ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [END] Family Project (KrisYeol) : Day&Night Secret Love

    ลำดับตอนที่ #10 : Chapter - 9

    • อัปเดตล่าสุด 26 ก.พ. 57


    ช่วงนี้ยุ่งมากๆๆๆอ่ะ ฮือออออออออออออออออออออออ
     
    หลายสิ่งรุมเร้ามาก แต่เราจะไฝว์ *เบบี้ดอนท์คือรายยยยยยยยยยยยยยย*
     
    #บอกตัวเองสู้เข้าไว้
     
    คิดถึงทุกคนนะคะ อิอิ #ช่วงบอกรักไทม์อะเกน
     
     
     
     
    _______________________________
     
     
     
     
     
    แต่คริสก็คิดผิด... เช้ามาชานยอลก็ยังงอนไม่เลิก ไม่พูดด้วย ไม่ปลุก ไม่มองหน้า ลู่หานที่เห็นน้องตัวเองมาลากมือให้พาไปเดินดูดอกไม้บานตอนเช้าก็ได้แต่ถอนหายใจ ร้องไห้หนักล่ะสิตาบวมเป็นกบเลย คริสก็เดินตามมาไม่ห่างพร้อมกับกล้องถ่ายรูปในมือ ชานยอลเหลือบตาไปมองแล้วก็แบะปากใส่ มีเรื่องอะไรกันอีกล่ะเนี่ย ไม่ไหวจริงๆเลยไอ้สองคนนี้
     
    ชานยอลเดินดูดอกไม้ที่บานตอนเช้าแล้วก็ยิ้มอารมณ์ดีแต่พอได้ยินเสียงกดชัตเตอร์ก็หันไปทำหน้าบึ้งแล้วก็สะบัดหน้าหนีทุกที ลู่หานส่ายหน้าไปมากับพวกมันสองคนที่ทำอะไรเป็นเด็กอนุบาลไปได้ เครื่องมือสื่อสารในกระเป๋าสั่นเตือน พอหยิบขึ้นมาดูก็สีหน้านิ่งไปแวบหนึ่งก่อนที่จะหลบออกมาให้รอดพ้นสายตาของคริสและชานยอล แต่ก็นะพวกมันคงสนใจคนอื่นหรอก
     
    คริสยังถ่ายรูปชานยอล ถ่ายดอกไม้ไม่เลิก ชานยอลก็หันหน้าไปมองแล้วก็หันหน้าหนี หนักเข้าหน่อยก็หันหลังใส่ซะเลย คริสก็ถ่ายรูปไปเรื่อยเปื่อยพอชานยอลเผลอก็หันมาเก็บรูปของชานยอลต่อ ชานยอลหันมาแบะปากใส่แล้วก็ลุกขึ้นเดินหนีไปเลย คริสส่ายหน้าไปมาด้วยรอยยิ้มขันแล้วก็ก้าวเท้าเดินตาม เวลาชานยอลปกติก็ว่าน่ารักแล้วนะ ยิ่งเวลางอนนี่ไม่อยากจะบอกให้คนอื่นรู้เลยว่าชานยอลน่ะน่ารักมากนะ ไม่ว่าจะเป็นแบบไหนคริสก็ชอบชานยอลทุกแบบนั่นแหละ
     
    ชานยอลเดินไปด้านในสวนก็เห็นชิงช้าต้นไม้ที่ผูกอยู่กับกิ่งไม้ใหญ่ ร่มเงาของกิ่งไม้ที่แผ่นเป็นวงกว้างนั้นดูร่มรื่นย์ อากาศเย็นสบายและสดชื่นนั้นคล้ายดังกวักมือเรียกให้คนที่ยืนมองอยู่นี่เข้าไปสัมผัสมันเสียเหลือเกิน
     
    “อยากนั่งชิงช้าไหม” แต่ชานยอลไม่ตอบเดินเข้าไปที่ชิงช้านั่นแล้วนั่งลง สองขายันพื้นเบาๆพอให้มันแกว่ง คริสที่เดินตามมาแล้วยืนซ้อนด้านหลังแล้วไกวชิงช้าให้ 
     
    คริสไกวชิงช้าไปเรื่อยๆ คนที่นั่งอยู่บนชิงช้าก็นั่งจับเชือกสองเส้นไว้แล้วก็นั่งเงียบๆเช่นเดิม คริสหยุดไกวแล้วเดินอ้อมมานั่งคุกเข่าตรงหน้าชานยอล ดวงตากลมมองคนที่นั่งอยู่ต่ำกว่าด้วยแววไม่ค่อยจะเข้าใจว่ามานั่งตรงหน้าเขาทำไมกัน คริสกางสองมือจับเชือกสองเส้นนั้นไว้ไม่ให้ชิงช้าแกว่ง
     
    “หายงอนหรือยังครับ” ดวงตากลมที่มองอยู่สะบัดค้อนใส่ทันที ใบหน้าน่ารักก็ยู่ใส่บ่งบอกเลยว่ายังงอนไม่หาย คริสจับสองมือของชานยอลมาแนบที่แก้มของตัวเองแล้วส่งยิ้มละมุนให้คนที่ก้มหน้ามองสบตา
     
    “หายงอนเถอะนะ ผิดไปแล้ว” ชานยอลก็ยังคงทำหน้ามุ่ยอยู่แบบนั้น คริสก็เลยขยับตัวโน้มตัวกอดเอวแล้วอิงหัวไว้กับขาของชานยอล
     
    “ยกโทษให้เถอะนะจะไม่พูดอีกแล้ว” ชานยอลขยับมือขึ้นโอบคริสแล้วลูบกลุ่มผมสีสว่างของคนที่มานั่งกอดเขาเบาๆ
     
    “ห้ามพูดแล้วก็ห้ามทิ้งนะ” คริสเงยหน้าขึ้นมองแล้วพยักหน้า
     
    “ไม่พูดแล้วครับ ไม่ทิ้งด้วยนะสัญญาเลย” ชานยอลค่อยๆเริ่มยิ้มแล้วยกนิ้วก้อยให้
     
    “ไม่สัญญา สาบานมาเลย” คริสยิ้มแล้วขยับตัวออกก่อนที่จะเกี่ยวนิ้วก้อยตัวเองกับนิ้วของชานยอล
     
    “สาบานครับ ด้วยเกียรติของคนที่หล่อที่สุดในบ้านเลย” ชานยอลหัวเราะแล้วทุบไหล่คริสไปสักทีแรงๆ
     
    “ไม่จริงป๊านายหล่อกว่าอีก” คริสยกมือขึ้นไล้แก้มของชานยอล
     
    “นี่ลูกป๊าก็ต้องหล่อกว่าดิ” ชานยอลแบะปากใส่
     
    “อ่ะๆๆ.. หล่อก็หล่อ” ชานยอลและคริสหัวเราะขึ้นพร้อมกัน คริสขยับตัวกอดเอวชานยอลไว้อีกครั้ง ริมฝีปากของชานยอลยิ้มอารมณ์ดี คริสก็อารมณ์ดี ... คนที่มองอยู่ก็เลยอารมณ์ดีไปด้วย
     
    ลู่หานที่จะมาตามก็ไหวไหล่เบาๆ ท่าทางจะดีกันแล้วน่ะสิออดอ้อนกันซะขนาดนั้นน่ะ บางทีอาจจะไม่ใช่ชานยอลที่ปล่อยมือเขาแต่เป็นตัวเขานี่แหละที่ต้องปล่อยมือชานยอลไปส่งให้คริสดูแล ก็นะ... คริสดูแลน้องเขาได้ดีกว่าที่ตัวเขาดูแลอีก ทั้งเอาใจดีกว่า ทั้งตามใจไปซะทุกอย่างบางทีไม่ต้องพูดก็รู้ แค่มองตาก็รู้ใจหรือเปล่านะ
     
    ถึงจะโหดๆไปบ้างแต่มันก็ไม่เคยละเลยน้องของเขาเลยสักครั้ง ก็โอเคผ่านด่านเขาแล้วกัน ยอมให้สักคน.. แต่จะผ่านด่านของพ่อหวงลูกหรือเปล่าอันนี้ก็ไม่รู้นะ
     
    “เอาเถอะยอมให้สักคนล่ะกัน” ลู่หานยิ้มกับภาพตรงหน้าที่คริสไกวชิงช้าให้เจ้าเด็กแสบที่หัวเราะอารมณ์ดีแล้วก็ไม่อยากจะเข้าไปขัด ปล่อยให้อยู่ด้วยกันสองคนก็แล้วกัน ลู่หานหมุนตัวเดินกลับไปทางเดิมตอนแรกที่ตั้งใจจะชวนไปในเมืองก็เป็นอันพับเก็บไป พอเห็นพวกมันสองคนดีกันแล้วก็นึกไปถึงใครบางคน คนที่ไม่คิดว่าจะคิดถึงแต่ไม่รู้ทำไมในมโนความคิดถึงได้มีแต่ใบหน้าของเด็กคนนั้นกันนะ
     
     
     
    หลังจากเล่นกันอยู่นานชานยอลกับคริสก็พากันเดินกลับบ้านพร้อมกับดอกไม้ช่อหนึ่งในมือของชานยอลที่แอบเด็ดมา ที่ถ้าคุณเจ้าของสวนรู้ล่ะก็... ชานยอลจะให้พ่อเคลียร์ให้เลย!! แต่ไม่รู้หรอกมีดอกไม้ตั้งเยอะแยะแอบเด็ดไปสักสิบดอก ยี่สิบดอกก็ไม่มีใครรู้เห็นหรอก.. นอกจากไอ้คนที่เดินอยู่ข้างตัวนี่แหละ
     
    แต่พอเปิดประตูเข้ามาในบ้านพักกลับไม่เห็นใครสักคน บ้านเงียบเชียบเกินไปแล้ว ชานยอลกับคริสมองหน้ากันแล้วก็พากันเดินไปด้านหลังบ้านที่เป็นส่วนของห้องครัวก็เห็นแค่คุณแม่ที่กำลังเตรียมอาหารอยู่ ชานยอลยัดดอกไม้ในมือให้คริสถือแล้วเดินเข้าไปหาคุณแม่ที่กำลังง่วนกับการปรุงรสในหม้อซุป
     
    “แม่แล้วพ่อไปไหนอ่ะ แล้วลู่อ่ะ” คุณแม่หันมายิ้มให้ก่อนที่จะหันกลับไปง่วนกับของตรงหน้าต่อ
     
    “ออกไปธุระจ๊ะ มืดๆคงกลับ” ชานยอลทำหน้ายู่ใส่แล้วคิดไปว่าสงสัยสองพ่อลูกนั้นคงแอบหนีเขาไปเที่ยวในเมืองแน่ๆเลย
     
    “คริสไว้พรุ่งนี้เราหนีเที่ยวกันบ้างนะพ่อกับไอ้ลู่ต้องพากันหนีไปเที่ยวแน่ๆ หึ๊ย! ยอมไม่ได้!!” ชานยอลแสดงอาการยอมไม่ได้ด้วยการเดินไปเกาะแขนคริสแล้วทำแก้มป่องใส่แล้วไอ้คนมองจะไม่ตามใจหรือไงล่ะ
     
    “ตลก เขาอาจจะออกไปซื้อของกันก็ได้” ชานยอลส่ายหน้า
     
    “ถ้าซื้อของต้องเอากูไปด้วยดิวะ กลับมานะจะโป้ง จะโกรธแล้วก็จะงอนด้วย!!” คริสหัวเราะแล้วขยี้ผมของคนที่หน้างอนแล้วมาซบแขนเขาแรงจนชานยอลเงยหน้าขึ้นมามองค้อนแล้วก็ปัดมือเขาออก
     
    “ไปหาแจกันมาใส่ดอกไม้ไป” ชานยอลยู่ปากใส่แล้วก็สะบัดหน้าหนีไปเลย คริสมองตามแล้วก็หัวเราะ.. ก็คนเขาน่าเอ็นดูนินะ
     
    เมื่อคุณแม่เตรียมมื้อเที่ยงเสร็จเรียบร้อย ทั้งสามคนก็มานั่งกินมื้อเที่ยงกัน ชานยอลที่ยังอะเลิทก็เล่าโน้น เล่านี่ให้คุณแม่ฟังเกี่ยวกับดอกไม้ในสวน คริสก็นั่งฟังไปด้วยไม่พูดไม่จากินอย่างเดียว แหงล่ะอร่อยซะขนาดนี้แต่ก็ไม่ลืมที่จะเอาใจคนทำด้วยการตักให้รวมถึงคนข้างตัวด้วย ถ้าเอาแต่พูดมากๆก็ตัดข้าวยัดปากป้อนซะเลย
     
    หลังจากที่ชานยอลอิ่มแล้วก็นั่งเท้าคางมองคนข้างตัวที่ยังกินไม่เสร็จ แบะปากอีกหน่อยก็หันไปมองคุณแม่ที่นั่งยิ้มมองอยู่ก่อนแล้วแม้จะข้องใจแต่ก็อยากจะถาม ชานยอลเอียงคอมองหน้าคุณแม่ที่ยังยิ้มไม่หุบ พอเอียงคอใส่คุณแม่ก็เลยเอียงคอตาม เจ้าตัวก็หัวเราะสนุกเขาแหละ
     
    “แม่แล้วพ่อกับลู่ไปทำธุระอะไรอ่ะ” พอลูกชายถาม คุณแม่ก็หลบสายตาไปแวบหนึ่งก่อนที่จะหันหน้ามาทางชานยอลแล้วยกยิ้ม
     
    “ก็คงไปซื้อของกันล่ะมั้งจ๊ะ ถ้าอิ่มแล้วชานยอลล้างจานทีนะลูกแม่ขอไปนอนหลับสักงีบ” แล้วคุณแม่ก็ลุกเดินออกจากโต๊ะไป ชานยอลก็ไม่ได้อะไรเพราะเรื่องแค่นี้ทำได้อยู่แล้วลูกพี่ชานยอลคนหล่อซะอย่าง ชานยอลจับความผิดปกติไม่ได้แต่คนที่นั่งเงียบๆน่ะมองตามหลังคนที่เพิ่งลุกออกไปด้วยความสงสัย
     
    “มองอะไรวะกินเสร็จยังน่ะมึง” ชานยอลตีแขนเข้าให้ทำเอาสะดุ้งโหยง คริสหันมามองคนข้างตัวแล้วชี้นิ้วใส่
     
    “ไหนบอกให้เรียกเพราะๆ มึงอะไรมาจากไหน” ชานยอลแบะปากใส่
     
    “ไม่เกี่ยวกันดิ มึงอ่ะต้องเรียกกูเพราะๆ” คริสเลิกคิ้ว
     
    “มันก็ไม่แฟร์ดิวะ ถ้าฝ่ายหนึ่งพูดเพราะอีกฝ่ายก็ควรพูดเพราะด้วยสิ ไม่งั้นมันก็เอาเปรียบดิ อยากเป็นคนเอาเปรียบหรือไง” โอ้โห้ถ้าจะสวนมาขนาดนี้นะเอาส้อมมาจิ้มตากันเลยดีกว่าไหม!! ชานยอลมองค้อนใส่ซะคอแทบหักแต่คริสกลับยักคิ้วใส่ โคตรยั่วอารมณ์เลยบอกตรงๆ
     
    “นายกินเสร็จหรือยัง” 
     
    “ไม่เอานายดิ” ชานยอลแบะปากใส่อีกสักรอบ
     
    “คริสกินเสร็จหรือยัง” แถมรอยยิ้มให้ด้วยแต่คริสกลับส่ายหน้า ทีนี้ก็เอียงคองงกันล่ะสิ
     
    “ไม่เอาคริสดิ”
     
    “เอ้า! ก็ชื่อคริสไม่ใช่หรือไงล่ะแล้วจะให้เรียกอะไรกันวะห๊ะ!!” คริสหัวเราะแล้วบีบปลายจมูกชานยอลเบาๆ
     
    “เรียกตัวสูงดิ ตัวสูงจะได้เรียกตัวเล็กว่าตัวเล็กไง” แล้วทีนี้ตัวเล็กจะทำอย่างไรล่ะ? ก็ได้แต่ทำหน้าตก ทุบไหล่ให้หนักๆแล้วก็ลุกขึ้นยืนด้วยสีหน้าแดงๆน่ะสิ
     
    “จะมาลงมาเล็กอะไรวะ นั่งให้หนอนแทะไปเลยไป!” แล้วชานยอลก็เก็บรวบจานชามพวกนั้นแล้วยกไปที่อ่างล้างจานทันที คริสที่นั่งมองอยู่ก็หัวเราะถูกใจพ่อตัวสูงเขานักแหละ ชานยอลก็ขมุบขมิบปากให้ศีลให้พรไป ใจจริงอยากจะหันไปด่าอยู่หรอกแต่กลัวว่าจะโดนมันสวนเข้าให้น่ะสิ พอเลยเลิก!
     
    “เดี๋ยวล้างให้” คริสมายืนซ้อนหลังแล้วยื่นมือผ่านเอวชานยอลมาช่วยล้างจานจริงๆ ชานยอลที่เหมือนโดนกอดกลายๆก็ทำตาโตอย่างตกใจ 
     
    “อะ.. เออดีล้างไปเลย!!” จะหนีออกจากอ้อมแขนนี้ก็หนีไม่ได้ก็พี่ท่านเล่นปิดหมดทุกเส้นทางหนีก็เลยต้องยอมยืนให้คนอาสาล้างจานกอดก่ายไปสิ คริสเกยคางไว้ที่ไหล่ของชานยอลแล้วก็ล้างจานไปเรื่อยๆ ชานยอลก็ยืมเฉยๆไม่ช่วยอะไรทั้งนั้นก็คนเขาบอกว่าจะล้างให้นินะ ไม่ช่วยทำหรอกบอกเลย!
     
    “อื้อ.. นี่มึงจะล้างจานหรือจะดูดคอกูห๊ะ!!” ชานยอลเอียงคอหนีคริสที่ขบเม้มตามแนวลำคอแต่ยิ่งเอียงหนีก็ยิ่งทำให้คนที่ทำรอยตามลำคอได้ถนัดขึ้น
     
    “ทำโทษ.. พูดไม่เพราะ” คริสจูบไล้ลงมาตามแนวลำคอระหงส์แล้วกัดเข้าที่บ่าของชานยอลที่โผล่พ้นขอบเสื้อไม่เบานัก
     
    “อื้อ.. คริสไม่เอา” ชานยอลขยับถอยพิงอกของคริส แล้วไอ้การที่มาหลับตา ทำแก้มแดง พูดเสียงกระเส่านี่คืออะไร.. แล้วคิดว่าจะทนไหวไหมล่ะ?
     
    “แต่อยากเอาแล้วอ่ะ เอาได้ป่ะ” คริสกระซิบชิดใบหู ทีนี้คนที่กำลังจะอ่อนในอ้อมแขนก็ดึงสติกลับมาแทบไม่ทัน ชานยอลหันไปค้อนใส่คริสที่มองอยู่ก็หัวเราะเบาๆแต่ก็จูบแก้มนในอ้อมแขนไปอีกสักทีหนักๆ
     
    “ก็ตัวเล็กน่าเอานิ” ชานยอลฟาดแขนของคนพูดแรงๆสามทีซ้อนเลย
     
    “อย่ามาเรียกตัวเล็กดิวะ!!” คริสเลิกคิ้วแล้วเอียงคอไปมองหน้าคนเขินที่พองสองแก้ม
     
    “ทำไม เขินหรือไง” แล้วคนจนมุมอย่างชานยอลก็พยักหน้าตอบรับแบบไม่มีปิดบัง
     
    “จะเขินทำไมน่ารักดีออก” ชานยอลขยับตัวออกแล้วมองหน้าคนบอกว่าน่ารักแล้วก็แบะปากใส่ซะเลย
     
    “ก็เขินอ่ะจะทำไมเล่า! ไม่ต้องมาเรียกเลยนะถ้าเรียกอีกจะข่วนให้หน้าแหกเลย!!” คริสหัวเราะแต่ก็ยอมตอบตกลงไปไม่งั้นล่ะก็ลูกแมวที่เตรียมสู้ฟัดคงจะรอลับเล็บให้คมแล้วมาข่วนหน้าเขาจริงๆล่ะ
     
    “คริสถ้าสอบเสร็จอย่าลืมพาไปเที่ยวนะ” ชานยอลถามหลังจากที่เห็นว่าคริสล้างจานใกล้เสร็จแล้ว 
     
    “ไม่ลืมหรอกน่าอยากไปไหนก็คิดไว้แล้วกัน” 
     
    “งั้น.. ไปต่างประเทศได้ป่ะ?” ชานยอลเอี้ยวหน้าไปมองคนที่ยืนซ้อนอยู่ด้านหลัง ยิ้มให้ด้วย ทำตาโตให้ด้วยเผื่อว่ามันจะได้ใจอ่อน
     
    “ก็เอาดิอยากไปไหนก็บอก”
     
    “จริงป่ะ!!” พอคริสพยักหน้าชานยอลก็ร้องเย้แล้วหมุนตัวกลับไปกอดรอบคอคนตามใจทันที
     
    “งื้อ~ รักมึงจังเลยอ่ะ~~” ชานยอลถูหัวกับซอกคอคนใจดี คริสยิ้มแล้วหัวเราะในลำคอ เช็ดมือเสร็จก็โอบเอวเล็กให้เข้ามาแนบชิด
     
    “จำได้ไหมว่าถ้าจะต้องขอบคุณต้องทำยังไง” จบประโยคชานยอลก็ผงะถอยแล้วมองหน้าคนถามด้วยสีหน้าตกใจ จะถอยมากก็ไม่ได้เพราะโอบสองแขนกอดรัดอยู่
     
    “อะ.. เอาจริงดิ” ที่ถามเนี่ยเพราะจำได้น่ะสิ มันฉายแวบมาเป็นฉากๆเลยเหอถ โอ้โห้น้ำตาอยากจะไหลแล้วร้องไห้ให้น้ำท่วมจังเลยอ่ะ
     
    “อืม ไม่งั้นก็อดเที่ยวแค่นี้ง่ายๆ” ชานยอลแบะปากคว่ำ นี่ถ้าตบหัวมันให้หลุดได้ขอบอกเลยว่าลูกพี่ทำไปแล้วครับ!!
     
    “ทีเดียวนะ” แน่ะยังมีขอต่อรองคริสก็พยักหน้ารับ ชานยอลมองไปรอบๆพอไม่เห็นใครก็หันมองสบตากับดวงตาคมที่มองมา ดวงตาคมที่ทอแสงวิบวับกับรอยยิ้มที่ประดับอยู่บนริมฝีปากนั้นมันทำให้คนมองรู้สึกประหม่า
     
    ชานยอลเงยหน้าขึ้นแตะริมฝีปากทาบลงกับริมฝีปากของคนที่รออยู่แล้ว เปลือกตาบางปิดลงพร้อมรับรสจูบที่อีกฝ่ายจะป้อนมาให้ คริสกดริมฝีปากลงหนักๆแล้วขยับสัมผัสเป็นจังหวะ กดจูบส่งผ่านกันและกันแทบไม่ปล่อย ยิ่งเคลิ้มก็ยิ่งตอบรับสัมผัสกันอย่างเร่าร้อนขึ้น
     
     อ้อมแขนยาวกอดรัดเอวเล็กให้แนบชิดจนทุกส่วนสัมผัสกัน ชานยอลโอบรอบคอรั้งคริสให้ก้มลงมาป้อนจูบให้ลึก มืออีกข้างก็สอดเข้าไล้กลุ่มผมสีสว่างของคนที่ยืนให้กอดเป็นหลัก เรียวลิ้นกวัดเกี่ยวกันไม่ลดละ ไล้ต้อนแล้วพันเกี่ยวกันไม่ยอมห่าง คริสยิ่งรั้งชานยอลให้เข้ามาแนบแล้วป้อนจูบให้ลึกขึ้นเมื่อคนในอ้อมแขนเขาเริ่มส่งเสียงครางให้ได้ยิน
     
    “อื้อ... คริสไม่เอานี่มันกลางวันนะ” ชานยอลเบี่ยงหน้าหนีเมื่อคริสละปล่อยแต่เจ้าตัวไม่ยอมยังมาจูบซับไม่ลดละ คริสจูบซับหยาดน้ำใสจากมุมปากของชานยอลแล้วลากไล้ริมฝีปากลงจูบตามแนวลำคอ
     
    “งั้นกลางคืนก็เอาได้ใช่ไหม” คริสวกริมฝีปากขึ้นไปจูบทาบที่ริมฝีปากสีสดที่บวมเจ่ออีกครั้ง ชานยอลทุบไหล่ของคนพูดไปหนักๆ
     
    “ไอ้หื่นกาม!” เมื่อคริสปล่อยจูบก็ด่าคนตรงหน้าไปสักทีพร้อมกับแบะปากให้ด้วย คนโดนด่าหัวเราะแล้วไล้ริมฝีปากนิ่มเบาๆด้วยปลายนิ้ว
     
    “ก็คิดกามกับชานยอลคนเดียวอ่ะ” ชานยอลยู่ปากใส่แล้วตบแก้มของคริสเบาๆสามที
     
    “คิดกามมากจนปากห้อยเลยเหรอไง” แล้วเจ้าตัวก็หัวเราะสนุกเลย คริสเลิกคิ้วแล้วมองคนในอ้อมแขน
     
    “พูดเหมือนตัวเองไม่ห้อย” คนโดนหาว่าปากห้อยอ้าปากค้าง ทำตาโตอย่างตกใจ
     
    “ห้อยอะไรเขาเรียกปากอิ่มน่าจูบเว๊ย!!” ว่าแล้วก็ห่อปากให้ดูด้วยว่าอิ่มน่าจูบแค่ไหน คริสหัวเราะเบาๆในลำคอแล้วพยักหน้ารับ
     
    “อืม.. น่าจูบจริงๆด้วย” แล้วคริสก็ก้มหน้าลงสัมผัสริมฝีปากน่าจูบนั้นอีกสักที 
     
    “พอเลยๆ ทำไมอยู่กับมึง.. อยู่กับคริสแล้วรู้สึกเปลืองตัวจังเลยวะ” ชานยอลดันไหล่ของร่างสูงกว่าให้ถอยแต่คริสก็ไม่ยอมถอย คริสยกยิ้มมุมปาก
     
    “ไม่เปลืองตัวกับผัวแล้วจะไปเปลืองตัวกับใครครับลูกพี่” ยักคิ้วให้อีกสักที ชานยอลมองค้อนใส่ตาแทบคว่ำ
     
    “เปลืองตัวกับจงอินมั้ง” ชานยอลหัวเราะ คริสแค่ส่งเสียงหัวเราะหึหึแล้วดันชานยอลให้ชนอ่างล้างจาน
     
    “ไหนๆก็ไม่มีใครแล้ว ทำโทษคนพูดไม่คิดสักหนอยดีไหมหื้ม?” ชานยอลบึนปากใส่แล้วส่ายหน้า
     
    “ไม่เอาแล้วก็พูดเล่นเฉยๆหรอก ก็เปลืองตัวกับคริสคนเดียวนั่นแหละเนอะ~” เอียงคอใส่ ทำตาโตให้ด้วยอ่ะเพื่อคุณพี่ท่านจะเห็นใจเลิกรุ่มร่ามสักที คริสหัวเราะแล้วขยี้เส้นผมนิ่มของชานยอลที่เริ่มยาวจนยุ่งไม่เป็นทรงก่อนที่จะปล่อยให้ชานยอลให้ยืนดีๆ ชานยอลทำหน้ามุ่ยแล้วก็จัดทรงผมให้เข้าที่
     
    “แล้วจะทำอะไรต่อขึ้นไปนอนหรือจะออกไปนั่งหน้าบ้าน”
     
    “ไปนั่งหน้าบ้านดีกว่า ดอกไม้ อากาศก็ดี๊ดี~”
     
    ด้านหน้าบ้านมีชิงช้าไม้ตัวใหญ่ตั้งอยู่ คริสกับชานยอลนั่งด้วยกันบนชิงช้า คริสยันขาให้มันแกว่งเบาๆ ชานยอลก็นั่งพิงหัวไว้กับไหล่ของคริสที่ยอมนั่งให้พิงแล้วก็ชี้ดูดอกไม้ตรงนั้น ตรงนี้ไปเรื่อยเปื่อย คริสที่โอบไหล่ชานยอลไว้ก็หันมากดจูบที่กลุ่มผมของชานยอลเป็นระยะๆ พูดอยู่นานกว่าที่ถ่านจะหมด ชานยอลที่อยู่ๆก็นั่งเงียบไปเรียกให้คริสที่กำลังมองผีเสื้อสองตัวบินวนอยู่รอบๆดอกไม้ใกล้ๆชิงช้าต้องหันมามองคนในอ้อมแขน
     
    “หึหึ... หลับซะล่ะถ่านหมดแล้วน่ะสิ” คริสกดจูบคนในอ้อมแขนอีกครั้งแล้วขยับปลายเท้าไกวชิงช้าไม้ตัวนี้เบาๆกล่อมคนที่หลับในอ้อมแขนเขา
     
    ถ้าเขาจะบอกว่าชานยอลเป็นคนรักของเขานี่.. ได้หรือยังน่ะ คนในอ้อมแขนยอมรับหรือยังแต่ถึงไม่จะไม่ยอมรับก็ต้องยอมรับแล้วละนะ ชานยอลติดกับเขาเต็มๆเลย กับดักที่เขาวางไว้แล้วค่อยๆล่อให้ชานยอลตามมาติดกับเขาโดยที่ไม่รู้ตัว.. กับดักที่มีผลข้างเคียงมาถึงเขาด้วย
     
    กับดักของเขากำลังทำให้ชานยอลขาดตัวเขาไม่ได้แบะในขณะเดียวกันตัวเขาก็ขาดชานยอลไม่ได้เช่นกัน คริสไม่รู้ว่าชานยอลจะเข้าใจคำว่ารักมากน้อยแค่ไหนแต่อย่างน้อยที่รู้สึกกับน้องของเขามันน่าจะเป็นความหลงที่น้องของเขาน่ารักแล้วก็ใจดีมากกว่า ไม่รู้หรอกว่าความรักของชานยอลเป็นยังไงแต่ตัวเขาคิดแค่ว่าของเขาอยู่ในนั้นและเป็นหนึ่งเดียวในนั้นก็พอ แค่นี้ก็พอใจแล้วล่ะ
     
    คริสหันไปกดจูบที่กระหม่อมสวยของชานยอลหนักๆ กดจูบส่งผ่านคำว่ารักไปให้ ไม่รู้ว่าจะรับรู้หรือเปล่าแต่ก็ขอแค่ชานยอลยังอยู๋ในอ้อมแขนของเขาและอยู่ในตัวเขาปกป้องก็พอ คริสเชื่อมั่นและมั่นใจว่าตัวเขาจะปกป้องชานยอลจากสิ่งร้ายๆที่จะเข้ามาทำร้ายคนใสซื่อคนนี้ได้ ชานจะรู้ตัวหรือเปล่านะว่าเป็นแทบจะทั้งชีวิตของเขาแล้วเนี่ย
     
    “ตลกชะมัด” ถึงปากจะพูดแบบนั้นแต่คริสก็กดจูบและกอดชานยอลไม่ห่างตัว
     
    แต่แล้วจนถึงมื้อเย็นคุณพ่อกับลู่หานก็ยังไม่กลับมา คริส ชานยอลและคุณแม่ก็กินมื้อเย็นด้วยกันสามคน แม้จะอยากถามแต่ก็คงจะได้รับคำตอบเหมือนเดิมนั่นแหละว่าไปธุระ คิดว่าบางทีค่ำหน่อยคุณพ่อกับลู่หานอาจจะกลับมาแต่ก็ไม่เห็นแม้แต่วี่แวว ชานยอลที่ชะเง้อคอมองออกไปนอกตัวบ้านก็ได้แต่ร้อนรน กดมือถือหาใครก็ไม่ติดสักคน
     
    คริสหันมองแล้วก็ไม่รู้จะบอกยังไงดี ชานยอลเป็นห่วงว่าขับรถมืดๆแบบนี้จะเป็นอันตรายหรือเปล่า ติดต่อก็ไม่ได้สักคนก็ร้อนใจ ตัวเองเป็นคนบอกคุณแม่เองแท้ๆว่าไม่ต้องเป็นห่วงแล้วก็ให้คุณแม่ขึ้นไปนอนแต่กลับมานั่งร้อนใจแทน เอากับเขาสิ
     
    “เดี๋ยวก็กลับมา บางทีอาจจะกำลังกินมื้อเย็นอยู่ก็ได้” ชานยอลหันไปมองคริสที่จับมือตัวเอง
     
    “ก็เป็นห่วงนิโทรไปก็ไม่ติดอ่ะ” ชานยอลหันมาฟ้องด้วยสีหน้าจะร้องไห้อยู่รอมร่อ คริสก็เลยดึงเด็กที่กำลังจะร้องไห้มากอดปลอบ
     
    “แถวนี้สัญญาณก็ไม่ค่อยดีไม่ใช่หรือไง เอาน่าเดี๋ยวอีกสักแปบคงกลับ ขึ้นไปนอนก่อนไหมเดี๋ยวนั่งรอให้” ชานยอลพองสองแก้มแล้วส่ายหน้าไปมา
     
    “ไม่เอาจะรอด้วย” คริสยิ้มแล้วลูบกลุ่มผมของชานยอลเบาๆ
     
    “งั้นดื่มนมอุ่นนะเดี๋ยวไปทำให้” ชานยอลที่ไม่ค่อยอยากดื่มนมแต่ก็ต้องยอมพยักหน้ารับ คริสไล้แก้มชานยอลก่อนที่จะลุกขึ้นไปอุ่นนมมาให้ ยังดีที่ในตู้เย็นบ้านหลังนี้มีนมและไมโครเวฟให้ ไม่งั้นก็ไม่รู้จะหลอกล่อให้เด็กขี้เป็นห่วงคนนั้นยอมนอนยังไง 
     
    ชานยอลน่ะขี้ห่วงเกินเหตุ คุณพ่อกับลู่หานจะต้องกลัลมาปลอดภัยและเขาคิดว่าคืนนี้ทั้งคู่น่าจะไม่กลับเพราะทางเข้ามามันไม่มีไฟ ถ้าเป็นตัวเขาถ้ามีคนน่ารักนั่งมาด้วยเขาก็จะไม่ขับฝ่าเข้ามาหรอก มันมืดเกินที่จะเสี่ยง
     
    “ดื่มนมซะ” ชานยอลรับแก้วนมทรงสูงมาถือไว้แล้วค่อยๆดื่มมัน รสหวานของมันไม่ได้ทำให้คนใจร้อนคลายลงเลยสักนิด คริสรับแก้วนมที่หมดแล้วไปล้างเก็บให้ เดินกลับมาก็เห็นคนตัวเล็กกว่านั่งหาวเสียแล้ว ถ้าชานยอลงอแงไม่ยอมนอนก็เอานมอุ่นให้ดื่มเดี๋ยวพออุ่นๆท้องก็ง่วงเองนั่นแหละ
     
    “ขึ้นไปนอนไหม” ชานยอลพยักหน้าส่ายหน้าตอบมั่วไปหมด คริสยิ้มขำแล้วส่ายหน้าไปมาก่อนที่จะเดินเข้าไปย่อตัวแล้วค่อยๆช้อนตัวชานยอล
     
    “กอดคอเร็วๆ” ชานยอลขยับตัวกอดคอแล้วพิงหัวซบที่ไหล่ คริสช้อนอุ้มชานยอลขึ้นแนบอก เห็นตัวสูงๆแบบนี้แต่ชานยอลตัวเบาจนเขาอุ้มไหวนะ ปิดไฟเรียบร้อยก็เดินขึ้นไปบนชั้นสอง เปิดประตูได้ก็พาชานยอลไปวางไว้บนเตียง จัดให้นอนห่มผ้าเรียบร้อยก็เดินไปปิดประตูแล้วกลับมานอนข้างกัน
     
    “งื้อ~” คริสรั้งชานยอลให้หันมาทางตัวเขาเองแล้วกอดชานยอลไว้แนบอกแล้วชานยอลก็หลับไปเลย คริสกดจูบที่หน้าผากของชานยอลเบาๆแล้วหลับตาเข้าสู่ห้วงนิทราไปด้วยกัน
     
    คริสคิดถูกที่ว่าคุณชายปาร์คและลู่หานจะไม่กลับตอนกลางคืน กว่าที่ทั้งคู่จะกลับก็ช่วงสายแล้วกลับมาพร้อมกับข้าวของพะรุงพะรังเต็มสองมือเลย ชานยอลก็งอนเอาน่ะสิไปซื้อของแล้วไม่ยอมชวนกว่าจะง้อได้ก็ต้องยกขนมที่ซื้อมาให้ทั้งหมดนั้นกับเจ้าตัวแสบของบ้านนั่นแหละแต่เขาก็พอจะมองออกหรอกว่าขนมพวกนั้นน่ะซื้อมาให้ลูกคนเล็กของบ้าน ก็พวกนั้นน่ะมีแต่ขนมที่ชานยอลชอบทั้งนั้น
     
    ครอบครัวที่แสนน่ารักและอบอุ่นแบบนี้จะไปมีอะไรกันได้ล่ะ บางทีเขาอาจจะคิดมากเกินไป คริสยิ้มขันตัวเองที่ท่าทางว่าจะหลงรักใครบางคนมาเกินไปมั้งก็เลยจับโน้น จับนี่มาผสมกันมั่วไปหมด
     
    “อ้าปากเร็ว” ชานยอลยื่นขนมช็อคโกแลตแท่งมาจ่อที่ปากให้ คริสอ้าปากแล้วรับขนมแท่งนั้นมาจากมือของคนให้ที่ยิ้มอารมณ์ดีเหลือเกินที่ได้กินขนมอร่อยๆ พอชานยอลมีความสุขไม่รู้ทำไมคนมองและรอบๆข้างก็จะมีความสุขไปด้วย.. นายนี่มันตัวสร้างความสุขชัดๆปาร์คชานยอล
     
     
     
     
     
     
    อยู่ต่ออีกไม่กี่วันก็ต้องกลับกันแล้วแม้จะเสียดายก็เถอะแต่คุณพ่อก็ทิ้งร้านมาหลายวันแล้วกลัวว่าพวกเด็กที่ร้านจะทำงานกันไม่เรียบร้อยเอาน่ะสิ เป็นห่วงร้านก็เป็นห่วง อยากอยู่ต่อก็อยาก ชานยอลที่อยากอยู่ต่อก็ทำหน้ามุ่ยไปตามระเบียบร้อนถึงคริสต้องมาคอยดุและย้ำให้ชานยอลเข้าใจว่านี่มาเที่ยว อยากมาอีกยังไงก็ได้มา แม้จะเข้าใจแต่ก็ยังอยากเที่ยวต่อก็เลยโดนเขกหัวไปเลยหนึ่งที
     
    “อย่าดื้อให้มากนะชานยอล อยากอยู่ก็อยู่ไปเลยคนเดียวเอาไหม” ชานยอลทำหน้าเหมือนจะร้องไห้แล้วส่ายหน้าไปมาก่อนที่จะเดินเข้าไปกอดแขนคริสไว้
     
    “กลับก็ได้แต่ต้องพามาอีกนะ” เมื่อคริสพยักหน้ารับคนหน้ามุ่ยก็ยิ้มทันที 
     
    หลังจากจัดการเด็กดื้อได้ก็แยกย้ายกันไปเก็บเสื้อผ้าเตรียมเดินทางกลับ ชานยอลที่พับเสื้อผ้าไปก็ฮัมเพลงไปอารมณ์ดีเชียวล่ะ ลืมไปแล้วน่ะสิว่าเมื่อกี้โดนทั้งพ่อ ทั้งพี่ชายแล้วก็ตัวเขาดุอะไรไปบ้าง คริสกอดเอวชานยอลจากด้านหลังคนที่กำลังพับเก็บเสื้อผ้าก็หันไปมองก็เลยโดนริมฝีปากประทับแก้มเสียเต็มๆเลย ชานยอลมองค้อนใส่แล้วก็หันกลับมาพับเสื้อผ้าต่อ
     
    “สอบคราวนี้จะตกแคลอีกไหมเนี่ย” อยู่ๆคนตัวสูงกว่าก็พูดเรื่องที่ไม่รื่นหูขึ้นเสียแล้ว ชานยอลตีแขนที่กอดเอวตัวเองไว้รัวๆเลย
     
    “เสียอารมณ์อ่ะกำลังอารมณ์ดีอยู่เลย!” คริสหัวเราะเสียงร่าเลยแล้วก็ปล่อยชานยอลเดินไปนั่งขอบเตียงข้างๆชานยอลที่ยืนพับเก็บเสื้อผ้า
     
    “ถ้าตกอีกเดี๋ยวให้จงอินติวให้อีกก็ได้” คนได้ยินก็ขมวดคิ้วมุ่นเลย
     
    “ทำไมต้องให้ไอ้จงอินติวให้” ชานยอลเอียงคอใส่
     
    “อ้าวแล้วทำไมติวไม่ได้อ่ะ”
     
    “ไมต้องให้มันติวหรอกน่าเดี๋ยวติวให้” ชานยอลทำหน้าสงสัย
     
    “แล้วมึง.. คริสไม่อ่านหนังสือหรือไง” พอโดนทำตาดุใส่ก็ต้องรีบเปลี่ยนสรรพนามให้ไวเลย กลัวมันงับคอเอาอีก เมื่อเช้าตอนตื่นเผลอไปมึงใส่มันเท่านั้นแหละพี่ท่านงับคอเอาซะอารมณ์(กาม)จะขึ้น
     
    “อ่านดิแต่เดี๋ยวติวให้รับรองผ่านแน่น สนเปล่าๆ” คริสยักคิ้วให้ ชานยอลขมวดคิ้วแล้วมองอีกคนด้วยความไม่ไว้ใจ คริสเคยเชื่อใจอะไรได้ที่ไหนล่ะกับไอ้ท่าทางเจ้าเล่ห์แบบนี้เนี่ย
     
    “คิดเรื่องใต้สะดืออยู่ล่ะสิ” คริสหัวเราะที่ชานยอลดันเดาทางถูกเสียนี่
     
    “ไม่ได้คิดเรื่องใต้สะดือสักหน่อย... คิดเรื่องหว่างขาต่างหาก” แล้วก็ย้ำคำพูดด้วยการชี้ไปที่ส่วนนั้นของชานยอลซึ่งคนจับทางได้ก็เตะขาคริสไปแรงๆสักที
     
    “หน้าหื่นแล้วยังคิดอะไรหื่นๆอีกนะ ไปนอนให้หนอนแทะเลยไป!!” คริสหัวเราะแล้วก็ล้มตัวลงนอนพาดไปกับเตียง
     
    “ไปเก็บกระเป๋าดิ” ชานยอลใช้ขาเตะเรียก คริสผงกหัวขึ้นมามอง
     
    “เก็บให้ด้วยดิ” ถึงจะมองค้อนใส่แต่ชานยอลก็ยอมเก็บเสื้อผ้าให้คริสอยู่ดีนั่นแหละ
     
    เมื่อทุกคนเตรียมพร้อมกลับก็ลงมารวมตัวกันที่ด้านล่างของบ้าน คุณเจ้าของสวนดอกไม้ก็มาลาพร้อมกับบอกว่าถ้าครั้งหน้าจะมาอีกก็มาได้ก็ถูกใจคนอยากมาอีกนั่นแหละ ยิ้มหน้าบานไม่หุบเลย หลังจากร่ำลากันเรียบร้อยชานยอลก็เกิดลังเลขึ้นมาแล้วว่าจะกลับไปกับที่บ้านหรือจะไปกับคนที่อุตส่าห์ตามเขามาดี ขับรถคนเดียวไกลๆมันก็น่ากลัวใช่ไหมล่ะ
     
    ชานยอลยืนหมุนซ้าย หมุนขวาอยู่หลายทีจนทั้งคริส ลุ๋หานและคุณพ่อ คุณแม่ที่เก็บกระเป๋าใส่ท้ายรถเรียบร้อยหันไปมอง เจ้าตัวแสบยืนทำหน้าคิดแล้วก็บ่นพึมพำอะไรก็ไม่รู้ไม่ได้ยิน หมุนตัวไปทางนั้นที ทางนี้ทีอยู่ได้จนลู่หานแทบอยากจะสกายคิกน้องตัวเองแต่ติดที่ว่าทำนะคงโดนเจ้าตัววีนตายเลย
     
    “หมุนอยู่ได้เป็นอะไรน่ะชานยอล” คุณพ่อเอ่ยถาม คนโดนถามเงยหน้าขึ้นไปมองด้วยสีหน้าไม่แน่ใจ คิ้มขมวดมุ่นจนคนเป็นพ่ออยากจะหัวเราะเหลือเกินแต่ก็ยอมรักษาน้ำใจลูกชายสุดน่ารักไว้หน่อย
     
    “พ่อ... ถ้าชานยอลจะไปกับคริสได้ไหมอ่ะ” ลู่หานไม่แปลกใจ คุณพ่อก็ไม่ค่อยเท่าไหร่แม้จะสงสัยแต่คนที่แปลกใจจนเผลอทำหน้างงนี่แหละ ลู่หานเห็นคริสทำหน้าแบบนั้นแล้วก็แอบหัวเราะเบาๆ
     
    “ทำไมล่ะ ไหนว่ามาสิไอ้ลูกหมา” ชานยอลยู่หน้าแล้วหันไปมองคริสที่ก็มองมาเหมือนกัน
     
    “ก็คริสอุตส่าห์ขับรถมาหาตั้งไกลอ่ะให้มันกลับคนเดียวก็ยังไงๆอยู่ใช่ป่ะล่ะ ถ้าเกิดหลับในขึ้นมารถลงข้างทางแล้วชานยอลจะทำยังไงอ่ะ” โอ้โห้พูดมาซะซึ้งใจพี่อู๋เลยครับ
     
    “ถ้ามันเป็นอะไรไปแล้วชานยอลจะแอบจิ๊กตังค์ใครไปซื้อเกมใหม่อ่ะ” โอเคจบกัน คริสเท้าเอวแล้วเงยหน้าขึ้นผ่อนลมหายใจ คือไม่ได้โกรธหรอกแต่อยากจะหัวเราะกับเหตุผลแบบนั้นมากกว่าแต่คนที่เหลือก็หัวเราะกันเปิดเผยเลย ชานยอลยิ้มกริ่มแล้วมองหน้าพ่อ
     
    “เอาๆๆ นั่งไปกับคริสก็ได้พ่ออนุญาตแต่อย่าไปชวนคุยจนเขาเสียสมาธิตอนขับรถนะไอ้ลูกหมา” ชานยอลยิ้มกว้างแล้วพยักหน้ารับก่อนที่จะเดินเข้าไปกอดพ่อที่อ้าแขนรออยู่แล้ว
     
    “โห้ยคุณชายปาร์คหล่อที่สุดเลยครับ!! ลูกพี่รักคุณชายสุดหัวใจเลย” แถมด้วยยกนิ้วโป้งให้ไปอีกแน่ะ คุณพ่อหัวเราะแล้วจับลูกชายมาฟัดสักทีให้หายหมั่นเขี้ยว แหม่.. นี่คิดอยากจะจับลูกชายมาฟัดให้ช้ำไปทั้งแก้มนี่จะผิดไหมนะ
     
    “ไปๆ ฝากลูกหมาของอาด้วยนะคริส”
     
    “ครับ” ชานยอลยิ้มแล้วรีบเอากระเป๋าเสื้อผ้าไปส่งให้คริสที่ก็รู้หน้าที่เดินมารับแล้วก็เอาไปเก็บให้
     
    “เจอกับที่บ้านนะไอ้ลูกหมาของพ่อ” แล้วคุณชายปาร์คก็ฟัดแก้มลูกชายอีกสักรอบก่อนปล่อย
     
    “อย่าชวนคริสคุยเพลินนะลูก” คุณนายปาร์คลูบกลุ่มผมของลูกชายเบาๆ
     
    “อย่าดื้อนะ” ลู่หานชี้นิ้วใส่ ชานยอลยู่หน้าใส่แล้วก็เดินเข้าไปกอดลู่หานสักที คนเป็นพี่ก็ยิ้มบางๆแล้วลูบหลังน้องพร้อมกับยักคิ้วให้คนนอกครอบครัวสักที คริสหัวเราะหึหึแล้วส่งสายตาอาฆาตแค้นมาหา
     
    หลังจากที่ร่ำลาเรียบร้อยชานยอลก็รอให้ที่บ้านขึ้นรถกันเรียบร้อย เมื่อรถเอสยูวีสีขาวขับออกไปชานยอลกับคริสก็ไปขึ้นรถบ้าง พอขึ้นนั่งได้ชานยอลก็ดึงสายเข็มขัดนิรภัยมาคาดแต่แล้วก็ต้องขมวดคิ้วมุ่นเมื่อรู้สึกมันอึดอัดๆยังไงชอบกล ขยับตัวให้ลงล็อคเข้าที่อยู่นาน คริสเหลือบตามองแล้วก็ค่อยๆถอยรถออกจากที่จอด
     
    “เป็นอะไรน่ะนั่งขยุกขยิกอยู่ได้” ชานยอลบึนปากแล้วหันไปหาคริส
     
    “คริสว่าชานยอลอ้วนขึ้นป่ะ” คริสเลิกคิ้วแล้วหันมองชานยอลเต็มๆตา จากที่กะด้วยสายตาก็อาจจะอ้วนขึ้นล่ะมั้ง สองแก้มนั้นกลมขึ้นแล้วน่ะสิแต่คนมองน่ะชอบนะ
     
    “ก็ไม่นิ ทำไมเหรอ” ชานยอลเอียงคอแล้วขยับตัวไปมา
     
    “มันอึดอัดอ่ะ” แล้วก็นั่งพิงหลังกับเบาะรถ คริสชะลอรถหยุดแล้วขยับตัวข้ามไปหาชานยอล
     
    “อ้วนก็ดีแล้วไงลูกออกมาจะได้แข็งแรง” แล้วก็ตบท้ายด้วยเสียงหัวเราะที่ชานยอลฟังยังไงก็โรคจิตชะมัด ฟาดมือใส่ไม่ยั้งเลย
     
    “ขับรถไปเลยไป พูดอะไรตลกว่ะจะไปมีลูกกันได้ยังไงประสาท” ชานยอลแบะปากแล้วก็ขยับตัวเตรียมพร้อมหลับ
     
    “อะไรจะนอนแล้วเหรอไหนบอกว่าจะมานั่งคุยด้วยไม่ให้หลับในไง” คริสหัวเราะเบาๆแล้วออกรถอีกครั้ง ชานยอลหันมาแลบลิ้นใส่
     
    “ไม่สนจะนอนแล้ว” ชานยอลก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมเวลาขึ้นรถของคริสทีไรตัวเองก็ง่วงงาวหาวนอนเสียทุกครั้งหรือรถของคริสจะมียานอนหลับกันนะ ขึ้นมาทีไรก็อยากจะหลับทุกทีเลย นี่ก็เปลือกตาหนักเตรียมพร้อมหลับเสียแล้วสิ
     
    “แล้วถ้ารถตกข้างทางล่ะ” ชานยอลหัวเราะเบาๆแล้วตอบกลับด้วยเสียงยานๆคล้ายดั่งคนใกล้หลับ
     
    “ก็ตายไปด้วยกันไง” คริสยิ้มแล้วเอื้อมมือไปขยี้หัวชานยอลเบาๆ
     
    ปาร์คชานยอลนี่ชอบทำให้ตัวเขายิ้มแล้วก็มีความสุขได้ทุกเวลาสิน่า... แล้วแบบนี้ใครจะไม่รักกันลงนะ
     
     
     
     
     
    ไม่รู้ว่าหลับไปนานแค่ไหนแต่พอรู้สึกตัวอีกทีก็รู้สึกเหมือนว่าตัวเองอึดอัดยังไงบอกไม่ถูก เหมือนโดนจับตัวไว้เลย แล้วก็รู้สึกว่ามีอะไรมาวนเวียนที่ปากด้วย.. คล้ายเหมือนโดนจูบ
     
    จูบ!!! .... ชานยอลลืมตาขึ้นก็เห็นว่าเป็นคริสที่กำลังละใบหน้าออกห่าง ใบหน้าดูดีนั้นยกยิ้มให้บางๆทำเอาคนเพิ่งสติกลับคืนมากระพริบตามองปริบๆ คริสหัวเราะแล้วไล้แก้มของคนเพิ่งตื่นเบาๆก่อนที่จะจุ๊บที่ปลายจมูกรั้นนั้นอีกที
     
    “ที่.. ที่นี่ที่ไหนอ่ะ” ชานยอลขยับตัวแล้วหันมองซ้าย ขวาเหมือนว่าตัวเองอยู๋ในลานจอดรถเลย
     
    “อยู่ห้างแถวบ้านนั่นแหละพามากินข้าวก่อน” ชานยอลมองหน้าด้วยสีหน้างงๆ คริสยิ้มแล้วขยับตัวกลับไปนั่งที่เดิม
     
    “เมื่อกี้ไอ้ลู๋โทรมาบอกว่าแม่นายลืมของไว้ต้องวกรถกลับไปเอาให้ไปเจอกันที่บ้านเลย กินข้าวเข้าไปเลยเพราะอาจจะถึงมืดๆเลย” ชานยอลพยักหน้ารับแล้วก้มลงมองก็เห็นว่าคริสคงปลดเข็มขัดนิรภัยออกให้แล้ว
     
    คริสพาชานยอลเดินไปกินร้านอาหารประจำ ร้านอาหารอิตาเลี่ยนที่ชานยอลชอบ เปล่า.. ชานยอลไม่ได้ชอบอาหารอิตาเลี่ยนก็แค่ชอบร้านนี้เพราะมันอร่อย ชานยอลมองร้านสองข้างทางไปรอบๆอย่างสนใจว่าตอนนี้วินโดวส์ดิสเพลย์นั้นเป็นอย่างไร ไปถึงไหนกันแล้ว อะไรกำลังมาแรง
     
    หัวคิ้วขมวดมุ่นเมื่อเห็นร่างของใครบางคนที่คุ้นเคยกำลังจะเดินลับตาหายไป คนนั้นว่าคุ้นแล้วคนที่เดินข้างกันก็คุ้นไม่แพ้กัน นั่นจงอินแน่นอนเขาจำได้แต่คนข้างๆนี่.. ซะ...
     
    “ชานยอลมองอะไรจะเลยร้านแล้ว” ชานยอลหันหน้าไปมองคริส มองหน้าร้านแล้วพอหันกลับไปมองที่ทางเดิมก็ไม่เห็นเสียแล้ว
     
    “มีอะไรเหรอ” ชานยอลส่ายหน้าแล้วก็เดินเข้าร้านอาหารไปกับคริส เอ.. หรือเมื่อกี้จะตาฟาด ก็คงจะเป็นแบบนั้นนั่นแหละ
     
    ระหว่างที่นั่งกินอาหารกันชานยอลก็เอาแต่ครุ่นคิดว่าอีกคนที่เดินมากับจงอินนั่นเป็นใคร แม้จะบอกว่าไม่ใส่ใจก็เหอะแต่มันติดใจ คนๆนั้นมันคุ้นแต่ก็นึกไม่ออกว่าเป็นใครที่มากับจงอิน นั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดจนคริสสังเกตเห็นอยากจะรู้แต่ไม่รู้จะถามยังไงก็เลยปล่อยไปล่ะกัน
     
    หลังจากกินมื้อเที่ยงควบเย็นกันเสร็จคริสก็พาชานยอลไปเดินเล่นก่อนเพราะเห็นเจ้าตัวทำหน้าเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่เลยก็กะจะให้เดินให้ลืมแล้วเจ้าตัวจะได้หลุดปากออกมาเอง ชานยอลที่กำลังใช้ความคิดนั้นหันไปเห็นร้านตุ๊กตาเขาทีนี้ก็ชอบน่ะสิ รีบตรงหรี่เข้าไปเลย 
     
    ไปถึงก็เข้าไปอุ้มตุ๊กตาหมีตัวสีน้ำตาลแล้วหันมาหาพร้อมกับเด็กผู้หญิงมัดแกละที่ก็อุ้มเจ้าตุ๊กตาแบบเดียวกันแต่ต่างไซส์หันมาหาเหมือนกัน เด็กน้อยอุ้มตัวเล็กพอดีตัวแต่ชานยอลน่ะอุ้มตัวใหญ่ซะบังชานยอลมิด คริสที่มองอยู่ก็ยิ้มละมุนก็ชานยอลกับเด็กน้อยข้างๆน่ะต่างกันซะที่ไหนล่ะ น่ารัก ตาแป๋วเหมือนกันเลยถ้าอุ้มกลับบ้านพร้อมกันจะเป็นอะไรหรือเปล่านะ
     
    “ชอบเหรอ” คริสยิ้มขำแล้วชี้ไปที่ตุ๊กตาตัวใหญ่ที่ชานยอลอุ้ม
     
    “เปล่า แค่คิดว่าเหมือนคริสดี” ชานยอลยิ้มแล้วจับแขนตุ๊กตาขึ้นมาโบกไปมา
     
    “จะซื้อไหมล่ะ” ชานยอลส่ายหน้าแล้วหมุนตัวเอาตุ๊กตาหมีตัวใหญ่กลับไปวางที่เดิม
     
    “ไม่เอาอ่ะใหญ่เกินไม่มีที่วาง ถ้าจะซื้อเอาตัวเล็กๆวางหัวนอนได้นะ” คริสหัวเราะเบาๆแล้วชี้นิ้วใส่ชานยอล
     
    “แปลว่าอยากได้” ชานยอลไม่ตอบแต่ยิ้มแล้วเอียงคอใส่แทน คริสเอื้อมมือไปขยี้ผมชานยอลแรงๆ
     
    “ไว้สอบผ่านจะซื้อให้” ชานยอลยู่หน้าใส่แต่ก็ยิ้มอารมณ์ดีแล้ว ชานยอลก็แบบนี้ทุกทีมีอะไรเข้าหน่อยก็ลืมเรื่องเก่าไปเสียหมด
     
    หลังจากที่เดินออกจากร้านขายตุ๊กตาได้ก็พากันขึ้นรถขับกลับบ้านกัน ตอนนี้ชานยอลไม่หลับถึงจะง่วงก็เถอะแต่ห้างสรรพสินค้าที่ไปกับบ้านก็ไม่ห่างกันมากมาย พอขับรถเข้ามาในเขตบริเวณใกล้ๆบ้านชานยอลก็ทำหน้าสงสัยเพราะที่บ้านนั้นปิดไฟมืดเชียว..หรือยังไม่กลับกันนะ
     
    ชานยอลกดโทรศัพท์หาลู่หานแต่เจ้าตัวก็ไม่รับ โทรไปรอบที่สองก็ไม่รับอีกก็เลยเปลี่ยนไปโทรหาพ่อแทน ปลายสายกดรับสายแล้วยังไม่ทันได้พูดอะไรคริสก็แย่งมือถือไปเฉยเลย ชานยอลก็ได้แต่มองค้อนนั่นแหละเพราะทำอะไรไม่ได้ ยืนคุยสักพักคริสก็หันมาหาพร้อมกับส่งมือถือคืน
     
    “พ่อนายบอกว่าคืนนี้ไม่กลับจะค้างที่บ้านนั้นสักคืนเพราะกลับไม่ทัน” ชานยอลแบะปากแทบคว่ำ
     
    “จะนอนที่นี่หรือไปนอนบ้านฉัน” ชานยอลพองแก้มแล้วส่ายหน้าไปมา
     
    “จะนอนคนเดียวไหม” ชานยอลทำหน้างอแงอีกแล้ว คริสก็เลยดึงชานยอลให้ไปที่ประตูบ้านใหญ่
     
    “เปิดสิเดี๋ยวจะขับรถเข้าไปในบ้าน ไม่ต้องมาทำหน้างอแงนะชานยอล” ชานยอลตอบรับคำว่างอแงด้วยสองเท้าที่ย่ำไปมากับพื้นด้วยสีหน้ามุ่ยๆ
     
    “ก็อยากนอนที่บ้านนั้นด้วยอ่ะ” นั่นประไร...
     
    “เอาน่าเดี๋ยวพาไปเที่ยวที่สวยกว่านั้นอีก” ทีนี้คนอยากเที่ยวก็ทำตาโตเลย
     
    “จริงป่ะ?” คริสพยักหน้าให้ ชานยอลก็ดีใจวิ่งไปเปิดประตูบ้านให้ เอากับเขาสิ... คริสส่ายหน้าไปมาแล้วเดินกลับขึ้นรถไปขับเข้าไปจอดในบ้าน 
     
    ชานยอลยิ้มกว้างอารมณ์ดีปิดบ้านเรียบร้อยก็จัดการหิ้วกระเป๋าเสื้อผ้าไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดเข้านอน พวกเสื้อผ้าที่จะซักก็ใส่กระเป๋ามายังไงก็ปล่อยไว้แบบนั้นแหละ คริสเห็นแล้วก็ส่ายหน้าไปมาอยากจะเตะให้ตกเตียงเลยแต่ก็ทำไม่ลง ก็เลยต้องลุกมาจัดการเอาเสื้อผ้าที่จะซักใส่ตะกร้าผ้าเตรียมซัก ชานยอลที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จก็ทำเป็นไม่สนใจสายตาทิ่มแทง ก็ขี้เกียจนินาถึงไม่ทำก็มีคนทำให้อยู่ดี.. เพราะงั้นจะทำเองทำไมล่ะเนอะ
     
    ส่งข้อความแชทไปด่าลู่หานเสร็จเรียบร้อยก็ปิดไฟนอนแต่คิดว่าคืนนี้คงไม่ได้แค่ปิดไฟนอนหรอกนี่พูดเลย ก็บ้านว่าง ไม่มีคนขนาดนี้ ก็ทางโล่ง ทางสะดวกใช่ไหมล่ะ? ก็จัดไปตามนั้นแหละ
     
     
     
     
     
     
    คริสที่ลืมตาตื่นขึ้นมากลางดึกหันมองคนข้างตัวก็เห็นว่ายังนอนหลับอยู่ก็ค่อยๆขยับตัวลุกขึ้นแล้วยกผ้าห่มผืนหนาที่เจ้าตัวคงนอนดิ้นแล้วถีบออกยกขึ้นห่มคลุมปิดแผ่นอกที่เปลือยเปล่าไว้ พอลงจากเตียงได้ก็คว้าบ๊อกเซอร์มาสวมแล้วค่อยๆเดินออกจากห้องนอนไป เขาไม่เคยสำรวจว่าห้องไหนเป็นห้องไหนแต่ในเมื่ออยากรู้และมีเวลาทั้งคืนกว่าจะเช้าก็เปิดมันทุกห้องนั่นแหละ
     
    ห้องที่คริสจะหาคือห้องทำงาน แน่นอนว่าหามันเจอแล้วและมันก็เปิดเข้าไปได้เช่นกัน คริสเดินเข้าไปแล้วปิดประตูไว้ดังเดิม เป้าหมายคือคอมพิวเตอร์เครื่องนั้นเพราะตัวเขากำลังเริ่มสงสัย ตั้งแต่รู้จักชานยอลมาแทบจะไม่เคยมีครั้งไหนเลยที่บ้านหลังนี้จะหายไปกันทั้งบ้านแบบนี้มันดูน่าแปลก.. มันน่าแปลกตั้งแต่คุณปาร์คกับลู่หานกลับมาแล้วล่ะ
     
    ชานยอลอาจจะไม่รู้แต่เขาสังเกตเห็นว่ามือของลู่หานมีรอยช้ำ ถ้าแค่ไปซื้อของมันก็ไม่ต้องมีรอยช้ำใช่ไหมล่ะ คนรักสงบแบบลู่หานแทบจะไม่ค่อยมีเรื่องกับใครนักถ้าไม่จำเป็น แล้วนี่มันเพราะอะไรกันล่ะ.. พอได้เริ่มเห็นอะไรสักอย่าง เรื่องอื่นๆมันก็มักจะตามมาให้เห็นเสมอ
     
    คริสกำลังค้นหาข้อมูลในคอมพิวเตอร์แต่ทว่ากลับไม่พบอะไรเลยสักอย่าง นอกจากข้อมูลและรูปของดอกไม้นานาพันธุ์ หัวคิ้วขมวดมุ่นแล้วมองหน้าจอด้วยความสงสัย
     
    “ทำไมมันไม่มีอะไรเลยวะ” 


     
     
    มันน่าแปลกและน่าสงสัยเกินไป.. อย่างนี้คงต้องเล่นของแรงสินะ
     
     
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×