ลำดับตอนที่ #5
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : My puppy - 5
สวัสดียามเช้าทุกคน ขอให้วันนี้เป็นวันดีๆนะคะ
ไม่รู้จะอิจฉาชานยอลหรืออิจฉาคริสก่อนดี รู้สึกจะหวานกันมากไปแล้ว อ่านไปเรื่อยๆสงสัยเบาหวานขึ้นตาแหงๆ
ชอบพี่คริสลุคนี้จังเลย~~ >///< หวานๆ นุ่มๆ ละมุน ตายแล้ววววววววววว ชานยอลขาาาา ขอได้ไหมคะคนนี้~~
ปล. ฟิคน้องหมาปิดโอนรอบแรกวันที่10 กุมภานะคะ~ อิ๊งๆ~
________________________________
ยามรุ่งเช้าที่ชานยอลรู้สึกตัวก็คือตอนที่ขยับตัวเข้ากอดแขนของใครอีกคนที่นอนร่วมเตียงกัน พอลืมตาขึ้นก็แอบตกใจนิดหน่อยแต่ก็ไม่ยอมปล่อยมือ ชานยอลขยับตัวเข้าใกล้แล้วขยับกอดท่อนแขนนั้นก่อนที่จะซุกหน้าลงที่ไหล่ของคนที่ยังไม่ตื่น สัมผัสไม่ได้เหมือนน้องไข่หวานหรอกแต่มันกลับอบอุ่นจนตัวเขาอยากสัมผัสมันไปเรื่อยๆแต่แล้วก็ต้องสะดุ้งเมื่อเสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้น
ชานยอลขยับตัวลุกขึ้นไปปิดมันพอหันกลับมาก็เห็นคริสลุกขึ้นนั่งแล้วขยี้ตาตัวเองอย่างงัวเงีย ชานยอลตีมือคริสที่ขยี้ตา เจ้าตัวบึนปากใส่ทั้งๆที่ยังลืมตาไม่ขึ้นนั่นแหละ เหมือนน้องไข่หวานเวลาที่โดนปลุกเลย ทั้งตลก ทั้งน่ารักดี
“อย่าขยี้ตาสิ ตื่นได้แล้ว” คริสส่ายหน้าไปมาดูง่วงงุนเสียเหลือเกิน ชานยอลหัวเราะแล้วยื่นมือไปขยี้เส้นผมของคนที่ทำท่าว่าอยากจะล้มตัวลงไปนอนเสียเหลือเกิน
“ถ้าไม่ตื่นจะทิ้งให้อยู่บ้านคนเดียวเลยนะ” คริสค่อยๆลืมตาขึ้นแล้วบึนปากใส่ชานยอลที่ยังนั่งหัวเราะดูตลกขบขันเสียเหลือเกิน
“ชานยอลอ่ะ” ส่งเสียงกระเง้ากระงอดมาหา ชานยอลก็หัวเราะอย่างเอ็นดูก่อนที่จะลูบเส้นผมที่ยุ่งจนฟูฟ่องนั้นเบาๆ
“ให้นอนอีกแค่ 10นาทีฉันอาบน้ำเสร็จต้องตื่นไปอาบน้ำนะไม่งั้นก็อยู่เฝ้าบ้านไปเลย” คริสพยักหน้ารับแล้วก็ล้มตัวลงนอนทันที ชานยอลหัวเราะอารมณ์ดีแล้วก้าวเท้าลงจากเตียงไปหยิบผ้าเช็ดตัวของตัวเองที่แขวนไว้อยู่ที่ราวตากผ้าก่อนที่จะเดินเข้าห้องน้ำไป
เมื่อบานประตูห้องน้ำปิดลงคริสก็ค่อยๆลืมตาขึ้นแล้วยิ้มเสียเต็มแก้ม จริงๆตัวเขาน่ะตื่นตั้งแต่โดนเจ้าของบ้านขยับตัวมานอนกอดแขนแล้วล่ะแต่ก็ยอมนอนนิ่งๆให้ได้กอดได้ตามใจชอบแล้วก็ทำเป็นงัวเงียเพิ่งตื่นเข้าอ้อนเรียกเสียงหัวเราะและทำให้ใครบางคนอารมณ์ดีรับอรุณ เขาว่ากันว่าถ้าตื่นนอนมาแล้วอารมณ์ดี ยิ้มได้ หัวเราะได้ทั้งวันก็จะเป็นวันดีๆ เขาอยากให้ชานยอลมีวันดีๆทุกวัน
จากนั้นสิบนาทีชานยอลก็ออกมาจากห้องน้ำ คริสที่นั่งอยู่บนเตียงรออยู่ก่อนแล้วก็เข้าไปอาบน้ำต่อบ้าง หลังจากที่ชานยอลแต่งตัวเรียบร้อยแล้วก็ลงมาด้านล่างเพื่อทำอาหารเช้าง่ายๆกินก่อนออกจากบ้าน แซนวิชกับนมเป็นอะไรที่ทำง่ายแล้วก็เร็วที่สุดแล้ว พอคริสลงมาอาหารเช้าก็เสร็จเรียบร้อยพอดี ทั้งสองคนนั่งกินมื้อเช้ากันเพียงไม่นานก็พร้อมที่จะออกข้างนอกกันแล้ว
ชานยอลมองเวลาที่ข้อมือก่อนที่จะเข็นรถจักรยานของตัวเองออกมา รถจักรยานคันเก่งนั้นเป็นคันที่นั่งได้สองคนก็เลยไม่เป็นปัญหาว่าแล้วอีกคนจะไปยังไง แต่ปัญหามันอยู่ที่ใครจะเป็นคนปั่น แล้วใครจะเป็นคนซ้อน เพราะดูจากสรีระแล้วคริสตัวสูงกว่า ตัวโตกว่าต้องหนักแน่ๆ ชานยอลจะเอาอยู่ไหมเนี่ย?
“นายขี่เป็นหรือเปล่าเนี่ย” ชานยอลมองคริสที่ทำหน้าแปลกๆ ดูอึกๆ อักๆยังไงชอบกล คริสมองจักรยานทีก็สลับมองกับชานยอลที แล้วคำถามแบบนี้เขาต้องตอบยังไงกันล่ะเนี่ย
“โอเคขี่ไม่เป็นใช่ไหมล่ะ ฉันก็ลืมไป” เมื่อเห็นว่าอีกคนไม่ตอบชานยอลก็เลยสรุปให้เองเสร็จสรรพ
“งั้นก็ขึ้นมาเดี๋ยวฉันปั่นเอง” ชานยอลประจำการที่เบาะหน้าเรียบร้อย คริสก็ก้าวขาขึ้นนั่งที่เบาะหลัง
“แน่ใจนะว่าปั่นได้” คริสชะโงกหน้าไปถาม ชานยอลหันกลับไปแล้วก็ยักคิ้วให้
“แน่นอนเชื่อใจได้เลย” เอาเป็นว่าจะหัว จะก้อยก็ดูไปแล้วกันว่าจะปั่นรอดหรือเปล่า
ชานยอลปั่นจักรยานไปเรื่อยๆเหมือนทุกวันที่ต้องไปปั่นไปเรียน ไม่ได้รีบร้อนอะไรเพราะมหาวิยาลัยที่เรียนอยู่ก็ไม่ได้ไกลมากที่จะต้องรีบไปและตัวเขาก็ไม่เคยไปสายสักครั้ง จะหวั่นใจก็แต่ไอ้คนข้างหลังเนี่ยแหละถ้าพวกเพื่อนๆเขาเห็นล่ะก็คงได้ตอบคำถามกันแทบไม่ทันหายใจแน่ๆ แล้วตัวเขาจะบอกได้ยังไงล่ะว่าคนข้างหลังคือน้องไข่หวานที่กลายร่างมาเป็นคน มันดูเหลือเชื่อและแน่นอนว่าตัวเขาก็ยังไม่ค่อยอยากจะเชื่อเลย รับรองว่าพวกนั้นมันก็คงไม่เชื่อแน่ๆ
เอาเป็นว่า... ให้ได้เจอกันก่อนก็แล้วกัน ก็คงต้องไปแก้สถานการณ์เฉพาะหน้าเอาก็แล้วกัน
คริสที่นั่งซ้อนอยู่ด้านหลังก็วาดรอยยิ้มรับอากาศดีๆและส่งยิ้มให้แผ่นหลังบางตรงหน้า สองมือของเกาะเอวเล็กไว้กันตกแต่ชานยอลก็ไม่ได้ว่ากล่าวอะไรซ้ำยังจะบอกให้จับแน่นๆเพราะกลัวว่าเขาจะตกอีก วันนี้ขอนั่งมองสองข้างทางไปก่อนก็แล้วกันนะ พรุ่งนี้ถ้าคนตัวบางมีเรียนอีกเขาจะเป็นคนปั่นจักรยานแล้วให้ชานยอลซ้อนเอง
เพียงไม่นานจักรยานสองล้อที่บรรทุกคนสองคนก็มาถึงมหาวิทยาลัย ชานยอลขับไปจอดรถจักรยานที่ลานจอดรถจักรยาน ล็อครถเรียยบร้อยก็หยิบกระเป๋าเป้ที่วางไว้ในตะกร้าหน้ามาจะสะพายแต่คริสก็แย่งไปสะพายไว้ที่ไหล่เอง ชานยอลก็ไมได้ว่าอะไรเดินนำไปหาแก๊งเพื่อนที่น่าจะมาถึงแล้ว โต๊ะไม้ใต้ต้นไม้ใหญ่เป็นโต๊ะประจำที่ชานยอลและแก๊งเพื่อนจะมานั่งกันทุกครั้งที่มาเรียน
“คริส.. ห้ามหลุดบอกนะว่านายเป็นลูกหมาของฉันที่กลายมาเป็นคนเนี่ย” ในขณะที่เดินจะถึงโต๊ะชานยอลก็หันไปชี้นิ้วบอก คริสยิ้มแล้วตะเบ๊ะรับทราบ
“รับทราบครับ” ชานยอลยิ้มแล้วเดินเข้ามานั่งที่โต๊ะ คริสก็ตามมานั่งข้างๆ เพื่อนอีกสองคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามก็มองจ้องไปที่คนมาใหม่ที่ไม่คุ้นหน้าเอาซะเลย
“ใครวะ” เพื่อนตัวเตี้ยสุดของกลุ่มเอ่ยถาม
“เออนั่นดิไม่เคยเห็นหน้าเลย” และตามด้วยเสียงของเพื่อนที่ดูหน้าตาเรียบร้อยขัดกับนิสัยสุดๆ
“แบคฮยอน จงแดนี่คริสนะ” ชานยอลแนะนำ คริสยิ้มแล้วก้มหัวให้ทั้งสองคนที่อยู่ฝั่งตรงข้าม ทั้งคู่ก็ยิ้มรับแล้วก้มหัวตอบทักทายกันพอเป็นพิธี ยังไงดูๆแล้วก็คงอายุรุ่นราวคราวเดียวกันนั่นแหละนะ
“แล้วนี่เคลียร์กับมันหรือยัง?” แบคฮยอนวางทุกสิ่งแล้วนั่งเท้าคางถามชานยอลทันที จงแดก็วางทุกอย่างไว้เช่นกัน
“เลิกกับมันหรือยัง? นี่บอกจนปากจะฉีกถึงหูอยู่แล้วนะ” ชานยอลถอนหายใจแล้วนั่งเท้าคางบ้าง
“เลิกกันแล้วเมื่อวานโน้น” ทั้งจงแดและแบคฮยอนก็ทำตาโต
“เฮ้ยจริงดิ!!!” ชานยอลพยักหน้ารับส่งๆ จงแดกับแบคฮยอนมองหน้ากันเอง ยิ้มให้กันอย่างมีเลศนัยก่อนหันมามองคริสที่นั่งมองคนนั้นที คนนี้ที
“หรือว่าคริสนี่แฟนใหม่?” แบคฮยอนถาม ชานยอลที่นั่งเท้าคางอยู่ดีๆก็สะดุ้งโหยงเลย
“เฮ้ยไม่ใช่เว๊ยไอ้บ้า! นี่ไม่ใช่แฟนเป็น.. เป็น...”
“เป็นอะไรครับคุณปาร์คชานยอล” แบคฮยอนกระเซ้าต่อ ดวงตาเรียวเล็กดูเจ้าเล่ห์เหลือเกิน
“ผมเป็นเพื่อนครับ” ชานยอลที่ไม่รู้ว่าจะตอบว่าอย่างไรดี เจ้าชายขี่ม้าขาวก็มาช่วยไว้ได้ทันท่วงที คริสเอ่ยตอบแทนให้พร้อมกับรอยยิ้มที่จริงใจสุดๆ
“เออ.. เพื่อนๆ เป็นเพื่อนฉันเอง เพิ่งมาหาน่ะก็เลยพามาด้วย” แต่สายตาของคนอยากรู้ก็ไม่ได้เชื่อเลย ชานยอลก็หันหน้าไปทางอื่นไม่อยากจะสบตาพวกมันสองคนสักเท่าไหร่ เพราะถ้าหลุดบอกความจริงไปล่ะก็.. สงสัยจะโดนหาว่าบ้าแน่ๆ
“จริงเหรอวะ ไม่ค่อยเหมือนเลยนะ” แบคฮยอนถามเสียงหยอกเย้า
“เพื่อนแต่เกือบจะเป็นแฟนแล้วหรือเปล่าวะ” คำถามนี้ของจงแดจัดว่าฮุคหนักจนแทบจะน็อคเอ้าท์ไปเลยล่ะ
“ไอ้คิมจงแดเดี๋ยวจะโดนไม่ใช่น้อยๆนะ” ชานยอลชี้นิ้วใส่คาดโทษแต่ตงแดก็แค่ยักไหล่แบบไม่ใส่ใจ ใครกลัวกันล่ะ? มาทำหน้าตาน่ารักๆขู่ ใครที่ไหนมันจะกลัวกัน
“เออมีแฟนใหม่อะไรก็บอก ดีแล้วเลิกๆกับมันไปอ่ะ” แบคฮยอนกรอกตาไปยามที่ต้องพูดถึงใครอีกคนที่ไม่ได้อยู่ร่วมในวงสนทนา
“ก็บอกว่าไม่ใช่แฟนไง ไอ้พวกนี้นิ!” ชานยอลยกมือเท้าเอวแล้วถลึงตาใส่
“ตอนนี้ไม่ใช่ ต่อไปก็ไม่แน่หรอก” แบคฮยอนกับจงแดหัวเราะอย่างสะใจ คริสก็หัวเราะตามไปด้วย เหลือแต่ชานยอลนี่แหละที่อยากสกายคิกใส่ทุกคนในโต๊ะเหลือเกิน ไอ้คนข้างๆเนี่ยเดี๋ยวกลับไปเคลียร์ที่บ้านเลย!
“หยุดหัวเราะได้แล้ว” ชานยอลแอบหยิกหลังมือของคริสใต้โต๊ะเมื่อเห็นว่าเจ้าตัวยังไม่ยอมหยุดหัวเราะสักที นี่จะไปเข้าขากับพวกมันทำไมเนี่ย!
“เจ็บนะชานยอลอ่ะ!” คริสบึนปากใส่เพื่อบอกว่าเจ็บจริงๆนะ มือก็ลูบตรงที่โดนหยิกไปมา
“เจ็บสิดี ไม่ช่วยกันแล้วยังจะมาหัวเราะอีกนะ” ชานยอลชี้นิ้วใส่ คริสที่ทำเป็นงอนก็จะงับนิ้วเข้าให้ ชานยอลดึงมือหนีแล้วก็หัวเราะที่คริสพยายามที่จะงับนิ้วเขาแต่ก็งับไม่ได้สักที จนเจ้าตัวงอนหนักทำแก้มป่องแล้วหันหน้าหนีไปนั่นแหละถึงได้เลิกแกล้งแล้วเข้าไปเกาะแขนง้อ
แบคฮยอนกับจงแดที่มองคนสองคนเล่นกันตรงหน้าก็มองหน้ากันแล้วลงความเห็นผ่านทางสายตาว่ามันทั้งสองคนมีซัมติงกันแน่ๆ แต่ก็ดีแล้วที่เพื่อนตัวสูงของพวกเขายิ้มได้สักที
ชานยอล จงแดและแบคฮยอนนั่งคุยกันไปเรื่อยๆรอให้ถึงเวลาเข้าเรียนโดยมีคริสนั่งมองรอยยิ้มที่แสนจะสดใสของคนข้างกาย รอยยิ้มของชานยอลอาจจะไม่ได้โลกใบนี้สดใสหรือน่าอยู่ขึ้น แต่มันก็ทำให้คริสอยากมีชีวิตอยู่ที่จะมองรอยยิ้มนี้ไปเรื่อยๆ
“ไปเข้าเรียนกันเหอะ” จงแดพูดขึ้นเมื่อมองเวลาที่ข้อมือแล้วเห็นควรค่าแก่เวลาที่จะขึ้นตึกเรียนได้แล้ว แบคฮยอนกับจงแดเก็บของแล้วลุกขึ้นเดินนำไปก่อน ถึงตัวจะนำไปก่อนแต่หูพึ่งคอยแอบฟังอยู่นะ
“เดี๋ยวครับชานยอล” คริสคว้าแขนของชานยอลที่กำลังจะเดินตามเพื่อนๆไปไว้ เจ้าตัวหันหน้ามาหา
“ว่าไง” คริสยกมือขึ้นเกาหัวอย่างงงงวย หันซ้ายหันขวาก่อนที่จะหันมองสบตากัน
“แล้วจะให้ผมรอตรงไหนครับ ผมนั่งรออยู่ที่โต๊ะนี้ได้ไหม” ชานยอลโคลงหัวไปมาก่อนที่จะยิ้มกว้าง
“ก็ไปด้วยกันนี่แหละ!” ชานยอลคว้าแขนของคริสพาลากให้เดินไปด้วยกัน คนโดนลากก็เดินตามไปโดยที่ไม่พูดอะไรสักคำก็เอาแต่ยิ้มอย่างเดียวนี่นะ จงแดกับแบคฮยอนที่มองอยู่ไกลๆก็แอบลอบยิ้มให้กัน พวกมันมีซัมติงชัวร์!!
ภายในห้องเรียนนั้นที่นั่งประจำของชานยอล จงแดและแบคฮยอนก็คือหลังห้องที่ติดประตู คริสก็เลยนั่งอยู่อีกข้างของชานยอลฝั่งติดประตู เพราะอีกข้างเป็นจงและแบคฮยอน เขาก็เพิ่งรู้ว่าชานยอลเรียนเกี่ยวกับภาษา ที่เขาว่ากันว่าคนที่เรียนภาษามักจะน่ารักสงสัยจะเป็นเรื่องจริงซะแล้วมั้ง
คริสนั่งเท้าคางมองชานยอลที่ตั้งอกตั้งใจจดเลคเชอร์จากสไลด์บนหน้าจอเสียเหลือเกิน เวลาที่ชานยอลตั้งใจหรือทิ้งใจไว้จดจ่อกับสิ่งนั้นมันดูช่างน่าชื่นชมและก็ดูดีในสายตาของคนมองเสียเหลือเกิน ชานยอลไม่รู้ตัวว่ามีใครแอบมอง คริสไม่รู้ตัวว่าตัวเองนั่งมองชานยอลแทบจะทั้งคาบ และทั้งสองก็คงไม่รู้ตัวว่าตอนนี้หัวใจของทั้งสองคนกำลังเต้นเป็นจังหวะเดียวกันเสียแล้ว
จนหมดชั่วโมงชานยอลถึงได้เงยหน้าจากสมุดที่จดเลคเชอร์ไว้แล้วก็หันไปมองคนข้างกายที่ดูท่าว่าจะนั่งนิ่งเงียบเสียเหลือเกิน แต่พอหันไปแล้วก็ต้องแอบส่งเสียงหัวเราะเบาๆก็คนตัวโตนี่นั่งหลับไปเสียแล้วน่ะสิ ชานยอลบอกให้จงแดกับแบคฮยอนกลับไปก่อนและวันนี้เขาคงไม่ได้ไปกินข้าวด้วยซึ่งทั้งสองคนก็เข้าใจ นักศึกษาคนอื่นค่อยๆทยอยกันออกไปจากห้องเรียนจนหมดจะเหลือก็แค่ชานยอลและคริสเท่านั้น
ชานยอลขยับเก้าอี้เข้าไปใกล้คนที่ยังหลับอยู่ ยื่นหน้าเข้าไปมองใกล้ๆก่อนที่จะไล้ปลายนิ้วไปตามเสี้ยวใบหน้าที่มองเห็น ไล้ตามโครงกรอบหน้า เปลือกตาที่ปิดสนิท ไล้ลงมายังสันจมูก แก้มแล้วหยุดอยู่แค่นั้น เครื่องหน้าที่ได้รูปนั้นหลอมรวมกันเป็นคนตรงหน้านี้ ตัวเขาเองก็ไม่สามารถปฏิเสธมันได้เลยว่าคนตรงหน้าช่างดูดีราวกับสวรรค์สร้างจริงๆ ปลายนิ้วไล้ที่แก้มของคนหลับเบาๆ ก็คงไม่อาจพูดได้ว่าตัวเขาไม่หลงใหลคนๆนี้
เปลือกตาที่ปิดสนิทค่อยๆลืมขึ้นก็มองเห็นใบหน้าน่ารักอยู่ในกรอบสายตา ใบหน้าน่ารักที่อยู่ใกล้จนมองเห็นแพขนตา คริสขยับปลายมือเอื้อมขึ้นไปไล้ที่แก้มใสแผ่วเบา เปลือกตาบางปิดลงบดบังนัยน์ตาสีอ่อนไว้เบื้องหลัง คริสขยับตัวลุกขึ้นนั่งแล้วโน้มใบหน้าเข้าไปแตะสัมผัสริมฝีปากกับกลีบปากอิ่มสีสดคู่นั้น แตะสัมผัสกันแผ่วเบาไม่ได้จาบจ้วงหรือเกินเลยสักนิด แตะสัมผัสอยู่แบบนั้นเนิ่นนานจนตัวเขาพอใจ เปลือกตาบางลืมขึ้นเมื่อรสสัมผัสอุ่นนั้นค่อยๆถอดถอนออกไป
ดวงตาคมที่ทอแววประกายอยู่ตรงหน้านั้นทำให้หัวใจที่เต้นไหวนั้นเริ่มเต้นระรัวขึ้น อุณหภูมิในร่างกายก็ดูเหมือนว่าจะค่อยๆเพิ่มขึ้นจนแก้มใสซับสีเลือดจางๆ ปลายนิ้วแข็งลูบไล้ที่แก้มของชานยอลแผ่วเบา ริมฝีปากได้รูปวาดรอยยิ้มส่งให้ก่อนที่จะจรดริมฝีปากที่หน้าผากมนอีกครั้ง คนที่เหมือนจะสติกลับมาเต็มร้อยก็สะดุ้งโหยงแล้วผงะถอย คริสหัวเราะเบาๆ ชานยอลก็ลุกขึ้นยืนแล้วเดินหนีออกไปจากห้องเลย คริสคว้ากระเป๋าเป้ของชานยอลมาสะพายไหล่แล้วเดินตามออกไป
ปาร์คชานยอลน่ะ น่ารักจริงๆนั่นแหละ
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น