ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fic KrisYeol : Baby Love ป่วนรักเด็กข้างบ้าน [END]

    ลำดับตอนที่ #4 : Chapter 4

    • อัปเดตล่าสุด 3 มี.ค. 56


    บอกได้คำเดียวว่า หิว T T

    อยากกินเค้กกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

    ลืมว่าจะอัพ =________= เลยต้องลุกมาอัพให้ก่อน 555555

     _______________________



    เช้านี้บ้านทั้งสองหลังวิ่งวุ่นและยืนไม่ติดที่เพราะน้องหนูยอลร้องไห้โวยวายแต่เช้า หลังจากที่พี่ชายตัวโตบอกว่าจะต้องเข้าค่ายสามวัน สองคืนนั้นน้องหนูยอลก็ไม่ยอมแถมยังจะนอนเฝ้าด้วยซ้ำแต่ตอนเช้าตรู่คริสลุกขึ้นมาอาบน้ำและเตรียมเก็บเสื้อผ้า น้องหนูยอลก็ผวาขึ้นมาพอดี ดวงตากลมมองรอบเตียงก่อนที่จะไปสะดุดเข้าที่แผ่นหลังกว้างที่นั่งพับเสื้อใส่กระเป๋า

    “อึก.... แง๊~~~” เด็กตัวน้อยหลับตาแหกปากร้องไห้จ้า ไอ้คนที่กำลังจัดกระเป๋าก็สะดุ้งตกใจ คถณลุงคุณป้าที่นอนอยู่อีกห้องก็สะดุ้งตื่น คุณแด๊ดกับคุณมี้บ้านเคียงข้างก็สะดุ้งตื่นแล้วรีบวิ่งมาที่บ้านของคริสทันที ทุกคนพร้อมใจกันวิ่งเข้ามาในห้อง

    “ฮือ... ไม่เอา ไม่ให้ไป!!” หนูยอลกอดคริสที่อุ้มนั่งอยู่บนเตียงอย่างกับลูกลิง สองมือก็ขยุ้มเสื้อกำไว้แน่น สองขาก็หนีบเอวของพี่ชายตัวโตไว้ให้แน่นไม่ยอมหลุดแน่นอน ดวงตาของบุตรชายเจ้าของบ้านเงยขึ้นสอตากับผู้ใหญ่ทั้งสี่คนที่วิ่งหน้าตื่นมาด้วยชุดนอน

    “แง๊!!!~”

    และนี่ก็เป็นเหตุให้ทุกคนวิ่งวุ่น แม้กระทั้งเพื่อนในแก๊งอีกสี่คนที่ว่าจะมารับครริสให้ไปด้วยกันก็ต้องมาคอยลูบหัวลูบหางปลอบเด็กน้อยที่ยังคงแรงดีไม่มีตก ร้องแหกปากดังลั่นไปสามบ้าน แปดบ้าน โธ่ อีหนูปวดแสบแก้วหูมาก แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ไม่มีใครเอาอยู่สักคน

    “น้องหนูยอลจะไปด้วย” ดวงตากลมๆที่แดงก่ำ ดวงหน้าขาวที่เปื้อนน้ำตาเงยหน้าขึ้นมองคนที่พี่ที่นั่งนิ่งให้กอดมาเป็นชั่วโมง คริสใช้หลังมือปาดเช็ดน้ำตาให้ รู้สึกใจเต้นแบบแปลกๆยามที่เห็นใบหน้าใสของเด็กน้อยนั้นแดงเรื่อและเห็นหยดน้ำตาหยดใสรินจากหางตา มันรู้สึกชอบใจและมีความสุขแปลกๆ ใจเย็นๆนะไอ้คริส

    “ไปไม่ได้นะครับ” วลีเดิมที่พูดย้ำ ซ้ำมาเป็นรอบที่ร้อยกว่า แล้วพอได้ยินวลีนั้นเสียงที่ตามมาคือเสียงร้องไห้พร้อมกับใบหน้าที่ซุกเข้าไปที่อก สักพักลิงน้อยก็จะเงยหน้าขึ้นมาเอ่ยประโยคด้านบนอีกรอบ วนเป็นไดอะล็อคเดิมๆ

    “โทรไปบอกพวกรุ่นพี่แล้วว่าเราจะไปเอง จะตามไปทีหลัง” เซฮุนเดินเข้ามาพร้อมกับยกมือถือให้ดูว่าตนนั้นเพิ่งวางสายไปจริงๆ จงแด ซิ่วหมินและลู่หานที่นั่งอยู่บนพื้นมองลูกลิงกับพ่อลิงบนเตียงก็พยักหน้ารับรู้

    “ฮือ... น้องหนูยอลจะไปด้วย” เสียงสั่นเครือมาพร้อมกับหยดน้ำตาที่รินไหลออกจากหางตา คริสลูบกลุ่มผมยุ่งๆของเด็กในอ้อมแขนแล้วก็โอบกอดไว้แนบชิด

    “ไปไม่ได้นะครับ มันลำบาก”

    “ก็ถ้าลำบากแล้วพี่หนูคริสจะไปทำไม” นั่น เป็นไงล่ะ พี่หนูคริสมองเด็กน้อยที่เงยหน้าทำปากยู่ทั้งๆที่ใบหน้ายังแดงเรื่อแล้วก็คิดอยากจะฟัดซะให้หายหมั่นเขี้ยว แต่มันไม่ใช่เวลาไง

    “พี่ต้องไปครับ ช่วยเหลือคนที่ลำบากกว่าเราน่ะ” ว่าแล้วก็ยิ้มให้หนูน้อยคนนี้อีกสักทีแต่หนูยอลส่ายหัวหวืด

    “น้องหนูยอลก็อยากช่วย น้องหนูยอลมีเงินเยอะ มีแรงเยอะด้วยแถมวิ่งเร็วด้วย” เอ่อ.. มันใช่ไหมน่ะหนู

    “แต่...” ยังไม่ทันได้ค้านอะไรเสียงเล็กที่สั่นเครืออย่างน้อยใจก็ดังออกมาจากกลีบปากเล็กช่างจำนรรจาเสียก่อน

    “พี่หนูคริสไม่รักน้องหนูยอลแล้วเหรอฮะ” สองมือยิ่งกำเสื้อแน่น ใบหน้าที่เปื้อนน้ำตายิ่งแดงกร่ำมากขึ้นเมื่อคนเป็นพี่ไม่ยอมตอบคำถามนั้น

    “เอ่อ.. รักครับ แต่ว่าพี่พาไปด้วยไม่ได้นะ เข้าใจพี่หนูคริสนะคะ” คนอยากตามไปด้วยส่ายหน้าจนผมลอนกระจายแล้วแบะปากคล้ายจะร้องอีกรอบ

    “ไม่เข้าใจ พี่หนูคริสไม่รักน้องหนูยอลแล้ว!!!” แล้วเด็กน้อยก็ปล่อยโฮกับอกกว้างที่รองรับหยดน้ำตาจนชื้น สองมือก็ยิ่งกำเสื้อที่พี่ชายตัวโตสวมใส่แน่นจนมือเล็กๆนั้นขาวซีด คริสโอบเด็กน้อยทั้งตัวแล้วก้มลงเอาหน้าผากจรดกับกระหม่อมสวยไว้ กลิ่นหอมๆลอยแตะจมูกจนคนได้กลิ่นเผลอวาดรอยยิ้ม

    “รักสิครับ แต่พี่หนูคริสต้องไปทำงานนะครับ ทำงานช่วยคนที่ลำบากพี่ไม่มีเวลามาดูเราหรอกนะแล้วอีกอย่างถ้าเกิดไม่สบายไปคุณแด๊ดกับคุณมี้ของน้องหนูยอลก็ดุพี่น่ะสิเพราะฉะนั้นรอพี่ที่นี่นะ เข้าใจไหมครับ?” หนูยอลส่ายหน้าไปมา ไม่เข้าใจ น้องหนูยอลไม่เข้าใจอะไรทั้งนั้น!!! คริสเงยหน้าขึ้นมองเพื่อนทั้งสี่ที่นั่งขัดสมาธิเท้าคางไว้เข่าแล้วมองขึ้นมาหา ทั้งสี่นั่งท่าเดียวกันเหมือนกำลังรอว่า บทโศกระหว่างพ่อและลูกลิงจะสิ้นสุดหรือยัง

    “ถ้าอย่างนั้นเอายังงี้นะครับ พี่หนูคริสจะให้เบอร์โทรไว้นะแล้วก็โทรหานะครับ คิดถึงก็โทรหานะ” หนูยอลค่อยๆละหน้าออกจากอกอุ่นแล้วมองสบตากับดวงตาคมที่วาดเป็นเสี้ยวพระจันทร์

    “โทรได้ตลอดเวลาเลยเหรอฮะ” ชายหนุ่มพยักหน้ารับ น้องหนูยอลทำหน้าลังเลอยู่แปบหนึ่งก่อนที่จะส่ายหน้า

    “ให้น้องหนูยอลไปด้วยไม่ได้เหรอฮะ นะน้องหนูยอลจะไม่ดื้อ ไม่ซนจะดูแลตัวเองไม่ให้ป่วยด้วย” ดวงตากลมฉายแววออดอ้อนพร้อมกับม่านน้ำที่คลอรอบหน่วยตาใส คริสช้อนตัวหนูยอลขึ้นมาให้อยู่ในระดับสายตาก่อนที่จะยื่นปลายจมูกเข้าไปแตะที่แก้มใสที่ชื้นน้ำ

    “รอที่นี่นะครับแล้วก็ทำขนมไว้รอนะ สัญญาว่าจะรีบกลับมาครับ โทรหาพี่ได้ตลอดเวลาเลยนะพี่หนูคริสจะรับทุกสายเลยครับ ยุ่งแค่ไหนก็จะรับสายนะ” หนูยอลกัดปากอย่างช่างใจก่อนที่จะพยักหน้ารับ คริสยิ้มแล้วกอดเด็กตัวนุ่มนิ่มไว้แนบอกแล้วลูบทั้งกลุ่มผมนิ่มและแผ่นหลังเล็กๆที่สั่นไหวเพื่อปลอบโยน เพียงไม่นานเด็กน้อยก็หลับไปในอ้อมแขนเพราะเหนื่อยจากการร้องไห้มานานเกินไป ตอนนี้ทั้งห้าคนคงได้ไปค่ายแบบสบายใจแล้วสินะ

    หลับไปนานแค่ไหนน้องหนูยอลไม่รู้หรอก รู้แต่ว่าตื่นขึ้นมาแล้วทั้งเตียงก็ว่างเปล่า มองไปรอบห้องก็ว่างเปล่าแล้วอยู่ๆน้ำตาก็ไหลแหมะ รู้ว่าพี่ชายตัวโตต้องไปน่ะตัวเองไปไมได้อยู่แล้วแต่ก็แค่อยากอ้อนเผื่อฟลุคแอบไปได้ไง แต่ก็ไม่มีประโยชน์ ชิ!!

    “แล้วน้องหนูยอลจะลงจากเตียงยังไงอะ” ว่าแล้วเจ้าตัวก็ยื่นหน้าออกไปมองนอกเตียง มองพื้นหาทางลง ทำไมพี่หนูคริสไม่อุ้มลงไปนอนข้างล่างล่ะ แล้วตอนนี้ใครจะอุ้มน้องหนูยอลลงจากเตียงล่ะ?

    แล้วเด็กตัวน้อยก็ยกนิ้วขึ้นจิ้มริมฝีปากอิ่มๆของตัวเองก่อนจะโคลงหันไปมาเพื่อหาทางลงจากเตียงหลังใหญ่นี้ ปลายสายตาผ้าห่มผืนใหญ่ปล่อยชายยาวเกือบถึงพื้นแล้วเด็กน้อยสมองดีก็ปิ๊งขึ้นมาทันที หนูยอลค่อยๆกระดึ๊บถอยหลังลงเตียง สองมือก็เกาะขอบเตียงกับผ้าห่มนั้นเอาไว้ กระดึ๊บๆอีกนิดขาที่เลยเตียงไปก็ง้อลงพอที่จะกระเถิบเอาตัวเองพาลงพื้นได้ ระยะห่างของเท้ากับพื้นนั้นไม่มากเท่าไหร่ดังนั้นตัวเล็กเลยใช้การค่อยๆไถตัวกับผ้าห่มนั้นลงมา น้องหนูยอลปล่อยมือที่เกาะขอบเตียงแล้วดึงผ้าห่มนั้นให้ตกตามตัวมาด้วยเพื่อใช้รองตัวเวลาลงพื้นแล้ว

    “คิคิ” เมื่อลงจากเตียงได้เจ้าตัวก็หัวเราะเสียงใสแน่นอนว่าไม่เก็บเตียงให้หรอกปล่อยเละๆไว้แบบนั้นล่ะ ปัญหาต่อไปก็คือประตู หนูยอลเงยหน้ามองลูกบิดที่อยู่สูงเกินเอื้อมก่อนที่จะหันซ้ายหันขวา

    “เจอแล้ว” หนูยอลวิ่งดุ๊กดิ๊กเข้าไปหามันแล้วค่อยๆไถมันกับพื้นมาที่หน้าประตู ก่อนที่จะก้าวขึ้นไปเหยียบหนังสือเล่มหนาๆของพี่หนูคริสแล้วก็บิดลูกบิดประตูเพื่อให้มันเปิดออก เด็กตัวเล็กก้าวลงจากหนังสือเล่มนั้นแล้วผลักมันให้ถอยวิถีเปิดประตูก่อนที่จะเปิดอ้ากว้างแล้วเดินออกไปดั่งผู้พิชิตยอดเขา

    ถึงจะเห็นตัวเล็กแบบนี้แต่น้องหนูยอลก็ลงบันไดเองได้นะ แต่ก็ต้องใช้พี่พนังค่อยช่วยพยุงตอนลงไป สองขาสั้นๆค่อยๆก้าวลงอย่างระมัดระวัง สองมือจับพนังไว้เพื่อเป็นหลักยึดแล้วก้าวลงมา เมื่อลงมาถึงชั้นล่างได้คุณป้าก็เดินออกมาจากครัวพอดี

    “ไปทานข้าวกันนะจ๊ะ ป้าสำเสร็จแล้วจ๊ะ” น้องหนูยอลยิ้มกว้างทั้งๆที่ใบหน้ายังคงมีร่องรอยของการร้องไห้เมื่อช่วงเช้ามืดอยู่เลย

    “ไม่เอาฮะ น้องหนูยอลจะโทรหาพี่หนูคริส คุณป้าสอนน้องหนูยอลกดเบอร์พี่หนูคริสหน่อยสิฮะ”

    คุณป้ายืนบอกเลขและกดให้น้องหนูยอลดูเป็นตัวอย่างช้าๆ เจ้าตัวเล็กยืนถือหูโทรศัพท์แล้วมองตามแป้นกดแค่เพียงครั้งเดียวน้องหนูยอลก็สามารถจำได้แล้ว ขอบอกนะว่าน้องหนูยอลคนนี้น่ะความจำดีนะจะบอกให้ ตอนนี้ในหูได้ยินแต่เสียงสัญญาณเรียกรอสายรอเพียงไม่นานปลายก็จะต้องรับแน่นอน

    คริสที่นั่งอยู่บนรถโดยสารที่จะพาไปยังหมู่บ้านเล็กๆในเวิ้งเขา เท้าแขนกับขอบหน้าต่างแล้วเหม่อมองออกไปยังนอกหน้าต่าง ภาพที่เด็กตัวน้อยร้องไห้แล้วเงยหน้าขึ้นมาสบตายังคงติดตา จะว่าตอนนี้คิดอะไรพิเรนทร์อยู่ก็ขอยอมรับโดยสดุดี ก็ตอนเด็กตัวเล็กร้องไห้แล้วมันน่าแกล้งนินา

    เรียวนิ้วยาวล้วงหยิบเครื่องมือสื่อสารที่กำลังร้องและสั่นอยู่ในกระเป๋ากางเกงขึ้นมาดู รายชื่อที่หน้าจอปรากฏคือบ้าน เรียวคิ้วขมวดมุ่นอย่างสงสัยว่าที่บ้านนั้นโทรมาทำไมเพราะปกติถ้าแม่หรือพ่อจะโทรก็จะใช้มือถือของตัวเอง แต่ก็จะมีบ้างครั้งที่คุณแม่ใช้โทรศัพท์บ้านโทรมา หรือจะมีเรื่องอะไรนะ?

    “ฮัล...”

    ...รับช้า!!! น้องหนูยอลรอนานมากเลยนะ!!!!... ยังไม่ทันได้ทักทายเสียงใสแจ๋วของอีกฝ่ายก็ดังลอดออกมา เรียวปากได้รูปวาดรอยยิ้มกว้าง

    “ว่าไงครับ ตื่นแล้วเหรอ? กินข้าวหรือยังครับ” ทอดน้ำเสียงนุ่มน่าฟังลงไปโดยที่ไม่รู้เลยว่าอีกฝ่ายน่ะเขินอายจนแก้มกลมแดงเรื่อเสียแล้ว

    ...ยังเลย น้องหนูยอลอยากให้พี่หนูคริสป้อน เพราะพอพี่หนูคริสป้อนนะกับข้าวทุกอย่างก็อร่อยหมดเลย...

    “หึๆ แต่ก็อย่าลืมกินข้าวนะครับ พี่เป็นห่วงนะรู้ไหม” นัยน์คมทอดมองออกไปด้านนอกหน้าต่างแต่ก็ไม่ได้จับจ้องสิ่งใดเพราะสมาธิทั้งหมดจดจ่ออยู่กับเสียงหวานๆในหูนี้ เพื่อนทั้งสี่ที่นั่งอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลต่างก็มองหน้ากันแล้วก็ยิ้มๆ

    ...พี่หนูคริสหิวข้าวยังฮะ?...

    “ก็หิวนิดหน่อยครับ พี่กินแต่ขนมยังไม่ได้กินข้าวเลย”

    ...น้องหนูยอลมากินข้าวก่อนมาลูก เดี๋ยวค่อยโทรใหม่นะคะ / อ่า น้องหนูยอลก็หิว งั้นเรามากินข้าวพร้อมกันนะฮะ...

    “ครับ” คริสรับคำก่อนที่จะรออีกฝ่ายวางสายไปก่อนแล้วก็คุ้ยๆหาขนมปังมากิน เพราะบนรถแบบนี้ก็ไม่มีข้าวกล่องหรืออะไรเสียด้วย เอาเป็นกินขนมปังไปล่ะกัน ยังไงก็ได้กินพร้อมกันล่ะเนอะ

    ค่ายที่พวกคริสกับแก๊งค์เพื่อนๆไปนั้นเป็นค่ายที่ช่วยเหลือพวกคุณตาคุณยายและเด็กเล็กๆ ทั้งช่วยทำสาธารณะประโยชน์อย่างการช่วยทำนาทำไร่ ซ่อมแซมบ้านเรือนและซ่อมพวกอาคารเรียนทั้งหลาย เป็นค่ายที่รุ่นพี่ที่ทำเป็นกันเป็นรุ่นสู่รุ่น เพื่อทำประโยชน์ตามโครงการของมหาวิทยาลัย เมื่อรถที่โดยสารจอดอยู่ตรงทางเข้าหมู่บ้านทั้งห้าคนก็ลงจากรถแล้วมองหน้ากัน เพราะถ้าเอาจริงๆก็ไม่มีใครอยากมาหรอกมันกันดารและลำบาก แต่ก็อย่างว่าละนะทำความดีในเมื่อมีโอกาสก็ขอสักหน่อย

    ทั้งห้าเดินเข้ามาในหมู่บ้านก่อนที่จะไปรวมตัวกับคนอื่นๆที่โรงเรียนที่มีเพียงโรงเดียวของทั้งหมู่บ้าน ทุกคนต่างก็ได้แยกย้ายกันตามหน้าที่ได้รับ ทั้งพวกที่ออกไปช่วยเหลือคุณตาคุณยาย พวกซ่อมแซมและพวกสันทนาการให้เด็กๆในโรงเรียน ด้วยความที่ทั้งห้าคนนั้นไปช้าก็เลยถูกจัดไปอยู่ในหน่วยซ่อมแซมอาคารเรียน

    “ไม่ได้นะซิ่วหมินจะขึ้นไปปีนหลังคาได้ยังไง!! จำตอนสมัยมัธยมไม่ได้เหรอ!!” ลู่หานรั้งเพื่อนตัวอวบไว้ที่เจ้าตัวทำท่าจะขอปีนขึ้นไปซ่อมหลังคา ทั้งห้าคนอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมแล้ว สมัยที่ยังเรียนโรงเรียนนานาชาติกันอยู่ แต่ซิ่วหมินกับลู่หานรู้จักกันก่อนที่จะเข้ามัธยมมาเจอกันคนอื่นๆเสียอีก ครั้งนั้นช่วงกีฬาสีซิ่วหมินนึกอยากจะช่วยเพื่อนก็เลยช่วยคนอื่นปีนขึ้นไปติดแสลนด์ด้านบนแล้วเพราะด้วยความซุ่มซ่ามก็ต้องจากบันไดสูง ดีที่ว่าลงมาแค่ข้อเท้าพลิกเท่านั้นไม่มีอาการหัวร้างข้างแตกไปเสียก่อน

    “ตอนนั้นก็ตอนนั้นดิ ตอนนี้กูก็ไม่ได้ซุ่มซ่ามอะไรขนาดนั้นนะ” ซิ่วหมินคิ้วขมวดแล้วมองใบหน้าของเพื่อนที่ดูท่าว่าจะบูดบู้เสียเหลือเกิน

    “ไม่ได้ก็คือไม่ได้ มึงยู่ข้างล่างไปเลยเดี๋ยวกูขึ้นเอง” แล้วลู่หานก็ถลกแขนเสื้อขึ้น ก็ไม่ได้ดูตัวเองทั้งคู่ล่ะว่าซุ่มซ่ามพอกัน เพราะพอตอนนั้นที่ซิ่วหมินตกบันได ลู่หานก็รีบวิ่งมาจนลืมไปว่าตัวเองนะกำลังติดสายที่ประดูโกลด์อยู่ ก็โดนลากมันทั้งคน ทั้งเพื่อนๆนั่นล่ะ น่าอับอายชะมัดไหมล่ะ

    “พวกมึงน่ะอยู่ข้างล่างทั้งคู่เลย” แล้วจงแดก็ใช้ปางห้ามญาติเบรกทั้งคู่ไว้ก่อนที่ตัวเองจะคว้าชุดเครื่องมือจากมือซิ่วหมินมาถือไว้เอง เซฮุนก็ส่ายหน้าแล้วก้มลงหยิบชุดเครื่องอีกอีกชุดมาถือไว้

    “แล้วพวกกูทำอะไรอ่ะ?” ลู่หานชี้นิ้วเข้าหาตัวเองก่อนที่จะทำตาโตๆถามเพื่อน

    “อยู่ข้างล่างคอยช่วยพวกกู โอเคนะ?” และเมื่อชายหนุ่มที่สูงสุดในกลุ่มเอ่ยบอกทั้งสองก็พยักหน้ารับ คริสไม่ได้ดูน่ากลัวหรอกแต่ถ้าไม่เชื่อฟังคำบอกหรือคำเตือน คนนั้นก็คงจะโดนพ่อจ้าวประคุณสวดเช้าด่าเย็นเหมือนตอนที่เซฮุนแอบหนีไปจัดการกับพวกที่มาหาเรื่องพวกตนคนเดียวแล้วโดยกระทืบซะเกือบเละกลับมานั่นล่ะ ขนาดเซฮุนหลับเพราะหมอฉีดยานอนหลับให้มันก็ยังนั่งสวดเพื่อนได้อะคิดดูเอาแล้วกันว่าจะหลอนขนาดไหน ยังไม่ทันลืมตาตื่นดีแค่เพียงสติกลับเข้าร่างก็ได้ยินเสียงทุ้มๆนั่งสวดบ่นก็โคตรจะจิตตกแล้ว

    “คริส~” เสียงหวานใสของหญิงสาวดังขึ้น ทั้งห้าคนหันไปมองยังต้นเสียงก็แอบลอบมองหน้ากันเอง

    “ราอิมมาค่ายด้วยหรือครับ?” หญิงสาวที่เรียนคณะเดียวกันแต่คนละภาคนั้นยิ้มกว้างแล้วพยักหน้ารับ

    “อืม เราเห็นว่าคริสมาเราก็เลยมาขอพี่เขามาด้วยน่ะ คริสทำอะไรซ่อมหลังใช่ไหม? เดี๋ยวเราไปเตรียมน้ำเย็นๆมาให้นะ” พอคล้อยหลังเธอได้ไม่เท่าไหร่ ยังไม่ทันจะได้ตอบรับหรือปฏิเสธเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น คริสหยิบขึ้นมาแล้วก็ยิ้มเมื่อเห็นว่าใครโทรมา

    “ว่าไงครับ กินข้าวแล้วใช่ไหม” คริสคว้าชุดเครื่องมืนแล้วเดินตรงไปยังอาคารเรียนทันที สองขายาวก้าวขึ้นบันไดสูงอย่างระมัดระวัง จงแดและเซฮุนเองก็ตามขึ้นมาด้วยเช่นกัน ไอ้ที่ตามมาน่ะจะตามมาฟังหรอก ไมได้อยากทำงานอะไรหรอก

    ...กินแล้วฮะ พี่หนูคริสอยู่ไหน ทำอะไรอยู่ฮะ บอกมาให้หมดเลยนะฮะ...

    “ก็กำลังคุยกับคนพิเศษอยู่ไงครับ” ไอ้เสียงที่กระเง้ากระงอดนี่ก็ช่างน่าแกล้งเสียนี่ คริสยิ้มกว้างเมื่อได้ยินเสียงเด็กน้อยอีกฝ่ายพึมพำอะไรก็ไม่รู้จับความไม่ได้ จงแดกับเซฮุนที่เงี่ยหูฟังก็แอบเสียมารยาทนิดหนึ่งหันไปอ้วกกันคนละทาง คือถ้าปลายสายเป็นหญิงสาวอายุรุ่นๆกันหรือชายหนุ่มรุ่นๆเดียวกันนะ จะบอกว่าโคตรเลี่ยน

    ...พี่หนูคริสบ้าชอบมาทำให้เขิน เอาดีๆสิฮะ!!....

    “พี่ก็กำลังปีนหลังคาอยู่ครับ ขึ้นมาซ่อมหลังคาอาคารเรียนน่ะ”

    ...เอ๊ะ????? น่าสนุกจังน้องหนูยอลก็อยากปีนด้วย...

    “ไว้โตกว่านี้ พอได้เข้าเรียนมหาลัยถ้าได้มาค่ายก็ต้องไปปีนแน่ครับ” ตอบรับเสียงหวานเมื่ออีกฝ่ายทำเสียงมีความสุข แต่แล้วเสียงร้องเรียนของหญิงสาวก็ทำให้คริสหยุดมือแล้วก้มลงไปมอง

    “คริส~ ราอิมเอาน้ำเย็นๆมาให้ค่ะ พักก่อนนะคะ” เสียงตะโกนของหญิงสาวดังลอดเข้าโทรศัพท์ คริสละมือจากงานตรงหน้าก่อนที่จะหันไปมอง

    “ขอบคุณครับ วางไว้แถวนั้นเถอะเดี๋ยวผมค่อยลงไปกิน” คริสตะโกนตอบแต่หญิงสาวกลับไม่เห็นด้วย

    “ลงมาเถอะค่ะพักสักหน่อยนะคะ แดดมันร้อน” จงแดกับเซฮุนมองหน้า เออแดดร้อนไม่เถียง แต่จะให้พักอะไรวะขึ้นมายังไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเลย แล้วอยู่กันสามคนยัยนั่นเรียกแค่ไอ้คริสคนเดียว เฮ๊อะ!

    ...นั่นเสียงใครน่ะ? เสียงยัยป้านั่นใช่ไหม? พี่หนูคริสแอบไปอยู่กับป้าคนนั้นได้ยังไงน้องหนูยอลจะโกรธแล้วนะ!!!...

    “เปล่านะ พี่เพิ่งรู้ตอนมาถึงว่าเธอก็มาพี่เปล่าแอบนะครับ” รีบแก้ตัวก่อนเพราะเดี๋ยวงานจะเข้า แล้วถ้าตาขวากระตุกไม่ผิดล่ะก็มันจะต้องมีเรื่องแน่ๆ

    “คริสคะ~”

    ...บอกยัยป้านั่นให้เงียบเสียงเลย ไม่งั้นน้องหนูยอลจะตามไปอาละวาดแล้วนะ!!!...

    “วางไว้เถอะครับเดี๋ยวผมลงไปเอง ซิ่วหมินรับกระติกน้ำจากราอิมที!!” คริสหันกลับไปตะโกนบอกเพื่อนที่เดินออกมาดูเพราะได้ยินเสียงตะโกน ชายหนุ่มก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าจะกลัวอะไรกับเด็กน้อยตัวกระเปี๊ยก แต่ทว่าสั่งอะไรมาก็ยอมทำตามไปเสียหมดเลย เออลางกลัวเมียมาเห็นๆเลยว่ะ

    ...ยัยป้านั่นไปแล้ใช่ไหมฮะ? ทำไมพี่หนูคริสนอกใจน้องหนูยอลล่ะ น้องหนูยอลน่ารักกว่า น่ากอดกว่าตั้งเยอะ!!...

    “เอ่อ...” โอโห้มาเต็มทำเอาคนเป็นพี่ที่อยากพ่วงตำแหน่งอื่นด้วยไปไม่ถูกเลย “ครับ แต่พี่ไม่ได้นอกใจนะ พี่ไม่รู้จริงๆ”

    ...พี่หนูคริสไม่ต้องมาโกหกเลย ต่อจากนี้นะน้องหนูยอลจะไม่ให้พี่หนูคริสคลาดสายตาเลย!! แค่นี้ก่อนนะฮะ น้องหนูยอลจะไปทำขนมให้พี่หนูคริสก่อน...

    “ดะ...” ยังไม่ทันได้ร้องเรียกเจ้าตัวก็กดตัดสายไปอย่างอารมณ์บ่จอย ซึ่งคริสก็มองหน้าจอโทรศัพท์อย่างมึนๆ เออตกลงว่าเมื่อกี้สามีถูกจับได้ว่ามีเมียน้อย? เหรอวะ? กูเริ่มงงล่ะ??

    “เป็นไงล่ะมึงเจอเมียหลวงจับได้ ฮ่าๆๆ” จงแดที่อยู่ไม่ไกลหัวเราะเสียงดังลั่นพร้อมกับมีเซฮุนเป็นลูกคู่

    “เออเพิ่งเคยเห็นแม่งหงอก็วันนี้อ่ะ โคตรจี้เลยว่ะแม่งเมื่อกี้น่าจะเอามือถือขึ้นมาถ่าย ฮ่าๆๆ” เออขอคาดโทษไว้ก่อนเลยนะพวกมึง อย่าล้มนะกูจะกระทืบซ้ำให้จมดินเลย!!

    แล้วคริส เซฮุนและจงแดก็นั่งทำงานต่อโดยมีลู่หานและซิ่วหมินมาส่งน้ำ ส่งเสบียง มื้อเที่ยงที่ค่อนไปทางบ่ายของวันนี้ของทั้งห้าก็ปาร์ตี้กันบนหลังคานั้นล่ะ ทานข้าวไปนั่งเล่าย้อนไปถึงช่วงสมัยมัธยมกันที่ได้ขึ้นมาทำงานอะไรแบบนี้บ่อยๆ เพราะพวกเขาทั้งห้าก็ขาลุยอยู่แล้ว เสียงหัวเราะของทั้งห้าดังก้องไปทั่วยามที่หยิบยกเรื่องขำขันขึ้นมาพูดคุยกัน

    เรื่องราวรักแรกของเซฮุนที่คิดว่าลู่หานเป็นผู้หญิงแล้วไปเรียกว่าสาวน้อยก็โดนยันหน้าหงายออกมาน่ะสิ ไหนที่จงแดจะโดนซิ่วหมินต่อยซะหน้าหงายเพราะอยู่ๆก็วิ่งเข้ามาบอกชอบอีก หรือเรื่องที่ลู่หานกับซิ่วหมินสนิทกันมากจนทำให้ทั้งสองที่มาจีบได้แต่เหงาหงอยจนคริสที่อยู่กับเซฮุนและจงแดต้องออกหน้า ไหนจะเรื่องที่แอบหนีไปเรียนไปเที่ยวกันอีก ที่มีเงินแค่พอค่ารถไฟสองคนแต่ที่มายืนจ๋องง๋องกันอยู่หน้าตู้กดตั๋วเนี่ยมีห้าคนอีก วีรกรรมเยอะแยะเสียเหลือเกินนะ

    “แล้วเมื่อไหร่พวกนายจะแต่งงานกันสักทีละวะ” อยู่ๆคริสก็ถามทะลุกลางปล้องออกมาเลย ทุกคนสะบัดหันมองคริสด้วยสายตางงงวย

    “ใคร? กูกับซิ่วหมินหรอ? ก็เรียนจบก็แต่งเลยอ่ะเนอะเปาจื่อ~” ลู่หานหันไปยิ้มให้เพื่อนตัวอวบที่นั่งพิงกินขนม

    “เฮ้ยไม่นะ!!! ลู่หานต้องแต่งกับกูดิ!!!” เซฮุนโวยวายเสียงดัง

    “ใช่ๆ ซิ่วหมินต้องแต่งกับพี่จงแดสิครับ!!!! มึงจะไปนอนอ้วนกับคนอื่นได้ไง!!!” ซิ่วหมินส่งสายตาขวางหาคนที่พูดคำต้องห้าม

    “พ่อง!!~ อยากตกหลังคาลงไปตายไหมไอ้แป๊ะ??” แล้วจงแดก็ทำปากยู่ หน้ายับค่อยๆคลานเข้าไปหาซิ่วหมินแล้วบีบนวดแขนกลมอย่างเอาใจ

    “ขอโทษครับ แป๊ะผิดไปแล้ว” แล้วจงแดก็ยกมือไหว้ซิ่วหมินอย่างสำนึกผิด ทั้งสามหัวเราะอย่างสนุกสนาน ซิ่วหมินชี้นิ้วคาดโทษอีกครั้งก่อนที่จะถลาไปเมื่อลู่หานกอดล็อคคอตัวเอง

    “ไม่ได้หรอก ก็กูกับเปาจื่อถูกจับหมั้นกันตั้งแต่เป็นเด็กแล้วเนอะ~” สิ้นคำลู่หานและการพยักหน้าตอบรับของซิ่วหมิน เซฮุนกับจงแดก็โวยวายดีดดิ้นไม่ยอม คริสที่มองแววตาประกายของสองซี้แล้วก็ยิ้มมุมปาก ก็ไปแกล้งมันนะพวกมึง เอ๊ะ? หรือพวกมึงจะกินกันเอง?? ก็สี่พีกันก็ได้นะ กูไม่ขัดหรอก หึหึ~

    หลังจากวางสายแล้วน้องหนูยอลก็ยืนกระทืบเท้าอย่างขัดใจที่อยู่ๆยัยป้านั่นก็โผล่ไปเข้าใกล้พี่หนูคริส ทั้งๆที่ตนควรจะเป็นคนที่ไปอยู่ข้างๆสิ คิดแล้วเจ็บใจนัก!!! น้องหนูยอลหันกลับไปตะโกนบอกคุณป้าว่าจะกลับบ้านซึ่งคุณป้าก็เออออรับรู้ หลังจากที่บ้านหลังนี้มีสมาชิกเพิ่มและเจ้าตัวก็มาที่บ้านนี้บ่อยจะให้มาตอนเช้าตรู่หรือกลับมืดๆเดินออกนอกบ้านก็คงจะไม่ปลอดภัย ดังนั้นเลยมีช่องทางลับที่พี่หนูคริสกับคุณลุงแสนใจดีแอบทำไว้ให้

    หนูยอลผลักบานประตูเล็กๆที่ทำเสริมไว้ที่รั้วกั้นสองบ้านเข้าไป ประตูนี้ไม่เคยลงกลอนและแน่นอนก็ไม่มีใครผ่านเข้าออกหรอกนอกเสียจากเจ้าตัว น้องหนูยอลเดินหน้านิ่วคิ้วขมวดเข้าบ้านไปอย่างขัดใจ สองเท้ากระทืบปึงปังทันทีเมื่อเหยียบเข้าบ้านมาได้ พี่เลี้ยงประจำตัววิ่งเข้ามาหาด้วยรอยยิ้ม

    “เป็นอะไรไปคะคุณหนูบอกพี่อินนานะคะ” เด็กน้อยทำปากยู่แล้วยกมือขึ้นกอดอก

    “น้องหนูยอลจะงอนพี่หนูคริสเพราะพี่หนูคริสนอกใจแต่ว่าพี่หนูคริสไม่ผิดยัยป้านั่นต่างหากที่ผิด!” แล้วเด็กน้อยก็กระทืบเท้าอีกครั้งจนพี่อินนาต้องช้อนตัวอุ้มคุณหนูของเธอขึ้นมา

    “ทำไมละคะ?”

    “ก็ยัยป้านั่นไปค่ายกับพี่หนูคริส!! น้องหนูยอลก็อยากไปแต่คุณแด๊ดกับคุณมี๊ไม่ให้ไป น้องหนูยอลจะไปอาละวาดยัยป้านั่นให้กระเจิงไปเลย!!” โกรธมาก ขอบอกว่าโกรธมาก ตอนนี้น้องหนูยอลองค์ลงแล้วจ้า~

    “ไม่ดีนะคะ สวยๆอย่างเราต้องไปแบบเริ่ดๆนะคะ ต้องเป็นนางเอกนะคะ” นั่นไงแม่พี่เลี้ยงจอมเสี้ยม มิน่าเด็กน้อยถึงดูแก่นเซี้ยวเหลือเกิน เด็กน้อยยกนิ้วขึ้นจิ้มแก้มก่อนจะอีกหัวไปอีกด้านแล้วยิ้มกว้าง

    “นั่นสิเนอะ นี่ๆพี่อินนาไปทำขนมให้พี่หนูคริสดีกว่า ไปกันๆ”

    แล้วเมนูขนมวันนี้ก็คือคัพเค้กที่แสนจะน่ารักและแน่นอนว่าต้องอร่อยมาก! ที่จะทำให้พี่หนูคริสไม่ใช่อะไรหรอกก็แค่ข้ออ้างเท่านั้นล่ะ เหตุผลจริงๆก็คือ ...น้องหนูยอลอยากกินคัพเค้กฮะ... ชัดไหมจ๊ะ? โอเค เมื่อชัดแจ้งแล้วคุณพี่เลี้ยงก็จัดการทำคัพเค้กทันทีโดยที่มีคุณหนูตัวเล็กยืนอยู่บนเกาอี้เท้าแขนกับเคาน์เตอร์ครัวแล้วยืนมองคุณพี่เลี้ยงทำเนื้อเค้ก

    เนื้อครีมหลายสีอยู่ในที่บีบครีมขนาดเล็กสำหรับคุณหนู และแน่นอนว่าคนที่รับหน้าที่ตกแต่งคัพเค้กแสนอร่อยน่ะก็คือคุณหนูตัวเล็ก หนูยอลค่อยๆบีบครีมวนๆรอบหน้าเค้กก่อนที่จะจุดปลายทำเป็นยอดแหลมๆ มีทั้งเนื้อครีมสีฟ้า สีชมพู สีเหลืองและสีส้ม เมื่อบีบครีมได้ครบทุกชิ้นแล้ว ต่อไปก็คือของตกแต่ง มีทั้งช็อคโกแลต เม็ดน้ำตาลกลม เกร็ดน้ำตาลรูปต่างๆ เรนโบว์ไรซ์ เม็ดแฟล๊ตไหนจะข้าวพองเคลือบอีก เรียกว่าอุดมสมบูรณ์ที่สุดล่ะจ๊ะ

    หลังจากที่ตกแต่งอย่างสนุกสนานน้องหนูยอลก็สั่งให้คุณพี่เลี้ยงเก็บใส่กล่องและกำชับว่าห้ามเละเด็ดขาดก่อนที่ตัวเองจะเดินห้องนอนไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าและเก็บเสื้อผ้าที่ต้องใช้ แน่นอนว่าวันนี้รน้องหนูยอลต้องได้ไปอาละวาดแน่ๆ

    “แง๊!!! คุณมี้ใจร้าย!!!!” เด็กน้อยได้ฤกษ์ร้องไห้เสียโฮใหญ่ เสียงร้องก็ดังไปไกลสามบ้าน แปดบ้านอีกแล้วจนคุณป้าข้างบ้านต้องรีบเข้ามาดู

    “น้องหนูยอลจะไปหาพี่คริส ไม่งั้นน้องหนูยอลจะ... จะโกรธแล้วแอบหนีไปหาพี่หนูคริสคนเดียว!!” แล้วเจ้าตัวเล็กก็วิ่งออกไปจริงๆ ทีนี้ล่ะงานสนุกของพวกเด็กรับใช้ล่ะ ต้องคอยวิ่งไล่จับไม่ให้คุณหนูได้ออกนอกรั้วบ้าน

    “ปล่อยน้องหนูยอล!!! น้องหนูยอลจะไปหาพี่คริส!!” เด็กน้อยดิ้นขลุกขลักในอ้อมแขนของคุณพี่เลี้ยงที่วิ่งไล่จับตัวขึ้นมาได้

    “โอเคค่ะๆๆๆๆ น้องหนูยอลฟังคุณมี้นะคะ” มารดาเดินเข้ามาพร้อมกับอาการหัวหูยุ่งเหยิงไปหมดก็ลงไปวิ่งไล่จับเด็กตัวเล็กนั่นล่ะ น้องหนูยอลนิ่งแล้วมองหน้าคุณมี้ด้วยใบหน้าแดงกร่ำ ปากยังคงแบะออก “ไปล้างหน้าล้างตาแล้วมานั่งรอนะคะ คุณมี้จะโทรไปหาคุณลุงขับรถให้มารับนะคะ”

    “เย้!!!!~” คือถ้ารู้ว่าใช้ไม้นี้ได้ผล ทำไปตั้งแต่เช้าแล้วล่ะ นี่ต้องให้น้องหนูยอลเหนื่อยอีกจนได้

    น้องหนูยอลที่ไปล้างหน้าล้างตาและให้คุณพี่เลี้ยงผูกผมให้ใหม่พอเรียบร้อยก็มานั่งรอที่โซฟาพร้อมกับกล่องคัพเค้ก สองขาเล็กตีไปมาอย่างอารมณ์ดี เด็กตัวน้อยฮัมเพลงอนุบาลที่ชอบก่อนที่โคลงหัวไปมาตามจังหวะ และเมื่อรถคันโตที่คุ้นตาเลี้ยวเข้ามาจอดหน้าประตูบ้านน้องหนูยอลก็กระโดดลงจากโซฟาแล้ววิ่งออกประตูใหญ่ไปทันที โดยที่พี่เลี้ยงถือกล่องเค้กและกระเป๋าเสื้อผ้าใบเล็กตามหลังไป

    “แล้วจะไปที่ไหนครับคุณหนู” น้องยอลทำตาโตเหมือนเพิ่งนึกได้ว่าตนนั้นไม่รู้ว่าพี่หนูคริสไปที่ไหน เด็กน้อยยกสองนิ้วจิ้มเข้าที่ข้างขมับ ทำปากบู้ก่อนที่จะนึกออกแล้ววิ่งไปยังบ้านข้างๆทันที

    “คุณป้าคนสวย พี่หนูคริสไปเข่าค่ายที่ไหนฮะ!!” นางยิ้มตอบแล้วยื่นแผ่นกระดาษที่เขียนที่อยู่มาให้ น้องหนูยอลรับมาแล้วก็ก้มหัวขอบคุณงามๆไปเสียหนึ่งทีก่อนที่จะวิ่งกลับไปยื่นกระดาษแผ่นนั้นให้ลุงคนขับรถ

    “เชิญครับ” เมื่อเรียบร้อยแล้วน้องหนูยอลก็นั่งอยู่บนเบาะหลังของรถโดยที่ข้างๆนั้นมีกล่องเค้กและกระเป๋าสะพายสีชมพูลายคิตตี้อยู่ข้างๆ

    “ถ้าส่งน้องหนูยอลเสร็จแล้วคุณลุงก็กลับเลยนะฮะ น้องหนูยอลจะกลับกับพี่หนูคริส” คุณลุงเพียงแค่ยิ้มแล้วมองคุณหนูที่อารมณ์ดีผ่านกระจกส่องหลัง รอยยิ้มแสนสดใสของนางฟ้าตัวน้อยๆน่ะ มักจะทำให้โลกนี้สว่างสดใสเสมอ ถ้าเทียบกับเสียงร้องไห้เมื่อเช้าแล้วขอกระผมเห็นรอยยิ้มของคุณหนูตลอดไปจะดีกว่า

    “คุณลุงฮะ น้องหนูยอลขอยืมโทรศัพท์หน่อยสิฮะ” เมื่อได้เครื่องมือสื่อสารมาแล้วเจ้าตัวก็กดหมายเลขที่จำได้ขึ้นใจ

    ...ฮัลโหลครับ...

    “พี่หนูคริส นี่น้องหนูยอลนะฮะ” เมื่อได้ยินเสียงทุ้มของฝ่ายตรงข้ามเจ้าตัวก็ยิ้มกว้างทันที

    ...เอาเบอร์ใครโทรมาน่ะ...

    “เบอร์คุณป้าแม่บ้านฮะ” เด็กน้อยเอาสองนิ้วไขว้กันไว้ “พี่หนูคริสทำอะไรอยู่ฮะ”

    ...นั่งพักเหนื่อยครับ แล้วนี่เราทำอะไรอยู่ครับ...

    “เมื่อกี้น้องหนูยอลทำคัพเค้กล่ะ อร่อยมากนะแล้วก็สีสวยด้วย~ น้องหนูยอลอยากให้พี่หนูคริสได้กินเร็วๆจังเลย~~” ดวงตากลมหันไปกล่องเค้กที่ยังนอนนิ่งอยู่ข้างกายแล้วก็ยิ้มกว้าง แก้มกลมสีแดงเรื่อดันดวงตากลมโตให้เป็นเสี้ยงดวงจันทร์

    ...ถ้ากลับไปสัญญาครับว่าจะไปนั่งกินคัพเค้กด้วยกัน... แค่นี้หนูยอลก็ยิ้มได้แล้วล่ะ

    “ฮะ พี่หนูคริสฮะคิดถึงนะฮะ รักมากๆด้วย” ปลายจะยิ้มไหมไม่รู้ แต่ที่แน่ๆคนพูดน่ะเขินจนแก้มไหม้ไปแล้วจ๊ะ

    ...คิดถึงเหมือนกันครับ...

    “จุ๊บ! บ๊ายบายฮะพี่หนูคริสของน้องหนูยอล” พอได้ยินคำว่าคิดถึงน้องยอลก็ฝากจุ๊บไปตามสายก่อนที่จะกดปิดสายแล้วก็นั่งยิ้มกว้างๆอยู่เบาะหลัง คุณลุงคนขับรถก็แอบอมยิ้มไปด้วย

    คริสกดวางสายแล้วเสียบมือถือเข้าที่กระเป๋ากางเกงก่อนที่จะหันกลับมาทำงานต่อไม่สนใจสายตาล้อเลียนจากเพื่อนทั้งสอง ดวงตาคมดุตวัดขึ้นมองแต่ทั้งคู่ก็หาได้กลัวไม่ ก็แค่สายตาดุแบบนั้นเดี๋ยวพอเจอดวงตากลมๆของเด็กน้อยเข้าน้อยก็หงอแล้วไอ้เสือเอ๋ย!~

    “หวานจังนะมึง นี่ถ้าน้องหนูยอลโตกว่านี้กูคงคิดว่ามึงกับน้องเขาเป็นแฟนกัน” จงแดพูดไปกูส่งยิ้มล้อเลียนไป เซฮุนละมือจกาการตอกหลังคาแล้วก็ขึ้นมาส่งเสียงอื้ออาเห็นด้วย

    “ก็ไม่เคยว่าจะต้องโตก็เป็นได้นิ” คริสก็เอ่ยบอกออกไปอย่างไม่ทันได้คิดหยุดชะงักมือที่กำลังทำงานของจงแดและเซฮุนได้ชะงัก

    “หอกหัก!! นี่มึงแดกเด็กจริงๆหรอวะ ไอ้ห่านคุกนะเว๊ย!!!” เซฮุนโวยวายออกมาคนแรกและตามด้วยจงแด

    “มึงเด็กมันยังเด็กนะเว๊ย หรือมึงจะโลลิค่อนแบบที่ไอ้ฮุนมันว่าจริงๆวะ” จงแดปล่อยค้อนแล้วยกสองมือขึ้นทาบอก ธ่อ เพื่อนกู~ คริสวางมือบ้างแล้วตวัดสายตาขึ้นมองเพื่อนรักทั้งสอง

    “คงงั้นมั้ง” แล้วถ้าจงแดกับเซฮุนอยู่บนพื้นนะนี่จะล้มกองกับพื้นจริงๆด้วยแต่พอดีอยู่สูงไงไม่กล้ากลิ้งกลัวตกหลังคาคอหักตาย

    “คริสคะลงมากินน้ำแข็งไสเถอะค่ะ” เสียงราอิมดังขึ้นพร้อมกับถ้วยน้ำแข็งไสถ้วยใหญ่ในมือ ทั้งสามมองหน้ากันก่อนที่จะพยักหน้าเห็นพ้องต้องกันว่า พักสักหน่อยดีกว่าร้อนชิบหาย คริสใช้ผ้าขนหนูที่คล้องคอเช็ดเหงื่อก่อนที่ทั้งสามจะค่อยๆพากันจากหลังคา ซิ่วหมินกับลู่หานก็ถือถาดใส่น้ำแข็งใสมาเหมือนกัน

    “คริสคะ น้ำแข็งไสค่ะ” เมื่อลงถึงพื้นสาวเจ้าก็ถลาเข้ามาหาพร้อมกับน้ำแข็งไสถ้วยใหญ่

    “อ่า.. ขอบคุณครับแต่ไม่เป็นไรราอิมทานเถอะเดี๋ยวผมกินกับพวกเพื่อนๆก็ได้” คริสเอ่ยขอบคุณด้วยรอยยิ้ม

    “ราอิมจะทานกับคริสค่ะ เนี่ยราอิมตั้งใจตัดมาให้คริสเลยนะคะ” หล่อนยกชามน้ำแข็งใสขึ้นแล้วยิ้มกว้างๆ ใบหน้าสวยเอียงคอมองชายหนุ่ม คริสหันมองเพื่อนๆเพื่อให้ช่วยหน่อยแต่ก็ไม่มีใครจะช่วยได้เลยนอกเสียจากเสียงใสนี้

    “พี่หนูคริส!!!!~”

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×