คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ
Happy Halloween's Night ค่ะ
อยากลองอะไรแปลกใหม่บ้าง อิอิ หวังว่าทุกคนจะชอบกันนะคะ
________________________________________
ด้วยความเร่งรีบเพราะได้รับการติดต่อเชื้อเชิญอย่างกะทันหันทำให้คุณหมอหนุ่มแม้จะหงุดหงิดสักเพียงไหนก็ไม่แสดงออกทางสีหน้าเลยสักนิด ยังคงก้าวเท้ายาวๆไปตามถนนเพื่อที่จะไปสถานที่ที่เขาได้รับเชิญ หลังจากที่เหวี่ยงข้าวของในอพาร์ทเมนท์สุดหรูของตัวเองได้แล้วก็รีบออกมาจนลืมไปเสียสิ้นว่าการแต่งตัวช่างไม่เหมาะสมกับหน้าที่การงานเอาเสียเลย
เสื้อฮาวายสีฟ้าเข้มกับกางเกงสั้นสีน้ำตาลยาวถึงเข่า และรองเท้าแตะสีดำยี่ห้อโปรด ทำเอาคนที่มองผ่านไปผ่านมาแทบจะไม่รู้ด้วยซ้ำคนๆนี้คือใครและทำหน้าที่อะไร เพราะการพักร้อนหลังจากที่ทุ่มทำงานมานับหลายปีทำให้คุณหมอหนุ่มได้รับวันพักจากผู้อำนวยการโรงพยาบาล แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องดีเลยที่พอเหยียบพื้นทะเลของฮาวายได้ .. ก็ดันถูกเรียกตัวกลับมาช่วยรักษาเด็กคนหนึ่ง
คดีนี้เขายังไม่รู้อะไรนักเพราะยังไม่ได้อ่านแฟ้มรายงานเลยสักนิด รู้แค่เพียงว่าเป็นผู้เหลือรอดเพียงคนเดียวของคดีสะเทือนขวัญนี้ เมื่อถึงที่หมายก็รีบเดินขึ้นไปยังชั้นที่ได้รับมอบหมายให้ขึ้นไปทันที เศษกระดาษเล็กๆที่จดมาด้วยนั้นบ่งบอกว่าเขาควรจะไปที่ไหน
โรงพยาบาลจิตเวชชองฮัน แผนกกักขังผู้ป่วย ชั้น 12 ห้อง 11
เมื่อขึ้นไปติดต่อกับผู้ดูแลชั้นก็ได้รับแฟ้มคดีและอาการคร่าวๆของเด็กคนนั้นมาอ่านพอให้ผ่านตา หญิงวัยกลางคนที่ดูแลชั้นสิบสองนี้เอื้อนบอกว่าอีกสักพักคนที่ดูแลคดีนี้จะมาพบเขา ชายหนุ่มเพียงแค่ยิ้มรับและไหวไหล่
ก็ดี รีบๆมา และขอเหตุผลดีๆที่เขากำลังจะก้าวไปเหยียบน้ำทะเลเล่น แม้จะไม่ได้เต็มใจไปพักผ่อนก็ตามทีเถอะแต่ก็ต้องรีบเก็บข้าวของบินกลับมาที่บ้านเกิดโดยไวที่สุดด้วยก็แล้วกัน
บานประตูสีขาวที่มีกรอบกระจกสี่เหลี่ยมไม่ใหญ่นักตั้งอยู่ตรงหน้า เมื่อได้รับการปลดล็อคจากยามร่างสูงใหญ่ที่ดูแลประจำชั้นนี้แล้ว คุณหมอหนุ่มก็ผลักบานประตูเข้าไป เมื่อร่างสูงยาวผ่านเข้าไปประตูบานนั้นก็งับสนิทคล้ายดั่งปิดตาย
ห้องกว้างที่บุไว้ด้วยนวมทั้งห้องนั้นปรากฏอยู่ในสายตา ห้องนี้มีเพียงแค่เตียงหลังพอดีและเด็กหนุ่มที่นั่งก้มหน้านิ่งอยู่บนเตียงเพียงเท่านี้ สิ่งอำนวยความสะดวกอื่นใดก็ไม่มี เสื้อมัดแขนที่อีกฝ่ายสวมเป็นเครื่องการันตีอย่างยิ่งว่าถ้าเด็กตรงหน้าเกิดคลุ้มคลั่งขึ้นมาคุณหมออย่างเขาจะไม่โดนทำร้าย
เสียงเปิดพลิกหน้ากระดาษไปมาไม่ได้ทำให้เด็กที่นั่งก้มหน้าก้มตาอยู่บนเตียงนิ่งๆรู้สึกหรือแสดงท่าทีว่ารู้แล้วว่าในห้องนี้มีผู้อื่นอยู่ด้วยเลยสักนิด หลังจากที่อ่านรายงานในแฟ้มคร่าวๆแล้วก็ปิดมันลงก่อนที่จะเดินไปหยุดยืนอยู่ข้างเตียง แม้จะเสี่ยงมากพอดูแต่ชายหนุ่มก็ชอบการท้าทาย
“สวัสดีชานยอล ผมคือคุณหมอชิมที่จะดูแลคุณ” ส่งเสียงทักออกไปแต่คนตรงหน้ายังคงทำได้แค่ก้มหน้านิ่ง ช่วงตัวที่ค้อมลงต่ำดูเผินๆคล้ายดั่งคนในกรอบสายตากำลังหลับแล้วค้อมตัวลงมาด้านหน้า
“ผมอาจจะแต่งตัวไม่เข้ากับงานสักหน่อยก็อย่าถือสากันนะ” เขาไม่ได้พูดตลกและไม่ได้เล่นตลกเรียกร้องความสนใจ แม้แต่เด็กหนุ่มตรงหน้าก็ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามองเลยสักนิดหรือบางทีอาจจะหลับจริงๆ แต่คนที่ทำทุกอย่างตรงตามแบบแผนและตามทำนองคลองธรรมอย่างเขาแล้ว การที่ใส่ชุดแบบนี้มาถือว่าผิด!
แต่จะให้ทำอย่างไรได้ล่ะ ก็เรียกตัวด่วนเสียขนาดนั้นนินะ แต่ก็ช่างเถอะ คุณหมอไหวไหล่แล้วเริ่มต้นพูดคุยทันที
“เรื่องของคืนนั้น.. อยากจะพูดอะไรไหม”
เงียบ .. คือคำตอบที่ได้รับกลับมา
“เรื่องคืนนั้นที่โรงเรียน มีอะไรอยากจะพูดไหม”
ทีแรกก็คิดว่าคงจะได้คำตอบคือความเงียบเช่นดังเดิม แต่ทว่าร่างในกรอบสายตากลับสั่นขึ้นมา อาการสั่นยังคงเล็กน้อยแต่แล้วก็ค่อยๆเพิ่มลำดับขึ้นมาจนน่าตกใจ ใบหน้าที่ก้มลงเงยหน้าขึ้นเผยให้เห็นดวงหน้าใสที่ซีดเซียวไร้สีเลือด ริมฝีปากแตกแห้งผาก ดวงตากลมที่ควรจะมีแววสดใสดั่งเด็กร่างเริงทั่วไปกลับไร้แววใดๆ
“ถ้ามีอะไรก็บอกหมอได้นะ” ดวงตาที่ไร้แววนั้นหันมาหาหมอที่ยืนอยู่ข้างกาย ริมฝีปากแห้งแตกอ้าขึ้นแต่ก็ไม่มีเสียงใดเล็ดลอดออกมา
“คืนนั้นพวกเพื่อนๆ..” คุณหมอชิมหยุดไว้เพียงเท่านั้น คนที่ได้ยินคำว่าเพื่อนก็คล้ายกับจะสติแตกขึ้นมา ตัวผอมบางส่ายไปมาพร้อมกับเสียงหวีดร้องลั่น คุณหมอหนุ่มยกยิ้มขึ้นที่มุมปากอย่างถูกใจก่อนที่จะหันไปยกมือปรามยามสองคนที่คอยดูลาดเลาอยู่ด้านนอกไม่ให้เปิดประตูโผล่พรวดพราดเข้ามา
ยังไม่ทันที่จะได้เอ่ยถามต่อ น้ำเสียงแหบแห้งก็เอ่ยขึ้นมา
“มัน... มัน.. มันฆ่าทุกคน มันฆ่าเพื่อนผม ไม่!!! อย่าทำ!!! ถอยออกมาสิ!! หยุดนะอย่านะ!! อย่าทำพวกเขา!!!!” สายตาเฉี่ยวของคุณหมอจับจ้องทุกการกระทำ
“ใครฆ่าเพื่อนๆเหรอชานยอล บอกหมอได้ไหม” เท่าที่ดูจากรายงานไม่ได้ระบุว่าใครคือฆาตกรและไม่ได้สันนิฐานว่าคือใคร มันค่อนข้างแปลกประหลาดอยู่สักหน่อย
“มันฆ่าจงอิน มันฆ่ามินซอก มันฆ่าทุกคน!!! ไม่!!!!!” แล้วคนไข้ในความดูแลของคุณหมอก็หวีดร้องลั่น สะบัดตัวไปมาคล้ายดั่งกำลังดิ้นรนที่จะหนี
คุณหมอเปิดแฟ้มอ่านอีกครั้ง คิมจงอิน คิมมินซอก เพื่อนของเด็กตรงหน้าแต่ทว่าถูกฆ่าตายอย่างน่าสยดสยอง คุณหมอชิมปิดแฟ้มนั้นแล้วมองเด็กตรงหน้าที่ก้มหน้านิ่งแล้วพึมพำว่า ไม่ ต้องหนี ซ้ำไปซ้ำมา
“แล้วมันที่ว่าถูกฆ่าด้วยหรือเปล่า” โอเค รู้ว่าผิดจรรยาบรรณแต่เขาก็อยากที่จะรู้ ก็มันน่าสนุกนินา
“ไม่” น้ำเสียงแหบแห้งตอบเสียงเบาหวิว คุณหมอชิมเลิกคิ้วอยากที่จะเอ่ยถามต่อแต่ทว่าคนที่นั่งก้มหน้าเงยหน้าขึ้นมองแล้ววาดรอยยิ้มกว้างส่งมาให้ รอยยิ้มที่สดใสราวกับคนตรงหน้าไม่ได้มีอาการช็อคจนป่วย
“คริสอยู่ไหนครับ เมื่อไหร่เขาจะมาล่ะครับ” น้ำเสียงที่ดูคล้ายจะสดใสแต่ทว่าแหบแห้ง น่าแปลก.. ทำไมพูดถึงชื่อนี้เด็กคนนี้ถึงได้ดูสดใสขึ้นนัก
คุณหมอเปิดแฟ้มไปหน้าท้ายๆอีกครั้ง อู๋อี้ฟานหรือคริส เพื่อนในชั้นเรียนของชานยอลเช่นกันแต่ทว่า..
“คริสล่ะครับ? เขาจะมาเมื่อไหร่ โทรหาเขาให้ผมได้ไหมบอกว่าตัวเล็กของเขาอยากเจอ บอกว่าผมป่วยก็ได้เขาจะได้รีบมา” ตอบท้ายประโยคด้วยรอยยิ้มหวาน แก้มกลมที่ซีดเซียวดันดวงตาวาดโค้งเป็นเสี้ยวพระจันทร์
“ชานยอล คริสเขาไม่อยู่...”
“ไปไหนเหรอครับ? เขาจะกลับมาเมื่อไหร่” ชานยอลเอียงคอทำท่าสงสัย
“เขาจะไม่กลับมา”
เพราะคริสไม่อยู่บนโลกนี้อีกแล้ว
“ไม่!!! เขาต้องมายังไงก็ต้องมา!!! เราสัญญากันไว้แล้ว เขาไม่ผิดสัญญา!!! คริสต้องมา!! ต้องมา!!!!” แล้วชานยอลก็ดิ้นหวีดร้องเสียยกใหญ่ บานประตูเปิดออกอีกครั้งพร้อมกับรองผู้กำกับที่เข้ามาดูแลคดีนี้โดยตรงเดินเข้ามา
“เชิญด้านนอกก่อนครับคุณหมอชิม” น้ำเสียงนุ่มเอ่ยบอกพร้อมกับผายมือเชื้อเชิญให้เขาออกไปด้านนอก คุณหมอหนุ่มหันมองชานยอลที่ยังคงโวยวายบอกว่าคริสต้องมา ต้องมาแล้วสะบัดตัวดิ้นก็ก้าวเท้าเดินออกจากห้องไปก่อน
“อย่างแรกเลยผมชองยุนโฮคนที่ดูแลคดีนี้โดยตรง ยินดีที่ได้รู้จักนะครับคุณหมอชิมและขอโทษด้วยที่ต้องเรียกตัวมาอย่างกะทันหันแบบนี้” น้ำเสียงนุ่มและรอยยิ้มอบอุ่นถูกส่งมาให้ คุณหมอเองก็รับไมตรีจิตนั้น
“คนที่ชื่อคริส...” คุณหมอชิมมองหน้าคนที่เงียบเสียงไปแล้วก็สงสัย ก่อนที่จะหันไปมองด้านในห้องจากช่องกระจกสี่เหลี่ยมไม่ใหญ่นั้นก็เห็นชานยอลขยับตัวไปนั่งพิงหัวเตียงนิ่งๆเสียแล้ว
“ก็ตายแล้วไม่ใช่เหรอ ในรายงานบอกไว้ว่าอย่างนั้น” รองผู้กำกับยิ้มแล้วพยักหน้าให้
“ครับ ตายเพราะช่วยเหลือเด็กคนนั้นไว้” คุณหมอหนุ่มหันหลังกลับไปมองด้านในอีกครั้งก็เห็นว่าเจ้าตัวขยับปากพูดอะไรสักอย่างแล้วก็หลับตาพริ้ม
“แล้วคนร้ายล่ะ คนที่ฆ่าเด็กๆพวกนั้น...”
“ถ้าอย่างนั้นขอเชิญคุณหมอไปกับผมหน่อยนะครับเราจะได้คุยกัน จริงๆที่ผมเรียกคุณมาก็เพื่อจะให้รักษาเด็กคนนั้นแต่ด้วยความอยากรู้อยากเห็นของคุณ ก็มาช่วยงานผมหน่อยก็แล้วกันนะครับ”
“ถ้าไม่ใช่เพื่อนจะฆ่าให้ตายอยู่ตรงนี้แหละ” ด้วยเหตุผลทั้งหมดทั้งมวล คนสองคนถึงได้มาอยู่กันตรงนี้กับคดีสุดระทึกขวัญและคงเป็นที่จดจำของผู้คนไปอีกนาน
คดีฆาตกรรมเด็กนักเรียนของโรงเรียนประจำชายอันชองฮวา
ความคิดเห็น