คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : JOURNEY 01
สวัสดีค่ะ ไม่ค่อยว่างเลยแต่จะพยายามหาเวลามาอัพบ่อยๆนะ (ถ้าเราปลีกวิเวกจากงานได้ TT__TT) แต่ทุกคนก็ยังร่วมทำบุญเดือนเกิดคริสยอลกับเราได้นะคะ ดูรายละเอียดได้ที่ตอน 1 นะคะ
เล่มนี้เป็นโปรเจ็คพิเศษ เพราะฉะนั้นเราจะไม่มีรีปริ้นท์นะคะ
ปล. Happy Halloween's Night ค่ะ ด้วยรักจากใจคนหงอยๆที่อยากไปปาร์ตี้ฮาโลวีนแต่โดดเดี่ยวล่ะเกิน
_________________________________________
ปาร์คชานยอล แฮปปี้ไวรัสของทุกคนกำลังผจญกับปัญหาใหญ่ ปัญหาที่ว่าคือการจำบทละคร ถึงบทของเขามันจะไม่ได้เยอะและยากมากมายแต่ทว่าคนไฮเปอร์อย่างชานยอลน่ะหรือจะจำอะไรได้นานกัน ดังนั้นเจ้าตัวก็เลยต้องพยายามนั่งอ่านมันซ้ำๆ ทำความเข้าใจบทและอารมณ์ให้มาก
พอสมาธิมุ่งไปที่บทละครในมือแล้วมันก็จะพาลออกนอกลู่นอกทางไปถึงเรื่องอื่นๆ จนเจ้าตัวต้องสะบัดหัวไล่ความคิดพวกนั้นออกไปให้หมด พออ่านต่อไปไม่ไหวแล้วบวกกับสมาธิที่ตั้งไม่ได้แล้วชานยอลก็ปล่อยวางทุกสิ่งไว้บนเตียงแล้วเดินออกไปนอกห้อง น่าแปลกที่วันนี้ไม่มีใครอยู่เลย ปกติมันจะต้องมีพวกแก๊งเล่นเกมนินา วันนี้หายไปไหนกัน
แต่ก็ช่างเถอะ ถือว่าเขาจะได้อยู่คนเดียวเงียบๆ ... น่าแปลก ความคิดพวกนี้มาจากไหน ชานยอลไม่เคยอยากอยู่คนเดียวและเขาก็ไม่ชอบความเงียบด้วย ทำไมช่วงนี้เขาถึงดูไม่เป็นตัวของตัวเองเลยนะ
“ประสาทน่ะสิ” บ่นแบบนั้นกับตัวเองก่อนที่จะลุกขึ้นเดินไปเปิดตู้เย็นหาน้ำดื่ม
ห้องที่เงียบเหงา ดูไร้สีสันคล้ายกับอะไรในใจของเขาเลย ดังนั้นชานยอลก็เลยคว้ากระเป๋าเงินและมือถือเดินออกจากห้องไป เพราะวันนี้เป็นวันว่างที่พวกเขาไม่ต้องเข้าตึกไปซ้อมก็เลยทำให้มีเวลาว่างมาฟุ้งซ่านได้แบบนี้ คนอื่นหายไปไหนชานยอลก็ไม่รู้หรอก สิ่งที่รู้อย่างเดียวก็คือตัวเขากำลังเดินไปยังสถานที่หนึ่งที่ไม่ไกลจากหอพักพวกเขามากนัก
สถานที่ที่เคยมากับใครอีกคน
ชานยอลยกเจ้ากระป๋องน้ำในมือขึ้นดื่มพร้อมกับทอดสายตามองออกไปไกลๆ คืนนี้เขาอารมณ์ไม่สุนทรีย์พอที่จะซื้อแอลกอฮอล์มาดื่มเพราะฉะนั้นคืนนี้ก็เลยได้นั่งเหงาๆปล่อยอารมณ์เซ็งๆไปกับกระป๋องน้ำส้ม ตอนนี้พูดได้ไม่เต็มปากว่าตัวเขาชินแล้วกับอาการเหงาๆ เซ็งๆ เบื่อๆที่ไม่รู้สาเหตุแบบนี้ แต่ก็เอาเถอะ.. ถือซะว่าพักผ่อนก็แล้วกัน
ชานยอลอยากเป็นนักแสดง นั่นคือความฝันที่เขาเพิ่งเพิ่มเข้าไปหลังจากได้เดบิวต์เพียงไม่กี่อาทิตย์ เขาอยากลองดูแม้จะผ่านการไปแคสตัวแล้วไม่ผ่านมาหลายรอบก็ตาม แต่เขาก็ไม่ถอยเพราะฉะนั้นก็คิดว่าเขาควรที่จะฝึกฝนและตั้งใจ มุ่งมั่นให้มันมากกว่านี้
แต่บางทีอะไรๆในหัวมันก็วนๆเวียนๆกลับมาไปที่เดิมเสียทุกที เซ็งตัวเองจริงๆ .. ชานยอลยกเจ้ากระป๋องน้ำหวานขึ้นดื่มแต่ก็พบว่ามันหมดแล้วก็เลยวางไว้ข้างตัวก่อนที่จะหยิบมือถือออกมาดูแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ ในหน้าต่างห้องสนทนาของตัวเองกับใครบางคนยังคงนิ่งสนิทอยู่ที่ข้อความของเขาที่ส่งไปเมื่อสิบชั่วโมงที่แล้ว และมันก็เพียงแค่ขึ้นว่าอ่านแล้วก็เท่านั้น
ใจจริงก็อยากจะเขวี้ยงมือถือไปให้ไกล เอาให้แหลกไปเลยก็ดีแต่ทว่าทำไมเขาจะต้องทำ? เพราะเหตุผลอะไร? แทนที่จะปิดกั้นการสื่อสารกับคนๆนั้นไปเสีย นั้นสินะ ก็เพียงแค่ทำเป็นมองไม่เห็น เพราะถึงส่งข้อความต่อไปยังไงเขาก็คงจะไม่ตอบและคงไม่มีทางตอบ
ปลายนิ้วเลื่อนสไลด์หน้าจอไปมาไม่อ่านและจับจ้องที่ข้อความไหนเป็นพิเศษ จนมันเลื่อนไปหยุดที่ข้อความของใครคนนั้นที่เคยตอบกลับมาแค่ข้อความเดียว ต่อให้เลื่อนจนขึ้นไปจนสุดหน้าได้ชานยอลก็เชื่อว่าเขาจะเจอแต่ข้อความของเขาเองก็เท่านั้น
ถอนหายใจเฮือกใหญ่กดออกจากหน้าต่างนั้นเสีย ในวันๆหนึ่งเพื่อนของตัวเขาก็ส่งข้อความมาหาแทบไม่ขาดสายอยู่แล้ว อีกไม่ช้านานห้องสนทนานี้คงเลื่อนไปอยู่ลำดับท้ายสุดและบางทีคงจะหายไปจากลิสต์เอง เหมือนดั่งตอนนี้ที่ห้องนั้นเลื่อนลงมาที่อันดับหก ปลายนิ้วแตะออกกลับมาที่หน้าจออีกครั้งชานยอลเลือกที่จะกดล็อคหน้าจอ คว้ากระป๋องน้ำที่ดื่มหมดแล้วลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกมาจากตรงนั้น ทิ้งอะไรหลายๆอย่างไว้ตรงนั้น
... และเขาคงจะไม่เดินกลับมาที่นี่ และคงจะไม่มาที่มุมนี้อีกแล้ว
การทำงานในแต่ละวันนั้นผ่านไปอย่างยากลำบาก ไม่ใช่เพราะงานหนักหรืองานเหนื่อยหรอก แต่เป็นเพราะตัวเขาเองนี่ล่ะที่ไม่ยอมปล่อยวาง.. ยังคงพะว้าพะวงหวนกลับไปหาใครบางคนอยู่ร่ำไป มันไม่ใช่เรื่องดีนักหรอกในยามที่ต้องมีสมาธิจดจ่ออยู่กับการทำงาน แต่พอยามว่างทีไรเขาก็มักจะแอบหยิบมือถือขึ้นมาเช็คข่าวตรงนั้นที เวบนี้ทีอยู่ร่ำไป ขอแค่ยังรู้ความเคลื่อนไหวก็พอ.. รู้ไปก็เท่านั้น แต่ก็อดไม่ได้ที่ปลายนิ้วจะลากเลื่อนผ่านข่าวของเขา
ตอนนี้ปาร์คชานยอลกำลังมุ่งมั่นกับ... กับอะไรหลายๆอย่างที่ตัวเขาเคยบอกว่าสนใจ .. ก็อะไรพวกนั้นนั่นล่ะ อะไรที่เขาอยาจะลองทำดู ตอนนี้เขาก็กำลังค่อยๆเรียนรู้มันทีละนิดละหน่อย โดยมีคนคอยช่วยและให้กำลังใจ แม้จะน้อยคนนักที่รู้แต่ก็ยังดีกว่าตัวเขาหันไปพึ่งพาใครไม่ได้เลย มันก็ยังดีกว่าตัวคนเดียวอยู่ดีนั่นแหละ
หลังจากที่ถ่ายละครเสร็จและแวะไปหาคุณแม่ที่ร้านเรียบร้อยแล้วชานยอลก็อาศัยเส้นทางยามมืดเดินกลับหอพัก มือเรียวกระชับสายสะพายกระเป๋าที่ไหล่แล้วก็ก้าวสองเท้าไปด้านหน้าอย่างมั่นใจ เดินไปเรื่อยๆ ดวงตากลมหันมองสองข้างทางแล้วก็เผลอกลั้นหายใจเมื่อต้องเดินผ่านสถานที่ที่มีความทรงจำ สถานที่ที่เคยมากันใครอีกคน
ไม่ใช่เพราะตัวเขาอยากจำ ไม่ใช่เพราะตัวเขาจำได้ ไม่ใช่เพราะคิดถึงเรื่องเมื่อครั้งก่อน แต่มันติดอยู่ในหัวจนยากที่จะลบมันออก นัยน์ตาสีเข้มที่หยอกล้อกับแสงไฟ ข้างทางเบนกลับมาด้านหน้ามองเส้นทางเงียบเหงาที่ตัวเองต้องเดินไปยามค่ำคืนนี้ ริมฝีปากวาดรอยยิ้มบางๆ ไม่ใช่เพราะสมเพชแต่เป็นเพราะอยากให้กำลังใจตัวเองที่ต้องเดินอยู่คนเดียว ถึงอย่างน้อยตอนนี้เขาก็ยังรู้สึกได้ว่ายังมีใครบางคนอยู่ข้างๆ
‘พี่จะอยู่ข้างนายเสมอ’
“กลับมาแล้วเหรอ” เมื่อเปิดประตูเข้าไปก็โดนเสียงร่าเริงของจุนมยอนเอ่ยทักทันที
“ยังมั้งพี่” แล้วคนที่เพิ่งกลับมาก็หัวเราะใหญ่ที่แกล้งหยอกเหย้าคนเป็นพี่ได้ จุนมยอนเท้าเอวแล้วส่ายหน้าไปมา
“ไม่มีอะไรให้กินนะ”
“ผมกินมาแล้วแหละ ผมเข้าห้องก่อนนะ” จุนมยอนปัดมือไล่ๆก่อนที่จะสำรวจประตูหน้าต่างให้เรียบร้อยก่อนที่จะเข้าห้องบ้าง
ชานยอลที่เปิดประตูเข้าห้องมาก็เห็นรูมเมทที่นอนพิงพนังอยู่บนเตียงชั้นสองกระดิกเท้าเล่นเกมอยู่ ก็เลยเลี่ยงเดินไปเปิดโน้ตบุคตัวเองเล่นเกมที่โต๊ะบ้าง เล่นไปก็ชักจะเบื่อก็เลยทำกิจวัตรที่ทำเป็นประจำก็คือหยิบไดอารี่เล่มใหญ่สีดำออกมาแล้วนั่งเขียนจดบันทึกขยุกขยิกเป็นที่รำคาญและใคร่รู้ของรูมเมทยิ่งนัก
“ไอ้ชานยอลถามจริง เขียนไปทำไมวะนั่นทำไมไม่พิมพ์ใส่โน้ตบุควะจะได้ไวๆ” ชานยอลวางปากกาลงบนหน้ากระดาษแล้วเอี้ยวตัวมาหา
“ไม่อ่ะ พิมพ์แล้วมันไวเกินอยากเขียนให้มันช้าๆมากกว่า” แบคฮยอนทำหน้าตาแปลกๆใส่
“ติสท์เนอะ” ไม่ใช่คำชมนะแต่เป็นคำด่าทางอ้อมมากกว่า ชานยอลก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรเพียงแค่ไหวไหล่แล้วหันหลังกลับไปหยิบปากกาเขียนบันทึกต่อ
“แล้วนี่พี่เขาติดต่อมาบ้างป่ะ” เสียงคำถามที่ถามขึ้นเบาๆนั้นเรียกให้ปลายปากกาหยุดชะงัก ชานยอลเข้าใจว่า ‘พี่เขา’ ของคนถามน่ะคือใคร
“ก็ไม่นิ” ส่ายหัวเป็นการยืนยันแล้วก็เริ่มจรดปากกาจดบันทึกเรื่องราวในความทรงจำเป็นตัวอักษรอีกครั้ง
“เหงาว่ะ ไม่มีใครให้แกล้ง” แบคฮยอนแค่บ่นเบาๆแล้วก็หยิบมือถือมาเล่นเกมตามเดิม ชานยอลก็ได้แค่ถอนหายใจแล้วบ่นเบาๆในใจ
...ก็คิดถึงเหมือนกันนั่นแหละ...
เช้านี้พวกเขาก็ยังคงไปทำงานกันเช่นเดิม ยังคงบินไปต่างประเทศและบินกลับเกาหลีเป็นว่าเล่นเช่นเดิม ยิ่งมีชื่อเสียงมากขึ้นก็ยิ่งต้องทำงานหนักมากขึ้นไปอีก ยังคงต้องทำงานหนักให้แฟนๆของพวกเขาเห็นถึงความตั้งใจของพวกเขา แต่ทว่ายิ่งทำงานหนักและพักผ่อนน้อยร่างกายก็ยิ่งอ่อนแอ จนคนที่ร่าเริงเป็นแฮปปี้ไวรัสอย่างชานยอลป่วย
“ฮัดชิ้ว~!” คยองซูที่อยู่ใกล้หยิบทิชชูส่งให้ ชานยอลพึมพำขอบคุณเบาๆแล้วก็คว้าทิชชูมาซับน้ำมูก
“กลับไปกินยาแล้วนอนเยอะๆด้วยนะเราอย่ามัวแต่เล่นเกม” มินซอกเดินเอายามาให้ ชานยอลเงยหน้ามองมินซอกแล้วทำตาใสอ้อน
“พี่ก็ไปกล่อมผมนอนด้วยสิ” มินซอกยิ้มตามเด็กตรงหน้าที่เงยหน้าขึ้นมายิ้มกว้างแล้วก็เคาะหัวไปหนึ่งทีเบาๆ
“เดี๋ยวจะโดนเถอะ” แม้จะขู่ว่าน้องอาจจะโดนมากกว่าเคาะหัวแต่ริมฝีปากของมินซอกกลับยิ้มเอ็นดูให้เด็กน่ารักที่ตัวเขาเอ็นดู
ทุกคนกำลังเตรียมตัวขึ้นเวทีไปแสดงโชว์กัน มันไม่ใช่เรื่องดีเลยที่วันนี้ที่ต้องทำงานแล้วเขามาป่วยเอาเสียนี่ ชานยอลมองไปรอบๆแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ ถ้าเขาป่วยตัวเขาก็มักจะมีใครบางคนตัวใหญ่ๆมาคอยป้วนเปี้ยนมาถามอาการ เอาน้ำมาให้ หายามาให้แถมยังจะเอาใจอีกด้วยแต่ตอนนี้ไม่มีสักคน ขวดวิตามินในกระเป๋าก็ได้แต่นอนนิ่งๆอยู่อย่างนั้น
คนๆนั้นไม่ชอบกินวิตามินเพราะบอกว่าเวลาป่วยให้กินยามันจะได้หายแต่ตัวเขาชอบนินา บอกให้กินก็ไม่ยอมกินแถมยังจะไม่ยอมฟังเขาพูดอีกว่าวิตามินน่ะมันดียังไง อยากให้กินจะได้ไม่ป่วยไม่ฟังกันก็เลยได้มาง้อถึงที่หอเลยไงแล้วก็นอนด้วยกันซะเลย พอคิดถึงตอนนั้นแล้วริมฝีปากอิ่มก็วาดรอยยิ้มออกมา เสียงหัวเราะเบาๆที่ดูไม่ฝืนถูกเปล่งออกมาจากริมฝีปากอิ่ม แม้จะเป็นเสียงเบาๆแต่มันก็ทำให้คนอื่นที่ได้ฟังยิ้มตามไปด้วย แม้จะไม่รู้ก็เถอะว่าขวดน้ำและเม็ดยาในมือมันน่าหัวเราะตรงไหนก็ตาม
การแสดงวันนี้ผ่านไปอย่างทะลักทุเลแต่ก็ถือได้ว่ามันรอดปลอดภัย และตัว ชานยอลเองก็รอดปลอดภัยเช่นกัน ไม่มึนหัวหรือเวียนหัวร่วงกองกับพื้นเสียก่อน เพราะวันนี้ไม่ค่อยสบายก็เลยขออัพอินสตราแกรมอ้อนแฟนคลับสักหน่อย ปาร์คชานยอลน่ะรักแฟนคลับทุกคนมากเลยนะรู้ยัง~
real__pcy : อย่าลืมกินวิตามินกันนะจะได้ไม่ป่วยเหมือนผม #หายใจไม่ค่อยออก #แต่เห็นหน้า #ทุกคน #ที่มาวันนี้แล้ว #ก็หายดีเลยล่ะ #วิตามินเนี่ย #ดีที่สุด!!!
หลังจากอัพอินสตราแกรมแล้วก็ล้มตัวลงนอน กะว่าถ้าหลับไปก็คงจะหลับไปเลยเพราะเพิ่งจะกินยาไปเมื่อกี้ พรุ่งนี้ตัวเขาก็ยังมีถ่ายรายการและต้องไปถ่ายละครอีกและต้องเข้าบริษัทไปคุยถึงละครเรื่องใหม่ที่ตัวเขาได้รับเลือกอีก เกิดมาหน้าตาดีมันก็งานชุกชุมแบบนี้ล่ะ~
“หื้อ?” ตอนที่ปลายนิ้วกำลังไถหน้าจออยู่นั้นเหมือนว่าจะไถไปเจออะไรสักอย่างที่มันสะกิดใจเหลือเกิน ชานยอลกดอ่านแล้วก็ได้แต่ทำหน้านิ่วคิ้วขมวด เหมือนสังเกตอะไรได้สักอย่าง
มันไม่ใช่แค่ครั้งสองครั้ง แต่มันหลายครั้งจนเขาฉุกใจ
Mr_凡先生 รักษาสุขภาพนะครับจะได้ไม่ป่วยกัน หายไวๆนะ
ปลายหัวคิ้วขมวดกันแน่นพร้อมกับดวงตาที่มองจ้องไปที่ข้อความนั้นที่ถูกถอดแปลออกมาเป็นภาษาที่เขาอ่านออก นี่เราพูดถึงเรื่องเดียวกันหรือเปล่า ไม่รู้ทำไมแค่ได้เห็นข้อความที่เหมือนกับเราบังเอิญคุยเรื่องเดียวกันมันก็ทำให้รู้สึกดีขึ้นแล้ว
เอาจริงๆปาร์คชานยอลไม่ได้เชื่อเรื่องพรหมลิขิตบังเอิญมากขนาดนั้นหรอก แต่เขาก็คิดว่าหลายๆครั้งที่พวกเรามักจะมีข้อความที่เหมือนสื่อถึงกันมันก็อาจจะเป็นเรื่องปกติก็ได้ เพราะฝ่ายนั้นก็ป่วยบ่อยและเขาบางทีก็ป่วยเหมือนกัน มันก็คงจะเป็นเรื่องบังเอิญที่ธรรมดาล่ะมั้ง.. ถึงแม้จะมีหลายๆครั้งแล้วก็ตาม
“ตัวเองก็ป่วยเหมือนกันล่ะสิ” ยิ้มมุมปากแหยๆใส่หน้าจอแล้วก็เลื่อนเลยผ่านข้อความพวกนั้นไป
ชานยอลไม่ใช่เด็กนิสัยดี รู้กันหรือไม่? เขาก็แค่เด็กขี้อ้อน เอาแต่ใจก็เท่านั้น ไอ้การที่จะไปห่วงใครอีกคนก็คงไม่ใช่เรื่องและไม่ใช่นิสัย ในเมื่อเขายังไม่นึกห่วงหาเลยสักนิด ชานยอลถอนหายใจแล้ววางมือถือไว้ใต้หมอนก่อนที่จะนอนหงายมองด้านล่างเตียงชั้นสองนิ่งๆ ปล่อยใจไปเรื่อยและก็หลับไปเอง
คิดไปก็เปล่าประโยชน์ แต่ไฉนเลยห้วงความคิดสุดท้ายก่อนที่จะหลับไปถึงคิดห่วงหาคนนั้นกันนะ
ถ้าป่วยก็อยากให้กินวิตามินจะได้หายป่วย จะได้หายไวๆ
ละครเรื่องใหม่ที่ตัวเขาจะไปเล่นประกอบให้นั้นถูกทางค่ายอนุมัติผ่านแล้ว และแน่นอนว่าตอนนี้เขาก็ได้บทมาลองอ่านดูก่อนแล้ว เท่าที่อ่านดูคร่าวๆแล้วก็เป็นตัวที่น่าสนใจดี คิดว่าถ้าออกมารับรองว่าคนดูจะต้องชอบแน่ๆ ก็เพราะปาร์คชานยอลน่ะหล่อมากไง!!~
มองบทละครในมือแล้วก็ถอนหายใจ ถ้าใครบางคนอยู่ตอนนี้เราสองคนก็อาจจะได้เล่นละครหรือเล่นหนังด้วยกันแล้ว หรือบางทีอาจจะได้มีมินิอัลบั้มที่เราได้แร๊พคู่กันแล้วก็ได้ เพียงแค่คริสจะอยู่ตรงนี้.. ชานยอลสะบัดหัวไปมาก่อนที่จะวาดริมฝีปากยิ้มบางๆเมื่อเพลงที่ฟังเล่นมาถึงเพลงเดี่ยวของคนที่กำลังคิดถึง เห็นแบบนี้เขาก็โหลดฟังทุกเพลงนะ ถูกกฎหมายด้วยนะเออ~
น้ำเสียงนุ่มทุ้มนั่นร้องเพลงก็เพราะ แร๊พก็เท่ ต่อให้พูดเฉยๆก็ดูมีเสน่ห์ จะมีสักวันไหมนะที่เราจะได้เจอกันแล้วกลับมาร้องเพลง กลับมาแร๊พด้วยกัน หรือแม้แต่จะได้เล่นละครด้วยกัน ถึงจะเป็นแค่ความฝันลมๆแล้งๆแต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่าตัวเขาก็เฝ้ารอมันอยู่เหมือนกัน แม้ว่าใครอีกคนจะไม่คิดถึงมันหรือลืมมันไปแล้วก็ตามที
ตัวของเขารู้ว่าใครอีกคนก็คงจะอึดอัดและอยากพูด แต่มันก็คงเป็นอย่างที่พี่สาวเขาเคยบอกว่าแม้เรื่องบางเรื่องอยากบอกแค่ไหนก็พูดออกมาไม่ได้ แต่ทว่าถ้าไม่บอกแล้วใครจะเข้าใจแต่ก็อย่างว่า คนทุกคนมีเหตุผลและเรื่องราวของตัวเองทั้งนั้น ..
ปาร์คชานยอลเป็นคนที่เข้าใจคนอื่นมากถึงขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ
นั่นสินะ... เมื่อไหร่กัน
“วันนี้ไปดื่มกันไหม?” อยู่ๆแบคฮยอนก็เอ่ยขึ้นมา แน่ล่ะไอ้เด็กที่ชอบเปิดหูเปิดตาอย่างเซฮุนและจงอินมีหรือจะพลาด
“เอาดิพี่ผมไปด้วย” เซฮุนยกมือ
“ผมไปด้วยๆ” ตามด้วยจงอิน แม้คยองซูจะจิกสายตาใส่ไอ้เด็กในปกครองก็เถอะ แต่พวกเขาก็ไม่ได้นั่งดื่ม นั่งกิน นั่งพูดคุยกันนานแล้ว กว่าจะได้วันว่างๆแบบนี้ก็คงอีกนานพอดู
“จะซื้อมากินที่หอหรือจะไปข้างนอกดี” จุนมยอนถาม เมื่อหัวหน้าวงถามเปิดทางมาขนาดนี้ก็แปลว่ามื้อนี้จะเปรี้ยวซ่าส์ฟรีตังค์อยู่ครบ!
“ไปข้างนอกดีกว่าพี่ จัดไปเลยป่ะ!” แบคฮยอนทำหน้าตายิ้มดีใจ แหงล่ะกินฟรีใครไม่ชอบ
“เอ้าเฮ้!!” เมื่อจุนมยอนพยักหน้าเซฮุน จงอินก็เฮลั่น รวมชานยอลที่จะได้กินฟรีตังค์ไม่ต้องจ่ายสักวอนด้วย ส่วนคยองซูก็ได้แค่ส่ายหน้าไปมา มติเอกฉันท์ว่าไงเขาก็ว่าตามกัน
ผับที่ทุกคนเฮโลมากันนั้นเป็นผับของรุ่นพี่ แน่นอนว่าไร้แฟนคลับและคงไม่มีซาแซงแน่ๆ โต๊ะที่พวกเขาได้นั่งนั้นเป็นชั้นสองโซนวีไอพีซึ่งคนอื่นคงมองเห็นได้ยากแต่พวกเขาทั้งหมดกลับมองเห็นข้างล่างได้ง่ายๆ จุนมยอนบอกว่าอยากกินอะไรก็สั่งยังไงพรุ่งนี้พวกเขาก็เป็นวันหยุดแต่ทว่าห้ามเมานักไม่อย่างนั้นล่ะก็โดนตีเรียงตัวแน่ๆ ทุกคนก็รับคำเป็นมั่นเป็นเหมาะ แต่จะทำได้ไหมอันนี้ก็อีกเรื่องหนึ่ง
นั่งดื่มกันคุยกันได้สักพักใหญ่ๆ เจ้าสองมักแนจงอินและเซฮุนก็เริ่มจะเปลี่ยนมานั่งกินของกินเล่นเสียแล้ว พี่ใหญ่ของกลุ่มตอนนี้ก็เอาใจน้องอยากกินอะไรสั่งเลย ยังไงคืนนี้ก็ลด 50% อยู่ดี อภินันทนาการจากรุ่นพี่คนสนิท ชานยอลที่ดื่มจนรู้สึกมึนหน่อยๆแล้วก็พาดแขนและคางไปวางที่กั้นระเบียงชั้นสองแล้วมองลงไปด้านล่าง กวาดสายตาไปเรื่อยๆไม่จับจุดหมายใดๆ
กวาดมองไปเรื่อยๆ มองดูคนอื่นโยกย้ายไปตามจังหวะเสียงเพลงอยู่ดีๆก็ไปสะดุดเข้ากับร่างของใครสักคน คนที่เหมือนจะอยู่ในความทรงจำ ส่วนสูง สีผมและเสื้อผ้าคล้ายกันใครคนนั้นจนชานยอลตกใจ ทุกคนที่กำลังนั่งคุยกันตกใจที่อยู่ๆชานยอลก็ลุกขึ้นพรวดแล้ววิ่งลงไปชั้นล่าง
ร่างโปร่งบางของชานยอลวิ่งลัดเลาะตามกำแพงคนที่โยกย้ายไปตามจังหวะเสียงเพลงฝ่าเข้าไปให้ถึงตัวของคนที่เห็นในกรอบสายตา อยากจะรู้ว่าสิ่งที่ตัวเองเห็นนั้นเป็นจริงหรือเพียงภาพลวงตา แต่วิ่งลัดเลาะไปเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ หันมองซ้ายมองขวาก็หาไม่เจอ ไม่รู้ว่าเมื่อกี้เป็นความจริงหรือเพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ที่ดื่มเข้าไปกันแน่
ถ้าจะตาล
ายจนละเมอไปเห็นใครก็ขอให้ไม่ใช่ตอนนี้ ไม่ใช่เวลานี้ที่เขาออกวิ่งตามหา จะละเมออะไรก็ได้แต่ต้องไม่ใช่เรื่องนี้ เรื่องนี้เท่านั้นที่ขอ
แต่จนแล้วจนรอดชานยอลก็มองไม่เห็นใครสักคน ปลายหางตาเหลือบเห็นแวบๆว่าคนที่ตามหาเดินออกนอกประตูร้านไป สองขายาวก้าวแทรกไปทางประตูร้านทันที เขาไม่สนแล้วว่าพวกคนอื่นๆที่มาด้วยกันจะตกใจหรือจะตามหาเขาไหม หรือจะมีใครสนใจเห็นเขาหรือเปล่าเพราะสิ่งเดียวที่เขาจะตามหาก็คือคนในกรอบตาคนนั้น
สองขาพาชานยอลวิ่งออกจากร้านและวิ่งตามหลังคนนั้นที่อยู่ไกลออกไป สองขายาวเร่งความเร็วแล้ววิ่งไปให้ทันแต่ก่อนที่จะถึงตัวใครคนนั้นก็เอี้ยวตัวมาโบกรถแท็กซี่พอดี ทำให้เห็นว่า.. คนๆนั้นไม่ใช่คนที่เขานึกถึง ไม่ใช่คนที่ตามหาเลยสักนิด เขาคนนั้นหันมายิ้มให้แล้วขึ้นรถแท็กซี่ไป ชานยอลได้แต่ยืนอยู่ตรงนั้นและหอบหายใจแรงเพราะเหนื่อยจากการวิ่ง
เมื่อเขาลับสายตาชานยอลก็แทบจะทรุดกับพื้น ร่างโปร่งบางที่หมดแรงค่อยๆเดินไปเกาะกำแพงแล้วเลี้ยวเข้าซอกตึกไป ยืนพิงหลังกับแผ่นปูนเย็นเหยียบที่ตอนนี้ไม่รู้แล้วว่าแผ่นผนังที่พิงหรือหัวใจของเขามันเย็นกว่ากัน ชานยอลหลับตาแล้วเงยหน้าขึ้นแทบจะไม่ไหวอยู่แล้ว แต่เขาก็ต้องยืนให้ไหว ทำไมนะตอนที่เขากำลังค่อยๆลบมันออกไปจากใจแต่ใครอีกคนกลับค่อยๆฉายชัดขึ้นมาแทนที่รอยจางเดิม
“พี่...” เสียงเรียกของเซฮุนที่ตามออกมาหลังจากที่เห็นชานยอลวิ่งออกมาจากร้านดังขึ้น ชานยอลเปิดเปลือกตาแล้วหันมองน้องที่เดินเข้ามาหา เซฮุนยิ้มบางส่งให้
“ไม่เป็นไรนะ ไหวป่ะ” เซฮุนแตะบ่าชานยอลเบาๆ
“ไหวดิ” คนที่ยังไหวตอบกลับด้วยเสียงสั่น ชานยอลส่งยิ้มขืนๆให้น้องหนึ่งที คนที่อยู่กับชานยอลมาเกือบจะครึ่งชีวิตแล้วก็ได้แต่ยิ้มตอบให้ แค่มองก็รู้ว่าพี่ชายที่ดูแลเขามาตั้งแต่เด็กคนนี้ไม่ไหวแล้ว
“ผมว่าพี่ไม่ไหวนะ” เซฮุนขยับตัวเข้าไปใกล้แล้วสวมกอดชานยอลไว้ เจ้าตัวที่โดนกอดก็ก้มหน้าลงซบที่ไหล่เล็กของน้องแล้วปล่อยทุกความอัดอั้นออกมาเป็นหยดน้ำอุ่นที่ซึมผ่านเสื้อของเซฮุน
“ไม่เป็นไรนะพี่ ถ้าไม่ไหวก็ระบายออกมาบ้าง” มันเป็นเรื่องแปลกประหลาดที่คนเป็นน้องจะต้องมาปลอบคนเป็นพี่แบบนี้แต่โอเซฮุนก็เต็มใจ คนที่แทบจะเปรียบเทียบเท่าพี่ชายของเขาคนนี้นั้นเซฮุนเต็มใจทำให้ทุกอย่างนั่นแหละ ขอเพียงแค่บอกมา
“พี่.. พี่... พี่.....”
“ผมรู้ว่าพี่คิดถึงเขา ผมก็เหมือนกัน” ชานยอลกอดเซฮุนแน่นแล้วกดหน้าลงกับไหล่ของน้อง เซฮุนก็กอดตอบให้แน่นเท่าที่พี่ชายกอดมา คนสองคนที่มีความรู้สึกห่วงหาเดียวกันกำลังปลอบใจกันเอง
เซฮุนไม่ได้สนิทกับคริสเท่าชานยอลแต่ก็ถือว่าเขาเองก็สนิทอยู่พอตัว ไม่ว่าพี่ของเขาคนนี้จะทำอะไรเซฮุนก็ไม่เคยขัดและไม่เคยโกรธ ครั้งนี้เขาก็ไม่โกรธเพราะเขารู้ว่าคนเป็นพี่จะต้องมีเหตุผล จะต้องมีอะไรถึงทำให้ต้องตัดสินใจแบบนี้ เซฮุนไม่ได้โกรธแต่แค่น้อยใจ
ต่างกับชานยอลที่มีทุกอารมณ์ผสมปนเปกันไปหมด น้ำตาที่ไหลรินออกมานี้แทบจะแทนคำตอบได้อยู่แล้วแม้จะไม่มีเสียงสะอื้นให้ได้ยิน คนรองรับน้ำตาก็รับรู้ว่าเราต่างก็เจ็บปวดไม่ต่างกันเลย ต่อให้ต้องทำงานเหนื่อยสายตัวแทบขาดแต่ถ้ามันจะทำให้ย้อนกลับไปในเวลาเดิมเขาก็ยอม.. แต่ทว่ามันไม่มีสิ่งใดย้อนกลับไปได้
“พี่ก็แค่.. อยากคุยกับเขา” เสียงของชานยอลช่างแผ่วเบาแต่ทว่ามันก็ดังไปทั้งใจของทั้งสองคน แต่กลับไม่ดังที่ใจของใครอีกคน ถ้ารับรู้บ้างก็คงจะดีไม่น้อย
“พี่ก็ส่งข้อความหาเขาอีกสิถ้าเขาจะไม่ตอบก็ช่างมัน คุยคนเดียวแล้วเห็นว่าเขาอ่านแล้วมันก็ดีกว่าไม่ใช่เหรอ” ชานยอลกัดริมฝีปากอย่างช่างใจ
หลังจากที่เซฮุนและชานยอลกลับมาถึงที่หอก่อนคนอื่นแล้ว เซฮุนก็ให้ชานยอลมานอนด้วยคืนหนึ่งและเจ้าตัวเองก็เห็นว่าน่าจะเป็นเรื่องดี เซฮุนนอนอยู่บนเตียง ชานยอลนั่งอยู่ที่พื้นมองจ้องหน้าจอโทรศัพท์แล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ เอาเถอะก็อย่างที่เจ้ามักเนตัวแสบว่า คุยคนเดียวก็ยังดีกว่า
...ผมคิดถึงพี่นะ...
กดส่งไปก็ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะตอบอะไรกลับมาอยู่แล้ว ชานยอลปิดหน้าจอแล้วล้มตัวลงนอนกลิ้งเล่นบนพื้น กลิ้งไปกลิ้งมาก็ได้ยินเสียงข้อความแชทดังพร้อมกับไฟหน้าจอกระพริบ ชานยอลยกขึ้นมาดูด้วยอารมณ์เซ็งเท่าเดิมเพราะบางทีอาจจะเป็นคนอื่นก็ได้ บางทีอาจจะเป็นเพื่อนเขาที่นัดกันว่าจะไปเล่นพลูก็ได้
แต่แล้วเจ้าตัวก็ต้องกระเด้งตัวลุกขึ้นนั่งทันทีเมื่อเห็นว่าใครเป็นคนส่งข้อความมาหา เซฮุนที่นอนเล่นอยู่ก็สะดุ้งตามไปด้วย ริมฝีปากอิ่มวาดรอยยิ้มขึ้นแม้ว่ามันจะยังไม่รู้สึกดีเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ก็ตามทีแต่แค่นี้ก็ดีแล้ว
...อืม...
ชานยอลเป็นเด็กนิสัยไม่ดี เป็นเด็กที่ขี้อ้อนเอาแต่ใจตัวเอง และคิดว่าอีกไม่นานเขาอาจจะได้คุยกับใครคนนั้นก็ได้ ต่อให้ต้องรออีกเป็นเดือน เป็นปี กี่ปีเขาก็จะรอ เขาอยากจะถามทุกคำถามให้ใครคนนั้นตอบ เขาอยากจะรู้ทุกเรื่องราวที่มันเกิดขึ้น
ตัวเขาก็แค่อยากจะรู้.. ห่างกันไปคิดถึงกันบ้างไหม?
คิดถึงผม เหมือนที่ผมคิดถึงพี่บ้างไหม??
ความคิดเห็น