ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : [SF] Kris x Xiumin - The secret of love
Title: The secret of love
Pairing: Kris x Xiumin
Author: BettyNoona
Note: ฟิคป่วงๆ TvT แอบติ่งอยู่นะ อิอ๊ะอิอ๊ะ
ชีวิตของศิลปินน่ะ .... ช่างน่าลำบากยิ่งนัก จะทำอะไรก็ไม่ได้ เพราะกลัวว่าแฟนคลับจะจับได้
ชีวิตของศิลปินน่ะ .... ไมได้สบายเลยสักนิด อยากที่จะออกไปเดินเล่นที่ไหนคนเดียวก็ทำไม่ได้ เพราะกลัวว่าแฟนคลับจะจับได้
ชีวิตของศิลปินน่ะ .... น่าหดหู่นะ อยากที่จะแสดงความรู้สึกจากใจจริงออกไปก็ไม่ได้ เพราะกลัวว่าแฟนคลับจะจับได้
ชีวิตของศิลปินน่ะ .... ไม่ใช่แบบที่ทุกคนคิดและเห็นเลยสักนิด มีเรื่องราวมากมายที่เป็นความลับ ที่ต้องปกปิดหลบซ่อนจากสายตาของแฟนคลับทั้งหลายอีกเยอะ
นี่เป็นเพียงแค่หนึ่งหน้าความลับของ ...คิมมินซอก... เท่านั้น
วงบอยแบรนด์น้องใหม่ที่กำลังทะยานขึ้นสู่จุดสูงสุดอยู่ในตอนนี้คือ EXO ด้วยมีสมาชิกทั้งหมด 12คน มีทั้งคนจีนและคนเกาหลี สมาชิกทั้งหมดต้องแยกกันเป็นสองกลุ่ม เพื่อง่ายและสะดวกต่อการทำงานทั้งในเกาหลีและจีน
ทีมที่มินซอกได้อยู่นั้นคือ EXO M ที่จะต้องไปทำงานที่จีนและแน่นอนที่ปัญหาเรื่องภาษาจะต้องตามมา ลีดเดอร์ของฝั่งเอ็มนี้ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน ก็คือตุ้ยจางของสาวๆทุกคน ผู้ชายรูปร่างสูงและเพอร์เฟคไปเสียทุกอย่าง อู๋อี้ฟาน หรือ คริส คนนี้
แต่ใครเลยจะรู้ว่าท่าทางที่แสนจะเพอร์เฟค ยิ้มให้กล้อง จิกตาให้กล้องอย่างรู้งานนั้น ทุกท่วงท่าที่รวมกันเป็นลีดเดอร์คริสนั้น .... มันเฟคทั้งหมด!!! ไอ้ท่าทางที่ยิ้มมุมปากนิดๆ หัวเราะเบาๆ กดหน้าลงต่ำ จิกสายตาใส่กล้องน่ะ มันโคตรจะหลอกลวงประชาชน!!! แท้ที่จริงแล้วตัวตนของชายหนุ่มจริงๆน่ะ .... น่าถีบออกจะตายไป…. ไม่เชื่อกันเหรอ? ลองอ่านนี่ดูสักหน่อยจะเป็นอย่างไรครับ?
“ซิวหมินอ่า... อีกแล้วนะๆๆ” น้ำเสียงทุ้มที่กระเง้ากระงอดมาพร้อมกับไอโฟนในมือที่ยื่นมาหาผม ชายหนุ่มร่างสูงนั่งเบียดชิดผมทั้งๆที่โซฟาตัวที่นั่งกันอยู่นี้ก็ไม่ได้เล็กเสียหน่อย
“อะไรของนายอีกล่ะที่ว่าอีกแล้วน่ะ” ดวงตาเรียวคมตวัดมองผมก่อนจะยื่นหน้าจอไอโฟนมาให้ผมดู ผมมองหน้าจอที่แสดงภาพเหล่านั้นด้วยการกระพริบตาปริบๆ
“ก็แล้วนายเอามาให้ฉันดูทำไม?” นั่นน่ะสิ เอามาทำไม ก็ในรูปนั้นมันคือรูปที่ผมกับเฉินเล่นกันบนเวที คริสทำหน้ามุ่ยก่อนจะนั่งพิงหลังกับพนักโซฟาแล้วยกแขนขึ้นกอดอกก่อนจะหันหน้ามุ่ยๆนั้นมามองผม
“ก็แล้วนายไปอยู่ใกล้เฉินทำไมเล่า!! รู้ไหมว่าไม่ชอบ ทีหน้าทีหลังห้ามเข้าใกล้มันอีกนะ!!” บ่นเสียยืดยาวแล้วก็ลุกขึ้นเดินจากไป ทิ้งให้ผมได้แต่นั่งมองตามอย่างไม่เข้าใจ .... อะไรของมันวะ
ก็บอกแล้วว่าบุคลิกที่พวกคุณเห็นว่าลีดเดอร์เอ็ม ท่านชายคริสของพวกคุณแท้ที่จริงแล้วนิสัยเด็กกว่าเทาและเซฮุนมักแนฝั่งเคเสียอีก ...ในสายตาของผมคริสก็เป็นได้แค่เด็กน้อยที่เอาแต่ใจคนหนึ่งก็เท่านั้น แต่ด้วยภาระหน้าที่ที่ต้องแบกรับไว้บนบ่าน่ะ สร้างให้คริสต้องสร้างตัวตนที่ต้องเข้มแข็งขึ้นมา
“มินซอกอ่า~~ ก็บอกแล้วไงว่าอย่าเข้าใกล้เฉิน แล้วทำไมถึงต้องเข้าใกล้ลู่ฮานด้วยล่ะ??” ผมได้แต่มองหน้าคนพูดตาปริบๆ คือไม่รู้จะตอบออกไปว่าอย่างไรดีแต่คริสก็ยังไม่ยอมหยุด
“ไม่รู้เหรอว่าลู่ฮานน่ะต้องคู่กับเซฮุนนะ” ผมได้แต่หัวเราะเบาๆก่อนจะวางหนังสือเรียนภาษาจีนในมือลงกับตักของผม
“ฉันรู้... ฉันก็แค่เล่นกับน้องๆเท่านั้นเอง ทั้งเฉิน ทั้งลู่ฮานน่ะ” คริสวาดรอยยิ้มกว้างๆส่งให้ผม รอยยิ้มที่ดูจริงใจไม่เสแสร้งเหมือนกับที่ตอนเจอกล้องถ่ายหรือแฟนคลับเลย คริสจับมือของผมขึ้นมากุมแล้วก็ยิ้มกว้างๆ แสงอาทิตย์ที่สาดผ่านเข้ามาจากทางหน้าต่างที่กระทบกับร่างของคนตรงหน้าผมนี่... ขอบอกเลยว่าเทพบุตรชัดๆ ซิวหมินน้อยได้แต่โทษเทวดาในใจที่สร้างให้ตัวเองเกิดมาโตได้แค่นี้ แถมหน้าตาก็ไมได้โดดเด่นเหมือนคนที่นั่งยิ้มเป็นคนบ้าอยู่ข้างๆผม จะว่าไปผมว่าชานยอลกับคริสนี่สปีชี่ย์เดียวกันนะ ทั้งเด็ก ทั้งซนและเอ๋อมาก
“แล้วนายล่ะต้องคู่กับใคร?” ผมหยิบหนังสือเรียนภาษาจีนเปิดหน้าที่อ่านค้างไว้ออกก่อนจะก้มหน้าลงอ่าน แต่แล้วก็ต้องเงยหน้าขึ้นมองคนข้างกายด้วยความฉงน
“ก็ต้องคู่กับซิวหมินไง~ คริสซิวหมิน” แล้วผมก็หัวเราะออกมาก่อนจะดึงมือออกจากการกุมของคริสและใช้นิ้วดันหน้าผากคนช่างพูดเบาๆ
“ฉันว่านายตอบผิดแล้วนะ ฮ่าๆๆ” เสียงหัวเราะของผมเรียกให้ลู่ฮานที่นั่งดูดชานมไข่มุกดูโทรทัศน์กับอี้ชิงหันมามอง
“ผิดที่ไหน ไม่นะ ก็คริสหมินไง” ผมส่ายหน้าเบาๆก่อนจะเก็บหนังสือเรียนจีนแล้วเดินเข้าห้องนอนของผมไป มันจะคริสหมินได้ยังไงก็ในเมื่อทุกวันนี้มีรูปทั้งคริสยอล คริสเลย์ว่อนเน็ตเต็มไปหมด ... จะมีใครรับรู้ด้วยหรือว่าคนที่ลีดเดอร์คริสคบอยู่จริงๆแล้วคือคิมมินซอกผู้นี้! คนที่กุมหัวใจทั้งดวงของลีดเดอร์แสนหล่อน่ะจะเป็นตัวเขา คนที่แสนธรรมดาไม่โดดเด่นอะไรเลย
“เป็นอะไรหรือเปล่า” คริสขึ้นมานั่งบนเตียงกับผมโดยที่ผมนอนคว่ำหน้ากับหมอนอยู่
“ไม่นิ แค่อยู่ๆก็ง่วงขึ้นมาน่ะ” ผมเอียงหน้าไปด้านที่คริสนั่งอยู่ก่อนจะยิ้มส่งให้เขา เรียวนิ้วของเขาปัดผมที่ปรกหน้าผมออกอย่างแผ่วเบา
“ถ้าอย่างนั้นก็นอนกันเถอะ” แล้วคนที่ตัวโตกว่าผมเยอะก็ลงนอนโดยเอาหัวมาหนุนที่หลังผมไว้ แม้ว่าจะบ่นว่าหนักแต่คุณลีดเดอร์ที่แสนหล่อก็ไม่ยอมลุกแถมยังกลิ้งตัวไปมาเสียอีกนี่!!
เด็กน้อยที่แสนเงียบและเรียบร้อยเมื่อครั้งแรกที่ผมได้เจอกับเขา ตอนนี้มันหายไปไหนหมดแล้วไอ้ความเรียบร้อย น่ารักและขี้อ้อนตามภาษาเด็กๆน่ะ ตอนนี้จะเหลือก็แต่เด็กเอาแต่ใจที่ชอบโวยวายไปวันๆ ... เดี๋ยวก็หาเรื่องแหย่คนนั้น แกล้งคนนี้ที
เมื่อวันก่อนก็เพิ่งจะเถียงกับลู่ฮานเพราะแย่งรีโมททีวีกัน บางทีก็ทะเลากับอี้ชิงเพราะเจ้าตัวไม่ยอมให้ลองมาสก์หน้ายี่ห้อใหม่ โดนเฉินพูดรัวภาษาเกาหลีใส่แปลไม่ทันก็เถียงกัน เล่นเกมแพ้เทาก็งอนน้องมันอีก ... นี่ตกลงในวงเรามีชานยอลผสมแบคฮยอนเหรอเนี่ย? เขาไม่เข้าใจว่าทำไมเจ้าเด็กนั่นถึงได้ขึ้นมาเป็นหัวหน้าวง
แต่พอเมื่อกล้องแพลนมาที่พวกเราคนที่เคยซนก็กลับนิ่งขรึมและทำหน้าที่หัวหน้าวงได้เป็นอย่างดี ทั้งโต้ตอบคำถาม มีส่วนร่วมในทุกๆอย่าง ซึ่งต่างจากผมที่อายุเยอะสุดแต่ต้องมานั่งหลบมุมดูคนอื่นสัมภาษณ์กัน นานๆทีผมถึงจะได้ตอบคำถามและแน่นอนมันก็จะไม่ย้อมกลับมาหาผมอีกเลย จะว่าไปผมก็นึกน้อยใจนะที่ผมดูไม่โดดเด่นเลยสักนิด แต่ทว่ามันก็กลับเป็นเรื่องดีๆที่ผมนั้นไม่ได้ดูโดนเด่นเหมือนใครๆ
ทุกคนอาจจะรับรู้ว่าชานยอลกับคริสชอบออกไปไหนด้วยกันบ่อยๆ ซึ่งแท้ที่จริงแล้วมันไม่ใช่แบบนั้นเลย คริสกับชานยอลเพียงแค่เดินออกจากหอพักรวมไปด้วยกันแต่แล้วชานยอลก็จะแยกออกไปหารุ่นพี่คนอื่นเสมอ ส่วนคริสก็จะเดินมาหาผมที่นั่งรออยู่ที่สวนสาธารณะใกล้ๆหอพักของเรา สิ่งแรกที่คริสมอบให้ผมเสมอคือรอยยิ้มที่แสนจริงใจ แม้ว่าต่อหน้ากล้องเขาจะเสแสร้งมากแค่ไหนแต่เมื่อใบหน้าคมนั้นหันมาหาผมสิ่งแรกที่ผมจะเจอคือรอยยิ้มจริงใจที่เขามีให้ผมเพียงคนเดียว
“หนาวไหม? ทำไมไม่ไปรอที่อุ่นๆกว่านี้ล่ะ” ปลายเรียวนิ้วที่สัมผัสแก้มผมนั้นนั้นอ่อนโยนและอุ่นยิ่งนัก คาดว่าเขาคงจะรีบออกมาหาผม ปลายมือถึงยังอุ่นอยู่แบบนี้
“ไม่เป็นไร แค่นี้เอง” ผมตอบและยิ้มให้เขา คริสยิ้มตอบกลับมาก่อนจะลงนั่งที่ม้านั่งตัวเดียวกับผม คริสเบียดชิดผมเสียร่างของเราแทบจะเกยกันอยู่แล้ว เขากุมมือผมไว้ในมือที่แสนอุ่นของเขา
“แต่ผมไม่อยากให้ซิวหมินไม่สบายนะ”
“ไม่หรอก ฉันน่ะแข็งแรงจะตายไป... นายไม่เชื่อฉันหรอ?” คริสลูบหลังมือผมเบาๆ การไออุ่นที่เขาถ่ายทอดมาผมก็ร้อนผ่าวดั่งถูกไฟแผดเผาเสียแล้ว
“เชื่อครับ เชื่อเสมอเลยแต่ว่า...ตรงนี้มันหนาวนะ” ผมเอนหัวลงซบที่แขนของเขาแล้วเงยหน้ามองไปยังท้องฟ้าที่มีดวงจันทร์ทอแสงสวยอยู่บนนั้น แม้จะโดดเดียวเพราะไร้ดวงดาวรายล้อมแต่ทว่าดวงจันทร์กลับส่องแสงสว่างสวยยิ่งนัก
“คืนนี้ดวงจันทร์สวยนะ ฉันอยากนั่งดูจันทร์กับนายที่นี่มากกว่า” คริสเพียงแค่ยิ้มแล้วเงยหน้ามองดวงจันทร์ตามผม ขอแค่ผมได้อยู่เคียงข้างผู้ชายคนนี้ ผมก็ไม่ขออะไรอีกแล้วล่ะ ...
วันนี้วงของเราต้องไปอัดรายการกันทั้ง 12คนเลย และแน่นอนเมื่อสมาชิกครบองค์แบบนี้สิ่งแรกที่จะมีก็คือคู่เซอร์วิส ทั้งฮุนฮานและคริสยอล เมื่อชานยอลเห็นคริสก็จะรีบวิ่งเข้ามาหาและพูดคุยเสียทุกครั้ง ทั้งสองดูเข้ากันได้ดีเหมือนกับเซฮุนที่จะเข้ามาหยอกล้อลู่ฮานเสมอ ส่วนผมน่ะหรือ? ก็อยู่เฉยๆไป จะเซอร์วิสหรือไม่เซอร์วิสก็ค่าไม่ต่างกัน
แฟนๆก็ไม่ได้จำผมขึ้นได้เลยสักนิด เราทั้งหมดต้องซ้อมกันก่อนที่จะอัดไลฟ์จริง และแน่นอนจะต้องมีแฟนคลับที่ได้เข้ามานั่งดูตอนที่พวกเราซ้อมอยู่นี่ด้วยและผมก็ต้องยิ้มอย่างมีความสุขแม้ว่าใจของผมตอนนี้จะไม่อยากยิ้มเลยก็ตาม ผมไมได้อึดอัดที่มีแฟนคลับอยู่ตรงหน้าแต่ผมแค่ไม่ชอบไอ้สองคนที่มันยืนคุยกันตลอดอยู่ข้างหน้าผมตั้งหาก
คริสเคยบอกกับผมว่าห้ามยุ่งหรือเข้าใกล้เฉินและลู่ฮาน แต่ตัวเขาเองกลับอยู่กับชานยอลเวลาที่รวมสมาชิกกันและอยู่กับอี้ชิงเมื่อมีแค่ยูนิตของเรา จะว่าน้อยใจก็ไม่แปลก ซึ่งผมน้อยใจจริงๆนั่นล่ะ ผมก็เลยเดินไปหาเฉินคุยกับเขา อย่างน้อยในทีมฝั่งเอ็มก็มีแค่เขาและผมที่เป็นคนเกาหลีเพราะฉะนั้นเราถึงสนิมกันมาก และแน่นอนคริสก็คอยแอบมองผมด้วย .. หึหึ นายทำได้ ฉันก็ทำได้ ..
ตอนที่อัดไลฟ์จริงนั้นจะมีช่วงหนึ่งของเพลงที่ผมกับเขาจะเต้นใกล้ๆกัน คริสเอื้อมมือออกมาแตะที่หลังผมก่อนจะเดินขึ้นหน้าเพื่อร้องท่อนของตัวเอง เพียงแค่นี้หัวใจของผมก็เต้นไม่เป็นจังหวะและแน่นอนแก้มของผมจะต้องแดงแน่ๆ ผมแอบเห็นชานยอลเหลือบมองมาก่อนจะยิ้มกว้างๆตามแบบฉบับเขา บางทีผมก็สงสัยนะว่าไอ้เจ้าคนนี้มันคุยอะไรกัน ผมรู้สึกถึงสายตาของชานยอลที่มองมาที่ผมและยิ้มบ่อยๆ
แฟนคลับไม่รู้ว่าผมกับคริสคบกันและแน่นอนในวงก็ไม่มีใครรู้เหมือนกัน ผมไม่ใช่คนโอ้อวดและก็ไม่ใช่คนปากโป้งและแน่นอนว่าคริสก็ไม่ใช่เช่นกัน คนอื่นในวงเพียงแค่คิดว่าคริสสนิทกับผมก็เท่านั้นคล้ายๆกับที่เซฮุนติดลู่ฮาน
ตอนช่วงจบของรายการวันนี้เราทุกคนจะต้องออกมายืนและโค้งให้ผู้ชม ผมที่กำลังเดินมาจากหลังเวทีก็เห็นร่างสูงของสองคนยืนประจำที่อยู่ก่อนแล้ว ทั้งสองยืนคุยกันตลอดและแฟนคลับเองก็กรี๊ดชอบใจเสียด้วย สายตาของผมไมได้หยุดมองที่เจ้าของเสียงหัวเราะอย่างกับคนบ้านั้นเลยแต่กลับเป็นคนที่ยืนยิ้มบางๆอยู่ข้างกัน
บางทีผมก็นึกน้อยใจและอยากที่จะประกาศออกไปให้โลกรับรู้เหมือนกันนะแต่มันก็ทำไม่ได้ คริสหันมองชานยอลแล้วปัดเส้นผมให้ซึ่งนั่นเรียกเสียงกรี๊ดจากแฟนไม่ได้ยากเลย อะไรบางอย่างมันแล่นขึ้นมาจุกที่คอของผมและสมองของผมก็ไม่สั่งการอะไรอีกเลย มีแต่ร่างกายที่ทำตามหน้าที่ของมัน ผมเดินเข้าไปยืนอยู่ข้างๆลีดเดอร์ของผมแล้วสอดมือจับกุมกับเขาไว้เหมือนกับที่ทุกคนต้องจับมือกันเพื่อโค้งขอบคุณ วันนี้มีเหล่าศิลปินท่านอื่นมาร่วมรายการหลายคนจึงไม่เป็นที่น่าสงสัยอะไรเท่าไหร่ คริสหันมามองหน้าผมด้วยสายตาตกใจและแน่นอนชานยอลเองก็ยิ้มกว้างเสียจนเห็นครบแทบทุกซี่
เมื่อเสร็จรายการวันนั้นผมยังคงยืนอ้อยอิ่งโบกมือให้แฟนๆอยู่บนเวทีต่างจากชานยอลที่วันนี้เดินลงไปเร็วกว่าปกติ และลีดเดอร์แสนดีที่เดินเข้ามาโอบเอวผมแล้วโบกมือให้กับแฟนๆไม่หยุด อ้อมแขนยาวนั้นโอบแล้วเกี่ยวตัวผมให้เข้าไปแนบชิดก่อนจะโอบผมกลับเข้าหลังเวทีไป
“หึงเหรอครับ?” คำถามแรกจากปากของคริสหลังจากที่เรากลับเข้าด้านหลังเวที
“ไม่นิ ก็เฉยๆ” ผมเพียงแค่ยักไหล่ตอบก่อนจะเดินเลี่ยงจากคริสไปยังห้องแต่งตัวของวงเรา ผมลงนั่งที่โซฟาในห้องอย่างหงุดหงิดที่วันนี้ผมดูจะจัดการกับอารมณ์แปรปรวนไม่ได้เลย
“ซิวหมิน” คริสเดินตามมาและลงนั่งข้างๆผม ตอนนี้ยังไม่มีใครเข้ามาในห้องแต่งตัว แน่นอนทั้งห้องนี้มีแค่ผมกับคริสเท่านั้น
“ซิวหมิน” คริสยังคงเรียกชื่อผม ผมเองก็มองหน้าเขาก่อนจะถอนหายใจเสียเฮือกใหญ่แล้วจึงส่งยิ้มให้เขาได้คลายกังวล
“ไม่เป็นอะไรจริงๆ เดี๋ยวนายต้องไปกับชานยอลไม่ใช่เหรอเปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะ” ผมยิ้มแล้วลุกขึ้นเดินไปหยิบเสื้อผ้าของเขามาส่งให้ คริสรับไปก่อนจะเข้าไปเปลี่ยนในมุมเปลี่ยนเสื้อผ้า เพียงไม่นานคริสก็ออกมาพร้อมกับชุดใหม่ที่เพิ่งเปลี่ยนเสร็จ เขาเดินยิ้มซุกซนคล้ายเด็กๆและอ้าแขนเดินเข้ามาหาผมซึ่งผมก็อ้าแขนกอดรับเขาตอบ เพียงแค่นี้ผมก็สุขใจแล้ว ไม่ต้องให้คนทั้งโลกรู้ว่าเรารักกัน แต่แค่เราสองคนรับรู้ว่าเรารักกันก็เพียงพอแล้ว... ผมขอแค่ผมยังยืนเคียงข้างเขาและเขาก็ยังคงจับมือผมไปตลอดแค่นั้นก็มากพอแล้ว
แต่ใครเลยจะรู้ว่าท่าทางที่แสนจะเพอร์เฟค ยิ้มให้กล้อง จิกตาให้กล้องอย่างรู้งานนั้น ทุกท่วงท่าที่รวมกันเป็นลีดเดอร์คริสนั้น .... มันเฟคทั้งหมด!!! ไอ้ท่าทางที่ยิ้มมุมปากนิดๆ หัวเราะเบาๆ กดหน้าลงต่ำ จิกสายตาใส่กล้องน่ะ มันโคตรจะหลอกลวงประชาชน!!! แท้ที่จริงแล้วตัวตนของชายหนุ่มจริงๆน่ะ .... น่าถีบออกจะตายไป…. ไม่เชื่อกันเหรอ?
แต่ถึงเขาจะน่าจับมาตีแค่ไหนแต่ผมก็ทำไม่ลงหรอก .... สายตาที่มองมาหาผมน่ะมันเต็มไปด้วยความรักทั้งนั้นนี่นะ! ใครล่ะจะกล้า.. ผมไม่ใจแข็งขนาดนั้นหรอก
ผมว่าครั้งหน้าผมจะลองแทรกกลางคู่คริสยอลดูบ้างแล้วล่ะ เหมือนกับที่อี้ชิงเคยแทรกกลางฮุนฮานมาแล้ว .... คงจะสนุกไม่น้อยล่ะ สงสัยต้องไปถามอี้ชิงเสียแล้วล่ะ คิๆ
Pairing: Kris x Xiumin
Author: BettyNoona
Note: ฟิคป่วงๆ TvT แอบติ่งอยู่นะ อิอ๊ะอิอ๊ะ
ชีวิตของศิลปินน่ะ .... ช่างน่าลำบากยิ่งนัก จะทำอะไรก็ไม่ได้ เพราะกลัวว่าแฟนคลับจะจับได้
ชีวิตของศิลปินน่ะ .... ไมได้สบายเลยสักนิด อยากที่จะออกไปเดินเล่นที่ไหนคนเดียวก็ทำไม่ได้ เพราะกลัวว่าแฟนคลับจะจับได้
ชีวิตของศิลปินน่ะ .... น่าหดหู่นะ อยากที่จะแสดงความรู้สึกจากใจจริงออกไปก็ไม่ได้ เพราะกลัวว่าแฟนคลับจะจับได้
ชีวิตของศิลปินน่ะ .... ไม่ใช่แบบที่ทุกคนคิดและเห็นเลยสักนิด มีเรื่องราวมากมายที่เป็นความลับ ที่ต้องปกปิดหลบซ่อนจากสายตาของแฟนคลับทั้งหลายอีกเยอะ
นี่เป็นเพียงแค่หนึ่งหน้าความลับของ ...คิมมินซอก... เท่านั้น
วงบอยแบรนด์น้องใหม่ที่กำลังทะยานขึ้นสู่จุดสูงสุดอยู่ในตอนนี้คือ EXO ด้วยมีสมาชิกทั้งหมด 12คน มีทั้งคนจีนและคนเกาหลี สมาชิกทั้งหมดต้องแยกกันเป็นสองกลุ่ม เพื่อง่ายและสะดวกต่อการทำงานทั้งในเกาหลีและจีน
ทีมที่มินซอกได้อยู่นั้นคือ EXO M ที่จะต้องไปทำงานที่จีนและแน่นอนที่ปัญหาเรื่องภาษาจะต้องตามมา ลีดเดอร์ของฝั่งเอ็มนี้ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน ก็คือตุ้ยจางของสาวๆทุกคน ผู้ชายรูปร่างสูงและเพอร์เฟคไปเสียทุกอย่าง อู๋อี้ฟาน หรือ คริส คนนี้
แต่ใครเลยจะรู้ว่าท่าทางที่แสนจะเพอร์เฟค ยิ้มให้กล้อง จิกตาให้กล้องอย่างรู้งานนั้น ทุกท่วงท่าที่รวมกันเป็นลีดเดอร์คริสนั้น .... มันเฟคทั้งหมด!!! ไอ้ท่าทางที่ยิ้มมุมปากนิดๆ หัวเราะเบาๆ กดหน้าลงต่ำ จิกสายตาใส่กล้องน่ะ มันโคตรจะหลอกลวงประชาชน!!! แท้ที่จริงแล้วตัวตนของชายหนุ่มจริงๆน่ะ .... น่าถีบออกจะตายไป…. ไม่เชื่อกันเหรอ? ลองอ่านนี่ดูสักหน่อยจะเป็นอย่างไรครับ?
“ซิวหมินอ่า... อีกแล้วนะๆๆ” น้ำเสียงทุ้มที่กระเง้ากระงอดมาพร้อมกับไอโฟนในมือที่ยื่นมาหาผม ชายหนุ่มร่างสูงนั่งเบียดชิดผมทั้งๆที่โซฟาตัวที่นั่งกันอยู่นี้ก็ไม่ได้เล็กเสียหน่อย
“อะไรของนายอีกล่ะที่ว่าอีกแล้วน่ะ” ดวงตาเรียวคมตวัดมองผมก่อนจะยื่นหน้าจอไอโฟนมาให้ผมดู ผมมองหน้าจอที่แสดงภาพเหล่านั้นด้วยการกระพริบตาปริบๆ
“ก็แล้วนายเอามาให้ฉันดูทำไม?” นั่นน่ะสิ เอามาทำไม ก็ในรูปนั้นมันคือรูปที่ผมกับเฉินเล่นกันบนเวที คริสทำหน้ามุ่ยก่อนจะนั่งพิงหลังกับพนักโซฟาแล้วยกแขนขึ้นกอดอกก่อนจะหันหน้ามุ่ยๆนั้นมามองผม
“ก็แล้วนายไปอยู่ใกล้เฉินทำไมเล่า!! รู้ไหมว่าไม่ชอบ ทีหน้าทีหลังห้ามเข้าใกล้มันอีกนะ!!” บ่นเสียยืดยาวแล้วก็ลุกขึ้นเดินจากไป ทิ้งให้ผมได้แต่นั่งมองตามอย่างไม่เข้าใจ .... อะไรของมันวะ
ก็บอกแล้วว่าบุคลิกที่พวกคุณเห็นว่าลีดเดอร์เอ็ม ท่านชายคริสของพวกคุณแท้ที่จริงแล้วนิสัยเด็กกว่าเทาและเซฮุนมักแนฝั่งเคเสียอีก ...ในสายตาของผมคริสก็เป็นได้แค่เด็กน้อยที่เอาแต่ใจคนหนึ่งก็เท่านั้น แต่ด้วยภาระหน้าที่ที่ต้องแบกรับไว้บนบ่าน่ะ สร้างให้คริสต้องสร้างตัวตนที่ต้องเข้มแข็งขึ้นมา
“มินซอกอ่า~~ ก็บอกแล้วไงว่าอย่าเข้าใกล้เฉิน แล้วทำไมถึงต้องเข้าใกล้ลู่ฮานด้วยล่ะ??” ผมได้แต่มองหน้าคนพูดตาปริบๆ คือไม่รู้จะตอบออกไปว่าอย่างไรดีแต่คริสก็ยังไม่ยอมหยุด
“ไม่รู้เหรอว่าลู่ฮานน่ะต้องคู่กับเซฮุนนะ” ผมได้แต่หัวเราะเบาๆก่อนจะวางหนังสือเรียนภาษาจีนในมือลงกับตักของผม
“ฉันรู้... ฉันก็แค่เล่นกับน้องๆเท่านั้นเอง ทั้งเฉิน ทั้งลู่ฮานน่ะ” คริสวาดรอยยิ้มกว้างๆส่งให้ผม รอยยิ้มที่ดูจริงใจไม่เสแสร้งเหมือนกับที่ตอนเจอกล้องถ่ายหรือแฟนคลับเลย คริสจับมือของผมขึ้นมากุมแล้วก็ยิ้มกว้างๆ แสงอาทิตย์ที่สาดผ่านเข้ามาจากทางหน้าต่างที่กระทบกับร่างของคนตรงหน้าผมนี่... ขอบอกเลยว่าเทพบุตรชัดๆ ซิวหมินน้อยได้แต่โทษเทวดาในใจที่สร้างให้ตัวเองเกิดมาโตได้แค่นี้ แถมหน้าตาก็ไมได้โดดเด่นเหมือนคนที่นั่งยิ้มเป็นคนบ้าอยู่ข้างๆผม จะว่าไปผมว่าชานยอลกับคริสนี่สปีชี่ย์เดียวกันนะ ทั้งเด็ก ทั้งซนและเอ๋อมาก
“แล้วนายล่ะต้องคู่กับใคร?” ผมหยิบหนังสือเรียนภาษาจีนเปิดหน้าที่อ่านค้างไว้ออกก่อนจะก้มหน้าลงอ่าน แต่แล้วก็ต้องเงยหน้าขึ้นมองคนข้างกายด้วยความฉงน
“ก็ต้องคู่กับซิวหมินไง~ คริสซิวหมิน” แล้วผมก็หัวเราะออกมาก่อนจะดึงมือออกจากการกุมของคริสและใช้นิ้วดันหน้าผากคนช่างพูดเบาๆ
“ฉันว่านายตอบผิดแล้วนะ ฮ่าๆๆ” เสียงหัวเราะของผมเรียกให้ลู่ฮานที่นั่งดูดชานมไข่มุกดูโทรทัศน์กับอี้ชิงหันมามอง
“ผิดที่ไหน ไม่นะ ก็คริสหมินไง” ผมส่ายหน้าเบาๆก่อนจะเก็บหนังสือเรียนจีนแล้วเดินเข้าห้องนอนของผมไป มันจะคริสหมินได้ยังไงก็ในเมื่อทุกวันนี้มีรูปทั้งคริสยอล คริสเลย์ว่อนเน็ตเต็มไปหมด ... จะมีใครรับรู้ด้วยหรือว่าคนที่ลีดเดอร์คริสคบอยู่จริงๆแล้วคือคิมมินซอกผู้นี้! คนที่กุมหัวใจทั้งดวงของลีดเดอร์แสนหล่อน่ะจะเป็นตัวเขา คนที่แสนธรรมดาไม่โดดเด่นอะไรเลย
“เป็นอะไรหรือเปล่า” คริสขึ้นมานั่งบนเตียงกับผมโดยที่ผมนอนคว่ำหน้ากับหมอนอยู่
“ไม่นิ แค่อยู่ๆก็ง่วงขึ้นมาน่ะ” ผมเอียงหน้าไปด้านที่คริสนั่งอยู่ก่อนจะยิ้มส่งให้เขา เรียวนิ้วของเขาปัดผมที่ปรกหน้าผมออกอย่างแผ่วเบา
“ถ้าอย่างนั้นก็นอนกันเถอะ” แล้วคนที่ตัวโตกว่าผมเยอะก็ลงนอนโดยเอาหัวมาหนุนที่หลังผมไว้ แม้ว่าจะบ่นว่าหนักแต่คุณลีดเดอร์ที่แสนหล่อก็ไม่ยอมลุกแถมยังกลิ้งตัวไปมาเสียอีกนี่!!
เด็กน้อยที่แสนเงียบและเรียบร้อยเมื่อครั้งแรกที่ผมได้เจอกับเขา ตอนนี้มันหายไปไหนหมดแล้วไอ้ความเรียบร้อย น่ารักและขี้อ้อนตามภาษาเด็กๆน่ะ ตอนนี้จะเหลือก็แต่เด็กเอาแต่ใจที่ชอบโวยวายไปวันๆ ... เดี๋ยวก็หาเรื่องแหย่คนนั้น แกล้งคนนี้ที
เมื่อวันก่อนก็เพิ่งจะเถียงกับลู่ฮานเพราะแย่งรีโมททีวีกัน บางทีก็ทะเลากับอี้ชิงเพราะเจ้าตัวไม่ยอมให้ลองมาสก์หน้ายี่ห้อใหม่ โดนเฉินพูดรัวภาษาเกาหลีใส่แปลไม่ทันก็เถียงกัน เล่นเกมแพ้เทาก็งอนน้องมันอีก ... นี่ตกลงในวงเรามีชานยอลผสมแบคฮยอนเหรอเนี่ย? เขาไม่เข้าใจว่าทำไมเจ้าเด็กนั่นถึงได้ขึ้นมาเป็นหัวหน้าวง
แต่พอเมื่อกล้องแพลนมาที่พวกเราคนที่เคยซนก็กลับนิ่งขรึมและทำหน้าที่หัวหน้าวงได้เป็นอย่างดี ทั้งโต้ตอบคำถาม มีส่วนร่วมในทุกๆอย่าง ซึ่งต่างจากผมที่อายุเยอะสุดแต่ต้องมานั่งหลบมุมดูคนอื่นสัมภาษณ์กัน นานๆทีผมถึงจะได้ตอบคำถามและแน่นอนมันก็จะไม่ย้อมกลับมาหาผมอีกเลย จะว่าไปผมก็นึกน้อยใจนะที่ผมดูไม่โดดเด่นเลยสักนิด แต่ทว่ามันก็กลับเป็นเรื่องดีๆที่ผมนั้นไม่ได้ดูโดนเด่นเหมือนใครๆ
ทุกคนอาจจะรับรู้ว่าชานยอลกับคริสชอบออกไปไหนด้วยกันบ่อยๆ ซึ่งแท้ที่จริงแล้วมันไม่ใช่แบบนั้นเลย คริสกับชานยอลเพียงแค่เดินออกจากหอพักรวมไปด้วยกันแต่แล้วชานยอลก็จะแยกออกไปหารุ่นพี่คนอื่นเสมอ ส่วนคริสก็จะเดินมาหาผมที่นั่งรออยู่ที่สวนสาธารณะใกล้ๆหอพักของเรา สิ่งแรกที่คริสมอบให้ผมเสมอคือรอยยิ้มที่แสนจริงใจ แม้ว่าต่อหน้ากล้องเขาจะเสแสร้งมากแค่ไหนแต่เมื่อใบหน้าคมนั้นหันมาหาผมสิ่งแรกที่ผมจะเจอคือรอยยิ้มจริงใจที่เขามีให้ผมเพียงคนเดียว
“หนาวไหม? ทำไมไม่ไปรอที่อุ่นๆกว่านี้ล่ะ” ปลายเรียวนิ้วที่สัมผัสแก้มผมนั้นนั้นอ่อนโยนและอุ่นยิ่งนัก คาดว่าเขาคงจะรีบออกมาหาผม ปลายมือถึงยังอุ่นอยู่แบบนี้
“ไม่เป็นไร แค่นี้เอง” ผมตอบและยิ้มให้เขา คริสยิ้มตอบกลับมาก่อนจะลงนั่งที่ม้านั่งตัวเดียวกับผม คริสเบียดชิดผมเสียร่างของเราแทบจะเกยกันอยู่แล้ว เขากุมมือผมไว้ในมือที่แสนอุ่นของเขา
“แต่ผมไม่อยากให้ซิวหมินไม่สบายนะ”
“ไม่หรอก ฉันน่ะแข็งแรงจะตายไป... นายไม่เชื่อฉันหรอ?” คริสลูบหลังมือผมเบาๆ การไออุ่นที่เขาถ่ายทอดมาผมก็ร้อนผ่าวดั่งถูกไฟแผดเผาเสียแล้ว
“เชื่อครับ เชื่อเสมอเลยแต่ว่า...ตรงนี้มันหนาวนะ” ผมเอนหัวลงซบที่แขนของเขาแล้วเงยหน้ามองไปยังท้องฟ้าที่มีดวงจันทร์ทอแสงสวยอยู่บนนั้น แม้จะโดดเดียวเพราะไร้ดวงดาวรายล้อมแต่ทว่าดวงจันทร์กลับส่องแสงสว่างสวยยิ่งนัก
“คืนนี้ดวงจันทร์สวยนะ ฉันอยากนั่งดูจันทร์กับนายที่นี่มากกว่า” คริสเพียงแค่ยิ้มแล้วเงยหน้ามองดวงจันทร์ตามผม ขอแค่ผมได้อยู่เคียงข้างผู้ชายคนนี้ ผมก็ไม่ขออะไรอีกแล้วล่ะ ...
วันนี้วงของเราต้องไปอัดรายการกันทั้ง 12คนเลย และแน่นอนเมื่อสมาชิกครบองค์แบบนี้สิ่งแรกที่จะมีก็คือคู่เซอร์วิส ทั้งฮุนฮานและคริสยอล เมื่อชานยอลเห็นคริสก็จะรีบวิ่งเข้ามาหาและพูดคุยเสียทุกครั้ง ทั้งสองดูเข้ากันได้ดีเหมือนกับเซฮุนที่จะเข้ามาหยอกล้อลู่ฮานเสมอ ส่วนผมน่ะหรือ? ก็อยู่เฉยๆไป จะเซอร์วิสหรือไม่เซอร์วิสก็ค่าไม่ต่างกัน
แฟนๆก็ไม่ได้จำผมขึ้นได้เลยสักนิด เราทั้งหมดต้องซ้อมกันก่อนที่จะอัดไลฟ์จริง และแน่นอนจะต้องมีแฟนคลับที่ได้เข้ามานั่งดูตอนที่พวกเราซ้อมอยู่นี่ด้วยและผมก็ต้องยิ้มอย่างมีความสุขแม้ว่าใจของผมตอนนี้จะไม่อยากยิ้มเลยก็ตาม ผมไมได้อึดอัดที่มีแฟนคลับอยู่ตรงหน้าแต่ผมแค่ไม่ชอบไอ้สองคนที่มันยืนคุยกันตลอดอยู่ข้างหน้าผมตั้งหาก
คริสเคยบอกกับผมว่าห้ามยุ่งหรือเข้าใกล้เฉินและลู่ฮาน แต่ตัวเขาเองกลับอยู่กับชานยอลเวลาที่รวมสมาชิกกันและอยู่กับอี้ชิงเมื่อมีแค่ยูนิตของเรา จะว่าน้อยใจก็ไม่แปลก ซึ่งผมน้อยใจจริงๆนั่นล่ะ ผมก็เลยเดินไปหาเฉินคุยกับเขา อย่างน้อยในทีมฝั่งเอ็มก็มีแค่เขาและผมที่เป็นคนเกาหลีเพราะฉะนั้นเราถึงสนิมกันมาก และแน่นอนคริสก็คอยแอบมองผมด้วย .. หึหึ นายทำได้ ฉันก็ทำได้ ..
ตอนที่อัดไลฟ์จริงนั้นจะมีช่วงหนึ่งของเพลงที่ผมกับเขาจะเต้นใกล้ๆกัน คริสเอื้อมมือออกมาแตะที่หลังผมก่อนจะเดินขึ้นหน้าเพื่อร้องท่อนของตัวเอง เพียงแค่นี้หัวใจของผมก็เต้นไม่เป็นจังหวะและแน่นอนแก้มของผมจะต้องแดงแน่ๆ ผมแอบเห็นชานยอลเหลือบมองมาก่อนจะยิ้มกว้างๆตามแบบฉบับเขา บางทีผมก็สงสัยนะว่าไอ้เจ้าคนนี้มันคุยอะไรกัน ผมรู้สึกถึงสายตาของชานยอลที่มองมาที่ผมและยิ้มบ่อยๆ
แฟนคลับไม่รู้ว่าผมกับคริสคบกันและแน่นอนในวงก็ไม่มีใครรู้เหมือนกัน ผมไม่ใช่คนโอ้อวดและก็ไม่ใช่คนปากโป้งและแน่นอนว่าคริสก็ไม่ใช่เช่นกัน คนอื่นในวงเพียงแค่คิดว่าคริสสนิทกับผมก็เท่านั้นคล้ายๆกับที่เซฮุนติดลู่ฮาน
ตอนช่วงจบของรายการวันนี้เราทุกคนจะต้องออกมายืนและโค้งให้ผู้ชม ผมที่กำลังเดินมาจากหลังเวทีก็เห็นร่างสูงของสองคนยืนประจำที่อยู่ก่อนแล้ว ทั้งสองยืนคุยกันตลอดและแฟนคลับเองก็กรี๊ดชอบใจเสียด้วย สายตาของผมไมได้หยุดมองที่เจ้าของเสียงหัวเราะอย่างกับคนบ้านั้นเลยแต่กลับเป็นคนที่ยืนยิ้มบางๆอยู่ข้างกัน
บางทีผมก็นึกน้อยใจและอยากที่จะประกาศออกไปให้โลกรับรู้เหมือนกันนะแต่มันก็ทำไม่ได้ คริสหันมองชานยอลแล้วปัดเส้นผมให้ซึ่งนั่นเรียกเสียงกรี๊ดจากแฟนไม่ได้ยากเลย อะไรบางอย่างมันแล่นขึ้นมาจุกที่คอของผมและสมองของผมก็ไม่สั่งการอะไรอีกเลย มีแต่ร่างกายที่ทำตามหน้าที่ของมัน ผมเดินเข้าไปยืนอยู่ข้างๆลีดเดอร์ของผมแล้วสอดมือจับกุมกับเขาไว้เหมือนกับที่ทุกคนต้องจับมือกันเพื่อโค้งขอบคุณ วันนี้มีเหล่าศิลปินท่านอื่นมาร่วมรายการหลายคนจึงไม่เป็นที่น่าสงสัยอะไรเท่าไหร่ คริสหันมามองหน้าผมด้วยสายตาตกใจและแน่นอนชานยอลเองก็ยิ้มกว้างเสียจนเห็นครบแทบทุกซี่
เมื่อเสร็จรายการวันนั้นผมยังคงยืนอ้อยอิ่งโบกมือให้แฟนๆอยู่บนเวทีต่างจากชานยอลที่วันนี้เดินลงไปเร็วกว่าปกติ และลีดเดอร์แสนดีที่เดินเข้ามาโอบเอวผมแล้วโบกมือให้กับแฟนๆไม่หยุด อ้อมแขนยาวนั้นโอบแล้วเกี่ยวตัวผมให้เข้าไปแนบชิดก่อนจะโอบผมกลับเข้าหลังเวทีไป
“หึงเหรอครับ?” คำถามแรกจากปากของคริสหลังจากที่เรากลับเข้าด้านหลังเวที
“ไม่นิ ก็เฉยๆ” ผมเพียงแค่ยักไหล่ตอบก่อนจะเดินเลี่ยงจากคริสไปยังห้องแต่งตัวของวงเรา ผมลงนั่งที่โซฟาในห้องอย่างหงุดหงิดที่วันนี้ผมดูจะจัดการกับอารมณ์แปรปรวนไม่ได้เลย
“ซิวหมิน” คริสเดินตามมาและลงนั่งข้างๆผม ตอนนี้ยังไม่มีใครเข้ามาในห้องแต่งตัว แน่นอนทั้งห้องนี้มีแค่ผมกับคริสเท่านั้น
“ซิวหมิน” คริสยังคงเรียกชื่อผม ผมเองก็มองหน้าเขาก่อนจะถอนหายใจเสียเฮือกใหญ่แล้วจึงส่งยิ้มให้เขาได้คลายกังวล
“ไม่เป็นอะไรจริงๆ เดี๋ยวนายต้องไปกับชานยอลไม่ใช่เหรอเปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะ” ผมยิ้มแล้วลุกขึ้นเดินไปหยิบเสื้อผ้าของเขามาส่งให้ คริสรับไปก่อนจะเข้าไปเปลี่ยนในมุมเปลี่ยนเสื้อผ้า เพียงไม่นานคริสก็ออกมาพร้อมกับชุดใหม่ที่เพิ่งเปลี่ยนเสร็จ เขาเดินยิ้มซุกซนคล้ายเด็กๆและอ้าแขนเดินเข้ามาหาผมซึ่งผมก็อ้าแขนกอดรับเขาตอบ เพียงแค่นี้ผมก็สุขใจแล้ว ไม่ต้องให้คนทั้งโลกรู้ว่าเรารักกัน แต่แค่เราสองคนรับรู้ว่าเรารักกันก็เพียงพอแล้ว... ผมขอแค่ผมยังยืนเคียงข้างเขาและเขาก็ยังคงจับมือผมไปตลอดแค่นั้นก็มากพอแล้ว
แต่ใครเลยจะรู้ว่าท่าทางที่แสนจะเพอร์เฟค ยิ้มให้กล้อง จิกตาให้กล้องอย่างรู้งานนั้น ทุกท่วงท่าที่รวมกันเป็นลีดเดอร์คริสนั้น .... มันเฟคทั้งหมด!!! ไอ้ท่าทางที่ยิ้มมุมปากนิดๆ หัวเราะเบาๆ กดหน้าลงต่ำ จิกสายตาใส่กล้องน่ะ มันโคตรจะหลอกลวงประชาชน!!! แท้ที่จริงแล้วตัวตนของชายหนุ่มจริงๆน่ะ .... น่าถีบออกจะตายไป…. ไม่เชื่อกันเหรอ?
แต่ถึงเขาจะน่าจับมาตีแค่ไหนแต่ผมก็ทำไม่ลงหรอก .... สายตาที่มองมาหาผมน่ะมันเต็มไปด้วยความรักทั้งนั้นนี่นะ! ใครล่ะจะกล้า.. ผมไม่ใจแข็งขนาดนั้นหรอก
ผมว่าครั้งหน้าผมจะลองแทรกกลางคู่คริสยอลดูบ้างแล้วล่ะ เหมือนกับที่อี้ชิงเคยแทรกกลางฮุนฮานมาแล้ว .... คงจะสนุกไม่น้อยล่ะ สงสัยต้องไปถามอี้ชิงเสียแล้วล่ะ คิๆ
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น