ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [SF EXO] Impossible Miracle Love [คู่จิ้นตามใจฉัน]

    ลำดับตอนที่ #7 : [SF] Kris x Chanyeol - งอนง้อ

    • อัปเดตล่าสุด 22 ก.พ. 56


    Title: งอนง้อ
    Pairing: Kris x Chanyeol
    Author: BettyNoona
    Note: เรื่องเก่าเล่าใหม่ เผื่อคนอื่นยังไม่เคยอ่านนะคะ :)


    ไอเย็นจากแอร์คอนดิชั่นเนอร์ที่ตกลงกระทบกับผ้านวมผืนหน้าที่ใช้คลุมห่มร่างนี้ยิ่งทำให้เนื้อผ้าเย็นและน่านอนมากเข้าไปอีก กายบางซุกตัวเข้ากับที่นอนและผ้าห่มเย็นๆ หมอนใบโตที่ซุกจนแทบจะจมหายไป กลีบปากอิ่มวาดรอยยิ้มบางๆอย่างชอบใจก่อนที่เปลือกตาบางจะลืมตื่นขึ้นหมายว่าจะเห็นใครอีกคนที่เป็นเจ้าของเตียงนี้ เตียงที่เคยนอนได้คนเดียวแต่บัดนี้กลับเปลี่ยนเป็นเตียงใหญ่ที่สามารถยัดผู้ชายตัวโตๆสองคนได้ แต่บัดนี้กลับไม่มีใครเลยสักคน

    ชะโงกหน้ามองไปอีกมุมห้องที่มีเตียงของรูมเมทของเจ้าของเตียงนี้แต่ก็ไม่พบใครเลย มีเพียงแต่ผ้าห่มที่พับเรียบร้อยไว้ปลายเตียง ใบหน้าน่ารักพองลมออกก่อนจะตลบผ้าออกแล้วก้าวเท้าลงจากเตียงแล้วเดินออกจากห้องไป ไม่ต้องเก็บเตียงให้เรียบร้อยเพราะเดี๋ยวเจ้าของเตียงก็กลับมาเก็บเอง หัวยุ่งๆเดินทำหน้ามุ่ยออกไปนอกห้องหมายว่าน่าจะเจอใครบ้างแต่กลับไม่เจอใครเลยนอกจากลู่หานที่นั่งขัดสมาธิบนโซฟาดูดชานมเปลี่ยนช่องโทรศัพท์ไปเรื่อยๆ

    “ไงชานยอล ตื่นสายจังนะวันนี้” ชานยอลยิ้มรับก่อนจะเดินมานั่งข้างๆพี่ชายตัวเล็ก เมื่อพี่ชายเอาหมอนใบโตมาวางไว้ที่หน้าตักเจ้าตัวดีก็รู้งานรีบกระถดตัวแล้วลงนอนหนุนตักทันที ทุกคนรู้ว่านอกจากตุ้ยจางของวงแล้วชานยอลชอบอ้อนขอนอนตักลู่หานฮยองที่สุด

    “เมื่อคืนเหนื่อยมากเลยเหรอ?” มือเล็กลูบกลุ่มผมของน้องชายตัวโตเบาๆ เอ่ยถามออกไปด้วยความห่วงใยเพราะจำได้ว่าเมื่อคืนเจ้าพวกฝั่งเคน่ะมีงานกัน กว่าที่จะฉลองได้รางวัลกันเสร็จกลับมาก็ดึกพอดูแถมเจ้าหมาพุดเดิ้ลตัวดียังดอดมาเล่นที่ห้องฝั่งเอ็มเสียอีก กว่าจะได้หลับได้นอนก็โน้นล่ะตุ้ยจางของวงต้องสั่งให้นอนไม่งั้นก็ไม่ยอมนอนเล่าโน้นคุยนี่จนตัวเองที่เป็นหนึ่งในรูมเมทยังรำคาญ แต่ก็นะเด็กมันน่ารักหยวนได้ลู่หานก็หยวนไป ลองเป็นไอ้เด็กยานแม่นั่นมางุ๊งงิ๊งมากๆพ่อจะเตะเปรี้ยงเข้าให้

    “ก็นิดหน่อยฮะ ไม่เท่าไหร่หรอก สนุกดี .. ว่าแต่ฮยองเห็นคริสฮยองบ้างไหมฮะ?” ลู่หานเลิกคิ้วนึกก่อนจะส่ายหน้า

    “ไม่นะ ตื่นมาก็ไม่เห็นแล้ว มีอะไรหรือเปล่า” ชานยอลยู่ปากก่อนจะนอนพลิกหันมามองใบหน้าของพี่ชายร่วมวงที่ปากคาบหลอดชานมก้มหน้าลงมาหา

    “ก็คริสฮยองน่ะสิบอกว่าเช้านี้จะปลุกแล้วก็ทำอาหารเช้าให้กินด้วย ตอนนี้หายไปไหนก็ไม่รู้” ลู่หานหัวเราะเบาๆก่อนจะขยับตัวให้เจ้าเด็กติดพี่ลุกขึ้นนั่ง พี่ชายตัวเล็กลุกขึ้นยืนเต็มความสูงก่อนจะหันมาหาชานยอลที่ยังหน้าทำหน้ายู่

    “โทรไปหาสิแล้วบอกให้กลับมาจัดกระเป๋าได้แล้วเดี๋ยวกินข้าวเสร็จก็ต้องเตรียมตัวไปสนามบินแล้ว” ชานยอลพองลมโคลงหัวไปมาก่อนที่จะนึกออกว่าวันนี้ตอนเย็นพวกตนต้องบินไปฮ่องกงเพื่อร่วมงานประกาศรางวัล MAMA 2012

    “แล้วนั่นฮยองจะไปไหน?” ชานยอลเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าลู่หานกำลังเดินออกจากประตูห้องพักไป

    “ขึ้นไปห้องเรานั่นล่ะ จะไปจัดชุดให้เจ้าเซฮุนมัน” ชานยอลเอียงคออย่างสงสัย

    “ทำไมต้องจัดล่ะฮะ? มันก็จัดเองได้นิ” ลู่หานถอนหายใจก่อนจะยกมือขึ้นกอดอกแล้วทำหน้าเบื่อหน่ายใส่ชานยอลที่มองมาอย่างสงสัย

    “เออ มันควรจะจัดเองไม่ใช่อ้อนให้ฉันไปจัดให้ ซ้ำยังจะให้เลือกชุดให้มันใส่อีก ไม่เลือกก็ไม่ใส่งอแงว่าจะไม่ยอมไปสนามบินอีก” ชานยอลโคลงหัวอีกครั้งก่อนที่จะถามออกไปอย่างที่ในหัวคิด

    “ถ้าผมจัดให้คริสฮยอง ฮยองจะยอมใส่ไหมนะ” ลู่หานอมยิ้มก่อนจะตอบคำถามนั้นที่ดูท่าว่าเจ้าตัวจะพูดออกมาโดยที่ไม่รู้ตัว

    “ก็ลองดูสิ คริยฮยองของนายน่ะไม่เรื่องมากเหมือนไอ้เซฮุนหรอก” ว่าแล้วก็เดินออกจากห้องไป ชานยอลบึนปากอย่างคิดไม่ตกก่อนจะลุกขึ้นเดินเข้าห้องนอนเพื่อไปหยิบโทรศัพท์มือถือมาโทรหาใครอีกคน

    กดโทรออก วางสายแล้วโทรใหม่จนหงุดหงิดแล้วแต่ปลายสายก็ไม่ยอมรับสักที ทั้งโทรออกพร้อมกับสลับส่งข้อความ ส่งไลน์และคาคาโอทอล์ค แต่ก็ไม่มีการตอบรับ ดวงตากลมเริ่มแดงรื้นเมื่ออีกคนไม่ยอมติดต่อกลับมาเลย ชานยอลเงยหน้าขึ้นมองนาฬิกาบนโทรทัศน์จอแบนเครื่องใหญ่แล้วก็แบะปาก ก็นี่มันครึ่งชั่วโมงแล้วที่กดโทรหาใครอีกคนแต่ไม่มีอะไรตอบกลับมาเลย ซ้ำตอนนี้ก็หิวข้าวมากแล้วด้วย

    ชานยอลวางไอโฟนคว่ำหน้ากับโซฟาก่อนที่จะเดินกลับเข้าห้องไปเปิดตู้เสื้อผ้าที่มีอยู่สองใบวางชิดผนังในส่วนของที่เป็นพื้นที่ของคริสฮยอง จะมีใครรู้บ้างไหมนะว่าตุ้ยจางแสนเท่ของทุกคนน่ะมีตู้เสื้อผ้าสองใบนะในห้องนอน ซ้ำตอนนี้กำลังหาที่วางใบที่สามเสียด้วย ชานยอลหยิบกระเป๋าเสื้อผ้าใบโปรดของเจ้าของมันลงมาก่อนจะเลือกเสื้อผ้าแล้วค่อยๆพับใส่ในกระเป๋าให้

    เรียวปากอิ่มวาดรอยยิ้มบางๆเมื่อคิดถึงใบหน้าของผู้เป็นพี่ชายที่จะต้องตกใจแล้วก็ต้องภูมิใจแน่ๆที่น้องชายตัวป่วยอย่างเขาจะลุกขึ้นมาจัดเตรียมเสื้อผ้าให้

    “จะให้คริสฮยองใส่ชุดไหนดีนะ~~” เมื่อจัดการกับชุดที่จะเปลี่ยนเรียบร้อย ชานยอลก็เปิดประตูตู้เสื้อผ้าทั้งสองไว้แล้วมองเสื้อผ้าหลากหลายที่อยู่ด้านในนั้น แล้วนึกว่าชุดแบบไหนที่คริสฮยองใส่แล้วดูดีที่สุด! ไม่ได้หรอกตุ้ยจางของวงต้องดูดีสิเนอะ~

    ชานยอลฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดีเขาเลือกหยิบชุดที่จำได้ว่าตนชอบมากที่สุดและคนใส่ก็ดูดีที่สุดเท่าที่เคยเห็นมาออกมาวางพาดไว้กับเตียงอย่างเรียบร้อย เคียงข้างกับกระเป๋าที่จัดใส่เสื้อผ้าไว้เรียบร้อยแล้ว ชานยอลยิ้มอย่างพอใจกับผลงานของตัวเองก่อนที่จะเดินออกกจากห้องนอนแล้วโทรหาใครอีกคนอีกสักรอบ เพราะถ้ารอบนี้ไม่รับสาย จะงอนแล้วไม่ยอมคุยด้วยจริงๆแล้ว

    แต่เมื่อเปิดประตูห้องออกมาก็พบกับคนที่เพิ่งกลับเปิดประตูเข้ามาพอดี ชานยอลพองลมเต็มสองแก้มก่อนจะกอดอกเชิดหน้าใส่คนที่หายตัวไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ เมื่อคริสเห็นว่าเจ้าตัวยุ่งงอนก็เดินเข้ามาใกล้ๆพร้อมกับส่งยิ้มมาให้แต่ชานยอลสะบัดหน้าหนีไม่ยอมพูดด้วย ซ้ำยังเบี่ยงตัวหนีอีกตั้งหาก คริสเอื้อมมือออกไปแตะแผ่นหลังช่วงเอวเล็กเบาๆ

    “เพิ่งตื่นเหรอเราน่ะ” ชานยอลพ่นลมออกจมูกก่อนจะสะบัดหน้าหนี ปากอิ่มบึนอย่างงอนๆ แน่นอนคริสมองออกว่าก็แค่แกล้งงอนเท่านั้นแหละ

    “ตื่นนานแล้ว ไปไหนทำไมไม่ปลุก หิวข้าวนะรู้ไหม”

    “เอ๊ะ? เรายังไมได้กินข้าวเหรอ? ทำไมไม่กินล่ะ นี่มันสายแล้วนะ” ชานยอลทำหน้าตกใจ อ้าปากค้างแล้วหันมองคนด้านหลังก่อนที่จะขมวดคิ้วมุ่น

    “ฮยองไปไหนมาแล้วทำไมไม่รับสายผม” ใบหน้าหล่อคมเลิกคิ้วสงสัยก่อนที่จะล้วงหยิบไอโฟนเครื่องสวยออกมา

    “อ้าว ฮยองลืมเปิดเสียงขอโทษนะ เมื่อกี้ฮยองไปฟิตเนสมาน่ะ” ชานยอลมองอีกคนด้วยสายตาน้อยใจก่อนจะเดินเลี่ยงไปนั่งที่โซฟา หมอนใบโตถูกหยิบขึ้นมากอดไว้ คริสเดินตามเจ้าตัวยุ่งมาลงนั่งข้างๆก่อนที่จะก้มหน้าลงส่งยิ้มให้เด็กที่นั่งคู้ตัวกอดหมอนไว้

    “หิวแล้วสิเดี๋ยวฮยองไปทำรามยอนให้กินนะ รอแปบนึงนะ” ว่าแล้วก็ลุกขึ้นเดินไปยังส่วนของห้องครัวทันที ชานยอลเองก็ได้แต่มองตามหลังอีกคนไปด้วยอาการอ้าปากค้าง

    “ก็ไหนฮยองบอกจะทำพาสต้าที่ฮยองคิดสูตรใหม่ให้กินไง ... แล้วปิดเสียงทำไมปกติก็ไม่เคยปิด” ชานยอลเอื้อมหยิบไอโฟนของคริสที่วางไว้บนโซฟามากดเล่น กลีบปากอิ่มแบะออก ดวงตากลมแดงรื้นทันที วันนี้พี่ชักจะลืมผมบ่อยแล้วนะ

    “นี่ผมไม่สำคัญแล้วเหรอ” ชานยอลกดเข้าดูในเมนูตารางงานของเจ้าของเครื่องแล้วไล่สายตาดูว่าเช้านี้คนตัวสูงกว่าต้องทำอะไรบ้าง แต่ในนั้นกลับไม่ได้ระบุไว้เลยว่ามีอะไรที่เกี่ยวกับตัวเองบ้าง ทั้งๆที่ปกติแล้วในตารางนี้จะแพลนไว้ทุกอย่างว่ามีอะไรที่จะต้องทำบ้าง แต่นี่กลับ .. ไม่มีเลย  อาการน้อยใจแล่นจนจุกอกไปหมดแต่เมื่อได้กลิ่นหอมๆของรามยอนและร่างสูงที่เดินไปมาอยู่ในนั้นคนกำลังจะงอนก็ยิ้มกว้างได้แล้ว

    “ไม่เป็นไรหรอกเนอะ” ชานยอลวางเครื่องมือสื่อสารนั้นไว้ที่โซฟาก่อนจะเดินตามกลิ่มหอมๆเข้าไป คริสหันมายิ้มแล้วยกหม้อมาตั้งไว้ที่โต๊ะทานข้าว

    “กินข้าวซะแล้วเดี๋ยวก็ไปเตรียมตัวนะ เราจะไปสนามบินกัน” ชานยอลยิ้มกว้างก่อนที่จะชูสองนิ้วขึ้นมา

    “ผมจัดกระเป๋าให้ฮยองแล้วด้วยล่ะ” คริสทำหน้าแปลกใจก่อนจะเอื้อมมือไปลูบผมนิ่มของคนตรงข้าม

    “จริงน่ะ? เด็กดื้อจัดกระเป๋าให้ด้วย?” ชานยอลพยักหน้ารับ

    “แล้วผมก็เลือกชุดให้ฮยองด้วยล่ะ” คริสหัวเราะเบาๆก่อนจะหันไปหยิบขวดน้ำในตู้เย็นและแก้วน้ำมารินให้เจ้าตัวยุ่ง

    “กินข้าวได้แล้วเดี๋ยวเจอกันนะ” ชานยอลตะเบ๊ะท่าใส่ก่อนจะก้มหน้าก้มตากินรามยอนทันที ก็หิวแล้วนิเนอะ~ คริสเดินอ้อมมาขยี้กลุ่มผมซอยสั้นเบาๆ ทรงผมที่เขาบอกให้ชานยอลเป็นคนตัดเอง พอมองทีไรก็ยิ้มได้ทุกที

    พอชานยอลกินรามยอนหมดก็จัดการเก็บทั้งหมดไปวางไว้ในซิงค์ล้างจาน แน่นอนคนล้างจานต้องไม่ใช่ปาร์คชานยอลเพราะเดี๋ยวคนที่ทำให้เมื่อครู่ก็ออกมาล้างเอง เอ? หรือจะเป็นป้าแม่บ้านนะ เพราะเรากำลังจะไปเที่ยวฮ่องกงกันแล้ว ชานยอลรีบวิ่งไปหยิบไอโฟนของตัวเองที่แผดเสียงร้องดังลั่นมารับสายเมื่อเป็นเสียงแว้ดๆของรูมเมทตัวเล็กก็รีบวิ่งออกจากห้องพักฝั่งเอ็มขึ้นไปห้องพักฝั่งเคของตัวเองทันที

    ลู่หานฮยองยังคงยืนเถียงกับเซฮุนเรื่องชุดที่จะใส่ไป ลู่หานจะให้เจ้ามักแนพันผ้าพันคอไปด้วยแต่เซฮุนไม่อยากพัน ก็เถียงกันไปมาจนฮยองโมโหเขวี้ยงผ้าพันคอใส่อกคนเป็นน้องก่อนจะเดินไปนั่งกอดอกทำหน้ายุ่งที่โซฟา โดยที่ไม่มีใครเข้าไปยุ่งด้วยเลยแม้แต่ซูโฮฮยองที่ยังคงนั่งเล่นเกมกับไคอยู่ ไม่สนใจ

    “เออตามใจ เรื่องของเอ็งแล้วก็ไม่ต้องมาเรียกให้ขึ้นมาอีกนะ ไม่งั้นพ่อจะจับยัดส้วมเลย!” เซฮุนก้มล้มหยิบผ้าพ้นคอที่ตกพื้นขึ้นมาแล้วเดินไปหาลู่หานที่นั่งทำหน้าหงิกก่อนจะยื่นผ้าผืนนั้นให้

    “พันให้ผมหน่อยสิฮะ” แล้วเด็กยานแม่ก็เอียงคอส่งยิ้มหวาน แค่นั้นล่ะคนเป็นพี่ก็ใจอ่อนยวบคว้าผ้าพันคอมาแล้วกวักมือเรียกให้เจ้าตัวมานั่งข้างๆก่อนที่จะพันรอบคอนั้นอย่างอารมณ์ดี

    “รีบไปอาบน้ำแต่งตัวสิ มายืนมองอะไรอยู่ได้ นายน่ะสายทุกทีอ่ะ” แบคฮยอนกอดอกแล้วมองรุมเมทตัวสูงที่เอาแต่มองคู่ที่โซฟาแล้วก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่

    “รู้แล้วน่า บ่นเป็นคนแก่ไปได้” แล้วเจ้าตัวก็หนีเข้าไปอาบน้ำทันที

    ชานยอลเดินออกจากห้องนอนด้วยชุดที่เจ้าตัวแสนจะภาคภูมิใจ ก็แน่ล่ะชุดนี้เจ้าตัวซื้อเองนะ (ชูสองนิ้ว) ซื้อเองแต่ไม่ได้จ่ายเงินเอง เสื้อคอกลมสีขาวเนื้อดีทับด้วยเสื้อฮู้ดแขนยาวสีดำลายสีขาวเท่ๆและทับอีกชั้นแจ็คเก็ตหนังแขนยาวสีดำ กางเกงยีนส์สีกรมท่าที่เข้ากับกระเป๋าเสื้อผ้าและตบท้ายด้วยรองเท้าผ้าใบสีดำจากบ้าน Yo!Chanyeol (ขอบคุณมากครับ *โค้ง*)

    หมุนดูตัวเองในกระจกเป็นรอบสุดท้ายก่อนที่จะเดินออกมาจากห้องนอนก็พบว่าลู่หานฮยองกลับไปแล้วจะเหลือก็แต่ฝั่งเคที่เตรียมพร้อมออกจากหอแล้ว คนตัวสูงเดินเข้าห้องครัวไปหยิบขวดนมมาเปิดดื่มก่อนจะเดินตามซูโฮฮยองออกจากห้อง เพียงเท่านี้เอ็กซ์โซเคก็พร้อมเดินทางไปสนามบินแล้วครับ~

    ด้วยสมาชิกของวงที่มีมากเกินไปจึงไม่พอสำหรับรถแค่คันเดียวดังนั้นจึงต้องแบ่งขึ้นรถแวนสองคัน แต่ก็แน่นอนที่จะต้องไปขึ้นรถที่ลานจอดรถเดียวกันเมื่อลงมาถึงดวงตากลมของเด็กตัวโย่งก็มองไปที่ตุ้ยจางของฝั่งเอ็มพลันขอบตาก็แดงรื้นจนเซฮุนสังเกตเห็นจึงเอื้อมมือมาจับที่ข้อมือก่อนจะตบไหล่เบาๆให้กำลังใจ ดวงตาที่แดงรื้นมองไปที่เจ้ามักแนแสนมึนที่สวมเสื้อคลุมสีเหลืองและพันผ้าพันคอที่ลู่หานฮยองพันให้และฮยองที่สวมสเว็ตเตอร์สีเข้าคู่กันกับเซฮุนที่เจ้าตัวขอ แต่พอเบนกลับไปมองร่างสูงกว่าตนเพียงนิดที่ยืนสั่งงานกับเด็กฝั่งเอ็มแล้ว ...ชุดนั้น ไม่ใช่ชุดที่ผมเตรียมให้ฮยองนิ...

    ดวงตากลมที่รื้นแดงเบนหน้าหนีรอยยิ้มอบอุ่นที่ใครอีกคนส่งมาให้ก่อนที่จะเดินเลี่ยงหนีไปเปิดประตูรถแวนประจำฝั่งเคแล้วก้าวเท้าขึ้นไปนั่งเป็นคนแรก คริสที่กำลังจะเอ่ยปากเรียกก็ชะงักค้างแบบนั้น มินซอกเดินเข้ามาแตะที่แขนของตุ้ยจางแล้วพยักเพยิดหน้าไปทางรถแวนคันนั้น คริสก้าวเท้าเข้าไปหาแต่คนตัวเล็กกว่ากลับนั่งเสียหลังสุดและปิดเปลือกตาเสียบหูฟังเพลงไปเสียแล้ว เจ้าตัวเลยได้แต่เดินกลับไปยังฝั่งของตน

    “ไปได้แล้ว” เสียงของผู้จัดการดังขึ้นและทุกคนก็แยกย้ายกันขึ้นรถของฝั่งตน เพียงไม่นานรถทั้งสองคันก็เคลื่อนตัวมุ่งหน้าไปยังสนามบินอินชอนทันที

    เมื่อเปลือกตาบางเปิดขึ้นหยดน้ำตาก็ไหลรินสู่หน้าตักและก่อนที่ใครจะได้เห็นชานยอลก็ยกหลังมือขึ้นเช็ดมันออก ความน้อยใจไหววูบเข้าสู่หัวใจทันทีที่เห็นชุดที่คนเป็นพี่ใส่ ก็พอจะรู้ว่าตัวเขานั้นด้านแฟชั่นเสื้อผ้าน่ะยังด้อยทักษะอยู่ แต่ทำไมเซฮุนกับลู่หานฮยองยังยอมกันเลย แล้วทำไมพี่ชายที่แสนดีของเขาถึงละเลยเขาแบบนี้

    “เป็นอะไร” และก็เป็นเจ้าเด็กมึนเจ้าเดิมที่เดินอุตส่าห์เดินจากหน้ารถมายังหลังสุดเพื่อมานั่งกับเขา พื้นที่หลังรถที่มีเพียงเขาคนเดียว

    “เปล่าหรอก แค่...” เสียงทุ้มเงียบไป เซฮุนก็ไม่ได้ถามอะไรต่อแค่นั่งข้างๆแล้วจับมือของพี่ชายตัวสูงโย่งมากุมไว้เท่านั้น

    “อ๊ะ..” กายเล็กสะดุ้งเมื่อไอโฟนของตัวเองแผดเสียงร้องของคาคาโอทอล์ค ชานยอลล้วงมือหยิบขึ้นมาเปิดดูก่อนที่จะกัดปากอย่างช่างใจว่าจะตอบดีไหม แต่แล้วความน้อยใจเมื่อครู่ก็แล่นริ้วเข้ามาจึงชะงักมือที่กำลังจะกดตอบ

    ...ชานยอล...
    ...เป็นอะไร...
    ...บอกฮยองสิ...
    ...งอนอะไรฮยองครับ? ...
    ...อย่างอนเลยนะ ฮยองขอโทษ...
    ...เด็กดื้อ อย่างอนกันนะ หื้ม? ...
    ...ตัวเล็กของฮยอง...

    เมื่อรถแวนจอดสนิทที่สนามบินบานประตูก็เปิดออกพร้อมกับเหล่าสมาชิกที่ค่อยๆทยอยกันลงมา คริสที่นั่งอยู่ตรงประตูเป็นคนเปิดประตูและลงมายืนรอคนแรก ส่วนทางฝั่งเคก็เป็นซูโฮที่เดินลงมาก่อนตามด้วยเจ้าแบคฮยอนที่ทำท่าจะหลับเสียให้ได้ คริสยังคงยืนรอคนสุดท้ายของฝั่งเคที่ดูท่าว่าจะลงมาช้าผิดปกติ เมื่อร่างสูงโย่งก้าวออกมาจากรถตู้ คริสก็หมายที่จะเดินเข้าหาแต่ทว่าผู้จัดการทั้งหลายก็เร่งให้เดินเข้าสู่ตัวอาคารแล้ว ดังนั้นเท้าเลยเปลี่ยนเบนกลับมาและก้าวไปยังตัวอาคารเพื่อเช็คอิน

    ชานยอลมองคนที่เดินไปก่อนด้วยแววตาวาวน้ำ ฮยองลืมผมอีกแล้วนะ ฮยองลืมว่าผมสายตาไม่ดีต้องเดินเกาะฮยอง ฮยองลืมว่าผมไม่ชอบเดินเบียดกับคนอื่น ฮยองลืมผมไปแล้ว ชานยอลเร่งฝีเท้าแล้ววิ่งนำไปหาคนที่อยู่ด้านหน้าทันที

    “มินซอกฮยอง!” ชานยอลวิ่งตัดหน้าคริสไป

    “รอผมด้วยครับ” คริสที่เดินช้ารีรอให้น้องชายตัวป่วนเข้ามาหาแต่เปล่าเลย ร่างสูงน้อยกว่าตนเพียงนิดหน่อยกลับวิ่งตัดหน้าไปเกาะแขนของพี่ใหญ่แทนเสียนี่ ดวงตาคมทอแววไม่เข้าใจ มองคนตัวเล็กด้านหน้าที่เดินเกาะแขนมินซอกเข้าตัวอาคารไป คิ้วเรียวได้รูปขมวดมุ่นอย่างไม่เข้าใจว่าวันนี้เจ้าตัวป่วนของเขาเป็นอะไรไป

    ตอนนี้ดวงตาแสนทรงเสน่ห์ของคริสกลับเอาแต่จับจ้องไปที่ร่างของเจ้าตัวเล็กของตนที่เดินเกาะคนอื่น ตุ้ยจางกำลังไม่เข้าใจว่าตัวเองทำอะไรผิดให้เจ้าตัวดีโกรธหรือเปล่าหรืออาจจะเป็นเพราะเรื่องเมื่อเช้ากัน หรืออะไรที่ทำให้เจ้าเด็กติดเขากลายเป็นไปเกาะติดคนอื่นแบบนี้ ตอนนี้ตุ้ยจางกำลังอารมณ์ไม่ดีอย่างมากโดยที่เทาเองก็ไม่กล้าเข้าใกล้มากนักหรือแม้แต่อี้ชิงที่เดินอยู่ข้างหลังยังต้องเดินแทรกหน้าขึ้นไปเพราะไม่อยากเฉียดใกล้

    คริสหันไปโบกมือให้แฟนคลับและโปรยรอยยิ้มให้ แต่ดวงตาคู่คมของเขากลับฉายแววแข็งกระด้างและหงุดหงิดที่ตัวเล็กของเขากลับเดินลิ่วๆไม่รอใครตามมินซอกและคนอื่นๆ แม้ว่าปกติเจ้าตัวเล็กจะเดินเร็วอยู่แล้วแต่มินซอกที่ขาสั้นกว่ารายนั้นเดินเร็วเสียอย่างกับวิ่งแล้วชานยอลจะตามทันหรือเปล่า จะหกล้มไหมนะ ว่าไม่ทันขาดคำเจ้าตัวดีก็เกือบจะสะดุดแล้วติดก็แต่ที่ข้างๆนั้นมีลู่หานและอี้ชิงคอยกั้นไว้อยู่ ไม่เช่นนั้นชานยอลคงล้มกองกับพื้นไปแล้ว บอกตามตรงตอนนี้คริสอารมณ์ไม่ดีเลย..

    บนเครื่องบินชานยอลก็เดินเลี่ยงเขาไปนั่งแล้วหยิบไอพอดมาเสียบหูฟังเปิดเพลงฟังทันทีแล้วก็หยิบไอแพดมินิที่เพิ่งได้มาเปิดเล่นเกมโดยที่ไม่สนใจคริสที่ยืนอยู่ใกล้ๆกับเบาะที่นั่งเลยแม้แต่น้อย อาการเมินแบบนี้ไม่ใช่ว่าตัวเขากับชานยอลจะไม่เคยงอนกันแต่ทว่าครั้งนี้คริสรู้สึกว่ามันต่างไป ตัวเล็กดูอารมณ์ไม่ดีมากๆและที่สำคัญขอบตาแดงๆนั่นอีก ปกติก็แค่แกล้งงอนไปอย่างนั้นให้อีกคนฝ่ายมาง้อแต่ครั้งนี้มันไม่ใช่

    “ชานยอล” ลองเรียกแต่ก็ไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับมาดังนั้นคริสเลยเลี่ยงไปนั่งที่ของตนเพราะใกล้เวลาที่เครื่องจะออกแล้ว

    เมื่อลงนั่งแล้วเจ้าตัวก็รู้สึกอึดอัดไม่ใช่เพราะเสื้อผ้าแต่เป็นอะไรบางอย่างที่ก่อกวนจิตใจมากกว่า มือเรียวเลยค่อยๆปลดกระดุมแล้วถอดเสื้อโค้ทที่ใส่มาออกพาดไปอีกฝั่งที่ไร้คนนั่งก่อนที่จะหลับตาแล้วถอนหายใจเสียเฮือกใหญ่อย่างคิดไม่ตกว่าคนตัวเล็กนั่นโกรธอะไร

    ชานยอลเหลือบตามองคนที่เดินกลับไปนั่งที่แล้วก็แบะปากก่อนที่จะนั่งเล่นไอแพดของตัวเองต่อไป จะว่าน้อยใจก็ใช่ จะว่าโกรธก็ใช่อีกนั่นแหละ มีอย่างที่ไหน อุตส่าห์เลือกชุดให้ใส่แต่เจ้าตัวดันเอาชุดอื่นมาใส่แทนเสียนี่ ไม่รู้ว่าในกระเป๋านั้นเอาอะไรออกบ้างหรือเปล่าเพราะชานยอลยัดเสื้อผ้าลงไปหลายชุดอยู่ ใส่หรือไม่ใส่ชานยอลไม่คิดอะไรหรอกแต่ชุดที่เตรียมให้น่ะทำไมไม่ใส่ แค่คิดหยดน้ำตาก็จะไหลอีกแล้ว..

    ชานยอลไม่รู้ว่าเครื่องบินบินมากี่ชั่วโมงถึงจะถึงสนามบินของฮ่องกงเพราะพอเล่นเกมจนเบื่อก็พล็อยหลับไปและคนที่มาสะกิดเรียกให้ตื่นก็ไม่ใช่ใครที่ไหน ร่างสูงยาวพร้อมกับรอยยิ้มอบอุ่นที่ก้มลงมาหาเสียแทบชิด เรียวปากได้รูปวาดส่งรอยยิ้มมาให้พร้อมกับเสียงกระซิบข้างหูว่าให้ตื่นได้แล้ว ชานยอลมองซ้ายขวาก่อนที่จะคว้ากระเป๋าแล้วลุกขึ้นเดินไปหาซูโฮที่กำลังเดินผ่านมาพอดี

    “ฮยองไปด้วย~” และก็เป็นอีกครั้งที่ชานยอลเดินตัดหน้าคริสไปหาคนอื่น

    ระหว่างทางที่เดินออกมาเพื่อขึ้นรถแวนไปโรงแรมนั้นชานยอลก็เดินตามหลังคนอื่นๆไปโดยที่ไม่หันมามองคนที่เดินปิดท้ายหลังสุดผิดวิสัยท่านผู้นำที่จะเดินนำเหล่าเมมเบอร์เลย คริสพยายามเดินช้าๆเพื่อที่จะรั้งท้ายและคอยดูเจ้าตัวยุ่งที่ทำเป็นเก่งเดินเองคนเดียว เมื่อออกไปถึงรถที่จะพาไปยังโรงแรมก็ต้องแยกเป็นสองคันอีกครั้ง ตุ้ยจางถอนหายใจอีกครั้งก่อนจะก้าวขึ้นรถไป ...ยังไงคืนนี้ก็ต้องคุยกันให้รู้เรื่อง...

    ตลอดจนจบมื้อเย็นที่ห้องอาหารของโรงแรมชานยอลก็ไม่ได้เดินเฉียดเข้าไปใกล้คริสเลย แม้ว่าคริสจะเดินเข้าไปหา เรียกชื่อแต่แฮปปี้ไวรัสก็เดินหน้ามุ่ยไปทางอื่น ตอนแรกทุกคนก็ไม่รู้หรอกว่าคู่แร๊พเสาไฟฟ้าประจำวงกำลังงอนกันอยู่แต่ตอนนี้ทุกคนรู้แล้วก็ตอนที่ชานยอล แบคฮยอนและคยองซูลุกขึ้นไปตักอาหารแล้วคริสเดินมาขวางหน้าชานยอล เจ้าตัวก็ผลักอกตุ้ยจางเสียแทบกระเด็น ชัดเลย แจ่มแจ๋วเลย ...

    หลังจากมื้ออาหารสมาชิกเอ็กซ์โซทั้งสิบสองคนก็ขึ้นไปยังห้องพักที่ได้จัดเตรียมไว้ให้ ชานยอลดึงแบคฮยอนคว้ากุญแจจากซูโฮได้ก็เปิดเข้าไปทันที ทิ้งให้คนอื่นๆมองตามไป คริสหันมามองยังด้านหลังที่ตอนนี้สายตาทุกคู่จับจ้องมาที่ตัวเขาก่อนที่จะเลิกคิ้วแล้วยิ้มบางคล้ายจะถามว่ามีอะไร

    “ไปทำอะไรให้เจ้าชานยอลมันโกรธห๊ะคริส” เป็นลู่หานที่ถามออกมาก่อน คือคันปากอยากถามมานานมากแล้วไงแต่ไม่กล้าถาม แต่คนโดนถามกลับส่ายหน้าไปมา

    “ไปง้อน้องมันซะ ถ้าพรุ่งนี้ไม่หายนะนายโดนแน่คริส .. คืนนี้นายนอนกับฉันนะ ไปง้อซะไม่กลับห้องก็ตามสบาย” มินซอกหยิบกุญแจจากมือของคริสแล้วเดินไป ใครก็รู้ว่ามินซอกน่ะหวงชานยอลจะตาย ถึงจะไม่ค่อยได้คุยกับน้องมากมายแต่มินซอกก็เอ็นดูชานยอลที่สุด (มากกว่าจงแดเสียอีก แต่อย่าบอกเจ้าจงแดนะเดี๋ยวเด็กมันน้อยใจ(แล้วหน้าแก่กว่าเดิม คิๆ))

    เมื่อทุกคนแยกย้ายกันเข้าห้องคริสก็เดินไปหน้าห้องแล้วลองโทรเข้าไปหาแบคฮยอนแล้วบอกน้องให้มาเปิดประตูก่อนจะคุยอะไรนิดหน่อย คริสก็ได้เข้ามาอยู่ในห้องของชานยอลและแบคฮยอนแล้ว เสียงน้ำในห้องน้ำบอกให้รู้ว่าใครอีกคนกำลังอาบน้ำ คริสเดินไปนั่งรอที่ปลายเตียงที่เคยเป็นของแบคฮยอนมาก่อน (แม้จะแค่ไม่กี่นาทีก็ตาม)

    “เฮ้ย!!!” ชานยอลที่แต่งตัวเรียบร้อยเดินเช็ดผมออกมาจากห้องน้ำ พอเงยหน้าขึ้นก็ต้องสะดุ้งตกใจที่รูมเมทไซส์มินิของตัวเองขยายร่างกลายเป็นไซส์ใหญ่ไปเสียนี่ ก่อนที่จะสะบัดหน้าหนีไป คริสลุกขึ้นเดินเข้ามาหาแล้วหยิบผ้าเช็ดผมในมือของชานยอลมาเช็ดผมให้ ดวงตากลมเหลือบมองก่อนที่จะเบนไปทางอื่นเมื่อกลีบปากสวยนั้นวาดรอยยิ้ม

    “เข้ามาทำไม แล้วแบคฮยอนฮยองไปไหน” คริสละมือที่กำลังเช็ดเส้นผมนุ่มออกแล้วพาเดินจูงคนงอนที่ยังมีผ้าเช็ดผมโปะอยู่บนหัวให้มาลงนั่งที่ปลายเตียงแล้วตนก็ยืนซ้อนอยู่ด้านหลังเช็ดขยี้เส้นผมนิ่มอย่างเบามือ

    “ไปนอนกับมินซอกฮยองน่ะ” ชานยอลพยักหน้ารับรู้ก่อนที่จะยกนิ้วขึ้นชี้หาคนตรงหน้า

    “แล้วฮยองน่ะมาทำไม” คริสพาดผ้าชื้นๆไว้ที่ไหล่ก่อนจะจับนิ้วที่ชี้มาหาตนไว้แล้วโน้มตัวลงยิ้มให้คนที่นั่งทำหน้าบูด

    “มาง้อตัวเล็ก” ชานยอลแลบลิ้นใส่ก่อนจะผลักคนมาง้อให้ออกไปไกลๆก่อนจะลุกขึ้นไปหยิบน้ำในตู้เย็นมาดื่ม

    “ไม่ให้ง้อ กลับไปเลยเอาแบคฮยอนฮยองคืนมาด้วย” คริสเดินมาใกล้แล้วดึงอีกคนมากอดก่อนจะลูบแผ่นหลังเล็กเบาๆ อีกมือก็ลูบกลุ่มผมที่แห้งแล้ว

    “ไหนงอนอะไรบอกฮยองหน่อยสิ” ชานยอลพ่นลมออกจมูกก่อนจะยู่ปากไม่ยอมพูด

    “บอกหน่อยนะ ยอมรับผิดทุกอย่างเลย ..นะครับ” ชานยอลผละออกจากอ้อมกอดแล้วทุบลงที่อกของคนตรงหน้าไม่แรงแต่ก็ไม่เบานักหลายๆที

    “ฮยองอ่ะใจร้าย!! ฮยองลืมผม ฮยองทิ้งผมไว้คนเดียว ฮยองนิสัยไม่ดี ผมไม่สำคัญแล้วใช่ไหม!!” ว่าไปก็ทุบไปจนคริสต้องหยุดมือที่ทุบลงมาเพราะมันเริ่มจะทวีความแรงและเจ็บจริง

    “ไหนใครใจร้าย ฮยองทำอะไรที่ใจร้าย” ชานยอลสะบัดมือที่จับข้อมือตนออกแล้วเดินกลับไปนั่งกอดอกทำหน้ามุ่ยที่ปลายเตียง คริสเดินมาลงนั่งที่พื้นตรงหน้าคนที่งอนตุ๊บป่อง สองมือของมือวางไว้ที่หน้าขาของน้องที่สะบัดหน้าหนี

    “หื้ม? ฮยองทำอะไรครับ บอกมาเลยยอมรับผิดทุกอย่างเลย” ชานยอลเหลือบตาลงมองคนที่นั่งยิ้มอยู่ด้านล่างก่อนจะสะบัดหน้าเชิด

    “ก็ฮยองน่ะไม่ยอมปลุกผมแถมยังหนีออกไปฟิตเนสอีก เสียงก็ไม่ยอมเปิดผมโทรหาตั้งหลายสาย บอกว่าจะทำพาสต้าให้กินก็ได้รามยอนมาแทน พอผมจัดเสื้อผ้าให้ฮยองก็ไม่ยอมใส่ ตอนที่สนามบินก็เดินทิ้งผมไม่ยอมรออีก!!” สาธยายความน้อยใจไป ขอบตาก็แดงรื้น คริสจับมือเรียวมากุมไว้ก่อนจะก้มหน้าสำนึกผิด ก็วันนี้ตนลืมชานยอลจริงๆนี่นะ ผิดเต็มประตูเลย

    “ฮยองขอโทษนะ ฮยองไม่ได้ลืมตัวเล็กนะ” ชานยอลก้มลงมองคนที่นั่งก้มหน้าก่อนจะหันหน้าหนีเมื่ออีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นมา

    “ฮยองเห็นตัวเล็กนอนหลับสบายฮยองไม่อยากกวน ส่วนพาสต้าน่ะฮยองทำไม่ทันเรามีเวลาแค่นิดเดียวเองเดี๋ยวกลับไปจะทำให้กินนะ ส่วนปิดเสียงต่อไปนี้ฮยองจะไม่ปิดเสียงอีกแล้วก็ไม่ให้มือถือห่างตัวอีกเลยนะแล้วก็ต่อจากนี้จะเดินรอชานยอลด้วย .. นะ อย่างอนฮยองเลยนะ ฮยองจะไม่ทิ้งตัวเล็กแล้วนะ ยิ้มให้ฮยองหน่อยเร็ว~” ชานยอลก้มลงมองตุ้ยจางฝั่งเอ็มที่ส่งยิ้มเสียจนเห็นเหงือกมาให้แต่ชานยอลกลับไม่สนใจ

    “ผมไม่ยิ้ม ผมโกรธมาก ผมไม่หายโกรธง่ายๆหรอก” คริสจับมือที่ตนกุมไว้ทั้งสองข้างแกว่งขึ้นลงเบาๆแล้วเอียงคอ

    “เอ~ ไม่รู้ว่าฮยองจะง้อตัวเล็กยังไงดีน๊า~ ไหนบอกหน่อยสิต้องทำยังไงถึงจะหายโกรธน๊า~” คริสจับสองมือนั้นเขย่าซ้ายที ขวาทีซึ่งชานยอลก็เกือบหลุดยิ้มออกมาแล้วแต่ก็ยังกระแอมแล้วเชิดหน้าหนี

    “แล้วฮยองคิดว่าฮยองจะทำได้เหรอ?” ดวงตากลมเหลือบมองคนด้านล่างด้วยหางตา ซึ่งคริสเองก็ยิ้มกว้างแล้วพยักหน้า

    “ได้สิขอแค่ให้ตัวเล็กบอกมา”

    “ทำผมทรงหมูหยองมาง้อผมสิ ผมชอบให้ฮยองทำทรงนี้นะฮยองน่ารักดี” แต่คนต้องทำผมทรงหมูหยองน่ะได้แต่นั่งกระพริบตาปริบๆ เพราะเจ้าตัวคิดว่าทรงนี้ไม่มีใครทำแล้วน่ารักได้เท่าชานยอลหรอกแต่จะให้คนอย่างอู๋อี้ฟานทำน่ะนะ อะหื้อ... เอาถังขยะมาปาใส่หน้าดีกว่าครับ!

    “ฮยองไม่กล้าล่ะสิ ถ้าไม่ทำผมก็ไม่หายโกรธ”

    และคืนนั้นชานยอลก็เข้านอนด้วยรอยยิ้มที่แอบไม่ให้คนที่ทำหน้านิ่วนั้นได้เห็น ชานยอลรู้ว่าไม่ว่ายังไงพี่ชายแสนดีของเขาต้องทำมาง้อเขาแน่นอนเพราะไม่มีสิ่งไหนที่หลุดออกจากปากปาร์คชานยอลแล้ว คริสตุ้ยจางจะไม่ยอมทำ คืนนี้ทั้งสองนอนหลับบนเตียงของแต่ละคนด้วยความรู้สึกที่แตกต่าง ...

    เช้าวันใหม่ก็ยังคงเป็นหน้าที่ของคริสที่จะต้องปลุกเจ้าตัวดีให้ลุกขึ้นเพื่อไปซ้อมและเตรียมตัวเข้าแถลงข่าว เมื่อเสร็จธุระส่วนตัวแล้วเหล่าสมาชิกเอ็กซ์โซทั้งสิบสองคนก็ลงมาร่วมทานมื้อเช้าก่อนที่จะไปยังสถานที่จัดงานประกาศรางวัล MAMA ในครั้งนี้ ... ตื่นเต้นจังเลยนะ พวกเราจะได้รางวัลกันไหมนะ~

    ภายในห้องแต่งตัวที่แสนจะวุ่นวาย เหล่าสไตล์ลิสก็รุมกันแต่งหน้าทำผมให้เหล่าสมาชิก ชานยอลพยายามที่จะเหลือบตาไปมองร่างของตุ้ยจางอีกฝั่งของมุมห้องแต่ก็โดนพี่ช่างแต่งหน้าดุเอาทุกทีเลย จึงได้แต่นั่งสงบเสงี่ยมเจียมตัวอยู่ที่เก้าอี้ตัวเอง แก้มขาวพองออกเมื่อนึกถึงภาพทั่วหน้าวงจะทำผมทรงหมูหยอง แค่คิดก็ขำแล้ว~

    แต่ทว่าเมื่อออกมาจริงๆมันก็ยังไม่ใช่อยู่ดี ก็แค่ทำข้างหน้าให้หยิกนิดๆ ใบหน้าน่ารักงอง้ำอีกครั้งก่อนจะเดินหนีไป ก็คิดว่าจะทำเยอะกว่านี้แต่ทำแค่นี้มันจะใช่ได้ยังไง ทีเขายังตัดผมตามใจตุ้ยจางได้เลย และแน่นอนซึ่งคริสก็ไม่ปล่อยให้เดินหนีไปไหนได้ไกลคว้าข้อมือเล็กรั้งไว้ก่อนจะมองสบดวงตากลมที่ฉายแววไม่พอใจอย่างมาก

    “จะไปไหน หื้ม?” ชานยอลเหลือบตามองทรงผมของคนรั้งข้อมือไว้ก่อนจะสะบัดออก

    “ไม่รู้” แล้วก็เดินหนีไปเลย คริสเองก็ได้แต่ยกมือขึ้นเกาหัว ก็นะ สงสัยจะไม่พอใจแต่ก็แบบว่าขอทำใจก่อนได้ไหมล่ะ

    หลังจากที่แต่งตัวเสร็จก็โดนเรียกสัมภาษณ์ก่อนนอกรอบทันที เมื่อเสร็จก็ต้องเตรียมตัวเข้าห้องแถลงข่าวต่อ ตลอดงานแถลงคริสจะเดินตามชานยอลไม่ห่าง หันมองคนข้างกายบ่อยครั้งแม้ว่ายามปกติแล้วทั้งสองจะลอบมองกันและกัน เมื่อคริสหันมาชานยอลจะหลบสายตา และเมื่อชานยอลหันไปคริสเองก็จะหลบสายตาด้วยเพราะเขินอายที่อีกฝ่ายจ้องมอง ชานยอลมักจะคิดเสมอว่าคริสนั้นแสนเท่ หล่อและเพอร์เฟ็ค ส่วนคริสก็มักจะคิดว่าชานยอลน่ะยิ้มกี่ครั้งโลกใบนี้ก็สดใสขึ้นมาเสียทุกครั้ง

    คริสอยากขอความสดใสนั้นมาแบ่งปันให้ตนเองบ้าง แต่จนแล้วจนรอดไม่ว่าจะมองตากี่ครั้งคนข้างกายก็ไม่หันหน้ามามองเลยแม้แต่เล็กน้อย เพียงแค่เหลือบก็แทบจะไม่มี จนมีอยู่ช่วงหนึ่งที่คริสเผลอเพราะกำลังตอบคำถามของพี่สื่อมวลชลอยู่นั้น ดวงตากลมสุกใสนั้นก็หันมองพร้อมกับรอยยิ้มบางๆแม้ดวงตาจะไม่ได้หวานซึ้งเหมือนทุกครั้งแต่ก็พาให้คนมองยิ้มตอบกลับมาได้ .. แต่ก็เพียงแค่ครั้งเดียว อาจจะเพราะชานยอลเผลอไผลไปกับน้ำเสียงแสนนุ่มทุ้มนั้นก็เป็นได้

    แม้ว่าคริสจะพยายามมองตาอีกฝ่ายอยู่หลายครั้ง แม้ว่าอีกครั้งที่หันมามองกันแล้วจะสะบัดหน้าหนีก็ตาม หลังจากสัมภาษณ์เสร็จคริสก็ไม่ยอมให้ชานยอลเดินไปไหนไกลเกินกว่าห้าก้าวเลย แฮปปี้ไวรัสเดินเลี่ยงหมายว่าจะไปห้องน้ำแต่ก็โดนฉุดข้อมือไว้อีกครั้ง

    “จะไปไหนครับ” ชานยอลแบะปากออกก่อนจะตอบเสียงสะบัด

    “ไปห้องน้ำ!!” และแน่นอนคนที่บอกว่าจะไม่ทิ้งกันก็เดินตามไปด้วย


    “นายแกล้งตุ้ยจางเยอะไปหรือเปล่า” อยู่ๆแบคฮยอนก็เอ่ยถาม ชานยอลเงยหน้าขึ้นจากไอแพดของตัวเองแล้วเลิกคิ้วถามรูมเมทตัวเล็กที่ยืนกอดอกทำปากเชิด

    “เอ๊ะ? ใครแกล้งอะไร?” ชานยอลเอียงคออย่างสงสัย คือไม่เก็ทไง อะไรใครแกล้งใคร?

    “ก็ที่ทำอยู่นี่น่ะ!” ชานยอลแบะปาก

    “ใครว่าผมแกล้งล่ะ ผมโกรธอยู่ตั้งหาก” แบคฮยอนยักไหล่อย่างไม่สนใจก่อนที่จะเอ่ยถามอะไรบางอย่าง

    “แล้วนี่ตุ้ยจางไปไหนล่ะ? เราต้องเปลี่ยนชุดเตรียมไปเดินพรมแดงแล้วนะ” ชานยอลมองซ้าย ขวาก่อนจะส่ายหน้า ไหนว่าจะไม่ทิ้งแล้วไงแค่นี้ก็ผิดคำพูดอีกแล้ว ดวงตากลมฉายแววขัดใจอีกครั้ง

    “ไม่รู้สิฮะ” ไหวไหล่ไม่สนใจแต่สีหน้าและท่าทางออกอาการขัดใจอย่างเห็นได้ชัด แบคฮยอนเลยไม่ได้ใส่ใจอีกจะมีก็แต่เซฮุนและคยองซูที่เดินเข้ามาคุยด้วย

    “เอ้าๆไปเปลี่ยนชุดได้แล้ว!!” เสียงของผู้จัดการดังขึ้นแล้วทุกคนก็เตรียมเข้ามุมเปลี่ยนชุดเป็นสูทขาวทันทีเพื่อขึ้นเดินงานพรมแดงกัน ...ตื่นเต้นจังแหะ แล้วนี่คริสฮยองหายไปไหนเนี่ย...

    เมื่อทุกคนแต่งตัวเสร็จก็พากันเดินออกไปขึ้นรถแวนที่ทางงานจัดเตรียมไว้รับส่งเพื่อจอดหน้าพรมแดง ไม่รู้ว่าตุ้ยจางหายไปไหนแต่ผู้จัดการก็ไม่ได้ถามหรือตามหา มีก็แต่ชานยอลที่หันซ้ายแลขวามองหาร่างสูงยาวนั้นแต่ก็กลับไม่เห็น เมื่อเดินมาถึงรถแวนของทางงาน MAMA แล้ว เมื่อบานประตูเปิดออกก็เจอเข้ากับร่างของตุ้ยจางที่สวมสูทขาวเรียบร้อยนั่งรออยู่ในรถกับทรงผมที่เปลี่ยนใหม่ ทุกสายตาที่มองแล้วหันมามองชานยอลก่อนที่จะยิ้มๆอย่างรู้กัน

    เส้นผมสีทองสว่างที่เคยหยิกน้อยๆแค่ด้านหน้าตอนนี้หยิกหยอยทั้งหัวและแทรกกลาง คล้ายกับทรงที่ชานยอลเคยทำเมื่อนานแล้ว ชานยอลมองผมทรงนั้นอ้าปากค้าง คริสยื่นมืออกมาหาชานยอลที่ยังคงยืนนิ่ง มือเล็กเอื้อมมามาวางบนฝ่ามือใหญ่ก่อนที่ตุ้ยจางของวงจะดึงคนที่ยังยืนอ้าปากค้างตกใจให้ขึ้นมานั่งด้วยกัน เมื่อทุกคนขึ้นรถและเตรียมพร้อมแล้ว รถแวนทั้งสองคันก็พร้อมออกเดินทาง (จริงๆก็แค่วนขึ้นไปชั้นดาดฟ้าที่เป็นสถานที่จัดงานเท่านั้นเอง)

    “ผมของฮยอง...” ชานยอลมองทรงผมของอีกคนอย่างตกใจไม่หาย ไม่คิดว่าคริสจะกล้าทำทรงนี้ที่เหมือนเขาเด๊ะๆขนาดนี้ คริสส่งยิ้มเขิน

    “ดูดีไหม? ฮยองไม่ค่อยมั่นใจเลยแหะ” ชานยอลยิ้มกว้าง ทั้งดวงตาและกลีบปากอิ่ม

    “หล่อที่สุดเลยฮะ!!” นี่ถ้าไม่กลัวว่าชุดจะยับนะ ชานยอลโถมตัวกอดไปแล้ว!!

    เมื่อรถจอดสนิท บานประตูเปิดออกคริสก็เดินนำหน้าเหล่าสมาชิกเข้าสู้พรมแดงของงานทันที ทั้งเสียงปรบมือ เสียงกรี๊ดของแฟนคลับและเสียงแฟลชจากกล้องนักข่าวดังขึ้นไม่ขาดสาย ชานยอลที่เดินตามหลังในระยะที่ห่างกันแค่ห้าก้าวเดินนั้นมองทรงผมคนข้างหน้าแล้วก็อมยิ้มอย่างถูกใจจนเดินเลยจุดมาร์คที่ต้องถ่ายรูปเสียอย่างนั้น นี่ถ้าไม่ได้พี่นักข่าวเรียกชานยอลเดินเอ๋อเลยไปแล้วนะ ..ก็ใครใช้ให้คริสฮยองทำผมทรงหมูหยองแล้วหล่อกันล่ะ!!..

    ถ่ายรูปเพียงไม่นานก็ต้องเดินต่อขึ้นเวทียกสูงเพื่อไปให้สามพิธีกรสัมภาษณ์อีกสักเล็กน้อย ทั้งสามถามอะไรชานยอลก็ไม่รับรู้หรอกว่าเขาถามอะไรก็ได้แต่พยักหน้าไปหรือแม้แต่ใครเป็นคนตอบคำถาม รอยยิ้มกว้างถูกส่งให้กล้องรอยยิ้มแล้ว รอยยิ้มเล่าแต่ชานยอลก็ไม่สามารถสบตากับคนข้างกายได้เลย มีหลายครั้งที่คริสเอื้อมมือมาแตะเขาที่ช่วงเอวด้านหลัง คงจะไม่มีใครเห็นแต่ชานยอลรับรู้ ...นี่ผมบอกหรือยังนะว่าคริสฮยองใส่สีขาวแล้วเท่ที่สุดเลย~... ชอบทุกอย่างที่รวมกันเป็นคริส ชอบทุกกิริยาที่ตุ้ยจางแสดง และชอบสีขาวที่คนๆนี้ใส่แล้วดูราวกับภาพวาด ชอบทั้งหมดที่เป็นอู๋อี้ฟาน

    จนถึงคิวของคริสที่ต้องตอบคำถามบ้าง ชานยอลได้ยินเสียงทุ้มนั่นชัดเจน ความอบอุ่นที่ลอยผ่านมานั้นชานยอลได้รับมันเต็มๆ กลีบปากบางถึงได้วาดรอยยิ้มกว้างแล้วหันมองคนข้างกายอยู่บ่อยครั้ง แอบมองบ่อยเสียจนเจ้าตัวรู้สึกตัว คริสหันกลับมาสบตาแต่อีกฝ่ายก็หันหน้าหนีเสียแล้ว แก้มขาวที่แดงระเรื่อแม้ใครจะมองมันไม่เห็นหรือแม้แต่กล้องอาจจะซูมไม่เห็นแต่ดวงตาคมของคริสที่ไม่เคยละสายตาจากชานยอลมองเห็นมัน ชานยอลคงไม่รู้ตัวว่าตอนนี้คริสถอยเท้าก้าวไปยืนอยู่ด้านหลังแล้ว ปลายเรียวนิ้วแอบสัมผัสที่เอวเล็กเบาๆ ก่อนที่ทั้งสิบสองคนจะต้องเดินลงจากเวทีนี้เพื่อเข้างานจริงๆเสียที

    ตลอดทางเดินที่เดินจากพรมแดงเพื่อเข้างานนั้น คริสเดินตามหลังชานยอลตลอดและตอนนี้ระยะของทั้งคู่คือแค่สองก้าวเท่านั้น แม้จะยังโมโหอยู่บ้างแต่อารมณ์โกรธนั้นหายไปหมดแล้วแค่เห็นร่างสูงกว่าหนีแอบไปทำผมทรงใหม่แค่นี้ชานยอลก็อยากจะโห่ร้องอย่างดีใจแล้ว ปาร์คชานยอลไม่ใช่เด็กนิสัยเสีย ไม่ใช่เด็กเอาแต่ใจ แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไมเวลาที่อยู่ใกล้คริสแล้วถึงกลายเป็นเด็กนิสัยเสียและเอาแต่ใจก็ไม่รู้ หรืออาจจะเพราะโดนตามใจมากไปก็ได้มั้ง

    เมื่องานประกาศรางวัลเริ่มตุ้ยจางก็เดินนำทุกคนเข้ามานั่งในโซนพื้นที่ของศิลปิน ชานยอลเดินตามคริสไปและลงนั่งข้างกันตามด้วยเซฮุนและลู่หาน หลายครั้งที่ชานยอลแอบเหลือมองคนข้างกายแล้วยิ้มออกมา คริสเองแม้จะไม่หันกลับมามองอีกคนแต่กลีบปากได้รูปก็ยกยิ้มเช่นกัน ชานยอลหันไปคุยเล่นกับเซฮุนแล้วมองเส้นผมของเซฮุนใกล้ๆว่าจะบอกให้ทำผมทรงเดียวกันจะได้มีสามหมูหยองด้วยกันแต่ทว่ากลับโดนคนข้างตัวสะกิดเรียกเสียก่อน

    “ฮะ?” ชานยอลเอียงตัวเข้าไปใกล้ๆเพื่อรอฟังว่าอีกคนจะพูดว่าอะไร

    “อย่าใกล้คนอื่นมากได้ไหม ไม่รู้ทำไมแต่ฮยองหวงตัวเล็กนะ” ไม่รู้แล้วว่าตอนนี้ใครกำลังทำการแสดง ไม่รู้แล้วว่ารอบข้างกรี๊ดเสียงดังแค่ไหนแต่ตอนนี้ชานยอลได้ยินแค่เสียงนุ่มทุ้มชิดริมหู ตากลมกระพริบตาปริบๆมองคนข้างกายก่อนที่จะหันหน้าหนีไปอีกทาง

    “ถึงฮยองจะทำผมทรงหมูหยองมาง้อผมแล้วแต่ก็ใช่ว่าผมจะหายโกรธทั้งหมดนะ” คริสยิ้มก่อนที่จะโน้มตัวมากระซิบชิดริมหูเด็กดื้อในปกครอง

    “ให้ฮยองทำอะไรก็ยอมหมดล่ะ เดี๋ยวกลับไปจะพาไปกินชาบูนะ ..แค่สองคน” ชานยอลไม่ยอมตอบและไม่ยอมหันไปด้วยแต่ก็พยักหน้ารับไปแล้ว คริสอาจจะไม่เห็นรอยยิ้มของเจ้าเด็กดื้อแต่เซฮุนกับลู่หานที่แอบเอียงหูฟังได้ยินและเห็นทุกอย่าง พี่ใหญ่กับน้อง(เกือบ)เล็กงอนง้อกันเป็นอะไรที่จั๊กกะจี้หัวใจดีเหมือนกันนะ~

    “ฮยอง~~” อยู่ๆระหว่างที่นั่งดูการแสดงชานยอลก็หันมาเขย่ามือของคนเป็นพี่ที่นั่งดูการแสดงเบาๆ

    “หื้ม?” ชานยอลยิ้มกว้างแล้วโน้มตัวไปข้างหน้าหันมองอีกฝ่าย

    “ทำผมทรงต้านลมกันไหม? ผมชอบนะ ฮยองหล่อดี” ชื่อทรงผมแปลกๆที่ชานยอลตั้งและเรียก บางทีก็เกือบไม่เข้าใจนะ แต่ถ้าจะอยู่ด้วยกันได้ก็คงจะสปีชีย์เดียวกันนั่นล่ะ

    “เอาสิ แล้วแต่ตัวเล็กเลย จัดการได้เลยครับ” แค่นั้นแหละเจ้าตัวเล็กของตุ้ยจางก็ยิ้มกว้างอย่างชอบใจแล้วหันไปปรบมือกับการแสดงตรงหน้าต่ออย่างอารมณ์ดี ตอนนี้ทั้งนัยน์ตาหวานและเรียวปากอิ่มก็ยิ้มได้เหมือนเดิมแล้ว กลับมาเป็นปาร์คชานยอลแฮปปี้ไวรัสคนเดิมแล้ว

    “ว่าแต่กลับไปอย่าลืมชาบูผมนะ~” คริสหลุดยิ้มขำก่อนจะแบมือไว้ตรงหน้าชานยอลที่รู้สัญญาณนั้นดีวางมือบนฝ่ามือใหญ่นั้นตอบ

    “แน่นอนฮยองไม่ลืมครับ เดี๋ยวจดใส่ไอโฟนได้เลย” แล้วชานยอลก็ยิ้มกว้างอย่างอารมณ์ดี

    นั่งดูการแสดงไปเรื่อยๆแล้วผู้จัดการเจ้าเก่าคนเดิมก็มาเรียกให้ไปเปลี่ยนชุดเตรียมขึ้นแสดง คืนนี้เอ็กซ์โซทั้งสิบสองคนต้องเต้นร่วมกับรุ่นพี่อย่างชายนี่และชุดที่ใส่ขึ้นเต้นโชว์ก็แบ่งเป็นสองฝั่ง ฝั่งเคสีแดงและฝั่งเอ็มสีดำ ทั้งหมดวิ่งกลับมาที่ห้องแต่งตัวอีกครั้งแล้วคว้าชุดมาเปลี่ยน บางคนก็ไปนั่งให้พี่ช่างทำผมจัดการทำทรงผมให้และตุ้ยจางก็นั่งเก้าอี้ข้างชานยอลโดยมีชานยอลคอยเป็นสไตล์ลิสจัดการออกแบบทรงผมให้ทั้งตัวเองและของคนข้างกาย

    หลังจากที่แต่งตัวเสร็จแล้วนักข่าวต่างชาติก็มาขอสัมภาษณ์และแน่นอนที่ทุกคนจะต้องรีบออกไปกลัวว่าพี่ๆเขาจะยืนรอนาน คริสก็ยืนอยู่ข้างกายชานยอลอีกครั้งและคอยช่วยแปลภาษาอังกฤษที่นักข่าวถามมาให้ฟัง ไม่นานก็สัมภาษณ์เสร็จทุกคนก็ก้มหัวขอบคุณพี่ๆนักข่าวที่มาขอลัดคิวสัมภาษณ์ครั้งนี้ก่อนที่จะรีบวิ่งออกไปนั่งประจำที่เพื่อรอเรียกคิวแสดง เมื่อกลับมานั่งที่หลายคนก็ไม่ได้นั่งตำแหน่งเดิมหรอกจะมีก็แต่คริสที่เดินเกี่ยวนิ้วชานยอลให้เดินตามมานั่งด้วยกัน

    “ฮยองบอกแล้วไงว่าจะไม่ทิ้งเราอีก” ชานยอลที่ได้ยินคำบอกนั้นก็ยิ้มอีกครั้งแล้วไม่สงสัยอะไรอีก ก็มีคนเดินตามใจน่ะสบายจะตาย~

    “คริสฮยองฮะ ... ฮยองไม่เบื่อผมเหรอ?” คริสยิ้มแล้วโน้มตัวมากระซิบข้างหูคนถามอีกครั้ง

    “ฮยองจะเบื่อเด็กดื้อคนนี้ได้ยังไงกัน มีแต่เด็กดื้อนั่นล่ะที่จะเบื่อฮยอง” ชานยอลยิ้มกว้างโชว์ฟันสวยแล้วส่ายหน้าไปมา

    “ใครจะเบื่อฮยองได้ล่ะ ผมน่ะรักฮยองจะตายไป~” คริสหัวเราะเบาๆก่อนจะชี้นิ้วไปที่ชานยอล

    “ใครสอนให้ปากหวานแบบนี้กันนะ” ชานยอลทำหน้าตาเหรอหราแล้วยกสองมือโบกปัดไปมา

    “ไม่มีฮะ พูดออกมาจากใจเลย~~” แล้วทั้งคู่ก็หัวเราะด้วยกันอีกครั้ง ... แค่นี้ก็สุขใจแล้ว

    นั่งชมการแสดงต่อไปจนผู้จัดการส่งสัญญาณมาให้เตรียมตัวนั่นล่ะ คริสและชานยอลถึงจะได้ฤกษ์หยุดคุย หยุดมองกันเสียที สมาชิกทุกคนต้องลุกขึ้นเดินไปเตรียมตัวขึ้นแสดงทันที วันนี้การแสดงที่เลือกมาคือเปิดตัวด้วยเพลง MAMA ก่อนที่จะแยกเป็นสองทีม ทีมแรกของคริสเต้นเพลง Mirotic เพลงของรุ่นพี่อย่างทงบังชินกิ และทีมสองของชานยอลเต้นเพลง Lucifer ก่อนที่เจ้าของเพลงจะออกมาเต้นรวมด้วยกันกับรุ่นน้องอย่างเอ็กซ์โซ จากนั้นก็ต้องยกเวทีให้รุ่นพี่ชายนี่ได้เต้น Sherlock ต่อไป

    ช่วงจังหวะหนึ่งที่ทั้งคริสและชานยอลได้เต้นอยู่ข้างกัน แม้จะเป็นเพียงแค่ช่วงเวลาสั้นๆแต่ทั้งสองที่หันมาสบตากันกลับช่างยาวนานนักในความรู้สึก ดวงตาของทั้งสองคู่หันมาบรรจบกันพร้อมกับรอยยิ้มที่มอบให้แก่กัน แม้จะต้องตั้งสมาธิไว้กับการแสดงโชว์ตรงหน้าเพราะจะให้ผิดพลาดไม่ได้แต่คนทั้งคู่ก็พยายามที่จะเหลือบมองอีกฝ่ายอยู่ตลอดเวลา มองเพื่อให้รับรู้ว่ายังอยู่ในสายตาของกันและกัน

    หลังจากการแสดงโชว์จบลงทั้งหมดก็กลับลงมานั่งที่เดิม ความกดดันทั้งหลายมลายหายไปหมดสิ้นเมื่อผ่านพ้นการแสดงไปแล้ว ต่อจากนี้ก็เหลือแค่รอลุ้นว่าจะได้รางวัลไหมสักรางวัล นั่งรอการประกาศผลต่อไปเพียงไม่นาน เอ็กซ์โซก็ต้องขึ้นรับรางวัล Best New Asian Artist Group ทั้งสิบสองก้าวขึ้นบนเวทีเพื่อรับรางวัลด้วยความรู้สึกตื่นเต้นและแน่นอนไม่มีใครเชื่อหูว่าวงของเรานั้นได้รางวัลนี้ แม้แต่มินฮยอกหรือจงแดที่ยังนั่งเอ๋อว่าเราได้รางวัลนี้หรือจนต้องมีคนมาสะกิดให้ลุกขึ้นนั่นล่ะถึงจะหายจากอาการมึนงงได้

    เมื่อเดินขึ้นบนเวทีชานยอลก็เดินนำลิ่วไปยังที่ของตัวเองด้านขวาสุดของตำแหน่งยืนเพื่อยืนเคียงคู่กับใครอีกคน แต่คริสกลับไม่เดินไปยืนข้างชานยอลเหมือนยามปกติ เจ้าตัวหยุดเดินก่อนที่จะถึงตัวของชานยอลเสียอีก ใบหน้าน่ารักตีบึ้งไปแว่บหนึ่งก่อนที่จะหันไปมองใครอีกคน คนแรกที่กล่าวขอบคุณสำหรับรางวัลคือลีดเดอร์ฝั่งเคอย่างซูโฮ ชานยอลหันมองอีกครั้งก่อนที่จะเอื้อมมืออ้อมหลังไคที่ยืนอยู่ข้างๆไปตบไหล่ของใครอีกคนเบาๆแต่คริสกลับเอื้อมมือมาตีที่หลังของชานยอลแรงๆ และนั่นก็ทำให้ชานยอลต้องตีฟาดกลับไปหลายๆที เรียวปากบางวาดรอยยิ้มกว้าง

    คริสที่มัวแต่เล่นเกือบลืมว่าตัวเองจะต้องพูดต่อจากซูโฮในฐานะลีดเดอร์ของฝั่งเอ็ม เมื่อคริสก้าวแทรกไคที่ยืนติดกับซูโฮออกมากล่าวขอบคุณสำหรับรางวัล ชานยอลก็เลยได้ทีก้าวถอยหลังไปยืนแทนที่คริสเมื่อครู่แล้วยกสองมือวางบนไหล่ของตุ้ยจางไม่เบานัก คริสละมือข้างหนึ่งที่จับไมโคโฟนเอื้อมมือไปด้านหลังแตะที่ต้นขาของชานยอลเพื่อให้หยุดตีเขา ชานยอลยอมละมือออกแล้วยืนส่งยิ้ม พยักหน้าตอบรับกับคำพูดภาษาจีนที่ตุ้ยขางกำลังกล่าวขอบคุณ ยืนเล่นลัลล้าอยู่ด้านหลังเป็นแบล็คกราวน์ให้ตุ้ยจางไปเสียอย่างนั้น

    เมื่อกล่าวขอบคุณเสร็จทั้งหมดก็ลงจากเวทีไปนั่งที่เดิม รางวัลนั้นซูโฮฮยองก็ถือไว้ไม่ยอมปล่อย หวงรางวัลกลัวว่าน้องคนอื่นจะเอาไปเล่นและบางคนจะเอาไปแทะหาทองจริง คริสกับชานยอลยังคงนั่งข้างกันแต่ก็ไม่ได้คุยอะไรกันจะมือก็มือมือของทั้งคู่ที่จับกุมกันไว้ใต้ที่นั่ง ไม่มีใครมองเห็น ไม่มีกล้องตัวไหนจับได้จะมีก็แต่คริสและชานยอลสองคนเท่านั้นที่รับรู้

    หลังจากจบงานประกาศผลรางวัล MAMA 2012 แล้วก็เป็นการเลี้ยงฉลองของรุ่นพี่รุ่นน้องในค่าย SM Entertrianment ทั้งรุ่นพี่อย่างซูปเปอร์จูเนียร์ ชายนี่ เอฟเอ็กซ์และรุ่นน้องอย่างเอ็กซ์โซ ทั้งหมดนั่งรถประจำวงของตนไปยังร้านอาหารแห่งหนึ่งที่ปิดร้านไว้เพื่อต้อนรับคนทั้งหมด รุ่นพี่รุ่นน้องต่างก็กระจายกันนั่งแล้วร่วมวงทานมื้อเย็นกันด้วยความสนุกสนาน คริสกับชานยอลนั่งกันคนละมุมห้องแต่ทว่าทั้งสองก็ยังคงเหลือบมองหากันและกัน .. เสมอ

    เมื่อจบมื้อเย็นแล้วทุกคนก็แยกย้ายกันขึ้นรถกลับโรงแรม ชานยอลเดินอ้าปากหาวกลับห้องด้วยคิดว่าวันนี้รูมเมทน่าจะเป็นแบคฮยอนตามเดิม เมื่อเปิดประตูห้องได้ชานยอลก็โยนกุญแจไปที่เตียงของแบคฮยอนแล้วเดินไปล้มตัวลงนอนที่เตียงทันที ต้องรีบนอนเพราะพรุ่งนี้เช้าก็จะเดินทางกลับเกาหลีกันแล้ว เปลือกตาบางปิดลงเตรียมพร้อมนอนทันที

    “แบคกี้ฮยอง.. อาบน้ำก่อนเลยแล้วค่อยเรียกผมจะนอนก่อนนะฮะ” ชานยอลรู้สึกว่าพื้นที่ด้านหลังยุบลงแต่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร แต่น้ำเสียงนุ่มทุ้มที่กระซิบเสียชิดกับปลายนิ้วที่สัมผัสเส้นผมตนอยู่นี่สิ

    “จะไม่อาบน้ำหรือไง หื้ม?” ชานยอลลืมตาแล้วพลิกกลับมาหาคนด้านหลังอย่างตกใจ

    “คริสฮยอง!! ฮยองเข้ามาได้ไงอ่ะ แล้วแบคฮยอนฮยองไปไหนแล้วอ่ะ” ชานยอลลุกขึ้นหันมองซ้าย มองขวาก็ไม่เห็นแบคฮยอนเลยจะมีก็แต่ตุ้ยจางที่นั่งยิ้มอยู่เนี่ย

    “แบคฮยอนก็นอนกับมินซอกฮยองไง” ชานยอลเอียงคอมองคนตรงหน้าอย่างสงสัย ไม่เข้าใจคำพูดนั้นเลย แล้วตกลงแบคฮยอนฮยองของเขาไปไหนก็ไม่รู้

    “ไปอาบน้ำแล้วค่อยมานอนเร็วเข้า” ปากอิ่มแบะออกอย่างขัดใจ ทั้งๆที่คิดว่าคืนนี้จะไม่อาบน้ำสักหน่อย

    “ไปเลย เร็วๆ” ชานยอลส่ายหน้าแล้วล้มตัวลงนอน

    “ไม่อาบแล้วจะนอนแล้ว ราตรีสวัสดิ์ครับ” ว่าแล้วก็ปิดตาเลยเตรียมเข้าสู่นิทราทันทีแต่คนเป็นพี่ไม่ยอม

    “ชานยอลลุกมาเดี๋ยวนี้เร็วเข้า ... เร็วเดี๋ยวฮยองอาบน้ำให้” แค่นั้นแหละเจ้าเด็กขี้เกียจก็กระโดดลงจากเตียงเดินตามคุณพ่อจำเป็นเข้าห้องน้ำทันที

    อากาศหนาวเย็นหรือแม้แต่ลมเย็นจากเครื่องปรับอากาศก็ไมได้ระคายผิวนิ่มเลย ทั้งผ้าห่มผืนหนาที่คลุมห่มทับกายและอ้อมแขนยาวที่โอบล้อมทับไว้อีกชั้น หัวกลมๆไถเข้ากับซอกคอของอีกคนพร้อมกับวาดรอยยิ้มออกมา ..ฝันดีตลอดคืน.. เปลือกตาหนาค่อยๆลืมขึ้นอย่างงัวเงียเมื่อเห็นว่าใครอีกคนแค่กระแซะอ้อนก็อมยิ้มแล้วหลับไปอีกครั้ง แม้เตียงจะเล็กแต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมผู้ชายตัวโตๆถึงนอนได้ ส่วนอีกเตียงก็ปล่อยว่างใช้วางกระเป๋าเสื้อผ้าเท่านั้น

    เมื่อผู้จัดการเดินเคาะประตูเรียกให้ทุกคนตื่นทั้งคู่ก็ลืมตาตื่น สิ่งแรกที่ชานยอลเห็นคือใบหน้าหล่อคมที่ค่อยๆลืมตาขึ้นมองแล้วส่งยิ้มมาให้ ชานยอลเองก็ส่งยิ้มกลับไป คริสค่อยๆลุกขึ้นนั่งแล้วเสยผมที่ปรกหน้าขึ้นก่อนจะมองเด็กดื้อที่ลุกขึ้นนั่งตาม

    “ยิ้มอะไร หื้ม?” ว่าแล้วก็เอื้อมมือไปขยี้หัวเจ้าเด็กดื้อเบาๆ

    “ยิ้มเพราะฮยองนั่นแหละ” คริสเลิกคิ้วขึ้นอย่างสงสัย

    “ทำไมล่ะ หื้ม?” ชานยอลไม่ตอบแต่กลับยิ้มกว้างแล้วโคลงหัวไปมา แค่นี้ก็สุขใจแล้วล่ะ แค่ตื่นมาเจอกันในทุกๆเช้ก็พอแล้ว

    “อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าได้แล้ว เดี๋ยวก็ตกเครื่องกันพอดี” เมื่ออีกฝ่ายไม่ยอมตอบคริสก็ก้าวเท้าลงจากเตียงเตรียมเสื้อผ้าออกมาเปลี่ยนแล้วก็ของเด็กจอมดื้อข้างหลังด้วย

    “อาบน้ำให้ด้วยนะฮยอง~~” คริสวาดรอยยิ้มกับน้ำเสียงออดอ้อนนั้นก่อนที่จะพาเจ้าลูกชายจอมแสบไปอาบน้ำก่อนที่จะไม่ได้กลับเกาหลีเสียนี่

    หลังจากที่อาบน้ำเสร็จแล้วเรียบร้อยชานยอลก็คว้าเสื้อผ้าเข้าไปเปลี่ยนในห้องน้ำ คริสก็เลยเปลี่ยนเสื้อผ้าด้านนอก ชานยอลสวมเสื้อยืดสีดำลายเท่ๆกับกางเกงยีนส์สีกรมท่าตัวเดิมออกมาจากห้องน้ำก็ตกใจตาโตที่เห็นร่างของฮยองกับเสื้อผ้าชุดนั้น .. เพราะมันคือชุดที่ชานยอลเลือกไว้ให้ คริสยิ้มมุมปากแล้วเลิกคิ้วถามคนที่ยังยืนอยู่หน้าประตูห้องน้ำแล้วทำหน้าตกใจไม่ยอมเดินออกมาด้านนอก เสื้อกล้ามสีเทาตุ๋นๆที่ทับด้วยเสื้อสเว็ตเตอร์สีดำลายขาวกับกางเกงขายาวตัวสวยและเสื้อคลุมตัวหนาสีดำที่วางพาดอยู่ข้างตัว

    “เป็นอะไรเด็กดื้อ?” ชานยอลอ้าปากค้างเดินเข้ามาหาคนที่ยั่งนั่งไขว้ห้างอยู่ปลายเตียง

    “คะ..คริสฮยอง เสื้อฮยอง..” คริสยิ้มแล้วเอียงคอ

    “ฮยองใส่แล้วเท่ไหม? เนี่ยใครก็ไม่รู้เลือกให้” ชานยอลยิ้มกว้างก่อนจะพยักหน้ารับจนเส้นผมนิ่มกระจาย

    “เท่ที่สุดเลยฮะ!!” แล้วคริสก็ได้อ้อมกอดเล็กๆที่โถมตัวเข้าใส่จนหงายหลังเป็นคำตอบว่าเท่มากแค่ไหน

    “ผมก็คิดว่าฮยองจะไม่ใส่แล้วเสียอีก” คริสลูบแผ่นหลังเล็กเบาๆก่อนจะผละตัวของเด็กดื้อออกก่อนจะพลิกตัวนอนตะแคงมองคนที่นอนยิ้มตาหยี

    “ใส่สิ ฮยองเอามาด้วยก็คิดว่าให้ใส่ตอนขากลับนินา ก็ไหนใครบอกให้ฮยองแต่งตัวเหมือนนายแบบที่เราเห็นในนิตยสารตอนขามาไง ฮยองไม่รู้ว่าเราจะให้ใส่ตอนขามา ขอโทษนะครับ” ชานยอลยิ้มกว้างแล้วส่ายหน้า

    “รักฮยองที่สุดเลย!!!” แล้วชานยอลก็ลุกขึ้นโถมตัวกอดฮยองที่แสนดีจนหงายหลังไปอีกรอบ

    “พอแล้วๆ เดี๋ยวฮยองขาดอากาศหายใจตาย” ชานยอลลุกขึ้นนั่งแล้วหัวเราะเสียงดังอย่างชอบใจก่อนที่จะนึกอะไรขึ้นได้ก็ลุกขึ้นยืนแล้วฉุดมือของอีกคนให้ตามมา

    “เดี๋ยวผมทำผมให้นะ!”

    ชานยอลลงมือจัดการแต่งทรงผมให้ตุ้ยจางทันที ทรงนี้ชานยอลชอบมาก (จริงๆเจ้าตัวก็ชอบทุกทรงนั่นล่ะ) แต่ที่ชอบทรงนี้เป็นพิเศษก็เพราะคนที่นั่งหลับตานี่ล่ะเคยเอ่ยปากชมเขากลางห้องแต่งตัวมาแล้วว่า ‘เวลาที่ชานยอลทำผมทรงนี้ดูเหมือนเด็กผู้หญิงน่ารักๆคนหนึ่งเลยนะ’ ถึงจะเขินแล้วก็ชกแขนคนเป็นพี่กลับว่าเขาเป็นผู้ชายนะแต่ตุ้ยจางก็แค่หัวเราะออกมาเท่านั้น จัดการเพียงไม่นานทรงผมที่ทัดหูข้างหนึ่งก็เสร็จเรียบร้อย ชานยอลยิ้มพอใจกับผลงานของตัวเอง

    ก่อนออกจากห้องคริสสวมเสื้อคลุมตัวหนาสีเทาให้ชานยอลก่อนที่ทั้งคู่จะเดินลงมารวมกับสมาชิกคนอื่นๆที่ด้านล่าง เมื่อทั้งหมดมาครบก็ทานมื้อเช้าก่อนที่จะไปสนามบินกัน ที่สนามบินคริสเดินนำเพื่อให้ชานยอลได้เกาะ พยายามเดินช้ารั้งให้ชานยอลได้เดินตามทัน ไม่รู้ทำไมหรือเป็นอะไรตาขวาของชายหนุ่มถึงได้กระตุกบ่อยครั้ง คริสเลิกที่จะสนใจมันก่อนที่จะให้ความสนใจกับคนตรงหน้าที่เดินแซงขึ้นไปเกาะกุมกับเซฮุน แบคฮยอนเสียแล้ว

    ตอนที่นั่งรอในเกทเด็กดื้อก็แยกไปนั่งกับแบคฮยอนโดยมีมินซอกตามไปด้วย ชานยอลจัดการลงโทษแบคฮยอนที่หนีไปนอนกับคนอื่นโดยที่ไม่บอกโดนการแกล้งเป่าลมใส่ลำคอของหมาน้อยที่มีจุดอ่อนอยู่ที่คอ เจ้าหมาแบคย่นคอหนีหัวเราะเสียงดังลั่น มินซอกที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามก็เงยหน้าขึ้นอมยิ้มก่อนจะลงก้มง่วนกับการเล่มเกมในมือ เมื่อเห้นเจ้าน้องชายตัวโย่งยิ้มและหัวเราะได้มินซอกก็เบาใจว่าตุ้ยจางของเขาคงจะจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้วแน่ๆ

    เมื่อถึงเวลาขึ้นเครื่องทุกคนก็เดินเรียงแถวกันไป วันนี้ไม่รู้ทำไมแต่รอบๆตัวชานยอลมักจะมีเพื่อนๆมาคอยรุมล้อมตลอด คริสเดินนำเพื่อที่จะคอยเคลียร์ทางให้เหล่าสมาชิกได้เดินกันอย่างสะดวกและแน่นอนชานยอลก็จะเดินตามหลังเสมอ มือเล็กยื่นออกไปจับชายเสื้อคลุมแล้วเดินตามต้อยๆ เรียวปากอิ่มวาดรอยยิ้มกว้างหันมองไปรอบทิศอย่างมีความสุข อย่างน้อยความทรงจำที่ฮ่องกงก็มีความสุขล่ะนะ

    แต่เนื่องด้วยว่าเที่ยวบินขากลับนั้นต้องมีคนไปนั่งที่ชั้นประหยัดคนหนึ่งเพราะที่นั่งชั้นเฟิร์สคลาสสำหรับพวกตนนั้นไม่พอ ตอนแรกคริสจะอาสาไปเพราะอย่างน้อยเขาก็เป็นหัวหน้าวงและก็เคยนั่งมาแล้ว มันไม่สบายนักหรอกแต่ก็ไม่อยากให้ใครลำบากไปนั่ง แต่เจ้าตัวดีกลับยิ้มกว้างยกมือขึ้นสูงบอกว่าจะไปนั่งเอง สายตาทุกคนหันไปมองจ้องคนที่ออกตัวอาสาแล้วก็คิ้วขมวดทันที

    “นายจะไปทำไมที่มันเล็กนะ” เป็นมินซอกที่เอ่ยขัดออกไปคนแรก

    “ใช่ๆ ชานยอลนายมานั่งชั้นเฟิร์สเถอะ เดี๋ยวฮยองไปเองก็ได้” และตามด้วยลู่หาน

    “ไม่เอาอ่ะ ผมอยากนั่ง นะ~” ชานยอลหันไปมองคริสที่ยืนทำหน้านิ่วคิ้วขมวดคล้ายกับว่าจะไม่เห็นด้วย

    “นะ~~” ชานยอลเขย่าแขนของคริสไปมาเหมือนเด็กๆ คริสมองอีกคนที่ดวงตาใสลุกวาวว่าอยากไปนั่งเสียเหลือเกิน

    “นั่งแล้วห้ามลุกไปไหนเด็ดขาดนะ เดี๋ยวพอเครื่องขึ้นฮยองจะเดินไปหา” ชานยอลตะเบ๊ะท่าที่ปลายหางคิ้วพร้อมกับยิ้มกว้างๆ

    “รับทราบฮะ!!” เมื่อตุ้ยจางเอ่ยออกไปถือว่าเป็นคำขาด แม้ว่าซูโฮกับเซฮุนอยากที่จะเอ่ยขัดแต่ก็นะในเมื่อคริสอนุญาตแล้วขัดใจไปก็เท่านั้น

    ตอนนี้ก็เท่ากับว่าทุกคนนั่งที่ชั้นเฟิร์สคลาสดังเดิมจะมีก็แต่ชานยอลและพี่ผู้จัดการคนหนึ่งที่ต้องไปนั่งที่ชั้นอีโคโนมี่ ชานยอลยิ้มกว้างกับบรรยากาศที่แปลกตาและแน่นอนก็นั่งรอใครบางคนที่จะเดินมาหาด้วย พอเครื่องขึ้นได้สักพักชานยอลที่นั่งเล่นเกมก็พล็อยหลับไป มาตื่นเอาก็ตอนที่พี่ผู้จัดการปลุกนั่นล่ะ เปลือกตาบางกระพริบปริบๆมองออกไปด้านนอกหน้าต่างซึ่งก็ถึงเกาหลีแล้วจริงๆ

    “ฮยองฮะ เมื่อกี้คริสฮยองได้เดินมาไหมฮะ” ผู้จัดการหันมายิ้มก่อนจะพยักหน้า

    “อืม มาสิแต่เราหลับไปแล้วพอจัดเสื้อให้เราเสร็จก็เดินกลับไปนั่งที่เขา” แค่นี้ล่ะ รอยยิ้มของแฮปปี้ไวรัสก็กว้างขึ้นอีก

    ตอนนี้ชานยอลกำลังเดินยิ้มกว้างออกมารวมกับเหล่าสมาชิกคนอื่นๆ คริสมองหน้าชานยอลที่ยิ้มกว้างแล้วก็ยิ้มตอบแต่ตาขวาของคริสก็กระตุกอยู่บ่อยครั้งจนร่างสูงยาวนึกรำคาญ คริสจับชานยอลให้เดินนำหน้าเพื่อที่จะได้คอยกันแฟนคลับไม่ให้เบียดเจ้าตัวเล็กของเขา ดวงตาคมมองสอดส่องไปทั่วเพื่อระวังอะไรก็แล้วแต่ที่จะเข้ามากระทบกับชานยอล ไม่รู้ทำไมแต่วันนี้คริสรู้สึกเป็นห่วงชานยอลแปลกๆ

    ยังคิดไม่ถึงไหน ในระหว่างทางที่เดินออกไปเพื่อเข้าเกทรอกระเป๋าโหลดลงมา เด็กดื้อตัวสูงก็เดินชนเข้ากับกรอบประตูเสียเสียงดั่งลั่น คริสที่อ้าปากจะเตือนเพราะเห็นเจ้าตัวเดินยิ้มหันหน้าไปมาแล้วเดินเบี่ยงไปทางประตูก็ไม่ทัน เสียงดังลั่นจนทุกเสียงรอบกายหยุดชะงักและจังหวะก้าวเดิมก็ชะงักหยุดเช่นกัน แก้มใสพองออกก่อนที่จะยกมือขึ้นกุมหัว

    “ซวยแล้ว” คริสหลุดสบถออกมาเป็นภาษาจีนเบาๆ

    “โอปาคะเจ็บไหมคะ .. / โอปาเป็นอะไรไหมคะ .. / ชานยอลนา นายโอเคไหม” เสียงของแฟนคลับรอบข้างเอ่ยถาม ชานยอลเอามือลงแล้วยิ้มกว้างพร้อมกับชูสองนิ้ว

    “ผมไม่เป็นไรครับ ผมโอเค” แต่คริสว่าไม่นะเพราะขอบตานั้นแดงรื้นอีกแล้ว เด็กดื้อของตนต้องเจ็บมากแน่ๆ

    แล้วคนที่เข้าถึงตัวชานยอลก่อนใครเพื่อนก็เป็นเซฮุนที่เดินอยู่ข้างๆ ชานยอลส่ายหัวบอกว่าไม่เป็นไรแต่ตาของเจ้าเด็กดื้อน่ะแดงและม่านน้ำคลอที่หน่วยตาเสียแล้ว ชานยอลก้มหน้าลงแปบนึงก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้ทุกๆคน ทั้งพี่ผู้จัดการ แฟนคลับและเหล่าสมาชิกที่เข้ามาดูแลแต่เจ้าตัวยุ่งก็ส่ายหน้าว่าไม่เป็นไรแถมยังหัวเราะเสียดังลั่นแล้วเดินเข้าไปดูรอยที่ชนแถมยังมีการชี้อวดคนอื่นด้วยว่ามันเป็นรอย

    หลังจากที่เดินผ่านทางออกมาก็มานั่งรอกระเป๋าโหลดลงจากเครื่องเซฮุนลากชานยอลไปนั่งด้วย คริสเดินเลี่ยงไปนั่งเก้าอี้อีกตัวแต่ก็มองชานยอลอยู่ตลอดเวลา ไม่ใช่ไม่อยากเข้าไปใกล้แต่ยังเข้าไปไม่ได้มากกว่า ใบหน้าน่ารักนั้นแดงเรื่อคล้ายกับจะร้องไห้ ขอบตาแดงกร่ำจนสังเกตได้ นัยน์ตาคมวาวใสไปด้วยม่านน้ำที่คลอรอบดวงตา เซฮุนหันมองคนที่นั่งข้างๆแล้วมองใบหน้าแดงๆนั้น

    “ฮยองเจ็บหรือเปล่า” ชานยอลส่ายหน้าเบาๆเพราะยังคงมึนอยู่ ส่ายหน้าแรงๆคงมึนตาลายกว่านี้ ชานยอลเพิ่งรู้เลยว่าอาการที่มึนวิ๊งๆจนเห็นดาวน่ะเป็นยังไง

    “ผมรู้ว่าฮยองเจ็บ” ชานยอลไม่ตอบแต่ดึงคนข้างๆให้เข้ามาใกล้ๆก่อนที่จะซบหน้าลงบนไหล่ของมักแน เปลือกตาบางปิดลงแล้วกอดเซฮุนไว้ เซฮุนก็ได้แต่นั่งนิ่งๆให้คนเป็นพี่ได้ซบ คริสมองอากัปกิริยานั้นด้วยอการหัวใจกระตุกวูบ สงสารอยากเข้าไปปลอบแต่ก็เข้าไปไม่ได้

    นั่งพักกันอีกสักพักใหญ่ๆก็เตรียมพร้อมเดินออกไปขึ้นรถแวนเพื่อกลับหอพักกัน ชานยอลลุกขึ้นเดินออกมาก่อนโดยมีเซฮุนและคยองซูเดินอยู่ใกล้ๆ ใบหน้าน่ารักนั้นยังคงแจกจ่ายรอยยิ้มให้ทุกๆคนดังเช่นเคย รอยยิ้มกว้างๆที่กวาดส่งให้ทุกคนทำให้ทุกคนมีความสุขและยิ้มตามไปด้วยแต่ไม่ใช่กับตุ้ยจางที่เดินรั้งท้ายอยู่นี้ ไคที่เดินอยู่ด้านหลังก็รีบวิ่งเข้าไปสมทบ

    “เมื่อกี้ฮยองเจ็บมากไหม” ไควิ่งเข้ามาเกาะแขนชานยอลก็ละแขนออกแล้วกอดคอน้องร่วมหอพักมาใกล้ตัว
    “ไม่เป็นไร ฮยองสบายดี” แม้ว่าจะยิ้มให้แต่ไครู้ว่าฮยองของตนจะต้องเจ็บมากแน่ๆ

    เมื่อทั้งสิบสองคนมาถึงรถแวนก็เปิดประตูรอรับอยู่แล้ว ทั้งฝั่งเอ็มและเคแยกกันขึ้นรถกลับประจำฝั่งของตนเองดังเดิม ชานยอลหยิบไอโฟนขึ้นมาเมื่อรู้สึกว่ามันสั่น ข้อความสั้นๆจากคนที่นั่งอยู่รถคันหลังที่ส่งมานั้นเรียกรอยยิ้มและอาการไหววูบจากดวงตาได้ หยดน้ำตาที่คลอหน่วยเกือบหยดแหมะเสียแล้วสิ

    ...ตัวเล็กไม่เป็นไรนะ ฮยองตีประตูให้แล้วนะ...
    ...ฮยอง ผมเก่งไหมทำประตูเป็นรอยด้วยนะ ฮ่าๆๆ...

    เมื่อรถแวนเข้าไปจอดที่ลานจอดรถใต้หอทั้งสิบสองคนก็ลงจากรถเตรียมคว้ากระเป๋าเดินขึ้นห้องพัก ชานยอลรีบเดินขึ้นห้องพักทันทีโดยมีเซฮุน ไคและคยองซูก้าวยาวๆตามไปส่วนแบคฮยอนกับซูโฮก็ต้องหิ้วกระเป๋าเสื้อผ้าของชานยอลเดินตามไปทีหลัง คริสเองก็คว้ากระเป๋าของตัวเองแล้วเดินตามไปเหมือนกันแต่ก็ช้ากว่าอยู่ดี

    คริสหันกลับมาฝากกระเป๋าเทาและอี้ชิงที่เดินตามหลังมาก่อนที่จะวิ่งตามไป อี้ชิงกับเทามองหน้ากันก่อนที่จะยักไหล่ใส่กัน ก็นะในเมื่อตุ้ยจางฝากมากกระผมสองคนก็ต้องถือไปเก็บให้~ คริสเปิดห้องพักของฝั่งเคเข้าไปก็ไม่เห็นว่าจะมีใครอยู่สักคนนอกเสียจากประตูห้องนอนของชานยอลและแบคฮยอนที่เปิดอ้าไว้อยู่ คริสก้าวเท้าเข้าไปเห็นคยองซูและซูโฮที่ช่วยกันเอาถุงน้ำแข็งประคบที่หัวของชานยอลที่นั่งก้มหน้าอยู่หัวเตียง เซฮุนยืนจับไหล่ปลอบใจอยู่ข้างๆและไคกับแบคฮยอนที่ยืนให้กำลังใจอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล เมื่อคริสก้าวเท้าเข้าไปในห้องนอน ทุกคนในห้องหันมามองแต่ชานยอลยังคงนั่งก้มหน้าอยู่อย่างเดิม

    “ชานยอลลี่” คริสเดินเข้าไปหยุดอยู่ตรงหน้า ชานยอลก็ยังไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมามอง

    “ตัวเล็ก” ชานยอลยกแขนกอดเอวของคนตรงหน้า แล้วจากนั้นกายเล็กก็สั่นก่อนที่จะชานยอลจะปล่อยโฮออกมาเสียงดัง

    “ฮยองผมเจ็บอ่า!!!!!” มือใหญ่ลูบกลุ่มผมนิ่มที่ซุกอยู่ตรงท้องของเขาเบาๆ นี่คือเหตุผลที่ไม่ยอมเข้าไปหาแต่แรก เพราะถ้าเข้าไปตัวเล็กแสนดื้อของเขาก็จะปล่อยโฮแบบนี้

    “ไม่เป็นไรนะ ไม่เจ็บนะครับ” ชานยอลยิ่งปล่อยสะอื้นเสียงดัง คริสโน้มตัวลงกดจูบที่กระหม่อมสวยก่อนที่จะโอบกอดคนที่ร้องไห้เสียตัวโยนไว้ ฝ่ามือใหญ่ลูบกลุ่มผมนิ่มสลับกับลูบแผ่นหลังสะท้านไหวนั้นเบาๆ

    “ไม่เจ็บนะครับตัวเล็กของฮยอง เดี๋ยวก็หายนะคนเก่ง” คริสหันไปมองคยองซูที่ยืนถือถุงน้ำแข็งไว้ก่อนจะแบมือขอ คยองซูก็รีบจัดการส่งให้ทันทีแล้วส่วนเกินที่เหลือก็ค่อยๆเดินออกจากห้องไป ซูโฮปิดประตูส่งท้ายให้ด้วย

    “ไหนตัวเล็กของฮยองเงยหน้าหน่อยสิ ฮยองจะประคบน้ำแข็งให้” ชานยอลส่ายหน้าแต่คริสผละคนที่กอดเขาแน่นออก

    “ไม่ได้นะ ห้ามดื้อเราต้องประคบนะเดี๋ยวก็หัวโนหรอก .. ถ้าหายไวนะเดี๋ยวคืนนี้ฮยองพาไปกินชาบู” ชานยอลเงยหน้าที่แดงไปทั้งหน้าแถมยังเปื้อนน้ำตาขึ้นมองคนที่ส่งยิ้มอบอุ่นมาให้

    “จริง..หรือฮะ” คริสพยักหน้ารับ ชานยอลก็พยักหน้าแต่ก็สะอื้นเสียตัวโยน คริสลงนั่งข้างเคียงก่อนที่จะใช้ถุงน้ำแข็งในมือประคบที่หัวของชานยอลก่อนจะเป่าลมเบาๆที่รอยตรงนั้น

    “เพี้ยง ขอให้ตัวเล็กของฮยองหายไวๆนะครับ” ชานยอลแบะปากแล้วปล่อยโฮอีกรอบ คริสโอบกอดชานยอลไว้ในอ้อมแขนส่วนอีกมือก็พยายามใช้ถุงน้ำแข็งประคบให้

    “วันนี้ตัวเล็กเก่งมากเลยนะที่ไม่ร้องไห้ที่สนามบิน” ชานยอลที่ยังสะอื้นอยู่พยักหน้ารับรู้ คริสวางถุงน้ำแข็งลงข้างตัวแล้วโอบคนที่สะอื้นจนตัวสั่นไว้ทั้งสองแขนก่อนจะโยกตัวไปมาคล้ายกล่อมเด็ก

    “ไม่ร้องนะคนเก่ง”

    นานเป็นชั่วโมงเลยกว่าที่ชานยอลจะหยุดร้อง เมื่อเจ้าตัวหยุดร้องก็เรียกร้องจะไปกินชาบูทันทีกลับมาเป็นชานยอลแฮปปี้ไวรัสของทุกคนตามเดิม คริสพาชานยอลเข้าไปล้างหน้าล้างตาก่อนที่จะออกไปข้างนอกด้วยกัน ทั้งสองเดินออกจากหอพักก็เป็นเวลามืดเสียแล้ว วันีน้แฟนคลับที่มารออยู่แถวตึกไม่มีเหมือนอย่างเคยจึงทำให้ทั้งสองเดินไปด้วยกันได้อย่างปกติไม่ต้องคอยหลบแฟนคลับ

    ร้านชาบูร้านประจำที่ทั้งคู่ชอบมากินวันนี้มีโปรโมชั่นพิเศษสั่งชุดเนื้อสองจานใหญ่จะได้ฟรีอีกหนึ่งจานใหญ่ แน่นอนคนกินจุอย่างชานยอลก็จัดการสั่งมาเลยไม่ถามความเห็นคนเลี้ยงสักคำว่าจะเอาไหม จะกินหมดหรือเปล่าเพราะรู้ว่ายังไงของบนโต๊ะนี่ก็หมดแน่นอน ชานยอลหัวเราะกับเรื่องที่ประสบมาวันนี้ และมีความสุขกับบรรยากาศรอบข้าง คริสเองก็มีความสุขเช่นกัน

    หลังจากที่ทานชาบูกันจนอิ่มหน่ำแล้วทั้งสองก็เดินเลี้ยวเข้าสวนสาธารณะที่อยู่คนละฝากกับทางกลับหอ สถานที่สุดท้ายในยามค่ำคืนที่ทั้งสองจะต้องมาทุกครั้งหลังจากแอบหนีออกมากินาบูกัน ไม่ว่าจะดึกแค่ไหนทั้งสองจะต้องมานั่งที่เก้าอี้ไม้มองดูดาวด้วยกันทุกครั้ง ท้องฟ้าสีมืดที่เต็มไปด้วยดวงดาวคล้ายกับนัยน์ตาของชานยอลที่พราวแสงระยิบเสมอ

    คริสวาดแขนไปตามพนักพิงโอบหลังคนที่นั่งพิงหัวกับไหล่ของเขาไว้ เรียวนิ้วของคนข้างตัวชี้ขึ้นไปยังท้องฟ้าสีมืดไล่ตามกลุ่มดาวต่างๆ ชานยอลหัวเราะคิกคักเมื่อตุ้ยจางแกล้งใช้ปลายนิ้วเขี่ยที่แก้มใส ชานยอลหันไปทุบที่อกของคนแกล้งหลายๆที คริสจับมือเล็กนั้นให้หยุดทำร้ายเขา เด็กดื้อนอนพิงหัวไว้ที่เดิมก่อนจะเปลี่ยนเป็นใช้มือตัวเองตีเข้ากับฝ่ามือของอีกคนไปมา

    “คริสฮยองฮะ” อยู่ๆเสียงทุ้มห้าวของชานยอลก็เอ่ยขึ้นท่ามกลางความเงียบ

    “หื้ม? หนาวเหรอ?” คริสใช้มือข้างที่โอบคนข้างกายลูบที่แขนของคนเรียกให้คลายหนาว

    “เปล่าฮะ .. คืนนี้ดาวสวยเนอะ” คริสวาดรอยยิ้มแล้วตอบรับในลำคอ

    “ฮยอง......” ชานยอลเอ่ยเรียกแล้วเงียบเสียงอยู่นานจนคริสต้องหันกลับมามอง ฟันขาวขบกลีบปากของตัวเองอย่างชั่งใจว่าจะพูดดีไหม คริสใช้มืออีกข้างหนึ่งทาบแก้มใสไว้

    “ว่างไงครับคนเก่ง” ชานยอลเหลือบสายตาขึ้นมองก่อนจะยกหัวออกจากการพิงไหล่ของคนข้างกายแล้วหันตัวเอียงมาหาชายหนุ่มที่ยังนั่งพิงหลังสบายๆ ดวงตากลมฉายแววเศร้าสร้อยอีกครั้ง

    “มีอะไรครับ พูดมาเถอะ” แขนข้างที่พาดไปกับพนักพิงยกขึ้นลูบกลุ่มผมนิ่มเบาๆ ชานยอลถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองสบตา

    “ฮยองครับ.. อีกไม่นานพวกเราก็คัมแบ็คแล้วใช่ไหมครับ” คริสพยักหน้ารับ ชานยอลกัดปากอีกครั้งก่อนที่จะก้มหน้าลงพูดเสียงเบา

    “ฮยองไม่ไปจีนได้ไหมครับ” แล้วคนที่นั่งพิงพนักสบายๆก็ลุกขึ้นนั่งหลังตรงหันมาหาเด็กในปกครองที่นั่งก้มหน้าอขู่ข้างกาย
    “ตัวเล็กก็รู้ว่าเป็นไปไม่ได้ เราต้องทำเพราะหน้าที่ของเรานะ” ชานยอลเงยหน้าขึ้นก่อนจะแบะปากออก

    “ผมรู้.. แต่ผมไม่อยากให้ฮยองไปจีน พอเราคัมแบ็คฮยองก็จะไปจีนนานๆอีกผมไม่ชอบ ผมไม่อยากคัมแบ็คอ่ะ” คริสหัวเราะเบาๆก่อนจะโยกหัวกลมๆของเด็กดื้อข้างกาย

    “ตัวเล็กครับ ถึงฮยองจะไปจีนแต่เราก็โทรคุยกันทุกวันเหมือนเดิมได้นะ” เมื่อเห็นว่าเด็กดื้อทำท่าที่จะไม่ยอมคริสก็รีบเอ่ยสัญญากับอีกคนทันที

    “ถ้าอย่างนั้นเอางี้.. ฮยองจะโทรมาปลุกตัวเล็กตอนเช้า โทรมารายงานหลังกินข้าวเช้า กลางวัน เย็น ถ้ามีมื้อดึกก็จะบอกแล้วก็จะโทรมากู๊ดไนท์ทุกคืนเลย โอเคไหมครับ?” ชานยอลที่ได้ยินแบบนี้ก็ยิ้มกว้างอย่างถูกใจ

    “ถึงจะไม่อยากให้ฮยองไปอยู่โน้นแต่แบบนี้ก็ได้ฮะ! ไม่ว่ายังไงฮยองต้องโทรมาปลุกผมทุกเช้าแล้วก็ก่อนนอนต้องโทรมากู๊ดไนท์นะฮะ” ชานยอลยื่นนิ้วก้อยไปหาคนที่ยังคงยิ้มขำๆอยู่ข้างกาย

    “ครับ สัญญาครับ” คริสยื่นนิ้วก้อยไปเกี่ยวกับนิ้วที่ยื่นมาแล้วหมุนนิ้วหัวแม่มือมาแปะกันเพื่อย้ำคำมั่นสัญญา

    “ผมล่ะรักฮยองจังเลย~” แล้วชานยอลก็เอนตัวพิงหัวซบไหลของพี่ชายแสนดีไว้อย่างเดิม ตากลมทอแสงระยิบแข่งกับดวงดาวบนท้องฟ้า คริสหันมองเด็กดื้อข้างกายก่อนที่จะก้มลงฝากสัมผัสอุ่นไว้ที่กลางกระหม่อม ตัวเล็กของคริสฮยองหัวเราะคิกคักก่อนที่คว้ามือใหญ่ของฮยองมาจับเล่นพร้อมกับนั่งนับดาวไปพลางๆรอให้ถึงเวลากลับหอ(ที่ทั้งสองคนกำหนดขึ้นเอง)



    ...แค่มีกันและกันอยู่เคียงข้างก็มีความสุขแล้ว…
    ...แค่ได้ยินเสียงหัวเราะของกันและกันก็เพียงพอแล้ว…
    ...แค่ได้อยู่ใกล้กันและกันแค่นี้ก็มากเกินพอแล้ว…
    ...แค่ข้างกายของคริสฮยองมีตัวเล็กอย่างชานยอลอยู่ก็เพียงพอแล้ว…



    ไม่ใช่พี่น้องทางสายเลือด ไม่ใช่คนรักกัน แต่ก็มีความสุขที่ได้อยู่ด้วยกัน .. จากนี้และตลอดไป...



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×