ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Special] KrisYeol : Memorable Journey

    ลำดับตอนที่ #5 : Memory 04

    • อัปเดตล่าสุด 19 ต.ค. 57


    ลืมจั่วหัวไว้ว่าเรื่องนี้เป็นเพียงจินตนาการและความคิดของเราเอง ไม่ได้เขียนขึ้นมาเพื่อตอกย้ำหรือทำร้ายใคร เราแค่อยากจะเก็บความทรงจำสวยงามนี้ไว้ในความทรงจำที่เราสร้างขึ้นมา
     
    เรื่องนี้สร้างจากเรื่องแต่งขึ้น 99.99% ส่วน 0.01% นั้นเป็นเรื่องจริง .. จริงแค่ชื่อตัวละคร 5555555555
     
    ช่วงนี้วุ่นวายนิดหน่อย ก็เลยถือโอกาสลงทบต้นทบดอกเลยก็แล้วกันนะ แหะๆ 
     
    ด้วยรักและใส่ใจ บตนนเอง~
     
    ปล. รายละเอียดการทำบุญอยู่ที่ตอน1 นะคะ เผื่อใครกดเข้ามาเจอตอนอื่นก่อน
     
     
     
     
    __________________________________
     
     
     
     
    วงของเรากำหนดวันเดบิวต์แล้วและก่อนที่จะเดบิวต์นั้นพวกเราก็จะมีเดบิวต์โชว์เคสกันก่อน เรียกได้ว่าตื่นเต้นแบบไม่รู้จะตื่นเต้นกันยังไงดี พวกเราต้องเตรียมตัวกันอย่างหนักและพยายามลดความตื่นเต้นและความกังวลพวกนั้นไว้แล้วพยายามที่จะแสดงให้ดีที่สุดเพื่อแฟนคลับของพวกเรา แม้แฟนคลับของเราจะยังน้อยอยู่แต่ผมเชื่อว่าในก้าวต่อๆไปแฟนคลับของเราก็จะมีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
     
    แล้วความฝันของผมก็เป็นจริงส่วนหนึ่ง คุณก็รู้ใช่ไหมว่าคืออะไร? แน่นอนการที่ได้ขึ้นแสดงกับพี่คริส!! เพลง Two Moons นั้น ผมกับพี่คริสจะขึ้นแสดงโชว์ด้วยกันโดยมีไค(จงอิน)และพี่เลย์(อี้ชิง)ร่วมแสดงการเต้นด้วย ผมสองคนแร๊พ อีกสองคนเต้น เพลงนี้ก็สมบูรณ์แบบไร้ที่ติแล้ว! 
     
    แอบบอกเลยนะแต่ห้ามไปบอกใครนะ ผมเชื่อใจพวกคุณนะก็เลยแอบบอกให้รู้กันแค่นี้ ผมฝึกร้องเพลงนี้นานมาก จะเอาให้แบบเวลาขึ้นแสดงจริงผมจะต้องไม่ผิดพลาดเลยล่ะ การแสดงที่ผมได้แสดงกับพี่ชายของผมครั้งแรก ตื่นเต้นชะมัด!!
     
    เพลงนี้พูดถึงพระจันทร์ 2ดวงที่จะฉายขึ้นพร้อมกันและเราๆทั้งหมดเหล่าคนสำคัญก็ต้องไปปฏิบัติหน้าที่กัน แน่นอนว่าเมื่อเดเบิวต์สเตรจเริ่มขึ้น พวกเราก็พร้อมขึ้นยานอวกาศออกไปทำหน้าที่แล้ว อย่างกับฝันไปแน่ะแต่มันก็คือเรื่องจริงที่เรากำลังจะออกไปเผชิญกับโลกใบใหม่
     
     
    “เป็นอะไรกลัวหรือไง” ก่อนที่จะถึงเวลาของงานวันนี้คริสก็เดินเข้าไปหาชานยอลที่ยืนลุกลี้ลุกลน หันไปหันมาอย่างกับคนทำอะไรไม่ถูก
     
    “ใครกลัว ไม่มี๊!!~” ชานยอลหันไปหาคนที่จับไหล่แล้วส่ายหน้าไปมา คริสเลิกคิ้วขึ้น
     
    “ไม่กลัวก็ทำให้มันสุดๆไปเลยล่ะ” ตบท้ายประโยคด้วยการหัวเราะเบาๆ โคตรเก๊กเลยอยากจะบอก! แต่ก็นั่นแหละคนตรงหน้าเขาก็เป็นแบบนี้แหละ แต่ก็เก๊กได้ไม่นานหรอกเดี๋ยวก็มาดหลุดแล้ว
     
    “แต่ผม.. ไม่มั่นใจว่ะพี่” คริสยื่นมือไปขยี้ผมน้องเบาๆ
     
    “เฮ้ยไหนใครบอกว่าจะออกไปแสดงให้แฟนๆเห็นไงว่าปาร์คชานยอลน่ะเท่ขนาดไหน” ยกมาทั้งประโยคอย่างนี้ อายชะมัด
     
    “แต่มันก็ไม่มั่นใจได้ป่ะวะพี่ ตื่นเต้นอ่ะ” ชานยอลยื่นกำปั้นไปชกอกคริสเบาๆ คริสหัวเราะแล้วจับกำปั้นที่มาชกเขาเอาไว้
     
    “แต่พี่ก็อยู่ข้างๆนายไง” แค่ประโยคเดียวความกลัวมันก็หายไปหมดเลย ชานยอลยิ้มแล้วพยักหน้า
     
    “จริงด้วย พี่อยู่ข้างๆผม” 
     
    “ใช่ไหมล่ะ พี่อยู่ข้างๆแล้วนายจะไปกลัวอะไร” 
     
     
    เพียงแค่ประโยคสั้นๆ มันก็ทำให้ผมหายกลัวได้จริงๆ เวลาที่ผมกลัวหรือกำลังตื่นเต้นในหัวผมมันก็มักจะวนประโยคนี้มาเสมอ พี่เขาอยู่ข้างๆแล้วทำไมผมต้องกลัวด้วย
     
    เวลาที่จะออกไปโลดแล่นเริ่มขึ้นแล้ว!
     
    ตอนที่อยู่บนเวทีพี่เขาดูเท่มากจริงๆ ดูเปล่งประกายแล้วก็ดูเท่มากอย่างบอกไม่ถูก ผมชอบหันไปมองเขาบ่อยๆก็ไม่รู้ว่าเขาจะรู้ตัวไหมแต่ผมชอบหันไปมองดูความเปล่งประกายของเขา ดูทุกๆอย่างที่เป็นเขา มันทำให้ผมรู้สึกดีแล้วก็อยากที่จะเป็นให้ได้แบบเขา ถ้าจะพูดแบบตรงๆเลยก็คือ คริสน่ะเป็นต้นแบบของชานยอลเลยนะ ผมถึงชอบทำตามเขาไงล่ะ
     
    เวลาที่มองหันไปมองแล้วเห็นว่าเขาอยู่ข้างๆมันทำให้ผมอุ่นใจและแน่นอนว่าผมก็รู้สึกปลอดภัยและไม่นึกกลัวอะไรอีกเลย เวลาที่เขาทำหน้านิ่งๆเก๊กให้ผมได้จ้องมองนั่นมันก็ดูดีนะแต่มันก็ดูตลกอยู่ดีจนบางทีผมก็เผลอหัวเราะออกไปแล้วเขาก็หัวเราะตาม ก็บอกแล้วว่าเก๊กได้ไม่นานหรอกตุ้ยจางคริสก็มาดหลุดเสียแล้ว
     
    วันนั้นผมก็ไม่รู้ตัวเลยแหะว่าผมน่ะเผลอแอบมองเขาไปกี่ครั้งกัน เวลาที่ดวงตาดุคู่นั้นหันมามองสบตาไม่รู้ทำไมผมถึงต้องรู้สึกใจเต้นแล้วก็เขินด้วย เวลาที่พี่คริสยืนอยู่บนเวทีมันเปล่งประกายและดูดีจนผมเผลอละสายตาไม่ได้เลย ปกติว่าเขาก็ดูดีอยู่แล้วแต่พอได้มายืนอยู่บนเวทีเขาก็ยิ่งดูดีเข้าไปอีก แล้วแบบนี้ผมจะก้าวตามเขาทันได้ยังไงนะ
     
    สักวันปาร์คชานยอลจะต้องเป็นคนเท่ๆแบบคริสให้ได้!!
     
     
    “พี่คริสทำอะไรน่ะ” ชานยอลขยับตัวลุกขึ้นจากเตียงมองไปที่โต๊ะนั่งเขียนหนังสือของพี่ชายก็เห็นว่าคริสกำลังพิมพ์อะไรอยู่ที่โน้ตบุค หลังจากมีปาร์ตี้เล็กๆเจ้าตัวก็ขอตามมานอนกับคนเป็นพี่ด้วย
     
    “อ๋อทำงาน นอนไปได้แล้วไป” คริสหันมาตอบแล้วก็หันกลับไปพิมพ์อะไรก๊อกแก๊กต่อ ด้วยความอยากรู้ชานยอลก็เลยลุกขึ้นจากเตียงแล้วเดินไปดู
     
    “นั่นอะไรน่ะ” 
     
    “ก็ซับภาษาอังกฤษสำหรับใส่โชว์เคสวันนี้ไง พี่ขอเขาเอากลับมาแปลให้จะได้ให้แฟนๆดูกันได้รู้เรื่อง” ชานยอลแอบยิ้มแล้วก้มลงวางคางเกยไหล่พี่ชายเอาไว้
     
    “แต่ไม่เห็นต้องรีบก็ได้นินา พี่ทำที่บริษัทก็ได้” แต่คริสกลับส่ายหน้า
     
    “ไม่ล่ะ พี่อยากให้แฟนประเทศอื่นได้ดูกันด้วย” 
     
     
    คำตอบโคตรแมนเลยล่ะพี่ผม ถึงผมจะบ่นว่าง่วงเขาก็ไม่ยอมไปนอนกับผมซ้ำยังจะไล่ผมอีก ผมรู้ว่าเขาน่ะเหนื่อยและก็รู้ด้วยว่าเขาจะต้องง่วงมากๆ ดูจากเวลาที่เขาจะต้องนอนตรงเวลาแต่นี่มันเลยมาไกลโขแล้วกับอาหารหาวแล้วหาวอีก มันก็เลยทำให้ผมเลิกเซ้าซี้เขาแล้วเดินกลับมานอนที่เตียงตามเดิม พี่เขาจะได้ทำให้เสร็จไวๆแล้วก็กลับมานอนกับผมสักที
     
    หลังจากที่มีโชว์เคสแล้วอีก 2วันก็จะเป็นเดบิวต์ของเราจริงๆสักที แต่ทว่าฝั่งจีนจะต้องไปเดบิวต์สเตรจกันที่จีน ส่วนพวกฝั่งเกาหลีก็จะเดบิวต์กับที่นี่ นั่นเป็นครั้งแรกเลยที่ผมจะต้องห่างกับพี่เขาไกลๆ ผมไม่อยากให้พี่เขาไปเลย ก็ผมเหงานิน่า
     
     
    “เป็นอะไรน่ะชานยอล” คริสเดินเข้ามาถามเมื่อเห็นว่าเจ้าเด็กน้อยของเขานั่งทำหน้าหงอย วันนี้ชานยอลก็ขอมาค้างด้วยหลังจากที่เราปาร์ตี้หลังโชว์เคสกันแล้ว
     
    “เปล่า” ชานยอลส่ายหน้าไปมา คริสเดินมานั่งข้างๆชานยอลแล้วก็เลิกคิ้วมอง
     
    “เป็นอะไรพูดมา” คริสกอดคอแล้วรั้งให้ชานยอลเข้ามาใกล้
     
    “ไม่มีอะไรจริงๆ” คริสหัวเราะแล้วดันชานยอลออก
     
    “คิดว่าพี่อยู่กับเรามา 3วันหรือไง? พูดมาเป็นอะไร” ชานยอลหันหน้ามุ่ยๆไปหา
     
    “พี่ไปจีนแล้วพี่จะกลับมาไหม” คริสทำหน้างงไม่เข้าใจว่าเพราะอะไรเจ้าเด็กนี่ถึงถามแบบนั้น
     
    “แล้วทำไมพี่จะไม่กลับล่ะ” 
     
    “ก็ที่นั่นมันก็เหมือนกับบ้านของพี่ พี่จะอยู่บ้านแล้วไม่กลับมาหรือเปล่า” คริสหัวเราะแล้วลุกขึ้นยืนก่อนที่จะเขกหัวชานยอลไปสักที
     
    “ที่พูดนี่ตลกใช่ไหม? ยังไงพี่ก็ต้องกลับมาอยู่แล้วดิคิดอะไรไม่เข้าท่า” ชานยอลค่อยๆยิ้มออกมา บอกตรงๆก็โล่งใจเลยแหละ
     
    “ทำไม คิดถึงล่ะสิ” ชานยอลบุ้ยปากแล้วพยักหน้า
     
    “ไม่มีพี่แล้วผมก็ไม่รู้จะให้ใครเลี้ยงข้าวเลยเนี่ย” คริสหัวเราะเสียงดังผสมไปกับเสียงของชานยอล 
     
    “เอากระเป๋าตังค์พี่ไปเลยไหมล่ะ” ชานยอลทำตาวาว
     
    “เอาจริงดิ!” คริสเขกหัวเข้าให้อีกที
     
    “ไม่ให้หรอก” แล้วคริสก็หัวเราะเดินไปปิดไฟให้ห้องเตรียมนอน เตียงของคริสไม่ใช่เตียงแคบอะไรนอนสองคนเบียดกันนิดหน่อยก็พอได้อยู่ เรื่องที่ชานยอลมานอนด้วยบ่อยๆเขาก็ชินเสียแล้ว
     
    “พี่คริส” ชานยอลเอ่ยเรียกทั้งๆที่นอนหันหลังให้
     
    “อืม”
     
    “พี่ต้องรีบกลับมานะ ผมจะรอ” คริสหัวเราะเบาๆ
     
    “อืม จะรีบกลับรอรับด้วยล่ะ” 
     
    ไม่มีใครรู้ว่าภายใต้ความมืดมิดของค่ำคืนนั้น คนสองคนที่อยู่ภายใต้รัตติกาลกำลังวาดรอยยิ้มที่ริมฝีปาก ไม่มีใครรู้นอกเสียจากตัวของเจ้าตัวเอง
     
     
    พี่คริสบินไปจีนแล้ว... เจ็บปวดชะมัด อยากไปด้วยจัง ก่อนไปพี่คริสก็ยังมาเล่าว่าที่จีนมีโน้นมีนี่ มีหม้อไฟด้วย อยากกินชะมัด!!! ถึงแม้ว่าฝั่งเอ็มจะไปจีนแล้วก็ใช่ว่าพวกผมจะว่างกันหรอกนะ ก็ยังต้องซ้อมเพื่อเตรียมตัวขึ้นเดบิวต์สเตรจกัน แน่นอนว่ากดดันจนทำให้นอนไม่หลับเลยล่ะ แม้ว่าวันนี้จะซ้อมโหดมากก็ตาม 
     
    เพราะว่ากำลังจะเดบิวต์และหลังจากเดบิวต์พวกผมก็ต้องมาอยู่ที่หอกันเพื่อง่ายต่อการทำงานด้วยกัน ผมน่ะไม่มีปัญหาหรอกถ้าคิดถึงคุณนายปาร์คก็แค่กดโทรศัพท์ไปหาหรือจะโทรไปหาคุณพ่อ หรือถ้าอยากอ้อนก็โทรไปหาพี่ยูรา ต่อให้ผมโทรไปดึกแค่ไหนหรือแม้แต่พี่เขานอนแล้วเขาก็จะลุกขึ้นมาคุยกับผม รอจนกว่าผมจะหลับนั่นแหละ พี่สาวที่แสนดีของผม~ 
     
    ถ้าไม่มีพี่ยูราผมก็ยังไม่รู้เลยว่าตัวเองจะได้มายืนอยู่ตรงนี้หรือเปล่า จะได้มาเจอกับทุกคนไหม จะได้เห็นแฟนคลับของตัวเองหรือเปล่า แล้วก็จะได้เจอกับพี่คริสไหม ผมนึกขอบคุณทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำให้ผมก้าวมาที่ตรงนี้ ผมจะเก็บมันเป็นความทรงจำที่ดีในหัวใจของผม
     
    ตอนนี้ผมกำลังนอนกลิ้งไปกลิ้งมากบนเตียงกับมือถือของผม เล่นเกมก็แล้วโทรไปคุยกับคนที่บ้านก็แล้วมันก็ยังไม่รู้สึกง่วงเลย ทั้งๆที่รู้ว่ายังมีงานต้องทำอีกมากมายในตอนเช้าแต่ผมก็ยังนอนไม่หลับ นอกจากจะนอนไม่หลับแล้วยังจะต้องมาหนวกหูกับเพื่อนรวมห้องอีก แต่ก็เอาเถอะก็ไม่ได้น่ารำคาญอะไรขนาดนั้น เพราะตอนที่ผมนอนก็ละเมอไม่แพ้กันหรอก
     
    ผมอยากคุยกับพี่คริสจังแต่ก็กลัวว่าพี่เขาจะหลับไปแล้ว บางทีอาจจะไปรบกวนเขาก็ได้ ผมแค่อยากรู้ว่าเขาถึงที่หมายอย่างปลอดภัย และตอนนี้ก็ถึงที่เตียงนอนเข้านอนแล้ว ผมดูจากในทวิตเตอร์.. เห็นแบบนี้ผมก็มีนะทวิตเตอร์น่ะแต่ผมคงบอกพวกคุณไม่ได้หรอก ขอโทษจริงๆนะ จริงๆก็มีมันทุกโซเซี่ยลนั่นแหละแต่ไม่ค่อยได้เล่นหรอก
     
    ทุกคนของฝั่งเอ็มถึงจีนไปแล้วอย่างปลอดภัย ตอนนี้คงกำลังพักผ่อนกันอยู่ แน่นอนว่าผมก็ควรจะพักผ่อนแต่ไม่รู้ทำไมถึงพักผ่อนไม่ได้ ผมควรจะหลับไปแล้วสิ ควรจะฝันไปถึงไหนต่อไหนแล้วสิ ทำไมถึงยังมานอนลืมตาอยู่กันล่ะ
     
    ง่ายๆ สั้นๆ ผมคิดถึงพี่คริสจัง 
     
    คนที่เคยอยู่ด้วยกันแทบจะทุกเวลาอยู่ๆก็หายไปเลย มันก็นะทำตัวไม่ถูกเลยอ่ะ ถึงแม้ว่าบางครั้งเขาจะไปเที่ยวกับก๊วนเพื่อนเขาหรือผมจะไปเที่ยวกับพวกเพื่อนๆของผม แต่สุดท้ายเราก็จะกลับมาเจอกันอยู่ดี แต่คืนนี้และอีกหลายๆคืนผมก็จะไม่ได้เห็นพี่เขาอยู่ข้างๆแล้ว บนเวทีที่ไม่มีใครมันโดดเดี่ยวเกินไป
     
    นอนคิดอะไรอยู่ดีๆ อยู่ๆเจ้ามือถือลูกรักของผมก็ส่งเสียงร้องว่ามีข้อความแชทถูกส่งมาหา ผมก็นึกกรนด่าในใจว่าใครกันส่งมาดึกดื่นขนาดนี้แต่พอเห็นชื่อคนส่งเท่านั้นแหละ! ไม่รู้ทำไมปากมันถึงวาดรอยยิ้มไปเองกันนะ
     
     
    ...ไงเจ้าเด็กแสบทำอะไรอยู่ นอนหรือยัง?...
     
     
    ผมรีบพิมพ์ตอบกลับไป เราคุยกันสักแปบพี่เขาก็บอกให้ผมนอนได้แล้ว พี่เขากลัวว่าพรุ่งนี้ผมจะง่วงแล้วไม่มีสมาธิเอา ซึ่งผมก็ลาแล้วปิดโปรแกรมสนทนาแล้วเตรียมนอนหลับสักที แค่เพียงการคุยสั้นๆมันก็ทำให้ผมรู้สึกคลายกังวลจนเผลอหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้จะมารู้ตัวอีกทีก็เช้าแล้ว ผมหลับไปทั้งๆที่ยังกำมือถือไว้แนบอกอยู่เลย มันสุขใจแบบบอกไม่ถูก สุขใจจนฝันดีเลยแหละ
     
     
     
     
     
     
     
    วันนี้พวกเราฝั่งเคก็จะได้ไปจีนบ้างเหมือนกัน ผมเคยไปต่างประเทศมาแล้วแต่ถ้านับว่าไปในนามของวง EXO น่ะนะ มันก็คือครั้งแรกของผมเลยล่ะ ไปจีนผมก็หวังว่าผมจะได้กินหม้อไฟนะ หวังว่าพี่คริสจะไม่ลืมสัญญา พวกเราบินไปด้วยความตื่นเต้น แม้วันนี้ที่สนามบินแฟนๆที่มารับจะไม่เยอะเท่าไหร่(หรือเรียกว่าแทบจะไม่มีก็ว่าได้) แต่พวกเราก็ไม่สนหรอก
     
    ก็นี่มันเพิ่งจะก้าวแรกของพวกเราเอง จะให้มาสำเร็จเลยมันก็ไม่ได้ใช่ไหมล่ะ? ดังนั้นไม่ว่ายังไงพวกเขาก็จะก้าวไปให้ถึงความสำเร็จนั้นให้จงได้!!!
     
    การบินไปทำงานในต่างประเทศอาจจะไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่อะไร เพราะเราก็เคยไปต่างประเทศกันมาแล้ว แต่ที่มันแปลกใหม่และน่าตื่นเต้นก็คือพวกเราไปในฐานะศิลปินนั่นแหละ การนั่งเครื่องบินนั้นไม่ใช่ปัญหาหรอก แต่ที่กำลังเป็นปัญหากับผมในตอนนี้น่ะเหรอ? ก็การที่จะได้ไปเจอพี่คริสแล้วน่ะสิ ไม่รู้ทำไมแต่ตื่นเต้นชะมัดเลย
     
    แต่การไปทำงานที่จีนก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีปัญหาหรอกนะ ด้วยเพราะเราเป็นฝั่งเกาหลีที่ไปทำความรู้จักกับแฟนๆชาวจีนก็เลยทำให้ตารางงานแน่นเอี๊ยด ไอ้หม้อไฟอะไรนั่นก็เลยไม่ได้กินเลย เสียใจชะมัดแต่รอก่อนก็ได้ บางรายการก็โปรโมทแยกกับอีกฝั่ง บางรายการก็โปรโมทร่วมกัน  การที่จะได้เจอพี่ชายของผมก็เป็นตอนที่ได้ทำงานร่วมกันเท่านั้นแหละ ขนาดที่พักที่เรานอนยังคนละที่กันเลย 
     
    แต่ไม่เป็นไรผมมาทำงานก็ต้องทำงานให้ดีที่สุด!!! ก็ไม่ได้อยากจะบอกหรอกนะว่าก่อนนอนผมกับพี่คริสก็จะส่งข้อความหากันด้วย จริงๆพี่เขาก็ส่งมาทุกวันนั่นแหละแต่ถ้าวันไหนพี่คริสรีบๆขี้เกียจพิมพ์(ซึ่งก็บ่อยอยู่) พวกเราก็จะวีดีโอคอลหากันตลอด ใช่แล้ว.. เราสองคนคุยกันทุกวัน ถึงตัวจะอยู่ห่างกันแต่เราก็คุยกันทุกวันนะ
     
    พวกเราก็บินไปบินมาระหว่างเกาหลีและจีนบ่อยมาก ก็เราต้องร่วมโปรโมททั้งที่จีนและเกาหลีนี่นะ แต่มีสิ่งหนึ่งเลยที่ผมยังไม่เคยได้กินเลยก็คือหม้อไฟ.. พวกเราเวลาไปจีนแล้วเวลามักจะเร่งรีบและตารางงานก็มักจะแน่นเสมอ ทำให้ผมไม่ได้ไปกินหม้อไฟที่พี่คริสเล่าให้ฟังเลย ถึงจะเสียดายก็เถอะแต่งานก็ต้องมาก่อนนั่นแหละ 
     
    เห็นผมแบบนี้ผมก็รู้เรื่องของพี่คริสเยอะอยู่นะ ทั้งชีวิตประจำวัน หนังสือแนวที่ชอบ หนังสือเล่มโปรด เครื่องบำรุงทั้งหลายเหล่ น้ำหอมหรือแม้กระทั่งแบรนด์เสื้อผ้าที่ชอบ ก็อยู่ด้วยกัน(ใช้ด้วยกันบางอย่าง)ก็เลยรู้เองไปโดยปริยาย
     
    แต่ก็มีอยู่อย่างหนึ่งนะที่ผมรู้เองโดยที่ไม่ได้ถามจากเจ้าตัวมาก่อนเลย ผมรู้ว่าบ้านเกิดของพี่คริสคือกวางโจวก่อนที่จะไปอยู่แคนาดา พี่ผู้ชายจีนเขาจะหล่อและเท่แบบนี้ทุกคนเลยสินะ ทั้งพี่ลู่หาน พี่อี้ชิง ไม่นับแพนด้าจื่อเทานะยังงอนกันอยู่(เพราะไม่ยอมให้กินขนมด้วย) ผมเคยถามพี่เขาตอนที่เรากำลังไปงานกันที่กวางโจวเขาก็ดูงงๆแต่ก็ตอบคำถามกลับมาแต่ถ้าถามว่าผมรู้ได้ยังไงน่ะเหรอ? ผมไม่บอกหรอก~
     
     
    “กวางโจว? บ้านของพี่ใช่ไหม?”
     
    “หื้ม? ใช่ บ้านพี่เอง”
     
    ปาร์คชานยอลนี่คริสไบแอสสุดๆ!!
     
     
    ก็บอกแล้วว่าการที่จะเป็นให้ได้อย่างเขา ปาร์คชานยอลต้องรู้ทุกเรื่อง!!! แต่ผมไม่ชอบอ่านหนังสืออ่ะ ผมชอบเล่นเกมมากกว่า ผมไม่ชอบทาครีมบำรุงอะไรเหมือนพี่เขาด้วย ทาทีเป็นชั่วโมงๆงี้ บางทีกลับมาเหนื่อยเขาก็ยังทาครีมบำรุงของเขาก่อนนอนนะ ส่วนผมน่ะเหรอ? ทิ้งดิ่งลงเตียง(พี่เขา)อย่างเดียวเลย 
     
    บางทีก็เป็นที่อเนจอนาถของพวกพ้องเหล่าเอ็มทุกทีที่พี่คริสจะต้องลากให้ผมไปล้างหน้า เช็ดเครื่องสำอางทุกครั้ง ก็ผมขี้เกียจไงล่ะ อยากจะร้องไห้ให้โลกรู้ เวลาปาร์คชานยอลเหนื่อยปาร์คชานยอลก็จะทิ้งดิ่งหลับเป็นตายเลยไง
     
    พี่คริสชอบออกมานอนที่โซฟาเพราะมันเย็นดี แต่บางทีผมน่ะก็เดินละเมอมานอนที่โซฟาโดยที่ไม่รู้ตัวเหมือนกัน บางทีตื่นมาก็นอนอยู่ที่โซฟาทั้งคู่(ไม่เชิงทั้งคู่หรอก ผมนี่ล่ะนอนกลิ้งตกลงมาที่พื้นประจำ ผมกำลังสงสัยว่าพี่เขาถีบผมตกโซฟาหรือเปล่า?) บางครั้งผมก็เลยครองที่โซฟาก่อนเลยพี่คริสก็ลากผมให้เข้าไปนอนในห้องประจำจนตอนนี้เลิกลากไปแล้วอยากนอนที่ไหนก็ตามสบาย ก็บางทีห้องพี่คริสก็ร้อนนินะ ไหนจะรูมเมทที่ตอนนี้มีแล้วอีกล่ะผมก็เกรงใจไง
     
    ดึกๆหน่อยบางครั้งผมตื่นมาผมก็รู้สึกว่ามีอะไรเปียกๆ เย็นๆมาถูที่หน้าเหมือนกัน พอปรือตามองดูเห็นว่าเป็นพี่คริสนี่ล่ะที่มาเช็คเครื่องสำอางให้ ใจดี พ่อพระประเสริฐที่สุด! ใครได้ไปเป็นผู้นำครอบครัวล่ะก็ถือว่านิพพานแล้วล่ะ ประกาศไว้เลยนะผู้หญิงของพี่คริสผมจะ(แอบ)สกรีนอยู่ลับๆ พี่ชายของผม ผมก็หวงเหมือนกันนั่นแหละ
     
    ก็อยากให้ได้คนดีๆน่ะ.. พูดแล้วทำไมปวดใจ เออช่างมัน เปลี่ยนเรื่อง
     
    พี่คริสรักครอบครัว รักคุณแม่มาก ทุกคนก็รู้ใช่ไหม? มีครั้งหนึ่งคุณแม่ของพี่คริสแอบมาหาที่เกาหลี พวกเราก็ทักทายและแนะนำตัว คุณแม่ของพี่คริสน่ะสวยมาก ตาสวยแล้วก็ดูคมดุเหมือนพี่คริสเลย ผมไม่แปลกใจแล้วล่ะว่าพี่คริสได้ดวงตาคู่นั้นมาจากไหน
     
    เวลาที่พี่คริสอยู่กับแม่นั้นอย่างกับเด็กๆเลย แต่มันก็คงเป็นเรื่องปกติเนอะที่เวลาเราอยู่กับครอบครัวเราก็มักจะกลายเป็นเด็กตัวเล็กๆเสมอ คุณแม่เป็นคนเก่งมากพูดได้หลายภาษายกเว้นภาษาเกาหลี ไอ้ผมที่เก่งภาษาอื่นเหลือเกินก็ได้แต่ทักทายสั้นๆ และผมมั่นใจว่าครั้งหน้าผมจะลองทักทายคุณแม่เป็นภาษาจีนดู 
     
    ผมเริ่มเรียนภาษาจีนเอง(แบบง่ายๆตามในอินเตอร์เน็ต) เอาพอเป็นพิธีที่คุยแล้วรู้เรื่องก็พอ แม้ว่าทุกวันนี้เวลาไปทำงานที่จีนผมก็จะมีล่ามส่วนตัวอยู่แล้ว ไม่ต้องร้องขอแต่พี่เขาก็เต็มใจที่จะอธิบายให้ฟัง ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะคำบอกกล่าวของแม่ผมที่บอกให้เขาดูแลผม และอีกส่วนก็คงเป็นเพราะพี่เขาอยากให้ผมเข้าใจล่ะมั้ง ก็เวลาไปจีนแล้วพี่ล่ามก็มีไม่พอบางทีก็ไม่ทันใจ พี่คริสก็เลยกลายเป็นคุณล่ามประจำตัวซะเลย ซึ่งผมก็ชอบนะ
     
    หลายครั้ง ไม่สิ ทุกครั้งที่เราไปจีนทีไรผมไม่จำเป็นต้องใช้ล่ามก็เข้าใจทุกอย่าง พี่คริสจะคอยกระซิบบอกคำแปลเป็นภาษาเกาหลีให้ผมเสมอ ผมไม่เคยคิดว่าถ้าวันหนึ่งไม่มีล่ามส่วนตัวผมจะทำอย่างไร? ผมไม่เคยคิดถึงมันเลยสักนิด
     
    ครั้งนี้เรามาทำงานที่กวางโจวอีกแล้ว แล้วคุณแม่ของพี่คริสก็มาหาเช่นเดิม คุณแม่ยังคงสวยเหมือนเดิมเลย วันนี้คุณแม่ใส่เดรสสีดำมันทำให้ผิวของคุณแม่ที่ดูขาวอยู่แล้วยิ่งขาวขับตัดกับชุด ถ้าคุณแม่เป็นนางฟ้า ผมว่าพี่คริสก็เทพบุตรแล้วล่ะ
     
     
    “สวัสดีครับคุณแม่(ยาย)” ชานยอลก้มหัวลงเพื่อทักทาย หลังจากที่คริสทักทายแล้วชานยอลก็เลยขอแสดงฝีมือพูดภาษาจีน(ที่ติดๆขัดๆ)บ้าง คุณแม่และคริสมองชานยอลด้วยสีหน้าประหลาดใจแวบหนึ่งก่อนที่จะอมยิ้ม
     
    “อ่า.. คุณแม่สบายดีไหมครับ”
     
    “สบายดีจ๊ะ แล้วเราล่ะ” ชานยอลที่โดนสวนกลับมาทำหน้าเอ๋อ คริสยิ้มขำส่ายหน้าไปมาแล้วก้มบอกชานยอล
     
    “แม่ถามว่านายน่ะสบายดีไหม” ชานยอลร้องอ๋อแล้วหยิบไอโฟนขึ้นมาไถๆ คริสมองตามก็เห็นว่าเจ้าตัวแสบมีช็อทโน้ตภาษาจีนที่เขียนถอดเป็นภาษาเกาหลีอยู่ในนั้น
     
    “สบายดีครับ อ่า.. คุณแม่หิวหรือยังครับ” ชานยอลพูดช้าๆตามโพยที่จดมา คุณแม่ก็ยิ้มให้
     
    “ยังเลย เดี๋ยวแม่พาไปกินดีไหม?” คริสทำหน้าที่ล่ามอีกครั้ง
     
    “ขอบคุณครับ!” คำนี้เสียงดังชัดเจนโดยไม่ต้องพึ่งโพย
     
     
    ครั้งนั้นผมไม่รู้ว่าคุณแม่พี่คริสประทับใจในตัวผมที่พยายามเอาใจใส่เธอ ทั้งๆที่ไม่จำเป็นก็ได้ คุณแม่กังวลเกี่ยวกับเรื่องของพี่คริสที่ต้องมาอยู่ที่เกาหลีโดยที่ไม่รู้เรื่องภาษาเลย มาอยู่โดยที่ตั้งความหวังว่าจะได้เดบิวต์แต่ก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ พอได้เห็นแบบนี้เธอก็เลยอุ่นใจว่าอย่างน้อยลูกชายของเธอก็ยังมีเพื่อน มีพี่ มีน้อง มีคนร่วมวงดีๆอยู่
     
    เรื่องนี้ผมก็ไม่รู้หรอก มารู้เอาก็ตอนหลังนี่ล่ะ ตอนนั้นผมคิดแค่ว่าผมก็น่าจะลองสนิทดูกับแม่ของพี่คริสดู เพราะยังไงซะเขาก็เป็นพี่ชายที่ผมรักมากแต่แน่นอนว่าครอบครัวของทุกคนผมก็ตามไปทำความรู้จักหมดนั่นแหละ ปาร์คชานยอลน่ะอัธยาศัยดีกับทุกคนนะจะบอกให้~
     
    ช่วงเวลานั้นเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุด!
     
    เวลายามว่างของผมถ้าตรงกับพี่คริส สิ่งแรกที่ผมเลือกจะทำก็คือ.. การไปดูหนังด้วยกัน ตั้งแต่ตอนยังเป็นเด็กเทรนอยู่เลย พวกเราสองคนก็มักจะไปดูหนังกันแล้วก็กลับมาหาอะไรกินกันรอบดึกก่อนที่จะกลับหอไปนอน แม้ว่าช่วงเดบิวต์ไปแล้วพวกเราจะไม่ค่อยได้ไปด้วยกันสักเท่าไหร่ แต่ถ้ามีวันหยุดตรงกันแล้วไม่ได้ไปไหนพวกเราก็มักจะไปดูหนังกัน ไปเดินเล่น ไปหาของอร่อยๆกินกัน แน่นอนเรื่องของกินของให้ถาม! ปาร์คชานยอลน่ะเซียนอยู่แล้ว
     
    แต่สิ่งที่พวกเรายังทำอยู่เป็นประจำก็คือนั่งต่อท่อนแร๊พแล้วก็ร้องแร๊พใส่กัน บางทีไม่มีอะไรทำก็คุยกันเป็นภาษาอังกฤษ เห็นแบบนี้ผมก็คะแนนคาบเส้นนะจะบอกให้ ก็บอกเลยว่าต่อให้อยู่ที่ไหนพวกผมก็สามารถแร๊พกันได้ ร้องเพลงด้วยกันได้ จริงๆแล้วเราสองคนก็ค่อนข้างร้องเพลงด้วยกันบ่อยนะ ผมก็อัดเก็บไว้ด้วยล่ะ อย่าว่าแต่เพลงเลยรูปที่เราถ่ายด้วยกันก็เยอะแยะ เก็บจนเมมการ์ดจะเต็ม
     
     
    “เฮ้ชานยอลทำไมทำหน้าแบบนั้น” คริสเอ่ยถามชานยอลเป็นภาษาอังกฤษในห้องแต่งตัว ชานยอลกำลังรอคิวแต่งหน้าอยู่
     
    “เหมือนไม่สบายว่ะพี่” ชานยอลก็ตอบกลับไปเป็นภาษาเดียวกัน คริสเลิกคิ้วแล้วยื่นมือไปแตะหน้าผากน้อง
     
    “รอแปบนะ” คริสไปถามหายาจากพี่สไตล์ลิสมาให้ พอได้มาก็เอามาให้ชานยอลกิน
     
    “ก็บอกแล้วว่าให้นอนห่มผ้า” คริสตีสีหน้าดุ ชานยอลยู่ปากใส่
     
    “ก็ผ้ามันหายไปไหนไม่รู้อ่ะ” คริสก็เลยดีดหน้าผากเข้าให้
     
    “ยังไม่ถึงคิวเรียกก็นอนไปก่อนล่ะกัน” ชานยอลยิ้มแล้วขยับตัวมานอนพิงไหล่คริส
     
    “โคตรเท่อ่ะตุ้ยจาง~” คริสกับชานยอลอาจจะไม่รู้แต่พวกสต๊าฟที่ได้ยินก็อมยิ้มไปกับการดูแลเอาใจใส่ของสองคนนี้ เหมือนพี่ชายกับน้องชายที่คลานตามกันมาก็มิปาน
     
     
    พวกเราสองคนชอบคุยกัน แน่นอนเรามีอะไรก็มักจะเล่าให้กันฟัง แต่ส่วนใหญ่ก็จะเป็นผมนี่ล่ะที่ชอบเล่าโน้นเล่านี่ให้พี่เขาฟัง ชอบเอาเรื่องไม่สบายใจมาปรึกษา ส่วนพี่เขาน่ะเหรอ? ก็ไม่ค่อยเล่าอะไรหรอกเขามักจะเก็บไว้กับตัวเองเสียมากกว่า .. ไม่สิ เขาชอบเล่าให้เพื่อนสนิทที่สุดของเขาฟังมากกว่า
     
    เพื่อนของเขา.. ผมอิจฉานะ ทั้งๆที่ผมไว้ใจและก็เล่าให้เขาฟังทุกอย่างแต่เขาก็ไม่ค่อยเล่าอะไรให้ผมฟังเลย หรืออาจจะเป็นเพราะเขากลัวว่าผมคิดมาก? ทั้งๆที่เป็นพี่และมีตำแหน่งลีดเดอร์ร่วมกับพี่จุนมยอนเลยทำให้เขาต้องแบกทุกอย่างเอาไว้บนบ่านั่น
     
    ผมก็อยากเป็นที่พักให้เขาบ้างเหมือนกัน
     
    พี่คริสออกไปหาเพื่อนบ่อย คุยกับเพื่อนบ่อยจนบางครั้งผมเองก็น้อยใจแล้วก็โกรธเขา แต่เขาก็มักจะเข้ามาง้อทุกที ไม่เอาของกินมาล่อก็เอาหนังใหม่ๆมาล้อบ้างหรือบางทีก็เอาเกมใหม่ๆมาล่อ ก็นี่ล่ะนะพี่ชายผมรู้จุดอ่อนผมไปหมด ผมก็อยากรู้จักเพื่อนเขาบ้าง อยากตามไปด้วยแต่มันก็ดูไม่มีมารยาทใช่ไหมล่ะ? ขนาดผมไปเที่ยวกับกลุ่มเพื่อนพี่เขายังไม่ขอไปด้วยเลย
     
    แต่ก็มีอยู่ครั้งหนึ่งที่ผมบ่นน้อยใจพี่เขาก็เลยพาไปหา เพื่อนที่เขาสนิทที่สุดและไว้ใจมากที่สุดคนนั้นผมได้เจอเขาแล้ว จริงๆผมก็คิดว่าจะทำตัวเงียบๆให้พวกเขาได้คุยกันแต่ก็เปล่าเลยเพื่อนเขาก็มาชวนผมคุย คอยเล่าเรื่องขำๆให้ฟัง บางครั้งก็แอบเผาพี่คริสให้ผมฟังด้วย บรรยากาศมันเป็นกันเอง สนุกสนานแล้วก็ผ่อนคลายขนาดนี้ พี่เขาก็คงเบาใจและอุ่นใจที่จะระบายเรื่องไม่สบายใจให้ฟัง
     
     
    “รู้แล้วชมมันอยู่ได้” คริสหันไปจิกสายตาใส่น้องข้างตัวที่เอาแต่พูดถึงเพื่อนเขาไม่ยอมหยุด
     
    “เอ้าก็พี่เขาโคตรคลูอ่ะ อยู่ด้วยแล้วก็สนุกดี” ชานยอลยิ้มใส่ คริสที่แอบเคืองๆที่น้องชายในปกครองเอาแต่พูดถึงเพื่อนเขาไม่หยุดก็หันหน้าหนี
     
    “โกรธล่ะดิๆๆ” แล้วชานยอลก็หัวเราะร่าเริงจนคริสอดไม่ได้ที่จะยิ้มตาม
     
    “เฮ้ยระวัง!” คริสดึงชานยอลให้หลับเข้ามาทางด้านเขาให้พ้นจากรัศมีของพวกที่ปั่นจักรยานลงเนินมา ถ้าเขาหันไปเห็นแล้วจับไว้ไม่ทันนะโน้นเลยชานยอลคงบินไปกับพวกนั้นแล้ว สมชื่อฟีนิกซ์กันล่ะทีนี้
     
    “โห้ยตกใจเลยอ่ะ” ชานยอลยกมือขึ้นลูบหน้าอกตัวเอง
     
    “เดินข้างในไปเลย” คริสสั่งพร้อมกับเดินจับมือน้องไม่ปล่อยพากลับที่พักกัน ชานยอลเดินก้มหน้ามองมือใหญ่ของพี่เขาที่จับกับมือตัวเองแล้วก็ยิ้ม 
     
    ปาร์คชานยอลน่ะเกิดมาตัวก็สูง เสียงก็ทุ้มต่ำ มือก็ใหญ่ เท้าก็ใหญ่แต่ก็ไม่รู้ทำไมคนข้างตัวถึงสูงกว่า เสียงก็อยู่ในโทนทุ้มเหมือนกัน มือก็ใหญ่กว่า และขนาดเท้าของเราก็พอๆกันเลย เวลาที่เขาโดนมือของคนนี้จับ ตัวเขาก็กลายเป็นเด็กไปเลย
     
    ถ้ามีมือนี้คอยกุมอยู่แล้วก็คอยปกป้องเขาตลอดไปก็คงจะดีไม่น้อยเลย
     
     
     
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×