ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Sweet line Project] KrisYeol : My puppy คุณหมาแสนรัก [END]

    ลำดับตอนที่ #7 : My puppy - 7

    • อัปเดตล่าสุด 1 มี.ค. 57


    บางทีก็นึกอิจฉาพี่คริสแต่บางทีก็อิจฉาชานยอล
     
    อิจฉาหมดเลยยยยยยยยยยยยยยยยยยย *ดอนท์คือรายยยยยยย*
     
     
    ปล. ไม่ลืมแล้ว ฮ่าๆๆๆๆๆ 
     
    ปล. 2 รักษาสุขภาพกันนะคะ~ ด้วยรักและห่วงใยจากน้องไข่หวาน
     
    ^w^
     
     
     
     
     
    __________________________________
     
     
     
     
     
     
    “ว่าแต่ผม ชานยอลเองก็เหมือนกันนั่นแหละ” คริสว่าอย่างขำขันก่อนที่จะหยิบทิชชูเอื้อมไปเช็ดที่มุมปากของชานยอลบ้าง ชานยอลหัวเราะกับตัวเองที่เคยว่าเขาก่อนแต่ตอนนี้กลับโดนย้อนซะเอง 
     
    “แต่ก็น่ารักดีนะ” ชานยอลที่หัวเราะอยู่ดีๆก็หยุดชะงักแล้วมองหน้าคนตรงข้ามด้วยสีหน้าตกใจ คริสที่นั่งเท้าคางอยู่ก็หัวเราะแล้วชี้นิ้วไปที่คนตกใจ
     
    “ชานยอลน่ะน่ารักนะ ยิ้มเยอะๆสิ” ชานยอลเผยรอยยิ้มกว้างๆแล้วเอียงคอใส่
     
    “ก็ยิ้มอยู่นี่ไง”
     
    แล้วทั้งสองคนก็นั่งกินข้าวกันต่อให้เสร็จโดยที่ก็ยังคงแกล้งกันไปมา หลังจากจ่ายเงินก็เดินออกมาจากร้านโดยที่มีคริสหิ้วถุงหนังสือพวกนั้นตามมา ชานยอลเดินจับแขนของคริสให้มาด้วยกัน ถ้าหลงกันล่ะก็แย่แน่ๆ คริสก็ยังคงพยายามจะแกล้งชานยอลให้ได้หัวเราะ ชานยอลก็หันกลับไปฟาดแขนแต่ก็ไม่เข็ดเสียที
     
    ชานยอลหันไปมองอีกด้านเพื่อหาร้านไอศกรีมแต่แล้วก็ต้องหันกลับไปเมื่อโดนสะกิดที่ไหล่ พอหันกลับไปก็โดนนิ้วจิ้มเข้าที่แก้มพร้อมกับเสียงหัวเราะของคนแกล้ง ชานยอลพองลมใส่สองแก้มแล้วเท้าเอวตีหน้าดุใส่แต่คริสก็ยังหัวเราะไม่หยุด คนที่ทนไม่ไหวก็เลยรัวมือฟาดเข้าที่ต้นแขนเอาน่ะสิ
     
    “โอ๊ยเจ็บๆๆๆ ไม่แกล้งแล้วครับ!” คริสพยายามเบี่ยงตัวหนีแต่ชานยอลก็ไม่ยอมยังตามมาฟาดมืออีก ยกมือขึ้นกันก็ได้แค่นั้นแหละเพราะยังไงก็โดนฟาดอยู่ดี
     
    “เจ็บสิดี หัวเราะเหรอๆ ตลกมากใช่ไหม!!” คริสพยายามจับมือของชานยอลไว้แต่ก็จับได้แค่ข้างเดียวนั่นแหละเพราะอีกข้างต้องหิ้วถุงหนังสือ
     
    “ไม่ตลกครับๆ” ชานยอลหยุดมือแล้วเท้าเอว ทำหน้าดุใส่
     
    “รู้ก็ดี ไม่ต้องมาแกล้งเลย” แล้วก็สะบัดหน้าหนีไปเลย แต่ชานยอลกลับรู้สึกว่าอยากจะให้คริสแกล้งต่อไปอีกสักนิดจะได้ไม่ต้องมาเห็นอะไรที่มันบาดทั้งตาและใจ อยู่ๆก็รู้สึกร้อนที่หัวตาแล้วเหมือนภาพตรงหน้ามันก็พร่าเลือน
     
    ผู้ชายใจร้ายคนนั้นเดินโอบเอวผู้หญิงผ่านหน้าไปพร้อมกับทิ้งสายตาหยามเหยียดใส่ ชานยอลที่มองตามก็มองไม่เห็นแล้วเพราะภาพตรงหน้ามันพร่าเลือนไปหมด แล้วอยู่ๆภาพตรงหน้าก็ดับมืดลงเมื่อคริสดึงตัวชานยอลเข้ามากอดแล้วกดใบหน้าของชานยอลให้ซบไว้ที่ไหล่ของตัวเอง
     
    “ไม่ต้องมอง ไม่ต้องคิด เรากลับบ้านของเรากันนะครับ” น่าแปลกที่เสียงทุ้มที่กระซิบแนบใบหูทำให้คนที่กำลังใจสั่นไหวให้นิ่งสงบและหยดน้ำตาที่กำลังจะไหลรินก็หยุดคลอหน่วยที่รอบดวงตา
     
    คริสพาชานยอลกลับบ้านด้วยแท็กซี่ บอกสถานที่ที่จำได้เสร็จสรรพก็นั่งมองชานยอลที่นั่งอิงหัวกับพนักเบาะรถแล้วมองออกไปนอนหน้าต่าง เงาจากด้านนอกที่สะท้อนภาพใบหน้าน่ารักที่ไร้รอยยิ้ม ไร้เสียงหัวเราะแล้วก็เจ็บปวดใจดีพิลึก มันเจ็บแปลบๆที่ในอกด้านซ้าย เจ็บเหมือนกำลังจะขาดใจ
     
    คริสเลื่อนมือไปจับมือของชานยอลที่วางอยู่หน้าตักแล้วบีบแน่นๆเพื่อบอกว่ายังมีเขาอยู่ข้างๆอีกคน ชานยอลเลื่อนมือสอดประสานกับฝ่ามืออุ่นที่กอบกุมมือของตัวเองแล้วนั่งนิ่งๆอยู่แบบนั้นจนถึงบ้าน ชานยอลลงไปก่อนคริสก็เลยเป็นฝ่ายจ่ายเงินแล้วเดินตามชานยอลเข้าบ้านไป 
     
    ชานยอลเดินขึ้นชั้นบนโดยที่ไม่รอใครอีกคนเลย คริสก็เลยต้องปิดบ้านและดูแลความเรียบร้อยของชั้นล่างก่อนที่จะเดินตามขึ้นไป เสียงน้ำที่ได้ยินทำให้รู้ว่าใครอีกคนอยู่ในห้องน้ำ คริสนั่งรออยู่บนเตียงด้วยอาการที่อยู่ไม่นิ่งเช่นกัน เขากลัวว่าชานยอลจะร้องไห้คนเดียว กลัวไปหมดทุกอย่าง
     
    บานประตูห้องน้ำเปิดออกหลังจากที่นั่งคอยอยู่นานจนไม่รู้ว่าจะนั่งรออยู่เฉยๆหรือไปเคาะประตูเรียกดู แค่คริสก็รู้ว่าสิ่งที่ตัวเองคิดนั้นเป็นจริง ชานยอลแอบร้องไห้คนเดียวจริงๆด้วย ขอบตาแดงช้ำ ปลายจมูกแดงเรื่อ คริสจะเดินเข้าไปหาแต่ชานยอลเดินเบี่ยงแล้วปีนขึ้นเตียงไปนอนเสียแล้ว ตัวเขาจะทำอะไรได้ล่ะนอกจากไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดนอนก็เท่านั้น
     
    ชานยอลที่นอนอยู่บนเตียงก็ได้แต่คิดไปสาระตะว่าตัวเขานั้นคงจะเป็นคนที่เขาไม่ต้องการจริงๆนั่นแหละ ไม่เช่นนั้นตัวเขาจะถูกมองด้วยสายตาแบบนั้นทำไมกัน หญิงสาวคนนั้นที่คนใจร้ายเดินโอบเอวมาก็ไม่ใช่คนเดียวกับที่เขาเห็นในคืนนั้น เขาคนนั้นไม่เคยเป็นเช่นนั้นหรือเขาเป็นแบบนั้นอยู่แล้วแต่เป็นเราเองที่ปิดตามองไม่เห็นมันเอง
     
    เขาไม่เคยปฏิเสธคนที่เข้ามาหาและไม่เคยผลักไสใคร ถ้าจะมีคนแรกก็คงจะเป็นตัวเขาเองนี่แหละ ตอนที่ยังคบกันเขาคิดว่านั่นคือความสุขแต่แท้จริงแล้วมันคงไม่ใช่เพราะมันมีแต่เขาที่คอยวิ่งตามคนๆนั้น เพราะแบบนี้สินะเขาถึงโดนทิ้ง ช่างน่าสมเพชนักปาร์คชานยอล
     
    คริสที่อาบน้ำเสร็จปิดไฟเรียบร้อยก็ปีนขึ้นเตียงมานอนข้างๆกัน ชานยอลที่นอนหันหน้ามาทางเขาเลื่อนสายตาขึ้นมองสบกัน นัยน์ตากลมที่สะท้อนแสงสลัวจากด้านนอกนั้นยิ่งตอกย้ำว่าคนๆนี้กำลังจะร้องไห้อีกแล้ว คริสเอื้อมมือไปลูบไล้ที่แก้มแผ่วเบา
     
    “อยากร้องไห้ไหมครับ” ชานยอลไม่ตอบแต่พยักหน้าแทน คริสขยับตัวเข้าไปใกล้แล้วดึงคนอ่อนแอเข้ามากอดแนบอก
     
    “ร้องออกมาให้หมดนะครับ ร้องแล้วลืมเขาคนนั้นออกไปจากหัว ลืมไปเลยว่าเคยมีเขาอยู่บนโลกใบนี้” น้ำเสียงนุ่มทุ้มและอ้อมกอดที่อบอุ่นก็ทำให้คนเสียใจปล่อยน้ำตาออกมา แม้จะไม่ได้ร้องไห้สะอื้นโฮเหมือนคนบ้าก็เถอะ แต่ชานยอลเสียใจและเจ็บใจจริงๆ ……. เจ็บใจที่เคยโง่ไปหลงความรักจอมปลอมแบบนั้น
     
    “คุณยังมีผมอยู่นะชานยอล” เสียงนุ่มทุ้มมาพร้อมกับอ้อมกอดอุ่นๆที่โอบกอดกระชับ ชานยอลขยับตัวเบียดซุกอยู่ในอ้อมอกที่แสนอบอุ่นนั้น คริสประทับจุมพิตที่กลุ่มผมนิ่มก่อนที่จะกระซิบเสียงแผ่วด้วยเพราะคิดว่าชานยอลคงไม่ได้ยิน
     
    “ผมจะอยู่ข้างคุณตลอดไปคุณเป็นหัวใจของผม คุณร้องไห้ผมก็เจ็บไปด้วยอย่าร้องไห้อีกเลยนะ” ชานยอลได้ยินคำพูดแผ่วเบานั้นชัดเจน แม้ว่าน้ำตายังคงไหลรินแต่ริมฝีปากอิ่มก็วาดรอยยิ้ม ขยับตัวเบียดซุกอ้อมอกอุ่นนั้นแล้วก็พล็อยหลับไป คริสยังคอยเฝ้าปลอบประโลมและจุมพิตกลุ่มผมนิ่มคอยกล่อมให้ฝันดี
     
    ...คาดว่าคืนนี้ชานยอลคงฝันดี...
     
     
     
     
    คริสขยับตัวแล้วลืมตาตื่นขึ้นก็ไม่รู้ว่าเขาหลับไปตอนไหนแต่แทนที่จะได้เห็นทัศนียภาพตรงหน้าชัดๆกลับเห็นแผ่นกระดาษที่แปะหน้าผากเขาแทนเสียนี่ ขยับกายลุกขึ้นแล้วดึงกระดาษที่แปะหน้าผากเขาออกมาดู ลายมือตัวกลมๆที่ปรากฏอยู่บนแผ่นกระดาษสีขาวนั้นคงเป็นลายมือของเจ้าของบ้าน
     
    ...ฉันไปเรียนก่อนนะเดี๋ยวจะกลับมา ขอโทษที่ไม่ปลุกแล้วก็ขอบคุณเรื่องเมื่อคืนด้วย ข้าวเช้าอยู่ข้างล่างนะเจ้าหมาขี้เซา!!...
     
    อ่านข้อความนั้นจบก็หัวเราะกับตัวเองเบาๆ ชานยอลเป็นคนน่ารักที่เสมอต้นเสมอปลายจริงๆเลย แม้ว่าเมื่อคืนเจ้าตัวจะร้องไห้จนหลับไปแต่เช้านี้ก็ตื่นมาร่าเริงได้ ตัวเขาก็ดีใจ เขาไม่อยากให้ชานยอลทำแต่หน้าอมทุกข์ ไม่มีความสุขเวลาที่เขาเห็นทีไรมันก็พาลให้เขาเจ็บทุกที เขาไม่เคยได้ดูแลและไม่เคยได้เข้าใกล้ชานยอลเลยสักครั้ง ครั้งนี้เหมือนกันโอกาสที่พระเจ้าประทานมาให้เขาก็จะใช้มันให้คุ้มก่อนที่ท่านจะริบมันคืน
     
    “เจ้าหมาขี้เซาอย่างนั้นเหรอ?” 
     
    ถ้าชานยอลรู้ความจริง... จะยังรักเขา ยิ้มให้เขาและยังอยากอยู่กับเขาอีกไหมนะ
     
     
     
     
     
     
     
     
    “อ้าววันนี้แฟนไม่มาด้วยเหรอ” พอมาถึงแบคฮยอนก็ปากยื่น ปากยาวเลยไงล่ะ
     
    “นั่นดิ พอไม่มาด้วยแล้วดูหน้าไม่สดใสเลยนะ” จงแดแกล้งทำเป็นยืดคอมองหาใครอีกคน ชานยอลก็เลยชี้นิ้วคาดโทษใส่ทั้งคู่ซะเลย
     
    “คริสไม่ได้มาหรอก ไม่กล้าปลุก” ชานยอลลงนั่งแล้วยกมือขึ้นเท้าคาง
     
    “นอนด้วยกัน? ไหนบอกไม่ใช่แฟนไง” แบคฮยอนขมวดคิ้วแล้วยื่นหน้าเข้ามาถาม จงแดเองก็พยักหน้ารับเหมือนว่าจะถามคำถามนั้นเหมือนกัน
     
    “ไม่ใช่แฟนก็นอนด้วยกันได้มั้ง” 
     
    “ตลกเหอะ คนที่ไม่ใช่แฟนที่ไหนเขาจะนอนด้วยกันวะ ดูฉันกับไอ้จงแดดิยังไม่นอนด้วยกันเลย สยอง!” แบคฮยอนแบะปากแล้วมองเพื่อนที่นั่งอยู่ข้างกายอย่างแขยงๆ
     
    “ทำอย่างกับฉันอยากนอนกับหมากระเป๋าอย่างแกนักอ่ะ” นี่ถ้าไม่เกรงใจล่ะก็คิมจงแดจะสกายคิกใส่เลยเถอะ
     
    ชานยอลนั่งเท้าคางมองเพื่อนทั้งสองคนทะเลาะกันแล้วก็หัวเราะอารมณ์ดี ส่วนหนึ่งก็คงมาจากอ้อมกอดเมื่อคืนด้วยล่ะมั้งที่ทำให้เขาตื่นมาแล้วรู้สึกดีแบบนี้ อ้อมกอดนั้นยังคงกอดเขาไว้ไม่ยอมปล่อย ยังคงกล่อมให้ตัวเขาฝันดี ก็พอรู้หรอกว่าเมื่อคืนคริสคงนอนดึกก็เลยไม่กล้าปลุกให้ตื่นออกมาตอนเช้าด้วยกัน ก็เลยเขียนโน๊ตบอกไว้แล้ววันนี้ตัวเขาก็จะรีบกลับบ้านด้วยแหละ... เป็นห่วงคนตัวโตคนนั้น
     
    ถ้อยประโยคกระซิบเมื่อคืนยังคงวนเวียนอยู่ในโสตประสาท ยิ่งคิดถึงก็ยิ่งรู้สึกว่าแก้มมันจะร้อนๆ ชานยอลเลยตัดสินใจฟุบหน้าลงกับโต๊ะ นี่คืออีกหนึ่งเหตุผลที่ไม่ยอมปลุกให้มาด้วยกัน ก็คนมันอายนินา.. ถ้อยคำนั้นอย่างกับคำบอกรักแน่ะ ใครล่ะจะทนไหว
     
     
    ถ้านั่นคือคำบอกรัก... จะคิดเข้าข้างตัวเองได้ไหมนะว่าอีกคนก็มีใจให้เหมือนกัน
     
     
    อีกไม่นานหรอกหัวใจของฉันจะลบคนใจร้ายนั้นออกไป แล้วแทนที่ด้วยความอบอุ่นของนายน่ะคริส
     
     
     
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×