ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Mini Series EXO] TaoYeol Ft. Kris - Value of Love

    ลำดับตอนที่ #5 : Chapter 5

    • อัปเดตล่าสุด 2 พ.ค. 57


    เฮลโหล๊วววววววววววววววววววววววว
     
    ยังมีใครรออยู่ไหม อิอิ มาทันวันเกิดน้องเทาเทาไหมนะ~ 
     
    ถึงจะช้าแต่ก็มานะบอกเลย 555555555 
     
     
     
    HBD ฮวางจื่อเทาน้องแพนด้าผู้มุ้งมิ้งของเพ่!! มีแต่เรื่องดีๆ อ้อนใครก็ให้เขาเพย์ให้หนูนะคะ อิอิ
     
     
     
     
    ___________________________
     
     
     
     
    แสงแดดที่อาบไล้ลงมายังพื้นโลกช่างสว่างและอบอุ่นยิ่งนัก...  แต่คงไม่ใช่สำหรับชานยอล ร่างบอบบางนั่งคู้ตัวซุกหน้าลงกับหัวเข่าพยายามที่จะไม่นึกคิดอะไรแต่ว่ามันก็อดไม่ได้ทุกที พยายามแล้วที่จะไม่สนวันคืนว่าตัวเองนั้นบอบช้ำทั้งกายและใจมาแล้วกี่วันกี่คืน แม้จะไม่อยากคิดแต่รอยตามร่างกายและโซ่ตรวนนี้ก็ตอกย้ำเสียเหลือเกิน
     
    หยดน้ำตาไหลผ่านแก้มซ้ำแล้วซ้ำเล่าคล้ายกับตอกย้ำความเจ็บภายในใจ ยิ่งหยดน้ำตาไหลรินมากเท่าไหร่คล้ายกับมีใครค่อยๆกดปลายมีดให้แทรกลึกลงมาที่ใจของตัวเขามากยิ่งขึ้น ยิ่งลึกแผลก็ยิ่งเปิดและมันก็ยิ่งเจ็บปวดจนตัวเขาแทบจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว
     
    ถ้าตัวเขาอยากจะหนีความเจ็บปวดครั้งนี้ตัวเขาจะหนีออกไปยังไงนะ
     
    ชานยอลขยับตัวลงนอนบนเตียงแล้วปิดเปลือกตาลงกักกั้นม่านน้ำตาที่จะไหลรินนี้เสีย เตียงนิ่มกับผ้าห่มผืนหนาที่กรุ่นไอเย็นไม่ได้ทำให้คนตัวบางรู้สึกดีเลยสักนิดมันยิ่งทำให้รู้สึกหนาวในใจมากยิ่งขึ้น คนตัวบางพยายามที่จะขยับตัวให้น้อยที่สุดเพราะยิ่งขยับตัวมากเท่าไหร่โซ่ที่พันรอบขาก็ยิ่งเสียดสีข้อเท้าให้ได้เจ็บทุกครั้ง
     
    บานประตูห้องนอนถูกเปิดเข้ามาพร้อมกับร่างสูงของคริสที่เดินเข้ามาในห้อง นัยน์ตาคมมองไปที่เตียงนอนหลังใหญ่ที่มีร่างของชานยอลนอนอยู่บนนั้น คริสเดิมอ้อมไปนั่งขอบเตียงฝั่งของชานยอลแล้วมองคนที่นอนตะแคงข้างหันไปอีกทางด้วยสายตานิ่งเงียบคาดเดาความหมายอื่นใดไม่ได้ ฝ่ามือใหญ่ลูบกลุ่มผมนิ่มของคนหลับเบาๆ ริมฝีปากค่อยๆวาดรอยยิ้มขึ้น
     
    ก่อนที่พื้นที่ข้างตัวจะยวบขึ้นคนที่ลุกออกไปแล้วก็ฝากรอยสัมผัสอุ่นๆไว้ที่ข้างขมับของคนตัวบาง จากนั้นร่างสูงก็เดินออกจากห้องไป เมื่อบานประตูถูกปิดลงเปลือกตาบางก็ลืมตาขึ้น ภาพตรงหน้ายังคงพร่ามัวแต่ภายในอกกลับค่อยๆทุเลาความเจ็บขึ้น 
     
    นี่คงเป็นเหตุผลที่ตัวของชานยอลไม่ยอมหลีกหนีออกจากความอบอุ่นเล็กๆที่ได้รับ แม้เพียงเศษเสี้ยวก็พอใจแล้ว
     
    ปาร์คชานยอลเป็นคนโง่.. โง่ที่หลงดีใจและมีความสุขกับความอบอุ่นเพียงน้อยนิด 
     
    ... โง่ที่รักคริสมากเหลือเกิน
     
     
     
     
     
    จื่อเทาที่นั่งอยู่หน้าบาร์ในผับที่ชอบมาเป็นประจำกำลังถอนหายใจจนบาร์เทนเดอร์คนสนิทชักอยากจะสอดปากถามเสียแล้วสิ ไม่ว่าจะเสียงเพลงที่ดังอึกทึกครึกโครมหรือแม้แต่ใครที่จะมาทอดสะพานให้จื่อเทาก็เอาแต่นั่งมองแก้วสีน้ำอำพันในมือและนั่งถอนหายใจอย่างเดียว
     
    ตั้งแต่วันที่ตัวเขากับคริสได้เจอกันมันกี่วันผ่านมาแล้วนะ เทาไม่ได้ติดต่อไปหาชานยอลและไม่ไปหาเลยสักครั้ง ไม่ใช่เพราะคำขู่ของคริสแต่มันเป็นสิ่งที่เขาควรทำแล้วหรือเปล่า มันควรที่จะทำมาตั้งนานแล้วใช่หรือเปล่า ชานยอลเป็นคนมีเจ้าของเพราะฉะนั้นเขาก็ไม่ควรแย่งใช่ไหม
     
    แม้ว่าอีกใจจะอยากไปหาสักเท่าไหร่ อยากจะไปเห็นหน้าแทบขาดใจแต่ฮวางจื่อเทาก็เลือกที่จะมาใช้เวลาค่ำคืนนี้ให้มันหมดไปกับสถานที่แห่งนี้ เขากลัวว่าถ้าเขาไปหาและได้เจอหน้าชานยอลแม้เพียงอีกสักครั้ง เขาอาจจะได้ทำอะไรในสิ่งที่หัวใจของเขาอยากทำมานานแสนนานก็เป็นได้
     
    “เฮ้อ...” เทาวางแก้วเหล้าลงบนบาร์แล้วก็ฟุบหน้าลงอย่างเหนื่อยอ่อน
     
    “เป็นอะไรไปน่ะคุณฮวาง” หลังจากที่เคลียร์ออเดอร์ลูกค้าได้หมดก็ปลีกตัวมาหาคนที่เป็นทั้งลูกค้าและเป็นเพื่อนทันที จื่อเทาเงยหน้าขึ้นมองแล้วก็ถอนหายใจ
     
    “มีอะไรก็พูดออกมาน่า~” จื่อเทาเงยหน้ามองอดีตเพื่อนที่ทำงานเดียวกันแล้วก็ถอนหายใจ ถ้าไม่ลาออกจากที่ทำงานเดิมล่ะก็เชื่อได้เลยว่าเราจะต้องเป็นเพื่อนสนิทกันมากแน่ๆ
     
    “กำลังเซ็งว่ะ เซฮุนขอแรงๆสักแก้วดิ” เซฮุนทำหน้างง
     
    “เซ็งอะไรวะ อย่าบอกนะว่าเรื่องของคุณชานยอลอีกแล้วน่ะ” ตอนที่เซฮุนยังทำงานที่กองหนังสือเดียวกับเทา เทาที่ทำหน้าที่เดียวกับเซฮุนก็มักจะคุยและปรึกษากันบ่อยๆและแน่นอนว่าต้องมีเรื่องของชานยอลด้วย เซฮุนก็เป็นคนที่ช่วยปิดหัวหน้าเวลาที่เทาแอบไปหาชานยอลอีกด้วย
     
    “อืม” เทาพยักหน้ายอมรับออกไป เซฮุนก็ยิ้มแล้วส่ายหน้า
     
    “ว่าแล้วไหมนั่น ตกลงว่ามีปัญหาอะไรกันหรือคุณชานยอลไม่ยอมให้พบเหรอ”
     
    “ไม่ใช่ชานยอลหรอกแต่เป็นแฟนเขาต่างหาก” เซฮุนพยักหน้าเข้าใจ
     
    “เพราะงั้นก็เลยมานั่งทำหน้าหมีแพนด้าโดนทิ้งที่นี่ว่างั้นสิ” แล้วเซฮุนก็หัวเราะเสียงดังสะใจเหลือเกิน เทามองเซฮุนแล้วก็ถอนหายใจฟุบหน้าลงไปต่อ ไม่มีอารมณ์จะเล่นด้วยหรอก
     
    “ก็อย่าไปแคร์ดิวะ จีบเขาไม่ได้จีบแฟนเขาสักหน่อยแล้วอีกอย่างเราก็บริสุทธิ์ใจในการคบหานะเว๊ย หรือคิดจะไปทำมิดีมิร้ายเขากัน?” เซฮุนหรี่สายตามองอย่างมีเลศนัย
     
    “ตีนเหอะ! ใครจะไปคิดแบบนั้นกันวะ!” เซฮุนหัวเราะที่เทาดูร้อนตัว
     
    “ก็เห็นไหมล่ะเราบริสุทธิ์ใจใครจะว่าไงก็ช่างเหอะน่า ถ้าแฟนเขาไม่ให้เจอก็ดักฉุดเลยดิวะจะกลัวอะไร” 
     
    ถ้าให้พูดตรงๆก็คือกลัวความคิดนี้นั่นแหละ .. เทาอยากจะพาชานยอลหนีไปให้ไกลจากคริสจะตายอยู่แล้วแต่มันก็ทำไม่ได้ ถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะพาชานยอลไปไกลๆ ไปอยู่ในที่ที่เป็นของเราแค่สองคน
     
    ฮวางจื่อเทากำลังกลัวความคิดตัวเองมากกว่ากลัวที่หัวใจของตัวเองจะโดนบีบจนสลายเสียอีก
     
    คำกล่าวที่ว่า ‘ไม่เห็นหน้าเจ้าแค่เห็นหลังคาบ้านเจ้าก็พอ’ ฮวางจื่อเทาเข้าใจดีเลยแหละ ทุกคืนขอแค่เขาได้ขับรถผ่านแล้วเห็นห้องของชานยอลก็พอ จะเปิดไฟหรือปิดไฟเขาก็ขอให้ได้เห็น อย่างน้อยก็ทุเลาความคิดถึงและห่วงหาลงไปบ้าง แม้จะอยากรู้ว่าตอนนี้คนที่เขารักเป็นอย่างไรบ้างแต่ก็ต้องห้ามใจไม่ให้ส่งข้อความไปหา
     
    แต่ในคืนนี้เทาที่ยืนพิงรถของตัวเองแล้วแหงนหน้าขึ้นไปมองห้องของชานยอลก็กดส่งข้อความหา ไม่รู้ว่าเพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์หรือเพราะคำพูดของเซฮุนที่ทำให้เขาทำใจกล้าถึงขนาดนี้ ใจหนึ่งก็กลัวว่าถ้าใครอีกคนเห็นเขาก็คงจะเป็นต้นเหตุที่ทำให้ชานยอลโดยทำร้ายจิตใจอีกแล้ว อีกใจก็ห่วงหามากเกินจนมันล้นทะลักออกมาแล้ว
     
    เพียงไม่นานข้อความนั้นก็ถูกตอบกลับมา จื่อเทาที่มองหน้าจออยู่ก็ยิ้มแล้วรู้สึกอิ่มเอมในใจที่ชานยอลยอมตอบข้อความของเขากลับมา เพียงแค่ได้ถามสารทุกข์สุขดิบแค่นี้ก็เพียงพอแล้ว ไม่นานจื่อเทาก็ขับรถกลับห้องตัวเองบ้าง
     
    โดยที่ไม่รู้เลยว่าตัวเองได้ทำให้ใครบางคนโกรธเป็นฟืนเป็นไฟอีกแล้ว
     
     
     
     
     
    “นี่ยังไม่เลิกติดต่อมันอีกใช่ไหมห๊ะ!!” ชานยอลที่กำลังจะยกจานข้าวของตัวเองที่เอามากินหน้าโทรทัศน์ไปเก็บก็ต้องสะดุ้งตกใจจนเผลอปล่อยจานในมือ คริสที่เปิดประตูเข้ามาก็ตวาดเสียงดังใส่ไหนจะปิดประตูเสียงดังให้ได้สะดุ้งอีก
     
    “ติดต่ออะไรกับใครฉันยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ” ชานยอลขมวดคิ้วมองคริสที่ย่างสามขุมเข้ามาหาด้วยสีหน้าโกรธมากๆ นี่เขาไปทำอะไรอีกล่ะ
     
    “เอาไปดูซะ! ที่พูดไปนี่ไม่เข้าหูเลยหรือไงวะ!!” คริสโยนมือถือของชานยอลที่ตัวเขาเก็บไว้ใส่ คนตัวบางหลับตาแน่นแล้วหลบตัวหนี มือถือเครื่องนั้นเฉียดชานยอลไปเพียงนิดแล้วไปตกอยู่บนโซฟา ชานยอลหยิบขึ้นมาดูก็เห็นข้อความของเทาที่ส่งมาหา แล้วมีการคุยโต้ตอบก็คาดว่าคนตอบคงเป็นคริสเองนั่นแหละ
     
    “เทาเหรอ” คริสถอนหายใจแล้วเสยผมที่ปรกหน้าขึ้นอย่างหงุดหงิด
     
    “แล้วเห็นว่าเป็นใครล่ะ!” ชานยอลชักสีหน้าใส่แล้วลงนั่งยองๆเก็บเศษจานที่แตกไว้บนโต๊ะเล็กหน้าโซฟาก่อนที่จะทำความสะอาด
     
    “นี่กูต้องทำยังไงมันถึงจะเลิกยุ่งวะ” ชานยอลถอนหายใจแล้วลุกขึ้นจะเดินไปที่ห้องครัวแต่คริสก็คว้ามือไว้เสียก่อน
     
    “อยากไปอยู่กับมันมากนักหรือไง” ชานยอลทำหน้าตกใจแล้วสะบัดแขนออก
     
    “พูดอะไรเนี่ย คริสอย่ามาหาเรื่องนะขอร้อง” คริสบีบสองแขนของชานยอลแน่น
     
    “ก็แล้วมันจริงไหมล่ะ!” ชานยอลสะบัดสองแขนออกแรงๆแล้วก้าวถอยห่างจากรัศมีที่คริสจะคว้าตัวเขาได้
     
    “อะไรของนายอีกเนี่ยฉันก็อยู่เฉยๆแล้วไง มือถือฉันก็อยู่กับนายฉันจะไปรู้เรื่องอะไรได้ยังไงกัน!”
     
    “ถ้าฉันไม่ริบมือถือนายก็จะนัดกับมันไปไหนต่อไหนอีกใช่ไหมล่ะห๊ะ!!” ชานยอลถอนหายใจแล้วส่ายหน้าไปมา
     
    “คริสมีเหตุผลหน่อยได้ไหม ฉันจะไปไหนได้นายล่ามฉันไว้แบบนี้แล้วอีกอย่างฉันไม่ได้คุยกับเทามาตั้งนานแล้วนะ”
     
    “อ๋อ.. แปลว่าถ้าฉันไม่ล่ามนายไว้ก็จะไปกับมันงั้นสิ!” ชานยอลมองคนตรงหน้าที่เริ่มไม่มีเหตุผลแล้วก็ไม่อยากจะคุยอะไรต่อแล้ว คริสกำลังร้อนและเขาก็เป็นน้ำเย็นเพียงน้อยนิดคงไม่พอดับไฟและความโกรธนั้นหรอก ชานยอลเลือกที่จะเดินเลี่ยงไปอีกทางเพื่อไปหยิบอุปกรณ์มาทำความสะอาดกวาดเศษแก้วเล็กๆที่เขาอาจจะมองไม่เห็น
     
    “จะไปไหน กลับมานี่!” คริสมองชานยอลที่เดินผ่านไม่สนใจเขาแล้วก็จัดการก้มลงดึงสายโซ่นั้น
     
    “โอ๊ย!!” ชานยอลที่โดนดึงโซ่ที่ลามขาก็ถลาตามพื้นเข้ามาหาคริส
     
    “คริสปล่อยนะนายจะทำอะไร!” ชานยอลพยายามดิ้นเพื่อไม่ให้คนด้านบนทำอะไรได้ตามอำเภอใจ
     
    “ก็จะทำให้รู้ไงว่านายเป็นของใคร!”
     
    “ปล่อยนะปล่อยฉันเดี๋ยวนี้ นายไม่มีสิทธิ์มาทำกับฉันแบบนี้นะ!!” ชานยอลที่พยายามดิ้นและปัดป้องไม่ให้คริสทำร้ายตัวเองจนไม่ได้ระวังว่าฝ่ามือของตัวเองนั้นฟาดไปที่หน้าของคริสเสียเต็มแรงเลย
     
    “คริสฉันขอโทษเจ็บมากหรือเปล่า” ถึงเขาจะทำให้เจ็บไปทั้งตัวและหัวใจแต่ชานยอลก็ยังเป็นห่วงคนตรงหน้ามากกว่าตัวเอง.. แต่เขาจะรับรู้หรือเปล่านะ
     
    “กล้ามากนะ เดี๋ยวนี้กล้าแข็งข้อกับฉันใช่ไหม ได้.. แล้วจะได้รู้กัน!!” หยดน้ำตาไหลรินอีกครั้งเมื่อรู้สึกเจ็บที่ผิวกาย สองแขนที่ถูกบีบแรงและโดนกดติดกับพื้นห้องนั้นทำให้เจ็บกายแต่สิ่งที่ทำให้เจ็บใจก็คือใครบางคนที่บอกว่ารักและจะถนอมเขาให้มากที่สุดกำลังทำให้ตัวเขาเจ็บ
     
    อีกแล้ว.. ลงเอยแบบนี้อีกแล้ว.. ทำไมจะต้องลงเอยแบบนี้ทุกครั้งเวลาที่เราเอ่ยปากพูดคุยกันสักที 
     
    เป็นแบบนี้อีกแล้ว... เจ็บซ้ำแล้วซ้ำเล่าอีกแล้ว โดนเขากระทำให้เจ็บไปทั้งตัวและใจอีกแล้ว
     
    เมื่อไหร่มันจะจบนะ... จบสักทีไหม เขาทนไม่ไหวอีกแล้ว..
     
    ชานยอลได้แต่นอนนิ่งๆให้คนใช้กำลังบังคับทำตามแต่ใจจนสาสมใจ นอนเฉยๆปล่อยให้น้ำตาไหลรินไปเรื่อยๆ ไม่ว่าคริสจะทำอะไรเขาก็ไม่ห้ามอีกแล้ว เขาห้ามไม่ไหวแล้ว ตอนนี้หัวใจของเขาไม่มีแรงเหลือแล้วสักนิด แม้เพียงจะอ้าปากขอร้องชานยอลก็ไม่มีแรงแล้ว
     
    อยู่ดีๆก็คิดถึงความรู้สึกอบอุ่นจากใครบางคนขึ้นมา รู้สึกถึงมันได้อย่างชัดเจน ปาร์คชานยอลอยากได้และถวิลหาความอบอุ่นแบบนั้นมากกว่าอะไรที่เป็นอยู่นี้ ฮวางจื่อเทา.. เพื่อนที่แสนดี เพื่อนคนนี้พร้อมที่จะดูแลเขาใช่ไหม เทาเคยบอกว่าถ้าตัวเขาล้มเขาจะเป็นคนคยอยพยุงเขาให้ลุกขึ้น ถ้าตัวเขาไม่ไหวเทาจะเป็นเก้าอี้ให้เขานั่งพัก
     
    ถ้าแม้แต่เพียงไม่ไหว.. ฮวางจื่อเทาจะเป็นทุกสิ่งทุกอย่างให้ปาร์คชานยอลเอง
     
    “ยังไม่พอหรอกนะ” เสียงทุ้มต่ำกระซิบชิดใบหู ชานยอลหลับตารับความรู้สึกทั้งหมด ขอแค่เพียงคืนนี้.. เขาจะยอมรับและเต็มใจ ไม่ว่าคริสจะกระทำกับเขาอย่างไรก็ตาม ถึงแม้จะเจ็บช้ำเจียนตายแต่เขาก็จะนึกไปถึงคืนแรกที่เราได้หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน วันที่เราสัมผัสกันด้วยความรัก ...แค่คืนนี้อีกคืนเดียว
     
     
     
    ชานยอลลืมตาตื่นขึ้นมาในช่วงเช้าของอีกวัน เขาจำได้ว่าหมดสติไปก่อนเลยไม่รู้ว่าคริสจบบทรักนั้นที่ตอนไหนและก็ยังดีที่ไม่ตื่นขึ้นมาแล้วเขายังนอนอยู่ที่หน้าโซฟา ชานยอลเงยหน้าขึ้นมองใบหน้ายามหลับของคนที่กอดเขาเอาไว้แล้วก็รู้สึกภาพมันพร่ามัว
     
    คนตัวบางค่อยๆลุกออกจากอ้อมแขนนั้น ก้าวลงจากเตียงไปที่ห้องครัวเพื่อเตรียมมื้อเช้าไว้ให้คนที่ยังไม่ตื่นและเก็บเศษจานแตกเมื่อคืนด้วย ชานยอลรู้สึกสงบนิ่งมากกว่าที่เคยเป็น ใจของเขานิ่งไม่ไหวเอนพยายามกดความรู้สึกหวาดกลัวไว้ข้างใน
     
    คริสที่อาบน้ำเรียบร้อยเตรียมออกไปทำงานก็เดินออกมาจากห้องนอน ชานยอลหันมามองจากภายในห้องครัวก่อนที่จะยกจานขนมปังหอมๆและกาแฟอุ่นๆมาวางไว้ที่โต๊ะกินข้าวก่อนที่จะยกข้าวเช้าง่ายๆของตัวเองมาวางไว้ฝั่งตรงข้ามกัน
     
    “กินก่อนเลยนะขอไปอาบน้ำก่อน” ชานยอลยิ้มให้คริสที่เดินเข้ามาลงนั่งที่ที่นั่งประจำ
     
    “อืม ทำไมวันนี้ตื่นเช้า” ชานยอลยิ้มแล้วส่ายหน้า
     
    “หิวข้าวมั้ง คริสไทด์เบี้ยวแน่ะ” ชานยอลขยับตัวไปใกล้คริสแล้วจัดการขยับเนคไทที่เบี้ยวให้ คริสเงยหน้ามองชานยอลแล้วก็ดึงคนตัวบางให้ลงมานั่งที่ตัก
     
    “กินเลยก็ได้ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย” ชานยอลหัวเราะเบาๆแล้วตีแขนของคริส เจ้าตัวก็หัวเราะในลำคอเบาๆ ชานยอลอิงแอบพิงซบคริสแล้วหลับตาซึมซับความอบอุ่นในยามเช้าของตัวเองไว้ เหมือนเมื่อครั้งก่อนในคืนแรกของเรา
     
    คริสจะรู้หรือเปล่านะว่าตัวเองน่ะเป็นเหมือนแสงสว่างที่อบอุ่นในยามเช้าของชานยอล แม้ความร้อนแรงนั้นมันจะแผดเผาเขาให้เจ็บปวดก็ตาม
     
    ร่างสูงออกจากห้องไปแล้ว ชานยอลเดินไปที่โซฟาแล้วหยิบมือถือของตัวเองขึ้นมา คริสคงลืมไปแล้วน่ะสิว่ามือถืออยู่ที่ตัวเขา โชคยังดีที่มันยังเหลือแบตอยู่อีกนิดหน่อย ชานยอลกดเบอร์โทรหาใครอีกคนโดยที่ไม่ลังเลเลย เขาจะไม่ลังเลอีกแล้ว เจ็บจนเกินพอแล้ว
     
    “ว่าไงตื่นเช้าจังนะ” น้ำเสียงแสนร่าเริงและสดใสของปลายสายดังลอดออกมาพอให้คนได้ยินแย้มยิ้มตาม
     
    “เทา.. ฉันไม่ไหวแล้ว” ชานยอลกรอกเสียงลงไป คล้ายว่าอีกฝ่ายตกใจจนทำอะไรสักอย่างหล่น
     
    “เฮ้ย!!... อะไรนะเมื่อกี้ชานยอลว่าอะไรนะ!” ไม่รู้ทำไมพอได้ยินเสียงที่ห่วงใยของเพื่อนคนนี้แล้ว อยู่ดีๆหยดน้ำตามันก็ไหลรินเสียแล้ว
     
    “เทา.. มาช่วยฉันออกไปที”
     
     
     
     
     
     
     
    ฮวางจื่อเทาที่เข้านอนอย่างอารมณ์ดีเช้านี้ก็เลยตื่นขึ้นมาด้วยอารมณ์แจ่มใส ไม่ลืมที่จะหันไปพูดคุยกับกรอปรูปของชานยอลข้างหัวเตียงด้วย ก็แหม.. พูดกับเจ้าตัวไม่ได้พูดกับรูปเจ้าตัวก็คือๆกกันนั่นแหละน่า~ วันนี้ตัวเขาไม่ต้องเข้าบริษัทเพราะว่าเขาเคลียร์งานเรียบร้อยแล้ว วันนี้ก็เลยว่างมากๆก็กะว่าจะโทรไปชวนเซฮุนให้ไปกินข้าวด้วยเพราะจะได้เลี้ยงขอบคุณเรื่องเมื่อคืนที่ทำให้ตัวเขาตอนนี้อารมณ์ดีสุดๆ
     
    แค่ได้คุยกันไม่กี่ประโยคก็มีความสุขแล้วแค่รับรู้ว่ากินข้าวได้นอนหลับก็พอ ฮวางจื่อเทาไม่ต้องการอะไรมากไปกว่านี้ล่ะแล้วก็กะว่าถ้ายังพอมีเวลาเหลือก่อนที่คริสจะกลับห้องก็ว่าจะแอบไปนั่งมองหน้าต่างห้องชานยอลอีก ขอแค่ได้เห็นเงาเดินผ่านไปมาแค่นี้คนแอบมอง(ที่ทำตัวเหมือนสโตรเกอร์)ก็มีความสุขล่ะ
     
    เพราะอยู่ตัวคนเดียวจื่อเทาก็เลยต้องทำกับข้าวกินเองทุกมื้อ มันไม่ใช่เรื่องยากและลำบากอะไรแค่นี้เองจิ๊บๆ ข้าวเช้าก็เป็นอะไรง่ายๆแค่ขนมปังทาแยมกับกาแฟแค่นี้ก็พอล่ะ เพราะฉะนั้นมันเลยไม่ใช่เรื่องลำบากอะไร ในขณะที่กำลังกินขนมปังทาแยมรสโปรดอยู่นั้นอยู่ๆเจ้ามือถือก็ส่งเสียงร้องเสียงดังลั่นเสียอย่างนั้น ดวงตาเรียวมองแล้วก็ได้แต่สงสัยแต่ก็เอาเถอะถือว่าเป็นเรื่องดีๆที่เช้านี้จะได้คุยกับตัวจริงๆไม่ใช่รูปสักที
     
    “ว่าไงตื่นเช้าจังนะ” เทาส่งเสียงทักทายหาปลายสายอย่างร่าเริง ก็แหงล่ะดีใจนินาที่คนตัวบางโทรมาหาก่อน อาจจะเป็นเพราะว่าใครบางคนไม่อยู่แล้วก็เป็นได้ นี่ถือเป็นเรื่องดีๆในตอนเช้าเลยนะ
     
    “เทา.. ฉันไม่ไหวแล้ว” น้ำเสียงสั่นเครือจากปลายสายทำเอาเทาที่กำลังยกแก้วน้ำขึ้นดื่มตกใจเผลอทำแก้วน้ำตกลงบนโต๊ะ
     
    “เฮ้ย!!... อะไรนะเมื่อกี้ชานยอลว่าอะไรนะ!” เอ่ยถามออกไปอย่างตกใจ บางทีเขาอาจจะหูฝาดไปก็ได้
     
    “เทา.. มาช่วยฉันออกไปที” 
     
     
    เฮ้ย!! นี่มันเกิดอะไรขึ้น!!! ชานยอลเป็นอะไร! ถ้าไอ้คริสทำอะไรชานยอลเขาจะไม่ปล่อยมันไว้เลย!!!
     

    “อยู่ที่ไหน.. อยู่ที่ห้องใช่ไหม มันทำอะไรหรือเปล่ารอก่อนนะเดี๋ยวฉันจะไปช่วยเดี๋ยวนี้แหละ!!”
     

    “ฉันจะรอนะ”



     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×