ลำดับตอนที่ #4
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : Chapter 3
โอ๊ะ.. เราจะไม่สปอย 55555555555555
วันนี้มาเช้า(?)แหะ ผิดเวลา แม่นางเช้าตรู่จังเลย 5555555555
ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อยยังไงก็อย่าลืมรักษาสุขภาพกันนะคะ
ปล. ใครอยากได้ฟิคเดย์ไนท์หรือน้องหมาดูรายละเอียได้ที่ คลิกเลยจร๊า~ และสอบถามได้ที่เมลหรือทวิตนะคะ #ขายของข้ามเรื่อง XD
________________________________________
วันนี้มาเช้า(?)แหะ ผิดเวลา แม่นางเช้าตรู่จังเลย 5555555555
ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อยยังไงก็อย่าลืมรักษาสุขภาพกันนะคะ
ปล. ใครอยากได้ฟิคเดย์ไนท์หรือน้องหมาดูรายละเอียได้ที่ คลิกเลยจร๊า~ และสอบถามได้ที่เมลหรือทวิตนะคะ #ขายของข้ามเรื่อง XD
________________________________________
“ชานยอลตอบมาอย่ามาขี้จุ๊ใส่เพื่อนนะ” เมื่ออยู่ด้วยกันสองคนเทาก็พูดภาษาเหนือใส่ ชานยอลที่นอนคว่ำอ่านหนังสือก็หันไปที่เตียงข้างๆที่เพื่อนตัวเองนั่งเช็ดผมอยู่แต่สายตานี่มองจ้องเขม็งมาเลย
“อะหยัง แล้วเฮาจะไปขี้จุ๊อะหยัง” ชานยอลขยับตัวลุกขึ้นนั่งแล้วเอาปากกาสีคั้นหน้าหนังสือไว้ก่อน
“อู้ความจริงมาอย่าขี้จุ๊เพื่อน ไม่อย่างนั้นเฮาจะบอกนายแม่นายว่านายขี้จุ๊” ชานยอลหรี่สายตามองคนที่มองจ้องตัวเอง
“จะถามอะหยังก็อู้มา อย่ามากวนประสาทเฮานะ” เทายู่ปากใส่
“นายชอบไอ้คิ้วหนานั่นแม่นก๊อ?” ชานยอลขมวดคิ้วก่อนที่จะร้องอ๋อเบาๆ
“เขาชื่อคริส หมะใจ๊ไอ้คิ้วหนา”
“นั่นแหละๆชื่ออะไรก็เหมือนกั๋น ตกลงว่าชอบมันเหรอ?” ชานยอลไม่ตอบแต่ล้มตัวลงนอนเตรียมจะอ่านหนังสือต่อ
“ตอบเฮาก่อน!!” เทาลุกจากเตียงไปดึงชานยอลให้ลุกขึ้นแต่เพื่อนก็ไม่ยอมลุก แล้วเสียงมือถือของชานยอลก็ดังขึ้น เจ้าตัวเอื้อมมือไปหยิบจากหัวเตียงมาดูแล้วก็กดรับ
“โทรมาทำไม” ถึงจะถามไปแบบนั้นแต่ชานยอลก็อมยิ้ม แล้วเจ้าตัวก็พลิกตัวหันหลังให้เทาเสียอย่างนั้น
“พี่โทรมาก็เพราะคิดถึงหรอก”
“เพิ่งเจอกันเมื่อบ่ายเองนะมาคิดถงคิดถึงอะไร ประสาทกลับหรือไง”
“ประสาทกลับหรือเปล่าพี่ไม่รู้ พี่รู้แต่ว่าพี่คิดถี๊งคิดถึงเจ้าของเบอร์นี้” ชานยอลหัวเราะเบาๆ
“เจ้าของเบอร์น่ะพ่อเรา เดี๋ยวเราบอกให้พ่อโทรไปคุยเอาไหมล่ะ?”
“ดีเลย พี่จะได้ทำความรู้จักไว้ก่อนเผื่อได้เป็นลูกเขยบ้านนี้”
“ประสาทแล้ว!” แล้วชานยอลก็หัวเราะ เทาที่แอบฟังอยู่ก็ฮึดฮัดมุ่ยหน้า เอาวะเพื่อนไม่ตอบฮวางจื่อเทาแอบฟังแอบสืบเอาก็ได้วะ!!!
ไม่กี่วันต่อมาก็ถึงวันเฟรชชี่ไนท์แล้ว ไม่ต้องรอนานเพราะพี่คิดถึงน้องนางฟ้าแทบขาดใจ รีบๆมีงานสังสรรค์รื่นเริงจะได้รีบๆเรียน เพราะต่อจากนี้จะต้องเรียนหนักกันแทบว่าเดือนกับตะวันยังเห็นกันยาก ถึงแม้ว่ามหาวิทยาลัยนี้จะอยู่ในพื้นที่ห่างไกลจากตัวเมืองก็แต่ใช่ว่ารอบๆด้านจะไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกเลย วัดวาอารม ตลาดนัด ห้างสรรพสินค้าอะไรก็มี เรียกได้ว่าครบครันสุดๆ
คืนนี้พี่ๆบอกว่าให้แต่งตัวให้ดูดีที่สุด ใครอยากแต่งอะไรก็ใส่มาไม่ได้เคร่งครัดว่าจะต้องเป็นชุดราตรี ชุดสูทอะไร อยากใส่อะไรก็ใส่มา คืนนี้คริสมีนัดเจอกับคนน่ารักที่ไม่ได้เจอกันนานหลายสิบชั่วโมงแล้ว เพราะฉะนั้นวันนี้พี่จะต้องแต่งตัวหล่อที่สุด ดูดีที่สุด เอาให้น้องนางฟ้ามองจนตาค้างเลย วันนี้ล่ะน้องนางฟ้าจะต้องตกหลุมรักพี่อู๋คนหล่อแน่ๆ พี่มั่นใจ!!!
เพราะฉะนั้นคริสก็เลยปั่นจักรยาน(ของหอ)ออกไปตลาดนัดเพื่อหาซื้อเสื้อผ้า มีคนติดสอยห้อยตามมาด้วยก็คือเซฮุน จงอินกับจงแดที่อยากจะออกมาหาของกินรองท้อง(แน่ใจนะที่ว่าคุยๆกันนี่มันรองท้อง) จงแดก็คุยเจื้อยแจ้วไปว่าอยากกินอะไร จงอินก็รับคำอืออาน้องมันที่นั่งซ้อนด้านหลัง ส่วนเซฮุนก็ปั่นหล่อๆอยู่คนเดียว คิดว่ามึงปั่นเสือหมอบอยู่เหรอ? แหมทำเป็นเข้ม!
พอมาถึงตลาดก็จอดรถล็อคล้อล็อคโซ่กันให้เรียบร้อยแล้วก็แยกย้ายกัน จงอินมันก็พาน้องมันไปหาของกิน ส่วนพี่อู๋คนหล่อที่สุดในสามโลกหล้า(อนาคต)แฟนน้องชานยอลก็ไปเดินดูเสื้อผ้ากับเซฮุนที่แค่มันยืนดูดน้ำเป๊ปซี่ในถุงก็เหมือนจะได้ยินเสียงคนเป็นลมแล้ว เหอะ.. พี่ไม่สนหรอกคนอื่น พี่รู้ว่าพี่หล่อ พี่แค่อยากให้น้องคนน่ารักตาโตระทวยให้พี่แค่คนเดียวพอแล้ว
เดินวนอยู่นานคริสก็ได้เสื้อแขนยาวลายตารางแดงดำมาหนึ่งตัว เป็นตัวที่คิดว่าดูดีและหล่อที่สุดแล้วในตลาดแถมราคาไม่แพงด้วย 199บาทเองแถมต่อเหลือ 150ด้วย หน้าตาดีหล่อประหยัดและฉลาดเป็นที่สุด นี่ล่ะพ่อของลูกน้องนางฟ้าตาโต บอกได้เลยว่าถ้าน้องไม่คว้าพี่บ่าวไว้นะ.... พี่นี่ล่ะจะเป็นคนคว้าน้องเอง!!
เดินเล่น.. อย่าใช้คำว่าเดินเล่น เรียกว่าเดินกิน(แม่ง)ทุกร้านเลยจะดีกว่า ไอ้น้องมันอยากกินอะไรพี่มันก็ตามใจ แล้วพวกกูนี่ไงต้องมาคอยกินด้วยแต่ก็ดีนะบางร้านก็อิ่มจังตังค์อยู่ครบ ร้านไหนอร่อยๆหน่อยก็ไม่มีมาถึงอยากกินก็ซื้อเอง ไอ้จงแดหันมาบอก
หลังจากกลับมาจากตลาดได้ก็อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้ากัน พี่ต้องใช้เวลาแต่งองค์ทรงเครื่องนานเพราะวันนี้มันจะต้องเป็นวันที่ประทับใจที่สุด นี่พี่บอกไว้ก่อนเลยนะว่าถ้าพี่หล่อมากๆทุกคนอย่ามาหลงรักพี่นะ เพราะหัวใจของพี่รักได้แค่คนเดียว นั่นก็คือน้องคนดีนางฟ้าตัวเล็กสุดสวาทขาดใจของพี่
เมื่อทุกอย่างพร้อมก็เตรียมออกรบกันเถอะ!!
งานเฟรชชี่ไนท์(เรียกว่างานเรียกมากินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากันทั้งคณะจะดีกว่า) จัดขึ้นที่ใต้ตึกคณะ ทุกคนก็มาพบปะทำความรู้จักกันเพราะก็ไม่ได้มีกันเยอะแยะมากมายจนจำหน้ากันไม่หวาดไม่ไหว ก็มาทำความรู้จักกันเพราะยังไงก็พี่น้องร่วมคณะเดียวกัน หลังจากทักทายแนะนำตัวกันก็เสร็จก็แยกย้ายมุมใครมุมมันนั่งกินข้าวสรวลเสเฮฮากันไป
อาหารมีให้กินกันอิ่มหน่ำ ขนมนมเนยอะไรก็มีไม่ขาด เซลฟ์เซอร์วิสอยากกินอะไรไปเดินตักกันเอง เครื่องดื่มก็มีครบครันแต่งานคืนนี้ไร้ของมึนเมาทุกชนิด การพนันก็ห้ามเพราะฉะนั้นก็ได้แต่นั่งกินข้าวแล้วก็นั่งพูดคุยกัน คริสเพิ่งเห็นว่าคณะนี้มีผู้หญิงด้วย แม้จะมีเพียงหยิบมือก็เถอะ
แต่น้องนางตาใสของพี่บ่าวน่ารักและสวยที่สุดในปฐพี!
นั่งกินกันอยู่เกือบค่อนคืนคริสก็แอบสะกิดเซฮุนบอกว่าเขาจะไปหาน้องนางคนน่ารักพรหมลิขิตแล้ว เซฮุนก็อาสาไปด้วย ส่วนไอ้คู่พี่น้องปล่อยให้มันนั่งแทะไก่แทะหอยกันต่อไปเถอะ
คริสกับเซฮุนแอบหลบออกมาจากใต้คณะประมงก็พากันเดินไปที่อีกคณะ คริสกับเซฮุนมาด้อมๆมองๆอยู่ที่ข้างตัวตึกไม่รู้ว่าจะเดินเข้าไปดีไหมหรือยังไง แต่คริสก็ดันสายตาดีเห็นว่าอีกฟากของตึกมันมีม้านั่งที่หลบมุมอยู่แล้วก็มีใครบางคนนั่นอยู่ คริสก็เดินเข้าไปหาทิ้งเซฮุนเอาไว้ตรงนั้น
พอเดินเข้าไปใกล้ก็เหมือนจะเห็นคนที่สวมชุดนอนลายหมีน้ำตาลรีลัคคุแมะอะไรสักอย่าง(ไอ้จงแดมันพูดถึงทุกวันแต่ก็จำไม่ได้) พอเดินเข้าไปใกล้ก็ยิ่งแจ่มจะแด่มแจ่มว้าวว่านั่นแหละคือน้องตัวเล็กตาโตของพี่บ่าวไม่ผิดตัวแน่นอน น้องชานยอลนั่งมองท้องฟ้าสีดำที่มีสีสว่างของดวงจันทร์และดวงดาว ไม่อยากจะบอกให้ใครรู้เลยอ่ะว่าน้องคนน่ารักสวยที่สุดในโลกเลย
แสงสว่างสีนวลอาบไล้ใบหน้าได้รูปของชานยอลที่เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าสีรัตติกาลที่แต่งแต้มด้วยแสงระยิบของดวงดาว แสงสว่างที่อาบไล้ใบหน้านั้นทำให้เครื่องหน้าบนใบหน้าได้รูปนั้นเด่นชัดยิ่งขึ้น ทำเอาคนที่ยืนมองอยู่ไม่ไกลนั้นดั่งคล้ายกับต้องมนตร์
“น้องชานยอล” คริสไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองหลุดปากเรียกชื่อคนในนัยน์ตานี่ไปตั้งแต่เมื่อไหร่ จะรู้สึกตัวก็ตอนที่ดวงตากลมโตหันมามองด้วยความตกใจ
“คริส มาจริงๆเหรอ?” คริสพยักหน้าแล้วยกมือขึ้นเกาต้นคอแก้เขิน
“ขอพี่นั่งด้วยได้ไหม” คริสหลุดสำเนียงใต้ออกมา ชานยอลยกยิ้มแล้วพยักหน้าให้ คริสก็หูสั่นหางกระดิกรีบเข้าไปลงนั่งข้างๆทันทีพร้อมกับฉีกยิ้มกว้าง ชานยอลก็หลุดหัวเราะเบาๆ
“อะไรล่ะ”
“เป็นไง พี่หล่อไหม” ชานยอลมองการแต่งตัวของคริสตั้งแต่หัวจรดเท้า
ผมหวีเรียบร้อยแสกข้างดูดี .. ผ่าน
สร้อยคอรูปกางเขน อันนี้สวยดีเขาชอบ .. ผ่าน
เสื้อลายตารางสีดำแดง สวยดี .. ผ่าน แต่ไอ้ที่ติดกระดุมคอด้วยนี่... ขอหักครึ่งคะแนนนะ แต่จะว่าไปก็โอเคนะ งั้นไม่หักล่ะ
กางเกงยีนส์ไม่ใช่ทรงตั้งได้ก็ .. ผ่าน
...สรุปผ่านหมด
“ก็.... ดูดีนะ” คริสยิ้มกว้างแทบจะลุกขึ้นเต้น
“แต่น้องชานยอลของพี่น่ารักทุกทีที่เจอกันเลย” ชานยอลยิ้มแล้วฟาดขาของคริสไปสักที คริสที่ตรงที่โดนตีเบาๆ
“น้องชานยอลแตะกางเกงพี่ด้วย ตัวนี้พี่จะไม่ซักเลย!”
“ประสาท!!” ว่าไปก็หัวเราะแล้วก็ฟาดแขนคนข้างๆไป
“ว่าแต่น้องชานยอลจะยอมให้พี่ถ่ายรูปด้วยได้หรือยังครับ นี่พี่แต่งหล่อมาเลยนะเข้ากับคนน่ารักๆอย่างชานยอลเลยดูสิ” ชานยอลมองแล้วก็อยากจะลงไปกลิ้งกับพื้น เขาใส่ชุดนอนสวมฮู้ดหูหมี ส่วนอีกคนก็แต่งตัวอย่างกับจะไปเที่ยว.. นี่เข้ากันตรงไหน?
“โอเคถ่ายก็ถ่าย” ชานยอลพยักหน้า เขาเป็นคนรักษาคำพูดนะ คริสก็ยิ้มกว้างดีใจแล้วหันมองซ้ายขวาก่อนที่จะตะโกนเรียกเซฮุนที่กำลังยืนเหมือนจะทะเลาะกับไอ้ลูกแพนด้าให้มาหา
“ว่าไง” เซฮุนเดินเข้ามาหาแล้วก็เลิกคิ้วใส่
“ถ่ายรูปให้หน่อยดิ” เซฮุนเลิกคิ้วใส่อย่างงงๆ คริสก็ไม่รอช้าใช้ช่วงสตั๊นให้เป็นประโยชน์รีบควักไอ้โร่ลูกรักมาให้เซฮุนที่ยังยืนงงๆทันที เจ้าตัวก็รับมาอย่างมึนๆเช่นกัน
“มันจะถ่ายได้เหรอวะ ทำไมมันมืดๆวะเอาเครื่องกูป่ะ” เซฮุนล้วงหยิบไอโฟนออกมา พอเอามาเทียบกันแล้วก็คนละชั้นเลยแหละ
“ถ่ายเครื่องกูก่อนดิกูจะได้เอาขึ้นหน้าจอ” เซฮุนก็พยักหน้ารับตามมันไป ก่อนที่จะช่วยส่องไฟจากไอโฟนตัวเองเพิ่มแสงเป็นออฟชั่นเสริมให้ด้วย
คริสขยับตัวเข้าไปใกล้ชานยอลแล้วก็แอบเหลือบมองคนข้างๆที่กำลังยิ้มให้กับกล้อง ไม่ต้องทำอะไรมากกว่านี้เซฮุนก็กดถ่ายรูปให้แล้ว ส่งให้คริสกับชานยอลดูก็โอเคแหละ ชานยอลก็แอบเขินไปสิก็ดูเขามองสิ คริสก็ยิ้มอารมณ์ฟินจนตัวจะลอยไปกับรูปที่ดูไม่ค่อยจะชัดในมือถือ
เซฮุนก็ยิ้มแล้วส่ายหน้าไปมาบ้าง ตัวเขาไม่เข้าใจว่าทำไมคริสถึงได้ดีใจหรือมีความสุขกับอะไรเล็กๆน้อยๆแบบนี้ ทั้งๆที่รูปที่ถ่ายด้วยมือถือนั้นก็ไม่ได้ละเอียดหรือสว่างมากอะไรแต่ทำไมมันถึงได้ดูมีความสุขแบบนั้นนะ เขาไม่เคยเข้าใจอะไรแบบนี้เลย
ตั้งแต่เกิดมาเขาก็ไม่เคยเข้าใจเลยว่าแค่สิ่งเล็กๆมันจะมีความสุขได้ด้วยเหรอ เขาถูกที่บ้านปลูกฝังว่าต้องทำให้ดี ทำให้ได้และต้องทำการใหญ่ เขาหนีจากการเรียนวิศวะมาที่ประมงนี่ก็เพราะอยากจะประชดที่บ้าน พอมาเจอคริสความคิดที่คิดจะเรียนๆเล่นๆ สนุกไปวันๆก็หายไป คริสดูมีอะไรให้เขาค้นหาว่าเพราะอะไรกับสิ่งง่ายๆมันถึงมีความสุขได้
เขาอยากมีความสุขกับอะไรเล็กๆแบบนี้บ้าง
“น่ารักเนอะ ดีเลยจะได้ส่งให้แม่ดู” คริสยิ้มแล้วก็หันมาหาชานยอล
“ส่งยังไงวะ” เซฮุนถาม
“ก็เดี๋ยวไปล้างรูปแล้วก็ส่งจดหมายไปให้แม่ดูไง”
“ไม่ชัดแบบนั้นน่ะนะ?” คริสพยักหน้า แค่นี้ก็พอแล้ว น้องคนน่ารักของเขาน่ารักจะตายแม่จะต้องมองเห็นแน่ๆ เซฮุนส่ายหน้าไปมาแล้วก็กดปลดรหัสมือถือของตัวเอง
“เอาเครื่องกูถ่ายแล้วส่งไปให้แม่มึงเถอะ ชัดกว่าจะได้เห็นกันชัดๆ” เซฮุนกำลังจะตั้งท่าถ่ายรูปแต่แล้วก็ได้ยินเสียงเหมือนของแตกแล้วก็เสียงร้องโวยวายของเทาด้วย
“มึงเอาไปถ่ายเองเดี๋ยวกูมา!” เซฮุนยัดมือถือใส่มือคริสแล้วก็วิ่งไปเลย แล้วคือคริสก็ได้แต่มองเซฮุนสลับกับมองของในมือ คือคิดว่ากูใช้เป็นเหรอยื่นมาให้เนี่ย!!
“อ่า.. มันกดตรงไหนเหรอ” คริสทำหน้าหงอยๆยื่นเจ้าตัวในมือมาทางชานยอล คนน่ารักหัวเราะแล้วหยิบเจ้าตัวปัญหาสำหรับคริสมากดเอง
“คริสถือแล้วตอนจะถ่ายกดตรงนี้นะ” ชานยอลยื่นมาคืนที่หน้าจอแสดงผลว่าเตรียมถ่ายรูปได้ คริสก็ทำตาโตแล้วมองคนข้างตัวด้วยสีหน้าปลื้มปริ่ม
“น้องชานยอลนี่นอกจากน่ารักแล้วยังเก่งอีกด้วยนะเนี่ย” ชานยอลที่เริ่มจะเขินจริงจังก็ใช้หัวไหล่ดันคริสให้ออกห่าง
“จะถ่ายก็รีบถ่าย ไม่งั้นเปลี่ยนใจนะ”
“ถ่ายจ๊ะถ่าย น้องนางของพี่บ่าวอย่าโกรธเลยนะ” ชานยอลถลึงตาใส่หมายความว่าถ้ายังไม่ยอมถ่ายอีกจะเปลี่ยนใจแล้วนะ คริสก็รีบยกกล้องขึ้นเตรียมถ่ายรูปทันที
คริสยิ้มให้กล้อง ชานยอลก็ขยับตัวเข้ามาใกล้แล้วแนบสองมือแนบแก้ม เพราะกล้องในไอโฟนมันจะยาวและแคบก็เลยทำให้ทั้งคริสและชานยอลต้องขยับเข้าใกล้กันตัวแทบจะติดกัน พอถ่ายเสร็จชานยอลก็สอนว่าต้องกดดูรูปตรงไหนยังไง
เมื่อเล่นเป็นคริสก็กดถ่ายรัวๆแบบไม่ต้องเกรงใจเจ้าของมันเลยทีเดียว แบตที่เหลือไม่ถึงครั้งก็ต้องสนด้วยเหรอ? กลับหอไปก็ชาร์ตใหม่ใช่ป่ะ? ตอนแรกก็เกรงใจอยู่หรอกแต่ตอนนี้ไม่เกรงใจแล้ว เรียกได้ว่าถ่ายรูปกันแบบชนิดที่ไม่ต้องถ่ายกันอีกสามเดือนก็ยังมีรูปให้อัพทุกวัน ถ่ายกันไปจนแบตแดงนั่นแหละชานยอลเลยบอกให้หยุดเพราะถ้าแบตหมดจนเครื่องดับคาดว่าเซฮุนคงได้หาอะไรมาปาหัวพวกเขาบ้างล่ะ
“มีแต่รูปน่ารักๆทั้งนั้นเลย เดี๋ยวจะล้างไปให้แม่ดูให้หมดเลย” คริสนั่งดูรูปที่ถ่ายด้วยอิริยาบถต่างๆแล้วก็ยิ้มมีความสุข ชานยอลที่มองอยู่ก็เลยแอบยิ้มขำ เขาก็ไม่เข้าใจว่าไอ้การที่ได้ถ่ายรูปกับเขามันน่าดีใจตรงไหน เขาไม่ใช่คนดังสักหน่อยจะมาดีใจอะไร
“ถ้าล้างหมดนั่นก็หมดตัวเลยมั้งน่ะ” คริสหันไปมองชานยอลยังยิ้มกว้าง
“ไม่เป็นไรหรอกแค่นี้เอง ยังไงพี่ก็หาเลี้ยงน้องชานยอลได้นะ” ชานยอลเลิกคิ้วขึ้น
“เลี้ยงเรา? เลี้ยงทำไม?”
“มันก็เป็นหน้าที่ของหัวหน้าครอบครัวใช่ไหมล่ะที่จะต้องหาเลี้ยงคนในบ้าน เลี้ยงเมียเลี้ยงลูกแบบนี้” คริสยิ้มกว้าง ชานยอลก็พยักหน้ารับงงๆ
“อ่า.. มันก็ใช่”
“เพราะฉะนั้นพี่เลยบอกว่าพี่อ่ะเลี้ยงน้องชานยอลได้ เลี้ยงเจ้าตัวเล็กก็ได้” ตอนแรกก็ฟังดูดีอยู่หรอกแต่ฟังๆไปมันชักทะแม่งแล้วล่ะ
“เดี๋ยวๆนายหมายความว่ายังไง” ชานยอลยกมือห้าม “นายกำลังจะพูดอะไร”
“ก็แบบว่า... เขินอ่ะ” คริสยกสองมือปิดหน้าแล้วก็สะบัดตัวไปมาอย่างอายๆ
“คริสพูดมาเร็วๆอย่าลีลาได้ไหม” พอเจอน้ำเสียงเขียวๆเข้าไป คริสก็เลิกเล่นแล้วแย้มยิ้มให้
“ก็พี่จะบอกว่า.. พี่ดูแลชานยอลได้นะ ชานยอลจะมาใช้ชีวิตกับพี่ให้พี่ดูแลไหม” หัวคิ้วสวยขมวดคิ้วมุ่นช่างต่างกับอีกคนที่ยิ้มกว้างจนหน้าบานเป็นถาดกระเบื้องแล้ว
“ดูแลในฐานะอะไร”
“ก็แฟนพี่.. เมียพี่... แม่ของลูกพี่ไง” คริสพูดไปก็เลื่อนสายตาหลบเกาต้นคอแก้เขินไป ชานยอลทำตาตกใจมองคนข้างตัวด้วยสีหน้าตกใจที่ไม่รู้จะบรรยายอย่างไรดี
“เดี๋ยวนายเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า” คริสเลิกคิ้วแล้วส่ายหน้า
“ก็ไม่นิ พี่คิดดีแล้วไม่ผิดหรอก”
“ฉันว่าผิดนะ คือยังไงดีวะ.. ฉันเป็นผู้ชาย ไม่ได้ชอบผู้ชายด้วย” คริสขมวดคิ้วแล้วมองชานยอลอีกครั้งให้ชัดๆ
ตาโตๆ แก้มยุ้ยๆ ปากสีแดงระเรื่อ ผิวขาว มือเนียนด้วย กลิ่นตัวก็หอม อะไรๆในตัวของชานยอลก็ดูน่ารักไปหมด ขนาดที่ว่าสูงเกือบเท่าเขาแต่ก็ยังน่ารักและแสนดีในสายตา นี่เขาก็ไม่รู้จริงๆว่ามีอะไรตรงไหนที่ผิดแปลก.. นอกจากใส่ชุดนักศึกษาผู้ชายแล้วก็ดูไม่ออกจริงๆ
ชานยอลถอดหายใจแล้วจับมือของคริสข้างหนึ่งให้มาแตะที่หน้าอกตัวเอง คริสก็ทำหน้าตกใจคือไม่ได้ตกใจที่โดนจับมือแต่ตกใจที่น้องนางดึงมือพี่บ่าวไปจับนมต่างหาก พอจับแล้วมันก็นิ่มๆเรียบๆดีเนอะ ถึงน้องชานยอลจะไม่มีนมแบนเป็นไม้กระดานพี่ก็โอเคนะ พี่รักน้องมากกว่านมของน้องอีก!!
“ฉันเป็นผู้ชาย” คริสกระพริบตามองปริบๆก่อนที่จะทำหน้าตกใจเมื่อชานยอลเลื่อนมือเขาไปจับที่ตรงลำคอ ... ผู้หญิงอะไรมีลูกกระเดือกด้วย!!!
“น้องชานยอลเป็นทอมเหรอ” ชานยอลถอนหายใจแล้วลุกขึ้นยืนเท้าเอวใส่
“กูเป็นผู้ชายโว๊ย!!!” เน้นย้ำทีละคำให้ด้วยเอ้า! คริสทำหน้าเหวอใส่แบบตกใจเข้าขั้นสุดกู่ เทากับเซฮุนที่เดินมาได้ยินพอดีก็หัวเราะกันงอคว่ำงอหงายลืมไปเลยว่าเมื่อกี้เถียงกันอยู่
“เป็นผู้ชายคำนำหน้าคือนาย ฉันคงเป็นเมียนายไม่ได้แล้วก็เป็นแม่ของลูกนายไม่ได้ด้วยเข้าใจหรือยัง!!” คริสที่ยังทำหน้าเหวออยู่ก็พยักหน้ารับ ชานยอลถอนหายใจหนึ่งเฮือก
“ก็ไอ้จงแดมันบอกมึงแล้วไง นี่มึงคิดว่าเขาเป็นผู้หญิงมาตลอดเลยเหรอ” คริสที่ยังมองชานยอลอยู่ก็พยักหน้ารับ ชานยอลเสยผมแล้วเป่าลมออกปากหนึ่งที
“ก็ไม่แปลกนะถ้าจะเข้าใจแบบนั้น แต่นี่ไม่คิดบ้างเหรอว่าทำไมผู้หญิงเสียงใหญ่จัง” คริสส่ายหน้ากับคำถามของเทา จื่อเทาก็ยิ่งหัวเราะจนแทบจะเอนตัวไปซบเซฮุนอยู่แล้ว
“บอกเลยนะถ้าจะจีบก็ไปไกลๆเลย” ชานยอลลงนั่งที่ม้านั่งเช่นเดิม คริสก็มองคนข้างๆแล้วก็กระพริบตาปริบๆก่อนที่จะลุกขึ้นเดินไปเลย เซฮุนที่เห็นแบบนั้นก็เหวอเอาน่ะสิ
“อ่าน้องพรหมลิขิต เฮ้ย.. ชานยอลขอโทษแทนไอ้คริสมันด้วยนะ ถึงมันจะดูไม่ค่อยเต็มแต่มันก็.. ไงดีอ่ะ คือมันก็ชอบเธออ่ะมันบ่นถึงทุกวันเลย อย่าไปโกรธมันเลย” ชานยอลถอนหายใจ
“รู้น่า.. แต่ไม่คิดว่าจะคิดว่าฉันเป็นผู้หญิงแบบนั้น”
“ถ้าเธอไม่ได้อะไรก็อย่าไปตัดรอนมันเลยนะ มันรักเธอจริงๆไว้ถ้ามันทำใจได้จะให้มันมาขอโทษ ไปก่อนนะ” แล้วเซฮุนก็วิ่งตามหลังเพื่อนไป ชานยอลที่มองตามไปก็ถอนหายใจ
“เสียใจไหม” เทาถาม ชานยอลส่ายหน้า
“ไม่รู้ดิ บอกไม่ถูก”
ดวงตาที่เขาได้สบก่อนที่คริสจะเดินจากไปนั้นมันทำให้เขาเจ็บปวด ไม่รู้ทำไมแต่มันรู้สึกหน่วงในอก อยากจะตีปากตัวเองสักทีทำไมถึงไปพูดแบบนั้นนะ หรือบางทีเขาอาจจะต้องเสียมิตรภาพครั้งนี้ไปด้วยกันนะ
ถึงจะไม่ได้เป็นแบบที่คริสหวังแต่เขาก็อยากเป็นเพื่อนกับคริส เขารู้สึกว่าอยู่กับคริสแล้วสนุก มีความสุขและวางใจได้ ยิ่งคริสเดินห่างออกจากสายตาเขาไปมากเท่าไหร่ ระยะทางมิตรภาพของเราก็คงเลือนหายไปตามนั้น
เสียใจแต่ก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว..
“อะไรนะ!!!!” จงอินกับจงแดพร้อมใจกันประสานเสียงหลังจากที่ฟังเซฮุนเล่าเรื่องคร่าวๆให้ฟังจบ ตอนนี้ทุกคนกลับมาที่หอแล้วและตอนนี้กำลังนั่งกองกันในห้อง ทั้งสามคนนั่งอยู่บนเตียงของเซฮุน ส่วนคริสก็นอนห่มผ้าหันหลังให้
“นี่มัน... ยังคิดว่าเขาเป็นผู้หญิงอยู่อีกเหรอวะ” จงแดแอบกระซิบเบาๆให้ได้ยินกันสามคน ใจจริงอยากจะหัวเราะให้หงายตกเตียงเลยแต่ก็สงสารมันอ่ะ
“ก็ทำนองนั้นจนรู้ความจริงนั่นแหละ” เซฮุนตอบกลับมาเบาๆ
“น่าสงสารมันนะแต่คงทำอะไรไม่ได้ว่ะ เรื่องนี้มันอยู่ที่ตัวมันล้วนๆเลย” ทั้งสามคนหันไปมองที่คริสแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ
เวลาจะรักษาหัวใจมันเอง อย่างน้อยตอนนี้พวกเขาก็คงได้แต่อยู่กับมันคอยให้กำลังใจนั่นแหละ
พวกเขาเข้าใจนะว่าคริสจะรู้สึกยังไง แค่รู้ว่าคนที่ชอบเป็นผู้ชายก็เจ็บพออยู่แล้วยังจะมาเจอคำพูดเหมือนตัดรอนนั้นอีก เป็นใครใครก็เป๋ละวะ แล้วยิ่งกับคนที่ชอบมากๆด้วยยิ่งแล้วใหญ่ เซฮุนได้ยินที่คริสโทรหาชานยอลทุกวัน แม้จะไม่กี่วันก็เถอะแต่มันก็ดูมีความสุขดี
ทุกคนรู้ว่าคริสรักน้องพรหมลิขิตของมันแค่ไหน ตอนนี้มันกำลังเป๋และต้องการเวลามารักษาใจของมันนั่นแหละ
หวังว่าอีกไม่นานไอ้คนติ๊งต๊องของพวกเขาจะกลับมาเหมือนเดิมนะ เห็นมันเศร้าๆแล้วก็พลอยเศร้ากันตามไปด้วย
แต่จงแดก็อยากจะถามใจจะขาด มึงมองไม่เห็นลูกกระเดือกน้องเขาที่จะทิ่มตามึงเหรอ? ผู้หญิงอะไรเสียงใหญ่กว่ากูอีก ไอ้ไฟเออร์!!! อยากด่าแต่กลัวมันช้ำใจแล้วไปกระโดดลงหม้อน้ำพริกกะปิตายจริงๆ
ชานยอลนั่งกอดเข่าอยู่บนเตียงมองเจ้าตัวก่อกวนความคิดและหัวใจที่ปลายเท้า มือถือเครื่องสีดำที่มันนิ่งสนิทไม่มีใครโทรเข้ามาเลย นี่ก็หลายวันแล้วที่เขาไม่ได้คุยกับคริสอีกเลย แล้วยิ่งเรียนกันคนละคณะการที่จะได้เจอกันก็เป็นเรื่องยากแล้ว หลังจากคืนวันนั้นตัวเขาก็ไม่ได้เจอคริสเลย ไม่แม่แต่จะได้ยินเสียงด้วยซ้ำ
คนที่คอยโทรมาหา คอยส่งข้อความมาหาอย่างกับที่บ้านตัวเองได้สัมปทานเครือข่ายมือถือก็ไม่ปานนั้น.. หายไปไหนกันนะ
จื่อเทาที่นั่งพิมพ์แชทด่ากับใครบางคนอยู่ที่เตียงฝั่งตัวเองก็มองเพื่อนแล้วก็ถอนหายใจ ตั้งแต่กลับมาจากงานเฟรชชี่ไนท์เพื่อนของเขาก็ซึมไปเลย เจ้าตัวจะรู้หรือเปล่านะว่าเวลาที่อยู่กับคนนั้นน่ะตัวเองยิ้มแล้วก็พูดมากแค่ไหน เวลาปกติชานยอลไม่ค่อยพูดกับใครนอกจากคนที่รู้จักเท่านั้น แล้วการที่เริ่มพูดคุยกับคนแปลกหน้าซ้ำยังอารมณ์ดีแบบนั้น.. ฮวางจื่อเทาลงความเห็นเงียบๆว่าเจ้าตัวคงเริ่มมีใจให้อีกคนแล้วมั้งน่ะ
“ชานยอล ถ้ากึ้ดเติงก็โทรไปหาสิไม่ต้องมานั่งทำหน้าเหมือนท้องผูกเลยนะ” ชานยอลเอียงหน้าหันไปมองเพื่อน
“ทำไม?” จื่อเทาหันไปแบะปากใส่
“รำคาญ” ชานยอลมองค้อนใส่แล้วก็หันกลับมามองมือถือที่มันสงบเงียบทั้งๆที่เวลานี้มันควรที่จะได้ยินเสียงสำเนียงใต้แล้วก็ถ้อยคำจีบสิ
จีบเหรอ? เขายอมให้อีกฝ่ายจีบเขาได้ตั้งแต่เมื่อไหร่นะ?
ตั้งแต่ครั้งแรกที่เราเจอกันเลยหรือเปล่านะ
“นายว่าเฮาอู้แรงไปก๊อ?” จื่อเทาขยับตัวลงมานั่งที่ข้างเตียงแล้วถอนหายใจ
“แรงมาก!!”
“ถ้าจะไม่ปลอบใจกันก็อยู่เฉยๆเลยไป” แล้วก็ตบท้ายประโยคด้วยการถอนหายใจอีกหนึ่งเฮือก
ชานยอลหยิบมือถือขึ้นมามองแล้วก็ได้แต่ทำหน้าหงอย หรือบางทีตัวเองอาจจะพูดแรงไปอย่างที่เทาว่า? แต่ก็ใช่ว่าตัวเขาจะไม่เคยมีใครมาจีบสักหน่อย เขาก็ไล่ไปให้พ้นแล้วอีกอย่างถ้อยคำที่พูดออกไปก็แรงกว่าที่พูดเมื่อคืนนั้นเป็นร้อยเท่า.. แต่ทำไมครั้งนี้เขาถึงรู้สึกเสียใจจังเลยล่ะ
ครั้งแรกที่เจอกันนั้นชานยอลก็เห็นแล้วล่ะว่าวิ่งมาแต่ไกลเลย ตัวสูงๆแบบนั้นน่ะมองเห็นง่ายจะตาย แล้วก็ไม่รู้ว่าทำไมเอกสารของคริสถึงปลิวมาอยู่ที่ใกล้ๆเขา แล้วคนตัวสูงๆคนนั้นก็เดินเก็บเอกสารตัวเองจนมายืนอยู่ข้างๆเขา มันจะเป็นความบังเอิญหรือเปล่านะ
หลังจากที่ส่งเอกสารอีกใบคืนให้แล้วใจจริงก็ไม่ได้อยากจะพูดคุยด้วยหรอก แต่ไม่รู้ทำไมปากมันถึงได้ไปคุยต่อปากต่อคำกับเขาเสียขนาดนั้น เพราะอะไรกันนะ.. หรือบางทีอาจจะเป็นรอยยิ้มสวยๆกับดวงตาสวยที่เหมือนกับสะกดเขากันนะ ปาร์คชานยอลอยากรู้แต่ไม่อยากหาคำตอบ
ชีวิตเขาไม่ได้มีอะไรโลดโผนหรอก แน่นอนว่าที่ถูกส่งมาเรียนที่นี่ก็เพื่อต้องการให้เขาเอาความรู้กลับไปพัฒนาไร่ของครอบครัว เขาก็ไม่ได้ค้านอะไรขอแค่เพื่อนสนิทกันตั้งแต่เด็กอย่างจื่อเทามาด้วยก็พอ ในหัวของเขาคิดว่าชีวิตนี้นอกจากครอบครัวแล้วมีแค่จื่อเทาคนเดียวก็พอ แต่ทว่าพอได้ลองพูดคุยกับคนอารมณ์ดี(ที่เบนไปทางไม่เต็ม)แล้วก็สบตากับใครบางคนก็ยิ่งรู้สึกว่า เขาคนนั้นปลอดภัยและอยากให้อยู่ใกล้ๆ
หรือจริงๆแล้วเขาควรไปขอโทษอีกฝ่ายแทนดีนะ? แต่มันก็ดูเสียหน้าหรือเปล่าที่ไล่เขาไปแล้วตัวเองกลับเป็นฝ่ายไปขอโทษเขาเนี่ย
“โอ๊ยปวดหัว!!!” ชานยอลส่งเสียงโวยวายพร้อมกับขยี้เส้นผมของตัวเองจนยุ่งเหยิง จื่อเทาตกใจจนตัวสะดุ้งแต่ก็ไม่คิดที่จะต่อว่าเพื่อน
ชานยอลเอนตัวลงนอนกับเตียงโดยที่หันหลังให้จื่อเทา ใจมันก็เอาแต่พะวงถึงใครบางคนจนแทบจะไม่เป็นอันทำอะไรแล้ว สมาธิที่จะอ่านหนังสือก็ไม่มีแล้ว แล้วเขาจะทำอย่างไรดีล่ะ? ใครคนนั้นต้องกลับมารับผิดชอบเขาสิถึงจะถูก!! แล้วเขาจะทำยังไงให้ใครบางคนกลับมาดีนะ แกล้งโทรผิด.. ส่งข้อความไปหา.. หรือบุกไปหาที่คณะเลยดี
“ไอ้บ้ารีบๆโทรมาหาฉันสิ” ชานยอลจิ้มเจ้ามือถือแรงๆเผื่อว่ามันจะส่งผลให้ใครบางคนที่กำลังนึกถึงโทรมาจริงๆ
อยู่ๆเจ้าตัวที่เงียบสนิทมานานก็ส่งเสียงเตือนว่าข้อความเข้า ชานยอลที่รอโทรศัพท์อยู่แล้วก็กระเด้งตัวลุกขึ้นนั่งแล้วคว้าเจ้าตัวที่ส่งเสียงร้องมาเปิด.. แต่กลับพบว่าข้อความที่ส่งมานั้นเป็นข้อความข่าวจากเครือข่ายมือถือก็แทบอยากจะเขวี้ยงมันให้แหลกละเอียดจริงๆ แต่ถ้าทำจริงๆแล้วเขาจะติดต่อกับคนนั้นได้ยังไงนะ
“พี่คริสคนหล่อรีบๆโทรมาหาสักทีสิ” ชานยอลบ่นเบาๆกับเจ้าตัวในมือก่อนที่จะเอามันไปวางที่หัวเตียงแล้วล้มตัวลงนอนพร้อมกับดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมโปง
เทาที่นั่งมองอยู่เห็นทุกการกระทำและได้ยินคำพูดประโยคนั้นด้วยก็ได้แต่ส่ายหน้าแล้วก็ถอนหายใจ ก่อนที่จะพิมพ์คุยกับไอ้คนชอบกวนประสาทที่เป็นรูมเมทกับคนที่เพื่อนเขากำลังคิดถึงอยู่ อย่าหาว่าฮวางจื่อเทาขายเพื่อนเลยนะแต่เห็นมันเป็นแบบนี้แล้ว เพื่อนที่เห็นกันมาตั้งแต่เด็กมันรำคาญยังไงก็ไม่รู้
อีกฝ่ายก็รายงานกลับมาว่าคนของฝั่งตัวเองก็นั่งจ้องมือถือทั้งวัน ทำท่าจะกดโทรแต่ก็ไม่โทรสักที นั่งนิ่งๆทำท่าจะโทรแล้วก็กลับมานั่งนิ่งๆเช่นเดิม วนลูปอยู่แค่นี้ คนกลางอย่างพวกเขาที่ได้แต่คอยมองก็ไม่รู้จะทำอย่างไรให้สองคนนี้กลับมาคุยกันเหมือนเดิม
จื่อเทาอยากให้ชานยอลกลับมาเหมือนเดิม แม้จะชอบทำตัวโหดแต่ก็ไม่ได้รู้ไร้ชีวิตชีวาแบบนี้
หรือฉันต้องทำอะไรสักอย่าง?
แล้วสักอย่างน่ะ... มันคืออย่างไหนกันนะ
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น