ลำดับตอนที่ #6
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : Chapter 6 : Rule 01 เรียกกันที่รักทุกคำ
เรื่องหื่นมาเป็นแสน ดูสิตอนนี้จะเหลือกี่คน 55555555555555
เราอ่านทุกข้อความนะคะ อิอิ ขอบคุณที่ชอบและรักเรา #ใช่เหรอ ดีใจค่ะที่ทุกคนชอบเรามากขนาดนี้ *ร้องฮร่าย*
อะไรคือทุกคนอยากรู้ว่าทูจงได้เสียกันยังไง คือใช่หรอ 55555555
ทุกคนชอบทูจงเราก็ดีใจค่ะ TwT #พลังแม่ทูจงฟื้นคืนชีพอีกครั้งอั้งอั้งอั้งอั้งอั้ง #เอคโค่เพื่อ
ปล. เรามีแท็กในทวิตเตอร์นะ~ #กฎรักแบคคยอง
อันเก่ามันไม่ขึ้น ใช้อันนี้นะคะ
อันเก่ามันไม่ขึ้น ใช้อันนี้นะคะ
___________________________________
หลังจากวันที่ตกลงเซ็นสัญญาลงนามที่จะได้เสีย.. อ่า.. ไม่ใช่เซ็นสัญญาตกลงคบกันแล้ว แบคฮยอนกับคยองซูก็คุยกันน้อยลง ไม่ใช่เพราะเกิดรู้สึกหรือคิดอะไรหรอกแต่พยอนแบคฮยอน...... กำลังเขิน
แหงล่ะ.. ใครจะไม่เขินกันนี่บอกเลยนะว่าพี่พยอนโคตรจะเขินเลยมาเรียกที่รักอะไรเนี่ย.. ทั้งๆที่ก็เป็นคนคิดกฎเองแท้ๆ ลูกผู้ชายมาดแมนแบบนี้ก็เขินเป็นนะเว๊ยมาเรียกใครว่าที่รงที่รักน่ะ โอ๊ย!! พยอนแบคฮยอนอยากจะเป็นลม
แบคฮยอนเปิดประตูห้องน้ำออกมาหลังจากที่ยืนทำใจอยู่นาน คยองซูที่นั่งอ่านหนังสืออยู่บนเตียงก็หันหน้าไปมองแบคฮยอนที่อาบน้ำสวมชุดนอนเรียบร้อยเดินทำหน้าคิ้วขมวดออกมา แม้จะแปลกใจนิดหน่อยแต่ก็ไม่อยากจะถามอะไรมากนักหรอก เอาจริงๆก็ไม่ใช่นิสัยส่วนตัวที่ชอบไปยุ่งเรื่องชาวบ้านและก็ไม่เห็นมีความจำเป็นที่จะต้องถาม
“หนะ.. นอนกันเถอะ” แบคฮยอนยกมือขึ้นเกาหัวแล้วหน้าหนี ก็แหมคนบนเตียงที่หันมามองดว้ยตาโตๆน่ะ... มันน่ารักน้อยซะเมื่อไหร่กันล่ะ
“ก็นอนสิ” คยองซูปิดหนังสือแล้ววางเก็บไว้ที่โต๊ะข้างหัวเตียงก่อนที่จะล้มตัวลงนอนปล่อยให้แบคฮยอนยืนอยู่ตรงนั้นคนเดียว จะยืนจนเช้าก็ช่างเลยยังไงคยองซูก็ไม่สน
แบคฮยอนที่ยืนมองคยองซูนอนหลับตาพร้อมที่จะหลับแล้วก็ได้แต่อ้าปากพะงาบๆ จะพูดอะไรมันก็ไม่ยอมออกจากปากสักที ขอถอนหายใจสักเฮือกแล้วก็เดินอ้อมเตียงไปขึ้นนอนที่ฝั่งของตัวเอง แบคฮยอนนอนหงายวางแขนก่ายหน้าผากเอาไว้ คือแบบ.. ทำไมมันลำบากใจแล้วก็หนักใจขนาดนี้ก็ไม่รู้เนี่ย ถึงจะหน้าตาดีก็อายเป็นนะเว๊ยบอกเลย
“ฝันดีนะที่รัก” ยังๆๆ.. ยังไม่ใช่แบคฮยอนแต่เป็นคยองซูต่างหากที่นอนหันหลังให้แล้วก็พูดขึ้นมาลอยๆ แล้วคิดว่าคนฟังจะรู้สึกยังไงล่ะ ก็เขินจนไม่รู้จะเขินยังไงน่ะดิ
“ฝะ... ฝันดี.. ที่... รัก” ก็แล้วทำไมคำว่าที่รักมันเบาจังนะ แบคฮยอนกัดปากตัวเองเพราะกำลังระงับความเขินอยู่ ก็แหม.. ที่รักเลยนะ ที่รักอ่ะ! ที่รักที่แปลว่าที่รักอ่ะ!!!
คยองซูที่ได้ยินก็ยกยิ้มแล้วขยับผ้าขึ้นห่มถึงอก แบคฮยอนพลิกตัวหันไปหาคยองซูแล้วก็ขยับตัวขยุกขยิก ยกมือแล้วก็เอามือลงซ้ำๆอยู่อย่างนั้น คยองซูไม่ได้รู้สึกรำคาญเลยสักนิดที่แบคฮยอนนอนขยับตัวไม่หยุดสักที
“อ่า... กอดได้ป่ะ” คยองซูลืมตาแล้วยกยิ้มบาง พยอนแบคฮยอนพ่อเสือตัวพ่อนี่ไปไหนแล้วล่ะเนี่ย
“ก็ไม่ได้ว่าอะไรนิ” แบคฮยอนยิ้มกว้างแล้วขยับตัวเข้าไปใกล้แล้วนอนหนุนหมอนใบเดียวกับคยองซูก่อนที่จะสอดมือโอบเอวคนตัวเล็กไว้ มือของแบคฮยอนวางทับมือของคยองซูแล้วสอดปลายนิ้วจับเกี่ยวกันไว้
ไม่รู้ล่ะว่าแบคฮยอนจะยังไง คยองซูน่ะยิ้มอารมณ์ดีแล้วคืนนี้ก็คงฝันดีอีกเช่นกัน
แบคฮยอนที่นอนซุกคยองซูก็ยิ้มติดริมฝีปากแล้วขยับริมฝีปากแตะสัมผัสที่กลุ่มผมของคยองซูเบาๆ ก็แหมเวลาที่ได้นอนใกล้ๆกัน กอดกันนิด แตะกันหน่อยนี่ขอบอกเลยว่าพี่พยอนโคตรจะมีความสุขอ่ะ!!
เช้าวันนี้เป็นวันหยุดแบคฮยอนกะว่าจะชวนจงอินลงมานั่งเล่นเกมกันแต่พอหันไปเห็นคยองซูที่เพิ่งตื่นแล้วนั่งทำหน้างัวเงียนี่มัน... แบ่งให้ใครดูไม่ได้จริงๆ!! ล้มเลิกแผนที่ว่าจะนั่งเล่นเกมไปเลยนั่งดูคยองซูทำหน้างัวเงียดีกว่า สนุกกว่ากันเยอะ
นี่ก็ไม่เข้าใจตัวเองว่ามองข้ามคนตัวเล็กคนนี้ไปได้ยังไงหรือบางทีอาจจะเพราะคำว่าเพื่อนมากั้นขวางล่ะมั้ง คำว่าเพื่อนกับคนรักมันก็ห่างกันแค่คำว่าเส้นกั้นจริงๆนั่นแหละ แบคฮยอนปีนขึ้นไปนั่งขัดสมาธิตรงหน้าคยองซูแล้วยื่นมือไปขยี้เส้นผมของคนยังไม่ตื่นดีแรงๆ
คยองซูเงยหน้าขึ้นมองด้วยสายตาเอาเรื่องแต่แบคฮยอนกลับยิ้มกว้างตาหยีส่งไปให้แทน คยองซูก็เลยยื่นขาไปเตะขาแบคฮยอนเข้าให้ คนโดนเตะก็เลยเลิกคิ้วมองคนหาเรื่องด้วยสายตาจะเอาคืน คยองซูยักคิ้วให้พร้อมกับยิ้มท้าทาย แบคฮยอนจะกล้าทำอะไรได้~
แต่คยองซูคิดผิด... แบคฮยอนพุ่งเข้ามาแล้วดันคยองซูให้ลงนอนกับเตียง สองมือล็อคข้อมือของคนตัวเล็กกว่าแล้วกดไว้ติดหมอนหนุน แบคฮยอนมองจ้องดวงตาโตของคยองซูด้วยสายตาวิบวับ ขอบอกเลยว่าเป็นสายตาที่ดูเจ้าเล่ห์ที่สุดเท่าที่คยองซูเคยเห็นมาเลย
แบคฮยอนยกยิ้มมุมปากแล้วก้มหน้าลงทาบริมฝีปากกับกลีบปากนิ่ม แบคฮยอนและคยองซูมองสบตากันก่อนที่แบคฮยอนจะยักคิ้วให้ ทั้งสองไม่มีใครยอมหลับตาก่อนกันและแน่นอนว่าริมฝีปากก็ขยับตอบจูบกันไม่ลดละ แบคฮยอนเลื่อนมือที่จับล็อคข้อมือเล็กเลื่อนขึ้นสอดประสานกับฝ่ามือของคยองซูไว้
ริมฝีปากที่ขยับตอบรับจูบกันนั้นไม่ได้น่าสนใจเท่ากับเงาในนัยน์ตาของกันและกัน ห้วงสีรัตติกาลสะท้อนภาพเงาของกันและกัน คยองซูยังมองจ้องสบตาและแบคฮยอนเองก็ไม่ละสายตา ห้วงจูบหวานที่ส่งมอบให้กันยังส่งผ่านถึงกันและกันไม่หยุดจนแบคฮยอนเป็นฝ่ายละออกก่อน
คยองซูถอนมือออกจากการเกาะกุมแล้วยกสองแขนขึ้นคล้องรอบคอแบคฮยอนให้โน้มลงมาใกล้แล้วเป็นฝ่ายป้อนจูบให้เอง แบคฮยอนเองก็ตอบรับจังหวะจูบของคยองซูที่ส่งผ่านมาเช่นกัน เปลือกตาบางปิดลงบดบังนัยน์ตาโตสีมืดไว้ คนด้านบนเบี่ยงหน้าปรับองศาแล้วรุกไล้ไล่ต้อนเกี่ยวกะหวัดให้แนบชิดจนแทบจะหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน
แหม... ยั่วแบบนี้ก็อยากจะจัดสักดอกเหมือนกันแต่ก็โดนสกัดดาวรุ่งไว้เสียอย่างนั้น
“นี่มันเช้าอยู่นะไหนบอกว่าทุกคืนไง” โอ้โห้.. เจอแบบนี้เซ็งเลยว่ะ
แต่ไม่เป็นไรยังไงคืนนี้ก็ได้อยู่ดี... หึหึ
พยอนแบคฮยอนเสพติดคยองซูเสียแล้วสิเนี่ย
“มากินข้าวสินอนอยู่ได้จะอ้วนเป็นหมูอยู่แล้วนะนั่นน่ะ” โอ้โห้พูดแบบนี้พี่พยอนขึ้นเลย!! ขึ้นเล๊ย!!! ... ลุกขึ้นไปนั่งกินข้าวด้วยน่ะ แหมใครจะกล้าหื้อคนหาข้าวหาปลาให้กันล่ะเนอะ
โต๊ะกินข้าวของห้องนี้ก็เป็นโต๊ะญี่ปุ่นที่สามารถนั่งล้อมกินข้าวกันได้แต่แน่นอนว่าพี่พยอนไม่ล้อมหรอกนั่งข้างๆดีกว่า นั่งเกยคางไว้กับไหล่ของคนตัวเล็กแล้วอ้าปากรอคนป้อนข้าวดีกว่า แน่นอนว่าคยองซูก็ตามใจอยากให้ป้อนก็ป้อน อยากกินอะไรก็จะตักให้
แบคฮยอนก็ทำเนียนสอดสองมือกอดเอวคยองซูแล้วก็ขยับตัวเข้าใกล้ คนที่โดนทำลุ่มล่ามขนาดนั้นก็ไม่ใช่ว่าจะไม่รู้หรอกนะแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป คนทำก็หยามใจน่ะสิก็ยิ่งขยับเข้าไปใกล้จนแทบจะสิงกันอยู่แล้ว คยองซูก็ตักข้าวป้อนแบคฮยอนก็อ้าปากรับอารมณ์ดีไปสิ แหมถูกใจพี่พยอนเหลือเกิน
“เย็นนี้ออกไปกินข้าวข้างนอกกันไหม” แบคฮยอนเอ่ยถามแล้วก็อ้าปากรับข้าวที่คนตัวเล็กป้อน
“ก็เอาดิอยากกินอะไรล่ะคุณที่รัก” พอเจอคำนี้เข้าไปพยอนแบคฮยอนแทบจะหงายหลังตึงแต่คยองซูไม่ได้สนใจหันหน้ากลับมากินข้าวต่อ
“ทะ.. ที่รัก... อยากกินอะไรก็บอกมาเลยป๋าเลี้ยงเอง!” คำว่าที่รักน่ะเบาเชียวแต่คำหลังนี่ดังเชียวนะ คยองซูเหลือบตามองแล้วก็แอบยิ้มขำ
“ไปกันสองคนหรือว่าต้องชวนจงอินกับจงแดไปด้วยล่ะ” แบคฮยอนเอียงคอคิดก่อนที่จะส่ายหน้า
“ไม่ต้องชวนหรอกไปกันสองคนดีกว่า” เอามันไปก็เกะกะลูกตาเปล่าๆ อันนี้ไม่ได้พูดแล้วก็พยายามไม่แสดงพิรุธด้วยเดี๋ยวจะโดนตีเอาอีก ก็ไม่รู้ว่าทำไมคยองซูถึงรู้ทุกทีว่าตัวเขาแอบด่าเพื่อนในใจ
“แล้วไปกันหลายๆคนไม่ดีเหรอที่รัก” คยองซูหันมายิ้มให้ ยิ้มกว้างจนริมฝีปากวาดเป็นรูปหัวใจเลย เห็นแล้วพี่พยอนใจเต้นรัวๆเลยบอกตรงๆ
“ไม่.. ไม่ดีอ่ะ” เวลาอยู่กับคนตัวเล็กทีไรทำไมรู้สึกว่าตัวเองพูดติดอ่างตลอดเลยวะ ลูกพี่พยอนเป็นใหญ่ใจต้องนิ่งนะเว๊ย!
“ทำไมล่ะ” คยองซูหันมาพร้อมกับยื่นช้อนป้อนข้าวให้ แบคฮยอนก็ยื่นหน้าอ้าปากเข้ามารับแล้วก็เคี้ยวตุ้ยๆ คยองซูยิ้มน้อยๆแล้วหันไปยกแก้วน้ำมาให้ดื่ม
“ก็...” มีคนอื่นจะเต๊าะก็ลำบากไหมล่ะ “ไม่มีอะไรหรอก ก็แหมพี่พยอนมีเงินเลี้ยงแค่คนเดียวอ่ะ” ไม่กล้าบอกหรอกก็เลยตอบเลี่ยงไป คยองซูหัวเราะเบาๆแล้วยื่นปลายนิ้วมาเคาะที่หน้าผากของแบคฮยอนเบาๆ
“ไม่ได้เรื่องเลย~”
“แต่พี่พยอนหล่อนะ รวยด้วย” คยองซูส่ายหน้าไปมาแล้วก็ไม่สนใจคนที่กอดอ้อนให้ป้อนข้าวอีกเลย แบคฮยอนก็นั่งอิงคยองซูไปเถอะ ก็เจ้าตัวเขาไมได้เอ่ยปากไล่นินะ เพราะฉะนั้นก็เสร็จพี่พยอนครับ!
หลังจากกินข้าวเสร็จคยองซูก็จัดการหอบเสื้อผ้าจะลงไปซักที่ชั้นล่างของหอแต่แบคฮยอนก็มาแย่งไปเสียอย่างนั้น เอาเถอะอยากทำก็ทำไป ไหนๆก็หยุดทั้งทีก็เลยจัดการรทำความสะอาดห้องสักหน่อยเพราะไม่ได้ทำมาหลายอาทิตย์แล้ว คาดว่าอีกไม่นานห้องคงรกกว่าเดิมแน่ๆเพราะใครอีกคนน่ะไม่ค่อยชอบวางของให้เป็นระเบียบสักเท่าไหร่
ทำความสะอาดได้แปบเดียวก็ได้ยินเสียงข้อความเข้าจากมือถือของแบคฮยอน คยองซูหันไปมองเจ้าตัวส่งเสียงบนเตียงแล้วก็เดินไปกดดู พอเห็นชื่อคนส่งมาเท่านั้นแหละแทบอยากจะปาทิ้งให้รู้แล้วรู้รอดไป ก็รู้ว่าแบคฮยอนน่ะเป็นพวกเจ้าชู้ตัวพ่อ ไอ้การที่จะมีเด็กๆในสังกัดเยอะแยะมันก็เรื่องธรรมดา.. แต่มันจะไม่ธรรมดาก็ตอนที่ตอนนี้มันอยู่ในมือเขานี่แหละ
“คิดถึงอยากเจองั้นเหรอ.... ฝันไปเถอะ” คยองซูยกยิ้มมุมปากแล้ววางมือถือไว้ที่เดิม
แบคฮยอนเดินกลับเข้าห้องมาพร้อมตะกร้าผ้าที่ปั่นเสร็จแล้วก็ตกใจเอาน่ะสิว่าคนร่วมห้องไปไหน วางตะกร้าผ้าแล้วเดินไปดูที่ห้องน้ำก็ไม่เห็นแต่พอชะโงกหน้าออกไปที่ระเบียงก็เห็นคนตัวเล็กตากไม่ถูพื้นอยู่ แอบเบาใจไปได้เยอะเลย... แต่แล้วก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าทำไมจะต้องไปอะไรมากมาย คยองซูก็ต้องอยู่ในห้องไงนี่เขาเป็นอะไรไปแล้วเนี่ย
“อ้าวขึ้นมาแล้วเหรอ ตากผ้าด้วยนะ” คยองซูหันมายิ้มแล้ววางไม้ถูพื้นตากที่ระเบียงให้เรียบร้อย
“อ๋อเออๆ เมื่อกี้ลงไปซักผ้าเจอไอ้จงแดด้วย” แบคฮยอนเดินกลับไปยกตะกร้าผ้าแล้วก็มาตากที่ระเบียง
“เหรอ ลงมาซักผ้าเหรอหรือออกไปไหน” คยองซูยืนอยู่ข้างๆแบคฮยอนที่กำลังตากผ้า แบคฮยอนเองก็ตากไปคุยไป
“ลงมาซักผ้าดิไอ้จงอินมันนอนอยู่ เมื่อคืนเห็นบอกว่านั่งเล่นเกมจนเช้าเลย” คยองซูรับคำแล้วก็เดินเลี่ยงออกจากระเบียงให้แบคฮยอนตากผ้าไปคนเดียว พอเห็นไอ้ตัวปัญหาบนเตียงแล้วก็ยกยิ้มมุมปากหันกลับไปมองแบคฮยอนที่ยืนหันหลังอยู่
“ที่รัก~” เสียงเรียกหวานๆมาพร้อมกับอ้อมแขนที่สอดเข้ามากอดเอว แบคฮยอนตกใจทำตาโตแขวนไม้แขวนกับราวตากผ้าไม่ถูกกันเลยทีเดียว
“วะ... ว่าไง”
“ที่รักไปเปลี่ยนเบอร์โทรได้ไหม”
“หา??” แบคฮยอนหันหลังกลับมามองก็เห็นคยองซูยืนก้มหน้าอยู่ อ้าวใครมาทำอะไรให้กันล่ะเนี่ย
“ไปเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์นะ”
“ทำไมอ่ะมีอะไรหรือเปล่า” คยองซูเงยหน้าขึ้นแล้วพยักหน้าเบาๆก่อนที่จะเข้ากอดแบคฮยอน
“ก็ไม่อยากให้ผู้หญิงของนายโทรมานิฉันไม่ชอบ นะที่รัก” คยองซูเงยหน้าขึ้นแล้วมองสบตาแบคฮยอนด้วยท่าทีออดอ้อน ดวงตาโตที่ฉายแววอ้อนๆนี่.. พยอนแบคฮยอนยอมทำทุกอย่างเลยจ๊ะ!!
“เย็นนี้เดี๋ยวเราไปซื้อซิมใหม่กันเลยนะ” คยองซูยิ้มแล้วกอดคนตัวสูงกว่านิดหน่อยให้แน่นขึ้นอีกนิดแล้วก็อิงใบหน้าซุกไหล่ของแบคฮยอนไว้
“ที่รักน่ารักจังเลย” แบคฮยอนที่อยากจะยิ้มให้ปากฉีกไปถึงหูก็หันหน้าไปอีกทางแล้วยกหลังมือขึ้นปิดปากตัวเอง ยิ้มจนหน้าเมื่อยไปหมดแล้วเนี่ย!!
“เพื่อที่รักเขาทำได้ทุกอย่างแหละ” คยองซูผละตัวออกแล้วเอียงคอใส่
“จริงอ่ะ” แบคฮยอนพยักหน้าแล้วดึงคยองซูมากอดไว้
“แน่นอนอ่ะทำได้ทุกอย่างอ่ะพี่พยอนซะอย่าง” คยองซูเงยหน้าขึ้นมองแบคฮยอนแล้วแอบยิ้มกับตัวเอง
พี่พยอนนี่จัดการง่ายจังเลยนะ แค่นี้ก็เรียบร้อย
“ที่รักจะกินอะไร” คยองซูหันมาถามขณะที่กำลังเดินอยู่หน้าหอเพื่อหาข้าวกินกัน แบคฮยอนเลี่ยงหันไปมองร้านอาหารข้างทาง เอาจริงๆก็ยังไม่ชินอยู่ดี หลังจากที่เราเซ็นสัญญากันแล้วคยองซูก็เรียกตัวเขาว่าที่รักได้อย่างเต็มปากแต่พยอนแบคฮยอนนี่อย่างเขินอ่ะ ไม่รู้เขินอะไรนักหนาแต่พอได้ยินคำว่าที่รักมาจากคนข้างตัวแล้วมันก็ช่วยไม่ได้ที่จะเขินอ่ะ
“อะ.. อะไรก็ได้เลือกสิ” คยองซูหันมายิ้มแล้วสอดแขนกอดแขนแบคฮยอนแล้วชี้ให้ดูร้านอาหารตามสั่งที่คนไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่
“งั้นตามสั่งนะที่รักจะกินอะไรดี” แบคฮยอนแลบลิ้นเลียริมฝีปากแล้วเกาต้นคอแก้เขิน
“ไปนั่งจองโต๊ะก่อนดิเดี๋ยว ...ที่รัก... สังให้” แม้คำว่าที่รักของแบคฮยอนจะเสียเบาแต่คยองซูก็ได้ยิน ก็หันไปส่งยิ้มให้แล้วก็เดินเลยเข้าร้านไปนั่งจองโต๊ะไว้ก่อน แบคฮยอนที่ยืนมองอยู่ก็รู้สึกตัวจะระเบิดเอาซะให้ได้
คยองซูนั่งเท้าคางแล้วมองคนที่ยืนสั่งอาหารอยู่หน้าร้านด้วยรอยยิ้ม ก็แหม... เวลาแบคฮยอนทำหน้าไม่ถูกนี่มันน่าดุมากเลยนะ คยองซูที่นั่งเท้าคางยิ้มอยู่นั้นเลยมองไม่เห็นกลุ่มคนที่เดินมายืนอยู่ข้างโต๊ะ พอหันไปมองก็เหมือนจะเห็นเป็นใครสักสามคนแต่ก็ไม่ได้รู้จักกัน แล้วมายืนบังแสงทำไมกันล่ะเนี่ย
“น้องชื่ออะไรครับ” คยองซูกระพริบตาปริบๆแล้วมองหน้าคนถามด้วยสายตานิ่งๆ
“จำเป็นต้องบอกด้วยเหรอ” แล้วก็หันหน้าหนีเข้าผนังไป ไม่อยากจะมองหรือเสวนาอะไรด้วยอีก
“เฮ้นี่พูดดีๆนะ”
“งั้นหันมาพูดดีๆกับกูไหม” ไม่ใช่คยองซูหรอกแต่เป็นแบคฮยอนที่เดินมายืนอยู่ด้านหลังของคนพวกนั้น พอหันมามองก็ทำตาโตตกใจกันใหญ่
“พี่แบคฮยอน!”
“เออไงมีไรมะ?” แบคฮยอนมองรุ่นน้องในก๊วนที่เคยไปนั่งก๊งเหล้าเตะบอลด้วยกันด้วยสายตาจะเอาเรื่อง เห็นแบบนี้พี่พยอนก็เตะบอลเก่งนะเว๊ย... เอาน่าวิ่งไล่บอลทันก็พอแล้ว
“นี่เด็กพี่เหรอ” มันถามพร้อมกับชี้นิ้วไปหาคยองซูที่มองมาตาแป๋วเชียว ฮืออออออ... พี่พยอนอยากจะเขินแต่ไม่ได้ๆต้องเข้มไว้ ฮึ๊บๆ
“ไม่ใช่เด็กกูนี่เมียกู ชัดมะ?” ชัดไม่ชัดไม่รู้ล่ะคนได้ยินก้มหน้าเขินไปแล้ว พวกคนมาก่อกวนก็ยกมือไหว้ประหลกๆขอโทษขอโพยแล้วก็รีบออกจากร้านไปให้ไวที่สุด แบคฮยอนลงนั่งข้างคยองซูแล้วก้มหน้าลงมอง
“เป็นอะไรน่ะ” คยองซูส่ายหัวไปมาแล้วก็เอียงตัวไปกอดแขนซุกหน้าไว้ที่ไหล่ของแบคฮยอน
“เป็นอะไร เขินหรือไงฮั่นแน่ๆ” แบคฮยอนยิ้มล้อเลียนแต่คยองซูกลับฟาดแขนแบคฮยอนซะแรงเลย
“ใครเขิน! ไม่มี! มั่ว!” แบคฮยอนมองคนที่บอกว่าไม่เขินแต่แก้มแดงก็เลยยื่นปลายนิ้วไปไล้แก้มแดงๆแต่คยองซูปัดมือออกแล้วขยับตัวหนี
“โอ๋ๆไม่เขินก็ไม่เขิน” แบคฮยอนกอดคอคยองซูแล้วยิ้มตาหยีส่งให้ คยองซูก็ค้อนใส่ประหลักประเหลือก นี่ไม่ใช่การแสดงนะแต่โดคยองซูเขินจริงไม่ต้องใช้ตัวแสดงแทนเลยให้ตายสิ!
เนื่องจากว่าตอนนี้อยู่ข้างนอกก็กินใครกินมันเถอะ คยองซูคงไม่อาจหาญมาป้อนข้าวให้หรอกนะ ระหว่างทางเดินกลับหอก็เห็นจงอินกับจงแดเดินอยู่ในเซเว่นก็เลยเดินเข้าไปจะทักทายบ้างแต่ทว่าจงอินกลับหันมาเห็นเสียก่อนนี่สิก็เลยกลายเป็นว่าโดนทักแทนเสียอย่างนั้น
คยองซูกับจงแดเดินเลือกขนมใส่ตะกร้ากัน ปล่อยให้แบคฮยอนกับจงอินยืนอยู่หน้าเคาน์เตอร์จ่ายเงิน จงอินมองแบคฮยอนด้วยความไม่เข้าใจว่ามันมาซื้อซิมโทรศัพท์ทำไม อยากถามนะแต่ยังสอดไม่ได้เห็นมันคุยกับพนักงานอยู่ แบคฮยอนหยิบเบอร์มาเลือกสามอันก่อนที่จะหันไปมองคยองซูก็เห็นว่าคนตัวเล็กกำลังหยิบน้ำอยู่ที่ตู้แช่น้ำ
“เฮ้ยถามหน่อยดิมึงมาซื้อซิมใหม่ทำไมวะ” จงอินชี้ซิมในมือแบคฮยอนแล้วก็ทำหน้าตาสงสัยเสียเหลือเกิน
“ก็คยองซูบอกให้เปลี่ยน” จงอินทำหน้าตาตกใจเกินความจำเป็นแบคฮยอนก็เลยเตะขาเข้าให้หนึ่งทีถ้วน
“มึงก็เลยเปลี่ยนอะนะ!!?”
“อ่าฮะ” แบคฮยอนหันไปพยักหน้ารับเพื่อบอกว่าเป็นตามนั้น จงอินทำตาโตอ้าปากค้างอย่างตกใจเพราะไม่คิดว่าพยอนแบคฮยอนจะทำตามจริงๆ
“คยองซูมาช่วยเลือกเบอร์หน่อยดิ” แบคฮยอนหันไปกวักมือเรียกเพื่อนตัวเล็ก คยองซูก็เดินเอาตะกร้ามาวางไว้บนเคาน์เตอร์ให้พนักงานคิดเงิน
“ก็เลือกไปสิ เบอร์ตัวเองใช้นิ” แบคฮยอนยู่ปากแล้วกอดคอคยองซูไว้แล้วแบเบอร์ทั้งสามอันให้คยองซูดู
“ชอบอันไหนเลือกให้หน่อย” คยองซูเหลือบตามองแบคฮยอนแล้วระบายยิ้มนิดหน่อยก่อนที่จะกวาดสายตามองของตรงหน้า
“อันนี้สิเบอร์สวยนะ” คยองซูชี้อันตรงกลางแต่แบคฮยอนยื่นอันในมือซ้ายให้พนักงานคิดเงิน ทีนี้จะทำยังไงล่ะก็มองค้อนใส่แล้วฟาดพุงกะทิของแบคฮยอนเข้าให้น่ะสิ อุ๊บ.. บอกเลยว่าพี่พยอนจุกมาก
“ทีหลังก็ใม่ต้องมาถาม” ทิ้งสายตาค้อนใส่ให้หนึ่งวงใหญ่ๆแล้วก็สะบัดแขนแบคฮยอนออกให้พ้นจากตัว คยองซูเดินหนีกลับหอไปเลย แบคฮยอนก็ได้แต่อ้าปากค้างแล้วมองตามเพราะไม่คิดว่าเพื่อนตัวเล็กจะโกรธเป้นจริงเป็นจังขนาดนี้
“โดนเล่นแล้วไง” จงอินที่มองตามหลังเพื่อนตัวเล็กสุดของกลุ่มก็ให้กำลังใจกันเสียเหลือเกิน
“ก็แค่เหย่เล่นนิดเดียวเองอ่ะ” แบคฮยอนยื่นซิมเบอร์ที่คนตัวเล็กเลือกให้พนักงานคิดเงินรวมกับพวกของในตะกร้าที่คยองซูเลือก
“แหย่ใครไม่แหย่ หาเรื่องใส่ตัวจริงๆ” จงแดใช้หางตามองแล้วส่ายหน้าไปมา
“ใช่เลยยาใจพูดถูก!” จงอินถอยไปยืนข้างจงแด
“รีบๆกลับไปง้อล่ะ ไม่งั้นล่ะก็มึงตายแน่ๆไอ้แบคฮยอน”
“ใช่เลยยาใจของพี่จงอินพูดอีกก็ถูกอีก” แบคฮยอนถอนหายใจมองหน้าจงอินอย่าเพลียๆ ไม่ใช่แค่แบคฮยอนจงแดก็เพลียมากเหมือนกัน
“ไม่ต้องพูดมากจ่ายตังค์เลยเร็วๆ” จงอินก็กระวีกระวาดหยิบกระเป๋าเงินมาจ่ายเงินทันที จงแดก็ยิ้มแล้วส่ายหน้าไปมา แบคฮยอนสะกิดเรียกจงแดแล้วกระดิกนิ้วให้เข้ามาใกล้ๆ
“ถามจริงเพลียมันมากไหมวะ”
“ที่สุดอ่ะ” จงแดตอบแล้วก็หัวเราะเบาๆ
“ไอ้แบคฮยอนมึงจะตีท้ายครัวกูเหรอห๊ะไอ้หมากระเป๋า กูจะฟ้องไอ้คริสให้มาจัดการมึง!” จงอินที่หันมาเห็นแบคฮยอนแอบกระซิบกระซาบกับยาใจสุดที่รักก็ดึงมือจงแดให้กลับมายืนข้างๆแล้วทำหน้าจะเอาเรื่องใส่ พยอนแบคฮยอนที่เพลียใจเหลือเกินก็ถอนหายใจแล้วยกมือปัดๆ
“ไปล่ะรำคาญมัน” แบคฮยอนพยักพเยิดหน้าไปทางจงอินที่ทำหน้าอย่างกับหมาบ้าแล้วก็หอบหิ้วของเดินออกมาก่อนดีกว่าเพราะมีภารกิจใหญ่ที่ต้องทำ
คยองซูที่กลับมาก่อนก็นั่งกอดอกไขว้ห้างอยู่ที่ขอบเตียงฝั่งนอนของตัวเอง นี่บอกเลยว่าไม่พอใจมากและไม่พอใจจริงๆ นี่เรื่องจริงไม่ได้แกล้งแสดงแสตนด์อินก็ไม่มีเรื่องนี้เล่นจริงเองล้วนๆ อารมณ์และภาพมาเต็ม คยองซุนั่งขมวดคิ้วด้วยอารมณ์ไม่ดี ก็ไม่ได้อยากจะให้เลือกหรือมีความเห็นตรงกันหรอกแต่ไม่เข้าใจถ้าจะไม่เอาจะมาถามทำไมให้เสียความรู้สึก บอกเลยว่าโกรธมาก!
แบคฮยอนค่อยๆเปิดประตูห้องเข้าไป สิ่งแรกที่เห็นก็คือแผ่นหลังเล็กของคยองซูที่นั่งหันหลังให้ คนมีคดีความก็เดินเข้าห้องอย่างกล้าๆกลัวๆ แบคฮยอนเดินเลี่ยงเอาถุงทั้งหลายไปวางไว้ก่อนที่จะหยิบซิมเบอร์นั้นออกมาจากถุงแล้วก็ทำใจกล้าเดินเข้าไปหาคยองซูที่นั่งทำหน้านิ่งไม่ยอมหันมามอง นี่ถ้าบอกว่าคยองซูดูน่ากลัวมากนี่.. จะมีใครด่าเขาว่าใจเสาะป่ะวะ
“คยองซู” ลองเรียกเสียงแผ่วแต่คยองซูก็ไม่ยอมหันมา
“คยองซูจ๋า” เพิ่มเสียงขึ้นอีกนิดมีคำลงท้ายอีกหน่อยคยองซูก็ยังไม่หันมาแต่เหลือบสายตามามอง พี่พยอนก็เลยยิ้มกว้างตาหยีให้แต่ปฏิกิริยาของคนตัวเล็กก็ยงคงนิ่งเหมือนเดิม
“ทะ... ที่รักทำซิมให้เขาหน่อย” คยองซูเหลือบตามองสิ่งที่แบคฮยอนยื่นส่งมาให้ผ่าน แต่แล้วก็ต้องหันไปมองอีกทีเมื่อเห็นว่าเบอร์ที่แปะไว้บนกล่องซิมนั้นเป็นเบอร์ที่เขาเลือก
“ที่รักทำให้หน่อยนะ” แบคฮยอนคุกเข่าลงข้างๆแล้วยื่นทั้งกล่องซิม ทั้งมือถือให้เลย
“ก็ได้ ลุกขึ้นมานั่งบนเตียงสิ” คยองซูรับซิมกับมือถือมาถือไว้แล้วตีที่ข้างตัวเบาๆ แบคฮยอนก็ยิ้มกริ่มแล้วรีบลุกขึ้นไปนั่งข้างๆคอยมองเสี้ยวหน้าของคยองซูที่ระบายยิ้มน้อย
พี่พยอนขอบอกไว้เลยว่าจะไม่แหย่ให้โกรธอีกแล้ว ...น่ากลัวชะมัด...
เรื่องที่แบคฮยอนเปลี่ยนเบอร์นั้นกลายเป็นเรื่องที่น่าสนใจของในกลุ่ม อุแหม.. พี่พยอนที่ใช้เบอร์เดิมมาสามชาติเศษอยู่ๆก็เปลี่ยนเพราะรูมเมทตัวเล็กบอกให้เปลีย่นมันก็ยังไงๆอยู่น้า~ เรื่องนี้จงแดไม่ได้เป็นคนเล่าต่อหรอกแต่เป็นจงอินต่างหากที่โทรไปเล่าต่อให้คู่รักนินจาฟัง
คริสกับชานยอลเลยรีบขับรถมารับถึงหน้าหออย่างไวเลย คริสไม่ได้อยากรู้หรอกแต่เป็นชานยอลนี่แหละที่เต้นเร่าๆว่าอยากจะรู้เหลือเกิน แล้วเบอร์ใหม่มันก็ยังไม่ให้ใครด้วยนะ แหมจะเก็บไว้โทรหากันเองเลยไหมล่ะ แบคฮยอนนั่งกับคยองซูที่แถวหลัง แถวกลางก็เป็นจงอินกับจงแดที่คุยกันงุ๊งงิ๊งตลอดทาง
“โธ่ยาใจของพี่จงอิน ทำไมต้องปฏิเสธพี่ด้วยล่ะรู้ไหมว่าหัวใจของพี่เจ็บปวดนะ ถ้าหัวใจของพี่เจ็บยาใจของพี่ก็จะเจ็บไปด้วยนะ” จงแดหันไปมองคนข้างตัว แน่นอนว่าแถวหน้าและหลังก็เงี่ยหูฟังอยากรู้เหลือเกินว่าถ้าไอ้ดำเจ็บใจแล้วจงแดจะไปเจ็บอะไรด้วย
“ก็แล้วทำไมฉันต้องเจ็บด้วยวะ” จงอินยิ้มแล้วโอบกอดจงแดให้อิงหน้ามาซบซุกที่ต้นคอ
“ก็ในหัวใจของพี่มีแต่น้องคนเดียวนิ” จงอินตบที่อกข้างซ้ายอย่างยืนยันว่าข้างในน่ะมีน้องยาหวานใจอยู่จริงๆ จงแดถอนหายใจแล้วอยากจะตบมันเข้าให้จริงๆคือเพลียจนไม่รู้จะเพลียยังไงแล้ว
“โอ๊ยอยากจะอ้วก” ชานยอลที่นั่งข้างคนขับชะโงกหน้ามาแล้วทำท่าอยากจะอ้วกใส่จริงๆ
“ชานยอลท้องกับคริสแล้วเหรอกี่เดือนแล้วล่ะ ยาใจของพี่ล่ะเมื่อไหร่จะท้องพี่จงอินอยากเห็นเจ้าตัวเล็ก” จงอินยื่นมือไปลูบท้องของจงแดเบาๆ คนที่โดนลูบท้องก็อยากจะเอาเท้าขึ้นมาก่ายหน้าผากตัวเองเหลือเกิน
“ขยันทำการบ้านนะเดี๋ยวยาใจของพี่จงอินก็ท้องเองนั่นแหละ อาจจะได้ลูกแฝดด้วยนะ” ชานยอลทำหน้าจริงจังแล้วชูนิ้วโป้งให้ คริสที่ขับรถอยู่ก็หัวเราะออกมาตามด้วยแบคฮยอน คยองซูก็ตีแขนแบคฮยอนให้หยุดหัวเราะ
“แล้วเราล่ะจะมีเจ้าตัวเล็กกี่คนดี” แบคฮยอนทิ้งตัวลงพิงเบาะนั่งหลังจากที่ชะโงกหน้าไปแหย่คู่แถวกลางแล้ว คยองซูฟาดมือลงที่ขาของแบคฮยอนแรงๆเลย
“เอ้านี่ถามจริงๆนะ” แบคฮยอนสอดมือจับประสานกับมือของคยองซูแล้วยักคิ้วให้ คยองซูยิ้มแล้วหันหน้าไปมอง
“แล้วที่รักอยากได้กี่คนล่ะ ตามใจนะ” โอ้โห้คำตอบแบบนี้ขอเลื่อนเวลาไปเป็นตอนกลางคืนเลยได้หรือเปล่าวะครับ!!
“อยากได้สักโหลจะทำทีมฟุตบอล” คยองซูหัวเราะแล้วใช้มืออีกข้างตีแบคฮยอน
“ฉันคลอดไม่ไหวหรอกบ้า” เอ้าก็ยังไปรับมุขเขาอีกแน่ะ เพื่อนที่เหลืออีกสี่คนก็ได้แต่นั่งยิ้มแล้วก็มองกันเอง ไม่มีใครส่งเสียงขัดทั้งนั้นแหละ ก็แหมกว่าพวกมันจะเริ่มจูนเข้าหากันได้ก็ลุ้นซะแทบแย่แล้วนะ
เมื่อคริสดับเครื่องยนต์เพื่อนๆก็พากันลงจากรถ เมื่อคริสล็อครถแล้วก็พากันเดินไปที่โต๊ะไม้ประจำ วันนี้มีเรียนคาบเดียวแค่ช่วงเช้าเท่านั้นและพรุ่งนี้ก็ยกคลาสทั้งวันก็เลยตกลงปลงใจกันว่าจะไปดริ๊งค์แดร๊งค์ดรั๊งค์กันสักหน่อย คนที่ตกปากรับคำก็เป็นแบคฮยอนกับจงอินเจ้าเก่าเจ้าเดิม เมื่อเพื่อนๆลงความเห็นว่าจะไปกันก็ตามนั้น
คริสอาสาขับรถมารับแล้วก็จะแบกกลับมาส่งเอง ปกติคริสก็ไม่เคยดื่มจนเมาอยู่แล้วอย่างมากก็แค่สองแก้วเท่านั้นเพราะฉะนั้นสติยังมีอยู่และสามารถขับรถได้ วันนี้แบคฮยอนแต่งตัวหล่อเป็นพิเศษ จริงๆแล้วมันก็ธรรมดาสำหรับมาเที่ยวนั่นแหละแต่ไม่รู้ทำไมคยองซูถึงบอกว่ามันมีอะไรแปลกๆ
ทำไมวันนี้แบคฮยอนดูครึ้มอกครึ้มใจจัง
คริสเดินกอดเอวชานยอลเข้าผับประจำไป จงอินก็จับมือจงแดแน่นเชียวกลัวหาย แบคฮยอนก็เดินซ้อนหลังกอดเอวคยองซูพาเข้าไป ตัวเขารู้ว่าคยองซูน่ะน่ารักและใครๆก็อยากจะเต๊าะเสียให้ได้แล้วยิ่งในสถานที่แบบนี้ด้วย ขอบอกเลยว่าแบคฮยอนไม่พอใจนะ แต่วันนี้มีสิทธิ์ในตัวของคยองซูแล้วไงเพราะฉะนั้นถ้าใครหน้าไหนกล้าเข้ามาเต๊าะล่ะก็... เจ็บหนักแน่!!
“สอบเสร็จอยากไปเที่ยวอ่ะ” ชานยอลเอ่ยขึ้นกลางวงพร้อมกับยกแก้วเหล้าขึ้นกระดก
“นี่ก็อยากเที่ยวจังเลย” จงแดที่นั่งอยู่ไม่ไกลชานยอลค้อนเข้าให้ เจ้าตัวก็ยู่ปากใส่
“ก็เรียนหนักนิอยากเที่ยวบ้าง ผ่อนคลายๆอ่ะยูโนว?”
“แน่ใจนะว่าเรียนหนักพูดผิดพูดใหม่มะ” ชานยอลวางแก้วแล้วลุกขึ้นจะข้ามไปไฝว์กับจงแดเสียให้ได้ คริสก็เลยจับชานยอลไว้แล้วกอดล็อคเอวไม่ปล่อย ชานยอลก็นั่งพิงอกของคริสแล้วส่งสายตาเฉือดเฉือนกับจงแดไปสิ
“ขอโทษครับ” เสียงเรียกจากด้านข้างทำให้ทุกคนหยุดการสนทนาแล้วหันไปมองก็เห็นชายหนุ่มคนหนึ่งยืนถือแก้วเหล้าสองแก้วมา เอาล่ะมาทายกันสิว่าเขาจะให้ใคร
“ถ้าไม่รังเกียจ...” ชายคนนั้นมองหน้าคยองซูแล้วยิ้มให้พร้อมกับยื่นแก้วเหล้ามาหา
“รังเกียจ!” ไม่ใช่คยองซูแน่นอน แต่เป็นแบคฮยอนที่นั่งอยู่ข้างกันแล้วยกแขนกอดคยองซูไว้เพื่อบอกว่าคยองซูน่ะเป็นของเขาห้ามใครยุ่ง จงอินก็เลยเอาบ้างกอดจงแดไว้แน่นเชียว ส่วนคริสกับชานยอลก็นั่งดื่มกันชิวๆ นั่งแทบจะได้เสียกันขนาดนี้ใครจะกล้าแหยมเอาเหล้ามาให้กันล่ะถ้าไม่อยากตายก็แหยมเข้ามาเถอะแล้วจะได้รู้ว่าเท้าอู๋อี้ฟานหนักแค่ไหน
“จะไปไหนก็ไปเลยไป ไม่รับไมตรีอะไรทั้งนั้นแหละ” แบคฮยอนโบกมือไล่ชิ้วๆด้วย คยองซูหันไปตีขาแบคฮยอนที่ทำการเสียมารยาทแบบนั้นก่อนที่จะหันไปยิ้มให้คนมาผูกมิตรคนนั้น
“ขอบคุณแต่ไม่รับครับ” ชายคนนั้นยังคงยิ้ม
“ผมไม่ได้ให้คุณ ผมจะให้เขา” ชายผู้นั้นชี้นิ้วไปหาคนที่เขาจะมอบไมตรีให้................ แบคฮยอน
“ห๊ะ!!!!!” ทั้งโต๊ะแทบสตั๊นและแน่นอนว่าชานยอลที่กำลังกระดกเหล้าเข้าปากก็สำลักเอาน่ะสิ ร้อนถึงคริสที่ต้องมาช่วยอีก
“ผมจะให้คุณ” แบคฮยอนทำหน้าตาตกใจแล้วลุกขึ้นยืนทำท่าจะหาเรื่อง แต่คือดูตัวเขากับตัวมึงก่อนไหมไอ้หมากระเป๋า
“เฮ้ยกูนี่ผู้ชายแมนด้วยหล่อด้วย ไม่รับไปไกลๆเลยไป!!” แล้วชายคนนั้นก็หันหลังเดินคอตกกลับไป แบคฮยอนทิ้งตัวลงนั่งกับโซฟาอย่างหมดแรง นี่แม่งเรื่องช็อคโลกชัดๆ คยองซูที่นั่งอยู่ข้างกันก็หัวเราะแบบไม่ปิดบังเลย คนอื่นๆในโต๊ะก็หัวเราะกันใหญ่
“ไอ้เห.หัวเราอะไรกูแมนนะเว๊ย!!” แบคฮยอนหันไปเอาเรื่องคนอื่นแล้วก็หันกลับมาบู้หน้าใส่คยองซุที่ยังหัวเราะไม่หยุด
“ที่รักอ่ะหัวเราะเขาทำไม” แบคฮยอนบึนปากใส่ คยองซูก็ยอมเม้มปากหยุดขำแล้วใช้ปลายนิ้วแตะคางของแบคฮยอน
“โธ่น้องแบคกี้ของพี่อย่างอนสิ” แล้วคยองซูก็หัวเราะแบบไม่ไหวแล้วจนต้องเอนตัวไปนอนพิงกับพนักโซฟา คนอื่นๆก็หัวเราะกันงอหงายงอคว่ำ
“ที่รักอ่ะ!!!” แบคฮยอนทำหน้าเซ็งแล้วกอดอกพิงพนักโซฟาอย่างหมดอารมณ์ครื้นเครง ลืมไปหมดแล้วว่าเมื่อกี้หลุดคำว่าที่รักออกมาดังขนาดไหน ในโซนประจำค่อนข้างจะเงียบอยู่บ้างก็ยิ่งทำให้คนที่เหลือได้ยินกันชัดเต็มสองหู แบคฮยอนหันไปมองคยองซูก็ยังหัวเราะขำไม่เลิก
วอทเดอะฟัค!! กูแมนนะเว๊ย แม่งอย่าให้กูเจอเป็นครั้งที่สองนะพ่อจะต่อยให้หน้าแหกเลย!!!!
“ที่รักอ่ะหยุดหัวเราะเขาได้แล้ว” แบคฮยอนเดินตามคยองซูเข้าห้องมาแล้วก็หันไปปิดประตูห้องด้วย คยองซูที่หันไปมองหน้าแบคฮยอนทีไรก็หัวเราะจนตาหยีเสียทุกที
“ก็หยุดแล้วนิ” คยองซูกัดริมฝีปากไว้เพื่อไม่ให้หลุดเสียงหัวเราะออกมาแต่มันก็กลั้นไม่ไหว แบคฮยอนขมวดคิ้วแล้วมองคยองซูที่หัวเราะไม่หยุดก็อยากจะหัวเสียแต่ก็ทำไม่ได้ไงก็เลยได้แต่ไปทิ้งตัวนั่งลงที่ขอบเตียง คยองซูที่เห็นแบคฮยอนที่เริ่มจะไม่ชอบใจหนักเข้าแล้วก็หยุดหัวเราะ
“ถามจริง นี่ดูไม่แมนเหรอ” แบคฮยอนขมวดคิ้วแล้วถามคยองซูด้วยสีหน้าจริงจัง
“บางทีเขาอาจจะอยากผูกมิตรเป็นเพื่อนก็ได้นะ” แบคฮยอนภอนหายใจแล้วเสยผมที่ปรกหน้าขึ้น
“ในผับมันไม่มีใครอยากผูกมิตรด้วยการยกเหล้าให้หรอก นอกจากอยากจะทำอย่างอื่นน่ะ” แค่คิดก็ขนลุกขอพองสยองเหล้าไปหมดแล้ว! แม่.เอาความภาคภูมิใจของกูคืนมา!!!!
“ก็คิดมากน่า” คยองซูส่ายหน้าแล้วยิ้มขำ
“ทำไมวะหน้าตานี่ก็แมนนะเว๊ย” พยอนแบคฮยอนก็ยังคงคิดไม่ตกสักที คยองซูระบายยิ้มแล้วถอดเสื้อคลุออกพาดกับพนักเก้าอี้ที่โต๊ะอ่านหนังสือ
“อาจจะเพราะนายตัวเตี้ยมั้งเขาก็เลยคิดว่านายไม่แมน” พอพูดเรื่องส่วนสูงที่ไรพยอนแบคฮยอนล่ะอยากจะพังข้าวของทุกที
“นี่อ่ะส่วนสูงมาตรฐานไอ้พวกนั้นอ่ะแม่งสูงเกินเองเหอะ อยู่กับพวกมันแล้วดูเป็นตู้โทรศัพท์กับเสาไฟไปเลย” คยองซูหัวเราะเบาๆแล้วก้าวเท้าเดินเข้ามาใกล้ก่อนที่จะนั่งคร่อมที่ตักของแบคฮยอน สองแขนยกขึ้นโอบรอบลำคอของคนหัวเสียเอาไว้
“แต่ที่รักก็เป็นคนที่ปกป้องฉันได้ไม่ใช่เหรอไง ไม่เห็นจะต้องไปสนส่วนสูงคนอื่นเลยแค่แบคฮยอนปกป้องฉันได้ก็พอแล้วนิ” คยองซูยิ้มหวานแล้วเอียงคอใส่ แบคฮยอนที่ได้ยินแบบนั้นก็อารมณ์ดีขึ้นมาทันตาเลย สองมือของแบคฮยอนจับช่วงเอวเล็กของคนที่นั่งคร่อมตักเขาไว้
“พูดดีแบบนี้น่าจะให้รางวัลนะ” คยองซูเลิกคิ้วแล้วก้มหน้าลงแตะริมฝีปากกับกลีบปากบางของแบคฮยอนเบาๆ
“ก็รอรางวัลอยู่” สิ้นคำคยองซูก็โดนแบคฮยอนรั้งให้โน้มตัวตามลงมา ริมฝีปากของทั้งคู่แตะสัมผัสแล้วบดเบียดเข้าหากันส่งความหวานแลกเปลี่ยนกันและกัน แบคฮยอนสอดมือไล้ผิวเนียนใต้เสื้อผ้า คยองซูตอบรับทุกห้วงจังหวะจูบที่ส่งผ่านมา รสขมในปากไม่ได้ช่วยดับความหวานล้ำที่กำลังลิ้มรสและความเร่าร้อนต่อจากนี้ได้เลย
ท้วงทำนองแห่งรักค่อยๆดำเนินไปเรื่อยๆ ไม่รีบเร่งและไม่ข้ามบทเพลง ท้วงจังหวะหวานถูกถ่ายทอดผ่านลงมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า บทเพลงที่ถูกขับขานนั้นเล่นวนไปกว่าจะหยุดก็คงยากนัก
...แหมพี่พยอนล่ะโชคดีจริงๆที่ได้เกิดมา...
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น