ลำดับตอนที่ #11
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : [SF] Kai x Chen - What is love?
Title: What is love?
Pairing: Kai x Chen
Author: BettyNoona
Note: โปรเจ็คพิเศษที่ไม่รู้มาได้ไง แต่เราก็ชอบนะ อิอิ
บางทีความรักก็เข้าใจยากเหมือนใครบางคน
บางทีความรักก็อาจจะไม่ได้หอมหวานเหมือนที่ใครหลายคนเข้าใจ
บางทีความรักก็อบอุ่นเสียจนหัวใจสั่นไหว
บางทีความรักก็คอยอยู่เคียงข้างให้รับรู้
แท้ที่จริงแล้วความรักคืออะไรกันแน่นะ?
“อะไรน่ะ” ปลายนิ้วหยิบโพสอิทสีขาวเรียบๆที่แปะอยู่หน้าห้องออกมาดู กระดาษสีขาวที่ไร้ซึ่งตัวอักษร ดวงตาของคนสงสัยหันมองซ้ายขวาแต่ก็ไม่พบใครสักคน
“มายืนทำอะไรตรงนี้น่ะจงแด” เสียงทุ้ม เนือยๆดังขึ้นด้านหลังพร้อมกับฝ่ามือที่จับไหล่ไว้ จงแดหันไปยิ้มให้เพื่อนห้องตรงข้าม
“ไงจงอิน ไม่มีเรียนหรือไง” เอ่ยถามเมื่อเห็นเพื่อนตรงข้ามห้องหน้ามึนที่อยู่ในชุดลำลองบ่งบอกเลยว่านอนคลุกอยู่ในห้องทั้งวัน
“ตื่นไม่ทัน” จงแดกระพริบตาปริบๆแล้วก็หัวเราะ
“ก็ไม่แปลกนะถ้านายจะตื่นไม่ทัน นายก็หลับตลอดเวลาอยู่แล้วนิ” จงแดยังคงหัวเราะต่อไป จงอินเลิกคิ้วมองคนตรงข้ามที่ยังคงหัวเราะไม่ยอมหยุด
“หิว” สั้นๆ ง่ายๆ และได้ใจความ
“ไปหาอะไรกินกันไหมล่ะ นี่ก็เพิ่งกลับมายังไม่ได้หาข้าวกินเลย” จงอินไม่ตอบแต่ก็ออกเดินนำเรียกให้คนที่หมายว่าจะไขกุญแจเข้าห้องต้องเดินตามไปด้วย
นอกหอพักนักศึกษาตึกนอกด้านข้างก็เป็นตลาดนัดที่มีทั้งของกินและเครื่องใช้ต่างๆ จงอินเดินนำจงแดเข้าไปเพื่อหาอาหารมื้อเย็นทานกัน ก็คงไม่แปลกที่จงอินจะมาทานมื้อเย็นกับจงแดแทบจะทุกวันก็ทั้งสองเป็นเพื่อนตรงข้ามห้องกัน เรียนมหาวิทยาลัยเดียวกัน ก็แค่คนละคณะเท่านั้น
“จะเอาอะไร” หลังจากที่หาที่นั่งได้จงอินก็เอ่ยถามก่อน จงแดหันไปมองที่หน้าร้านก่อนที่จะหันกลับมายิ้ม
“เอาเหมือนนายล่ะกัน เร็วดี”
“ป้าครับ ข้าวขาหมูพิเศษเพิ่มไข่ เพิ่มไส้ครับ!” จงอินตะโกนสั่งให้ จงแดยิ้มรับก่อนที่จะมองออกไปนอกร้านข้าวขาหมูเพื่อหาเครื่องดื่ม
“นายเอาน้ำอะไรเดี๋ยวไปซื้อ”
“อะไรก็ได้” สั้นๆ ง่ายๆ ตามสไตล์คิมจงอิน
จงแดลุกขึ้นจากโต๊ะแล้วก็แบะปาก ‘อะไรก็ได้’ นี่แทบจะเป็นคำติดปากของคิมจงอินเลยนะเวลาที่ไม่ต้องการใช้สมองน่ะ แอบหันเหลือบไปมองเพื่อนตรงข้ามห้องที่นั่งเท้าคางหน้ามึนคล้ายว่าจะหลับก็แอบขำเบาๆ นายนี่มันง่วงได้ทุกที่ ทุกเวลาสิน่า!
“เอาแตงโมปั่นแก้วหนึ่งครับ” จงแดมองลูกมะนาวสีเขียวสดที่อยู่ในตะกร้าแล้วก็ยกยิ้มหมายว่าจะสั่งน้ำมะนาวให้คนที่ ‘อะไรก็ได้’ เสียหน่อย
“งั้นเปลี่ยนเป็นสองแก้วเลยครับ” ใจหนึ่งก็อยากแกล้งแต่ทว่าต่อให้ตนซื้ออะไรไปให้จงอินก็ยอมกินมันอยู่ดี แม้ว่ากินเข้าไปแล้วจะแพ้ก็ตาม ครั้งหนึ่งจงแดเคยแกล้งเอาน้ำมะนาวไปให้ปรากฏว่าจงอินท้องเสียเพราะกินรสเปรี้ยวมากๆไม่ได้
“เอ้าน้ำ” จงอินลืมตาขึ้นแล้วรับแก้วน้ำมาดูด รสหวานของมันเรียกให้คนที่ใกล้จะหลับมีสติขึ้นมาอีกนิด ก็แค่นิดเดียวนั่นล่ะ
“ขอบใจ” จงแดยิ้มรับบางๆ จากนั้นก็ไม่มีเสียงสนทนาอีกเลย ทั้งสองก้มหน้าจัดการเจ้าอาหารจานน่าทานตรงหน้า จงอินเป็นคนที่พูดน้อยแทบนับคำได้อยู่แล้ว ส่วนจงแดเองก็พูดน้อยกลับคนแปลกหน้าแต่ถ้าไม่ใช่ล่ะก็...
“วันนี้นะฉันเข้าคลาสคำนวณเรียนไม่เห็นจะเข้าใจสักอย่างเลย ไอ้พวกชานยอลก็ส่งเสียโวยวายจนเรียนไม่รู้เรื่องเลย” จงแดคุยเจื้อยแจ้วต่างจากอีกคนที่นั่งทานข้าวเงียบๆ
“วันนี้เหมือนฉันจะเห็นเพื่อนนายที่ตัวสูงๆหอบงานไปส่งอาจารย์ด้วย แล้วนายส่งหรือยังน่ะ” จงอินพยักหน้ารับทั้งๆที่ยังก้มหน้ากินข้าวอยู่
“คาบสุดท้ายวันนี้ฉันเรียนภาษาอังกฤษ อาจารย์ก็ให้งานมาอย่างเยอะไหนจะรายงาน ไหนจะต้องพรีเซ็นต์อีก ไม่เข้าใจอาจารย์เลยจะสั่งงานเยอะๆทำไม”
“แล้วนี่นะตอนขากลับพวกผู้หญิงแฟนคลับนายก็ล้อมฉันถามหานายอีก ฉันก็ไม่รู้ว่าจะถามหานายกับฉันทำไม หน้าฉันเหมือนนายหรือก็เปล่า สงสัยว่าพวกนั้นจะสับสนนะฉันว่า”
“แล้วคืนนี้ฉันก็ต้องนั่งทำโปรแกรมพรีเซ้นส์ของคณะอีก อะไรก็ไม่รู้ เยอะแยะไปหมดเมื่อไหร่จะเรียนจบก็ไม่รู้ แต่พอเรียนจบก็ไม่รู้จะไปหางานที่ไหนอีก เฮ้อ~ เหนื่อยอ่ะจงอิน” จงอินก็ยังคงนั่งก้มหน้าทานข้าวและฟังเสียงแจ้วๆของคนตรงข้ามไป คล้ายว่าคิมจงอินคนนี้ไม่สนใจคำพูดมากมายของคนตรงข้ามแต่จริงๆแล้วจงอินรับรู้และรับฟังมันทุกคำ
หลังจากทานข้าวเสร็จจงแดก็ขอไปเดินซื้อเสบียงตุนไว้เพราะคาดว่าคืนนี้อาจจะต้องนั่งทำโปรแกรมพรีเซ้นส์ทั้งคืน น่าแปลกที่คนบอกว่าจะซื้อขนมกลับเดินถือแค่ถุงลูกชิ้นอย่างเดียว แต่คนที่เดินมึนๆตามหลังนั้นน่ะสองมือเต็มไปด้วยถุงใส่ขนมทั้งนั้น
คนเดินตามก็คอยมองคนที่เดินตรงหน้าไว้ แม้จะดูมึนๆ ง่วงๆแต่จงอินก็คว้าตัวจงแดทันก่อนที่เด็กสูงเท่าเอวเขาจะวิ่งชนคนข้างหน้าพร้อมแก้วน้ำแดงในมือ จงแดบอกขอบคุณเบาๆก่อนที่จะเดินนำหน้าแต่แล้วก็ต้องหันมามองคนที่เดินตีคู่ขึ้นมาเดินข้างๆ
“เดี๋ยวโดนชนอีก” จงแดยิ้มกว้างแล้วเดินกินลูกชิ้นปิ้งอย่างสบายใจ แน่นอนว่าคิมจงแดสบายใจที่สุดล่ะที่มีบอดี้การ์ดหน้ามึนส่วนตัวคอยเดินอยู่ข้างๆ
“เข้ามาก่อนไหม” หลังจากที่ซื้อเสบียงมาตุนไว้เรียบร้อย ทั้งสองก็เดินกลับขึ้นหอพัก จงอินยืนอยู่หน้าประตูไม่ตอบแต่ก็เดินเข้าไปตามคำเชื้อเชิญและบานประตูที่เปิดออกกว้างเพื่อต้อนรับ
“ตามสบายนะ ยังไม่ได้เก็บห้องเลย” จงแดเดินไปเปิดแอร์และเปิดโน๊ตบุค จงอินวางถุงทั้งหลายลงที่โต๊ะญี่ปุ่นตัวเล็กชิดริมผนังห้อง จงอินมองที่บอกว่าไม่ได้เก็บแล้วก็กระตุกยิ้มบางๆ ถ้าสะอาดเรียบร้อยเช่นนี้เรียกว่าไม่ได้เก็บห้องของตนก็คงยิ่งกว่าไม่ได้เก็บเสียอีก จงแดไม่ใช่คนที่จะอยู่ในสถานที่รกๆได้ คิมจงอินรู้ดี
“ค้างที่นี่ได้ไหม” จงแดที่นั่งเตรียมพร้อมทำงานหมุนเก้าอี้กลับมายิ้มกว้างส่งคืนให้ผู้ชายหน้ามึนที่ถือวิสาสะนั่งบนเตียง
“ก็ตามใจสิ” ว่าแล้วก็หมุนตัวกลับไปนั่งทำงานต่อ จงอินค่อยๆถดตัวลงนอนตะแคงแล้วหันมองแผ่นหลังของคนที่นั่งทำงานอยู่หน้าโน๊ตบุค ริมฝีปากได้รูปค่อยๆวาดรอยยิ้มแล้วไม่นานจงอินก็หลับไป หลับไปทั้งๆที่ภาพยังคงติดตา แผ่นหลังเล็กที่นั่งพิงพนักเก้าอี้ เพียงแค่มองก็อุ่นไปทั้งใจ
จงอินหลับไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ รู้แต่ว่าเมื่อลืมตาขึ้นแผ่นหลังเล็กๆนั้นก็ยังคงนั่งเหยียดตรงแล้วสองมือก็ยังคงพรมกับโน๊ตบุคคู่ใจเช่นเดิม จงอินค่อยๆลุกขึ้นจากเตียงแล้วเดินไปซ้อนหลัง นิ้วมือเย็นชืดบีบไหล่เล็กตรงหน้าที่คาดว่าคงจะปวดอยู่ไม่น้อย
จงแดหันกลับมามองเพื่อนหน้ามึนที่มายืนนวดไหล่ให้ จะบอกว่าเมื่อยมากแต่ก็หยุดไม่ได้เพราะยังไงมันก็ต้องเสร็จ รอยยิ้มเล็กๆที่ส่งกลับมาแทนคำว่าขอบใจของจงแด จงอินรับรู้แล้วจึงส่งรอยยิ้มเล็กๆให้ ยืนนวดได้สักพักจงอินก็ละมือจากไหล่เล็กนั้นแล้วโอบรอบคอของคนปั่นงานเสียหัวยุ่ง
“พักหน่อยไหม เดี๋ยวทำต่อให้” ดวงตากลมมองจ้องจอตรงหน้าแล้วก็เลิกคิ้ว อืม.. เหมือนเคยเห็นใครทำอยู่ ก็คงทำได้ล่ะ
“ไม่ล่ะ ไปนอนเถอะกินขนมก็ได้นะยังไม่ได้กินเลย” จงแดลูบท่อนแขนที่โอบตัวเองเบาๆ
“ทำไมถึงไม่กิน” จงอินผละออกไปค้นหาของกินแล้วหิ้วมากองไว้ข้างๆโน๊ตบุคนั้น มือยาวลากเก้าอี้ที่วางหลบมุมออกมานั่งก่อนที่จะเริ่มค้นของกินอีกครั้ง
“รอคนป้อนอยู่มั้ง” จงแดยิ้มทั้งๆที่ดวงตาและมือก็ยังคงประสานกันทำงานและแน่นอนว่าคนที่ว่างแสนว่างแต่ก็ยังแสนมึนก็ยอมป้อนขนมนั้นและกินไปด้วยกันในยามค่ำคืนนี้
“แล้วจะเสร็จไหมล่ะคืนนี้” จงแดย่นจมูกกับคำถามของคนข้างกาย
“จะเสร็จหรือไม่เสร็จฉันก็ต้องพรีเซ้นส์พรุ่งนี้แล้ว”
“แล้วทำไมถึงเพิ่งมาทำ” จงแดหรี่ตาลงแล้วเหลือบมองใครอีกคนด้วยหางตา
“ก็ข้อมูลส่วนสุดท้ายมันถึงส่งมาถึงฉันนิ ถึงต้องมาเร่งทำอยู่นี่ไงล่ะ นายนี่ก็พูดมากจังนะจงอิน” คนที่ถูกหาว่าพูดมากยกมือขึ้นยอมแพ้ก่อนที่จะเอาใจปรนนิบัตรพัดวีคุณชายที่ต้องแสนลำบากทำงานหนักอย่างตรากตรำต่อ
“ถ้าสอบเสร็จไปเที่ยวกันไหม” อยู่ๆจงอินก็เอ่ยขึ้นทำเอาสองมือที่กำลังเร่งงานชะงัก
“นายว่าอะไรนะ?” จงแดหันไปมองคนที่เจือรอยยิ้มบางๆ
“ไปเที่ยวกัน” เมื่อเห็นเรียวคิ้วเลิกขึ้นอย่างสงสัยก็เอ่ยสำทับไปอีก “ไปภูเก็ตกัน”
“ภูเก็ต? บ้านนายน่ะเหรอ? ไม่เอาดีกว่า”แล้วจงแดก็หมุนตัวกลับมาทำงานต่อ
“ทำไม”
“นายจะพาฉันไปหาพ่อแม่นายใช่ไหมล่ะ ฉันไม่ไปหรอก”
“พ่อแม่ฉันอยากเจอนายจะตายไป” จงแดถอนหายใจแล้วหันมาหาจงอิน
“แต่ฉันไม่พร้อม นายก็รู้ว่าความหวังของพ่อแม่นายคืออะไรแล้วจะให้ฉันไปทำไม”
“พวกเขาเปลี่ยนความคิดแล้ว ไปเถอะ ไปให้รู้ว่าพวกเขารักนายจริงๆ” จงอินจับมือที่สั่นมากอบกุมไว้ จงแดนิ่งฟังประโยคยาวที่สุดของชายตรงหน้า
“นายจะให้ฉันเดินไปบอกเหรอว่า เป็นฉันเองที่เป็นคนรักของนาย ขอโทษที่ทำให้ความฝันของพวกท่าพังทลาย ไม่เอาล่ะฉันทำไม่ลง” จงแดค่อยๆดึงมือออกจากการกอบกุมแต่จงอินกลับไม่ยอมปล่อย
“นายยังไม่ลองเลยจะรู้ได้อย่างไรว่าพ่อแม่ฉันรับได้หรือเปล่า”
“จงอิน... บางทีบางอย่างไม่ต้องพูดเราก็รู้นะ ฉันเสียใจที่จะต้องพูดว่าฉันรู้สึกกลัวและอึดอัดทุกครั้งเวลาที่แม่นายโทรมาหา ฉันกลัวว่าท่านจะให้ฉันเลิกยุ่งกับนาย นายก็รู้ว่าฉันทำไม่ได้” จงอินกอดจงแดไว้แล้วลูบเส้นผมยุ่งนั้นเบาๆ
“เชื่อฉันลองดูอีกสักครั้ง ถ้ามันจะพังฉันจะสร้างมันขึ้นมาใหม่แล้วเรามาพยายามด้วยกันนะ” ไม่รู้ว่าด้วยน้ำเสียงที่ทอดแววอ่อนโยนหรือเพราะความอบอุ่นที่โอบรอบกายนี้ที่ทำให้จงแดยอมพยักหน้ารับ
มันเป็นเรื่องที่จะพูดได้ยากว่าเราสองคนรักกัน บางทีก็ยังไม่เข้าใจว่าเราเลยข้ามจุดนี้มาได้อย่างไร ในความสัมพันธ์นี้ไม่มีใครที่เอ่ยบอกรักก่อน และไม่มีการผูกมัดใดๆขึ้นอยู่กับความพอใจว่าเราอยากที่จะอยู่ด้วยกันหรือใช้เวลาร่วมกันตอนไหน
จงอินดำเนินความสัมพันธ์ที่เริ่มจากความเป็นเพื่อนและเรื่อยมาจนข้ามมาถึงจุดที่เรียกว่า เราเป็นคนรักกัน แต่ก็ยังไม่เข้าใจความรักดีพอว่าที่เราอยู่ด้วยกันอย่างนี้เรารักกันหรือเปล่า หรือเพราะเหตุผลจำยอมถึงยังอยู่ด้วยกัน
“ไว้ให้สอบเสร็จก่อนนะแล้วค่อยว่ากัน” จงแดผละออกจากอ้อมกอดแล้วหันกลับมาทำงานอีกครั้ง จงอินมองคนข้างกายด้วยสายตานิ่งๆ
“นายรักฉันหรือเปล่าจงแด” คำถามที่เรียกให้จงแดชะงักหยุดทั้งร่างกายและหัวใจ
“แล้วนายรักฉันหรือเปล่าล่ะจงอิน” คนถามไม่ได้ปรายหางตามามองคนต้องตอบคำถามเลยแม้สักนิด สองมือรีบเคลียร์ส่วนสุดท้ายให้เสร็จ อีกแค่นิดเดียวก็จะเสร็จแล้ว
“ฉันไม่รู้”
“ฉันก็เหมือนกัน ที่เราอยู่ด้วยกันอย่างนี้เพราะอะไรเหรอจงอิน เพราะนายไม่ปล่อยฉันหรือฉันไม่ปล่อยนาย” แต่จงอินไม่ตอบ “ถ้านายอยากให้ฉันปล่อยนายไป นายก็กลับห้องนายไปซะ”
รอบกายนั้นเงียบงัน ไม่มีเสียงพูดคุย ไม่มีเสียงนิ้วพรมคีย์บอร์ด ไม่มีเสียงอื่นใดนอกจากเสียงหายใจของคนสองคน แล้วจงอินก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้เดินออกจากห้องไป หยดน้ำตาที่เอ่อล้นไหลจากปลายหางตา หยดยาวผ่านแก้มไป ฟันขาวกัดริมฝีปากไว้อย่างอดกลั้นเม็ดวาวน้ำหยดที่สอง อย่าเพิ่งไหลนะ
บางทีถ้าเราไม่เข้าใจเรื่องของเรามันก็ควรที่จะหยุดและจบลงใช่ไหม แต่ถ้าคิมจงแดไม่อยากหยุดและจบมันล่ะ ถึงจะไม่รู้ว่าตอนนี้อยู่ด้วยกันในสถานะไหนแต่แค่มีกันและกันมันก็พอแล้ว แค่นี้ไม่ได้เหรอ ทำไมต้องหาคำตอบของคำถามที่ไม่คิดว่าจะมีคำตอบด้วย แต่คนเดียวไม่สามารถประครองชีวิตคู่ไปได้รอดฝั่งหรอก
ไม่นานบานประตูก็เปิดออกอีกครั้ง จงแดหันกลับไปมองก็เจอเข้ากับจงอินที่เดินยิ้มเข้ามาพร้อมกับหอบผ้านวมผืนใหญ่เดินเข้ามา จงแดอ้าปากค้างอย่างไม่เข้าใจและฉงนใจ จงอินเดินเข้ามาใกล้แล้วเอื้อมมือไปไล้แก้มใสที่เย็นชืดนั้นเบาๆเพื่อถ่ายไออุ่น
“คงจะหนาวสินะ” จงอินคลี่ผ้านวมออกแล้วคลุมร่างของจงแดไว้ก่อนที่จะตัวเองจะสอดเข้าไปนั่งแล้วอยู่ใต้ผ้าผืนเดียวกัน
“นาย...”
“อาจจะไม่ใช่นายที่รั้งฉันไว้แต่อาจจะเป็นฉันที่รั้งนายไว้ก็ได้นะจงแด” จงแดโผเข้ากอดจงอินไว้แน่นๆ ยอมรับเลยว่าเมื่อกี้กลัวและใจหายจริงๆตอนที่ใครคนนี้ เจ้าของความอบอุ่นที่เคียงข้างจากหายไปแม้จะเป็นเพียงเสี้ยวนาทีแต่มันก็มากเกินไปในความรู้สึกของคนสูญเสีย
“ฉันคิดว่านายจะทิ้งฉันไปแล้วซะอีก” จงอินยิ้มแล้วลูบแผ่นหลังปลอบประโลม
“ใครจะทิ้งนายได้กัน จะทำงานต่อหรือจะไปนอนกัน” จงแดส่ายหน้ากับไหล่ที่อิงซบ
“ไม่ทำแล้วไปนอนกันเถอะ” จงแดหันมาจัดการเซฟงานแล้วลุกขึ้นเดินไปนอนที่เตียงแต่ทว่าก็โดนอุ้มลอยเสียนี่ คนโดยอุ้มไม่รู้ตัวผวากอดคอคนอุ้มไว้แทบไม่ทัน
“เล่นอะไรของนายเนี่ย!” ฟาดเข้าให้ที่ไหล่กว้าง จงอินเพียงแค่หัวเราะเบาๆก่อนที่จะพาทั้งตัวเองและหนอนดักแด้ในอ้อมแขนไปที่เตียง
“นี่อะไรน่ะ” จงอินที่วางลูกหนอนลงบนเตียงแล้วก็หันมาหยิบใบโพสอิทสีขาวสะอาดที่ถูกวางกองๆกันไว้อย่างไม่ใส่ใจบนโต๊ะข้างหัวเตียง จงแดมุ่ยหน้าอย่างเซ็งในอารมณ์
“ไม่รู้ ใครก็ไม่รู้เอามาติดทุกวันเลย สงสัยจะติดผิดห้องมั้ง”
“แล้วส่งมาทำไมไม่เห็นเขียนอะไรเลย” จงอินพลิกใบกระดาษสีขาวในมือดูเผื่อว่าอาจจะมีร่องรอยแต่ก็เปล่าประโยชน์เพราะมันไม่มีร่องรอยของการขีดเขียนใดๆ
“ไม่รู้สิ จงอิน...” จงแดเงยหน้ามองผู้ชายข้างเตียงที่ยิ้มละไมส่งมาให้ “นายคิดถูกแล้วเหรอ” ไม่ใช่แค่เรื่องที่จะเลือกตัวเองแต่รวมถึงเรื่องของที่บ้านด้วย ความฝันที่จะมีหลานให้สืบสกุลก็คงต้องพับเก็บไปเมื่อคู่ชีวิตของบุตรชายคนเดียวกลับเป็นผู้ชายเหมือนกัน
“ฉันแน่ใจแล้วว่าเป็นนาย นายจำคำถามที่ชอบถามฉันได้หรือเปล่า” จงแดพยักหน้า
“ฉันมีความหมายแค่ไหนสำหรับนาย”
“ฉันไม่รู้” คำถามและคำตอบเดิมๆ
“แล้วความรักของนายคืออะไร” จงแดคิดว่าครั้งนี้ก็คงจะไม่มีคำตอบเช่นเดิม เพราะทุกครั้งที่ถามคำตอบที่ได้กลับมาก็จะเบี่ยงไปเรื่องอื่นเสมอ แต่ครั้งนี้จงอินกลับยิ้มกว้างแล้วยื่นมือเข้าช้อนที่แก้มนิ่มของอีกฝ่ายไว้
“รักของฉันก็คือนายไงล่ะ คิมจงแด”
รสจูบหวานๆถูกป้อนให้ถึงที่ สัมผัสบดเบียดเข้าหากันและกันส่งผ่านไอรักและไออุ่นให้แก่กัน เสียงหัวใจทอดเป็นจังหวะเดียวกัน จงอินตามไล่งับและเล็มลิ้มกลีบปากบางของอีกฝ่าย จงแดพยายามเบี่ยงหลบแต่ริมฝีปากนิ่มก็ตามมาฉกฉวยได้เสียทุกครั้ง สองมือที่ประคองแก้มของเจ้าของห้องนี้ก็จับช้อนให้แหงนหน้าขึ้นอีก รสหวานละมุมที่ส่งมอบให้กันและกันอบอุ่นไปทั่วทั้งหัวใจ
“ถ้าอย่างนั้นฉันก็คือความรักของนายสินะ”
“ใช่ นายคือความรักของฉัน”
วันนี้จงแดมีเรียนแต่เช้าก็เลยรีบตื่นและออกไปเรียนก่อนทิ้งให้จงอินนอนอยู่บนเตียงไป และคาดว่าสายป่านนี้ถ้าไม่ไปเรียนก็คงลงไปหาอะไรกิน วันนี้โน้ตสีขาวนั้นถูกแปะไว้ที่ประตูห้องอีกแล้ว จงแดขมวดคิ้วมุ่นแล้วดึงมันออกมาด้วยสีหน้าทั้งฉงนและไม่พอใจ หรือจริงๆแล้วจะจีบกันอยู่? จงแดไขประตูห้องแล้วผุบหายเข้าไปในห้อง
ไม่นานจงแดก็โผล่หน้าออกมาทำเอาคนที่หลบมุมอยู่ก้าวถอยหลังซ่อนตัวแทบไม่ทัน เจ้าตัวทำหน้าไม่พอใจแล้วแปะป๊าบเข้าที่ประตูทีหนึ่งก่อนที่จะผลุบหน้าหายไปหลังประตูนั้นอีกครั้ง คนที่แอบอยู่ก็เลยเดินมาดูที่หน้าประตูห้องนั้น โพสอิทสีขาวที่เมื่อครู่ถูกดึงออกถูกนำมาแปะอีกครั้งพร้อมกับข้อความสั้นๆ
...ไม่ต้องมาจีบ มีแฟนแล้วจบนะ...
คนอ่านมันก็ได้แต่ยิ้มขำแล้วหยิบโพสอิสสีชมพูในกระเป๋าสะพายออกมาเขียนถ้อยคำสั้นลงไปก่อนที่จะติดมันไว้ที่เดิม ก้าวถอยหลังห่างจากบานประตูนั้นก่อนที่จะหมุนตัวไปฝั่งตรงข้ามแล้วไขกุญแจเข้าห้องไป
...รู้อยู่แล้วน่า :)...
ก็แค่หาเรื่องสนุกทำก็เผื่อว่าอาจจะเข้าใจความหมายของคำว่าความรักให้มากขึ้น และตอนนี้ก็รู้แล้วว่ามันหมายถึงอะไร มันอาจจะไม่ใช่สิ่งที่ไกลเกินตัวแต่ก็ไม่ได้ใกล้เกินเอื้อมถึง
บางทีความรักก็เข้าใจยากเหมือนใครบางคน
บางทีความรักก็อาจจะไม่ได้หอมหวานเหมือนที่ใครหลายคนเข้าใจ
บางทีความรักก็อบอุ่นเสียจนหัวใจสั่นไหว
บางทีความรักก็คอยอยู่เคียงข้างให้รับรู้
แท้ที่จริงแล้วความรักคืออะไรกันแน่นะ?
“What is love?”
“You.”
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น