ลำดับตอนที่ #10
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : My puppy - 10
^___________^
___________________________
หลังจากที่ชานยอลจัดการตัวเองเสร็จเรียบร้อยก็ลงมาที่ห้องครัว จานเบรคฟาสท์สองจานถูกวางเสิร์ฟอยู่บนโต๊ะเรียบร้อยพร้อมกับแก้วน้ำและแก้วนม คริสหันกลับมาจากเก็บขวดน้ำในตู้เย็นแล้วก็ส่งยิ้มมาให้คนน่ารักที่กำลังเดินเข้ามา ชานยอลเดินไปนั่งที่เก้าอี้ตัวประจำแล้วก็มองจานอาหารตรงหน้าที่ดูงดงามเสียเหลือเกิน อาจจะเป็นเพราะวันนี้มีไข่หวานแทนไข่คนล่ะมั้ง คริสนี่รู้ใจเขาจังเลยน้า~~
รสชาตินุ่มๆของไข่หวานเข้ากันได้ดีกับขนมปังปิ้ง ไหนจะเบคอนกับไส้กรอกอีก แน่นอนว่าคนที่ชอบบ่นให้เขากินผักบ้างก็มีสลัดน่าตาน่ากินและอร่อยไม่แพ้กันวางอยู่เคียงกัน ชานยอลกำลังยิ้มอารมณ์ดีกับมื้อเช้าที่แสนจะถูกใจ คนที่นั่งมองอยู่ฝั่งตรงข้ามก็ยิ้มตาม อะไรที่ทำให้แล้วชานยอลยิ้มได้ คนทำก็มีความสุขและยิ้มตามไปด้วย
คริสคิดไว้ว่าหลังจากที่รับประทานมื้อเช้ากันเสร็จเรียบร้อยแล้วนั้น ตัวเขาก็ว่าจะพาชานยอลไปดูความลับของเขาแต่คนน่ารักของเขากลับทำท่าเหมือนไม่ค่อยอยากไปแต่ยังไงเขาก็ต้องพาชานยอลไปให้ได้ เจ้าตัวเดินทำหน้ามุ่ยมองค้อนเขาที่ไปขัดใจเจ้าตัวเข้า ก็เขาไม่อยากให้ชานยอลเป็นทุกข์แล้วคิดว่าตัวเขาจะหนีหายไปนินา... คริสน่ะรักชานยอลมากเลยนะแต่ก็แค่ยังไม่ได้บอกให้ฟังก็เท่านั้น
ชานยอลหันไปทำหน้ามุ่ยใส่เมื่อคริสจับมือจูงไปยังท้ายของซอยที่อยู่ เหมือนชานยอลจะเห็นใครสักคนที่กำลังปั่นจักรยานมาทางพวกเขา มันดูคุ้นตาแบบแปลกๆ พอยิ่งเข้ามาใกล้ก็ยิ่งมองเห็นได้ชัดขึ้น คนนั้นที่เขาเคยเจอนินา คนที่อยู่ดีๆก็มาขอบคุณเขา จักรยานคันนั้นปั่นมาจอดที่ตรงหน้าของเขากับคริส สงสัยคนนั้นอาจจะมาทักทายเขาอีกก็ได้ล่ะมั้ง ชานยอลส่งยิ้มให้ เขาคนนั้นก็ส่งยิ้มกลับมา
“เฮียน้องไข่หวานที่เฮียให้ผมดูแลน่ะแข็งแรงหายห่วงแล้วนะ ว่างๆก็กลับไปดูเจ้าเอชบ้างดิมันคิดถึงเฮียแล้วน่ะ” ชานยอลหันไปมองคนข้างตัวเพราะไม่คิดว่าทั้งสองจะรู้จักกัน คริสหันมาส่งยิ้มแหยๆให้ เจอแจ็คพ็อตเข้าแล้วไงล่ะ
“เดี๋ยวผมไปก่อนนะต้องรีบไป สวัสดีครับคุณชานยอล” แล้วเขาคนนั้นก็จากไปทิ้งรอยปวดร้าวไว้ให้คริสที่โดนชานยอลจ้องซะตาแทบถลน สองมือยกขึ้นเท้าเอว หน้าตาพร้อมหาเรื่องสุดๆ
“เฮีย? น้องไข่หวาน? มันคืออะไรตอบ!!!” ชานยอลขึ้นเสียงใส่ แน่นอนว่าคริสก็สะดุ้งโหยงเลย
“คือแบบว่าชานยอลฟังก่อนนะ” คริสยื่นสองมือมาพยายามไกล่เกลี่ยให้คนน่ารักใจเย็นๆก่อน แต่ชานยอลไม่เย็นแล้วตอนนี้กำลังเดือดปุดๆ
“รีบๆพูดมาว่านายเป็นใครก่อนที่ฉันจะโมโหไปมากกว่านี้!!”
“ผมชื่อคริสจริงๆแต่ไม่ใช่....” ชานยอลพยายามสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆและกดอารมณ์โกรธเอาไว้
“ไม่ใช่น้องไข่หวาน?” คริสพยักหน้า ชานยอลเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าแล้วถอนหายใจ เขาก็ว่าแล้วเชียวลูกหมามันจะกลายมาเป็นคนได้ยังไงกัน!! เรื่องพิลึกพิลั่นเกินที่จะเชื่อได้มันจะเป็นไปได้ยังไงกัน!
“คริส... นายเห็นฉันโง่มากนักเหรอ!!!” คริสยื่นมือจะไปจับแขนของชานยอลแต่เจ้าตัวสะบัดออก
“ผมไม่เคยเห็นว่าคุณโง่เลยนะชานยอล” ชานยอลก้าวถอยหลังห่างจากคริสที่พยายามจะจับแขนเขาให้ได้
“เห๊อะ.. นายคงเห็นฉันโง่มากเลยสินะถ้าไม่อย่างนั้นคงไม่หลอกฉันหรอก นายต้องการอะไร ฉันไม่มีอะไรจะให้นายหรอกนะ ที่นายเคยสัญญาไว้ก็โกหกด้วยใช่ไหมล่ะ” ชานยอลรัวตามอารมณ์โกรธ เสียใจและน้อยใจที่คนที่เขาไว้ใจที่สุดหลอกลวงเขาแบบนี้
“มันไม่ใช่แบบนั้นนะชานยอล ฟังผมก่อน” คริสคว้าจับมือของชานยอลไว้แต่ชานยอลก็สะบัดออก
“ฟัง? ฟังอะไรอีก? แค่นี้ฉันก็รู้สึกว่าตัวเองโง่พอแล้ว ฉันจะไม่ฟังนายอีก” แล้วชานยอลก็หันหลังวิ่งออกไปทันที
“ชานยอลเดี๋ยว!!” คริสวิ่งตามแต่ก็ไม่ทัน เมื่อชานยอลวิ่งเข้าบ้านไปแล้ว คริสผลักประตูหน้าบ้านเข้าไป ชานยอลเวลาที่โมโหแล้วจะเป็นแบบนี้ทุกทีคือลืมล็อคประตูหน้าบ้าน
“ชานยอลคุยกับผมก่อน เปิดประตูให้ผมหน่อย ฟังผมพูดก่อนเถอะนะ” คริสเคาะประตูบ้านเรียกแต่คนข้างในก็ไม่ยอมตอบรับ ชานยอลยืนพิงหลังกับประตูแล้วก็รู้สึกเจ็บแปลบที่ใจ ฟันขาวกัดริมฝีปากล่างอย่างช่างใจ เขาคงดูโง่มากเลยสินะที่เชื่อเรื่องไม่เป็นเรื่องแบบนี้ คริสคงมองว่าเขาโง่มากเลยสินะถึงได้เข้ามาหลอกเขาแบบนี้ คนๆนั้นต้องการอะไรกันนะถึงทำแบบนี้
เสียงเคาะประตูและเสียงเรียกชื่อตัวเขายังคงดังไม่ยอมหยุดและชานยอลก็ไม่คิดที่จะเปิดให้หรอก สองขาพาเดินก้าวไปที่โซฟาแล้วลงนั่งอย่างหมดแรง ยิ่งคิดถึงวันเวลาที่อยู่ด้วยกันแล้วก็รู้สึกนึกกระดากอายอยู่ในใจ เขาคงเหมือนเด็กอนุบาลที่ใครมาทำดีด้วยเข้าหน่อยก็หลงเชื่อเขาไปเสียหมด ปาร์คชานยอลโง่จริงๆนั่นแหละ
โง่ที่เชื่อใจ โง่ที่เชื่อคำหลอกลวง และโงที่เชื่อว่าคำสัญญาเหล่านั้นจะเป็นจริง
“ปาร์คชานยอลคนโง่จริงๆเลย”
คริสที่ทั้งเคาะประตู ทั้งตะโกนเรียกแต่คนในบ้านก็ไม่ยอมเปิดประตูให้ ลองบิดลูกบิดดูแต่ก็เปิดไม่ออกเพราะมันถูกล็อคจากด้านใน คริสถอนหายใจแล้วคิดไปถึงน้องชายของเขาที่มาได้จังหวะเหลือเกิน คิดแล้วก็อยากจะฟาดปากมันสักทีแต่ก็นั่นแหละ... ถึงน้องชายเขาไม่บอก ตัวเขาก็ต้องบอก
คริสไม่ใช่น้องไข่หวาน คริสเป็นมนุษย์ธรรมดานี่แหละแต่พิเศษตรงที่เขา ‘รัก’ ชานยอล เขาถึงได้ทำแบบนี้ รู้ว่ามันผิดแต่ในเมื่อเขาทำไปแล้วก็เลยต้องปล่อยเลยตามเลยไป เขาเป็นผู้ชายธรรมดาที่ดันมาตกหลุมรักรอยยิ้มและเสียงหัวเราะสดใสของชานยอล เขาถึงแอบตามดูชานยอลทุกอย่างไม่ใช่นั้นเขาจะรู้เรื่องลับๆของชานยอลกับน้องไข่หวานได้อย่างไรและอีกสิ่งที่ทำให้เขาสืบเรื่องของเจ้าตัวได้ง่ายๆก็คือประตูหน้าบ้านที่ไม่ค่อยล็อคนี่แหละ หลายครั้งที่คริสต้องมาตรวจสอบและคอยลงกลอนให้เสมอ
เขามันก็แค่ผู้ชายธรรมดาที่พร้อมจะทำให้ชานยอลมีความสุขในทุกวัน จริงๆแล้วชานยอลไม่ได้โง่หรอกแต่มันเป็นเขานี่แหละที่ทำตัวเป็นคนโง่เสียเอง แท้จริงแล้วคริสนั้นอายุมากกว่าชานยอลเสียอีก เรียนจบมีงานทำแล้วด้วยเรียกว่าเขานั้นหลงชานยอลจนหัวปักหัวปำเลยแหละ
“น้องไข่หวาน.. ใช่สิน้องไข่หวาน!” เมื่อคริสหาวิธีที่จะง้อชานยอลได้สำเร็จแล้วก็รีบวิ่งกลับบ้านไปทันที
ในบ้านของคริสนั้นอาศัยอยู่กันสองคนพี่น้องที่ท้ายซอย บ้านของคริสก็มีสุนัขเช่นกันและน้องชายของเขาก็เรียนสัตวแพทย์ด้วยเพราะฉะนั้นการที่จะฝากให้ดูแลน้องไข่หวานที่บาดเจ็บก็ไม่ใช่ปัญหา คริสเจอน้องไข่หวานบาดเจ็บในคืนที่ชานยอลเลิกกับใครคนนั้น ตอนแรกเขาก็ไม่รู้หรอกแต่หลังจากที่แอบเข้าไปดูแล้วก็พอจะเข้าใจเรื่องราวอยู่บ้าง ตัวเขาก็เลยคิดแผนนี้ขึ้นมา
“น้องไข่หวานกลับบ้านกัน พ่อแกโกรธเฮียใหญ่เลยไปช่วยทีนะ” คริสอุ้มลูกหมาตัวกลมที่ตัวเริ่มใหญ่ขึ้นมาอุ้มไว้แนบอกโดยมีไซบีเรียนฮัสกี้ตัวโตของตัวเองคลอเคลียอยู่ที่ขา เอชไถหัวเข้ากับขาของผู้เป็นเจ้าของอย่างคิดถึง ก็แหงล่ะเขาหายออกจากบ้านไปตั้งเกือบเดือนเชียวนะ
“เอชอยู่บ้านก่อนนะเดี๋ยวเฮียพาน้องไข่หวานไปเคลียร์กับพ่อเขาก่อนแล้วจะพาไปหานะ” เอชเหมือนจะรับรู้ก็ส่งเสียงเห่าแล้วก็วิ่งไปประจำการเพื่อทำหน้าที่เฝ้าบ้านที่โต๊ะตัวประจำ
“น้องไข่หวานช่วยเฮียทีนะ เฮียรักพ่อของน้องไข่หวานจริงๆนะ” คริสก้มหน้าลงไปเข้าคลอเคลียกับน้องไข่หวานที่แลบลิ้นเลียแก้มของคริส อย่างน้อยมีตัวช่วยแล้วชานยอลก็น่าจะฟังเขาล่ะนะ
คริสกลับมาที่บ้านของชานยอลพร้อมกับอุ้มเจ้าลูกหมาตัวกลมไว้แนบอก มองหน้าสบตากับลูกหมาตัวสีน้ำตาลในอกอย่างอ้อนวอนอย่างน้อยลูกรักเขาก็น่าจะทำให้วันนี้เขาพ้นผิดได้นะ คริสลองเคาะประตูดูแต่ข้างในก็ยังคงเงียบไม่ตอบเขาสักคำ
“ชานยอลครับเปิดประตูให้ผมหน่อย” รัวมือเคาะลงไปอีกแต่คนด้านในก็ไม่ยอมเปิดประตูให้
“ชานยอลคุยกับผมก่อนนะครับ ขอร้องล่ะ” แต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับจากด้านในเลย น้องไข่หวานส่งเสียงเห่าไปหนึ่งที คนด้านในที่ได้ยินก็หูพึ่งเลย
“เสียงนี้... น้องไข่หวาน!!” ชานยอลรีบลุกจากโซฟาแล้วถลามาเปิดประตูทันที เปิดออกไปก็เจอคริสที่ยืนทำหน้าสำนึกผิดพร้อมกับน้องไข่หวานในอ้อมอก
“น้องไข่หวาน~~ คิดถึงจังเลยนี่ตัวโตขึ้นเยอะเลยนะเนี่ย~” ชานยอลยิ้มแล้วจะเอื้อมมือมารับน้องไข่หวานแต่คริสไม่ยอมให้ ดวงตากลมตวัดมองอย่างดุๆ
“ส่งน้องไข่หวานมานะ”
“ไม่ให้จนกว่าคุณจะให้ผมเข้าไปข้างในแล้วก็คุยกับผมก่อน” ชานยอลถอนหายใจแล้วพยักหน้ารับ เอาเถอะแค่ได้น้องไข่หวานกลับมาก็พอแล้ว เมื่อชานยอลพยักหน้าคริสก็เลยส่งน้องไข่หวานให้
“เป็นไงบ้างหื้ม? คิดถึงจังเลยรู้ไหม” ชานยอลรับน้องไข่หวานไปอุ้มแล้วจัดการฟัดให้หายคิดถึงพร้อมกับเดินไปนั่งที่โซฟา ปล่อยให้คนที่อยากเข้ามาในบ้านใจจะขาดปิดประตูให้
“คิดถึงฉันไหมน้องไข่หวาน~” ชานยอลที่จับน้องไข่หวานมาฟัดถามด้วยสีหน้าอารมณ์ดี ลูกหมาตัวกลมก็ส่งเสียงรับไปหนึ่งทีชานยอลหัวเราะแล้ววางเจ้าตัวกลมไว้บนตัก ดวงตาโตหันไปมองคริสที่ยืนทำท่าเก้ๆ กังๆไม่รู้ว่าจะนั่งหรือยืนตรงไหนดี
“จะนั่งก็นั่ง มีอะไรก็ว่ามา” เมื่อเจ้าของบ้านอนุญาตแล้วคริสก็ลงนั่งข้างๆแล้วส่งยิ้มนำไปก่อน ชานยอลที่ก้มหน้าเล่นกับเจ้าตัวกลมที่ตัวเหลือบสายตามอง พยายามที่จะทำเป็นไม่สนใจคนข้างๆโดยการเล่นกับน้องไข่หวานที่พยายามจะงับปลายนิ้วของชานยอลเล่น
“คือ... คือว่า..” เมื่อชานยอลไม่มีปฏิกิริยาตอบรับคริสก็เลยก้มหน้าลงแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อยๆ
“ผมไม่ได้จะโกหกหรือจะหลอกลวงอะไรคุณจริงๆนะชานยอล ผมก็แค่อยากจะดูแลคุณ อยากให้คุณยิ้มก็เท่านั้นเอง... ผมก็แค่รักคุณก็เลยอยากดูแลคุณก็เท่านั้น” แต่ชานยอลก็ทำเป็นไม่สนใจและคริสก็คิดว่าคนน่ารักที่กำลังเล่นกับลูกหมาตัวกลมบนตักจะโกรธเขามาก เจ้าตัวก็เลยขยับตัวลงไปนั่งคุกเข่าอยู่ที่พื้น
“ขอโทษครับ” คริสนั่งคุกเข่า ก้มหน้าอย่างสำนึกผิด ชานยอลที่เห็นก็ทำหน้าตกใจไม่คิดว่าคริสจะมาคุกเข่าให้ก็ถลาไปจับแขนแล้วดึงให้คริสขึ้นมานั่งเหมือนเดิม
“ทำอะไรน่ะ คุกเข่าทำไมลุกขึ้นมา!” คริสขยับตัวมานั่งข้างชานยอลเหมือนเดิมแล้วดึงมือที่จับแขนเข้ามากอบกุม
“ยกโทษให้ผมเถอะนะ ผมผิดไปแล้ว” ชานยอลวาดรอยยิ้มส่งให้ ยังไงเขาก็โกรธคนๆนี้ไม่ได้นานจริงๆนั่นแหละ
“ยกโทษให้ตั้งแต่พาน้องไข่หวานกลับมาแล้วล่ะ” คริสค่อยๆวาดรอยยิ้มจนเต็มใบหน้าก่อนที่จะแนบฝ่ามือของชานยอลกับแก้มของตัวเอง
“จริงเหรอ? ขอบคุณครับ” ชานยอลหันกลับมาถามน้องไข่หวานที่นั่งทำตาแป๋วมองพวกเขาทั้งสองอยู่บนตัก
“น้องไข่หวานว่าไง? ควรโกรธต่อไปดีไหม” น้องไข่หวานยกขาหน้าข้างหนึ่งขึ้นมาปิดตา
“งั้นคืนดีกันโอเคไหม?” เจ้าตัวกลมที่แสนรู้เหลือเกินก็ส่งเสียงเห่าอย่างร่าเริง คริสยิ้มแล้วรวบตัวชานยอลมากอดไว้
“ขอบคุณครับชานยอล ขอบคุณน้องไข่หวานด้วยนะ” คริสยื่นมือไปลูบหัวของเจ้าตัวกลมที่ทำท่าง่วงงาวหาวนอนเสียแล้ว ก็มีแต่กินกับนอนแบบนี้น่ะสิตัวถึงอ้วนเอาแบบนี้
“เอชนี่คืออะไรแล้วคนนั้นน้องชายนายเหรอ” ชานยอลอุ้มน้องไข่หวานให้นอนบนหมอนอิงใบใหญ่แล้วก็หันมาถามกับคนข้างๆที่กอดเขาไม่ยอมปล่อย
“เอชเป็นหมาของผมเองครับ ไซบีเรียนอัสกี้น่ะมันเข้ากันได้ดีกับน้องไข่หวานเลยนะ ส่วนคนนั้นน้องชายผมเองชื่อจื่อเทาเรียนสัตวแพทย์อายุมากกว่าคุณหนึ่งปี” ชานยอลพยักหน้ารับรู้
“แล้วนายน่ะอายุมากกว่าฉันกี่ปี”
“5ปีครับ” ชานยอลทำตาโต คริสยิ้มแล้วขยับตัวหยิบบัตรประชาชนให้ดู ชานยอลหยิบมาดูแล้วก็เห็นว่ามันเป็นแบบนั้นจริงๆ ปีเกิดของคนข้างกายเกิดก่อนเขาห้าปีจริงๆ ตอนนี้ก็อายุ 26ปีแล้ว
“ห๊ะ! แบบนี้นายก็เป็นพี่ฉันน่ะสิ!! แล้วแบบนี้ฉันควรจะเรียกนายว่ายังไงอ่ะ? เฮียตามน้องชายนายหรือเปล่า” คริสยิ้มแล้วรั้งตัวชานยอลเข้ามากอด
“เรียกที่รักก็ได้ครับ” ชานยอลตีขาของคริสแรงๆแล้วหัวเราะ แต่ก็ไม่กล้าหัวเราะเสียงดังกลัวว่าเจ้าตัวอ้วนจะตื่นเสียก่อน
“จะให้เรียกที่รักน่ะขอฉันเป็นแฟนหรือยัง?” คริสยื่นหน้าเข้าไปฉกหอมแก้มของชานยอลสองฟอดรัวๆก่อนที่จะวางคางเกยไหล่ของชานยอลเอาไว้
“เป็นแฟนกับผมนะชานยอล” คริสเงยหน้ามองชานยอลด้วยสายตาอ้อนวอน ชานยอลมองอีกคนด้วยสายตาเป็นประกาย
“ยอมเป็นแฟนนายมาตั้งแต่ยอมให้นายจูบแล้วล่ะ” คริสยิ้มแล้วขยับเลื่อนหน้าเข้าไปทาบริมฝีปากกับกลีบปากอิ่มช่างจำนรรจาคู่นั้น เปลือกตาบางค่อยๆปิดลงเพื่อรอรับจูบหวานที่คริสป้อนให้ ริมฝีปากบางขยับเคล้นคลึงเป็นจังหวะ บดเบียดลงไปแผ่วเบา ชานยอลก็ตอบรับจูบเหล่านั้นพร้อมกับซึมซับรสสัมผัสหวานละมุนที่ถูกป้อนมาให้ไว้ด้วยความเต็มใจ บดเบียดสัมผัสกันและกันตามใจปรารถนาจนกว่าที่ทั้งสองจะพอใจ
คริสละจูบออกอย่างอ้อยอิ่ง กลีบปากบางยังคงขบเม้มกลีบเนื้อนิ่มเบาๆอยู่นานกว่าที่จะผละออกจากกันได้ อ้อมแขนยาวขยับโอบกอดคนน่ารักที่เอนตัวมาพิงเขาไว้ ชานยอลอิงใบหน้าไว้ที่ไหล่แข็งของคริสพร้อมกับยกยิ้มอย่างมีความสุข ริมฝีปากบางจรดจูบลงที่กระหม่อนสวยของชานยอลหนักๆ
ถ้าชานยอลโง่ที่ยอมเชื่อคริส คริสก็โง่เหมือนกันที่มารักชานยอลที่เอาแต่ใจขนาดนี้
“ผมรักชานยอลนะแล้วชานยอลรักผมไหม” คริสลูบสองมือที่โอบรอบแขนและเอวของชานยอลเบาๆ คนโดนถามก็หัวเราะคิกคัก
“ไม่บอก” คริสละมือข้างหนึ่งจับมือของชานยอลขึ้นมาจรดริมฝีปากที่หลังมือนิ่มแผ่วเบา
“ถึงไม่บอกผมก็รู้ว่าชานยอลรักผมมากใช่ไหมล่ะ” ชานยอลดึงมือออกแล้วฟาดเข้าที่ต้นขาของคริสแรงๆ
“ขี้ตู่ ... แต่ก็จริงนะฉันรักนายมากจริงๆนั่นแหละไม่งั้นจะยอมให้ขนาดนี้เหรอ” แล้วคริสกับชานยอลก็หัวเราะไปด้วยกันอย่างมีความสุขจนลืมไปว่ายังมีเจ้าอ้วนกลมตัวสีน้ำตาลหลับอยู่ น้องไข่หวานส่งเสียงเพื่อให้รู้ว่าตัวเองยังนอนอยู่ คริสกับชานยอลหันไปมองน้องไข่หวานที่นอนหันหน้าไปอีกแล้วก็หลับไปอีกครั้ง ทั้งสองหันมามองหน้ากันก่อนที่จะประสานเสียงหัวเราะไปด้วยกัน
หวังว่าต่อจากนี้จะมีแต่ความสุขนะคงไม่มีอะไรให้วุ่นวายอีกแล้วล่ะ เขาอยากให้ความสุขที่มีอยู่นี้อยู่กับตัวเขาไปนานๆ เหมือนกับคริสที่อยากให้ชานยอลอยู่ข้างๆไปจนวันตาย และชานยอลก็อยากให้คริสอยู่ด้วยในทุกๆวัน
มือของทั้งสองที่จับสอดประสานกันจะแน่นเหนียวเกี่ยวคนทั้งสองเข้าไว้ด้วยกันไม่ห่าง อ้อมแขนที่ประคองอยู่นี้ก็เช่นกัน คริสจะคอยประคองและพาชานยอลเดินไปบนถนนแห่งรัก จะมีกันและกันตลอดไป
หลังจากที่เคลียร์กันรู้เรื่องแล้วว่าอะไรเป็นอะไรก็รู้สึกว่าตัวเองน่ะช่างน่าตลกสิ้นดี ก็แหงล่ะ... คนดีๆที่ไหนเขาจะคิดว่าลูกหมากลายร่างมาเป็นคนได้กันล่ะก็คงจะมีแต่ตัวเขานี่แหละ คริสอายุมากกว่าเขาห้าปีทำงานเป็นช่างภาพอิสระ มิน่าล่ะถึงมาขลุกอยู่กับเขาได้เป็นเดือน แต่ก็นั่นแหละ... ด้วยหน้าที่การงานของคริสก็เลยทำให้เจ้าตัวแทบจะขนย้ายมาอยู่ที่บ้านเขาแบบถาวรเสียแล้ว
บ้านโน้นน้องชายของคนตัวโตก็กลับบ้างไม่กลับบ้างเพราะต้องไปเก็บชั่วโมงบินตามโรงพยาบาลสัตว์ แน่นอนว่าถ้าคนมาสุนัขตัวโตก็ต้องตามมาด้วย ตอนแรกก็ยังไม่เข้าใจว่าไซบีเรียนกับโกลเด้นมันจะเข้ากันได้ยังไงแต่พอได้เห็นเองกับตาก็เชื่อแล้วล่ะว่าทั้งสองตัวเข้ากันได้จริงๆ พี่ไซบีเรียนก็พยายามจะชวนน้องเล่น จะแกล้งน้องตลอดเวลา ดูๆไปก็น่ารักไปอีกแบบแต่ไม่รู้สิเขารู้สึกว่าพี่เอชจะเกาะติดน้องไข่หวานแปลกๆ
“คริสเอชนี่ตัวผู้หรือตัวเมียน่ะ” ชานยอลสะกิดถามหลังจากยืนดูสองตัวต่างพันธุ์ ต่างไซส์วิ่งเล่นด้วยกันที่สวนสาธารณะอย่างสนุกสนาน
“ตัวผู้ครับ ทำไมเหรอ” คริสยื่นน้ำผลไม้กระป๋องให้ ชานยอลส่ายหน้าไปมาแล้วยกกระป๋องน้ำที่เปิดฝาแล้วขึ้นดื่ม ตลกร้ายเกินไปเพราะน้องไข่หวานของชานยอลก็.... ตัวผู้เหมือนกัน
“แล้วนี่คริสจะถ่ายรูปอะไรเหรอ พกกล้องออกมาด้วย” ชานยอลมองไปที่กล้อง DSLR ที่คนข้างตัวถือติดมือออกมาด้วย คริสยิ้มแล้วหยิบกล้องขึ้นมาเปิดแล้วกดถ่ายชานยอลที่นั่งอยู่ใกล้ๆ
“ถ่ายคนน่ารักครับ” ชานยอลหัวเราะแล้วฟาดมือเข้าที่ขาของคริส
“แล้วไม่ทำงานทำการบ้างหรือไงอยู่กับฉันทั้งวันเลย” คริสส่ายหน้า
“ยังไม่รับงานครับ ขออยู่กับชานยอลก่อน” คริสพูดแล้วก็ดึงมือของชานยอลมากุมไว้
“ทำอย่างกับฉันจะหายไปไหนอย่างนั้นล่ะ” คริสไล้ปลายนิ้วเข้าที่แก้มใสของชานยอลแผ่วเบา
“ผมกลัวชานยอลหายจริงๆนะ กลัวมากๆเลยด้วย” ว่าแล้วก็ยกหลังมือของชานยอลขึ้นมาจูบ ชานยอลยิ้มแล้วแนบฝ่ามืออีกข้างเข้ากับแก้มของคริส
“ฉันจะหายไปที่ไหนได้อีกล่ะนอกจากข้างๆนายน่ะ” คริสหันมองรอบตัวก่อนที่จะยื่นหน้าเข้าไปแตะทาบริมฝีปากเบาๆ
“รักชานยอลนะครับ” คนโดนบอกรักยิ้มกว้างแล้วเอียงคอ
“แต่ฉันไม่รักนาย” แล้วก็แลบลิ้นให้อีกหนึ่งทีจากนั้นก็ลุกขึ้นเดินหนีไปเรียกสองตัวต่างไซส์ให้เข้ามาหาทันที ไม่อยู่ด้วยหรอก อยู่ด้วยนานๆแล้วหัวใจจะวายตายเอา คริสน่ะชอบทำให้เขาหัวใจจะวายอยู่เรื่อยเลย ชอบมาทำสายตาวิบวับใส่
“น้องไข่หวาน พี่เอชมานี่เร็ว~” แล้วทั้งสองก็วิ่งแข่งกันมาอย่างเร็ว ชานยอลลงนั่งแล้วลูบหัว ลูบหางสุนัขตัวใหญ่ ตัวน้อยอย่างเอ็นดู คริสคว้ากล้องมาแล้วกดบันทึกภาพเหล่านั้นเอาไว้ เวลาชานยอลยิ้มและหัวเราะนี่กล้องตัวไหนก็ไม่สามารถเก็บภาพความน่ารักของชานยอลได้หมดจริงๆ คริสวาดรอยยิ้มกับภาพน่ารักตรงหน้าก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าสีสดใส
ตัวเขาไม่เคยคิดเลยว่าจะได้มีโอกาสเหมือนวันนี้ วันที่เขาได้อยู่ข้างๆชานยอลและเป็นคนทำให้เจ้าตัวมีความสุข มีรอยยิ้มและเสียงหัวเราะได้เพราะเขาแล้วแบบนี้เขาจะกล้าห่างคนน่ารักไปได้อย่างไรกันนะ คริสยกกล้องขึ้นถ่ายภาพท้องฟ้าเก็บเอาไว้ วันที่ชานยอลมีความสุข ท้องฟ้าก็มักจะสดใสแบบนี้นั่นแหละ
“จัดการเลย!!” เสียงของชานยอลดึงคริสให้ต้องหันกลับมามอง ทั้งน้องไข่หวานและเอชต่างก็เข้ามากวนป่วนคริสที่นั่งเหม่อลอย ชานยอลยืนหัวเราะอยู่ใกล้ๆ มีความสุนักแหละที่ได้แกล้งคนตัวโตน่ะ เอชยืนเกาะขาของคริสไว้ด้วยสองขาหน้า คริสก้มลงอุ้มตัวน้องไข่หวานที่เริ่มตัวโตขึ้นแล้วมาวางไว้บนตัก ชานยอลตามมานั่งข้างๆแล้วลูบหัวสุนัขทั้งสองตัว
“ขอบคุณนะคริสที่ทำให้ฉันมีความสุขขนาดนี้” คริสมองรอยยิ้มที่แสนน่ารักแล้วก็ยิ้มตอบก่อนที่จะยื่นหน้าเข้าไปหอมแก้มใสสักฟอด ส่วนเกินอีกสองตัวก็ยกขาหน้าปิดตาเอาไว้ไม่อยากมองอะไรแบบนี้เดี๋ยวเป็นตากุ้งยิง~
“ผมก็ขอบคุณชานยอลนะที่ยอมให้ผมเข้ามาดูแลและทำให้คุณมีความสุข” ชานยอลยิ้มแล้วสอดมือประสานกับมือของคริสที่ยื่นมาจับ ก็อบอุ่น แสนดีแบบนี้ใครจะกล้าใจร้ายได้ลงคอกันล่ะเนอะ...
เป็นประจำทุกเย็นที่หลังจากนั่งรับประทานมื้อเย็นกันทั้งคน ทั้งตัวเล็กตัวใหญ่แล้วก็จะมานั่งดูรายการโทรทัศน์กัน พี่เอชก็จะนอนอยู่ข้างๆขาของชานยอลโดยที่มีเจ้าตัวอ้วนกลมที่เริ่มจะไม่เล็กคลอเคลียอยู่ข้างกัน นอนก่ายกันดูโทรทัศน์ไปด้วย คู่นี้ดูกันได้แปบเดียวก็หลับแล้ว ชานยอลที่นั่งมองอยู่ก็หัวเราะเบาๆมีความสุขนักแหละที่ได้เห็นสุนัขทั้งสองนั่งมองโทรทัศน์ทำหน้าเบื่อๆแล้วก็หลับไปเอง
คริสที่วาดมือโอบไหล่ของชานยอลก็รั้งคนตัวบางเข้ามากอดไว้ ชานยอลอิงใบหน้าไว้ที่คอของคนโอบกอดแล้วก็นั่งดูโทรทัศน์ไปเรื่อยๆ จนได้ยินเสียงตะโกนเรียกชื่ออยู่หน้าบ้านคริสกับชานยอลก็เลยออกไปดูที่หน้าประตูก็เห็นว่าเป็นจื่อเทาที่โบกมือให้อยู่ด้านนอกประตูบ้าน
“มาทำอะไรวะ” คริสเอ่ยถามน้องชายที่ทำหน้าเบ้
“แหมพอได้เป็นแฟนชานยอลแล้วน้องนี่หมดความสำคัญเลยนะ” คริสหัวเราะกับท่าทีค้อนประหลักประเหลือกของน้องชายตัวเอง ชานยอลเองก็ไม่อยากเสียมารยาทก็เลยแอบขำคิกคัก
“ใครบอกเป็นแฟนกัน ไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อยจื่อเทาอย่ามามั่ว” เพราะอายุใกล้ๆกันจื่อเทาก็เลยให้เรียกชื่อเฉยๆได้ คริสหันไปทำหน้ามุ่ยใส่ทั้งเทาและชานยอลก็หัวเราะอารมณ์ดีเลย
“เอาอาหารเจ้าเอชมาให้น่ะ เดี๋ยวผมจะไม่อยู่นะต้องไปต่างจังหวัดกับพวกที่โรงบาลไปดูโรงบาลสัตว์ที่ต่างจังหวัดอ่ะ” คริสพยักหน้ารับรู้แล้วรับถุงใหญ่ที่ข้างในมีกล่องสำหรับอาหารเจ้าเอชมาถือไว้
“เดินทางปลอดภัยนะของฝากด้วยล่ะ” จื่อเทามองค้อนเข้าให้ ชานยอลก็เลยหัวเราะอย่างอารมณ์ดี
“ไปล่ะเฮีย ไว้ค่อยเจอกัน” โบกมือบ๊ายบายเสร็จสรรพ คริสก็เดินเข้าบ้านไปพร้อมกับถุงใหญ่ในมือ ชานยอลก็จะตามเข้าไปแต่จื่อเทาจับแขนไว้ก่อนที่จะชะโงกหน้าเข้าไปกระซิบเบาๆ
“ความลับของเฮียอยู่ในกล้องอ่ะไปแอบดูเอาเองนะ”
“ไอ้จื่อเทาทำอะไร!!!” คริสที่ไม่เห็นชานยอลเดินตามมาก็เลยหันกลับไปมองก็เห็นเทายื่นหน้าเข้าไปใกล้ชานยอลก็เลยของจะขึ้น จื่อเทายกยิ้มกว้างๆโบกมือลาแล้วขึ้นคร่อมจักรยานปั่นออกไปเลย
“ไอ้จื่อเทามันทำอะไร” คริสเดินกลับมาด้วยสีหน้าบอกบุญไม่รับ ชานยอลหัวเราะแล้วกอดแขนคริสไว้
“ไม่มีอะไรหรอกเข้าบ้านกัน” ชานยอลเดินกอดแขนพากันเข้าบ้าน คริสมองจ้องเหมือนจะเอาคำตอบให้ได้แต่ใครล่ะจะบอกจริงไหม? ความลับอยู่ในกล้องอย่างนั้นเหรอ? ... น่าสนใจจัง
คริสไม่ยอมพูดกับชานยอลอีกเลย ซ้ำยังทำหน้ามุ่ยไม่สบอารมณ์ นั่งกอดอกทำหน้าหงิกดูรายการตลกเสียนี่ ชานยอลแอบหัวเราะเบาๆแล้วก็หันมาง้อคนงอนข้างตัว คนอะไรอายุก็เยอะแล้วยังจะมางอนเป็นเด็กๆอีก ถึงจะดูน่ารักแต่มันก็ตลกอยู่เหมือนกันนะ ชานยอลเอียงหัวซบที่ไหล่พร้อมกับสองมือที่แนบต้นแขนไว้
ดวงตาคมเหลือบมองแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรแล้วก็ไม่ขยับตัวทำอะไรด้วย ชานยอลแอบลอบยิ้มกับตัวเองอย่างขำขันที่คนตัวโตเกิดอาการงอนได้น่ารักแบบนี้ ชานยอลขยับตัวออกแล้วดึงแขนของคริสที่กอดอกออกแล้วเอามาพาดไว้ที่เอวตัวเองก่อนที่จะขยับตัวเข้าไปนั่งพิงอกของคนงอน
“งอนเหรอ?” แต่คริสก็ไม่ตอบกลับถามกลับเสียอย่างนั้น
“ไอ้จื่อเทามันทำอะไร” ชานยอลกัดริมฝีปากกลั้นเสียงหัวเราะไว้ ดวงตากลมช้อนขึ้นมองคนที่ทำหน้ามุ่ยแล้วทำหน้าตาน่ารักเข้าอ้อน
“ไม่มีอะไรจื่อเทาแค่ฝากให้ดูแลนายกับเอชดีๆ แค่นั้นเอง”
“แน่นะ” ชานยอลพยักหน้ารับพร้อมกับส่งยิ้มให้เมื่อคริสเริ่มยิ้มออก
“ทำเป็นตาแก่น้อยใจไปได้ ทำไมขี้งอนจังน้า~” คริสรั้งตัวชานยอลเข้ามากอดแน่นๆแล้วกดจูบที่กลุ่มผมนิ่ม
“ก็หวงนินา” ชานยอลหัวเราะแล้วดันตัวออกจากอ้อมกอดนั้นก่อนที่จะลุกขึ้นยืน คริสมองตาม
“ไม่คุยด้วยแล้วไปอาบน้ำดีกว่า” แล้วชานยอลก็เดินขึ้นชั้นสองไป คริสมองตามแล้วก็ยิ้มก่อนที่จะลุกขึ้นไปปิดโทรทัศน์ ปิดไฟและดูความเรียบร้อยของกลอนต่างๆแล้วค่อยเดิมตามขึ้นไปบ้าง ปล่อยให้สองตัวนอนหลับกันไปตรงนั้นแหละ
ชานยอลที่อาบน้ำเสร็จก่อนก็ออกมาทำตัวเหมือนคนจะนอนแล้วแต่เปล่าหรอกรอให้คริสเดินเข้าห้องน้ำไปก่อน เจ้าตัวก็รีบพุ่งไปที่กล้องของคริสแล้วจัดการเปิดค้นดูความลับทันที รูปภาพใหม่ๆก็มีแต่รูปของเขาทั้งนั้นเพราะช่วงนี้คริสพกกล้องออกไปที่สวนด้วยบ่อยๆ ชานยอลเลื่อนกดดูรูปที่เก่ากว่าแล้วก็ต้องแปลกใจเมื่อในนั้นก็ยังมีแต่รูปของเขาในอิริยาบถต่างๆ มองยังไงก็แอบถ่ายทั้งนั้น ... นี่เขาโดนแอบถ่ายรูปไปตั้งเยอะยังไม่รู้ตัวเลยนะเนี่ย
นั่งกดดูรูปไปเรื่อยๆจนไม่เห็นว่าคริสเดินออกมาจากห้องน้ำแล้ว เจ้าตัวดูจะตกใจนิดหน่อยที่เห็นชานยอลกำลังดูรูปในกล้องของเขาแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะยังไงเขาก็ตามถ่ายแต่ชานยอลนั่นแหละ เขาบอกกับตัวชานยอลว่าเขารักชานยอลซึ่งนั่นมันก็เป็นเรื่องจริงและสิ่งในมือของเจ้าตัวนั่นแหละเครื่องพิสูจน์ว่ารักของเขามันไม่ใช่เรื่องฉาบฉวยและไม่ใช่เรื่องเล่นๆ
ชานยอลหันไปมองเมื่อรู้สึกว่าพื้นเตียงข้างๆยวบลง คริสปีนขึ้นมานั่งข้างๆกันแล้วส่งยิ้มให้พร้อมกับยื่นหน้าเข้ามาดูรูปด้วยกัน ปลายนิ้วกดเลื่อนรูปไปเรื่อยๆ ริมฝีปากสีสดวาดรอยยิ้มเต็มแก้มอย่างน่ารัก นี่เองสินะความลับของคริส เขาล่วงรู้มันหมดทุกอย่างแล้วว่าสายตาคู่คมนั้นมองแต่เขามาโดยตลอดจริงๆ คงจะมีแต่ตัวเขาเองนี่แหละที่มองไม่เห็นว่ามีคนคอยแอบมองเขาอยู่
“เป็นสโตรกเกอร์หรือไงหื้ม?” คริสรั้งตัวของชานยอลให้เขยิบมานั่งพิงอกเขา
“ก็ทำนองนั้นแหละครับ ก็คนในรูปน่ารักนินาก็เลยแอบตาม” คนน่ารักที่ว่าก็หัวเราะแล้วฟาดมือที่ขาของคริสไม่แรงนัก
“ขอบคุณนะที่รักฉัน ขอบคุณที่ทำเพื่อฉันตั้งมากมาย ขอบคุณจริงๆ” ชานยอลขยับตัวมองหน้าคริสอย่างขอบคุณ คนที่โดนขอบคุณก็ยิ้มแล้วแนบฝ่ามือกับแก้มใสไว้
“ไม่ต้องขอบคุณครับ แค่รักผมตอบแค่นี้ก็พอแล้ว” ชานยอลยิ้มกว้างแล้วหันไปเก็บกล้องคืนที่โต๊ะข้างหัวเตียงก่อนที่จะขยับตัวไปโอบสองแขนรอบลำคอของคริส
“ฉันรักคริสนะ รักคริสๆๆ ชานยอลรักคริสที่สุดเลย!” แล้วคนน่ารักก็ต้องได้รับรางวัลที่พูดจาถูกใจใช่ไหมล่ะ? คริสป้อนแนบจูบหวานๆให้เป็นรางวัล ริมฝีปากที่บดเบียดเข้าหากันนั้นช่างถวิลหากัน คริสโน้มตัวให้ชานยอลลงนอนกับเตียงโดยมีตัวเขาทับอยู่ด้านบน ชานยอลขยับแขนโอบกอดรอบลำคอจนทุกส่วนแนบชิดกัน คริสกดจูบลึกพร้อมกับที่ค่อยๆสอดปลายลิ้นเข้าสำรวจด้านในโพรงปากอุ่น ไฟแห่งราคะกำลังค่อยๆถูกโหมขึ้น
แต่แล้วความสุขก็ต้องมีตัวขัดขวางจนได้ เสียงเห่าของสุนัขทั้งสองไซส์ดังขึ้นที่หน้าประตูห้องนอนพร้อมกับเสียงเล็บขูดประตูดังแกร๊กๆ คริสกับชานยอลผละออกจากกันแล้วหันไปมองที่ประตูที่กำลังมีตัวขัดจังหวะอยู่ ทั้งสองหันกลับมามองหน้ากันแล้วก็หัวเราะไปด้วยกัน เสียงเห่าและเสียงขูดประตูยังไม่หาย คริสกดจูบที่ริมฝีปากนิ่มหนักๆอีกครั้งก่อนที่จะก้าวลงจากเตียง ชานยอลขยับตัวลุกขึ้นนั่ง
พอเปิดประตูได้ไซบีเรียนตัวโตก็วิ่งแล้วกระโดดปีนขึ้นมาบนเตียงแล้วเข้ามาคลอเคลียชานยอลทันที คริสช้อนน้องไข่หวานขึ้นอุ้มแล้วเดินพามาส่งไว้ที่เตียงเช่นกัน คริสเดินขึ้นเตียงฝั่งตัวเองแล้วก็หัวเราะขำๆเมื่อโดนสุนัขแสนรู้มาขัดจังหวะอะไรที่กำลังจะเตลิดเสียนี่ เอชที่หางกวัดแกว่งไปมากำลังอะเลิทกับเจ้านายทั้งสอง น้องไข่หวานก็กระโดดไปมาสนุกเขานักแหละ
“ไว้ค่อยต่อกันเวลาอื่นก็แล้วกันนะ” ชานยอลหันมาบอกด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม คริสหัวเราะแล้วเอื้อมมือไปโคลงหัวของชานยอลเบาๆ
“คาดว่าจะโดนสกัดหมดน่ะสิ สงสัยยังไงคืนนี้ก็ต้องให้นอนด้วยบนเตียงซะแล้วมั้งเนี่ย” แล้วเจ้าสองตัวก็เห่ารับคำอย่างอารมณ์ดี ชักจะฉลาดเกินไปแล้วนะ
“ครอบครัวสุขสันต์ดีออกนะ” คริสยื่นมือไปไล้แก้มของชานยอลก่อนที่จะยื่นหน้าเข้าไปบดป้อนสัมผัสหวานอุ่นให้ กลีบปากบดเบียดคลึงเคล้นกันเป็นจังหวะ เปลือกตาบางปิดลงรับรสหวานล้ำนั้นอย่างเต็มใจ คริสเลื่อนมือจากแก้มของชานยอลเปลี่ยนเป็นสอดเข้าใต้กลุ่มผมแล้วรั้งใบหน้าที่หลับตาพริ้มเงยหน้าขึ้นรับจูบของเขาได้เต็มสัมผัส กดบดสัมผัสตอบรับซึ่งกันและกัน
“หงิง~” เอชที่นั่งอยู่ระหว่างขาของคริสใช้ขาหน้าสะกิดอกของเจ้านายแล้วทำหน้าหงอยๆ ตาวิ๊งๆเข้าอ้อน ส่วนน้องไข่หวานก็ใช้สองขาหน้าตะกุยขาของชานยอล คริสละจูบจากชานยอลมองเจ้าสองตัวที่อยากมีส่วนร่วมแล้วก็หัวเราะออกมา
“โอ๋ๆ เฮียก็รักเอชนะแต่แอบรักพ่อน้องไข่หวานเยอะกว่าหน่อยนึงนะ” คริสก้มลงฟัดกับเจ้าเอชที่อารมณ์ดีทำตัวอะเลิทเกินความจำเป็นอีกแล้ว
“อะไรล่ะน้องไข่หวานขัดจังหวะอีกแล้วนะ ถึงจะมีพ่อคริสแต่ฉันก็ไม่ลืมนายหรอกน่า” ชานยอลอุ้มน้องไข่หวานขึ้นมาจูบที่หัวกลมๆของเจ้าตัวน้อยที่ส่งเสียงครางน้อยใจ
“รักน้องไข่หวานเหมือนกันนะครับ” คริสยื่นหน้าเข้าไปจูบที่เดียวกับชานยอล
“แล้วก็รักพ่อน้องไข่หวานด้วยเหมือนกัน” แล้วริมฝีปากก็ฉกเข้าไปที่แก้มของชานยอล ก็เลยได้ฝ่ามือฟาดเข้าให้หนึ่งทีเน้นๆ
“รักพี่เอชนะแต่พี่ชานยอลไม่รักเฮียของพี่เฮชหรอก” จุ๊บพี่เอชเสร็จก็หันมาแลบลิ้นใส่เจ้าของซะเลย
“ชานยอลอ่ะ~~” ชานยอลหัวเราะแล้วยื่นหน้าเข้าไปแตะริมฝีปากที่ริมฝีปากของคริสเบาๆ เจ้าสองตัวยกขาหน้าขึ้นปิดตาไว้ไม่อยากมองภาพพวกนั้น
“ก็รักนายเหมือนกันนั่นแหละน่า~”
คืนนี้บนเตียงหลังใหญ่ทั้งสองคนและสองตัวก็นอนหลับด้วยกันโดยมีไซบีเรียนฮัสกี้นอนอยู่ซุกอยู่กับโกลเดนรีทรีฟเวอร์ที่อีกฝั่งของเตียงและคริสที่นอนตะแคงข้างกอดชานยอลจากด้านหลังอยู่ที่อีกฝั่ง อ้อมแขนยาวที่โอบกอดชานยอลนั้นสอดประสานจับกับมือของชานยอลไว้ คืนนี้ของทั้งสองคงจะเป็นอีกคืนหนึ่งที่ฝันดี ความสุขและความอบอุ่นคอยโอบอุ้มคนทั้งสองเอาไว้ ความสุขกำลังเพิ่มขึ้นทีละนิดในทุกๆวัน... ไม่มีหมด
แม้จะเป็นยามหลับฝันหรือความจริงคริสก็ไม่ยอมห่างจากชานยอลและจะไม่ยอมปล่อยมือจากชานยอลเด็ดขาด แม้ว่าไอเย็นจากเครื่องปรับอากาศจะหนาวเย็นแค่ไหนแต่อ้อมแขนที่คอยโอบกอดนั้นก็คลายความหนาวและปัดเป่าไอเย็นที่จะเกาะผิวกายให้กลายเป็นความอุ่นสบาย ดังเช่นความรักของคริสที่ค่อยๆบ่มเพาะจนกลายเป็นต้นรักของคนทั้งคู่ขึ้นมา คริสและชานยอลจะช่วยกันดูแลความรักนี้ไปด้วยกันจนว่าจะถึงวันสุดท้ายของชีวิต
แด่... ความรักที่สวยงามและความสุขที่ไม่มีวันเลือนหายของคริสและชานยอล
The End
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น