ลำดับตอนที่ #5
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : Chapter 5
มาแล้ววววววววววววววววววววววววว กลับมาแล้ววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววว
มีใครจะปามีดใส่ไหม? เราจะได้วิ่งไปหลบซุกจั๊กกูแร้ของพี่คริสก่อน อิอิ #เอาเข้าตัวตัลลอดดดดดดดดดดดดดดดด
หลังจากที่เคลียร์ชีวิตตัวเอง พร้อมกับเคลียร์อารมณ์ที่รู้สึกไม่ดีให้หายไป และลงวินโดวส์ใหม่แล้ว เราก็กลับมาแล้วค่ะ ~ #มีใครดีใจบ้างไหม ;A;
คิดถึงไหมคะ แต่เราคิดถึงทุกคนนะ อย่าทิ้งเราและฟิคเรื่องนี้ไปนะคะ ~ คิดถึงทุกคนจังงงงงงงง
__________________________________
มีใครจะปามีดใส่ไหม? เราจะได้วิ่งไปหลบซุกจั๊กกูแร้ของพี่คริสก่อน อิอิ #เอาเข้าตัวตัลลอดดดดดดดดดดดดดดดด
หลังจากที่เคลียร์ชีวิตตัวเอง พร้อมกับเคลียร์อารมณ์ที่รู้สึกไม่ดีให้หายไป และลงวินโดวส์ใหม่แล้ว เราก็กลับมาแล้วค่ะ ~ #มีใครดีใจบ้างไหม ;A;
คิดถึงไหมคะ แต่เราคิดถึงทุกคนนะ อย่าทิ้งเราและฟิคเรื่องนี้ไปนะคะ ~ คิดถึงทุกคนจังงงงงงงง
__________________________________
ทั้งหมดหันไปตามเสียงเรียกก็พบเข้ากับเด็กน้อยที่วิ่งถลาเข้ามาพร้อมกับรอยยิ้มกว้างๆ คริสเดินผ่านหญิงสาวแล้วมารอรับเด็กน้อยที่วิ่งเข้ามาหาในอ้อมกอด เด็กตัวเล็กวิ่งโผเข้าใส่อ้อมกอดที่กางออกเสียเต็มแรง
“มาได้ยังไงครับ พี่บอกแล้วว่าไม่ให้มานะคะทำไมไม่ฟัง หื้ม?” เด็กน้อยถอยหลังหนึ่งก้าวแล้วทำหน้ายู่
“ก็น้องหนูยอลคิดถึงนินา จะให้คนพิเศษของตัวเองไปอยู่กับคนอื่นได้ยังไง เนอะ~” ว่าแล้วก็เอียงคอยิ้มส่งตาหยีไปให้ คนโดนแอ็คแท็คก็ยอมจำนนพับเก็บคำว่ากล่าวทั้งหมดไปเลย เจอแบบนี้ใครจะกล้าว่ากันล่ะ หรือใครกล้า? มาสิแต่ผมจะเหยียบให้หน้าหักเลย
“ใครมาส่งครับเนี่ย” คริสช้อนอุ้มเด็กน้อยแล้วก้มหน้าลงหอมแก้มยุ้ยๆทั้งสองข้างอย่างหมั่นเขี้ยว
“ให้คุณขับรถมาส่งฮะพอมาส่งก็จะให้กลับไปหาคุณแด๊ดเลย น้องหนูยอลจะอยู่ที่นี่นะฮะ นะ~” หนูยอลจับสองแก้มของคริสแล้วทำตาโตเข้าอ้อน แล้วคนแพ้เด็กน่ารักๆก็ยอมใจอ่อน ก็มาถึงที่แล้วนิเนอะ
“กระเป๋าครับคุณหนู” คุณลุงคนขับรถยื่นกระเป๋าเสื้อผ้าและกล่องเค้ก ซิ่วหมินเข้าไปรับกล่องเค้ก ส่วนกระเป๋าก็คริสเป็นคนรับ ก็เตรียมตัวมาพร้อมขนาดนี้จะไล่กลับได้ยังไง ใจร้ายตายเลยเนอะ~ เมื่อส่งคุณหนูเรียบร้อยคุณลุงขับรถก็ก้มหัวลาแล้วเดินจากไป
“คริสคะ” หญิงสาวเรียกเสียงหวานแต่หนูยอลหันไปมอง
“พี่หนูคริสไม่กินขนมของเธอหรอกย่ะ!! พี่หนูคริสจะกินคัพเค้กของน้องหนูยอล ป้าจะไปไหนก็ไปนะ” แล้วหนูยอลก็ทำท่าไล่ชิ้วๆ หญิงสาวทำหน้าไม่สบอารมณ์ก่อนที่จะได้ต่อปากต่อคำคริสก็หันมามองด้วยสายตาดุ และแน่นอนว่าอีกสี่องครักษ์ปกป้องน้องหนูยอลด้วย เมื่อรู้สึกว่าโดนรุมเธอก็เดินปึงปังจากไป
“ไปกินคัพเค้กกันนะฮะ น้องหนูยอลเอามาเผื่อทุกคนเลย~” คริสมองเด็กน้อยในอ้อมแขนแล้วก็ถอนหายใจ เอาน่า อุตส่าห์มาทั้งที หนูยอลหันมองใบหน้าคมที่ยังคงเจือรอยยิ้มละมุนก่อนที่จะยื่นหน้าเข้าไปจุ๊บที่ริมฝีปากของพี่ชายตัวโต
“ไม่ว่าพี่หนูคริสจะไปไหน น้องหนูยอลก็จะตามไปหาจนได้นั่นแหละฮะ” คริสยิ้มกว้างแล้วยื่นหน้าเข้าไปจุ๊บคืนเด็กตัวเล็กบ้าง ก่อนที่จะพาเด็กน้อยไปนั่งล้อมวงกินขนมกัน
หลังจากทานคัพเค้กและน้ำแข็งไสเสร็จแล้วทั้งหมดก็ยังคงนั่งจับกลุ่มคุยกันโดยไม่สนใจมื้อเย็น ก็เล่นยัดคัพเค้กกันไปเสียขนาดนั้นนี่นะ ทั้งหมดก็เลยตกลงที่จะไปเดินย่อยเสียหน่อย ถึงแม้ว่าตอนนี้จะเป็นเวลาเย็นแล้วแต่แสงสว่างก็คงไม่จางลง แต่อากาศก็เริ่มเย็นขึ้นจากตอนกลางวัน
คริสอุ้มหนูยอลไว้แล้วเดินนำหน้าเพื่อนทั้งสี่ ในละแวกชนบทขนาดนั้นก็คงจะไม่มีสิ่งที่จะเจริญตาหรือเจริญใจได้หรอก ดังนั้นสถานที่ที่จะพากันไปเดินดูนั่นก็คงหนีไม่พ้นแปลงผัก บ่อปลา บ่อกุ้งของชาวบ้านละแวกนั้นและดูว่าเด็กตัวเล็กจะตื่นตาตื่นใจ ดูสนุกกับการเดินเที่ยวครั้งนี้เสียเหลือเกิน
“พี่หนูคริสน้องหนูยอลอยากลงไปว่ายน้ำกับคุณปลา” นิ้วป้อมๆชี้ลงไปในบ่อปลาเลี้ยงแล้วหันหน้ามาส่งยิ้มหวานให้พี่ชายตัวโต
“ไม่ได้ครับที่นี่เขาไม่ให้ลงไปหรอกครับ” เด็กตัวน้อยยู่หน้าใส่เพราะโดนขัดใจ เด็กตัวเล็กยกสองมือมากอดอกแล้วใช้ดวงตากลมมองสบกับดวงตาเรียวคมเพื่อบอกด้วยสายตาว่าตอนนี้กำลังขัดใจสุดๆ
“เอาไว้เดี๋ยวพาไปทะเลดีกว่าเนอะ อันนี้เป็นบ่อปลาเลี้ยงไว้กิน ไว้ขายเขาไม่ให้เราลงหรอกนะ~” ไม่รู้ทำไมแต่เสียงที่เอ่ยกับเด็กน้อยกลับอ่อนหวาน นุ่มนวลไปเอง นี่กูเป็นอะไรครับเนี่ย =________=
“ก็ได้ฮะ” แล้วหนูยอลก็ยิ้มกว้างคลายสองมือที่กอดอกมากอดรอบคอของคนอุ้มไว้ดังเดิม
“พี่หนูคริสๆๆ ดูสิๆๆ” เดินไปต่อได้อีกไม่ไกลเสียงเจื้อยแจ้วก็ดังขึ้นพร้อมกับนิ้วป้อมๆที่ชี้ไปอีกฝั่ง
“นั่นแปลงปลูกผักครับ อยากไปดูไหม?” พอได้ยินคำว่าผักน้องหนูยอลก็ส่ายหน้าหวืด
“น้องหนูยอลแค่เห็นว่ามันสวยดี เป็นสีเขียวไปหมดเลยแต่ไม่อยากดู เราไปเดินดูคุณปลากันดีกว่านะ” เด็กน้อยยิ้มหวานแล้วพยักหน้าให้ใครอีกคนคล้อยตาม และก็เป็นผลพี่หนูคริสก็ก้าวเท้าพาเดินดูริมบ่อปลาต่อไป
อาหารที่อุดมสมบูรณ์นักแม้ว่าจะเป็นชนบทที่ห่างไกลจากตัวเมืองอยู่ไกลพอสมควร ทั้งพืชผักผลไม้หรือแม้แต่สัตว์เลี้ยง ทั้งไก่ ปลา หมู ที่นี่เรียกว่าอุดมสมบูรณ์ด้วยอาหารการกินโดยที่ไม่ต้องพึ่งอาหารจากข้างนอกเลย หลังจากที่เดินเล่นกันเรียบร้อยแล้วทุกคนก็ต้องกลับเข้าที่พักก่อนที่จะมืดค่ำ เพราะถนนหนทางแถวนี้ไม่ค่อยมีเสาไฟเสียเท่าไหร่
พอกลับมาได้เซฮุนกับจงแดก็ขอแยกไปเข้าโรงครัวเพื่อหาข้าวกิน ลู่หานกับซิ่วหมินก็หาขนมกินไม่อยากกินข้าวเพราะเดี๋ยวจะอ้วน(?) ส่วนพี่หนูคริสกับน้องหนูยอลก็หนีไปอาบน้ำ แล้วทีนี้ก็งานหนักของพี่หนูคริสแล้วล่ะ ถึงจะอาบน้ำด้วยกันบ่อยแต่ทว่า.. มันก็เขินได้หรือเปล่าล่ะ โธ่~
ห้องอาบน้ำที่นี่ก็ไม่ได้ทำใจใช้ไม่ได้แต่ไอ้ที่จะทำใจไมได้ก็ตรงที่มีเด็กตัวเล็กมายืนเงยหน้าส่งยิ้มให้นี่ล่ะ ร่างสูงยาวลงนั่งกับเก้าอี้ตัวเล็กแล้วจัดการใช้ขันตักน้ำมาราดตัวเด็กน้อยตัวขาวที่ยืนส่งยิ้มมาให้ แต่คริสก็ไม่ได้มานั่งอล่างฉ่างนะจะบอกให้ ก็ใส่บ็อกเซอร์ไว้ไง แต่ตัวขาวๆตรงหน้านี่พาใจสั่นอยู่นะ
“ใจเย็นไว้ไอ้คริส นั่นเด็กนะมึง” แอบบ่นงึมงำกับตัวเองแต่หนูยอลก็ดันหูดีได้ยินเสียงบ่นไง
“พี่หนูคริสพูดอะไรนะฮะ?”
“อ๊ะ... เปล่าครับ อาบน้ำเนอะ จะได้เข้านอนกัน”
เมื่อจัดการใช้ขันใบน้อยตัดน้ำราดผิวขาวเนียนแล้วคริสก็ส่งขวดครีมอาบน้ำของเจ้าตัวเล็กให้ เด็กน้อยรับมาแล้วก็หันหลังให้พี่ชายตัวอย่างรู้งาน สองมือเล็กลูบไล้เนื้อครีมอาบน้ำกับผิวของตัวเองอย่างอารมณ์ดี คริมหยิบขวดแชมพูของใช้ประจำตัวของหนูยอลแล้วบีบครีมเหลวลงฝ่ามือแล้วขยุ้มลงบนเส้นผมนิ่มอย่างเบามือ กลิ่นหอมอ่อนลอยขึ้นมาเตะจมูกก็เรียกรอยยิ้มของชายหนุ่มได้ไม่ยาก ยามที่ทำงานมาจนร่างกายเหนื่อยล้าแล้วได้กลิ่นหอมอ่อนๆก็ช่วยให้ผ่อนคลายได้ไม่ยากเลย
หลังจากขยุ้มเส้นผมนิ่มนั้นจนคิดว่าสะอาดแล้วคริสก็ตักน้ำแล้วค่อยๆราดชำระฟองนั้นให้หมดพร้อมกับครีมของสบู่เหลวด้วย เมื่อจัดการอาบน้ำให้เจ้าตัวเล็กเสร็จแล้วคริสก็หยิบผ้าเช็ดตัวผืนนุ่มมาคลุมพันพ่อตัวเด็กตัวน้อยเอาไว้แล้วจะส่งเด็กน้อยออกจากห้องน้ำเช่นเคยแต่ก็ลืมไปหรือเปล่าว่าที่นี่ที่ไหน?
“พี่หนูคริส แล้วน้องหนูยอลจะไปแต่งตัวที่ไหนน้องหนูยอลรอพี่หนูคริสอาบน้ำได้ไหมฮะ” ว่าแล้วก็เอียงหัวยิ้มแต้ใส่ คริสก็เพิ่งจะนึกว่าตอนนี้อยู่ที่ไหน
“อ่า...ลืมไปเลย งั้นเดี๋ยวพี่ใส่ชุดให้เราก่อนล่ะกันเนอะ” ด้วยเพราะกลัวเจ้าตัวดีจะเป็นปอดบวมไปก่อนน่ะสิ คริสลุกขึ้นไปหยิบชุดนอนที่หยิบติดมือเข้ามาด้วยแล้วก็จัดการสวมชุดนอนให้ ผ้าขนหนูผื่นนุ่มซับน้ำที่ผิวเนียนก่อนที่ใช้มันซับหยดน้ำจากเส้นผมสีอ่อน
“เดี๋ยวยืนรอตรงนี้นะครับ พี่อาบน้ำแปบเดียวแล้วเดี๋ยวจะพาไปเป่าผมนะ” เมื่อสวมชุดนอนสีชมพูลายพี่คิตตี้ให้เด็กน้อยเรียบร้อยแล้วก็พาตัวเองไปอาบน้ำ
น้องยอลที่มีผ้าคลุมหัวไว้ก็ยืนหันหลังอย่างรู้งานเพราะถ้าครั้งที่อาบน้ำด้วยกันไม่ได้ลงแช่อ่างก็ต้องทำแบบนี้ คริสถอดบ็อกเซอร์ออกแล้วก็เริ่มอาบน้ำทันที กลัวว่าเด็กน้อยที่ยืนรออยู่จะหนาวสั่นเสียก่อน น้องหนูยอลที่ยืนหันหลังอยู่กำลังก้มหน้าแล้วกัดริมฝีปากอย่างช่างใจว่าตัวเองจะหันไปมองใครอีกคนด้านหลังดีไหม
เพราะแน่นอนว่าการที่เปลือยกายต่อหน้าอาบน้ำเนี่ยน้องหนูยอลชินแล้วนะ ก็อาบด้วยกันตลอดเลยแต่พี่อินนาเคยบอกไว้ว่า นางเอกอย่างเราไม่ควรทำอะไรประเจิดประเจ้อ เพราะฉะนั้นน้องหนูยอลจะเอาผ้าคลุมหัวไว้นะ แล้วเจ้าตัวยุ่งก็ค่อยๆหันไปมองด้านหลัง ก็รู้หรอกว่าน่าอายคนที่ควรอายน่าจะเป็นพี่หนูคริสไม่ใช่เหรอ? แล้วทำไมน้องหนูยอลถึงอายจัง~ เหมือนรู้สึกว่าแก้มตัวเองเริ่มร้อนๆก็ยกสองมือขึ้นปิดหน้าแต่ก็ยังมองพี่ชายตัวโตอาบน้ำอยู่แบบนั้น นี่น้องหนูยอลประเจิดประเจ้อหรือเปล่านะ?
“พี่หนูคริส น้องหนูยอลมีข้อสงสัย” อยู่ๆเสียงเล็กก็เอ่ยขึ้นทำเอาคนที่ตั้งใจอาบน้ำสะดุ้งโหยง ดวงตาคมหันมองเด็กน้อยที่ยืนก้มหน้าโดยมีผ้าคลุมหัวปิดเสียเกือบมิด
“ว่าไงครับ”
“เมื่อไหร่น้องหนูยอลจะโตล่ะฮะจะได้มีช้างตัวใหญ่ๆเหมือนพี่หนูคริสกับคุณแด๊ดดี้”
“ห๊ะ!!? เฮ้ย!!!!” ตึงโป๊ะ... นี่ถ้าเป็นไปได้ คนโดนถามจะขอเป็นลมล้มตึงสักที ก็แล้วทำไมไม่ถามแบบนี้ล่ะ *ปาดน้ำตา*
“ตกใจทำไมล่ะฮะ? ทีน้องยอลถามคุณแด๊ดดี้ คุณแด๊ดดี้ยังไม่เห็นจะตกใจเลย” เด็กน้อยเงยหน้าขึ้นมอง ดวงตากลมวาววับอย่างใคร่สงสัยตามที่ถามจริงๆ แล้วคริสก็ยกมือเปียกขึ้นเกาหัวไปมาอย่างคิดไม่ตก
“แล้วคุณแด๊ดดี้ตอบว่ายังไงล่ะครับ” แล้วก็หันไปรีบจ้วงตักน้ำอาบให้ไวที่สุด อยู่สภาพนี้นานๆก็หนาวเป็นนะ
“คุณแด๊ดดี้บอกน้องหนูยอลว่าเดี๋ยวสักวันน้องหนูยอลจะรู้เอง แต่น้องหนูยอลอยากรู้เลยก็เลยมาถามพี่หนูคริส ตกลงว่าไงฮะ?” คริสแสร้งหยิบครีมล้างหน้ามาบีบแล้วล้างหน้าทันที พลางในหัวก็คิดหาคำตอบที่เลี่ยงการตอบในครั้งต่อไป เพราะถ้าถามขึ้นมาอีกนี่ขอบอกเลยว่า คริสจะไม่ทนนะ! คริสจะอายให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย
“สักวันที่น้องหนูยอลตัวโตกว่านี้ โตขึ้น สูงขึ้นเดี๋ยวก็... เอ่อ นั่นล่ะ ก็จะเห็นเอง” มันไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับผู้ชายที่จะคุยเรื่องแบบนี้กัน แต่มันคงไม่ใช่กับเด็กที่ยังไม่เข้าประถมตรงหน้าประตูมั้ง หรือกูจะพาลูกเขาเสียจริตจริงๆวะ ชิบหายแล้วกู!
“งั้นถ้าช้างของน้องหนูยอลโตขึ้น น้องหนูยอลจะเอามาให้พี่หนูคริสดูนะฮะ”
“เฮ้ย!!!!!!! ไม่ต้องๆๆ คือแบบว่า.... อ่า.. คือ.. ไงดีวะ ... คือมันเป็นของส่วนตัวที่ไม่ควรให้ใครเห็นนะ” คริสรีบหยิบผ้ามาเช็ดตัวแล้วพันร่างไว้เลย วันนี้รู้สึกจะไม่ปลอดภัยยังไงก็ไม่รู้แหะ นี่กูคิดไปเอง?
“คุณแด๊ดดี้ก็บอกแบบนั้นฮะ” คริสแอบถอนหายใจแล้วก็เลี่ยงไปหยิบชุดที่จะใส่นอนมาสวม
“แต่น้องหนูยอลอยากให้พี่หนูคริสดูนี่ฮะ” เจ้าตัวน้อยใช้นิ้วชี้จิ้มที่ริมฝีปากแล้วช้อนใบหน้าเศร้าสร้อยมองพี่ชายตัวโตที่ยืนอ้าปากหวอไปแล้ว ก่อนที่จะตกใจไปมากกว่านี้คริสก็รีบใส่ชุดให้เรียบร้อยก่อนที่จะช้อนตัวอุ้มเด็กน้อยขึ้น
“เอ่อ... ไปนั่งเป่าผมกันดีกว่าเนอะ” คาดว่าถ้ายังอยู่ด้วยกันในสภาพแบบนั้นอีกนาน สงสัยจะติดเรทฉอ.เฉพาะกลุ่มแล้วล่ะ
หลังจากที่ทั้งคู่ออกมาจากห้องน้ำแล้วเหล่าเพื่อนในแก๊งก็ทยอยกันไปอาบน้ำ ส่วนคริสก็ต้องพาเจ้าตัวน้อยมานั่งเป่าผม ไดร์เป่าผมพี่คิตตี้สีชมพูน่ารักถูกคริสเสียบปลั๊กและนำมาใช้เป่าเส้นผมนิ่มลอนสวยตรงหน้า เด็กน้อยนั่งอยู่บนตักแล้วก็ถือกระจกถือสีชมพูพี่คิตตี้ไว้ส่องดูยามที่พี่ชายเป่าผมให้ เจ้าตัวยุ่งก็ยิ้มหวานใส่กระจกอย่างอารมณ์ดี การที่เพิ่งอาบน้ำมาใหม่ๆแล้วมีคนเป่าผมให้น่ะสบายอย่าบอกใครเชียวนะ~ แต่น้องหนูยอลไม่ให้พี่หนูคริสไปเป่าผมให้ใครนอกจากน้องหนูยอลหรอกนะจะบอกให้!!
ไม่นานเส้นผมที่ชื้นน้ำก็แห้งสนิทด้วยฝีมือการเป่าผมของพี่ชายตัวโต น้องหนูยอลหยิบแปรงสีชมพูแน่นอนว่าพี่คิตตี้แน่นอนขึ้นมาแปรงหวีผมมาหวีผมเบาๆก่อนที่จะเก็บลงกล่องคิดตี้พร้อมกับกระจกและไดร์เป่าผม เด็กตัวน้อยหันกลับไปหาพี่ชายที่ส่งยิ้มมาให้แล้วก็ยืดตัวขึ้นจุ๊บเบาๆที่ริมฝีปากได้รูปก่อนที่จะลงนั่งเหมือนเดิมแล้วเอียงคอยิ้มหวาน
“น้องหนูยอลรักพี่หนูคริสจัง” แล้วเจ้าตัวก็เขินอายเอง มือเล็กๆยกขึ้นปิดแก้มก่อนจะส่ายหน้าไปมา “ไม่พูดแล้วอ่ะ น้องหนูยอลจะนอนแล้ว”
“งั้นก็นอนนะครับ” ก็แอบขำเด็กน้อยเบาๆ สองแขนยาวช้อนเด็กน้อยขึ้นอุ้มก่อนที่จะขยับไปวางหนูยอลลงบนฟูหนอนนิ่มๆ ฟูกเดียวกันกับคนกล่อมนอนนี่ล่ะ คริสนอนเท้าหัวนอนตะแคงข้างมองเด็กน้อยที่นอนหงายแล้วหันหน้ามาทำตาโตใส่
“พี่หนูคริสฮะ ... ถ้าน้องหนูยอลโตพี่หนูคริสจะทิ้งหนูยอลไหมฮะ” ปลายเรียวคิ้วขมวดมุ่นก่อนที่จะยกผ้าขึ้นห่มให้ถึงคอ แล้วจึงยื่นมือไปตบที่อกของเด็กน้อยเบาๆกล่อมให้เด็กตัวป่วนเข้านอน
“ไม่ทิ้งหรอกครับ จะอยู่จนกว่าน้องหนูยอลจะโตเลย” เด็กน้อยยิ้มกว้างแล้วแล้วก็หลับตาลง เพียงไม่นานเด็กน้อยก็เข้าสู่ห้วงนิทราไปเรียบร้อย คริสเองก็ระบายยิ้มแล้วตบแผ่นอกเล็กเบาๆ
“คริส.. ไปคุยกันหน่อยสิ” คริสโน้มตัวเข้าไปจุมพิตที่หน้าผากมนเบาๆก่อนที่จะลุกขึ้นเดินตามซิ่มหมินออกไปด้านนอก
ซิ่วหมินกับคริสอยู่ที่แนวก้อนหินหน้าบ้านที่ใช้แบ่งกั้นเขตระหว่างบ้าน ทั้งสองนั่งเงียบๆมองตรงไปยังเบื้องหน้าที่เป็นท้องไร่ ท้องนามืดสนิท คนตัวกลมถอนหายใจอีกครั้งก่อนที่จะหันหน้าไปหาคนข้างกายที่ยื่นมือมาจับกับมือของซิ่วหมิน
“คริส.. กูถามจริงๆ ตอบมาตรงๆนะ มึงคิดยังไงกับน้องหนูยอล” คริสขมวดคิ้วมุ่นแล้วหันมามองเพื่อนที่มองตนอยู่แล้ว
“ก็ไม่มีอะไรนิ” ว่าแล้วก็หลบตา ซิ่วหมินถอนหายใจอีกครั้ง
“ไอ้เซฮุนกับไอ้จงแดบอกกูหมดแล้ว มึง... รักน้องเขาจริงๆเหรอ?” คริสเลิกคิ้วทำท่าครุ่นคิดก่อนที่จะหัวเราะออกมาเสียงเบาแล้วส่ายหน้า
“ไม่ใช่แบบนั้นที่พูดไปน่ะก็แค่อยากให้พวกมันเลิกพูดสักที มันไม่ได้มีอะไรจริงๆ มึงอย่าคิดมากไปเลย”
“กูต้องคิดสิ คริสมึงก็รู้ว่าน้องยังเด็กนะ เด็กมากด้วยมัน.. จะว่าไงดีวะ มึงจะทำใจได้ไหมถ้าน้องเขา....”
“กูเข้าใจว่ามึงจะพูดอะไร บอกตามตรงกูก็ไม่รู้หรอกว่ากูรู้สึกยังไง มันก็แค่อาจจะเป็นความรู้สึกที่ว่ากูเอ็นดูน้องเขาก็ได้แล้วบ้านกูไม่มีเด็กเล็กๆ มึงก็รู้ว่าแม่กูอยากมีน้องชายให้กูพอมีน้องหนูยอล เด็กทั้งน่ารักและขี้อ้อนก็คงจะเอ็นดูนั่นแหละ” ซิ่วหมินมองใบหน้าของเพื่อนแล้วยื่นมืออีกข้างที่ไม่โดนกอบกุมไปตบที่หลังมือเพื่อนเบาๆ
“ในฐานะที่เราเคยเป็นแ... ไม่สิ เราเป็นเพื่อนรักกันกูแค่อยากจะบอกว่าเรื่องของมึง มึงต้องคิดเอาเองพวกกูไม่มีสิทธิ์ยุ่งแต่ที่พวกกูทำทั้งหมดเนี่ยก็แค่อยากจะให้รู้ว่าพวกกูห่วงมึงนะ ถ้าสักวันน้องหนูยอลโตขึ้นแล้วเขาจะทิ้งมึง...”
“อืม.. กูรู้ สักวันหนึ่งเขาก็ต้องจากกูไป ไม่เขาไปก็ต้องเป็นกูที่ไป จริงๆแล้วมันอาจจะไม่มีอะไรเลยก็ได้นะ ถ้าเขาเริ่มโตเข้าประถมก็ต้องเริ่มมีเพื่อน มัธยม มหาลัย กว่าตอนนั้นเขาก็คงลืมกูไปแล้ว กูทำงานเรียบจบน้องยังแค่ประถมเอง จะเอาอะไรมากละวะ... สักวันถ้าเขาจะไปกูก็จะปล่อยเขาไปเอง” คริสมองออกไปไกล ไกลจนไม่รู้ว่าจุดหมายของมันสิ้นสุดที่ตรงไหน แทบจะเป็นประโยคยาวที่สุดที่ชายหนุ่มเคยพูดมาเลยก็เป็นได้ ถ้าไม่นับประโยคยามบ่นเพื่อนน่ะนะ
“แล้วมึงจะเอายังไงต่อไป” ใบหน้าที่ดูเลื่อนลอยหันมาวาดส่งรอยยิ้มก่อนที่จะส่ายหน้าไปมาช้าๆ
“ไม่รู้ดิวะ ก็แค่ดูแลน้องเขาในแต่ละวันให้ดีล่ะมั้ง ยังไงบ้านน้องเขาก็ฝากให้กูดูแลอยู่แล้ว แล้วถ้าวันนั้นมาถึงจริงๆ ถ้าน้องเขาจะไปกูก็จะปล่อยน้องไป”
“เอาเหอะ ไปนอนกันเหอะว่ะ พรุ่งนี้สงสัยวุ่นวายแหงๆ” แล้วทั้งคริสกับซิ่วหมินก็เดินเข้าที่พักไปด้วยกัน ก่อนที่จะเดินเข้าห้องนอนซิ่วหมินตบไหล่คริสหนักๆไปเสียสองทีก่อนที่จะเดินนำเข้ามาก่อน
คริสยืนอยู่ตรงนั้นอีกครู่ก่อนที่จะเดินตามเข้าไป ร่างสูงยาวล้มตัวลงนอนข้างเด็กน้อยที่นอนหลับสนิท สองมือเล็กกำมือวางอยู่บนหมอนเลยผ้าห่มออกมา คริสจับสองมือนั้นวางไว้ข้างตัวเด็กน้อยก่อนที่จะห้าผ้าให้ วางสัมผัสอ่อนละมุนไว้ที่หน้าผากมนอีกครั้งก่อนที่จะปิดเปลือกตาลงดับสิ้นสูญทุกห้วงความคิด
ให้เรื่องวันพรุ่งนี้เป็นเรื่องของวันพรุ่งนี้ และอนาคตก็คือเรื่องของอนาคต แม้ไม่แน่ใจว่าจะทำใจได้อย่างที่พูดไว้หรือเปล่าก็ตาม
ซิ่วหมินกับลู่หานเมื่อสังเกตว่าคริสหลับไปแล้วทั้งสองก็เขยิบเข้ามาใกล้ๆกัน ซิ่วหมินกับลู่หานพยักหน้ารับรู้กันว่าเมื่อครู่นี้ตนได้พูดทุกสิ่งไปหมดแล้ว
“มันว่าไงบ้าง” ลู่หานกระซิบเสียงเบา ซิ่วหมินได้แค่วาดรอยยิ้มบางๆ
“อืมก็ดี เรื่องของมันให้มันจัดการเองเราก็อยู่ห่างๆคอยดูมันก็แค่นั้น” ลู่หานเองก็พยักหน้ารับ
“แต่ฉันก็เชียร์ให้มันกับน้องหนูยอลได้กันนะ น่ารักดี” ลู่หานยิ้มกว้างเมื่อคิดถึงภาพที่สองพี่น้องต่างไซส์อ้อนกัน
“ถ้าน้องเขาจะไม่หนีจากมันไปก่อนน่ะนะ”
“ไม่หรอก ฉันเชื่อว่าน้องหนูยอลจะไม่ปล่อยไอ้พี่หนูคริสไปง่ายๆหรอก” แล้วลู่หานก็นอนหัวเราะคิกคักแบบเสียงเบาๆคือก็กลัวคนอื่นตื่นไง ในบ้านหลังนี้นอนกันสิบคน แล้วอยู่ๆจงแดที่นอนอยู่ด้านหลังซิ่วหมินก็พลิกตัวมาแล้วกอดร่างอวบๆไว้ก่อนที่จะชะโงกหน้าขึ้นมาจุ๊บที่แก้มกลมเสียหนึ่งที
“นอนได้แล้ว ไว้ค่อยคุยพรุ่งนี้” ว่าแค่นั้นแล้วจงแดก็เขยิบมานอนหมอนใบเดียวกับซิ่วหมินซะเลย มือก็ยังคงโอบร่างกลมไว้
“ก็แล้วจะมากอดทำไมเนี่ย ไอ้แป๊ะนี่!” ถึงจะบ่นแต่ก็ไม่ยอมยกมือนั้นออก ลู่หานเบ้หน้าแล้วหันไปมองเซฮุนที่นอนอยู่ด้านหลังที่ยังคงนอนหงาย กางแขน กางขา นอนดิ้นชะมัดไอ้บ้านี่!
“เออไม่กอดกู กูกอดเองก็ได้” แล้วลู่หานก็พลิกตัวไปกอดแขนของเซฮุนไว้ แล้วค่ำคืนนี้ก็เงียบสงบกันเสียที ขอบอกเลยนะว่าลู่หานไม่ได้อิจฉาเลยสักนิด!!
หลังจากที่ตะวันโผล่พ้นขอบฟ้าแล้ว เสียงไก่ขันก็ดังขึ้นทั่วทุกหัวระแหง น้องหนูยอลลืมตาตื่นก็ตกใจผงะนิดหน่อยเห็นเห็นใบหน้าหล่อเหลาของพี่ชายข้างบ้านอยู่ใกล้เสียขนาดนี้ ดวงตากลมโตวาววับเป็นประกายแล้วไล่สำรวจเครื่ององค์ประกอบบนใบหน้านี้
คิ้วหนาพาดเฉียง เปลือกตาสีไข่มุก แพขนตา นัยน์ตาสีมืด ดวงตาคมเรียว สันจมูกโด่ง ริมฝีปากได้รูปสีอ่อน โครงกรอบหน้าเรียว ที่รวมสรรสร้างกันขึ้นมาแล้ว ผู้ชายที่นอนอยู่ข้างกายนั้นดูดีกว่าใคร ดูดีกว่าองค์เทพใดๆ กลีบปากอิ่มสีสดวาดรอยยิ้มก่อนที่จะเผลอเอื้อมมือไปวางแนบกับแก้มของคนหลับ แล้วไม่นานเปลือกตาที่ปิดสนิทนั้นก็ลืมขึ้น
“ตื่นแล้วเหรอหื้ม? ฝันดีไหมครับ” คริสเอื้อมมือไปลูบกลุ่มผมนิ่มเบาๆ น้องหนูยอลใช้ปลายนิ้วจิ้มปลายจมูกของคนเพิ่งตื่นแล้วหัวเราะคิกคัก
“ไม่รู้สิฮะ น้องหนูยอลจำไมได้ น้องหนูยอลจำได้แต่ว่าน้องหนูยอลรักพี่หนูคริสม๊ากมาก~” ตื่นมาได้ก็หยอดแต่เช้าเลยแฮะ
“ฮ่าๆๆ ว่าไปนั่น” คริสดีดหน้าผากมนเบาๆ แน่ละเด็กตัวน้อยไม่รับรู้ถึงความเจ็บหรอก แต่ขอบอกได้เลยว่างอนเลย
“พี่หนูคริสไม่เชื่อเหรอ! น้องหนูยอลไม่เคยโกหกนะ!!” เด็กตัวเล็กลุกขึ้นนั่งแล้วกอดอกเชิดหน้าขึ้นสูง บ่งบอกเต็มสตรีมเลยว่างอนมาก มากถึงมากที่สุดด้วย
“โอ๋ๆ ไม่งอนนะ ขอโทษนะครับ เราไปล้างหน้าแล้วหาอะไรกินกันดีกว่านะ” ไม่รอให้เด็กแสนงอนคัดค้านอ้อนแขนยาวก็อุ้มช้อนตัวเด็กน้อยขึ้นอุ้มเสียเลย
“พี่หนูคริส!!!!”
“ว่าไงครับ” เด็กน้อยได้แต่ยู่หน้าใส่ เมื่อเห็นว่าใบหน้าคมนั้นส่งรอยยิ้มกว้างมากให้ สองแขนเล็กก็เอื้อมโอบรอบคอแล้ววางใบหน้าลงที่ซอกคอยาวด้วยรอยยิ้ม
“น้องหนูยอลอยากกินน้ำแข็งไสอีกจัง” แล้วเจ้าตัวก็ทำตาโตมองอ้อนคนที่ก้มหน้าลงมามอง แค่นี้คริสก็พร้อมยอมถวายหัวแล้วล่ะจ๊ะ
“เดี๋ยวบ่ายนี้เราค่อยทำกินกันเนอะ”~”
“เย้~ พี่หนูคริสน่ารักที่สุดเลย~~” แล้วก็จุ๊บแก้มของพี่ชายตัวโตไปสักหนึ่งที
เมื่อล้างหน้าล้างตาเสร็จเรียบร้อยคริสก็อุ้มพาเด็กน้อยมานั่งประจำที่โต๊ะยาวเพื่อทานข้าวเช้า แต่ตนนั้นก็ต้องลุกไปช่วยพวกเพื่อนๆที่พักในบ้านหลังนี้ยกสำหรับอาหารออกมา น้องหนูยอลก็ได้แต่มองซ้ายมองขวา เห็นทั้งพี่ลู่และพี่หมินที่เดินยกหม้ออะไรก็ไม่รุ้ควันฉุยหอมๆมาวางตั้งไว้ ทั้งสองเดินมาเล่นได้แปบนึงก็ต้องรีบกลับไปช่วยยกอย่างอื่น
พี่ฮุนกับพี่แดก็ช่วยกันยกถาดที่ใส่พวกอุปกรณ์ทานข้าวมา แอบมาหอมแก้มน้องหนูยอลคนละข้างแล้วก็รีบเผ่นหนีไป คิคิ อยากจะบอกว่าน้องหนูยอลไม่ถือหรอกเพราะพี่ฮุนกับพี่แดเป็นเพื่อนของพี่หนูคริสเพราะฉะนั้นน้องหนูยอลก็ให้หอมได้ แต่ถ้าเป็นคนอื่นน่ะน้องหนูยอลไม่ยอมนะจะบอกให้
นั่งอารมณ์ดีอยู่ได้ไม่นานก็ต้องได้อารมณ์เสียแต่เช้าเลย หญิงสาวที่คุ้นหน้าเป็นอย่างดีเดินถือหม้ออะไรสักอย่างเดินยิ้มเข้ามา น้องหนูยอลไม่ได้โง่หรอกนะที่จะไม่รู้ว่ายัยป้านั่นจะมาแย่งพี่หนูคริสน่ะ!
“ป้ามาที่นี่ทำไมฮะ? ที่นี่เราจะกินข้าวกันไม่ได้เชิญป้านะฮะ” เอ่ยถามน้ำเสียงหวานจ๋อยพร้อมกับยิ้มกว้างแล้วเอียงหน้าส่งพลังออร่าความน่ารักเสียเต็มสตรีม
“ว่าแต่เขาตัวเองก็เหมือนกันนั่นแหละ เขาจะมาค่ายกันสำหรับผู้ใหญ่เป็นเด็กเป็นเล็กน่ะมาทำไม” จี๊ดมาก ขอบอกว่าน้องหนูยอลจี๊ด!!!! แบบนี้ต้องประกาศสงคราม!!!!!! *ซาวด์เพลงทูมูนดังขึ้น*
“ก็เพราะป้านั่นแหละชอบมายุ่งกับพี่หนูคริส น้องหนูยอลถึงต้องตามมาประกาศไง” น้องหนูยอลลุกขึ้นยืนแล้วกอดอกเชิดหน้าใส่หญิงสาวที่นั่งเท้าคางยิ้มเยาะอยู่ฝั่งตรงข้าม
“พี่หนูคริสเป็นของน้องหนูยอลคนเดียวนะ ห้ามใครยุ่ง!!” หญิงสาวเบิกตากกว้างก่อนที่จะหัวเราะเสียงเบา
“เหรอจ๊ะ? ถามเจ้าตัวหรือยังล่ะ” หล่อเองก็สนุกที่ได้ต่อล้อต่อเถียงกับเด็กน้อยตรงหน้า แต่จะว่าหล่อนมาแย่งชายหนุ่มก็คงไม่ผิดนักหรอก
“ไม่ต้องถาม เพราะยังไงพี่หนูคริสก็ต้องเป็นของน้องหนูยอลอยู่ดี” เด็กน้อยแลบลิ้นใส่ไปเสียหนึ่งที
“พี่ว่าเราน่ะถามพี่หนูคริสของเราก่อนดีกว่ามั้ง~ ว่าเขาเต็มใจหรือเปล่าไปบังคับเขาแบบนั้นน่ะ ไม่ดีนะจ๊ะหนูน้อย” ราอิมโบกนิ้วชี้ไปมา น้องหนูยอลโกรธมากจนควันออกหูแล้วนะ!! ยัยป้านี่กล้าดียังไงมาว่าน้องหนูยอลบังคับพี่หนูคริส!! มือเล็กกำแน่น ขอบอกว่าองค์ลงเต็มตัวแล้วจ้า
“แล้วป้าน่ะกล้าดียังไงถึงเข้ามายุ่งกับเรื่องครอบครัวของคนอื่นเขาล่ะ!! ไม่มีปัญญาหาเองหรือไง? หรือต้องมาทำตัวแบบนี้น่ะ!!” ดวงตากลมมองหญิงสาวตรงหน้าด้วยสายตาจิกเลียนแบบทั้งท่าทางและคำพูดจากละครภาคค่ำที่พี่อินนานั่งดู ถ้อยคำประโยคนั้นน้องหนูยอลจำได้ว่าเป็นถ้อยคำของเมียหลวงที่กำลังด่าเมียน้อยอยู่ จะบอกให้ว่าน้องหนูยอลความจำดีนะ
“ยะ...ยัยเด็กแก่แดด!!” ราอิมลุกขึ้นยืนแล้วก้มลงมองเด็กน้อยที่ยืนกอดอกเชิดหน้า ถ้าตอนนี้เป็นโลกแห่งการ์ตูนก็คงจะเห็นกระแสสายฟ้าที่ทั้งสองใช้ฟาดฟันกันทางสายตา
“ว่าใครไม่ดูตัวเอง เห๊อะ น้องหนูยอลไม่อยากจะเสวนาด้วย” ว่าแล้วเจ้าตัวก็ใช้มือสะบัดปลายผมก่อนที่จะนั่งลงอย่างผู้รากมากดี ละครเรื่องนี้พี่อินนาชอบมาก ดูวนตั้งหลายรอบเพราะฉะนั้นขอบอกว่าการแสดงที่จำมาน่ะเป็นเริ่ด!
“เป็นเด็กเป็นเล็กทำตัวแก่แดดระวังพี่หนูคริสจะไม่รักล่ะ” หล่อนเบะปากใส่เด็กตัวน้อยที่นั่งเชิดหน้าไปอีกทาง น้องหนูยอลหันหน้ากลับมามองแล้วแสยะยิ้ม
“ก็จะลองดูกันไหมล่ะ?” ราอิมไม่พูดอะไรแต่ก็ยอมสงบศึกลงนั่งอย่างสงบเสงี่ยม ฉันว่าหล่อนคงสู้ด้วยผิดคนแล้วล่ะ
หลังจากที่จัดเตรียมมื้อเช้าเสร็จทุกคนก็มาประจำที่โต๊ะและแน่นอนว่ามีราอิมด้วย หม้อที่ราอิมเตรียมก็เป็นแกงเต้าหู้อ่อน(ซุนดูบู) หญิงสาวก็คีบเต้าหู้มามาคริส น้องหนูยอลแบะปากก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นไปหาเจ้าของตัก กลีบปากอิ่มวาดรอยยิ้มแล้วทำตาโตเป็นประกาย
“น้องหนูยอลไม่กินอันนี้ น้องหนูยอลจะกินผักอันนั้น” ชี้ไปที่เต้าหู้ชิ้นนั้นก่อนที่จะชี้ไปยังแกงกิมจิที่ถูกตักแบ่งใส่ถ้วยเล็กมาให้ เช้านี้น้องหนูยอลกินข้าวถ้วยเดียวกับพี่หนูคริสนะ
“พี่ตักให้คริสค่ะ” ราอิมเอ่ยบอก น้องหนูยอลหันมาทำตาวาวใส่
“แต่น้องหนูยอลไม่ชอบเต้าหู้เพราะฉะนั้นพี่หนูคริสก็ต้องไม่กินด้วย พี่ฮุนกินให้น้องหนูยอลหน่อยสิฮะ” เซฮุนที่นั่งข้างๆคริสหันมาทำหน้างงๆก่อนที่จะคีบเต้าหู้ชิ้นนั้นไปกินตามคำสั่งและนิ้วที่ชี้แทบจะจิ้มอยู่ในถ้วยข้าว
“พี่หนูคริสป้อนข้าวน้องหนูยอลต่อนะฮะ” แล้วเจ้าตัวก็เงยหน้าขึ้นไปพยักหน้าให้พร้อมกับยิ้มกว้างตาหยี ราอิมเองก็ได้แต่กัดเขี้ยวฟัน
“อร่อยไหมครับ” คริสก้มลงถามเจ้าตัวเล็กในตักที่ดูท่าวันนี้จะเจริญอาหารเสียเหลือเกิน สั่งให้คีบโน้นป้อนนี่ตลอด
“พี่หนูคริสป้อนอะไรนะ ทุกอย่างก็อร่อยหมดนั่นล่ะฮะ” แล้วเจ้าตัวก็อ้าปากรอเนื้อไก่ที่คริสคีบป้อน ชายหนุ่มก็หัวเราะเบาๆเพราะดูท่าแล้วคงจะแกล้งหญิงสาวคนเดียวในโต๊ะที่นั่งฝั่งตรงข้ามอยู่สินะ
หลังจากที่ทานมื้อเช้าเสร็จราอิมก็ขอตัวกลับแถมได้อีกหนึ่งดอกเจ็บๆจากเด็กน้อยด้วยถ้อยคำว่าไม่ต้องกลับมาอีกก็ได้นะฮะ ที่นี่ไม่ได้ต้องการคนเพิ่ม ทั้งลู่หาน เซฮุน ซิ่วหมิน จงแดก็หัวเราะกันเสียงดังลั่นไม่อายผีสางนางไม้ที่ไหนเลย เช้านี้อากาศค่อนข้างเย็นสบายการอาบน้ำจึงเป็นอุปสรรคนิดหน่อยแต่ทว่าเด็กชอบน้ำเย็นๆแบบน้องหนูยอลน่ะบ่ยั่นอยู่แล้ว
“พี่ว่าจะให้มึงไปช่วยซ่อมหลังคาที่บ้านคุณตาเกือบท้ายหมู่บ้านเสียหน่อย แต่ไม่เป็นไรดูแลน้องมึงไปเหอะเดี๋ยวเอาไอ้สองตัวนั้นมากับพี่ก็แล้วกัน” รุ่นพี่ที่เป็นแกนนำของอาสาค่ายนี้กวักมือเรียกเซฮุนกับจงแด
“ทำไมพี่พูดไม่เพราะล่ะฮะ น้องหนูยอลว่าไม่ดีเลยนะเราต้องพูดเพราะๆสิฮะ จะได้น่ารักเหมือนน้องหนูยอลไงฮะ” แล้วเจ้าตัวก็ใช้สองมือรองใต้คางทำท่าดอกทานตะวันแล้วก็ยิ้มแฉ่งให้รุ่นพี่ขาโหดที่ก็ดูมึนๆอยู่เหมือนกันนะ
“อะจ๊ะๆ ขอโทษจ๊ะ ไปเร็วๆเซฮุน จงแด” ลูบหัวเด็กน้อยสักสองสีก่อนที่รุ่นพี่คนนั้นจะเดินจากไปแบบงงๆ ร้อนถึงสองคนที่โดนเรียกให้ช่วยต้องรีบวิ่งเข้าไปพาไปท้ายหมู่บ้านให้ถูกทางก่อนที่พี่แกจะเดินเลี้ยวลงบ่อปลาเสียก่อน ใครที่เจอน่ารักแอ็คแท็คไม่เป๋ก็ให้มันรู้ไปสิ
“แล้วเราจะไปทำอะไรกันล่ะ” ลู่หานเอ่ยถาม เพราะตอนนี้คนที่ไม่มีงานคือตน ซิ่วหมินและคริส ทั้งสามมองหน้ากันก่อนที่ซิ่วหมินจะเห็นกลุ่มเด็กนักเรียนวิ่งเล่นอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล เพราะที่พักนี้อยู่ติดกับโรงเรียนที่เข้ามาช่วยซ่อมแซม
“ถ้าอย่างนั้นเราไปสอนเด็กๆกันไหม? อย่างน้อยก็พับกระดาษ เล่านิทาน สอบนับเลขอะไรก็ได้ ดีกว่าอยู่ว่างๆ” เมื่อซิ่วหมินเสนอทุกคนก็ตกลง
“งั้นน้องหนูยอลสอนนับเลขได้ไหมฮะพี่หมิน” แขนเล็กชูขึ้นเหนือหัว ซิ่วหมินหันมายิ้มแล้วดึงแก้มยุ้ยเบาๆ
“เอาสิ เราน่ะสอนได้อยู่แล้ว”
แล้วแก๊งอาจารย์ก็เดินเข้าไปหาเด็กนักเรียนกลุ่มหนึ่งที่มีเด็กชายหญิงอยู่สิบคน พากันไปนั่งล้อมกันที่ใต้ต้นไม้โดยมีพี่ๆนั่งพิงลำต้นไม้ใหญ่และเด็กน้อยนั่งล้อมเป็นครึ่งวงกลมตรงหน้า คริสให้น้องหนูยอลนั่งอยู่บนตักก่อนที่ลู่หานจะเริ่มเล่านิทานจากหนังสือนิทานที่วิ่งไปหยิบจากห้องสมุดเล็กๆในโรงเรียน แล้วก็ต่อด้วยซิ่วหมินและน้องหนูยอลที่ช่วยสอนเด็กๆนับเลข สนุกเจ้าตัวเล็กเขาล่ะทีนี้
คริสสอนเด็กๆเล่นเกมนิ้วเพื่อที่จะฝึกทักษะของเด็กๆ สมองจะได้เกิดการเรียนรู้และกระตุ้นมัน ใช้นิ้วหัวแม่มือและนิ้วชี้ข้างซ้ายตั้งขึ้นแล้วแตะกับข้างขวาที่คว่ำลง ใช้นิ้วชี้แตะนิ้วหัวแม่มือสลับทางกันแล้วค่อยๆหมุนวาดครึ่งวงกลมแล้วให้นิ้วทั้งสองมาบรรจบกัน แล้วก็ทำไปเรื่อยๆ
“น้องหนูยอลทำไม่ได้อ่ะพี่หนูคริส น้องหนูยอลไม่เข้าใจ” คริสระบายยิ้มก็ขนาดเอานิ้วแตะกันยังทำผิดเลยนินะ คริสจับนิ้วมือเล็กให้วางแตะให้ถูกทางก่อนที่จะค่อยๆค่อยนิ้วเล็กๆวาดครึ่งวงกลม แล้วนิ้วมือก็จะมาบรรจบกัน
“เย้ น้องหนูยอลทำได้แล้ว!~” คริสหัวเราะเบาๆแล้วจุ๊บที่กระหม่อมสวยไปหนึ่งทีเป็นรางวัลที่เจ้าตัวทำสำเร็จ
“มาทำกันอีกทีนะครับ” แล้วมือใหญ่ก็ค่อยๆกอบกุมกับมือเล็กแล้ววาดทำแตะสลับนิ้วไปเรื่อยๆ เสียงใสหัวเราะอย่างเริงร่ายามที่เจ้าตัวทำได้
“พี่หนูคริสเก่งจังเลย~” น้องหนูยอลหันมายิ้มให้กับคนด้านหลัง สองมือเล็กจับที่ท่อนแขนที่โอบตนไว้ ปลายนิ้วยาวของคริสแตะสลับกันไปเรื่อยๆ แล้วกลีบปากอิ่มสีสดก็กดลงที่ข้างแก้มของคนสอนไปฟอดใหญ่ๆ
“พี่หนูคริสของน้องหนูยอลนี่เก่งไปหมดทุกอย่างเลย~” คริสยิ้มแล้วจุมพิตที่ข้างขมับของเด็กตัวเล็กที่ตอนนี้อยู่ใกล้กันเสียจนกลิ่นหอมอ่อนๆกรุ่นอยู่ที่ปลายจมูก
หญิงสาวที่ยืนอยู่ไม่ไกลก็ยืนกระทืบเท้าด้วยความไม่พอใจ ก็รู้ว่านั่นมันเด็ก แต่เด็กแก่แดดแบบนี้มันน่านัก!! แล้วไอ้สายตาที่มองมาเมื่อกี้น่ะคืออะไร? ร้ายกาจจริงนะเด็กตัวแค่นี้
“ถึงจะเป็นเด็กแต่ฉันก็ไม่ยอมหรอกนะ!!”
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น