ลำดับตอนที่ #8
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : My puppy - 8
ลงให้จบเลยแล้วกันเนอะ ขี้เกียจตัดล่ะ ฮ่าๆๆๆ
จริงๆคือจะไม่อยู่ล่ะ เลยมาลงให้จบไปเลย
ถ้าใครอยากได้ก็ดูรายละเอียดในลิงค์ด้านล่างหรือจะไปที่งานก็ตามแต่สะดวกค่ะ
ด้วยรักและใส่ใจ #แต่ขี้เกียจและไม่มีใครลงให้ ถือเป็นว่าสเปเชียลไทม์นะคะ
#สวยรวยสปอร์ตใจดี #ผิดเรื่องล่ะ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
___________________________________
หลังจากเลิกเรียนชานยอลก็รีบกลับบ้านเช่นเดิมแต่ก็แอบแวะซื้อขนมเข้าไปด้วย รู้หรอกว่าคนอยู่บ้านจะต้องทำอาหารไว้รอแล้วแน่ๆก็เลยไม่ซื้ออาหารอะไรเข้าไป พอมาถึงหน้าบ้านก็ได้กลิ่นอาหารลอยมาจางๆ ชานยอลยิ้มกับความคิดของตัวเองที่เดาถูก ชานยอลปลดล็อคกุญแจแล้วเข็นรถจักรยานเข้าไปจอดก่อนที่จะปิดล็อคประตูหน้า ถุงขนมที่ซื้อมาถูกหิ้วเข้าไปในตัวบ้านที่เริ่มได้กลิ่นหอมๆของอาหารลอยมาแตะจมูก
ชานยอลเดินเข้าไปในห้องครัวแล้ววางถุงขนมไว้บนโต๊ะรับประทานอาหาร คริสก็หันมามองแล้วยิ้มให้เพราะรู้ว่าใครอีกคนกลับมาบ้านตั้งแต่ได้ยินเสียงไขกุญแจประตูหน้าแล้ว คนตัวบางเดินเข้ามายืนใกล้ๆแล้วยื่นหน้าไปดูว่าวันนี้คนตัวโตนั้นจะทำอะไรให้กินเป็นมื้อเที่ยง
“กลับมาแล้วเหรอครับ เรียนเหนื่อยไหม” คริสถามแต่ก็ไม่ได้หันมามองหน้าคนข้างๆเพราะต้องดูไข่ในกระทะไม่ให้มันไหม้
“ไม่เหนื่อยหรอก ทำไข่หวานเหรอรู้ได้ยังไงน่ะว่าฉันอยากกิน” ชานยอลยิ้มกว้างแล้วมองคริสที่ดูท่าว่าจะทำเมนูนี้คล่องเชียว
“ก็ผมรู้ใจชานยอลนิ” คริสตอบแล้วยักคิ้วให้ ชานยอลหัวเราะแล้วเกี่ยวคอของคนตัวสูงกว่าให้โน้มลงมาก่อนที่จะแตะสัมผัสที่ริมฝีปากบางได้รูปเบาๆ
“ก็รู้ใจจริงๆนั่นแหละ ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะ” ชานยอลยิ้มให้อย่างเขินๆ แก้มกลมเริ่มแดงสีระเรื่อ คริสมองชานยอลด้วยความตกใจที่คนตัวบางทำแบบนั้น คนที่เขินก็ไม่รู้จะทำยังไงก็เลยหมุนตัวเดินออกจากห้องครัวไปเลย คริสมองตามหลังแล้วก็ยิ้มกับตัวเองอย่างเขินๆเหมือนกัน ก็เป็นใครจะไม่เขินบ้างล่ะ!
ไม่นานชานยอลก็กลับลงมาพร้อมกับที่เปลี่ยนใส่ชุดอยู่บ้านสบายๆแล้ว แต่ก็แอบไปทำใจไม่ให้เขินแล้วก็ไม่ให้ใจเต้นระรัวกับเหตุการณ์อุกอาจเมื่อสักครู่ด้วย ก็เล่นทำใจกล้าไปจุ๊บเขาก่อนแบบนี้ก็ไม่รู้ว่าอีกคนจะว่ายังไงเหมือนกัน แต่ชานยอลรู้สึกอยากจูบคริสจริงๆ อยากขอบคุณ อยากตอบแทนทุกสิ่งที่ทำให้ ก็เลยทำไปแบบรู้ตัวแต่ไม่ห้ามใจ
พอเดินเข้ามาในห้องครัวก็เห็นว่าอาหารเสร็จเรียบร้อยหมดแล้วและจานอาหารน่ากินเหล่านั้นก็ถูกจัดวางบนโต๊ะแล้วด้วย คริสหันมาส่งยิ้มให้ก่อนที่จะเดินไปหยิบจานไข่หวานอย่างสุดท้ายมาวางเสิร์ฟไว้บนโต๊ะ ชานยอลเดินมานั่งประจำที่เตรียมพร้อมที่จะกินข้าวแล้ว
“กินเยอะๆนะครับ มื้อนี้ผมตั้งใจทำสุดฝีมือเลยนะ” ชานยอลยู่หน้าใส่เป็นเชิงว่าหมั่นไส้ใส่คนที่ลงนั่งฝั่งตรงข้าม หยิบตะเกียบแล้วก็คีบไข่หวานสีเหลืองน่ากินมาลองชิมแล้วก็รู้ว่าถ้อยคำนั้นไม่ใช่คำโป้ปด
“อร่อยจริงๆด้วย” เมื่อได้รับคำชมคริสก็ยิ้มรับแล้วเริ่มลงมือกินข้าวบ้าง
ชานยอลนั่งเท้าคางแล้วมองคนตรงข้ามที่ก้มหน้าก้มตากินข้าว บางครั้งก็จะเงยหน้าขึ้นมาสบตาแล้วก็เผยรอยยิ้มมาให้ ตอนนี้ชานยอลกำลังมีความสุข เขาอยากให้ความสุขแบบนี้อยู่กับตัวเขาชั่วชีวิต เขาอยากให้คริสอยู่กับเขาตลอดไป อยากให้เป็นแบบนี้ในทุกๆวัน
แต่.. ก็รู้ว่ามันคงเป็นไปไม่ได้ สักวันถ้าหมดเวลาของคริส น้องไข่หวานก็ต้องกลับมา หัวใจของตัวเขามอบให้คนตรงหน้าไปแล้ว เขาควรจะทำยังไงดีนะ เขาอยากภาวนาให้น้องไข่หวานกับคริสเป็นคนละคนกัน เขาไม่ได้รังเกียจน้องไข่หวาน เขาก็รักน้องไข่หวานเหมือนกันแต่มันไม่ใช่ความรักในแบบเดียวกับที่มีให้คนตรงหน้านี้ ชานยอลขาดน้องไข่หวานไม่ได้และก็ไม่อยากให้คริสจากไปเหมือนกัน
“ชานยอลกินเลอะอีกแล้วนะครับ” คริสว่ายิ้มๆแล้วยื่นมือมาเช็ดที่มุมปากให้ ชานยอลส่งยิ้มคืนให้แล้วคีบไข่หวานป้อนอีกคน คริสกับชานยอลหัวเราะให้กันและกัน ช่วงเวลาที่มีความสุขแบบนี้พวกเขาก็อยากที่จะเก็บมันไว้ในใจให้นานเท่านานและอยากให้มันเป็นจริงในทุกวัน
ไม่ว่ายังไงชานยอลก็จะใช้เวลาตอนนี้ให้คุ้มที่สุด เมื่อท้ายที่สุดแล้วเขาจะได้ไม่ต้องมานั่งเสียดายว่าทำไมเขาถึงไม่อยู่กับคริสให้นานกว่านี้ จะใช้เวลาทุกนาทีให้มีค่า ให้เป็นความทรงจำของเราสองคน
ชานยอลลืมตาขึ้นตื่นแล้วก็หันมองนาฬิกาที่หัวเตียง วันนี้ไม่มีเรียนและวันพรุ่งนี้ก็ไม่มีเรียน แหงล่ะ.. ก็ใกล้สอบแล้วนินา นัยน์ตากลมมองปฏิทินเล็กๆที่วางอยู่ข้างนาฬิกาปลุกแล้วก็ยิ้มกับตัวเอง ตัวเขากับคริสอยู่ด้วยกันมาสามอาทิตย์แล้ว เป็นสามอาทิตย์ที่มีความสุขและก็มีค่าที่สุดเลย
คนข้างตัวไม่อยู่ เดาได้ไม่ยากเลยว่าต้องกำลังทำอาหารเช้าแน่ๆ ชานยอลลงจากเตียงไปจัดการตัวเองให้เรียบร้อยก่อนที่จะเดินลงไปด้านล่าง กลิ่นหอมของอาหารเช้าลอยมาแตะจมูก ชานยอลค่อยๆยองเข้าไปหาให้เบาเสียงที่สุด พอย่องเข้าไปใกล้ๆก็กระโดดจับเข้าที่ไหล่
“ทำอะไรน่ะหอมจังเลย~” ชานยอลเอี้ยวตัวผ่านไหล่คริสไปมองในหม้อที่กำลังส่งกลิ่นหอม สูดดมกลิ่นหอมๆนั้นจนท้องจะร้องเพราะหิวแล้ว
“ทำโจ๊กครับ วันนี้ชานยอลตื่นไวจังยังไม่ได้ขึ้นไปปลุกเลย” คริสหันหน้าไปตอบ ชานยอลพองแก้มแล้วเกาะไหล่ของอีกคนไว้แนบชิด
“ก็ไม่ดีหรือไงล่ะจะได้ไม่ต้องเหนื่อยเดินขึ้นไปหาไง” คริสหัวเราะแล้วหันหน้ามาหาชานยอลยืนยิ้มกว้างจนแก้มดันดวงตาให้เล็กเป็นขีด
“ผมไม่เหนื่อยหรอกแค่นี้เอง” คริสขยี้เส้นผมของชานยอลเบาๆ ชานยอลทำปากยื่นใส่คริสก็เลยบีบปลายจมูกโด่งรั้นนั้นเบาๆ
“มาทำหน้าตาทะเล้นใส่อีก” ชานยอลหัวเราะคิกคักแล้วเอียงคอใส่
“แต่ก็น่ารักใช่ไหมล่ะ” คริสตอบคำถามนั้นด้วยการก้มลงไปหอมแก้มกลมสักฟอดใหญ่ๆ
“น่ารักที่สุดเลยครับ เที่ยงนี้อยากกินอะไรครับ” ชานยอลทำหน้าตูมแล้วฟาดมือเข้าที่แขนของคริสสักที
“ยังไม่ทันกินข้าวเช้าเลยมาถามหาข้าวเที่ยงแล้วอะไรเนี่ย ดูสิฉันอ้วนแล้วเนี่ยเพราะนายแหละทำโน้นทำนี่ให้กิน” คริสหัวเราะเสียงร่าแล้วหันกลับไปคนหม้อโจ๊กต่อ
“แล้วไม่ดีหรือไงครับ อ้วนๆน่ะดีออกเมื่อก่อนชานยอลผอมจะตายกอดแล้วไม่เต็มไม้เต็มมือเลย” ชานยอลถอนหายใจเบาๆ
“นี่มันเต็มมือจนล้นแล้วมั่งเนี่ย นี่จะขุนให้ฉันเป็นหมูหรือไงกัน” คริสหันมาแล้วยักคิ้วให้
“น่ารักดีออกชานยอลไม่ชอบเหรอ? น้องหมูชานยอล” ชานยอลชี้นิ้วคาดโทษไว้แต่คริสก็ไม่ได้กลัวเลยกลับหัวเราะใส่อีกแน่ะ
“ถ้าฉันเป็นหมู นายก็เป็นหมาอ่ะ” คริสหัวเราะแล้ววางทัพพีก่อนที่จะหันมาดึงชานยอลเข้ามากอด
“ก็เข้ากันดีออก หมูกับหมาน่ะ” ชานยอลทุบหลังคนกอดไปสักที คริสยังหัวเราะไม่เลิกจนชานยอลฟาดมือที่ไหล่อีกทีนั่นแหละเจ้าตัวถึงจะยอมหยุด
“ไม่เห็นจะเข้ากันตรงไหนเลย” คริสลูบแผ่นหลังบางแล้วเอ่ยถามเสียงนุ่ม
“ทำไมล่ะน่ารักดีออกนะ” พอได้ยินเสียงนุ่มแบบนั้นไอ้คนที่ไม่เห็นด้วยก็เริ่มที่จะคล้อยตามแล้ว เอ? หรือมันอาจจะน่ารักก็ได้นะ
“น่ารักก็ได้ หมาคริสรีบๆทำโจ๊กเลยหิวแล้ว” คริสหัวเราะแล้วก็ยอมปล่ออยชานยอลออกจากอ้อมกอดก่อนที่จะหันไปสนใจโจ๊กในหม้อที่กำลังได้ที่
“แล้วตกลงเที่ยงนี้หมูชานยอลอยากกินอะไรครับ” ชานยอลกอดอกแล้วพิงหลังกับพนักเก้าอี้อย่างเซ็งในอารมณ์
“หมาย่างมั้ง! รีบๆทำไปเลยไม่ต้องมาเรียกหมูด้วย” คริสหันกลับไปตักโจ๊กใส่ชามแต่ก็แอบหัวเราะไปด้วยเบาๆ ถึงชานยอลจะเป็นหมูแต่เขาว่าชานยอลก็เป็นหมูที่น่ารักที่สุดในโลกเลยนะ
“งอนเหรอครับ ไม่งอนนะคนดี” คริสเดินเอาชามโจ๊กมาเสิร์ฟให้ชานยอลแล้วก็ก้มลงจุมพิตที่กลุ่มผมนิ่ม ชานยอลเงยหน้าไปมองแล้วก็ยิ้มกว้าง
“ไม่งอนแล้ว เย็นนี้กินหม้อไฟกันนะอยากกินอ่ะ”
“ตามใจครับ” ฝ่ามืออุ่นลูบเส้นผมนิ่มแผ่วเบาก่อนที่คริสจะเดินกลับไปตักโจ๊กของตัวเองมาบ้าง แล้วทั้งสองก็นั่งกินมื้อเช้าด้วยกัน วันนี้ก็เป็นวันที่มีความสุขอีกวันของคนทั้งสอง
หลังจากกินข้าวเสร็จชานยอลก็หนีมานั่งอ่านหนังสือเตรียมสอบที่โซฟาโดยมีคริสจัดการล้างจานและเก็บกวาดครัวให้ ชานยอลจะขอทำเจ้าตัวก็ไม่ยอมก็เลยต้องปล่อยเลยตามเลย วางหมอนหนุนใบใหญ่วางทับบนตักแล้วก็เอาหนังสือเล่มหนาวางทับอยู่บนนั้น ชานยอลที่กำลังขมวดคิ้วมุ่นก็กำลังจมกับเนื้อหาในหนังสือจนไม่เห็นว่ามีใครอีกคนยืนมองอยู่นานแล้ว
คริสเดินมานั่งที่พื้นข้างๆชานยอลแล้วก็เอนหัวไปนอนหนุนที่หมอนใบใหญ่ก่อนที่เอื้อมมือไปหยิบหนังสือของเขาที่วางไว้บนโต๊ะเล็กหน้าโซฟามาเปิดอ่าน ชานยอลเหลือบสายตามองหาว่าใครเข้ามาคลอเคลียก็วาดรอยยิ้มแล้วยกมือขึ้นลูบกลุ่มผมสีสว่างนั้นเบาๆ แม้จะไม่ต้องพูดคุยกัน เพียงแค่อยู่ใกล้กัน รับรู้ว่าเราอยู่ข้างกัน แค่นี้ก็สุขใจแล้ว
“อา.. ปวดคอจังเลย” ชานยอลที่ก้มอ่านหนังสืออยู่นานก็เงยหน้าขึ้นแล้วบีบนวดตรงต้นคอเพื่อคลายอาการปวดเมื่อย คริสที่นั่งอิงหนุนหมอนที่ตักของชานยอลก็เงยหน้าขึ้นไปมอง ชานยอลบิดแขน เอี้ยวตัวไล่ความเมื่อยขบ คริสขยับตัวลุกขึ้นไปนั่งข้างๆแล้วจัดการบีบนวดต้นคอและไหล่ให้
“อ๊ะ.. ไม่ต้องหรอก” ชานยอลหันมาบอกพร้อมกับพยายามเบี่ยงตัวออกแต่คริสก็ยังจับไหล่ของชานยอลไม่ปล่อย
“ไม่เป็นไรครับ หันหลังมาเร็ว” ชานยอลทำหน้ายู่แล้วส่ายหน้าไปมาหมายความว่าไม่เอา ก็เกรงใจน่ะสิ อยู่ๆจะมาบีบนวดให้ได้ยังไงกัน
“ชานยอลจะได้อ่านหนังสือไงเดี๋ยวผมนวดให้” ชานยอลก็ยังคงส่ายหน้าไปมา คริสก็เลยยื่นหน้าเข้ามาจุ๊บที่ริมฝีปากอิ่มเบาๆ คนตกใจก็ทำตาโตแล้วหันหลังหนีไปเลย คริสหัวเราะเบาๆแล้ววางมือจับเข้าที่ไหล่ ชานยอลก็สะดุ้งโหยง
“ว่าง่ายๆแบบนี้สิน่ารัก” เสียงทุ้มน่าฟังมาพร้อมกับร่างสูงที่โน้มตัวมาหอมแก้มนิ่มๆเสียฟอดใหญ่ ชานยอลยกสองมือปิดแก้มที่เริ่มร้อนของตัวเอง
“นวดไปเลยไม่ต้องมาพูดมากนะ ไมงั้นเย็นนี้จะไม่ให้กินข้าวเลย!” น้ำเสียงอู้อี้ที่ดังลอดมาจากคนที่นั่งห่อตัวอยู่ตรงหน้าทำเอาคริสหัวเราะในลำคอเบาๆ
“ครับๆ ไม่พูดแล้วครับ” แล้วคริสก็ขยับมือบีบนวดต้นคอกับไหล่ของชานยอลให้ คนที่นั่งหันหลังก็แอบกลั้นยิ้มไว้ ไม่บอกหรอกนะว่ารู้สึกดีถึงแก้มจะยังร้อนๆอยู่เถอะแต่ก็ไม่ยอมให้คนด้านหลังได้เห็นหรอก สองมือยังคงปิดแก้มไว้อยู่อย่างนั้นแต่สำหรับคริสที่มองอยู่ก็รู้ว่าคนตรงหน้าน่ะเขินขนาดไหน ก็สองมือเล็กนั่นปิดแก้มแดงๆไม่มิดเผยให้เห็นแก้มกลมที่ระเรื่อด้วยสีแดงจางๆ
คริสบีบนวดให้ชานยอลไปเรื่อยๆโดยที่ไม่ปริปากบ่นสักคำ ชานยอลก็นั่งหลับตาพริ้มอย่างผ่อนคลาย น้ำหนักมือที่กดลงมานั้นอย่างพอเหมาะ จังหวะการบีบนวดก็พอเจาะจนคนที่นั่งหันหลังให้นวดอยู่นี้เริ่มจะสบายเพราะความเมื่อยถูกไล่ออกไปหมดแล้ว ปลายนิ้วหัวแม่มือที่กดวนตรงต้นคอนั้นก็ยิ่งทำให้ผ่อนคลาย ผู้ชายตัวโตคนนี้ทำได้ทุกอย่างจริงๆนะและก็ดูแลชานยอลได้ดีมากจริงๆนั่นแหละ
“พอแล้วขอบคุณนะ คริสนวดดีจังเลยอ่ะ” ชานยอลหันมายิ้มให้ คริสเอื้อมมือไปลูบกลุ่มผมของชานยอลเบาๆ
“ถ้าเมื่อยก็บอกนะเดี๋ยวจะนวดให้อีก” ชานยอลยิ้มอารมณ์ดีแล้วคว้าหยิบหนังสือเรียนของตัวเองมาถือไว้
“ตอนนี้ก็เมื่อยนะ ง่วงด้วย ขอพิงหน่อยนะ” แล้วชานยอลก็นอนพิงหัวที่ไหล่ของคริสแล้วเปิดกางหนังสือที่อ่านค้างไว้เมื่อครู่ออกอ่าน คริสขยับแขนให้ชานยอลมานอนหนุนที่อกของตัวเองแล้ววางพาดแขนโอบไหล่ของชานยอลเอาไว้ก่อนที่จะกดปลายจมูกสูดความหอมที่กลุ่มผมนิ่ม
“สบายไหมครับ หายเมื่อยไหม” คริสก้มหน้าลงถาม ชานยอลเงยหน้าขึ้นมองแล้วโคลงหัวไปมา
“ก็นิดนึงนะ” ตอบแค่นั้นแล้วก็ซุกหน้าลงกับแผ่นอกที่เจ้าของอนุญาตยอมให้นอนหนุนได้ คริสหัวเราะเบาๆแล้วกดปลายจมูกเข้าที่กลุ่มผมนิ่มอีกครั้ง
“ถ้างั้นก็ให้นอนพิงจนกว่าจะหายเมื่อยเลย” ชานยอลหัวเราะเบาๆแล้วขยับปลายปากกาไฮไลท์ส่วนสำคัญในหนังสือ
“มันก็ต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว” ชานยอลเงยหน้าขึ้นมาส่งยิ้มให้ก่อนที่จะก้มหน้าลงอ่านหนังสือต่อ คริสยิ้มขำแล้วเลื่อนมือลูบต้นแขนของชานยอลเบาๆ เอากับเขาสิแยกประสาทได้ดีจริงๆ ปาร์คชานยอลเป็นคนน่ารักที่น่าหลงใหลจริงๆเลยนะ คริสยังเฝ้าวนเวียนกดจูบที่กลุ่มผมนิ่มคอยให้กำลังใจคนอ่านหนังสือสอบ ดูท่าว่าสอบคราวนี้เด็กขี้อ้อนในอ้อมแขนเขาจะสอบได้คะแนนดีแน่ๆ
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น