ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fic Kris x Chanyeol (KrisYeol) - The Time of Love [END]

    ลำดับตอนที่ #4 : Episode 1 : One moment in time – 4 [END]

    • อัปเดตล่าสุด 19 ต.ค. 55


    มาแล้วววววววววววววว วันนี้ป่วยๆ อาจจะไม่ค่อยสนุกเท่าไหร่นะ T_______T

    ห้ามด่านะ ;A; ไม่งั้นจะร้องไห้จริงๆด้วย

    ___________________________________


     
       “จับตาดูไอ้คนทรยศนั่นไว้ให้ดี อย่าให้หนีไปได้ข้าคิดว่ามันจักต้องหาวิธีหนีอย่างแน่นอน” อู๋เฉินฟางเอ่ยคำสั่งกับเหล่าทหารทุกนาย

       “ขอรับ!!” ตอบรับเสียงแข็งก่อนที่จะแยกย้ายกันไปปฏิบัติหน้าที่

       “ข้าจักทำผิดแผนเสียไม่ได้ อีกไม่กี่เพลาเหล่าทหารกองหนุนจักมาที่เมืองนี้แล้ว” เฉินฟางทุบมือลงกับโต๊ะอย่างแรงก่อนจะมองตรงไปยังด้านหน้า หัวหน้ากรมปกครองยกถ้วยชาขึ้นจิบก่อนจะหัวเราะร่า

       “ไม่มีทางที่ท่านจักทำผิดแผนแน่นอน เชื่อข้าเถิด เราขังบุตรชายของท่านไว้ซ้ำข้ายังสั่งให้ทหารไปเฝ้าอยู่หน้าบ้านเจ้าเด็กหนุ่มนั่นแล้ว กระนั้นแล้วท่านก็จงโปรดวางใจว่าเจ้าเด็กหนุ่มนั่นจักมิสามารถมาช่วยคุณชายอี้ฟานได้อย่างแน่นอน”

       “ฮ่าๆๆๆ ท่านนี่พูดถูกใจข้าเสียจริง” ทั้งสองยกจอกเหล้าขึ้นดื่มจนหมดและหัวหน้ากรมก็รินเหล้าให้เฉินฟาง

       “ท่านเฉินฟาง ข้าขอถามอะไรท่านสักอย่างได้หรือไม่” เมื่อได้รับการพยักหน้าตอบรับท่านหัวหน้ากรมก็เอ่ยถามคำถามที่ค้างคราอยู่ในใจมาแสนนาน

       “ทำไมท่านถึงอาสามายังเมืองนี้ ด้วยเพราะเหตุใดกัน?” เฉินฟางวางจอกเหล้าลงก่อนจะยกขวดเหล้ารินใส่มันจนเกือบเต็มจอกแล้วยกขึ้นดื่มจนหมดในครั้งเดียว

       “หึหึ ด้วยเพราะเหตุใดน่ะหรือ .... ข้าต้องการขึ้นเป็นขุนนางคนสนิทขององค์จักรพรรดิอย่างไงล่ะ และท่านก็จะได้ขึ้นแทนตำแหน่งของข้า ฮ่าๆๆ มันไม่ดีหรือ?”

       “จะว่าดีมันก็ดี แต่ข้า.... ท่านไม่สงสารอี้ฟานหรือ?  ดูท่าว่าเขาจะรักเด็กหนุ่มคนนั้นมากเสียด้วย” เฉินฟางกระแทกจอกเหล้าลงบนโต๊ะ ดวงตาเฉี่ยวที่ฉายแววขบขันบัดนี้กำลังไม่พอใจยิ่งนัก

       “สงสารหรือ? ความรักหรือ? หึ... ในเมื่อมันไม่คู่ควรกันต่อให้ตายข้าก็ไม่ยอม ถ้าข้าได้ขึ้นเป็นขุนนางคนสนิทเมื่อไหร่อี้ฟานจะเข้าใจเอง เมื่อนั้นทั้งเงินทอง ยศตำแหน่งหรือจะหญิงสาวที่คู่ควรเขาก็จักหาได้ดาษดื่น”
       “แต่...”

       “ไม่มีแต่ ข้าว่าท่านกลับไปพักผ่อนเสียเถอะ” เมื่อในห้องไม่เหลือใครแล้ว เฉินฟางก็เขวี้ยงจอกเหล้าอออกไปให้ไกลตัว ก่อนจะทุบโต๊ะเสียงดังอีกครั้งเพื่อระบายอารมณ์โกรธานี้

       “รักหรือ? หึหึ” ข้าจักทำลายทุกอย่างที่ขว้างทางเดินของข้า ไม่ว่ามันจะเป็นใครหน้าไหนก็ตาม!!!

       ชานยอลที่รออยู่ที่บ้านก็กระวนกระวายใจ เดินวนไปเวียนมาอยู่ในห้อง จะไปหาก็กลัวว่าจะสื่อสารกันไม่รู้เรื่อง อยากที่จะไปพาตัวคุณชายกลับมาแต่ทว่าจะให้ทำการณ์สิ่งใดเด็กหนุ่มก็คิดไม่ออก ได้แต่เดินวนไปเวียนมาอยู่อย่างนั้น คืนนี้เป็นคืนเดือนหงายค่ำคืนจึงสว่างเป็นพิเศษ

       บานประตูห้องถูกเปิดออกพร้อมกับท่านน้าขายเครื่องเขียนที่เดินเข้ามาอย่างระแวดระวัง เด็กหนุ่มถลาเข้าไปหาและถามไถ่ถึงคุณชาย พอได้ฟังเรื่องคร่าวๆหัวใจของเด็กหนุ่มก็ถูกบีบรัดเสียแน่นและเจ็บไปเสียทั้งอก

       “เจ้าไม่ต้องกังวลไป อีกไม่กี่เพลาเมื่อทุกอย่างพร้อมข้าจักพาเจ้ากับคุณชายหนีไปเอง เจ้าเก็บข้าวของเรียบร้อยหรือยัง”
       “ข้าเก็บเรียบร้อยแล้ว ทั้งของข้าแล้วก็ของคุณชาย” ท่านน้าวาดรอยยิ้มเมื่อเห็นเด็กหนุ่มก้มหน้าหลบ
       “ดีแล้ว เตรียมตัวให้พร้อมอีกไม่นานข้าจะกลับมารับเจ้า”

       ท่านน้าขายเครื่องเขียนกลับไปนานแล้วแต่ชานยอลยังคงนั่งครุ่นคิดกับหลายๆสิ่ง แม้นว่าความรู้สึกของเราจะเหมือนกันแต่เรื่องที่เรากำลังจะกระทำลงไปนั้นมันถูกหรือไม่ การที่เราจะหันหลังให้กับคนทั้งโลกและความถูกต้องนั้น เราทำถูกหรือไม่ การรักเพศเดียวกัน มันคือเรื่องถูกหรือผิด แม้ว่าเราจะรักกันแต่ มันถูกหรือที่คนทั้งโลกจะผลักเราลงเหว

       “ข้าควรจะทำอย่างไรดี” ถ้าเชื่อหัวใจของตัวเองแต่เราก็กำลังก้าวลงปากเหวไปด้วยกัน ... ข้าควรทำเช่นนั้นหรือ?

       สามวันแล้วที่คุณชายอี้ฟานอยู่ในห้องเก็บของด้านหลังแม้ว่าจะมีคนคอยมาส่งข้าวส่งน้ำให้ก็ตามแต่คุณชายก็แตะมันเพียงนิด ชายหนุ่มนั่งพิงกองฟางพร้อมกับครุ่นคิดหาวิธีที่จะออกไปจากที่นี้และกลับไปหานกน้อยทีป่านนี้ก็คงจะนอนร้องไห้เช่นเคย เมื่อความคิดแล่นไปหาเด็กหนุ่มคนนี้ทีไร มุมปากของอี้ฟานก็ต้องยกยิ้มอย่างถูกใจเสียทุกที ข้ารักเจ้าขนาดไหนเจ้ารู้หรือไม่นะ เจ้านกน้อย

       อยู่ๆบานประตูห้องเก็บของก็ถูกเปิดออกพร้อมกับเหล่าทหารที่มาคุมตัวคุณชายไปยังห้องของบิดา จะยังไม่เข้าใจสถานการณ์แต่อี้ฟานก็เดินตามไปอย่างว่าง่าย เมื่ออี้ฟานและเฉินฟางกำลังนั่งประชันหน้ากัน บิดาเพียงแค่ยกจอกเหล้าขึ้นดื่มเงียบๆโดยที่ไม่เริ่มบทสนทนาก่อน

       “ท่านพ่อเรียกหาตัวข้ามีเรื่องอันใดกัน” เฉินฟางยกยิ้มขึ้นก่อนจะวางจอกเหล้าลง

       “ข้าก็แค่จะถามเจ้าว่าคิดได้หรือยัง?”

       “คิดถึงสิ่งใดกัน? ท่านอยากพูดอะไรก็พูดมาเลยเถิด” เฉินฟางหัวเราะร่าเสียดัง

       “นี่สิสมกับเป็นลูกของข้า สงบและเยือกเย็น หึหึ ข้าเพียงแต่จะเรียกเจ้ามาเพื่อให้เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการเดินทางกลับจีน เมื่อรุ่งสางของวันรุ่งขึ้นมาถึงเรือเทียบท่าข้าจักส่งเจ้าไปยังท่าเรือ”

       “ข้าไม่กลับ ถ้าข้าจะกลับข้าจะพาเจ้านกน้อยไปด้วย!” เมื่อเฉินฟางได้ยินถ้อยประโยคนั้นก็หัวเราะเสียงดังพร้อมกับลุกขึ้นเดินไปอีกฟากของห้อง

       “เจ้าจักพากลับไปด้วยฐานะใด พาไปแล้วจักใช้ชีวิตคู่ร่วมกันหรือ หึหึ”

       “ถ้ากลับไปข้าจะเข้าไปอยู่ในป่าทางตอนเหนือ อยู่ในหมู่บ้านเล็กๆ จะใช้ชีวิตร่วมกันและจะไม่เข้ามายุ่งวุ่นวายกับเมืองหลวงอีกเลย”

       “ฮ่าๆ เจ้านี่ช่างฝันนะอี้ฟาน เจ้าคิดว่าถ้าเข้าเมืองไปองค์จักรพรรดิจะปล่อยเจ้าหรือ อย่าโง่ไปหน่อยเลย ... พรุ่งนี้ยามรุ่งสางเจ้าต้องกลับเมืองจีนไปเพียงคนเดียวไปอยู่รอเจ้านกน้อยของเจ้าที่เมืองของเราก็แล้วกัน แต่ข้าไม่รับปากว่าเจ้าเด็กคนนั้นจะเข้าเมืองของเราด้วยฐานไหน .. น่าสนุกดีใช่ไหมล่ะ? ไปพักผ่อนเสียเถอะเจ้ายังต้องเดินทางอีกไกล” อี้ฟานลุกขึ้นแล้วเดินออกจากห้องไม่ต่อปากต่อคำและไม่สนกับคำพูดต่างๆของบิดาตนแม้สักนิด ตอนนี้ความคิดในหัวของอี้ฟานที่กำลังหมุนวนอยู่นี่คือ ต้องหาทางออกจากจวนหลังนี้ให้จงได้!!

       เมื่อกลับเข้ามายังห้องเก็บของที่เดิมเสียงนกร้องจังหวะที่คุ้นเคยก็ดังขึ้น อี้ฟานเดินอ้อมกองฟางไปยังหน้าต่างบานเล็กที่ได้แค่เพียงมองลอดออกไปแค่นั้น คนขายเครื่องเขียนเอ่ยบอกถึงการเตรียมการณ์ว่าเรียบร้อยดีแล้วทุกอย่าง ทั้งกำลังคนและเรือ อี้ฟานพยักหน้ารับรู้แต่สีหน้าของคุณชายดูไม่สุขเสียเท่าใดนัก

       “พรุ่งนี้ยามรุ่งสางท่านพ่อจะส่งข้าขึ้นเรื่อเพื่อกลับเมืองจีน” คำบอกกล่าวของคุณชายสร้างความตกใจให้แก่คนขายเครื่องเขียนอย่างมาก

       “ข้าจักไปเตรียมกำลังพลให้พร้อม เมื่อถึงวันรุ่งข้าจักเข้าชิงตัวคุณชายไปยังท่าเรืออีกด้าน”

       “แล้วนกน้อยของข้าล่ะ?”

       “ปลอดภัยดีขอรับ ข้าได้เตรียมการไว้เรียบร้อยแล้วท่านจะต้องเจอนางในวันรุ่งแน่นอน” เมื่อได้ยินเช่นนั้นชายหนุ่มก็สบายใจ

       “ไปจัดการให้เรียบร้อย”

       “ขอรับ” แล้วชายด้านนอกก็เดินจากไป อี้ฟานเดินอ้อมกลับมายังกองฟางที่ตนวางทันกันไว้เพื่อใช้หนุนนอน สองมือรองที่ใต้หัว ดวงตาเรียวมองขึ้นไปยังด้านบนเพื่อนึกถึงใครบางคน กลิ่นกายหอมกรุ่น ผิวเนื้อลื่นมือ นัยน์ตากลมโตที่มองมาพร้อมกับกลีบปากอิ่มสีหวานที่คอยแต่ส่งรอยยิ้มมาให้เพียงเท่านี้หัวใจของคนคิดถึงก็เต้นไม่เป็นจังหวะเสียแล้ว

       “ข้าจักได้เจอเจ้าแล้วนะนกน้อยของข้า เจ้าจะคิดถึงข้าบ้างหรือไม่นะ”

       บานประตูเปิดออกไม่เบานัก คุณชายที่นอนอยู่บนกองฟางลืมตาขึ้นมองก่อนจะก้าวลงจากเตียงฟางออกไปพร้อมกับเหล่าทหาร ยามนี้ท้องฟ้ายังไม่เปิดจึงยังคงมืดอยู่ เหล่าทหารใช้คบไฟเพื่อส่องแสงสว่างแทนดวงอาทิตย์ อี้ฟานเดินตามเหล่าทหารไปขึ้นเกวียนที่จะพาไปส่งยังท่าเรือ ใบหน้าหล่อคมหันมองบิดาที่ยืนมองอยู่ไกลๆเพียงครู่ก่อนจะก้าวขึ้นเกวียนไปนั่งอยู่ด้านใน เมื่อปิดผ้าที่ใช้ต่างบานประตูอี้ฟานก็หลับตาลง เมื่อม้าออกเดินเหล่าทหารที่คอยปกป้องอยู่รอบเกวียนก็ออกเดินตามกันมา

       รอบข้างช่างเงียบสงบยิ่งนัก เงียบเสียจนได้ยินเสียงของสัตว์กลางคืนที่ยังไม่กลับรัง เงียบเสียจนยังได้ยินเสียงหายใจของตัวเอง และเสียงฝีเท้าที่เคลื่อนไหวเร็วๆไม่สอดคล้องกับจังหวะก้าวเดินของทหารรอบเกวียนนี้ อี้ฟานลืมตาขึ้นก่อนจะยกยิ้ม ‘จะเริ่มแล้วสินะ’

       กองโจรที่แอบสุ่มอยู่ตามไหล่ทางจับจ้องไปยังกองทหารที่ล้อมรถเวียนเดินเข้ามา เมื่อได้จังหวะหัวหน้ากองก็ยกมือขึ้นทำสัญญาณให้เข้าโจมตี กลุ่มกองโจรออกวิ่งเข้าใส่กองทหารนั้นทันที อาชาที่ทำหน้าที่ลากเกวียนหยุดแล้วพยศทันทีแต่กองโจรก็เข้าควบคุมม้าและคนอื่นก็เข้าต่อสู้กับเหล่าทหาร เสียงการฟาดดาบและเสียงตะโกนโวยวายดังขึ้น ผ้าบางๆถูกเปิดออกพร้อมกับใครบางคนที่แค่มองหน้าก็รับรู้ว่าใคร

       อี้ฟานหนีออกจากเกวียนแล้ววิ่งหนีเข้าป่าไปพร้อมกับโจรผู้นั้น ชายในชุดดำวิ่งนำซึ่งอี้ฟานก็วิ่งตามแต่ด้วยชุดที่ค่อนข้างจะลุ่มล่ามไปสักหน่อยจึงทำให้คุณชานวิ่งได้ช้าลงแต่ก็ยังวิ่งตามหลังชายชุดดำได้ทัน ทหารนายหนึ่งวิ่งตามหลังมาพร้อมกับตะโกนเรียกให้คุณชายหยุด

       "คุณชายท่านอย่าหนีอีกเลย” อี้ฟานและชายชุดดำหันกลับมาเผชิญหน้ากับคนที่วิ่งตามหลังมา

       “ข้าได้รับคำสั่งว่าถ้าท่านคิดหนีให้ตัดคอท่านเสีย” ปลายดาบยาวชี้มาทางคุณชายที่ยืนอยู่ด้านหลังชายชุดดำที่ยืนกางแขนปกป้องชายหนุ่ม

       “ท่านพ่อข้าสั่งใช่หรือไม่” อี้ฟานลดมือของชายชุดดำลงก่อนจะก้าวออกมาเผชิญหน้ากับทหารที่ยืนจ่อดาบมาทางตน

       “ขอรับ ถ้าเช่นนั้นคุณชายยอมกลับไปขึ้นเรือกับข้าเถิด” อี้ฟานหัวเราะก่อนจะมองจ้องทหารนายนั้น

       “ข้าไม่กลับ เจ้าจะกลับไปบอกท่านพ่อว่าข้าหนีไปหรือเจ้าจะประลองดาบกับข้าตรงนี้?” เมื่อนายทหารไม่ตอบอี้ฟานก็เลือกคำตอบให้ ชายหนุ่มรับดาบจากชายชุดดำก่อนจะเริ่มประดาบกับนายทหารตรงหน้า

       ทั้งสองต่างพุ่งดาบเข้าหากัน อี้ฟานหมุนตัวหลบเมื่อปลายดาบเฉียดผ่านอกไปโดนแขนเสื้อก่อนจะตวัดดาบเข้าใส่ตัวอีกคนแต่นายทหารก็หลบไปได้ ดาบของทั้งสองฟาดใส่กันจนเกิดเสียงดังและก็เป็นคุณชายผู้ที่มีทักษะในด้านการต่อสู้ที่เหนือกว่าดันดาบออกแล้วใช้เท้าถีบเข้าที่กลางลำตัว นายทหารล้มลงอี้ฟานไม่หมายจะเข้าไปปลิดชีพนายทหารคนนั้นจึงเดินกลับมาเพื่อที่จะไปยังจุดหมายของตน

       เมื่ออี้ฟานหันหลังกลับนายทหารคนนั้นก็ลุกขึ้นหมายจะเอาชีวิตของคุณชาย แต่อี้ฟานไวกว่าหมุนตัวกลับแล้วใช้ปลายดาบปาดเข้าที่เส้นเลือดใหญ่ที่ลำคอ หยาดเลือดสีแดงพุ่งตามรอยแผลที่ลำคอจนสาดกระเซ็นเปื้อนใบหน้าของคุณชาย อี้ฟานเพียงแค่ยกปลายแขนเสื้อเช็ดหยดเลือดที่ข้างแก้มออกแล้วยื่นดาบให้โจรชุดดำ

       “ข้าหวังว่าคงไม่มีผู้ใดจักตามเรามาอีกนะ”
       "ขอรับ” โจรชุดดำรับดาบคืนแล้วทั้งสองก็ออกเดินไปยังจุดหมายพร้อมๆกับที่แสงสว่างจากดวงอาทิตย์ที่ค่อยๆโผล่ขึ้นบนขอบฟ้า อี้ฟานเงยหน้าขึ้นมองวันใหม่ที่กำลังเริ่มต้นขึ้นด้วยรอยยิ้ม อีกไม่นานเราก็จักได้เจอกันแล้ว นกน้อยของข้า

       ยามหัวค่ำก่อนที่จะถึงเวลารุ่งสางหญิงสาวสวยนางหนึ่งมาหาชานยอลที่บ้าน แม้จะสงสัยแต่ก็ต้อนรับเป็นอย่างดี คืนนี้นางจะพักที่บ้านหลังนี้และจะนอนที่ห้องของชานยอลแม้ว่ามารดาจะไม่ยอมแต่เมื่อบอกถึงเหตุผลนางก็ยอมแต่โดยดี ก่อนที่จะเข้าห้องนอนของตัวเอง เด็กหนุ่มได้เข้าไปหามารดาในห้องนอนก่อนเพราะคืนนี้จะเป็นคืนสุดท้ายที่เด็กหนุ่มจะได้อยู่เมืองนี้และบ้านหลังนี้

       “เจ้ากลับไปนอนในห้องของเจ้าเถิด เจ้าต้องเดินทางอีกไกลนะชานยอล” นางลูบแผ่นหลังของบุตรรักที่กอดตนไม่ยอมปล่อย
       “ข้าไม่อยากจากท่านแม่ไป” นางหัวเราะก่อนจะตีหลังของบุตรชาย

       “ใครว่าเจ้าจากข้าไป หัวใจของเจ้าอยู่กับข้าเสมอและข้าก็อยู่กับเจ้าเสมอ ชานยอลลูกรักเจ้าจงใช้ชีวิตและอยู่อย่างที่เจ้าอยากอยู่และจงมีความสุขกับมันเถิด” ชานยอลกอดมารดาของตนให้แน่นก่อนจะผละออก

       “ถ้าข้าไม่อยู่ท่านต้องดูแลตัวเองดีๆนะท่านแม่ แล้วก็ชินนาด้วย” นางลูบกลุ่มผมของลูกรักอย่างรักใคร่

       “เจ้าก็เหมือนกัน ต่อจากนี้เจ้าต้องใช้ชีวิตร่วมกับคุณชายแล้วอย่าทำให้ตัวให้คุณชายเขารำคาญเจ้าเสียล่ะ ดูแลคุณชายและตัวเจ้าดีๆนะชานยอล”

       “ขอรับท่านแม่” นางใช้สองมือแนบที่แก้มของบุตรชายแล้วมองให้เต็มตาก่อนจะหอมแก้มของลูกรักให้เต็มปอด

       “เจ้าน่ะโชคดีนะรู้ไหม ต่อจากนี้ดูแลตัวเองดีๆนะ ดูแลคุณชายอี้ฟานดีๆด้วยแม้เชื่อว่าคุณชายเป็นคู่แท้ของลูก ... ไม่เอา ไม่ร้องไห้ไปนอนเถิด ท่านหญิงรอเจ้าอยู่” ชานยอลลุกขึ้นทำความเคารพมารดาตามประเพณีของเมืองนี้ ก่อนจะเดินออกจากห้องนอนของมารดาไป

       “ท่านพี่ ปกป้องลูกของเราด้วยนะ” นางมั่นใจว่าสามีของนาง ซึ่งเป็นบิดาของเด็กหนุ่มจะปกป้องและคุ้มครองบุตรรักเสมอ

       เมื่อชานยอลกลับเข้ามาในห้องหญิงสาวที่นั่งรออยู่แล้วก็ส่งรอยยิ้มพร้อมกับจัดแจงแกะห่อผ้าที่ถือมาด้วยออก ชุดฮันบกที่เป็นของสตรีเพศถูกส่งให้เด็กหนุ่ม ในสมัยก่อนผ้าที่นำมาใช้ทำชุดฮันบกนั้นไม่ได้มีสีสรรมากมายเหมือนดั่งในสมัยนี้ ชุดก็เป็นแค่เพียงสีหม่นๆเท่านั้น เด็กหนุ่มแต่งตามที่นางบอกก่อนจะนั่งลงให้นางรวบผมให้เหมือนกับหญิงสาวในเมืองนี้

       “ท่านหญิงข้ามีบางสิ่งที่อยากจะถามท่าน ท่านว่าข้ากำลังกระทำผิดหรือไม่” นางยังคงใช้หวีไม้ที่ประดับทุกสางเส้นผมสลวยต่อไม่หยุดมือ

       “แล้วเจ้ารักคุณชายอี้ฟานหรือไม่” ชานยอลไม่ยอมตอบเพียงแค่ก้มหน้าลงเท่านั้น

       “ข้ารู้สึกว่าราวกับตอนนี้ข้ากำลังกบฏต่อบ้านเกิดเมืองนอนของข้าอยู่” นางหยุดมือแล้ววางหวีอันเล็กลงแล้วขยับตัวมานั่งด้านหน้าของเด็กหนุ่ม นางจับมือของเด็กหนุ่มขึ้นมา

       “ถ้าอย่างนั้นข้าคงจักกบฏต่อบ้านเมืองนี้ด้วย แท้จริงข้าก็เป็นเด็กสาวในบ้านเมืองนี้แต่แล้วพ่อแม่ข้าก็มาสิ้นใจลง ข้าถึงได้เจอท่านน้าขายเครื่องเขียนเขาเลี้ยงดูข้ามาอย่างดี ข้าจึงตอบแทนบุญคุณของท่านน้า เจ้าว่าข้ากบฏหรือไม่ชานยอล”

       “แต่ข้า.....”

       “มันอยู่ที่ใจของเจ้าว่าเจ้าจักเชื่อมั่นในตัวเองแค่ไหน ไม่ต้องเชื่อข้าแต่ทำตามที่หัวใจเจ้าเรียกร้องเถิด” เด็กหนุ่มเพียงแค่พยักหน้ารับเท่านั้น จากนั้นนางจึงจัดการแต่งกายให้เด็กหนุ่มให้เรียบร้อย

       “ทำไมข้าต้องแต่งหญิงด้วยเล่าท่านหญิง” นางหัวเราะอย่างชอบใจก่อนจะเอ่ยบอกคำตอบให้

       “ก็เจ้าคล้ายสตรีและวิธีนี้ก็เป็นการอำพรางตัวที่ดีที่สุด .. เอ้า เสร็จแล้ว เจ้านี่สวยจริงๆนะ” นางมองชานยอลที่แต่งเป็นหญิงอยู่เบื้องหน้า ทั้งรูปร่าง หน้าตาและผิวพรรณก็ไม่ได้แตกต่างจากสตรีเพศเสียเท่าใดนัก

       “ท่านคิดว่า ..เอ่อ... คุณชาย..” แก้มนิ่มแดงเรื่อ หญิงสาวยกมือขึ้นปิดปากหัวเราะแผ่วเบา
       “คุณชายจะต้องชอบเจ้ามากแน่ๆ”

       คืนมืดค่อยๆลาลับไปและถูกแทนที่ด้วยแสงสว่างอ่อนที่โผล่ขึ้นแทนที่ช้าๆ เมื่อแสงสว่างสาดลงมายังพื้นดินนั่นคือสัญญาณบอกถึงการเดินทาง ชานยอลเดินออกมาจากบ้านหันมองห้องนอนของมารดาและน้องสาวตัวน้อยที่ยังคงหลับสนิทอีกครั้งก่อนจะเดินออกจากห้องไปโดยที่มีท่านหญิงคนนั้นเดินตามหลังออกมา เมื่อทั้งสองสาวเดินจากไปแล้วบานประตูห้องนอนของมารดาก็ถูกเปิดออกด้วยตัวของนางเอง บุตรชายคงจักไม่รู้ว่าทั้งคืนมารดาของตนไม่ได้หลับเลยแม้เพียงแต่น้อย นางได้แต่เพียงมองส่งและกลั้นน้ำตาไว้เพียงเท่านั้น..

       ทั้งสองมองรอบข้างอย่างแวดระวังก่อนที่จะก้าวเดินออกจากตัวบ้านไป นายทหารที่แอบสุ่มระวังอยู่ที่บ้านหลังนี้มาหลายวันแล้วก็มองเลยผ่านไปเพราะคิดว่าเป็นนางคนเมื่อวานกับหญิงสาวของบ้านหลังนี้ออกไปยังย่านตลาดดั่งเช่นทุกเช้า ทหารนายหนึ่งวิ่งกลับไปยังจวนพักของท่านขุนนางกรมการปกครองเพื่อบอกกล่าวถึงความเคลื่อนไหว เหล่าทหารก็ยังคงแอบสุ่มเฝ้าสังเกตการณ์ต่อไปจนกว่าที่เรือจากท่าเมืองนี้จะแล่นกลับไปยังเมืองจีน

       ตามทางเดินในป่าที่ลัดเลาะออกไปยังท่าเรือของพวกพ่อค้าจากต่างเมือง ทั้งสองเดินลัดเลาะเข้าไปยังอีกเส้นทางหนึ่งเพื่อหลีกเลี่ยงการสะกดรอยตาม ชานยอลจับกระโปรงที่ยาวกร่อมเท้าขึ้นสูงเพื่อให้ก้าวตามหญิงสาวที่เดินนำทางได้ทัน แสงสว่างจากดวงอาทิตย์ค่อยๆแผดแสงร้อนแรงยิ่งขึ้น เมื่อพ้นแนวป่าไปแล้วก็เป็นท่าเรือที่ตอนนี้ยังคงร้างผู้คนแต่กลับมีเรือสำเภาจีนลำเล็กจอดเทียบท่าไว้อยู่

       ชานยอลเดินออกไปยืนรอยังท่าเรือเพื่อรอชายหนุ่มที่กำลังจะมา เมื่อทำหน้าที่ส่งเด็กหนุ่มให้มาถึงอย่างปลอดภัยแล้วนั้น หญิงสาวก็ถอยหลบฉากเพื่อแอบสุ่มดูว่าจะมีผู้ใดตามมาอีกหรือไม่ เด็กหนุ่มยืนรอด้วยความกระวนกระวายใจเมื่อรออยู่นานแล้วแต่คุณชายอี้ฟานก็ยังไม่มาเสียที  สองมือบีบกันอย่างร้อนรนเมื่อตะวันเริ่มโผล่ขึ้นขอบฟ้าแทบจะเต็มดวงแล้วแต่ก็ยังไม่มีผู้ใดมาเลย

       พุ่มไม้ด้านหลังขยับไหวส่งเสียงดังจนเจ้านกน้อยสะดุ้งตกใจ หันมองซ้ายขวาอย่างหวาดระแวง เด็กหนุ่มในชุดชาวบ้านของสตรีมองซ้ายขวาก่อนจะวิ่งไปหยิบท่อนไม้เก่าๆขึ้นมา ถ้าอีกฝ่ายคือทหารที่คอยตามตนก็จะฟาดให้สุดแรงเกิดเลย เมื่อพุ่มไม้นั่นยิ่งขยับและส่งเสียน่ากลัวมากเท่าไหร่ หัวใจดวงน้อยของชานยอลก็ยิ่งกระตุกวาบ ไม่รู้ว่าท่านหญิงที่มาช่วยตนนั้นหายไปอยู่ที่ไหนแล้ว ตอนนี้มีเพียงแค่ชานยอลยืนอยู่คนเดียว พุ่มไม้ยิ่งสั่นไหวมากขึ้นเรื่อยและหัวใจของชานยอลก็แทบจะหยุดเต้น

       โจรในชุดดำวิ่งออกมาก่อนและชานยอลที่ขวัญเสียก็ก้าวถอยหลังไปอย่างหวาดกลัว แต่อีกคนที่วิ่งออกมาจากพุ่มไม้นั่นทำให้เด็กหนุ่มน้ำตาไหลริน ไม้ในมือถูกโยนออกไปให้ห่างตัว ชายหนุ่มวิ่งเข้ามารวบร่างเล็กเข้ามากอดเสียแนบอกด้วยความคิดถึง ชานยอลปล่อยสะอื้นโอกับอ้อมอกที่แสนคุ้นเคย ทั้งสองตระกองกอดกันและกันด้วยความคิดถึง

       “ทำไมเจ้าถึงเพิ่งมา ข้าเป็นห่วงเจ้ามากนะรู้ไหม!” สองมือทุบลงที่อกกว้างนั้นอย่างแรง อี้ฟานปาดเช็ดหยดน้ำตาก่อนจะรวบร่างเล็กที่สั่นสะท้านเข้ามากอดปลอบอีกครั้ง

       “ข้าขอโทษ ข้าไมได้ตั้งใจที่จะทำให้เจ้าร้องไห้ อย่าร้องเลยนะนกน้อยของข้า .. เห็นน้ำตาเจ้าทีไรใจของข้าเจ็บปวดเสียทุกที” ชานยอลปิดเปลือกตารับสัมผัสอุ่นที่แนบแก้มเพื่อซับน้ำตา ใบหน้าได้รูปที่ส่งรอยยิ้มมาให้นั่นเรียกสีเลือดจากพวงแก้มขาวได้ไม่ยาก

       “ยิ้มอยู่ได้ เจ้านี่ท่าจะบ้านะ” ชานยอลดึงแก้มของคนที่ยิ้มหน้าแป้นออกก่อนจะหัวเราะร่าเสียงดัง อี้ฟานเองก็ร้องโอดครวญ  นกน้อยของข้านี่ก็มือหนักใช่เล่นนะเนี่ย

       “แล้วเราจักไปที่ไหนกัน” ชานยอลมองใบหน้าของอี้ฟานแล้วเลยไปยังชายชุดดำที่บัดนี้ปลดผ้าคลุมหน้าออกแล้ว เคียงข้างกันคือท่านหญิงที่พาตนมายังท่าเรือแห่งนี้

       “ล่องแม่น้ำไปตามสายนี้เรื่อยๆ พวกท่านจักเจอเกาะหนึ่งซึ่งห่างไกลจากที่นี่มากโข ที่นั่นพวกท่านจักใช้ชีวิตอยู่ได้อย่างสบายและทหารหรือองค์จักรพรรดิจากเมืองจีนก็จักเข้าไปที่นั่นไมได้” ท่านน้าขายเครื่องเขียนเป็นคนตอบคำถามของชานยอล

       “แล้วท่านแม่กับน้องของข้าล่ะ?”

       “อีกสามวันให้หลังข้าจักพวกนางไปยังอีกฟากหนึ่ง ที่นั่นก็จักมีเกาะอยู่แต่จะเป็นเกาะการค้าที่พวกข้าเหล่าคนค้าขายจักใช้พักผ่อน พวกนางสามารถอยู่ที่นั่นและทำมาหากินได้ เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยข้าจักไปรับพวกนางไปหาพวกท่านเอง”

       “แล้วเมื่อใดจักเรียบร้อยกันเล่า” ใบหน้าของชานยอลคล้ายกับจะหลั่งน้ำตาอีกครั้ง อี้ฟานกอดร่างที่สั่นเทานั้นแนบอก

       “ก็ต่อเมื่อ .. องคจักรพรรดิและท่านพ่อของคุณชายเลิกตามล่าพวกเจ้า ข้าว่าป่านนี้ท่านขุนนางคงทราบเรื่องแล้วพวกท่านรีบไปเถิด บนเรือลำนั้นเป็นคนขับเรือจากเกาะนั้นซึ่งเป็นสหายของข้าเองพวกท่านวางใจได้”

        “ถ้าเช่นนั้นก็รีบไปเถิดก่อนที่เหล่าทหารจักมา” หญิงสาวหนึ่งเดียวเอ่ยบอกพร้อมต่อสะพานขึ้นเรือให้ ทั้งสองเดินขึ้นเรือสำเภาไปก่อนจะหันกลับมามองทั้งสองที่ยังยืนอยู่พื้นทราย

       “เดินทางปลอดภัยนะขอรับคุณชาย!!” ท่านน้าตะโกนขึ้นมาด้วยภาษาจีนซึ่งคุณชายเองก็ส่งรอยยิ้มกลับไปให้

       “ขอบใจพวกท่านมากที่ช่วยเหลือข้า สักวันข้าจักตอบแทนในน้ำใจของพวกท่าน”

       “หามิได้ขอรับ ... ออกเรือได้!!!” เรือลำใหญ่ค่อยๆเคลื่อนตัวออกไปช้าๆ ชานยอลป้องปากก่อนจะตะโกนบอกกับทั้งสองที่ยังคงยืนส่งอยู่ด้านล่าง

       “ขอบคุณพวกท่านมาก ฝากท่านดูแลท่านแม่และน้องสาวของข้าด้วย บุญคุณนี้ข้าจักมิมีวันลืมเลย!!” ทั้งสองโบกมือตอบรับพร้อมกับเหล่าทหารชุดดำที่ค่อยๆเดินออกมาจากพุ่มไม้ หยดน้ำตาไหลรินจากปลายหางตาของชานยอล อี้ฟานสวมกอดเจ้านกน้อยที่หลั่งน้ำตาอีกครั้งไว้แนบอก

       “เจ้าจักไปกับข้าหรือไม่ เจ้านกน้อย” คำถามที่เด็กหนุ่มเข้าใจถึงความหมายและคำตอบรับจะเป็นอื่นใดไปได้

       “แน่นอน ข้าจักไปกับท่านในทุกๆที่ ไม่ว่าจะที่ใดก็ตาม” อี้ฟานยิ้มก่อนจะจุมพิตที่หน้าผากมนผ่วเบา เปลือกตาบางปิดลงรับสัมผัสอุ่นวาบที่หน้าผาก

       ชานยอลเลื่อนแขนขึ้นโอบรอบลำคอขอชายหนุ่มก่อนจะฝากสัมผัสไว้ที่ริมฝีปากแย้มยิ้มของอีกคน สัมผัสผะแผ่วเพื่อหยอกเอินอีกฝ่ายและเพียงชั่วครู่รสสัมผัสหนักหน่วงก็รุกล้ำเข้ามา หยอกเย้ากันและกัน อี้ฟานละสัมผัสออกก่อนจะมองสบกับนัยน์ตาโตที่ฉายแววหวานซึ้งตอบกลับมา ความรู้สึกบางอย่างที่ฉายผ่านออกมาทางดวงตาของทั้งคู่ที่มองสบกัน ไม่ต้องเอ่ยคำพูดใดก็รับรู้ไปถึงหัวใจ

       อี้ฟานก้มหน้าลงเพียงนิดเพื่อแนบหน้าผากของตนกับหน้าผากของเจ้านกน้อย ทั้งสองมองสบตากันก่อนที่จะวาดรอยยิ้มออกมาอย่างสุขใจ ท่ามกลางแสงอาทิตยาที่สาดแสงร้อนแรงแผดเผาลงมายังพื้นดินแต่ทั้งคู่กลับหันหลังให้กับความร้อนแรงนั้น พร้อมที่จะตระกองกอดกันและใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน สัมผัสหวานอุ่นที่แนบสนิทอยู่ที่ริมฝีปากนี้ช่างทำให้หัวใจเป็นสุขยิ่งนัก ขอแค่เพียงมีกันและกันตอนนี้ทั้งสองก็ไม่ต้องการสิ่งใดอีกแล้ว

       “นกน้อยของข้า ... ข้ารักเจ้า ข้าจักรักเจ้าทุกภพทุกชาติไป ข้าจักมิพรากจากเจ้าอีก” คำมั่นสุดท้ายที่มอบให้แก่กันพร้อมกับจุมพิตแสนหวานที่เนิ่นนานราวจะขาดใจ ถ้อยคำที่เรียงร้อยกลั่นกรองออกมาเป็นความรู้สึกที่หางตานั้นสั่งให้ชายหนุ่มซับมันออกและมอบจุมพิตเข้าแทนที่คำพูดหวานๆ นกน้อยตัวนี้จักบินหนีไปที่ใดกันเล่า ถ้ามิใช่ที่ข้างกายชายหนุ่มผู้ที่เก็บมันมาเลี้ยงและมอบความรักให้ ... นกน้อยชานยอลของคุณชายอู๋อี้ฟานคนนี้









    …………………..


    …………….


    ………..


    …….





    ..



    .









       เรือนลำเล็กค่อยๆแล่นเอื่อยไปตามแม่น้ำสายยาวเพื่อไปส่งทั้งสองให้ถึงจุดหมาย .... โดยที่ไม่มีใครล่วงรู้เลยว่าหลังจากนี้แล้ว มารดาและน้องสาวของชานยอลจะยอมหนีออกจากบ้านเมืองนี้หรือไม่ และเด็กหนุ่มก็มิอาจทราบเลยว่าหลังจากที่ตนจากไปได้เพียงไม่นาน เหล่ากองทหารจากประเทศญี่ปุ่นก็เข้ายึดแผ่นดินนี้ต่อจากเมืองจีน ...


       ไม่มีใครล่วงรู้เลยว่าแท้ที่จริงแล้ว เหตุการณ์ด้านหลังจะดำเนินไปในทิศทางใด แต่ทว่าข้างกายของปาร์คชานยอลก็จักมีคุณชายอู๋อี้ฟานเรื่อยไป .. และตลอดไป

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×