ลำดับตอนที่ #4
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : Chapter 4
เหนื่อยตาม ..... ความรักมักจะทำให้เราเจ็บปวดเสมอ แต่เราก็เลือกที่จะเจ็บปวดเพราะมัน ทำไมกันนะ...?
รู้สึกอยากร้องไห้แต่ร้องไม่ออก ... TT TT
ปล. สุขสันต์วันมาฆบูชาค่ะ อิอิ
ปล2. (ไม่ใช่ปล้ำพี่ลู่นะคะ 55555) แอบเห็นมีคนตามหหาตัวเราด้วย 5555555 อันนี้มาต่อแล้วนะคะ~
________________________________
ชานยอลนั่งคู้ตัวอยู่บนเตียงพยายามห่อตัวให้เล็กที่สุด หยดน้ำตาที่ไหลรินจากดวงตาไหลผ่านหัวเข่าหยดลงที่พื้นเตียง นี่สินะ.. น้ำตาเช็ดหัวเข่าน่ะ ตอนนี้ตัวเขารู้ซึ้งดีเลยแหละ เจ็บไปทั้งตัวและหัวใจ โซ่ที่ล่ามขาของตัวเขายังคงอยู่ นี่กี่วันแล้วนะที่เขาต้องทนอยู่สภาพแบบนี้ อยู่แค่ในห้องนี้กับโซ่ล่ามที่กักขังตัวเขาไว้
รอบข้อมือและข้อเท้ายังคงมีรอยแดงช้ำอยู่เลย ชานยอลเงยหน้าขึ้นปาดน้ำตาเมื่อบานประตูห้องนอนถูกเปิดเข้ามา คริสเดินเข้ามาด้วยสีหน้าเรียบเฉยแต่ดวงตาคู่คมนั้นยังฉายแววโกรธอยู่ คริสกระชากแขนชานยอลให้ลงจากเตียงแล้วเดินตามมา ชานยอลที่โดนลากก็ถลาเดินตามไป โซ่ตรวนที่ล่ามข้อเท้าตัวเองนั้นก็ยาวมากพอที่ชานยอลจะเดินไปที่ห้องครัวเพื่อนั่งกินข้าวเช้าได้
คริสเลือกที่จะไม่สนใจใบหน้าน่ารักที่แดงเรื่อและคราบหยดน้ำตาที่ไหลริน แม้จะได้สายตาตัดพ้อแต่ตัวเขาก็จะไม่ใจอ่อนอีกแล้ว เขาไม่อยากเสียชานยอลไปและจะไม่ยอมยกชานยอลให้ใครหน้าไหนทั้งนั้น!
“กินซะ” น้ำเสียงทุ้มเอ่ยบอกด้วยเสียงนิ่งเฉย ชานยอลเหลือบตามองแล้วหันหน้าหนี คริสบีบปลายคางแล้วหันหน้าชานยอลให้หันมาทางตัวเอง
“อย่าแข็งข้อ กินเข้าไปซะ” ชานยอลผินหน้าหนีไปอีกด้าน คริสเลิกสนใจชานยอลแล้วเดินออกจากห้องครัวไป
“นายจะไปไหน” คริสเหลือบสายตามองแต่ก็ไม่ได้ตอบคำถามนั้น คริสเดินออกจากห้องไป ชานยอลปิดเปลือกตาลงกลั้นน้ำตาไว้แต่บางส่วนก็ยังไหลรินผ่านแก้มลงไป
เมื่อเสียงบานประตูถูกปิดดังขึ้นชานยอลก็ฟุบหน้าลงกับโต๊ะแล้วปล่อยหยดน้ำตาให้ไหลรินอย่างไม่เก็บกั้น สะอื้นฮักแทบขาดใจ คริสทิ้งเขาให้อยู่คนเดียวอีกแล้ว ทิ้งให้เขาจมอยู่กับความปวดร้าวเพียงลำพังอีกแล้ว รอยบาดแผลที่โดนกรีดซ้ำแล้วซ้ำเล่าเมื่อไหร่มันจะหายดี ถ้าเพียงแต่เขาตายไปเรื่องทุกอย่าง ความเสียใจที่ปวดร้าวนี้มันจะจบหรือเปล่านะ
ชานยอลที่กินอะไรไม่ลงก็ลุกขึ้นหมายว่าจะเดินกลับเข้าห้องนอนไปแต่ทว่าอยู่ๆคำพูดบางประโยคก็ผ่านเข้าโสตประสาท ...ถือว่าขอร้องก็ได้มันไม่กินแต่นายต้องกินนะฉันเป็นห่วงนายมากนะชานยอล... เพื่อนคนสำคัญของตัวเขายังเป็นห่วงตัวเขาเลยแล้วทำไมคนที่ขึ้นชื่อว่าคนรักถึงได้ทำกับเขาแบบนี้กันนะ
คริส... นายไม่รักฉันแล้วเหรอ
ชานยอลลงนั่งที่เก้าอี้อีกครั้งแล้วเริ่มลงมือกินข้าวเช้าที่คนใจร้ายทำไว้ให้ แม้จะไม่ได้รสชาติดีเลิศเหมือนพวกอาหารภัตตราคารแต่เวลาที่ได้กินอาหารฝีมือของคริสชานยอลก็มักจะรู้สึกเต็มปลื้มทุกครั้งแต่ครั้งนี้มันกลับรู้สึกหน่วงอยู่ภายในอก .. รักมากก็เจ็บมาก แต่ตัวเขาไม่เคยเกลียดคริสเลยสักครั้ง
“ไงวะไอ้แพนด้าป่วยไม่ได้นอนหรือไงตาดำมาเชียว” แบคฮยอนเอ่ยทักลูกน้องคนสำคัญแล้วก็มองใบหน้าของเทาที่มีร่องรอยของความเหนื่อยล้า ถุงใต้ตาและขอบตาที่ดำเกินกว่าปกติ
“ก็นิดหน่อยน่ะครับหัวหน้า” เอ่ยตอบหัวหน้าที่สูงแค่ไหล่เขาไปก็จัดการกดน้ำร้อนใส่แก้วกาแฟของตัวเองไป
“เอากาแฟสักถ้วยไหมครับหัวหน้า”
“เออก็ดี แล้วทำไมวะมีเรื่องอะไรกับหวานใจหรือเปล่าเล่าได้นะเว๊ย” ใจจริงก็คืออยากให้กำลังใจแต่อีกส่วนก็คือพยอนแบคฮยอนอยากรู้มาก เทาถอนหายใจแล้วก็ก้มหน้าก้มตาชงกาแฟให้หัวหน้าไปโดยที่ไม่พูดอะไรออกมา ไม่รู้ว่าจะเริ่มเล่าตรงไหนก่อนดี
“อย่าเครียดนักสิวะ เอางี้..” แบคฮยอนตบไหล่เทาสามทีเบาๆ “ถ้าอยากพักเมื่อไหร่ก็บอกเดี๋ยวจัดที่พักให้อย่างงามเลยพร้อมวันลาหยุดให้อีก สนมะๆ?”
“จะดีเหรอครับหัวหน้า” แบคฮยอนกอดอกแล้วหรี่ตามอง
“หรือจะไม่เอา?”
“เอาดิครับแหม.. หัวหน้าสุดหล่ออุตส่าห์ให้ทั้งที~” แบคฮยอนที่ถูกใจคำชมนั้นก็ยักคิ้วให้แล้วหยิบถ้วยกาแฟขึ้นมาถือไว้
“อย่าเครียดมากนักเลยวะ ถ้ามีปัญหาก็คุยกัน เคลียร์กันเดี๋ยวก็ดีกันเองนั่นแหละ ไปล่ะต้องไปเต๊าะเลขาหน้าห้องท่านต่อ” แล้วหัวหน้าตัวเล็กของเขาก็เดินออกจากห้องไป เทาถอนหายใจแล้วหยิบมือถือขึ้นมากดเปิดหน้าจอที่เป็นรูปคู่ของเขากับคนที่คิดถึง
“ฉันอยากสู้นะแต่นายไม่ให้โอกาสฉันแม้แต่จะลงสนาม... ฉันควรทำยังไงต่อไปดีชานยอล”
หลายวันแล้วที่เทาทำงานอย่างไม่มีสมาธิ.. ใครกันล่ะจะมีสมาธิ เขาเป็นแค่เพื่อนเขาก็ควรอยู่แค่ในฐานะเพื่อนแต่เขาก็ทำไม่ได้ เขาห่วงชานยอล อยากให้ชานยอลมีความสุข อยากเห็นรอยยิ้มของชานยอลมากกว่าเห็นน้ำตาอย่างทุกวันนี้ ตัวเขาจะโทรก็ไม่กล้าโทรไป จะส่งข้อความก็ไม่กล้าเพราะกลัวว่าผู้ชายคนนั้นที่ได้กุมหัวใจของคนที่เขาเฝ้าถนอมจะอยู่แล้วจะเกิดปัญหาขึ้นอีก
ถ้าวันนั้นตัวเขาไม่ไปหาชานยอลมันก็คงจะดีกว่านี้ ฮวางจื่อเทากำลังคิดโทษตัวเองว่าเหตุการณ์ทั้งหมดมันอาจจะเกิดขึ้นเพราะตัวเขาก็ได้ ตั้งแต่สมัยเรียนแล้วสายตาของคริสที่มองมาที่ตัวเขามักจะเย็นชาและเรียบเฉยเสมอ ต่างจากสายตาที่มองชานยอลมันเต็มไปด้วยความอ่อนโยน เพียงเท่านี้ตัวเขาก็พอจะรับรู้แล้วว่าเพื่อนคนใหม่กำลังคิดอะไรกับเพื่อนของเขา
และมันก็เป็นดั่งที่คิดเมื่อชานยอลเดินมาบอกว่าเป็นแฟนกับคริสแล้ว คนที่เฝ้ารอและเฝ้าคอยห่วงใยอยู่ใกล้ๆตลอดมาแทบจะใจสลาย แม้จะเจ็บเจียนตายแต่ก็ต้องฝืนทนยิ้มแล้วยินดีกับความรักที่คนที่แอบรัก ความรักของชานยอลกับคริสเป็นสีชมพูหวานละมุนจนตัวเขาสัมผัสได้และไม่กล้าอยู่ใกล้ๆเพราะกลัวว่าจะเข้าไปแทรก
แต่แล้วสายตาของคริสที่มองมาที่ตัวเขาก็เปลี่ยนไปพร้อมกับคำสั่งห้ามไม่ให้ชานยอลเข้าใกล้ตัวเขาอีก คริสดูหวงชานยอลมากขึ้น และนั้นก็ทำให้ตัวเขาต้องยอมปล่อยมืออีกข้างของชานยอลออกแล้วเฝ้ามองดูคนทั้งสองรักกัน ใครว่ามองเห็นคนที่รักแล้วเรามีความสุขก็พอใจแล้ว.. ช่างน่าตลก เพราะในความเป็นจริงมันเจ็บปวดอยู่ข้างใน เหมือนมีหนามทิ่มตำในอกอยู่ตลอดเวลาจะบ่งมันออกก็ไม่ได้ จะเลิกคิดถึงความเจ็บปวดก็ไม่ได้
ฮวางจื่อเทากำลังนึกโทษตัวเอง บางทีเขาอาจจะเป็นต้นเหตุที่ทำให้ชานยอลไม่มีรอยยิ้มก็เป็นได้
“เฮ้อ...” เทาฟุบหน้าโต๊ะลงกับโต๊ะทำงานอย่างคิดไม่ตก เหมือนทางข้างหน้ามันตันไปหมดแล้วแบบนี้เขาควรจะเดินไปทางไหนดี
กำลังนอนคิดมากมายจนหัวแทบระเบิดอยู่ๆมือถือที่วางคว่ำหน้าไว้ก็สั่นครืดคราดพร้อมกับเสียงเรียกเข้า เทาคว้าเจ้าตัวส่งเสียงดังขึ้นมาดูก็ได้แต่ประหลาดใจเพราะชื่อคนที่โทรมานั้นไม่ใช่คนน่ารักตาโตคนนั้นแต่กลับเป็นอีกคน
“มีอะไรคริส” กรอกเสียงถามลงไปด้วยความสงสัย เพราะไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะโทรมาหา
“อืม.. ถ้าเลิกงานแล้วจะไป” อีกฝ่ายโทรมาขอเจอและบอกเวลาสถานที่มาเรียบร้อย แม้จะแปลกใจสักหน่อยก็เถอะ แต่ก็ยังดีถ้ามีอะไรที่ควรเคลียร์ก็น่าจะเคลียร์กันสักที คุยให้มันรู้เรื่องไป .. เรื่องมันจะได้จบๆสักที
หลังเลิกงานเทาก็ไปตามที่ๆนัดหมายกันไว้ แม้จะช้าไปสักสองชั่วโมงเพราะต้องเข้าประชุมด่วนเพื่อปิดหนังสือเล่มใหม่ แม้จะแปลกใจว่าทำไมถึงเป็นทีนี่แต่ก็ยอมไปแต่โดยดี ลูกผู้ชายก็มักจะตัดสินกับด้วยวิถีของลูกผู้ชายใช่ไหม? ซึ่งเทากับคริสก็เป็นแบบนั้นมักจะตัดสินกันด้วยวีถีของลูกผู้ชาย
สถานที่นี้เป็นสถานที่ที่ตัวของเทาและคริสมักจะใช้ตัดสินกันเป็นประจำสมัยเรียน พวกเขามักจะหลบชานยอลมาตัดสินกับทุกเรื่องที่ไม่ลงรอยกันและแน่นอนมันจะต้องเป็นเรื่องของคนน่ารักตากลมนั้นเสียแทบทุกครั้ง พอชานยอลเห็นร่องรอยบนหน้าก็จะคิดว่าพวกเขาไปมีเรื่องกับคนอื่นแล้วก็จะบ่นจนหูแทบชา ชานยอลมักจะเป็นห่วงเทาแต่ก็ไม่มากเท่ากับที่เป็นห่วงคริส
ครั้งหนึ่งชานยอลแอบตามมาเห็นตอนที่พวกเขาตัดสินกันเรียบรอยแล้ว คนแรกที่ชานยอลเป็นห่วงคือใคร... พวกคุณเดาถูกกันไหมล่ะ?
“มีอะไรเรียกกูออกมาทำไม” เทาเดินเข้าไปยังลานกว้างของสวนสาธารณะก็เห็นคริสยืนสูบบุหรี่อยู่แถวนั้น ควันสีขาวลอยเอื่อยรวมกับมวลอากาศก่อนที่จะมันจะจางหายไป กลิ่นไอเย็นๆที่ได้กลิ่นไม่ได้ทำให้ตัวของเทารู้สึกหวาดกลัวคนตรงข้ามเลยสักนิด
“คิดว่ามึงจะรู้ซะอีก” คริสยิ้มเยาะใส่ก่อนที่จะทิ้งบุหรี่มวนนั้นแล้วใช้ลายเท้าขยี้เหยียบดับไฟปลายมวนให้มอดดับ
“กูไม่ใช่มึงกูจะไปรู้หรือไง” เทาไหวไหล่พร้อมกับหัวเราะหึใส่อย่างไม่ทุกข์ร้อน ดวงตาคมตวัดมองคนมาใหม่อย่างไม่สบอารมณ์
“กูก็คิดว่ามึงจะฉลาดกว่านี้ซะอีก เห็นลักลอบขโมยกินของคนอื่นอยู่ได้ตั้งนาน” คริสกระตุกมุมปากยกยิ้มแล้วส่งสายตาดูแคลนจื่อเทาอย่างไม่ปิดบัง
“มึงดูถูกกูมากเกินไปแล้วนะไอ้คริส!!!” เทาตวาดเสียงกร้าวแต่คริสก็เลิกคิ้วแล้วเอียงคอใส่
“ก็ถูกแล้วไง กูก็ไม่ได้มองมึงผิดนิของมันเห็นๆกันอยู่.. ขาดก็แต่บนเตียงแค่นั้นเอง” เทาที่ทนไม่ไหวพุ่งเข้าประชิดตัวแล้วกำคอเสื้อของคริสขึ้น ดวงตาเรียวจ้องเขม็งอย่างเกรี้ยวโกรธ
“มึงอย่ามาพูดจาต่ำๆแบบนี้อีก” คริสปัดสองมือของเทาทิ้งแล้วดันอกของอีกคนให้ถอยห่าง
“ทำไม? ต่ำ... แล้วสิ่งที่มึงทำสูงมากงั้นสิ?” เทามองคนตรงหน้าแล้วพยายามระงับอารมณ์ที่อยากจะตั๊นหน้ามันสักหมัด สองหมัด
“มึงเรียกกูออกมาทำไมพูดมาเลยดีกว่า ไม่ต้องมาอ้อมค้อมให้มากความ” คริสไหวไหล่แล้วยกยิ้มมุมปาก
“ก็ดี... กูแค่อยากจะมาบอกมึงว่ามึงควรเลิกยุ่งกับชานยอลได้แล้ว เขาเป็นของกูไม่ว่าจะยังไงก็ตาม” เทาที่ยืนฟังอยู่คล้ายกับโดนน้ำเย็นสาดเข้าใส่ มันวูบโหวงไปทั้งร่างจนแทบจะยืนไม่ไหว ความจริงข้อนี้ที่หนียังไงก็ไม่พ้น
“ต่อให้มึงจะเข้ามาแทรกอีกกี่ที ชานยอลก็ยังเป็นของกู”
“มึงมันก็แค่หมาหวงก้าง ถ้าไม่รักชานยอลก็ปล่อยเขาไปสิจะรั้งเขาให้มาเจ็บกับมึงทำไม” ไม่รู้ทำไมเทาถึงได้ยินว่าเสียงของตัวเองดูสั่นๆ คริสมองเทาแล้วยกยิ้ม
“ใครบอกว่ากูไม่รักชานยอล” แล้วคริสก็เดินเลยผ่านเทาออกไป ทิ้งให้เทายืนอยู่ตรงนั้นคนเดียว รอบตัวของเทานั้นดูเงียบสงบไร้เสียงหวีดหวิวของสายลม ยืนนิ่งค้างนานอยู่อย่างนั้น
เวลาที่พวกเขาทั้งสองมาที่นี่พวกเขามักจะตัดสินด้วยกำลังเพื่อให้รู้ว่าใครเป็นฝ่ายชนะและฝ่ายแพ้.. และทุกครั้งตัวเขาจะเป็นฝ่ายแพ้
ครั้งนี้ก็เช่นกัน ขนาดที่ยังไม่ได้ซัดกันสักหมัดแต่ทำไมฮวางจื่อเทาถึงรู้สึกว่าตัวเองนั้นแพ้ราบคาบ ตัวเขาก็ไม่เคยชนะคริสได้สักครั้งเลยไม่ว่าจะแข่งอะไรก็ตาม
“ฉันต้องเป็นคนแพ้ตลอดไปหรือไงชานยอล นายช่วยหันมามองฉันทีได้ไหม” ก่อนที่ฉันจะหมดแรงไปมากกว่านี้ เทาปิดเปลือกตาลงเพื่อหยุดภาพสั่นไหวในดวงตา หยดน้ำอุ่นไหลผ่านอาบแก้มไปอีกครั้ง.. และอีกครั้ง
ชานยอลที่นั่งกอดเข่าดูทีวีอยู่หันหน้าไปมองบานประตูที่ถูกเปิดเข้ามา แม้จะน่าแปลกใจแต่ก็รู้สึกดีใจไม่น้อยที่เห็นคริสเดินเข้ามาในห้อง คล้ายกับว่าได้กลิ่นหอมเย็นๆติดกายคนตัวสูงที่เดินเข้ามาใกล้ด้วย ชานยอลขมวดคิ้วมุ่นแล้วมองใบหน้าคริสคล้ายกับจะตั้งคำถาม
“แค่มวนเดียวเอง” ตอบให้อย่างไม่ยี่หระ ชานยอลไม่ชอบให้คริสสูบเพราะเวลาที่เจ้าตัวได้สูบุหรี่ทีไรก็จะต้องสูบจัดทุกที
“ไม่ได้ถาม” แล้วก็หันหน้ากลับไปวางคางไว้บนเข่าดูทีวีต่อ คริสยกยยิ้มจางก่อนที่จะยื่นมือไปลูบกลุ่มผมของชานยอลเบาๆ
“อยู่กับฉันนายทุกข์ทรมานมากนักเหรอ” ชานยอลหันไปมองหน้าของเจ้าของคำถามนั้นก่อนที่จะเอียงคอสงสัยว่าเพราะเหตุใดคนๆนี้ถึงมาถามคำถามแบบนี้กัน
“ถามก็ตอบ” ชานยอลหันหน้ากลับไปตามเดิม
“ไม่มากเท่าไหร่” ฉันไม่เคยทุกข์ทรมานเวลาที่ได้อยู่กับนายแต่ฉันเสียใจที่นายเปลี่ยนไปมากกว่า แต่ก็ไม่ได้พูดออกไปได้แต่พูดอยู่ภายในใจ
“แล้วอยู่กับมันมีความสุขดีไหมล่ะเพื่อนนายน่ะ” ชานยอลหันมามองแล้วขมวดคิ้วใส่
“ใคร.. เทาน่ะเหรอ ก็มี” คริสขมวดหัวคิ้วใส่แล้วมองจ้องชานยอลที่มองสบสายตาไม่หันหนี
“รักมันมากหรือไง” ชานยอลถอนหายใจแล้วลุกขึ้นยืน
“ถ้าจะหาเรื่องก็เลิกคุยกันดีกว่า” ชานยอลเดินหนีหมายว่าจะเดินเข้าห้องนอนแต่คริสลุกขึ้นคว้าข้อมือแล้วดึงชานยอลเข้ามาปะทะอก
“อ๊ะ.. ปล่อยนะ!” คริสจับรอบข้อมือของชานยอลแล้วบีบแน่น
“ตั้งแต่ไปกับมันมารู้สึกจะแข็งข้อขึ้นนะ” ชานยอลพยายามที่จะสะบัดมือนั้นให้หลุดแต่ก็ยิ่งสะบัดมือคู่นั้นก็ยิ่งลงแรงบีบแน่น
“ปล่อยนะคริส ฉันไม่ได้จะแข็งข้ออะไรกับนายแล้วอีกอย่างฉันก็ไม่ได้ทำอะไรเสียหายกับเทา”
“หึ.. แน่ใจเหรอ? ไม่ใช่ว่าไปพลอดรักกับมันถึงไหนต่อไหนแล้วหรือไง” ชานยอลสะบัดแขนออกแรงๆพอหลุดก็ผลักอกของคริสให้ออกห่าง
“ฉันไม่เคยทำแบบนั้นแล้วก็ไม่คิดด้วย.. คริสนายอย่าคิดนะว่านายทำแล้วฉันจะทำเหมือนนาย ฉันไม่พูดไม่ใช่ว่าไม่รู้นะว่านายไปนอนกับใครมาบ้าง” ว่าไว้แค่นั้นชานยอลก็หันหลังเดินเข้าห้องนอนไปเลย ไม่สนใจว่าคริสจะโมโหไปไกลแค่ไหน ตัวเขาบริสุทธิ์ใจที่จะออกไปเที่ยวกับเทาไม่ได้คิดไปทำอะไรที่ไม่ดีทั้งนั้น ถ้าจะว่ากันจริงๆคนที่ทำเรื่องไม่ดีคงไม่ใช่เขาหรอก
ชานยอลยืนก้มหน้าลงซุกฝ่ามืออยู่กลางห้องนอน เขาเหนื่อยที่จะพูด เหนื่อยที่จะอธิบายให้คนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นคนรักของเขาฟังแล้วว่าตัวเขาไม่เคยคิดอะไรไปไกลเกินกว่าคำว่าเพื่อนกับเทาเลยสักนิด เขาพูดไปหลายครั้งแล้วว่าทำไมตัวเขาถึงสนิทกับเทามากมาย เคยพูดแล้วว่าเทาเป็นเพื่อนแต่คริสน่ะเป็นคนรัก ทำไมคริสถึงไม่เข้าใจนะ
ชานยอลเหนื่อยกับทุกสิ่งอย่าง เหนื่อยที่จะต้องเดินไปข้างหน้า เหนื่อยที่จะต้องหยุดพักและเหนื่อยที่จะวิ่งตามหลังใครอีกแล้ว ตัวเขาควรทำอย่างไร หยุดพักและหนีออกจากเส้นทางที่มีแต่เศษแก้วที่แตกและหนามที่คอยข่วนตัวเขาเช่นนั้นใช่หรือไม่ ไม่ว่าทางไหนผลลัพธ์ก็คือตัวเขาเจ็บปวดเท่านั้น
คริสเปิดประตูออกอย่างไม่ออมแรง ชานยอลหันไปมองก็รับรู้ว่าคนที่ย่างสามขุมเข้ามาหาตัวเขานั้นกำลังโมโหแค่ไหน สองมือกระชากคนตัวบางเข้ามาใกล้แล้วก้มลงป้อนจูบที่รุนแรงให้ ชานยอลไม่เบี่ยงหลบแต่กลับยืนนิ่งๆให้คนที่คุกคามเขานั้นได้ทำกับเขาให้สาแก่ใจ เพราะถึงจะขัดขืนไปตัวเขาก็โดนขืนใจอยู่ดี
สัมผัสหยาบโลนที่แสนเจ็บปวดถูกป้อนให้เขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า คนโดนกระทำก็ทำได้แค่เพียงหลับตาแล้วรับสัมผัสเหล่านั้น เสียงโซ่ตรวนดังขึ้นบาดซ้ำรอยร้าวภายในใจ หยดน้ำตาไหลรินจากปลายหางตาแต่คนใจร้ายที่รุกล้ำตัวเขาก็คงจะมองไม่เห็นมัน เวลาที่ตัวเขาเสียใจก็มีเพียงแต่ตัวเขาที่รับรู้คนด้านบนไม่เคยรับรู้เลยสักครั้ง
แล้วพลันในหัวก็นึกไปถึงใบหน้าของใครบางคน รอยยิ้มและความห่วงใยที่คอยมอบให้เขาเสมอมา ผู้ชายที่อบอุ่นและแสนดีคนนั้นจะคอยปกป้องผู้ชายที่แสนสกปรกแบบเขาตลอดใช่ไหม ฮวางจื่อเทาจะปกป้องและประคองปาร์คชานยอลที่แสนบอบช้ำนี้ด้วยสองมืออบอุ่นคู่นั้นอยู่ใช่ไหม
เมื่อไหร่รักที่แสนเจ็บปวดนี้จะจบลง.. มันจะไม่มีทางจบหรือเช่นไร
เมื่อไหร่ที่ตัวเขาจะกล้าปล่อยมือจากคนใจร้ายคนนี้.. แก้วใบเดิมที่แตกสลายมันก็แค่เศษแก้วที่ไร้ค่าเท่านั้น
เมื่อไหร่ที่บทรักนี้จะจบ... หรือตัวเขาจะต้องเป็นคนปล่อยมือและเดินออกไปก่อนกันนะ
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น