผมก็ไม่รู้ว่าพี่เขาจะโกรธหรือเปล่า เพราะหลังจากผมพูดประโยคนี้จบพี่เขาก็เงียบไปเลย
...พี่อย่าเป็นแบบนี้ได้ไหมครับ คนรออย่างผมเห็นแล้วเจ็บปวด…
พอกลับมาถึงหอก็เป็นปาร์ตี้มื้อดึกที่พวกเรารอคอย~ ผมล่ะรักพี่ซูโฮจริงๆ ที่ให้พี่ผู้จัดการไปเหมาไก่ทอด ซุป ขนมแล้วก็พิซซ่ามาให้เรากิน แม้จะต้องไปซื้อก่อนร้านปิดก็เถอะ มากินตอนเวลาที่ล่วงเข้าไปวันใหม่แล้ว แม้จะเย็นชืดแต่มันก็ยังอร่อยอยู่
พวกเราก็สนุกสนานเริงร่ากับการกิน พูดคุยโหวกเหวกเสียงดังไม่เกรงใจใครเลย แต่จะต้องเกรงใจใครล่ะ ในเมื่อทั้งชั้นมีแค่ 2ห้องซ้าย ขวาเท่านั้นเอง ในขณะที่พวกเรากำลังนั่งกินแล้วก็คุยกันเรื่องโน้น เรื่องนี้กันอย่างสนุกนั้น คนข้างตัวผมกลับนั่งเงียบแถมยังไม่ยอมกินอะไรเลย ทั้งๆที่เขากินจุมากก็ตาม ผมเองก็ทำอะไรไม่ได้ ก็เลยได้แต่นั่งมองเขา
เวลาที่เขาทำหน้าเศร้าหรือเสียใจ ผมก็มักจะรู้สึกไปกับเขา โอเค.. โอเซฮุนอาจจะบ้า.. แต่ผมก็รู้สึกแบบนี้กับพี่ชานยอลแค่คนเดียว ผมอาจจะรู้สึก ‘พิเศษ’ กับพี่เขาโดยที่ผมไม่รู้ตัวก็เป็นได้
แต่ใครจะสนล่ะ... ผมแค่อยากให้พี่ชานยอลมีความสุขแล้วก็ยิ้มได้ แค่นั้นผมก็พอใจแล้ว เพราะผมรู้ว่าเวลานั้นยังไม่ใช่เวลาของผม เวลาของผมยังมาไม่ถึง ...เวลาที่ผมจะได้ยืนอยู่ข้างกายพี่ชานยอลในฐานะคนพิเศษ...
“ไม่กินหรือไงพี่” ผมกระแซะถามคนข้างกายที่เอาแต่นั่งนิ่ง พี่ชานยอลสะดุ้งนิดหน่อยก่อนที่จะหันมามองผมด้วยสายตาปริบๆ นี่ไม่ได้อยากอวดหรอกนะแต่อยากจะบอกว่าเวลาที่พี่ชานยอลทำตาปริบๆน่ะ มันน่ารักที่สุด!!!
“กินดิกิน ... อยากกินไก่ทอดอันนั้นอ่ะ” พี่ชานยอลมองไปที่ไก่น้ำผึ้งทอดราดซอสที่อยู่ตรงหน้าพี่คริส ซึ่งผมก็มองตามแล้วก็รู้ว่าพี่เขาคงอยากกินมาก เพราะฝั่งเราไม่มีสักกล่อง
“พี่คริสฮะ หยิบไก่ให้ผมหน่อย” แต่คนที่ถูกเรียกชื่อก็ไม่ได้กระดิกตัวเลยสักมิลเดียว ยังคงก้มหน้ากินในส่วนของตัวเองเหมือนเดิม คนอื่นๆบนโต๊ะต่างก็หันมาสนใจพี่ชานยอลทั้งนั้น
“เดี๋ยวผมหยิบให้” ผมอาสาก่อนที่จะลุกขึ้นยืนแล้วโน้มตัวเอื้อมไปหยิบมาให้ แต่โชคดีหน่อยที่พี่อี้ชิงที่นั่งใกล้ๆพี่คริสยกกล่องไก่ขึ้นมาให้ ส่วนพี่มินซอกที่นั่งอยู่ตรงข้ามกันก็คีบมาให้ผม
“เอ้า นี่ครับ” ผมส่งยิ้มให้แล้วก็วางไก่ทอดชิ้นนั้นไว้บนชามข้าวของพี่ชานยอลที่ดูสายตาจะหมองลงอีกแล้ว
“ขอบใจนะ”
หลังจากปาร์ตี้มื้อดึกกันเสร็จเรียบร้อย ใครมีหน้าที่ล้างจานก็ไปจัดการ ใครมีหน้าที่เก็บกวาดโต๊ะ ทิ้งขยะก็จัดไปตามนั้น วันนี้ไม่ใช่เวรผม ผมก็เลยหนีไปขออาบน้ำก่อนเพราะถ้าให้ไอ้แพนด้าเข้าก่อนนะ มีหวังไม่ต้องหลับต้องนอนกันพอดี อาบน้ำนานเป็นชาติ! ถามจริง ติดต่อแม่ช่วงช่วงผ่านกระจกหรือไง?
ผมจะออกมาดื่มน้ำก่อนเข้าห้องนอน ไม่รู้เป็นอะไรชอบดื่มน้ำก่อนนอน รู้ทั้งรู้ว่ากลางดึก(หรืออาจจะใกล้ๆรุ่งเช้าเพราะนอนก็ดึกมาก)จะต้องลุกขึ้นมาเข้าห้องน้ำทุกที พอเดินออกมาผมก็เห็นพี่ชานยอลนั่งนิ่งๆอยู่ที่โซฟาในห้องนั่งเล่น แม้ห้องจะมืดสลัว แต่ด้วยดวงตากลมโตของพี่เขาทำให้ผมมองเห็นแววตาที่สั่นระริกในความมืดนั้นได้ชัดเจน มันทั้งเศร้าแล้วก็เสียใจ หดหู่จนผมปวดแปล๊บๆที่หน้าอกด้านซ้ายอีกแล้ว
ถ้าพี่เจ็บ.. พี่อยากร้องไห้ พี่ก็ร้องออกมาเถอะ อย่าเก็บมันเอาไว้เลย.. ถ้าเขาไม่เห็นคุณค่าของพี่ พี่ก็อย่าไปใส่ใจเขา อย่าไปรักเขา อย่าไปวิ่งตามเขาให้ตัวพี่ดูไร้คุณค่าอีกเลยได้ไหม ผมเคยพูดไว้ว่าผมจะคอยอยู่เคียงข้างพี่ ผมกำลังรอคอยมันด้วยความหวังลมๆ แล้งๆของผมว่าสักวันมันอาจจะเป็นเวลาของผม เป็นโอกาสของผมที่ผมจะได้เข้าไปยืนเคียงข้างพี่
โอเซฮุนก็แค่อยากอยู่ใกล้ๆคนที่รักเท่านั้นเอง
“พี่โคตรใจร้ายเลย รู้ตัวไหม” เสียงของพี่ชานยอลลอยตาลมมาเบาๆ แต่ผมก็ได้ยิน เพราะรอบด้านนี้มีแต่ความเงียบและเราแค่สองคน พี่กำลังร้องไห้อยู่จริงๆสินะ พี่ถึงไม่อยากให้ใครเห็นน้ำตาของพี่ ใช้.. ผมก็ไม่อยากเห็น เพราะยิ่งเห็นผมก็ยิ่งรู้สึกเจ็บที่หัวใจและนึกเกลียดใครอีกคนที่ทำให้พี่เจ็บ
“หยุดสักทีเถอะ... หยุดได้แล้ว” พี่ก็ควรหยุดเหมือนกันนั่นแหละพี่รู้ตัวไหม พี่เป็นแบบนี้แล้วผมทั้งหงุดหงิดแล้วก็เจ็บปวดแค่ไหน ต่อจากนี้ผมจะไม่ยอมให้พี่ต้องเป็นแบบนี้อีก!!
พี่ชานยอลในสายตาของผมยกมือขึ้นปาดแก้ม ต่อให้เด็กอนุบาลมาเห็นก็ต้องเข้าใจว่าพี่ชานยอลกำลังร้องไห้ หยดน้ำตาที่เจ็บปวดกำลังไหลริน ซึ่งผมยอมไม่ได้อีกเด็ดขาด ผมคงต้องเลือกแล้วว่า ‘ผมจะคอยดูแลพี่ชานยอลเงียบๆต่อไปในความมืดโดยที่เขาไม่รู้ตัว หรือ จะแสดงตัวให้เขารู้ไปเลยว่า ไม่ว่ายังไงเขาก็ยังมีผมอยู่อีกคนที่จะคอยอยู่ข้างๆเขา’
พี่เห็นพี่เขาหยิบไอโฟนออกมา ไม่รู้ว่าเขาจะแชทไปหาใครอีกคนหรือเปล่า เพราะผมสังเกตนะว่าเขาสองคนจะชอบแชทหากันทั้งๆที่นั่งอยู่ข้างกัน ทำเหมือนโลกนี้มีแค่เขาสองคน มีแค่กันและกัน.. ทั้งๆที่จริงๆแล้วในโลกใบนั้นก็มีผมที่คอยยืนมองอยู่ตรงนี้เหมือนกัน.. รอยยิ้มที่มีความสุข รอยยิ้มที่สมกับเป็นปาร์คชานยอลประดับอยู่บนใบหน้านั้น
...ผมว่า ผมรู้แล้วล่ะว่าผมจะเลือกอะไร...
ผมหันหลังเดินกลับเข้าห้องนอน...
... ของพี่ชานยอลแล้วคว้าผ้าห่มของพี่เขาจากเตียงติดมือมาด้วย ผมรู้ว่าคืนนี้พี่เขาคงอยากนอนในห้องนั่งเล่นมากกว่าแน่นอน คงไม่อยากเห็นหน้าไอ้แพนด้านั่นสินะ กลัวจะไปตะปบมันแน่ๆ หึหึ..
พอผมกลับมาพี่เขาก็ลงนอนที่โซฟาจริงๆ ผมก็เลยจัดการคลี่ผ้าห่มแล้วคลุมให้พี่เขา ผมเลื่อนปลายนิ้วไปปัดปอยผมที่เคลียข้างแก้มป่องที่ผมชอบออก ผมนั่งมองใบหน้ายามหลับของพี่ชานยอล ผมเคยเห็นมานับครั้งไม่ถ้วนแล้วล่ะ แต่ผมก็ยังชอบมอง..
เขาชอบพูดบ่อยๆว่าเขาน่ารัก.. ใช่ เขาน่ารักมากจริงๆ น่ารักจนทำให้ผมรักหลงรักได้เลยล่ะ ผมรู้สึกตัวว่าผมกำลังยิ้ม ยิ้มกว้างมากเสียด้วยล่ะ ผมลูบแก้มของเขาเบาๆก่อนที่จะก้มลงจรดปลายจมูกไว้ที่แก้มและวางริมฝีปากของผมไว้ที่ปลายมุมปากของเขา
เพียงแค่นี้ผมก็สั่นไปทั้งใจแล้วล่ะ.. ถ้าพี่เขาตื่นขึ้นมาผมว่าผมคงหัวใจวายตายไปแล้วแน่ๆเลย แล้วที่นี้ EXO คงเหลือสมาชิกแค่ 11คน ฮ่าๆๆ
“ฝันดีนะครับ เริ่มต้นใหม่ด้วยกันนะครับ” ผมลูบแก้มเขาอีกครั้งก่อนที่จะลุกขึ้นแล้วหันหลังเดินกลับเข้าห้งอนอนของผมไปนอน
ผมหวังว่าการเลือกครั้งนี้ของผมจะไม่ผิด ไม่มีใครกำหนดให้ ผมกำหนดของผมเองได้
....
...
..
.
ชานยอลที่นอนหลับตาพริ้มค่อยๆลืมตาเมื่อรู้สึกว่าใครอีกคนที่แอบมาลักหลับจูบเขานั้นเดินห่างออกไป แผ่นหลังของน้องเล็กในวงที่เดินกลับเข้าห้องนอนเรียกให้คนที่เพิ่งโดนลักหลับมาวาดรอยยิ้มเสียเต็มแก้ม เมื่อน้องเดินเข้าห้องไปจนเสียงปิดประตูนั้นสงบลง ชานยอลก็ดึงผ้าห่มขึ้นมาปิดปากที่กำลังยิ้มไม่หุบก่อนที่จะปิดเปลือกตาลงเพื่อเข้าสู่นิทราผัน...
ใช่ เริ่มต้นใหม่.. เริ่มต้นวันใหม่ที่สดใสไปด้วยกันเถอะนะ...
โอเซฮุน...
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น