ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [END] BaekDo Ft. KaiChen, KrisYeol - The Rules of Love

    ลำดับตอนที่ #4 : Chapter 4

    • อัปเดตล่าสุด 6 มี.ค. 57


    ก็ไม่มีอะไรจะบอก.... แค่จะมาสปอยว่า ....
     
     
     
     
    ตอนหน้า.. มีอะไรดีๆนะคะ อิอิ 
     


     
     
    #บอกให้อยากแล้วจากไป
     
     
     
     
    __________________________________
     
     
     
     
     
     
    วันนี้เป็นวันสอบวันแรก แน่นอนว่าไม่มีอะไรแย่ไปกว่าสอบเช้าและเป็นวิชาที่ต้องใช้สมองเยอะอีกแล้ว ทั้งหกคนที่โต๊ะกลุ่มตัวประจำกำลังนั่งอ่านหนังสือเพราะนี่เป็นมิดเทอมก็เลยจะไม่ค่อยมีสอบปฏิบัติสักเท่าไหร่ การสอบจะเน้นหนักไปทางสอบทฤษฎีเสียมากกว่า 
     
    คยองซูกวาดสายตาสแกนเนื้อหาอีกรอบก่อนที่จะปิดหนังสือแล้วทำตัวเองให้สบายๆ พอเงยหน้าขึ้นมองคนอื่นๆก็เห็นว่าทำหน้าเครียดอ่านหนังสือกันอยู่ คริสกับชานยอลก็สุมหัวอ่านหนังสือเล่มเดียวกัน จงอินก็นั่งกุมมือจองแดที่กำลังตั่งใจอ่านหนังสือ พอหันมองคนข้างตัวก็เห็นแบคฮยอนกำลังขมวดคิ้วอ่านหนังสือหน้าตาเคร่งเครียดเชียว
     
    หลังจากวันนั้นที่พยอนแบคฮยอนบอกว่า ‘เลื่อนสถานะ’ แล้วก็ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงสักเท่าไหร่ แบคฮยอนก็ยังทำตัวเสเพลเหมือนเดิมแต่รู้สึกเหมือนจะอยู่ติดเขามากขึ้น... ซึ่งมันก็เป็นเรื่องดี คยองซูไม่ชอบเวลาที่แบคฮยอนไปนอนกับผู้หญิงอื่น ซึ่งก็คงไม่มีใครชอบใจนักหรอกที่จะเห็นคนที่ตัวเองชอบไปมีอะไรกับคนอื่นที่ไม่ใช่ตัวเอง
     
    ก็ไม่ได้คิดอะไรถึงขั้นอยากจะมีอะไรด้วยหรอกแต่แบบ... โดคยองซูน่ะอยากได้พยอนแบคฮยอนมาเป็นคนรักจะตาย
     
    “มองอะไรอยู่น่ะ” แบคฮยอนกอดล็อคคอคยองซูให้หันมามองเพราะคนตัวเล็กหันหน้าไปมองอะไรก็ไม่รู้ที่แบคฮยอนจับโฟกัสไม่ได้
     
    “เปล่านิ” คยองซูเงยหน้าขึ้นไปตอบ แบคฮยอนที่มองลงมาก็หรี่ตามองอย่างไม่ไว้ใจ
     
    “บ้าหรือไง ปล่อยได้แล้ว” แบคฮยอนหัวเราะเบาๆแล้วปล่องคยองซูแค่ได้แกล้งเพื่อนข้างตัวก็คลายเครียดจากการอ่านหนังสือสอบแล้ว 
     
    “คยองซูอธิบายตรงนี้หน่อย” ชานยอลที่นั่งเยื้องๆกันกวักมือเรียกให้คนตัวเล็กไปอธิบายส่วนที่ไม่เข้าใจ คยองซูขยับตัวไปแล้วอธิบายให้ฟัง
     
    แบคฮยอนไล้สายตามองแผ่นหลังและช่วงเอวเล็กของคยองซู รูมเมทของเขาน่ะตัวเล็กนะ.. ก็เพิ่งจะสังเกตเป็นจริงเป็นจังก็วันนี้นิแหละ คยองซูตัวเล็กกว่าแบคฮยอนแม้จะไม่มากก็เถอะแต่ช่วงตัวก็เล็กกว่า ตัวก็สูงน้อยกว่า ไม่รู้ทำไมแต่รู้สึกว่าคยองซูดูน่าปกป้องจังเลย... ทั้งๆที่ตัวเองก็ปกป้องมานานแล้วน่ะนะ
     
    “เฮ้ยเป็นอะไร” คยองซูที่อธิบายส่วนที่ไม่เข้าใจให้คู่รักนินจาเสร็จก็ขยับตัวกลับมานั่งที่เดิมแต่แบคฮยอนก็ยังคงนั่งนิ่งมองก้มลงไปที่ไหนก็ไม่รู้ก็เลยลองขยับเข้าไปใกล้แล้วโบกมือผ่านหน้าดู
     
    “อ๊ะ.. เออ.. เปล่าๆ” แบคฮยอนสะดุ้งสุดตัวแล้วมองคยองซูที่ยื่นหน้าเข้ามาเสียใกล้เลย... ทำไมรู้สึกอยากจูบคนตัวเล็กตรงหน้าอีกแล้ววะ!
     
    “นึกว่าอ่านหนังสือแล้วสมองกลับซะอีก” ยิ้มให้หนึ่งทีแล้วก็ขยับตัวไปนั่งดีๆ คยองซูเก็บหนังสือและข้าวของลงกระเป๋าเพื่อเตรียมตัวไปสอบพร้อมกับเสียงออดเตรียมเข้าสอบดังขึ้นพอดี
     
    “โอ๊ะขึ้นห้องกันเหอะ” จงแดเก็บหนังสือและช็อทโน้ตต่างๆเข้ากระเป๋า
     
    “ยาใจของพี่จงอิน จะสอบแล้วขอกำลังใจให้พี่หน่อยสิ” จงอินหันทั้งตัวไปหาจงแดแล้วทำสีหน้าจะเข้าร้องไห้อ้อน จงแดหันมามองแล้วก็ขอกรอกตาเอือมระอาไปสักที เอาน่ะเล่นกับมันหน่อย
     
    “ตั้งใจสอบนะ” จงอินเบ้หน้าแล้วส่ายหน้าไปมา
     
    “ขอเยอะกว่านี้หน่อยสิ ถ้ายาใจของพี่ให้พรพี่จงอินเยอะๆพี่จะต้องสอบผ่านแน่ๆ” เออเอาเข้าไป แบคฮยอนที่หมั่นไส้ก็หยิบยางลบก้อนเขวี้ยงใส่หัวจงอินที่นั่งอยู่ตรงข้ามเลยแต่จงอินก็หลบได้ 
     
    “ตั้งใจสอบนะ” จงแดเอื้อมมือไปลูบหัวจงอินด้วย ดูไปก็คล้ายๆลูบหัวลูกหมาเลย.. แบคฮยอนแค่คิดไม่ได้พูดอะไรออกไป คยองซูที่หันมาเห็นแบคฮยอนยิ้มกริ่มก็ใช้ศอกถองเข้าให้เพราะรู้น่ะสิว่ากำลังด่าเพื่อนในใจอยู่แน่ๆ
     
    “น้องจงแดของพี่จงอิน!!!” จงอินที่โดนลูบหัวแบบนั้นก็ยิ้มกว้างทำหน้าดีใจประหนึ่งถูกรางวัลแล้วก็พุ่งตัวเข้าไปกอดจงแด
     
    “เฮ้ยปล่อยดิวะ!!” จงแดฟาดมือใส่หลังแต่จงอินก็ไม่ยอมปล่อยและก็แอบเนียนจูบที่ต้นคอของจงแดไปด้วยหนึ่งที จงอินกอดไม่ปล่อยจนจงแดก็ฟาดหนักๆนั่นแหละถึงจะยอมปล่อยแต่ก็ไม่ได้เจ็บอะไรนะกำลังดีใจและตื้นตันใจอยู่
     
    “ตั้งใจสอบนะตัวเอง~” ชานยอลที่ดูอยู่นานแล้วก็พูดล้อเลียนจงแดด้วยการบีบเสียงเล็กเสียงน้อย(ที่ฟังยังไงก็ยังไม่เล็กไม่น้อยอยู่ดี)พร้อมกับโผเข้าไปอิงแอบที่อกของคริส
     
    “จ๊ะพี่จะตั้งใจสอบนะยาใจของพี่~” คริสก็เอ่ยด้วยเสียงทุ้มต่ำแล้วลูบหัวชานยอล ดวงตาโตของชานยอลตวัดมองจงอินกับจงแดด้วยสายตาเอือมระอาใจแล้วแบะปากใส่
     
    “เลี่ยนมากไปเหอะ” ชานยอลขยับตัวออกจากอ้อมอกของคริสแล้วส่ายหน้าไปมา
     
    “พูดมากนะมึง” จงแดชี้นิ้วใส่ชานยอลด้วยสีหน้าจะเอาคืน ชานยอลก็ทำหน้ากลัวเสียเหลือเกินแล้วก็ขยับไปกอดแขนอ้อนคริส 
     
    “ขึ้นห้องสอบกันได้แล้วเล่นอยู่ได้เดี๋ยวก็เข้าห้องไม่ทันหรอก” คยองซูเอ่ยตัดบทเพราะถ้าไม่หยุดล่ะก็คิดว่าจงแดกับชานยอลคงจะได้เล่นกันอีกนาน ก็เป็นแบบนี้ล่ะแกล้งแหย่กันตลอด จงแด จงอิน คริสและชานยอลลุกขึ้นเดินออกจากโต๊ะไปยังทางขึ้นตึก แบคฮยอนกับคยองซูเดินอยู่รั้งท้าย
     
    “ไม่ให้กำลังใจกันบ้างหรอวะ” แบคฮยอนกำรอบข้อมือของคยองซูแล้วกระตุกเรียกเบาๆ ดวงตากลมหันไปมองแล้วก็ส่ายหน้า
     
    “ต้องให้ด้วยเหรอ?” คยองซูเลิกคิ้วขึ้น แบคฮยอนทำหน้าไม่ยอมแล้วชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง
     
    “นี่ใคร! คนพิเศษเลยนะให้กำลังใจกันด้วยดิวะ” คยองซูมองคนที่ทำท่าไม่ยอมเหมือนเด็กๆอดได้ของเล่นแล้วก็หัวเราะออกมา
     
    “อ่ะๆ ตั้งใจสอบนะคนพิเศษ ถ้าสอบตกก็นอนพื้นเลยนะ” แล้วพยอนแบคฮยอนก็เริ่มรู้สึกว่าตัวเองก็ไม่น่าไปแหย่คยองซูเล่นจริงๆ งานเข้ากูเลยไงล่ะ!!!
     
    “เอาจริงดิ” ถามด้วยความไม่มั่นใจแต่คยองซูก็พยักหน้ารับ
     
    “เอาน่าไม่ตกหรอกใช่ไหมล่ะให้กำลังใจดีขนาดนี้” คยองซูยักคิ้วให้ แบคฮยอนก็กดยิ้มมุมปากแล้วกอดล็อคคอคยองซูให้เข้ามาใกล้ๆก่อนที่จะกดริมฝีปากลงที่กระหม่อมของคยองซู คนที่อยู่ๆก็โดนกระทำแบบนั้นก็ทำหน้าตกใจตาโตจนแทบจะถลนเลยน่ะสิ 
     
    “กำลังใจดีแบบนี้ไม่ตกแน่ๆ ไม่อยากนอนพื้นอ่ะปวดหลัง” แบคฮยอนก็พูดไปเรื่อยเปื่อยไม่ได้มองเลยว่าคนในอ้อมแขนน่ะก้มหน้าเขินไปไหนต่อไหนแล้ว 
     
    ...อยู่ใกล้กันแบบนี้พยอนแบคฮยอนจะได้ยินเสียงของหัวใจของเขาไหมนะ...
     
    เพราะเป็นกลุ่มสุดท้ายที่มาถึงก็เลยได้ขึ้นลิฟต์กันแค่หกคน คริสกับชานยอลก็ซุกมุมยืนจูบกันไม่เกรงใจเพื่อนเลย อย่าว่าแต่มันไอ้คู่ทูจงที่ยืนตรงกลางก็เล่นกันนัวเนียไม่สนใจคนมองตาปริบๆเหมือนกัน อยากจะสอดปากไปถามพวกมันเหมือนกันว่าถ้าจะนัวไม่เกรงใจกูแบบนี้ไปเปิดห้องเอากันเลยไหม พวกมึงคิดว่านี่มันที่ไหนกันวะห๊ะ!
     
    ไอ้จงแดก็ทำเป็นสะดีดสะดิ้งตีมือ ตีแขนจงอินที่มาจับตรงนั้น กอดตรงนี้ โธ่.. ชอบล่ะสิมึง แล้วดูไอ้คริสดันไอ้ชานยอลเข้ามุมจนจะหลอมกับลิฟต์แล้วมั้งจะแนบชิดสนิทใจอะไรกันนักหนาวะ.. บอกตรงๆคืออิจฉาไง พอก้มลงมองคนในอ้อมแขนที่กอดล็อคคอไม่ปล่อยก็ไม่เห็นคนตัวเล็กจะหื้อจะอือจะอาอะไรกับเพื่อนที่กำลังจะได้เสียกันในลิฟต์เลยสักนิด
     
    แบคฮยอนก้มลงมองคนที่ยืนก้มหน้าจับแขนที่ล็อคคอตัวเองไว้แล้วก็เห็นเหมือนแก้มขาวแดงสีระเรื่อ ยิ่งเห็นก็เลยยิ่งอยากเห็นมากกว่านี้ แบคฮยอนขยับตัวยืนซ้อนหลังและเอื้อมมือเลื่อนเข้ากอดล็อคเอวแล้วเกยปลายคางไว้ที่ไหล่ของคนที่ยืนด้านหน้า ได้ผล... แก้มขาวค่อยๆซับสีแดงเข้มขึ้นอีกแล้ว ก็ถูกใจคนอยากเห็นเขานักล่ะ
     
    เมื่อลิฟต์เปิดทุกอย่างก็กลับคืนสู่ปกติ จงแดเดินนำออกจากลิฟต์โดยมีจงอินเดินยิ้มตามไม่ห่าง คริสกับชานยอลก็ออกจากมุมแล้วเดินออกจากลิฟต์อย่างไม่มีอะไรเกิดขึ้นเหมือนเมื่อกี้ไม่ได้มีเกือบได้เสียกัน คยองซูดันมือของแบคฮยอนออกแล้วเดินนำออกไปก่อน ลูกพี่พยอนที่ถูกใจก็ยิ้มแล้วเดินตามไปอย่างชิวๆ
     
     
     
     
    การสอบวันนี้ไม่ได้ยากอย่างที่คิด ทั้งหกคนนั่งสอบต่อกันกันเพราะรหัสนักศึกษาเรียงต่อกัน เริ่มที่คริส ชานยอล จงแด จงอิน แบคฮยอนและคยองซูที่สุดปลายของแถวพอดี เมื่อหมดสี่สิบห้านาทีแรกของการสอบจงอินกับแบคฮยอนก็ลุกขึ้นไปส่งข้อสอบหน้าห้องก่อนที่จะเดินออกจากห้องสอบไปรอที่หน้าห้องสอบ ไม่นานคริสกับชานยอลก็มาและตามด้วยจงแดและคยองซู
     
    “ทำได้ปะวะ” จงแดเอ่ยถามเสียงเบาเพราะยังไม่หมดเวลาสอบที่เขากำหนด
     
    “ก็ได้อยู่นะ” คยองซูตอบ ทุกคนก็พยักหน้าเห็นด้วย
     
    “ไปหาอะไรกินกันดีกว่า ไปไหนดีวะห้างดีมะ” แบคฮยอนเสนอ 
     
    “เอาดิอยากกินชาบู” ชานยอลเสนอทุกคนก็ตกลงเห็นดีด้วย คนที่ต้องรับหน้าที่สารถีก็ต้องยอมตกลง เมื่อทุกคนเห็นพ้องต้องกันก็พร้อมที่จะเคลื่อนทัพ
     
    “สวัสดีครับ” เสียงทักดังจากด้านหลังเรียกให้ทั้งหกคนหันไปมอง ผู้ชายรูปร่างสูงและหน้าตาดีคนนั้นยืนยิ้มอยู่ด้านหลัง รอยยิ้มและสายตาพุ่งตรงมาหาคนตัวเล็กสุดของกลุ่ม
     
    “อ้าวคุณ สวัสดีครับ” คยองซูยิ้มและทักทายเมื่อคนนี้คือคนที่เขาชนไปเมื่อวันก่อนโน้น
     
    “บอกแล้วว่าเราจะได้เจอกันอีก” คนทักยิ้มอารมณ์ดีแต่พยอนแบคฮยอนกำลังอารมณ์ไม่ดีสุดๆไปเลย!
     
    “ครับยินดี...”
     
    “ขอตัวก่อนนะพอดีพวกเรารีบ!!” แบคฮยอนเน้นคำว่ารีบแล้วก็คว้ามือของคยองซูลากไปเลย จงอินกับจงแดมองหน้ากันแล้วก็ตามไป ส่วนชานยอลก็มองหน้าของคนนั้นเคลิ้มเชียวพอเขาหันมายิ้มให้ก็ทำหน้าแดงจนคริสอยากจะหาอะไรมาเขกหัวให้สักที
     
    “ปาร์คชานยอล!” 
     
    “ห๊ะห๊ะ” เจ้าของชื่อสะดุ้งแล้วมองหน้าของคนข้างตัวปริบๆ พอเห็นสีหน้าโหดๆก็เลยส่งยิ้มเข้าให้แต่คริสก็ไม่ได้ลดอาการโมโหลงเลยสักนิด
     
    “ไป!” ชานยอลพยักหน้าแล้วเดินตามแต่ก็ไม่วายหันมามองแล้วก็โบกมือให้
     
    “ชื่อชานยอลนะ~!” คริสล็อคคอชานยอลมาเขกหัวเข้าให้หลายๆทีติดเลย ไอ้ตัวก่อเรื่องก็โวยวายไปสิใครจะสน
     
    คยองซูเหลือบตามองแบคฮยอนที่ดูหงุดหงิดและอารมณ์เสียก็รู้สึกสนุกอยู่ไม่น้อยแต่ก็ยิ้มให้เห็นไม่ได้หรอกเดี๋ยวก็ได้โดนดุเอาน่ะสิ ก็เลยได้แต่ก้มหน้าซ่อนรอยยิ้มไว้ไม่ให้ได้เห็น คยองซูมองมือของตัวเองที่ยังโดนจับไม่ปล่อย.. หึงฉันมากเลยสินะ หัวเสียมากเลยล่ะสิ
     
    แบคฮยอนกำลังรู้สึกงุ่นง่านและไม่เคยร้อนใจขนาดนี้มาก่อนเลยให้ตายสิ!! ไม่นานคริสที่เดินเขกหัวชานยอลก็มาพร้อมเสียงโวยวายของเจ้าตัวยุ่ง ชานยอลพองสองแก้มมองคริสแล้วก็ลูบหัวตัวเองที่โดนเขกไปแต่คริสก็ไม่สนใจล้วงหยิบกุญแจรถมาปลดล็อค แบคฮยอนเปิดประตูรถแวนสีดำห้าประตูของคริสออกแล้วลากคยองซูเข้าไปนั่งเบาะแถวที่สามหลังสุด
     
    ตามด้วยจงอินและจงแดแถวที่สอง ชานยอลก็ขึ้นนั่งที่ข้างคนขับ เมื่อทุกคนพร้อมรถแวนก็เคลื่อนตัวทันที ชานยอลที่เห็นว่าคริสอารมณ์ไม่ดีก็ขยับตัวเอนหัวไปพิงไหล่คนขับไว้ คนที่โดนอ้อมก็เลยยิ้มได้นิดหน่อย จงแดถอนหายใจแล้วก็ไม่ได้สนใจอะไรกับไอ้คู่หน้าอีก จงอินก็ขยับตัวมาพิงไหล่เลียนแบบชานยอลแน่นอนจงแดก็ไม่ได้ว่าอะไรอยู่แล้ว
     
    คยองซูมองแบคฮยอนที่นั่งหันหน้าออกนอกตัวรถด้วยสีหน้าหงุดหงิดก็วาดรอยยิ้มถูกใจอย่างไม่ปิดบัง ก็แหงล่ะใครจะมาเห็นอะไรกันล่ะ พอแบคฮยอนหันมามองก็ทำหน้านิ่งๆ ทำตาโตๆใส่มองคนที่หันมามอง แบคฮยอนถอนหายใจแล้วก็หันหน้ากลับไปมองนอกหน้าต่างเหมือนเดิม
     
    “เป็นอะไรน่ะ” คยองซูวางมือที่หน้าขาของแบคฮยอนแล้วเอ่ยถามเสียงเบา เพราะไม่อยากให้คนอื่นในรถได้ยินด้วยแต่แบคฮยอนไม่ยอมตอบ
     
    “แบคฮยอนบอกหน่อยดิเป็นอะไร” คยองซูเขย่าขาของแบคฮยอนไปด้วย คนที่กำลังหงุดหงิดเหลือบสายตามามองพอเห็นเพื่อนตัวเล็กทำหน้าตาน่ารักๆใส่แล้วก็อยากจะจับมาฟัดให้หายอยากเลย 
     
    “เป็นอะไร ไม่พอใจเหรอ?” แบคฮยอนเหลือบสายตามองแล้วเลื่อนมือจับมือของคยองซูไว้ที่ขาตัวเอง
     
    “รู้แล้วยังจะถามอีก” คยองซูเอียงคอมอง
     
    “ไม่พอใจอะไรล่ะ ไหนบอกมาสิ” แบคฮยอนถอนหายใจแล้วหันมามองคยองซู
     
    “ทำไมจะต้องไปคุยกับไอ้นั่นด้วยห๊ะ ไหนบอกเลื่อนสถานะแล้วจะไม่ยิ้มให้มันแล้วไง” คยองซูอยากจะหัวเราะจริงๆ ตัวเขาไปพูดตอนไหนตู่เอาชัดๆ
     
    “เอ้าก็เขาคุยมาจะให้ทำยังไงเล่า”
     
    “คราวหน้าไม่ต้องไปยุ่งกับมันเลยนะ แม่งไม่น่าไว้ใจแค่มองก็รู้แล้ว!” แบคฮยอนปิดบทสนทนานี้ด้วยการหันหน้าไปมองนอกตัวรถอีกครั้ง คยองซูที่มองอยู่ก็กดยิ้มมุมปากอีกครั้ง นายเริ่มเดินหมากตามเกมของฉันแล้วนะ รู้ตัวหรือเปล่าพยอนแบคฮยอน
     
    หึงฉันอย่างนั้นเหรอแบคฮยอน... หึงฉันให้เยอะๆ หงุดหงิดเรื่องของฉันให้เยอะๆ คิดถึงฉันให้มากๆเข้าไว้ล่ะ นายมันก็แค่ลูกไก่ในกำมือของฉันนั่นแหละ
     
     
     
     
     
     
     
    ในช่วงเวลาสอบแบบนี้ก็ไม่ค่อยได้ไปสุงสิงกับเพื่อนคนอื่นสักเท่าไหร่หรอกนอกจากจะเป็นวิชายากๆแล้วจะเรียกรวมตัวกันมาติวนั่นแหละแต่ส่วนใหญ่จะมีก็แต่คยองซูกับจงแดน่ะสิที่ได้ติว ที่เหลือถ้าไม่เล่นเกมก็นั่งกินขนมคุยเรื่องบอลกัน นับเป็นเรื่องราวดีๆของช่วงสอบจริงๆ
     
    คยองซูนั่งพิงหัวเตียงอ่านหนังสือก็จะมีแบคฮยอนนอนหลับอยู่ข้างๆ ช่วงสอบมันก็มักจะเป็นแบบนี้เสมอนั่นแหละ แม้ว่าแบคฮยอนจะอ่านหนังสือได้แค่ไม่กี่หน้าแล้วก็พล็อยหลับไปมันก็ยังดีกว่าที่แบคฮยอนจะออกไปเที่ยวไหนๆนั่นแหละนะ คนตัวเล็กปิดหนังสือที่อ่านวางเก็บไว้โต๊ะข้างเตียงแล้วก็ขยับตัวลงนอน คืนนี้ก็ดึกแล้วสมควรแกการนอนแล้วก็เตรียมสอบพรุ่งนี้
     
    พอล้มตัวลงนอนได้คยองซูก็พลิกตัวหันข้างไปหาแบคฮยอนที่นอนหงายหมดสภาพชายหนุ่มรูปหล่อของสาวๆไปเสียสิ้น ริมฝีปากอิ่มวาดกดรอยยิ้มแล้วมองแบคฮยอนที่นั่งอยู่ข้างๆอย่างขำขัน ใครจะได้แบคฮยอนในมุมแบบนี้กันนะนอกจากตัวเขาน่ะ ให้ตายก็ไม่ยอมให้ใครมาแย่งหรอก
     
    เช้านี้เป็นวันสอบวันสุดท้ายของทั้งอาทิตย์กว่าที่อยู่ในช่วงของเวลาการสอบและเป็นช่วงเวลาที่เหนเหนื่อย(?)เหลือเกินสำหรับการอ่านหนังสือของแบคฮยอน เช้านี้มีอภินันทนาการดีจากสุดหล่อประจำกลุ่มขับรถมารับถึงหน้าหอและไปส่งถึงหน้าตึก แหมซึ้งใจจังเลยครับ ขอผลบุญนี้ส่งผลให้ลูกพี่เจริญยิ่งๆขึ้นไปนะครับสาธุ~
     
    “น้องจงแดยาใจของพี่จงอินคิดถึงจังเลย~~” พอลงจากรถมาได้จงอินก็โผเข้ากอดจงแดทันที เพราะในรถที่นั่งมาเมื่อกี้คือแบคฮยอนกับจงอินถูกระเห็จให้ไปนั่งหลังสุด คยองซูกับจงแดนั่งด้วยกันที่แถวกลาง
     
    “อะไรเนี่ยปล่อย!” จงแดฟาดมือใส่หลังแต่จงอินก็ไม่ยอมปล่อย
     
    “นับวันๆไอ้นี่ยิ่งจะบ้าขึ้นทุกวัน” แบคฮยอนบ่นแล้วส่ายหน้าไปมาอย่างระอาใจ คยองซูก็ฟาดมือที่ต้นแขนแบคฮยอนไปไม่แรงนัก
     
    “ก็ไปว่าจงอิน” 
     
    “ก็มันจริงอ่ะดูดิ” แบคฮยอนชี้ไปทางจงอินที่ยังดื้อกอดจงแดไม่ยอมปล่อย ไหนจะกอดแล้วเหวี่ยงตัวจงแดอีก คยองซูมองตามก็เริ่มรู้สึกจะเห็นด้วยแล้วล่ะ
     
    “อ้าวแล้วคริสกับชานยอลไปไหน” จงแดที่หนีอ้อมกอดปลาหมึกของจงอินมาได้ก็หันมาถามแบคฮยอนกับคยองซูที่ก็หันมองรอบตัวเหมือนกัน
     
    “แวบหายอีกแล้วไอ้สองคนนี้นิ ว่าแต่มันล็อครถหรือยังน่ะ” พอแบคฮยอนเอื้อมมือไปลองเปิดประตูก็เห็นว่ามันล็อคแล้วเรียบร้อย พวกมันล็อครถแล้วหายไปตอนไหนวะ!!
     
    “เอาน่าไปที่โต๊ะเหอะบางทีอาจจะเดินไปก่อนก็ได้” แบคฮยอนพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของคยองซู 
     
    พอมาถึงที่โต๊ะก็เจอคริสกับชานยอลจริงๆ ชานยอลดูดตัวดูดในมือแล้วโบกมือให้เพื่อนๆ ส่วนคริสก็นั่งกดหน้ากดโทรศัพท์ไป ทั้งสี่คนที่เพิ่งเดินมาถึงมองหน้ากันเองแล้วสงสัยว่าพวกมันมากันตอนไหน เดินกันมายังไงแล้วไปร้านขายของในมอ.ก่อนมานี่ได้ยังไงอย่างไว!
     
    นั่งกันได้สักแปบก็ต้องขึ้นห้องสอบกันแล้ว วันนี้ขึ้นลิฟต์รวมกับคนอื่นเพราะฉะนั้นก็จะไม่มีฉากบาดใจพี่พยอนให้ได้เห็น หมั่นไส้พวกมันตะหงิดๆแต่รู้สึกตงิดกว่าก็ไอ้ผู้ชายคนนั้นที่เดินเข้าลิฟต์มาคนสุดท้ายเนี่ยแหละ เดินยิ้มเข้าลิฟต์มานี่หมายความว่ายังไงวะ!!
     
    พอถึงชั้นประตูลิฟต์เปิดมันก็เดินออกไปยืนรอแล้วยืนยิ้มอยู่แบบนั้น นี่ต้องการอะไรไม่ทราบว๊ะห๊ะ!!! คยองซูยิ้มแล้วเดินออกมาจากลิฟต์เพราะเห็นว่าผู้ชายคนนั้นที่เจอกันมาสามรอบแล้วส่งยิ้มมาให้ 
     
    “เจอกันอีกแล้ว” คยองซูเป็นคนเอ่ยทักก่อน ผู้ชายคนนั้นก็ยิ้ม
     
    “ครับ สวัสดีครับทุกคน” เมื่อเห็นเพื่อนๆของคนตัวเล็กตรงหน้าออกมาก็เอ่ยทักทาย
     
    “วันนี้คุณมีสอบที่ชั้นนี้เหมือนกันเหรอ” คยองซูส่งยิ้มให้ คนที่ได้รับก็ยิ้ม แต่ไอ้คนที่ยืนมองนอกสนทนานี่สิยิ้มไม่ออก อยากกระทืบคนใจจะขาด!
     
    “ครับผมสอบอีกฟากนึงน่ะ” ก็แล้วมึงขึ้นลิฟต์ตัวนี้มาทำพระแสงของ้าวอะไรวะ!!!! ยัง... แบคฮยอนยังไม่ได้ตะโกนถาม
     
    “ดีจัง โชคดีนะครับกับการสอบ” แล้วคยองซูก็วาดส่งรอยยิ้มกว่างให้ ไอ้คนที่ยืนเท้าเอวกระดิกเท้าอยู่ก็องค์ลงเลยน่ะสิ
     
    “เช่นกันครับ ถ้าสอบเสร็จแล้ว...”
     
    “โทษทีนะต้องเข้าห้องสอบแล้ว สอบเสร็จก็ไม่ว่างหรอก ลาขาด!” แบคฮยอนยกมือให้แล้วเกี่ยวเอวคยองซูลากออกมาเลย เขาคนนั้นมองตามด้วยความไม่เข้าใจและแน่นอนว่าจงแดที่จะอ้าปากคุยก็โดนจงอินปิดปากแล้วลากออกไปเหมือนกัน
     
    “ไว้เจอกันนะ” ชานยอลโบกมือลา คริสก็เลยล็อคคอแล้วลากให้เดินตามมา ทิ้งเขาคนนั้นให้ยืนทำหน้างงอยู่หน้าลิฟต์คนเดียว
     
    “อะไรเนี่ยปล่อยนะแบคฮยอน!!” คยองซูตีมือที่เกี่ยวเอวตัวเองรัวๆ แบคฮยอนลากคยองซูเข้าห้องสอบแล้วพาไปส่งถึงที่นั่งเลย พอเหวี่ยงคยองซูให้ลงนั่งที่เก้าอี้ได้ก็ยืนเท้าเอวทำหน้าไม่พอใจใส่
     
    “ก็บอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าไปยุ่งกับมัน!” แบคฮยอนเท้าเอวแล้วขวมวดคิ้วมุ่นจนหน้าจะยับอยู่แล้ว คยองซูมองหน้าแบคฮยอนแล้วกรอกตา
     
    “อะไรอีกล่ะเขาคุยมายิ้มมาจะให้ไปกระโดดถีบเขาหรือไง ประสาทกลับหรือไง” คยองซูถอนหายใจแล้วส่ายหน้าไปมามองแบคฮยอนด้วยสายตาระอาใจ
     
    “เออกระโดดถีบไปเลย ไม่ทำเดี๋ยวทำเอง”
     
    “พยอนแบคฮยอน!!” คยองซูตบโต๊ะแล้วลุกขึ้นยืน ห้องทั้งห้องเงียบกริบ ไม่มีใครขยับและก็ไม่มีใครพูดอะไรเพราะตกใจเสียงตวาดของคยองซู
     
    “ประสาทกลับหรือไงไปนั่งที่เลยไป!!” คยองซูชี้นิ้วไปที่โต๊ะตรงหน้าแต่แบคฮยอนก็ไม่ยอมกลับยังจะมายืนเท้าเอวทำหน้าหาเรื่องอยู่อีก
     
    “อยากนอนพื้นใช่ไหม”
     
    “อุ้ยแม่จ๋าอย่าโหดดิ~~” แค่ประกาศิตคำเดียวแบคฮยอนก็ยิ้มหวานแล้วเกาะแขนคยองซูอย่างอ้อนๆ
     
    “ไม่เอาไม่นอนพื้นนะ” แบฮยอนทำตาใสกระพริบปริบๆเข้าอ้อน คยองซูเหลือบสายตามอง
     
    “ไปนั่งที่เตรียมสอบเลยไป”
     
    “รับทราบครับ!” ตะเบ๊ะท่าให้เสร็จสรรพก็รีบไปนั่งที่ตัวเองทันที แล้วทุกอย่างก็คืนกลับสู่ปกติ คยองซูส่ายหน้าไปมาลงนั่งแล้วก็แอบอมยิ้มกับตัวเอง 
     
    คยองซูนั่งเท้าคางกับโต๊ะมองแผ่นหลังกว้างของคนตรงหน้าแล้วก็ยิ้มก่อนที่จะยกมือขึ้นมาทำท่าเคาะที่หัวของแบคฮยอนสักหนึ่งทีถ้วน ตัวเขาก็พอรู้หรอกว่าแบคฮยอนนะบ้า... แต่ไม่คิดว่าจะบ้าจริงๆ
     
    ทุกๆวันที่อยู่กับแบคฮยอนน่ะเป็นวันที่มีความสุขที่สุดเลยนะ.. แล้วใครอีกคนล่ะเป็นเหมือนกันบ้างหรือเปล่า
     
    “สอบเสร็จแล้ววววววววววว!!!” พอออกมาจากห้องได้แบคฮยอนกับจงอินก็ตะโกนลั่น
     
    “ลงไปเลยไปเขายังสอบกันอยู่!!” อาจารย์เปิดประตูมาด่า พวกมันสลดไปนิดหน่อยพออาจารย์ปิดประตูก็ทำท่าดีใจกันอีกรอบ
     
    “ตกลงว่าไงไปทะเลเมื่อไหร่ดี พรุ่งนี้เลยมะ?” จงอินหันไปถามทุกคนเมื่อตอนนี้กำลังยืนอยู่ในลิฟต์ เพราะเป็นมิดเทอมก็เลยมีวันหยุดได้ไม่เยอะเท่าไหร่
     
    “เออพรุ่งนี้เช้าเลย นี่ไม่ค่อยอยากไปหรอกนะ” ทุกสายตาหันไปมองแบคฮยอนที่บอกว่าไม่อยากไป
     
    “นี่ขนาดไม่อยากไปนะ” แบคฮยอนหันไปยักคิ้วใส่จงแด
     
    “เออนี่ไม่ค่อยอยากหรอกว่าแต่พรุ่งนี้เช้านะ โอเคตามนี้” เออพ่อคนไม่อยากไป!!
     
    หลังจากคริสมาส่งถึงหน้าหอคนที่บอกว่าไม่อยากไปก็เตรียมตัวจัดกระเป๋าแล้ว คยองซูที่นั่งพับเสื้อผ้าอยู่บนเตียงก็ส่ายหน้าไปมา จริงๆเก็บพรุ่งนี้เช้าก็ทันแต่พ่อคนไม่อยากไปดูจะตื่นเต้นเหลือเกินก็ไม่รู้ว่ามีเรื่องอะไรดีๆหรือยังไง จัดกระเป๋าเสร็จแบคฮยอนก็เดินมาทิ้งตัวนอนบนเตียงใกล้ๆกับคยองซูที่นั่งพับเสื้อผ้าเก็บใส่กระเป๋าเสื้อผ้าให้เรียบร้อย
     
    “ดูจะตื่นเต้นเหลือเกินนะ มีอะไรหรือไง” แบคฮยอนหันไปยิ้มกว้างให้
     
    “ไม่มีหรอกก็แค่อยากเปลี่ยนบรรยากาศไง ไอ้ชานยอลมันเคยเอารูปมาให้ดูตอนโน้นจำได้ว่าสวยเลยอยากไปเห็นเร๊วๆ” คยองซูหรี่สายตามองแบคฮยอนที่ยังยิ้มตาหยีเป็นอาแป๊ะขายน้ำเต้าหู้
     
    “จะไปส่องสาวๆริมชายหาดล่ะสิ” คนที่โดนรู้ทันก็ทำตาโตมองคนที่นั่งหรี่สายตามอง
     
    “แหมรู้ทัน” คยองซูหัวในเบาๆในลำคอ
     
    “หัวสมองนายจะคิดอะไรได้อีกนอกจากเรื่องพรรค์นี้ หื้ม?” คยองซูจิ้มหัวแบคฮยอนย้ำหลายๆที
     
    “โห้ย~ ก็มีหรอก~~” แบคฮยอนจับมือของคยองซูไว้แล้วมองจ้องตากับคนที่ทำหน้าเหมือนไม่เชื่อว่านอกจากเรื่องใต้สะดือแล้วในหัวของแบคฮยอนจะมีอะไรอีก
     
    “ไหนบอกมาดิ๊ว่ามีอะไร” แบคฮยอนยิ้มกว้างจนดวงตาเป็ดขีดโค้งแล้วใช้มืออีกข้างชี้นิ้วมาที่ตัวคนถาม
     
    “ก็มีเรื่องของคนนี้ไง” คยองซูที่ได้ยินแบบนั้นอยู่ๆก็รู้สึกเหมือนได้ยินเสียงอะไรในตัวระเบิดเองจากนั้นไอร้อนก็แผ่กระจายไปทั่วทั้งตัวเลย แบคฮยอนทำตาโตตกใจแล้วลุกขึ้นนั่ง
     
    “เขินเหรอ? มึงเขินเหรอ มึงเขินจริงดิ!!” คยองซูปิดหน้าแล้วเบี่ยงตัวหนีแบคฮยอนที่ลุกขึ้นมาอ้อมหน้า อ้อมหลังพยายามจะดูว่าเขาน่ะเขินหรือเปล่า ทั้งๆที่ก็เห็นอยู่แล้ว
     
    “เขินเหรอ เขินกูเหรอ คยองซู~~” 
     
    “ไม่ได้เขินเว๊ย!!” คยองซูเอามือออกแล้วมองจ้องหน้าแบคฮยอนด้วยสีหน้านิ่งๆ แต่ถึงจะนิ่งแก้มก็ยังแดงและริมฝีปากก็เม้มแน่นเชียว
     
    “เขินอ่ะดิ~ แหมโกหกไม่เนียนนะครับ” 
     
    “ก็บอกว่าไม่ได้เขินไงเล่า!!” แบคฮยอนหัวเราะเบาๆแล้วแนบสองมือกับแก้มร้อนของคยองซู ช้อนแก้มคนเขินอายให้เงยหน้าขึ้น นัยน์ตากลมมองใบหน้าวาดรอยยิ้มที่อยู่ห่างไม่ไกลนั้นขยับเลื่อนเข้ามาช้าๆ ริมฝีปากบางกดทาทบกับริมฝีปากสีหวานแผ่วเบาก่อนที่จะกดแรงสัมผัสลงไป
     
    “นี่ไงเขินอยู่จริงๆด้วย” คยองซูที่ยังประมวลผลไม่ทันก็ได้แต่นั่งนิ่งแต่ใบหน้าแดงจัด แบคฮยอนที่เห็นแบบนั้นก็ชอบใจเอาน่ะสิ
     
    “ไอ้บ้าไม่คุยด้วยแล้ว!!!” คยองซูผลักอกแบคฮยอนให้ออกห่างแล้วขยับตัวไปล้มตัวลงนอนแล้วห่มผ้าคลุมมิดหัว แบคฮยอหัวเราะแล้วเขย่าตัวคยองซู
     
    “ไม่เก็บเสื้อต่อเหรอยังไม่เสร็จเลยนะ”
     
    “ไม่เก็บแล้วจะนอน!!” พยอนแบคฮยอนก็ยิ่งหัวเราะถูกใจ ชอบใจนักหนาล่ะ ถ้าคยองซูไม่เก็บเดี๋ยวพี่พยอนเก็บให้เอง! แบคฮยอนขยับตัวไปนั่งแทนที่คยองซูแล้วพับเก็บเสิ้อผ้าต่อให้เสร็จเรียบร้อย พับเก็บเสื้อผ้าไปก็หันไปมองคนตัวเล็กที่นอนหันหลังคลุมโปงไป มีความสุขจนเผลอยิ้มกว้างแบบไม่รู้ตัวเลย

     
    คยองซูเวลาที่ทำหน้าแดงๆนี่น่ารักชะมัดเลยว่ะ!! อยากเก็บไว้ดูเล่นคนเดียวอ่ะ!!

     
    เฮ้ยเดี๋ยว!! นั่นเพื่อนนะเว๊ยจะมาเก็บเกิบอะไรกันล่ะ สติครับสติ! เพื่อนนั่นเพื่อน จำไว้เว๊ย!! 

     
    บอกตามตรงพยอนแบคฮยอนกำลังกลัวอะไรสักอย่างส่วนลึกของใจ เขาไม่อยากเสียเพื่อนที่แสนดีและน่ารักอย่างคยองซูไป เพราะถ้าเสียไปแบคฮยอนจะไปหาเพื่อนดีๆแบบนี้ได้ที่ไหนอีกล่ะ 
     

     
     
    ...ก็บนโลกใบนี้มีโดคยองซูแค่คนเดียว...
     
     
     
     
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×