ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [END] BaekDo Ft. KaiChen, KrisYeol - The Rules of Love

    ลำดับตอนที่ #7 : Chapter 7 : Rule 02 บอกรักกันทุกคืนก่อนนอน

    • อัปเดตล่าสุด 30 มี.ค. 57


    รู้สึกช่วงนี้อู้ๆยังไงก็ไม่รู้สิ #ไม่ใช่เอ็งอู้ทุกวันเหรอ 555555555555555
     
     
    เอาจริงๆ ธีมเรื่องแบบนี้เป็นอะไรที่เราไม่เคยเขียนนะ เราหวังว่าทุกคนจะชอบนะ~ อิอิ
     
    คล้ายๆไดอารี่เลย ถ้าอ่านดีๆจะรู้เลยว่ามันมีสองพาร์ทในเรื่องเดียวกัน อ๊าาาา  ไดอารี่รักของพี่จงอินคนเสี่ยวกับน้องจงแดยาใจของพี่จงอิน #หื้มใช่เหรอ 55555555555
     
    รักษาสุขภาพกันด้วยนะคะ อากาศก็ร้อนตับจะออกมาเต้นอือรือรองเป็นเพื่อนพี่คริสอยู่แล้ว นี่ก็ไม่เข้าใจว่าจะร้อนไปถึงไหน T T
     
     
     
     
    _________________________________________
     
     
     
     
     
    “ยาใจของพี่จงอิน~~~” จงอินที่อาสาไปซื้อตั๋วหนังมาให้ยืนโบกมือหยอยๆอยู่ที่ทางออกของเคาน์เตอร์จองตั๋วหนัง โบกให้เห็นว่าตัวเองอุตส่าห์ไปยืนรอต่อแถวอยู่ตั้งเกือบยี่สิบนาทีแต่ก็ได้ตั๋วหนังสำหรับหกคนมาแล้ว
     
    “อะไรของมันวะ ไอ้ชานยอลหลบหลังหน่อยดิ๊!” จงแดก้มหน้ากุมขมับแล้วขยับตัวไปยืนซ้อนให้ชานยอลบังตัวเองไว้ ทุกสายตาหหันมาตามจงอินที่เดินยิ้มร่าเข้ามาหา
     
    “ไม่รู้จักมันนะ” คยองซูส่ายหน้าแล้วก้าวเท้าถอยหลังออกห่างจากเพื่อนๆที่ยืนรอจงอิน
     
    “ไม่รู้จักด้วย” แบคฮยอนก็ก้าวถอยตามคยองซูไปด้วยเพราะยืนจับมือกันอยู่
     
    “น้องจงแดจะเล่นซ่อนแอบกับพี่จงอินเหรอ แอบไปยังไงพี่ก็หาเจออยู่ดีเพราะหัวใจของพี่จงอินผูกด้ายไว้เคียงคู่กับหัวใจของยาใจ หนีพี่ไม่พ้นหรอก” จงแดถอนหายใจแล้วแนบหน้าผากซบหลังเพื่อนตัวสูง คือเสียท่าพลาดมันไปทีเดียวนี่เหมือนหายนะเลยบอกตรงๆ... แต่มันก็ดีอยู่นะแหมก็จงอินไม่ได้เต๊าะใครแล้วไงทุกความเสี่ยวเลยมาลงที่คิมจงแดหมดเลย ถือเป็นเรื่องราวดีๆ
     
    “เออๆตกลงซื้อตั๋วได้ใช่ไหม ไหนเอามาดูหน่อยสิ” จงแดถอนหายใจแล้วเดินออกจากที่หลบหลังชานยอลเพราะจงอินมานัวเนียจะลากออกให้ได้ 
     
    “นี่จ๊ะยาใจของพี่” จงอินยิ้มกว้างแล้วยื่นตั๋วให้จงแดแต่แบคฮยอนที่ยืนมองอยู่นานหมั่นไส้ไงก็เลยแย่งไปต่อหน้าต่อตาซะเลย
     
    “เฮ้ยไอ้หมากระเป๋ากูจะให้ยาใจนะเว๊ยมึงมีสิทธิ์อะไรมาหยิบตัดหน้าวะ!!” น้องจงแดยาใจสุดสวาทขาดดิ้นของพี่จงอินกำลังจะรับอยู่แล้วเชียวดันมีหมากระเป๋ามาหยิบตัดหน้านี่บอกเลยว่าขึ้น!!
     
    “หมั่นไส้” แบคฮยอนยักคิ้วให้แล้วยื่นตั๋วหนังให้คยองซูที่ยืนอยู่ข้างๆดูว่าจงอินไปกดเลือกที่นั่งตรงไหนมา
     
    “เอาน่าช่างมันเหอะ” จงแดจับมือของจงอินที่ทำท่าอยากจะเข้าไปฟัดกับแบคฮยอนเหลือเกินเอาไว้ พอโดนจับมือทีนี้พี่จงอินคนเสี่ยวที่หัวใจมีแต่น้องจงแดก็หันมาทำตาโตแล้วมองหน้ายาใจที่จับมือตัวเองอย่างซาบซึ้ง
     
    “น้องจงแดยาใจของพี่~” จงอินที่ซาบซึ้งในรสรักของน้องยาใจก็ทำหน้าตาเคลิ้มๆแล้วยกมือจงแดข้างนั้นมาลูบหัวตัวเอง จงแดยกมืออีกข้างมากุมขมับ สักวันคิมจงแดคงบ้าตามคิมจงอินแน่ๆ
     
    “ไหนมันเลือกที่นั่งตรงไหนมาน่ะ” แบคฮยอนวางคางเกยไหล่คยองซูแล้วดูตั๋วในมือของคนตัวเล็ก ไม่สนใจไอ้คู่เพี้ยนสองคนนั้นปล่อยให้มันบ้าไปกันสองคน
     
    “แถวบนสุด” คยองซูตอบ แบคฮยอนก็พยักหน้ารับทั้งๆที่ยังวางคางเกยไหล่คยองซู
     
    “แล้วนี่คริสกับชานยอลไปไหนล่ะนั่น” คยองซูหันมองรอบๆก็ไม่เห็นเพื่อนตัวสูงอีกสองคนเลย
     
    “โน้นไงหนีไปซื้อของกินกันสองคนนิหว่า”แบคฮยอนชี้ไปทางที่คริสกับชานยอลกำลังเดินมา ในมือมีพร้อมทั้งแก้วน้ำและป๊อปคอร์น โอ้โห้เลวไปนะครับ!!!
     
    “จะเข้ายังอ่ะ” ชานยอลถามพร้อมกับหยิบป๊อปคอร์นเข้าปากตัวเองแล้วก็ป้อนให้คนที่ยืนอยู่ใกล้ๆด้วย
     
    “เออๆ” แบคฮยอนแบะปากใส่ไปสักที หมั่นไส้พวกมันสองคนอ่ะ พี่พยอนไม่ยอมนะอย่างนี้มันต้องหาเรื่องแกล้ง!!
     
    เย็นหลังเลิกเรียนพวกเขานัดกันไว้ว่าจะมาดูหนังกันก่อนกลับห้องเพราะพรุ่งนี้เป็นวันหยุดของมหาวิทยาลัย เพราะมีงานไงคนไม่มีงานก็เลยไม่คิดที่จะไปแต่ถึงจะมีก็ไม่ไปอยู่ดี หนังวันนี้ตัวต้นคิดคือคยองซูกับจงแด คนที่ยังไงก็ได้อย่างชานยอลหรือเรียกอีกนัยว่าถ้าเพื่อนไปมันก็ไปนั้นยังไงก็ขอตามมาด้วยอยู่แล้ว
     
    เมื่อบุคคลผู้มีอำนาจสูงสุดในกลุ่มลงความเห็นกันสามเสียงเอกฉันท์ ยังไงพวกที่เหลือก็ขัดไม่ได้อยู่แล้ว จงอินผู้ตามใจน้องยาของมันกับคริสผู้ที่ชานยอลชี้ไม้เป็นนก ชี้นกเป็นไม้ก็เออออตามกันไปมีหรือจะขัด ส่วนพี่พยอนที่อยากจะกลับไปนอนก็ต้องตามมาด้วยก็เจ้าของดวงตาโตๆนั้นดันหันมามองด้วยสายตาคาดหวังซะขนาดนั้น ใครล่ะจะกล้าทำร้ายจิตใจ... ถ้าใครจะมาทำให้คยองซูเสียใจล่ะก็ข้ามศพพี่พยอนไปก่อนเถอะวะ!!
     
    ที่นั่งที่จงอินเลือกมานั้นเป็นแถวบนสุดที่ไม่ค่อยมีใครนั่งกัน... เพราะราคาแพงแต่มันเป็นที่ทำเลดีนักแลที่จะนั่งแอบจู้จี้กัน แน่นอนว่าที่พี่จงอินเลือกนี่มีนัยยะแน่ๆ เพราะที่นั่งอยู่ในช่วงกลางๆแถวคริสกับชานยอลก็เลยอาสาของนั่งริมขวาให้ มีจงอินกับจงแดอยู่ตรงกลางและแบคฮยอนคยองซูอยู่ทางฝังซ้าย
     
    แบคฮยอนที่ไม่ยอมยกที่เท้าแขนคั่นกลางระหว่างตัวเองกับคยองซูลงก็ทำเนียนเขยิบเข้าไปใกล้จนแทบจะเกยกันอยู่แล้วก็ล้วงมือลงในถังป๊อปคอร์นหยิบกินด้วย คยองซูที่กำลังอินกับหนังอยู่ก็ไม่ได้ใส่ใจคนที่นั่งข้างๆเลยสักนิด มือของแบคฮยอนก็ค่อยๆขยับเลื่อนไปจนชนกับมือเล็กพอคยองซูเลื่อนมือหนีแบคฮยอนก็คว้าจับมือเล็กนั้นไว้
     
    ดวงตาโตตวัดหันไปมองก็เห็นแบคฮยอนมองกลับมาเช่นกัน คนข้างตัวกำลังยิ้มกว้างพร้อมกับดึงมือของคยองซูที่หยิบป๊อปคอร์นไว้ขึ้นมาป้อนเข้าปากตัวเอง ริมฝีปากบางของแบคฮยอนจงใจสัมผัสที่ปลายเรียวนิ้วของคยองซู คนที่มองสบตากับอยู่นี้คล้ายดั่งเห็นแววประกายวิบวับอยู่ในดวงตาคู่เรียวที่มองจ้องมา คยองซูระบายยิ้มนิดหน่อยแบคฮยอนไม่ยอมปล่อยมือเจ้าตัวก็เลยต้องหยิบป้อนตัวเองทีโดนคนที่ยังจับมือป้อนเข้าปากไปอีกที 
     
    ก็ป้อนกันอยู่เรื่อยๆจนหมดนั่นแหละแต่แบคฮยอนก็ยังไม่ยอมปล่อยมือออกหรอกนะก็เลยนั่งจับมือกันแบบนั้นไป ภาพบนจอใหญ่ที่ฉายนั้นเป็นฉากที่พระเอกของเรื่องกำลังบอกรักนางเอกของเรื่อง แบคฮยอนหันไปมองคนข้างตัวที่กำลังนั่งอินกับภาพยนตร์ตรงหน้า แสงสว่างที่สาดไล้เสี้ยวหน้าของคยองซูเพียงน้อยนั้น..ไม่รู้ทำไมแต่มันช่างตรึงใจของคนมองเสียเหลือเกิน 
     
    ...อยู่ดีๆหัวใจที่เต้นอยู่ข้างในก็เต้นรัวเร็วขึ้นเสียอย่างนั้น...
     
    ฉากการบอกรักของพระนางในภาพยนตร์ที่เพิ่งดูมานั้นยังติดตาอยู่เลยแม้จะไม่ตรึงใจเท่าเสี้ยวหน้าของคนร่วมห้องก็เถอะ คยองซูเดินออกมาจากห้องน้ำด้วยชุดนอนที่เรียบร้อยเตรียมพร้อมนอน แบคฮยอนยังคงนั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียงมองตามอยู่ทุกอิริยาบถ คยองซูมองแบคฮยอนที่เอาแต่มองหน้าแล้วก็ขมวดคิ้วสงสัย
     
    “เป็นอะไรน่ะ” คยองซูปีนขึ้นเตียงมาแล้วนั่งขัดสมาธิถามแบคฮยอนที่นั่งมองหน้าเขาไม่ละสายตา 
     
    “เอ่อ..” ทีนี้ก็ติดอ่างกันไปน่ะสิ แบคฮยอนหันหน้าหนีแล้วยกมือเกาท้ายทอยอย่างประหม่า ก็แหม.. อยู่ๆมันก็นึกถึงกฎอีกข้อขึ้นมาได้... กฎข้อที่สองน่ะ
     
    “มีอะไรว่ามาเร็วๆที่รัก นี่ง่วงแล้วนะ” นี่ถ้าไม่เกรงใจคยองซูจะหาวโชว์แล้วนะ พอดูหนังเสร็จไหนจะไปกินข้าวอีกกว่าคริสจะมาส่งได้ก็มืดแล้วเนี่ย
     
    “เอ่อคือ...” แบคฮยอนเกาหัว เกาหูไม่รู้แล้วว่าจะเอามือไปไว้ตรงไหนดี คยองซูเลิกคิ้วแล้วก็แอบยิ้มกับตัวเอง
     
    “มีอะไรจะขอไปเที่ยวหรือไง” หันไปมองนาฬิกาเรือนเล็กๆที่หัวเตียงก็เห็นว่ายังไม่ดึกเท่าไหร่สำหรับการไปเที่ยว
     
    “เฮ้ยเปล่า! ไม่ใช่เรื่องนั้น”
     
    “อ้าวแล้วเรื่องไหนล่ะ ที่รักพูดมาไวๆ” คยองซูทิ้งสายตากดดันไว้ให้หนึ่งทีก่อนที่จะล้มตัวลงนอนตะแคงข้างหันไปทางแบคฮยอนที่นั่งขัดสมาธิทำหน้าเดาอารมณ์ไม่ถูก ไอ้คนที่โดนมองจ้องแบบนี้ก็ประหม่าไปสิไม่รู้ว่าจะทำตัวหรือวางมือตรงไหนก็มันดูพันกันยุ่งไปหมด
     
    “แบคฮยอนมีเรื่องอะไร” คยองซูถามเสียงหวาน ชนิดที่ว่าแบคฮยอนที่ฟังอยู๋ก็หน้าแดงซะงั้น คยองซูเลิกคิ้วทำหน้างงๆว่าคนร่วมห้องเป็นอะไร
     
    “มานอนสิ” คยองซูขยับถอยหลังไปอีกนิดแล้วตบที่ว่างบนหมอนเดียวกันเบาๆ แบคฮยอนก็เลยขยับตัวไปนอนหันหน้าเข้าหาแล้วก็ทำตาล่อกแล่กใส่
     
    “เอ้าเป็นอะไรพูดมาเร็วๆ ถ้าไม่พูดจะหลับแล้วนะง่วง” คยองซูทำท่าจะหลับจริงๆ แบคฮยอนก็เลยโพล่งปากหลุดออกไป
     
    “....รักนะ” คนที่อยู่ๆก็โดนบอกรักก็กระพริบตาปริบๆประมวลผลไม่ทันไปสิ แบคฮยอนแลบลิ้นเลียริมฝีปากตัวเอง
     
    “ก็กฎข้อสองไง” คยองซูกระพริบตาอีกสามปริบแล้วก็ร้องอ๋อเบาๆ
     
    “รักเหมือนกัน ฝันดีก็แล้วกันนะ” คยองซูยิ้มให้อีกทีแล้วก็หลับตาลง แบคฮยอนก็ขยับตัวเข้าไปรวบตัวคนตัวเล็กมากอดไว้ ลมหายใจอุ่นๆนั้นราดรดกันอยู่ไม่ห่าง แบคฮยอนค่อยๆผ่อนลมหายใจเมื่อผ่อนคลายลดอาการเกร็งและประหม่าลงแล้วก็หลับตาลงเตรียมเข้าสู่ห้วงฝันทันที เรื่องที่เจอะเจอมาทั้งวันนั้นยังไม่น่าหนักใจเท่าคำบอกรักคำเดียวเลยให้ตายสิ
     
    คยองซูที่อิงแอบแนบชิดกับแบคฮยอนก็ค่อยๆวาดกดรอยยิ้มที่ริมฝีปาก ก็แหม.. ตัวเขาไม่ได้ลืมหรอกว่ามีกฎข้อนี้อยู่น่ะแต่จงใจเลี่ยงที่จะไม่ทำเพื่อรอให้คนคิดกฎเขาเอ่ยปากก่อนน่ะสิ ก็คำว่า ‘รัก’ จากปากพยอนแบคฮยอนน่ะออกยากจะตาย ยากยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทรเสียอีก
     
    แล้วแบบนี้จะให้เขาพูดออกไปก่อนทำไมกันล่ะ..... จริงไหม?
     
     
     
    ในช่วงวันหยุดนี่เวลาแทบทั้งวันหมดไปกับการเก็บกวดห้องของคยองซูเลยสิให้ตาย โดคยองซูน่ะเป็นคนรักความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยนะแต่พอเรียนเสร็จกลับมาทำงานส่งอาจารย์เสร็จ ไหนจะต้องมาสู้รบปรบมือกับไอ้คนร่ววมห้องอีก ของก็กองๆไว้ ห้องก็รกเชียว หยุดทีถึงได้ทำสักที พอนานๆทำทีมันก็เลยต้องใช้เวลานานน่ะสิ
     
    “ที่รักหยิบสบู่ให้หน่อยในห้องน้ำหมดแล้ว!!” แบคฮยอนที่กำลังอาบน้ำตะโกนออกมา คยองซูหันไปมองที่ตะกร้าวางของใกล้ไประตูห้องน้ำที่จะมีพวกของที่ซื้อมาเก็บไว้ พอเดินไปดูก็ไม่เห็นสบู่เลยสักกล่องเดียว ครีมอาบน้ำที่คยองซูชอบใช้ก็ไม่มีเหลือเลยสักขวด
     
    “ที่รักสบู่หมดมันยังอาบได้ไหมอาบไปก่อนนะ!” คยองซูเคาะประตูแล้วตะโกนบอกกลับไป
     
    “ไม่มีจริงดิ” แบคฮยอนเปิดประตูแล้วโผล่หน้าออกมาหา คยองซูพยักหน้า
     
    “หมดทุกอย่างเลย แล้วอาบได้ไหมล่ะนั่นน่ะ”  แบคฮยอนยิ้มกว้างจนปากเป็นสี่เหลี่ยม
     
    “มาอาบให้หน่อยสิ” คำตอบของคยองซูคือไม้ถูพื้นในมือที่ยกขึ้นจะฟาดหัวเข้าให้ แบคฮยอนก็เลยต้องรีบมุดหัวกลับแล้วปิดประตูให้ไวเลย คยองซุส่ายหน้าไปมาอย่างระอาใจแต่ริมฝีปากนั้นก็ประดับรอยยิ้มรูปหัวใจเอาไว้ 
     
    พอแบคฮยอนอาบน้ำเสร็จออกมาก็ไม่เห็นคยองซูแล้ว ก็เลยลองเดินไปดูที่ระเบียงห้องหน่อยก็เห็นคยองซูกำลังตากผ้าที่เขาลงไปซักที่ข้างล่างหอมาให้ แบคฮยอนยืนพิงขอบประตูระเบียงมองคนตัวเล็กที่จัดการตากผ้าอย่างคล่องแคล่วแล้วก็ยิ้มออกมา ก็แหม.. มันเหมือนพวกคู่รักเลยเนอะ
     
    เอ๊ะ.. เดี๋ยวนะ... ตัวเขาเริ่มคิดแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ..
     
    หรืออาจจะเป็นวันแรกที่ตัดสินใจมาแชร์ห้องด้วยกันหรือเปล่า
     
     
    “..ที่รัก... แบคฮยอน... พยอนแบคฮยอน!!!” คนที่โดนเรียกก็สะดุ้งสุดตัวเลย แบคฮยอนกระพริบตาเรียกสติแล้วมองคยองซูที่ยืนอยู่ตรงหน้า
     
    “หะ.. ห๊ะมีอะไร” คยองซูหรี่ตาใส่
     
    “ฉันสิต้องถามเป็นอะไรยืนนิ่งอยู่ได้ เรียกก็ไม่ตอบ” แบคฮยอนยกมือขึ้นเกาหัวแล้วก็ส่ายหน้าไปมา บอกไม่ได้หรอกบอกไปนี่ได้อายกันมั้งล่ะ เห็นแบบนี้พี่พยอนน่ะหน้าบางนะจะบอก!!!
     
    “คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยน่ะ ลงไปหาข้าวกินกันเหอะ” 
     
    เมื่อเก็บทุกอย่างเรียบร้อยคยองซูก็ไปล้างหน้าล้างตาก่อนที่จะลงไปหาอะไรกินด้านล่างกัน วันนี้ร้านที่เหลือก็เป็นร้านตามสั่งเจ้าเดิม สั่งจานเดี่ยวของตัวเองแล้วก็สั่งน้ำแกงมาซดให้คล่องคอแบคฮยอนก็เลยต้องย้ายไปนั่งฝั่งตรงข้าม 
     
    อาหารมื้อนี้มันดูบรรยากาศแปลกๆชอบกล รู้สึกแต่ไม่รู้ว่าอะไรที่แปลก พยอนแบคฮยอนก็เลยได้แต่ก้มหน้าก้มตากินข้าวไปเรื่อยๆ คยองซูเองก็เช่นกันไม่มีบทสนทนาใดๆทั้งสิ้น จนคยองซูกินเสร็จก่อนก็นั่งรอแบคฮยอนเงียบๆ แบคฮยอนที่เริ่มรู้แล้วว่าอะไรที่แปลกก็เลยเงยหน้าขึ้นมองคยองซูที่นั่งเท้าคางมองจ้องมาที่ตัวเขาอยู่
     
    “เป็น...”
     
    “แบคฮยอน” ยังไม่ทันที่แบคฮยอนจะได้ถาม คยองซูก็แทรกสวนขึ้นมา คนตัวเล็กทำหน้าตกใจได้น่ารักจนคนมองเคลิ้มไปเลย
     
    “พูดก่อนก็ได้” คยองซูยิ้มแล้วเอียงคอใส่ แบคฮยอนยกมือขึ้นเกาท้ายทอยแล้วก็ส่ายหน้าไปมา
     
    “ที่รักพูดเลยๆ” เมื่อได้รับอนุญาตคยองซูก็ก้มหน้าลงแล้วกัดริมฝีปากตัวเองก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นมองสบตากับคนตรงข้าม ไอ้คนที่โดนดวงตาโตๆนั้นมองก็ทำเอาไปไหนไม่เป็นเลยน่ะสิ ก็คนตรงหน้าน่ะน่ารักน้อยซะเมื่อไหร่กันล่ะ!
     
    “ถามแล้วต้องตอบมาตามความจริงนะ เอาแบบจากใจจริงๆเลยนะ” แม้จะไม่ค่อยเข้าใจแต่แบคฮยอนก็พยักหน้ารับปากก่อนที่จะยื่นมือไปจับกับมือของคยองซูไว้ คล้ายกับให้กำลังใจเบาๆ
     
    “ถามตรงๆเลยนะที่นายมารับผิดชอบฉัน.. ทำเพราะอยากทำหรือกลัวฉันโกรธ” โอ้โห้ถามมาแบบนี้พี่พยอนไปไม่เป็นเลยครับบอกตรงๆ ถ้าตอบว่าที่รับผิดชอบเพราะติดใจอยากเอาอีกนี่... จะโดนกรืบไหมครับให้ทาย
     
    “ทำไมถามแบบนั้นอ่ะ” คยองซูดึงมือออกแล้วมองจ้องหน้าแบคฮยอนด้วยสีหน้าจริงจังทำเอาคนที่ยิ้มทะเล้นหุบยิ้มให้ไวเลย ก็กลัวองค์ลงแล้วจะซวยเอาน่ะสิ
     
    “ถามก็ตอบมาสิ” แบคฮยอนเกาหัวตัวเองอีกรอบก่อนที่จะถอนหายใจเฮือกใหญ่ๆ
     
    “ทำเพราะอยากทำ กลัวโกรธไหมก็ใช่ กลัวเสียนายไปไหมก็ใช่อีกนั่นแหละ ก็ในเมื่อฉันต้องการนายแล้วจะผลักไสกันไปทำไมจริงมะ?” แบคฮยอนยกมือปิดหน้าอย่างอายๆ ก็แหมเกิดอยากจะหน้าบางเขินอายขึ้นมากระทันหันน่ะสิ คยองซูแอบลอบยิ้มกับตัวเองก่อนที่จะตีสีหน้าครุ่นคิดเมื่อแบคฮยอนหันกลับมาสบตา
     
    “แน่ใจนะว่ามีแค่นี้” แบคฮยอนก้มหน้าลงแล้วตบต้นคอตัวเองเบาๆเรียกสติ
     
    “จริงๆก็มีอีกอ่ะ .. บางทีฉันอาจจะชอบนายแล้วล่ะมั้ง” แต่ชอบในความหมายตรงส่วนไหนนี่ขอพี่พยอนไม่ขยายความนะ คยองซูที่นั่งฟังอยู่ก็ยิ้มกริ่มน่ะสิ ปิดความดีใจไว้ไม่มิดเสียแล้วสิก็ดันเล่นมาบอกชอบกันแบบนี้
     
    เอาน่า... วันนี้ชอบ วันหน้าคำว่าชอบมันต้องเปลี่ยนเป็น ‘รัก’ เข้าสักวัน
     
    “แล้วทำไมอยู่ๆถึงถามขึ้นมา” แบคฮยอนเงยหน้ามองคยองซูที่นั่งยิ้มอยู่ฝั่งตรงข้าม แก้มขาวที่เจือไปด้วยสีแดงนี่มันช่างน่าดูชมนัก เอาจริงๆถ้าไม่เกรงใจป้าเจ้าของร้านนี่จะพุ่งข้ามโต๊ะไปฟัดซะให้เข็ด!!! คนอะไรวะน่ารักได้ทุกเวลา!!
     
    “ก็ชานยอลน่ะดิ... เปล่าๆไม่มีออะไรหรอกกินเสร็จหรือยังล่ะ” พอหลุดชื่อคนที่สามออกไปคยองซูก็ทำตาโตแล้วเฉไฉเปลี่ยนเรื่องซะเลยแต่แบคฮยอนที่ได้ยินทุกคำนี่บอกเลยว่ามันไม่รอดแน่ๆไอ้หูกาง!
     
    “ไอ้ชานยอลมึงน่ะมึง” แบคฮยอนเข่นเขี้ยวอยู่ในใจและหมายมั่นว่าจะต้องเอาคืนมันให้ได้ คยองซูก้มลงมองตักตัวเองที่ไขว้นิ้วเอาไว้ ขอโทษนะชานยอลที่ต้องขอยืมชื่อนะไว้จะหาทางช่วยเคลียร์ให้ก็แล้วกันนะ ป่านนี้ชานยอลที่นั่งดูทีวีอยู่บนเตียงคงสะดุ้งแล้วสะดุ้งอีกนั่นแหละ
     
    “ถ้ากินเสร็จแล้วเราก็ไปซื้อของเข้าห้องกันเถอะ” คยองซูลุกขึ้นแล้วออกไปยืนรอที่หน้าร้าน แบคฮยอนยกแก้วขึ้นมาดูดน้ำให้หมดเพราะเสียดาย น้ำนี่ขวดตั้งสิบบาทเลยนะเพราะฉะนั้นต้องกินให้หมด!!
     
    พอแบคฮยอนเดินออกมาจ่ายเงินเรียบร้อยทั้งสองก็เดินไปที่เซเว่นเพื่อจะซื้อของใช้ขึ้นห้องกัน ระหว่างทางคยองซูสอดมือเข้าจับกับมือของแบคฮยอน พอแบคฮยอนหันมามองคยองซูก็เลยยิ้มให้ น่ารักจนคนตัวสูงกว่าไม่อยากจะไปซื้อของแล้ว อยากจะพุ่งกลับห้องมันซะตอนนี้ไปเลย คนอะไรน่ารักไปสามบ้านแปดบ้าน!
     
    แบคฮยอนเป็นคนถือตะกร้าเดินตามคยองซูที่เป็นคนเลือกหยิบของใช้ หน้าที่ประจำของแบคฮยอนเขาล่ะแต่เจ้าตัวก็ดูชอบนะเวลาที่ได้เดินตามคนตัวเล็กกว่าเวลาเลือกของน่ะ ก็เวลาที่คยองซูขมวดคิ้วแล้วก็อ่านฉลากน่ะมันน่ารักนะจะบอก! เอาจริงๆตอนนี้ก็เริ่มคิดแล้วว่าตัวเองจะบ้าตามไอ้จงอินไป
     
    คยองซูที่เลือกหยิบของใช้เสร็จก็เดินไปมุมของกินหยิบใส่ตะกร้านิดหน่อย เกิดเวลาหิวๆแบบฉุกเฉินจะได้ไม่ต้องลงมาข้างล่างให้เสียเวลาและพลังงานมากนัก แบคฮยอนมองของกินในตะกร้าแล้วก็ยิ้มกว้างเลยก็ในตะกร้าน่ะมันมีแต่ของที่เขาชอบนินา~ ก็บอกแล้วว่าโดคยองซูน่ะน่ารักน่าฟัดที่สุด พี่พยอนโชคดีเหลือเกินที่ได้น้องมาเป็นเมีย... เดี๋ยวนะสำนวนคุ้นๆ นี่เขาติดจากไอ้จงอินมาปะเนี่ย
     
    หลังจากซ้อของเสร็จกลับขึ้นมาบนห้องก็ยังต้องเป็นคยองซูที่จัดการจัดเก็บของที่ซื้อมาเข้าที่ให้เรียบร้อย แบคฮยอนที่ตื่นมาช่วงบ่ายๆ อาบน้ำตอนช่วงเย็นแล้วก็ขอเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเตรียมนอนเลยก็แล้วกัน ก็แหมช่วยชาติประหยัดน้ำประหยัดไฟไง นี่บอกเลยนะว่านอกจากพี่พยอนจะหล่อแล้วยังใจดีรักษ์โลกอีกด้วย หาแบบนี้ไม่ได้ที่ไหนนะจ๊ะบอกไว้ก่อนเลย
     
    คยองซูที่หันมาเห็นแบคฮยอนกึ่งนั่งกึ่งนอนเล่นเกมในมือถือก็ยิ้มแล้วส่ายหน้าไปมา หยิบชุดนอนกับผ้าเช็ดตัวไหนก็เตรียมพร้อมอาบน้ำเปลี่ยนชุดแล้วเข้านอน คยองซูน่ะตื่นเช้าแล้วลุกขึ้นมาทำความสะอาดห้องตั้งแต่ตอนสายๆกว่าจะทำทุกอย่างเสร็จก็เย็นแล้วตอนนี้พลังงานใกล้หมดเต็มที 
     
    นัยน์ตาโตมองเงาสะท้อนตัวเองในกระจกแล้วก็วาดรอยยิ้ม ก็พอจะรู้ตัวหรอกว่าไม่ใช่คนที่ทำตัวดีอะไรสักเท่าไหร่ ต้องใช่เล่ห์กลไปขนาดไหนกว่าจะได้แบคฮยอนมาน่ะมันไม่ง่ายเลยนะ คนตัวเล็กไล้ปลายนิ้วเข้ากับช่วงเอวของตัวเองที่มีรอยฟันของคนที่มักจะเผลอทำรอยบนตัวเขาตรงนี้เสียทุกที เอาน่าถึงจะเจ็บแต่ถ้าแบคฮยอนชอบกัดเอวเขาก็ไม่ห้ามหรอก... ก็เวลาที่แบคฮยอนลุ่มหลงกับเรื่องอย่างนั้นจนเผลอแสดงสัญชาตญาณของผู้ชายออกมาน่ะมันก็น่าตื่นเต้นดีนะ
     
    หลังจากอาบน้ำเสร็จคยองซูก็ปีนขึ้นเตียงที่มีแบคฮยอนนอนรออยู่แล้ว ดวงตาของแบคฮยอนน่ะเรียวเล็กแต่ไม่รู้ทำไมเวลามองสบตาทีไรคยองซูเหมือนจะโดนดูดเข้าไปในความมืดนั้นทุกที พอมองจ้องมากๆเข้าก็แทบจะไม่เป็นตัวของตัวเองแล้ว
     
    “รักนะ” แบคฮยอนกระซิบเสียงแผ่วแล้วถอนตัวออกแต่คยองซูก็คล้องสองมือรอบลำคอรั้งไม่ให้ถอยห่างแล้วก็ส่งยิ้มให้
     
    “ไม่รักหรอก” ว่าแล้วก็หัวเราะคิกคักถูกใจเขานักล่ะ แบคฮยอนเลิกคิ้วมองแล้วก้มหน้าลงเข้าไปใกล้กับคนที่ยังยิ้มหวานอยู๋ไม่ไกล
     
    “ไหนพูดใหม่ดิ๊” คยองซูยิ้มกว้างจนริมฝีปากวาดเป็นรูปหัวใจแล้วทำหน้าตาอวดดี
     
    “ฉันไม่รักนายหรอกแบคฮยอน” คนที่ได้รับคำตอบไม่ถูกใจก็ก้มลงจูบทำโทษเสียหนึ่งจูบก่อนที่จะผละออกแล้วมองจ้องหน้า
     
    “ให้ตอบใหม่” คยองซูแลบลิ้นใส่แล้วส่ายหน้าไปมา แบคฮยอนก็เลยก้มลงฉกหอมแก้มซ้ายที ขวาทีจนคยองซูต้องห้ามปราบด้วยการหันหน้าหนีและฟาดมือที่ไหล่ของคนด้านบนให้หยุด
     
    “ให้โอกาสพูดใหม่อีกรอบ” คนตัวเล็กหัวเราะแล้วรั้งมือที่โอบรอบลำคอของแบคฮยอนให้ก้มลงมาใกล้ คยองซูไล้มือไปตามโครงกรอบหน้าของแบคฮยอนแล้วก็ยื่นริมฝีปากแล้วไปแตะสัมผัสกทาบแผ่วเบา
     
    “รักนายที่สุดเลยแบคฮยอน” พอคำตอบเป็นที่พอใจแบคฮยอนก็กดยิ้มที่ริมฝีปากแล้วก้มลงไปป้อนจูบลึกๆให้คนใต้ร่าง คยองซูก็เอียงหน้ารับจูบนั้นอย่างเต็มใจ สองมือสอดไล้เข้าใต้เส้นผมแล้วขยุ้มมันเบาๆ แบคฮยอนก็ยิ่งมอบจูบลึกที่ถวิลหาให้จนแทบขาดลมหายใจ
     
    ช่วงกลางดึกเสียงมือถือของแบคฮยอนก็ดังขึ้นเรียกให้คนที่กำลังนอนกอดก่ายกันต้องขยับตัวลุกขึ้นไปหยิบมาดูว่าเป็รใครกันที่โทรมาเอาตอนป่านนี้ พอมองชื่อคนโทรเข้ามาแล้วก็ได้แต่สงสัยว่าพวกก๊วนเพื่อนวิศวะโทรทำไมเอาป่านนี้ แบคฮยอนชะโงกหน้ามองคยองซีที่ยังหลับอยู่แล้วก็ค่อยๆขยับตัวลงจากเตียงเดินไปยังประตูระเบียงแล้วค่อยกดรับสาย
     
    “อะไรของพวกมึงวะโทรมาทำไมเนี่ย” แบคฮยอนพยายามคุมเสียงให้เบาเพราะกลัวว่าจะไปปลุกคนที่ยังนอนอยู่
     
    “เฮ้ยทำไมไร้เยื่อใยแบบนี้วะ ว่าไงสนใจออกมาเที่ยวกับพวกเราเปล่า” แบคฮยอนกรอกตาไปมา พวกนี้รู้จักกันก็ตอนเชื่อมสัมพันธ์คณะนั่นแหละ กีฬาจบมิตรภาพไม่จบก็นัดสังสรรค์กันบ้างอะไรบ้างตามประสาแต่พวกมันค่อนข้างเรียนหนักก็เลยไม่ค่อยได้ไปร่วมก๊วนกันสักเท่าไหร่
     
    “อยู่ไหนวะที่เดิมพวกมึงเหรอน่ะ”
     
    “เออมาเปล่าๆ นี่กะว่าจะไปต่ออยู่นะ” แบคฮยอนที่อยากจะตอบตกลงใจแทบขาดก็ได้แต่อึกๆอักๆ คยองซูหลับแล้วถ้าเขาแอบหนีไปก็คงไม่เป็นไรหรอกถ้ากลับมาก่อนที่คนตัวเล็กจะตื่นแต่...
     
    “เฮ้ยว่าไง” แบคฮยอนเหลือบสายตาไปมองคนตัวเล็กที่นอนอยู่บนเตียงแล้วก็ถอนหายใจ
     
    “ไม่ว่ะ ไว้คราวหน้านะโทษที” 
     
    “เออไม่เป็นไร งั้นแค่นี้นะโว๊ย” เมื่อล่ำลากันเรียบร้อยแบคฮยอนก็กดตัดสายไปแล้วเดินกลับไปวางมือถือไว้ที่เดิมก่อนที่จะปีนขึ้นเตียงไปนอนหนุนหมอนใบเดียวกับคยองซูแล้วรวบคนตัวเล็กเข้ามากอด แบคฮยอนกดรมิฝีปากที่กลุ่มผมนิ่มของคยองซูเบาๆก่อนที่จะหลับไปอีกครั้ง
     
    คยองซูที่ตื่นตั้งแต่ได้ยินเสียงเรียกเข้ามือถือของแบคฮยอนก็ค่อยๆลืมตาขึ้นมา เงยหน้ามองแบคฮยอนที่หลับไปแล้วก่อนที่จะกดยิ้มจางๆ ตัวเขาได้ยินบทสนทนาทั้งหมดนั่นแหละ คาดว่าพวกเพื่อนๆสักก๊วนจะต้องโทรมาชวนออกไปเที่ยวแน่ๆและด้วยนิสัยเจ้าชู้ตัวพ่อขนาดนี้ การที่ไม่ได้เต๊าะหญิงสาวมานานๆมันก็คงจะเซ็งและเบื่อ... ก็เอาสิ คยองซูไม่เคยรั้งและไม่เคยห้ามแต่บอกไว้ก่อนเลยนะว่าบทลงโทษน่ะไม่มีปราณีนะจะบอก
     
    ...ก็อยากจะรู้นักว่าพยอนแบคฮยอนจะทนอยู่ติดกับเขาได้อีกสักกี่คืน...
     
     
     
    เช้านี้หลังจากที่ตื่นนอนแล้วก็ได้รับสายจากชานยอลว่าให้มาที่บ้านเพราะตัวเองเพิ่งกลับจากไปเที่ยวมาซื้อขนมมาฝากให้มาเอา แน่นอนว่าซ้อมาให้กินฟรีๆแล้วก็มาเอาเองจะได้ถือโอกาสมานั่งกินข้าวหรือนอนค้างด้วยกันซะเลย
     
    คยองซู แบคฮยอนนั่งแท็กซี่ไปกับจงอินและจงแด กว่าจะหาคนนั่งหน้าข้างคนขับได้ก็ทำเอาจงแดแทบประสาทเสียก็พี่จงอินท่านไม่อยากจะห่างกับยาใจนินะ กว่าจะยอมไปนั่งได้ก็เล่นเอาซะคิมจงแดองค์จะลง พอมาถึงเห็นหน้าชานยอลได้แบคฮยอนก็นึกถึงคดีที่ต้องสะสางขึ้นมาได้ทันที
     
    “ไอ้ชานยอลมึงไปพูดอะไรกับคยองซูให้เขว้ห๊ะมึง” แบคฮยอนเปิดฉากทันทีที่จแดกับคยองซูอาสาไปจัดขนมใส่จานมาให้ คนที่โดนว่าแบบนั้นก็ทำตาโตทำหน้างงๆใส่
     
    “ไม่ต้องมาแบ๊วงงเลยนะมึง” แบคอยอนชี้นิ้วใส่ ชานยอลก็ยังคงทำหน้างงเหมือนเดิม
     
    “พูดอะไรวะ” แบคฮยอนหรี่สายตามอง
     
    “ทำมาเป็นเนียนนะมึง ก็มึงไปบอกว่าที่กูรับผิดชอบคยองซูเพราะกูกลัวคยองซูโกรธไงเดี๋ยวกูก็แช่งให้ไอ้คริสมีเมียใหม่เลยนิ” ชานยอลแบะปากใส่
     
    “มันไม่มีหรอกกูรู้ ว่าแต่กูไปพูดตอนไหนวะ” ชนยอลทำหน้างงๆแล้วหันไปมองคริสว่าตัวเองน่ะพูดอะไรตอนไหนซึ่งคริสก็ส่ายหน้ากลับมา
     
    “คอยดูนะมึงกูเอาคืนแน่ทำคนอื่นเขาร้าวฉานดีนัก” แล้วแบคฮยอนก็ลุกขึ้นไปช่วยคยองซูถือจานขนมออกมา ส่วนจงอินน่ะเหรอพี่ท่านวิ่งไปช่วยตั้งแต่เห็นขาของจงแดเดินออกมาจากห้องครัวล่ะ
     
    “กูพูดตอนไหนอ่ะ” ชานยอลหันหน้าไปถามแต่คริสก็ได้แต่ส่ายหน้า
     
    “พูดเหรอวะ.. เอ๊ะหรือกูพูดจริงๆวะ” ชานยอลก็ได้แต่ทำกระพริบตาปริบๆอย่างงงงวยต่อไป
     
    “ไม่ใช่ว่าโดนอ้างชื่อหรือไง” คริสเอื้อมมือไปขยี้ผมของชานยอล เจ้าตัวคิดตามคำพูดของคริสแล้วก็ยิ้มมุมปาก แบบนี้มันต้องมีเอาคืน!!!
     
    นั่งกินขนมเล่นเกมกันไปก็มีความสุขและสนุกกันดี วันนี้ที่บ้านของชานยอลไม่มีคนอยู่ทุกคนก็เลยว่าจะมานอนที่บ้านของชานยอลกัน ซึ่งแน่นอนว่าต้องนับเพื่อนบ้านสนหน้าตาดีไว้ด้วยอีกคนหนึ่ง คยองซูกับจงแดอาสาจะเตรียมมื้อเย็นให้แน่นอนว่าพวกก๊วนเล่นเกมก็เห็นดีเห็นงามไปด้วย
     
    มื้อเย็นก็เป็นอะไรง่ายๆ สะดวกๆที่ไม่ยุ่งยากเวลาทำ นั่งล้อมโต๊ะกินข้าวกันแล้วก็มีความสุข แหงล่ะเวลาที่ได้อยู่พร้อมหน้ากันแล้วก็ได้คุยสัพเพเหระนี่มันใช่อย่างบอกไม่ถูก ปละเรื่องดีๆของพยอนแบคฮยอนก็คือมีคนตัวเล็กข้างๆคอยทำโน้นทำนี่ให้ จริงๆคนตัวเล็กก็เป็นแบบนี้อยู่แล้วแต่เป็นตัวเขาเองนี่แหละที่มองข้ามไปตลอด... โธ๋ง๊าวยิ่งกว่าเพนกวินอีกนะกูเนี่ย!
     
    หลังจากกินมื้อเย็นเสร็จพวกก๊วนเล่นเกมก็เตรียมพร้อมที่จะเปิดประลองศึกใหม่ คยองซูก็เลยว่าจะไปนอนกับจงแดคืนนี้แทนเพราะแน่นอนว่าคืนนี้พวกพี่ท่านคงสว่างโร่คาตาไม่ก็นอนแถวหน้าทีวีแน่ๆคงไม่มีใครเดินขึ้นไปนอนบนห้องแน่ๆ แบคฮยอนส่งจอยเกมให้จงอินเล่นต่อส่วนตัวเองก็จูงมือคยองซูให้เดินตามมาที่ห้องครัว
     
    “คืนนี้จะนอนกับจงแดเหรอ”คยองซูพยักหน้า แม้จะไม่ค่อยอยากแต่ก็ต้องยอมนั่นแหละเพราะวันนี้ชานยอลเพิ่งซื้อแผ่นเกมมาใหม่แน่นอนว่ามันต้องเล่นกันยันเช้า!
     
    “งั้นคืนนี้ยกยอดให้สักคืน” คยองซูหัวเราะแล้วยกสองแขนคล้องรอบคอของแบคฮยอนไว้
     
    “กลับห้องเราไปจะให้ทบต้นทบดอกก็แล้วกันนะ” แบคฮยอนยกยิ้มเจ้าเล่ห์พร้อมกับดวงตาที่เป็นประกาย
     
    “พูดแล้วนะ” แบคฮยอนเกี่ยวเอวเล็กของคยองซูให้เข้ามาแนบชิด
     
    “อืม” คยองซูรั้งแบคฮยอนให้โน้มหน้าลงมารับจูบที่ตัวเขาป้อนให้ แบคฮยอนที่คืนนี้จะไม่ได้นอนกอดคนตัวเล็กก็เก็บเกี่ยวความหวานนั้นไว้เสียเต็มที่ กดจูบลึกและจาบจ้วงจนคนในอ้อมแขนแทบยืนไม่อยู่ถ้าไม่ได้อ้อมแขนของแบคฮยอนคอยประคอง
     
    “พอได้แล้วน่า” คยองซูหันหน้าหนีจูบของแบคฮยอนที่จะกดป้อนมาให้ ปลายนิ้วของคยองซูจับคางของแบคฮยอนให้เบี่ยงหน้าไปอีกทางแต่แบคฮยอนก็หันกลับมากดจูบที่ลำคอของคยองซูเบาๆ
     
    “รักที่รักนะ” คยองซูพยักหน้ารับให้กับเสียงกระซิบชิดใบหู สองมือเล็กดันอกแบคฮยอนให้ออกห่างแล้วตัวเองก็ถอยก้าวออกจากอ้อมแขนนี้ มือของคยองซูที่จับอยู่ที่ไหล่ค่อยๆลากไล้ลงมาที่อกแล้วค่อยๆละออกจากตัวของแบคฮยอนตามระยะห่างที่ก้าวถอย ดวงตาโตยังคงสบกับดวงตาเรียวไม่ลดละ
     
    คนตัวเล็กหันหลังให้พร้อมกับทิ้งสายตาให้อย่างมีความหมาย แบคฮยอนที่กำลังตกหลุมห้วงสีมิดนั้นก็มองตามจนแทบลืมหายใจ คยองซูหันหน้าข้ามไหล่กลับมามองแล้วส่งยิ้มให้ก่อนที่จะเดินออกจากห้องครัวไปโดยที่ไม่หันมามองอีกเลย แบคฮยอนที่มองตามก็แลบลิ้นเลียริมฝีปาก ... นี่ตัวเขาเดินตามคนตัวเล็กขึ้นไปข้างบนเลยได้ไหมเนี่ย!! ไม่อยากจะทนแล้วนะบอกเลย!!
     
    “ใจเย็นไว้ลูกพ่อ ไว้กลับของห้องเรานะ” แบคฮยอนก้มลงปลอบใจลูกน้อยที่เริ่มจะไม่น้อยเบาๆแต่ดูเหมือนมันจะไม่ค่อยเชื่อฟังเท่าไหร่ ก็ดวงตาโตที่มองจ้องมานั้นมันเชิญชวนซะขนาดนั้นนี่นะใครที่ไหนมันจะทนไหวกันล่ะวะ!
     
    แต่ทนไม่ไหวก็ต้องทน เพราะถ้าไม่ทนก็คงจะได้เอากับน้องนางทั้งห้าของตัวเองนี่แหละ
     
     
     
    ...เอาจริงๆนะ ตอนนี้ตัวของแบคฮยอนเริ่มรู้สึกแล้วว่าเขาขาดคยองซูไปไม่ได้เสียแล้วสิ...
     
     
     
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×