ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : [SF] Bus No. 120
ฟิคไร้สาระ ไม่มีแก่นสาร ไม่มีอะไรเลย ไม่มีพล็อต ไม่มีการเกลา ไม่มีอะไรเลยจริงๆ
แว่บเข้ามาในหัวตอนนั่งรถเมล์กลับบ้าน สด ไรพล็อต ไร้การคิด ไรซึ่งสติ TvT
_________________________
การจราจรที่แสนคับคั่งในเมืองหลวงแห่งนี้คลาคล่ำไปด้วยผู้คนที่สัญจรถนนด้วยยวดยานพาหนะส่วนตัวและพาหนะร่วมบริการ หรือที่เรียกกันว่า ‘รถเมล์’ รถเมล์ในบ้านเรานั้นมีหลากหลาย มากมายล้วนให้เราเลือกสรรว่าจะอาศัยไปณที่แห่งหนใด รถเมล์คือทางเลือกสำหรับผู้มีอันจะกินน้อยนิดเพื่อใช้สัญจร แม้จะไม่สบายกายแต่ก็สบายกระเป๋าเงินด้วยราคาที่ไม่แพงเกินไปนัก ซ้ำยังวิ่งได้ในระยะทางไกลๆเสียด้วย
เมื่อเสียงออดของโรงเรียนเลิก นักเรียนทุกคนก็พร้อมใจกันเก็บกระเป๋ากลับบ้านเหมือนกับที่กลุ่มของชานยอลที่กำลังเดินคุยเรื่องการแข่งวงดนตรีในสัปดาห์หน้า ทั้งสี่หนุ่มเดินพูดคุย หยอกล้อกันไปตามทางเดินจากหน้าโรงเรียนไปยังป้ายรถเมล์ที่ตั้งอยู่เยื้องๆกับประตูทางเข้า ไค คยองซูและซูโฮขึ้นรถกระป๋องคันเล็กเพื่อกลับบ้านแต่ทว่าชานยอลต้องรอรถเมล์เพื่อกลับบ้านเพราะบ้านของตนนั้นอยู่คนละเส้นทางกัน
“เฮ้อ.... อยากกลับไปนอนแล้วนะ รีบมาสักทีสิ!” คล้ายกับสวรรค์ได้ยินคำขอ หลังจากจบประโยครถเมล์คันใหญ่ก็แล่นฉิ่วมาจอดลงอยู่ป้ายรถเมล์ตรงหน้าชานยอลเสียแล้ว ชานยอลก้าวเท้าขึ้นรถไปพร้อมๆกับเด็กนักเรียนหลายคน ภายในรถเมล์นั้นช่างแสนอึดอัดเสียจริง ชานยอลจับราวที่อยู่บนหัวแม้ว่าส่วนสูงของชานยอลก็เฉียดร้อยเก้าสิบแต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคกลับการขึ้นรถสักเท่าไหร่
“ชิดในหน่อยเพ่!!” เสียงทุ้มตะโกนบอกดังก่อนที่จะค่อยๆแทรกเข้ามาเพื่อเก็บเงินผู้โดยสาร
“เฮ้ยๆ มีน้ำใจสละที่ให้คนแก่นั่งหน่อยน้อง” ชานยอลหันไปมองก็เจอเข้ากับเด็กช่างกลที่ลุกขึ้นให้หญิงชราที่แทบจะยืนไม่ไหวลงนั่งแทน กระเป๋ารถเมล์สุดเฮี้ยวที่สวมชุดฟอร์มสีกรมท่าพร้อมกับกระบอกตั๋วยืนยิ้มที่เด็กช่างกลคนนั้นว่านอนสอนง่าย เส้นผมสีน้ำตาลอ่อนรับกับดวงหน้าขาวผ่องดูท่าแล้วคนนี้ไม่น่าจะมาเป็นกระเป๋ารถเมล์ได้เลยนะ
“ค่าโดยสารด้วยครับ~ ชิดในหน่อยน้อง!!” คือมึงบอกให้ชิดในแต่มึงช่วยดูพวกกูหน่อยไหมว่าพวกกูอัดกันจนจะได้เสียกันอยู่แล้ว .. แน่นอนชานยอลไม่กล้าพูดออกไปหรอกได้แต่กระเถิบเท้าตามเข้าไปแต่ก็ได้แค่ก้าวเดียว แล้วจะเขยิบทำไม(วะ)? เมื่อจอดป้ายก็มีคนลงป้ายและแน่นอนก็ต้องมีคนขึ้นใหม่ด้วย
“ค่าโดยสารคร๊าบ~” ชานยอลหันไปจ่ายเงินเมื่อได้ยินเสียงนั้นใกล้ๆตัว
“หมูบ้านทองสุขครับ” ชานยอลส่งเงินให้สิบสามบาท ปลายนิ้วของกระเป๋ารถเมล์สัมผัสแผ่วเบาที่เรียวนิ้วของชานยอล กระเป๋ารถเมล์ยิ้มกว้างก่อนที่จะหันไปมองเมื่อรถหยุด
“ข้างหน้าเขยิบเข้ามาด้วยครับ แบ่งๆที่กันยืนด้วยครับ!!” หันกลับไปบอกก่อนที่จะหันมายิ้มให้กับดวงตากลมใสที่จับจ้องมาที่ตัวเอง นัยน์ตาเรียวมองจ้องตอบก่อนที่จะยิ้มจนมันยิบหยี มือก็จัดการฉีกตั๋วอย่างชำนาญแม้ว่าสายตาจะจับจ้องอยู่ที่ดวงตากลมโตก็ตาม
“ส่วนน้องไม่ต้องเขยิบชิดในหรอกนะ ... เข้ามาชิดในใจพี่ก็ได้นะ” ฟัคยู.... ไอ้ห่า แดกจุด..... ชานยอลทำตาโตมองอีกคนอย่างตกใจแต่ก็แบมือรับตั๋วรถเมล์ชิ้นเล็กที่กระเป๋ารถเมล์ส่งมาให้ นัยนตากลมเลื่อนสายตาลงมองป้ายชื่อที่ปักอยู่บนหน้าอกเสื้อฟอร์มก่อนที่จะหันหน้าหนีไม่อยากเสวนาอะไรด้วยอีก
...โอเซฮุน พนักงานเก็บค่าโดยสารสาย 120... ฉันจะจำชื่อนายไว้ ไอ้หอกหัก!!!
แม้ว่าบ้านของชานยอลจะมีฐานะแค่ไหนแต่เจ้าตัวกลับไม่ชอบให้ที่บ้านขับรถมารับแต่ชอบที่จะกลับบ้านเองเสียมากกว่า มันก็เหมือนเป็นความรู้สึกของเด็กๆที่ว่า ถ้าเราได้กลับบ้านเอง ได้แอบเถลไถลก่อนกลับบ้านสักนิดหน่อย นั่นก็คือเรากำลังก้าวเข้าสู่ความเป็นผู้ใหญ่แล้ว ... ก็แค่ความคิดของเด็กวัยรุ่นละนะ
รถเมล์สายเดิมแล่นฉิ่วมาจอดแล้ว ชานยอลก้าวเท้าขึ้นไปยืนอยู่ด้านหลังเช่นเดิม ในมือมีไอพอดทัชที่คล้องสายไว้กับข้อมือขาว ปลายเรียวนิ้วเลื่อนไปยังเพลงฮิพฮอพที่ชอบ เรียวปากอิ่มวาดรอยยิ้มเมื่อได้ฟังเสียงบีสหนักๆจากหูฟัง เมื่อปลายหางตาสังเกตถึงปลายเสื้อกรมท่าชานยอลก็หันไปจ่ายค่าโดยสาร
“หมูบ้านทองสุขครับ” เซฮุนยิ้มกว้างแล้วก้มลงฉีกตั๋ว ชานยอลหันมามองพร้อมกับแบมือรอรับตั๋วชิ้นเล็กที่เซฮุนยื่นมาให้ แต่แล้วรถเมล์เจ้ากรรมก็เบรกกะทันหันจนผู้โยสารแทบล้มคะม่ำ ชานยอลที่หันหน้าไปทางเซฮุนก็เซถลาเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนของกระเป๋ารถเมล์เสียนี่ ปลายจมูกของเซฮุนแอบสูดกลิ่นหอมๆที่กำจายอยู่กับร่างนุ่มนิ่มนี่เข้าไปเสียเต็มปอด
“ขะ..ขอโทษครับ” ชานยอลรีบดีดตัวออกพร้อมกับก้มหัวลงเพื่อขอโทษแต่เซฮุนกลับยิ้มกว้าง
“ไม่เป็นไรหรอกน้อง กอดนานกว่านี้พี่ก็ยินดี” แดกจุดอีกรอบ.... เซฮุนหัวเราะก่อนที่จะค่อยๆเดินแทรกไปด้านหน้า
“มีไรครับลูกพี่!!” หลังจากที่รถเบรกกะทันหันแล้ว รถก็ยังคงจอดนิ่งอยู่แบบนั้นแต่มีเอฟเฟคเป็นเสียงสบถด่าของคนขับตามมาพร้อม
“ไอ้ห่า รถคันหน้าแม่งปาดหน้าว่ะ ชนหรือเปล่าก็ไม่รู้” เซฮุนชะเง้อคอมอง ชานยอลที่อยู่ด้านหลังก็มองด้วยแต่ก็มองไม่เห็นหรอกเพราะรถเมล์สูงเกินกว่ารถที่ปาดหน้า
“เดี๋ยวผมเคลียร์เองลูกพี่!” ประตูรถเมล์เปิดออกแล้วเซฮุนก็กระโดดลงไปก่อนที่จะเดินไปยังด้านหน้ารถ ชานยอลพยายามที่จะชะเง้อมองแต่ก็มองไม่เห็นมากนัก ผู้โดยสารหลายคนก็เดินลงไปดู บ้างก็ชะเง้อคอมอง บ้างก็ลงไปเพื่อต่อรถคันใหม่
“ว่าไงบ้างวะ” โซเฟอร์ร่างอ้วนเอ่ยถามเมื่อเซฮุนเดินขึ้นมาบนรถ
“ไม่ชนลูกพี่จริงๆก็แค่เฉี่ยวนิดหน่อยอ่ะแต่ผมจัดการแล้วเรียบร้อย สบายหายห่วง!” แล้วเซฮุนก็หัวเราะเสียงดัง
“แล้วเอ็งจัดการยังไงวะ เห็นเถียงกันยกใหญ่เลยนิ” เซฮุนพยักหน้าแล้วลงนั่งตรงเบาะกลางที่ครอบเครื่องยนต์
“เออดิลูกพี่แม่งปากดี ด่าอยู่นั่นอ่ะผมก็เลยซัดแม่ง!!!” รถเมล์ค่อยๆออกตัวอีกครั้งเมื่อรถยนต์คันนั้นขับออกไปจากการขวางทาง
“ซัดยังไงของเอ็งวะ” ถามพร้อมกลั้วหัวเราะก่อนที่จะหัวเราะเสียงดังลั่นเมื่อได้ยินคำตอบของกระเป๋ารถสุดซ่าส์
“แม่งด่ามากๆผมก็ซัด.... ยกมือขึ้นมาไหว้แม่งแล้วก็ขอโทษมันอ่ะลูกพี่!” แล้วเซฮุนก็หัวเราะอย่างชอบใจ ชานยอลที่ยืนฟังบทสนทนานั้นก็หัวเราะตามเบาๆ เสียงพูดคุยของเซฮุนกับคนขับรถยังดังอยู่ชานยอลเองก็อมยิ้มบางๆ แม้ว่าจะยังเสียบหูฟังอยู่แต่เสียงบีสหนักๆดับไปเลยเพราะเจ้าตัวกดปิดมันไปนานแล้ว..
รอยยิ้มที่สดใสกับดวงหน้าขาวได้รูป เวลาที่เรียวปากบางวาดรอยยิ้ม ดวงตาเรียวก็จะเล็กยิบหยี ช่างดูดีเสียจนหัวใจสั่นไหว ... แก้มกลมแดงเรื่อก่อนที่ซ่อนใบหน้าร้อนของตัวเองลงกับท่อนแขนที่จับราวไว้ กลิ่นกายหอมอ่อนๆผสมกับกลิ่นเหงื่อจางๆเมื่อสักครู่ยังติดอยู่ที่ปลายจมูก
“บ้าไปแล้วเรา” ชานยอลพึมพำกับตัวเองเบาๆด้วยรอยยิ้ม เซฮุนที่หันกลับมามองก็วาดยิ้มเมื่อเห็นร่างสูงในสายตาซบหน้าลงกับท่อนแขนของตัวเอง เซฮุนไม่ได้สายตาดีถึงขนาดที่จะมองเห็นริ้วรอยสีแดงจางๆบนแก้มกลมนั้นแต่ก็ตาไม่ฟาดที่เห็นรอยยิ้มที่กลีบปากอิ่มสีสดคู่นั้น
รถเมล์คือรถสาธารณะที่คอยบริการประชาชน แม้ว่าจะเย็นย่ำหรือดึกดื่นแค่ไหน รถเมล์ก็ยังคงวิ่งคอยให้บริการ นาฬิกาข้อมือสีดำแสนเท่ถูกยกขึ้นดูอีกครั้งเมื่อกำลังเดินออกจากประตูโรงเรียนไปยังป้ายรถเมล์ ...ห้าโมงสิบห้า...
วันนี้กลับสายกว่าทุกวันเพราะต้องซ้อมดนตรีเพื่อแข่งให้อีกไม่กี่วันข้างหน้า ทั้งสี่หนุ่มยืนรออยู่ที่ป้านรถเมล์แต่ทว่าวันนี้รถเมล์ของชานยอลมาก่อนรถกระป๋องคันเล็กของเพื่อนเสียอีก ด้วยเพราะช่วงเย็นเด็กนักเรียนไม่เยอะรถคันเล็กจึงขาดช่วง ไม่เหมือนรถเมล์ที่วิ่งตลอด
“กลับก่อนนะ เจอกันพรุ่งนี้แปดโมง” ชานยอลโบกมือลาเพื่อนก่อนที่จะก้าวเท้าขึ้นรถเมล์ที่ตอนนี้คนไม่เยอะเท่าไหร่ นัยน์ตากลมเห็นที่นั่งว่างเพียงหนึ่งที่ช่วงกลางค่อนไปทางท้ายรถ เย็นนี้มีเด็กช่างกลขึ้นมาจับจองที่นั่งด้านหลังทั้งยืนพิงเสาและนั่งเบาะหลัง ทุกสายตาของพวกช่างกลจับจองมายังผู้ขึ้นใหม่แลดูก็น่ากลัวไม่หยอก
“น้อง!!! ... มานั่งนี่มา” เสียงเรียกทำให้ชานยอลหันไปมอง เซฮุนยืนอยู่ที่เก้าอี้หน้าสุดของรถแล้วกวักมือเรียกชานยอลให้เข้าไปนั่ง ร่างสูงยาวค่อยๆเดินไปนั่งแทนที่เซฮุนที่ลงนั่งกับเบาะกลางระหว่างคนขับและที่นั่งผู้โดยสาร
“หมูบ้านทองสุขครับ” ชานยอลยื่นแบงค์ยี่สิบไปให้ เซฮุนยิ้มรับก่อนที่จะฉีกตั๋วและส่งเงินทอนให้
“ทำไมวันนี้กลับเย็นจัง” ชานยอลเอียงคอนิดหน่อยก่อนที่จะตอบออกไป
“ซ้อมดนตรีอยู่ครับเลยกลับเย็น” เซฮุนพยักหน้ารับ ชานยอลเองก็อยากที่จะถามเหมือนกันล่ะว่าทำไมเขากลับบ้านทีไรต้องเจอกระเป๋ารถเมล์คนนี้ทุกที คนขับรถกลั้วหัวเราะแล้วเอ่ยแซวเด็กกระเป๋ารถตัวเอง
“แล้วเอ็งไปยุ่งอะไรกับเขาวะไอ้เซฮุน” เซฮุนหันไปยิ้มตอบ
“โห้ยลูกพี่ก็! ผมก็เป็นห่วงน้องเขาสิกลับบ้านเย็นๆ” เสียงหัวเราะของคนขับดังขึ้นอีกระลอก
“แล้วเอ็งไปยุ่งอะไรกับเขาวะ!” เซฮุนยู่หน้าแต่ก็ไม่ได้หันไปสนใจคนที่นั่งบนเก้าอี้ข้างตัวที่นั่งหันหน้าออกนอกหน้าต่าง ภาสะท้อนในกระจกฉายใบหน้าขาวนวลที่มีสีแดงฝาดที่แก้มใสบางๆ
“ลูกพี่แล้วจะจอดรับไอ้พวกเทคโนนั่นเปล่าน่ะ?” เซฮุนเอ่ยถามพร้อมกับพยักพเยิดหน้าไปทางกลุ่มเทคโนกลุ่มใหญ่ที่ยืนอยู่ตรงป้ายรถเมล์ ชานยอลเองก็มองตามแล้วก็เบ้หน้าเพราะก่อนที่จะถึงหมู่บ้านทองสุขของตัวเองนั้นจะต้องผ่านเทคโนก่อนแล้วเลยโรงเรียนตัวเองไปอีกก็เป็นพวกช่างกลที่ขึ้นมาก่อนเขา สงสัยจะซวยบรรลัยแล้ววันนี้
“คงไม่ว่ะ ดูที่พวกแม่งถือดิ” แล้วรถเมล์ก็เลยผ่านพวกนั้นไป พวกหลังรถได้ทีก็กร่างใส่ทั้งโวยวายและท้าหาเรื่องกับพวกนั้น พวกเทคโนก็วิ่งตามหลังไล่รถมาโดยที่ไม่สนเลยว่ารถคันหลังๆที่ตามมานั้นจะเบรกกันตัวโก่งขนาดไหนเพื่อที่จะไม่ให้ชนเด็กพวกนั้น
“พวกมึงหลังรถหุบปากไป ไม่งั้นกูจะถีบพวกมึงเรียงตัวลงไปให้พวกแม่งยำ!!!” เซฮุนเดินเข้าไปหาหลังรถก่อนที่จะตะโกนเสียงดัง พวกมันหันมามองก่อนที่จะทำท่าหาเรื่อง
“ไรวะ เป็นแค่กระเป๋ารถอย่ามายุ่งดิ” ใครคนหนึ่งเอ่ยพูดกับเซฮุน ซึ่งเจ้าตัวก็คิ้วกระตุกเลย
“ปากดีใช่มะพวกมึง? ลูกพี่จอดรถ เปิดประตู!!!!” รถเมล์คันนั้นจอดจริงๆแต่ประตูยังไม่ได้เปิด และพวกเทคโนก็ยังคงวิ่งตามมา
“มึงน่ะมานี่เลย” เซฮุนลากคอเสื้อให้ลุกขึ้นมาแม้มันจะดิ้นโวยวายก็ตาม เซฮุนเสียงดังกลบเสียงโวยวายพวกมันจนนิ่งเงียบ
“มึงไม่รู้จักกูใช่มะ? กูให้พวกมึงกลับไปค้นประวัติที่โรงเรียนมึงนะแล้วค่อยมาหื้อกับกูวันหน้า! ลูกพี่ออกรถ!!!” เมื่อเห็นว่าพวกเทคโนใกล้วิ่งไล่หลังมาถึงเซฮุนก็หันกลับไปบอกลูกพี่แล้วก็เหวี่ยงคนในมือให้หงายหลังลงไปกองกับพื้นก่อนที่จะเดินกลับไปนั่งที่เดิม
“แจ๋ววุ้ยน้องกู” แล้วก็หัวเราะเสียงดัง
“โธ่ ลูกพี่ใครจะกล้าหื้อกับลูกพี่ใหญ่เซฮุนได้” แล้วเซฮุนก็หัวเราะร่าต่างกับคนที่นั่งมองด้วยสีหน้ามุ่ยและบึ้งตึง ลูกพี่หันมองเซฮุนแล้วพยักหน้าไปทางผู้โดยสารที่นั่งกอดอกทำหน้ามุ่ยไม่พอใจ เซฮุนหันมองตามก่อนที่จะยิ้มแล้วเขยิบเข้าไปใกล้อีกนิด
“ห่วงพี่เหรอน้อง?” ชานยอลหันมองก่อนที่จะสะบัดหน้ากลับ ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมต้องหงุดหงิด
“ไม่ต้องห่วงนะยังไงก็ไม่มีใครกล้าทำอะไรลูกพี่เซฮุนได้หรอก” เซฮุนยิ้มกว้างเมื่อเห็นชานยอลที่นั่งกอดอกพึมพำเสียงเบาว่า ‘ประสาท’ เซฮุนยิ้มเหมือนนึกอะไรขึ้นได้แล้วก็ล้วงมือหยิบของในกระเป๋าเสื้อฟรอ์มส่งให้ใครอีกคนที่นั่งหน้าบึ้ง
“อ่ะ อมยิ้มกินแล้วจะได้อมยิ้ม” ชานยอลหันมองอมยิ้มรสสตรอเบอร์รี่ที่อีกคนส่งมาให้ นัยน์ตากลมหันมองข้างทางก่อนที่จะลุกขึ้นแล้วเดินไปที่ประตูรถแต่ก็ไม่ลืมคว้าอมยิ้มนั้นมาด้วย เมื่อรถจอดชานยอลก็ก้าวเท้าลงไปโดยที่ไม่ได้พูดอะไรอีกเลย
ชานยอลมองอมยิ้มในมือก่อนที่จะแกะเปลือกออกแล้วเอามันเข้าไป รสชาติหวานๆของมันทำให้อารมณ์บูดบึ้งนั้นคลายออก เรียวปากสีสดวาดรอยยิ้มได้จริงๆ เซฮุนที่แอบมองอยู่ก็วาดรอยยิ้มไปด้วย ...ก็บอกแล้วว่ากินอมยิ้มแล้วจะได้อมยิ้มจริงๆ... เมื่อรถเมล์เคลื่อนตัวอีกครั้งภาพของเด็กตัวสูงที่สวมชุดนักเรียนมัธยมปลายก็ค่อยๆเลือนหายไป
“ชอบเขาล่ะสิ” เสียงของลูกพี่เอ่ยถามแม้ว่าจะไม่มองหน้าแต่เซฮุนก็รู้ว่าลูกพี่คุยกับตน
“โคตรชอบเลยดีกว่าครับลูกพี่!”
แม้ว่าจะเป็นวันหยุดแต่รถเมล์ก็ไม่เคยหยุดวิ่ง ชานยอลยกนาฬิกาข้อมือดูอีกครั้งเมื่อตอนนี้กำลังรู้สึกหิวข้าวเอามากๆ วันเสาร์นี้ชานยอลนัดกับแก๊งเพื่อนมาซ้อมดนตรีกันแต่แล้วอีกสามคนที่เหลือก็โดนอาจารย์มาดึงตัวไปใช้งานดีนะที่ชานยอลไปเข้าห้องน้ำเสียก่อน ตอนนี้ก็เลยหนีกลับบ้านเสียเลย
รถเมล์สาย120กำลังวิ่งมาไกลลิบๆ เรียวปากได้รูปวาดรอยยิ้มเมื่อยืนรอเพียงไม่นานรถเมล์สายที่ต้องการก็มาพอดี แล้วแก้มกลมก็แดงเรื่อเมื่อนึกถึงเมื่อวานที่ได้รับอมยิ้มมาจากเซฮุนกระเป๋ารถเมล์จอมซ่าส์ สองมือกระชับสายสะพายข้างของกระเป๋าใบเก่งเอาไว้ก่อนที่จะก้าวขึ้นรถเมล์ที่ว่างไม่ค่อยมีผู้คนโดยสารเสียเท่าไหร่ ชานยอลเดินไปทางหลังรถแล้วเหลือกนั่งที่นั่งด้านในชิดริมหน้าต่าง
“เซ็นทรัลครับ” เซฮุนเลิกคิ้วที่คนตรงหน้าเอ่ยบอกสถานที่นั้น ชานยอลยิ้มแล้วหัวเราะเบาๆ
“จะไปเที่ยวก่อนกลับบ้าน” เซฮุนพยักหน้ารับแล้วยิ้มก่อนที่จะฉีกตั๋วแล้วหยิบเงินทอนส่งคืนแล้วเจ้าตัวก็ผละไปเก็บเงินคนอื่นต่อ ชานยอลที่มองตามก็วาดรอยยิ้ม ไม่รู้ว่าตัวเองมาพอดีเวลารถคันนี้วิ่งหรือรถสายนี้มีคันเดียวกันแน่ที่ทำให้เราได้พบกันทุกวัน ไม่ใช่ว่าชานยอลไม่สังเกตว่ากระเป๋ารถเมล์คันนี้ชอบส่งยิ้มมาให้แต่ก็ไม่เคยโดนรุกแบบนี้ละนะ
ชานยอลนั่งพิงพนักของเก้าอี้โดยสารแล้วก็หันหน้ามองออกนอกหน้าต่าง แม้ว่าจะเป็นวันหยุดการจารจรไม่ติดขัดก็จริงแต่รถราบนถนนก็ยังคงวิ่งเยอะอยู่ดี รถเมล์คันใหญ่แล่นมาจอดที่แยกไฟแดง วิ่งมาได้ไม่เท่าไหร่ก็ติดไฟแดงเสียแล้ว ปากอิ่มพ่นลมหายใจออกก่อนที่จะวางหัวพิงกับพนักพิงแล้วปิดเปลือกตาลง
เซฮุนค่อยๆลงนั่งเคียงข้างคนที่นอนหลับไปแล้ว ใบหน้าน่ารักที่เอียงคอพับซบอยู่ที่พนักพิงแลดูช่างน่ารักน่าชังในสายตาคนมองยิ่งนัก เรียวปากบางได้รูปวาดรอยยิ้ม นัยน์ตาเป็นประกายยิ่งนักยามที่ได้จับมองคนข้างกาย คนที่นอนซุกอยู่ข้างหน้าต่างแม้ว่าจะดูไม่ค่อยสบายนักแต่เรียวปากของคนหลับก็วาดรอยยิ้มจางๆ
“เฮ้ย ไอ้เซฮุนอย่าอู้งานโว๊ย!!” เซฮุนยู่หน้าแล้วมองลูปพี่ที่มองตนจากกระจกส่องหลัง
เปลือกตาบางค่อยๆลืมตาขึ้นเมื่อคิดถึงคงถึงเซ็นทรัลแล้วแต่ทว่าสิ่งแรกที่เห็นกลับไม่ใช่วิวทิวทัศน์ด้านนอกแต่เป็นซอกคอของใครสักคน คนเพิ่งตื่นรีบผละออกแล้วมองคนที่นั่งเอนหัวกับพนักพิงหลับอยู่ข้างกายด้วยดวงตาเบิกกว้าง เรียวปากอ้าพะงาบคล้ายว่าจะพูดอะไรสักอย่างแต่ก็พูดไม่ออก ดวงตากลมหันออกไปมองด้านนอกก่อนที่จะเบิกกว้างยิ่งกว่าเดิมด้วยไม่รู้ว่าแถวนี้น่ะมันแถวไหน แล้วที่นี่คือที่ไหน
“ที่ไหนเนี่ย แล้วจะกลับยังไงล่ะเนี่ย” ชานยอลแทบจะเกาะกระจกอยู่แล้วแต่ทว่าคนข้างกายกลับเอ่ยบอกเสียก่อน
“ที่นี่อู่รถเมล์” ชานยอลหันกลับมามองคนที่ยังคงนั่งท่าเดิมแต่ส่งยิ้มมาให้
“แล้วทำไมมาอยู่ที่นี่อ่ะ” รถเมล์ทั้งรถไม่มีใครเลยนอกเสียจากชานยอลและเซฮุน เซฮุนค่อยๆลุกขึ้นนั่งดีๆก่อนที่จะหันมาส่งยิ้ม
“ก็เข้ามาพักรถไง หิวข้าวหรือยังล่ะ? ไงเดี๋ยวพาไปกินข้าวแล้วจะพาไปส่งนะ” เซฮุนลุกขึ้นยืนแล้วยิ้มให้ชานยอลที่ยังนั่งทำหน้านิ่วคิ้วขมวด
“มาเถอะน่า~” แล้วชานยอลก็ตามเซฮุนลงจากรถ
อู่รถเมล์คือสถานที่ที่ชานยอลไม่เคยมา ดวงตากลมหันมองรอบข้างในขณะที่กำลังยืนรอเซฮุนที่บอกว่าเดี๋ยวมาอยู่ สถานที่นี้กว้างใหญ่และมีรถเมล์ที่ใช้ร่วมอู่เดียวกันอยู่สามสาย รถเมล์ใหญ่ เล็กจอดพักหลบแบ่งเป็นสัดส่วนว่ารถสายไหนใช้สถานที่ตรงไหน เหล่าพนักงานขับรถและกระเป๋ารถเมล์ที่พักกันอยู่บ้างก็นั่งล้อมวงทานข้าว บางก็นั่งพักคุยกันสนุกสนานเฮฮา คนที่ไม่เคยได้เห็นก็แย้มยิ้มออกมา
รอเพียงไม่นานเสียงรถมอเตอร์ไซด์คันเก่าก็ค่อยๆดังเข้ามาแล้วจอดอยู่ตรงหน้าคนรอ เซฮุนชี้ไปด้านหลังเพื่อให้ชานยอลขึ้นซ้อน เจ้าตัวก็ค่อยๆก้าวขาขึ้นซ้อนแล้วจับที่จับด้านหลังไว้แน่น รถมอเตอร์ไซด์คันเก่าค่อยๆแล่นออกจากอู่รถเมล์ไป
“อ้าวไอ้เซฮุนมันจะไปไหนของมัน” ร่างสูงของเจ้าของอู่รถเมล์เดินออกมาเมื่อเห็นหลังไวๆของเซฮุนที่ขับมอเตอร์ไซด์ออกไป
“ไม่ทราบครับนาย เห็นคุณเซฮุนไปยืมมอไซด์ของลุงหมานมา” พยักหน้ารับแต่ก็ไมได้สนใจอะไร
เซฮุนขับรถมอเตอร์ไซด์เก่าๆเลียบอู่รถเมล์มาได้ไม่นานก็ถึงร้านข้าวราดแกงข้างทางที่เป็นร้านประจำของเซฮุนแล้ว เมื่อดับเครื่องชานยอลก็ก้าวเท้าลงจากรถแล้วยืนเก้ๆกังๆทำตัวไม่ถูกกับสายตาที่ทอดมองมาคล้ายว่าจะล้อเลียน
“มาสิ อยากกินอะไรก็สั่งเลยเดี่ยวลูกพี่เลี้ยงเอง~” เซฮุนยิ้มแล้วเดินนำไป
“แหม เซฮุน~ วันนี้จะกินอะไรดีจ๊ะ? กับข้าวป้าหวานไปหมดแล้วเนี่ย” ป้าหัวเราะเสียงดัง เซฮุนเองก็ยิ้มตามไปด้วย
“ยังไงกับข้าวป้าก็ยังอร่อยอยู่ดีนั่นล่ะ วันไหนไม่ได้กินนะผมคงลงแดงตาย~~ เอาเหมือนเดิมนะครับป้า” ป้าก็หัวเราะอย่างถูกใจกับมุกหยอดของเด็กหนุ่มที่มักจะมากินข้าวที่นี่ทุกวัน
“ไม่เบื่อหรือไงเราน่ะ” ป้ายื่นจานข้าวกะเพาหมูสับไข่ดาวให้เซฮุน
“ไม่หรอกครับอร่อยดี อยากกินไรสั่งเลยๆอร่อยทุกอย่าง” เซฮุนหันไปยิ้มให้กับชานยอลที่ยืนอยู่ข้างหลังก่อนที่จะเดินไปนั่งรอที่โต๊ะ
“เอาไข่พะโล้กับหมูทอดครับ” เพียงไม่นานชานยอลก็เดินมานั่งลงตรงข้ามกันเซฮุน ทั้งคู่ก้มหน้าลงทานข้าวโดยที่ไม่ได้พูดกันสักคำ ส่วนคนรอบข้างทั้งป้าคนขายข้าวหรือแม้แต่พนักงานขับรถเมล์ กระเป๋ารถเมล์หรือชาวบ้านแถวนั้นที่รู้จักเซฮุนก็ยิ้มล้อกับเด็กหนุ่มที่ทำเป็นนั่งก้มหน้ากินข้าวไม่สนอะไรแต่แก้มนั้นแดงเสียจนมองเห็น เขินหรือพ่อตัวดี ฮ่าๆๆ
หลังจากกินข้าวเสร็จเซฮุนก็ขับรถมอเตอร์ไซโกลับโดยมีชานยอลนั่งซ้อนท้าย พอกลับมาถึงอู่รถเมล์ก็มีคิวรถเมล์สาย120 ออกพอดีเซฮุนเลยเดินไปส่งพร้อมกับบอกกระเป๋ารถเมล์อีกคันว่าไม่ให้เก็บเงินและผู้โดยสารคนนี้ลงที่ไหนก่อนที่จะรีบไปหาเจ้าของอู่ที่ส่งให้เด็กมาตามตั้งแต่เขายังจอดรถมอเตอร์ไซด์ยังไม่สนิทดี
“ยังไม่ทันได้ขอบคุณเลย” ชานยอลมองตามหลังของเซฮุนที่รีบวิ่งไปยังอาคารชั้นเดียวคล้ายๆสำนักงาน ดวงตากลมโตฉายแววสลด อุตส่าห์พาไปกินข้าวแถมยังพากลับมาส่งอีก ยังไม่ทันได้ขอบคุณก็ไปเสียแล้ว...
กว่าที่ชานยอลจะได้ใช้บริการรถเมล์อีกครั้งก็เป็นวันจันทร์ ช่วงเช้าชานยอลมักจะติดรถคุณพ่อผ่านมาโรงเรียนเสมอแต่ขากลับก็มักจะกลับเอง ตอนนี้ชานยอลกำลังยืนรอรถเมล์สาย120 อยู่รวมกับเด็กนักเรียนคนอื่นๆแต่จะแปลกตาก็ตรงที่ชานยอลยืนตัวเปล่าไร้กระเป๋าคู่ใจและกลุ่มเพื่อนข้างตัว
ยืนรออยู่สักพักใหญ่ๆรถเมล์คันเดิมก็วิ่งมาจอดชานยอลขึ้นไปก่อนที่จะใช้ความสูงของตัวเองให้เป็นประโยชน์กวาดตามองหาแล้วก็เจอเซฮุนที่ยืนอยู่หน้ารถ เซฮุนหันมาส่งยิ้มให้ ชานยอลเองก็ส่งยิ้มตอบ มือที่กำกระดาษกำแน่นอย่างเขินอาย
“เซฮุน!!!” เสียงทุ้มตะโกนเรียกซึ่งเจ้าของชื่อก็เลิกคิ้วขึ้นอย่างสงสัย เสียงจอแจในรถก็เงียบลง เซฮุนค่อยๆเดินแทรกมาหาชานยอลที่ยังคงยืนเกาะเสาอยู่ตรงประตูทางขึ้น
“หื้ม?” ชานยอลค่อยๆยื่นซองกระดาษสีครีมให้เซฮุนเมื่อเจ้าตัวเดินมาใกล้ เซฮุนรับมันมาก่อนที่จะมองของในมือด้วยความแปลกใจ
“พรุ่งนี้มาให้ได้นะ” ว่าไว้แค่นั้นก่อนที่จะหันหลังลงจากรถไป เมื่อชานยอลลงไปแล้วรถเมล์ก็เคลื่อนตัวไปทันที ชานยอลที่ยังยืนอยู่ที่ป้ายรถเมล์ทำท่าบอกเซฮุนว่าให้เปิดอ่านสิ่งที่เขาส่งไปให้
เซฮุนเปิดซองจดหมายเล็กๆสีครีมออกก็พบเข้ากับบัตรเข้าชมการแสดงที่เขียนไว้ว่าการแสดงดนตรีของโรงเรียนมัธยมสุขวดี แต่สิ่งใดก็ทำให้เรียวปากบางวาดรอยยิ้มเสียเต็มใบหน้าไม่ได้เท่ากระดาษโน้ตเล็กๆที่แนบมาด้วย ลายมือที่ไม่ถึงกับน่ารักแต่ก็พออ่านออก ...ขอบคุณสำหรับเมื่อวานนะ พรุ่งนี้มาให้ได้นะ ชานยอล 0861234567... เซฮุนยิ้มแล้วเก็บมันลงกระเป๋าเสื้อก่อนที่จะไปทำหน้าที่ของตัวเอง
ก็ท่าจะอ่อยใส่ขนาดนี้ ไม่เอาก็โง่แล้วป่ะล่ะ!!!!
เซฮุนยืนอยู่หน้าโรงเรียนมัธยมพร้อมกับดอกไม้หนึ่งดอกที่ถูกห่อด้วยพลาสติกใสทำให้มองเห็นความงามของมันได้โดยรอบ เซฮุนก้มลงสำรวจเสื้อผ้าที่สวมใส่ว่าดูดีหรือยัง เสื้อยืดสีขาวที่สกรีนลายอักษรภาษาอังกฤษสีน้ำเงินออกม่วงสวมทับด้วยเสื้อแขนยาวไล่สีน้ำเงินเข้มจากด้านล่างขึ้นด้านบนสีเทาอ่อนๆ แขนยาวถูกรูดขึ้นไปกองที่ข้อพับแขน กางเกงยีนส์สีฟอกแสนเท่และรองเท้าคอนเวิร์สสีดำ
“ดูดีแล้วมั้ง” เซฮุนพ่นลมหายใจหนึ่งเฮือกก่อนที่จะเดินเข้ารองเรียนไป เด็กนักเรียนรอบข้างต่างก็หันมองเซฮุนด้วยสายตาเดียวกัน เทพบุตรที่ไหนมาเดินอยู่ในโรงเรียนแบบนี้นะ
นัยน์ตาสีเข้มก้มลงอ่านสถานที่จัดงานในบัตรเข้าชมการแสดงในมือก่อนที่จะมองหาไปรอบๆถึงตึกประชุมใหญ่ ยังไม่ทันที่จะได้ก้าวไปไหนเสียงดนตรีก็ดังขึ้นเซฮุนเลยรีบเดินไปตามเสียงนั้น จะว่าไปเซฮุนก็มาสายอยู่นะ ไม่ใช่เพราะตื่นสายหรอกแต่เลือกชุดหล่อไม่ได้เสียที ไม่อยากจะคุยว่าเซฮุนตื่นตั้งแต่ตีห้าเชียวนะ!!
เมื่อก้าวเข้าไปแล้วเซฮุนก็มองหาทางเข้าโซนวีไอพีที่เขียนไว้ในบัตรชมการแสดง ไม่นานเซฮุนก็แทรกๆคนอื่นเข้ามาถึงหน้าเวทีได้ เก้าอี้อีกหนึ่งตัวยังคงว่างอยู่ ซึ่งนั่นคือที่นั่งของเซฮุน ชานยอลที่หันมาเห็นพอดีก็ยิ้มกว้าง เซฮุนยิ้มตอบก่อนที่จะมองวงของชานยอลเล่นดนตรี ยามที่ชานยอลหันมาสบตานั้นหัวใจของเซฮุนก็เต้นรัว
วงของชานยอลมีคยองซูเป็นนักร้องนำ ซูโฮเป็นมือกลอง ไคเป็นมือเบสและเจ้าตัวเป็นมือกีต้าร์ เพลงที่เล่นเพลงแรกคือเพลงป๊อปร็อค ต่อด้วยเพลงช้าซึ้งๆและไปจบที่เพลงดิ้นมันส์ๆ ไม่ว่าจะแนวแบบไหนนักร้องนำคนเก่งก็สามารถ เด็กนักเรียนคนอื่นที่ยืนอยู่รอบๆก็ขยับโยกตามจังหวะ ชานยอลดีดกีตาร์ไปก็โยกตัวไปตามจังหวะ ยามที่มือกีต้าร์โซโล่เสียงกีต้าร์นั้นช่างจับใจคนมองเสียเหลือเกิน
“ขอบคุณวง Exorust ด้วยครับ ไปพักผ่อนก่อนนะครับ ต่อไปเป็นวง Guardian Rare ครับ” เมื่อชานยอลเดินลงจากเวที เซฮุนก็ลุกขึ้นแล้วเดินตัดหน้าเวทีไปยังอีกฝากฝั่งทันที
“คิดว่าจะไม่มาซะแล้ว” ชานยอลเอ่ยทักเมื่อเซฮุนเดินเข้ามาใกล้ๆ แก้มกลมแดงเรื่อ เหล่าเพื่อนๆต่างก็ซุบซิบกันยิ้มกริ่ม เซฮุนยื่นดอกไม้ในมือให้ชานยอลก่อนที่จะชักมือกลับมาเกาต้นคอเขินๆ
“ก็นายชวนทั้งทีพี่จะไม่มาได้ไงล่ะ” พูดไปก็เสหน้าไปมองที่อื่นที ชานยอลเองก็ก้มหน้าลงดอกไม้ในมือ ดอกกุหลาบสีแดงหนึ่งดอกในกรวยพลาสติกใสส่งกลิ่นหอมอวลปลายจมูก แก้มกลมแดงเรื่อเมื่อสังเกตดอกกุหลาบนี้ดีๆ บางทีคนให้อาจจะไม่ได้ตั้งใจ หรือบางทีอาจจะสื่อความหมายอะไรบางอย่าง
กุหลาบ 1ดอก......รักแรกพบ
กุหลาบบานสีแดง....ฉันรักเธอเข้าแล้ว
กุหลาบบานสีแดง 1ดอก...... รักแรกพบ ฉันรักเธอเข้าแล้ว
“พี่เซฮุน... ขอบคุณสำหรับดอกกุหลาบนะครับ” ใบหน้าขาวของซฮุนแดงปรี๊ดทั่วทั้งใบหน้า สองมือก็ดูขัดหูขัดตาไม่รู้ว่าจะเอาไปวางไว้ตรงไหนเลยได้แต่ยกเกาแก้ม เกาต้นคอแก้ขัดไปก่อน
“ชานยอล... รู้ความหมายของมันไหม?” เอ่ยถามเสียงเบา ชานยอลก้มหน้าลงแล้วกัดริมฝีปากอย่างเขินๆ ใบหน้าเริ่มร้อนผ่าวจนชานยอลแทบอยากจะมุดหนี หัวกลมๆพยักรับเบาๆ เซฮุนยิ้มกว้างแม้ว่าจะเสหน้าไปทางอื่นก็ตาม คยองซูผลักไหล่เพื่อนเบาๆ ชานยอลหันกลับไปมองก่อนที่จะคว้าข้อมือของเซฮุนไว้
“ไปเดินเล่นกันนะ” ใบหน้าน่ารักที่แดงเรื่อเอียงคอน้อยๆ ก็แล้วลูกพี่ใหญ่อย่างเซฮุนมีหรือที่จะปฏิเสธ ฝ่ามือที่ชื้นเหงื่อกระชับมือที่กุมจับไว้
“เฮ้ยแล้วมึงไม่รอฟังผลประกาศรางวัลเหรอวะ?” ไคตะโกนถามเมื่อเห็นว่าเพื่อนและใครอีกคนกำลังเดินออกจากหอประชุมไป
“ช่างแม่งกูไม่สนรางวัล!” หันกลับไปตะโกนตอบก่อนที่จะโดนปลายนิ้วของเซฮุนบีบจมูกโด่งแรงๆ
“โอ๊ยเจ็บนะ!!” ใบหน้าน่ารักบูดบึ้ง ชานยอลมือปล่อยที่กุมจับกันออกมากุมจมูกตัวเอง ส่วนมืออีกข้างก็ถือดอกกุหลาบนั้นไม่ยอมปล่อย
“พูดไม่เพราะ ถ้าพูดไม่เพราะอีกลูกพี่จะลงโทษนะ” ชานยอลแล่บลิ้นใส่แล้วออกเดินนำ เซฮุนยิ้มขำแล้วเดินตาม
“วันนี้พี่มาได้เหรอ? ที่อู่ไม่มีใครว่าเหรอ? โดดงานมาน่ะ” เซฮุนเลิกคิ้วก่อนที่จะส่ายหน้าไปมา แล้วทำเนียนสอดมือเข้าจับกับมือของชานยอล
“ใครจะกล้าว่าลูกเจ้าของอู่ก็เสนอหน้ามาเลยครับ เดี๋ยวจัดการไล่ออกเอง” ชานยอลหันมองคนข้างกายอย่างตกใจพร้อมกับดวงตากลมเบิกกว้าง ลูกเจ้าของอู่!!!!
“ห๊ะ????” ก็แล้วเป็นลูกเจ้าของอู่แล้วมาเป็นกระเป๋ารถเมล์เพื่ออัลไลลลลลลลลลลลลลลลลลล อยากโวยวายไงแต่ทำไม่ได้กลัวเสียภาพพจน์
“ทำไมเหรอ?” ชานยอลส่ายหน้าไปมา แล้วเซฮุนก็หยุดเดินทำให้ชานยอลต้องหยุดเดินไปด้วย ใบหน้าที่ยังแดงเรื่อและคงเคล้าความตกใจไว้หันมาหาคนข้างกาย
“แล้วคำตอบล่ะ” ปลายนิ้วของเซฮุนชื่อไปยังดอกกุหลาบนั้นในมือของชานยอล แล้วริ้วสีแดงก็พาดบนแก้มขาวของทั้งคู่อีกครั้ง ชานยอลค่อยๆดึงมือออกจากการจับของเซฮุนก่อนที่จะเดินนำไปสามก้าวแล้วก็หันกลับมายิ้มน่ารักๆใส่
“มารับผมที่หน้าโรงเรียนทุกเย็นสิครับ”
...ลูกพี่ใหญ่เซฮุน ตกหลุมรัก เด็กมัธยมปลายอย่างชานยอลเข้าซะแล้ว ลูกพี่ใหญ่ของเราท่าจะแย่เสียแล้วล่ะ...
แว่บเข้ามาในหัวตอนนั่งรถเมล์กลับบ้าน สด ไรพล็อต ไร้การคิด ไรซึ่งสติ TvT
_________________________
การจราจรที่แสนคับคั่งในเมืองหลวงแห่งนี้คลาคล่ำไปด้วยผู้คนที่สัญจรถนนด้วยยวดยานพาหนะส่วนตัวและพาหนะร่วมบริการ หรือที่เรียกกันว่า ‘รถเมล์’ รถเมล์ในบ้านเรานั้นมีหลากหลาย มากมายล้วนให้เราเลือกสรรว่าจะอาศัยไปณที่แห่งหนใด รถเมล์คือทางเลือกสำหรับผู้มีอันจะกินน้อยนิดเพื่อใช้สัญจร แม้จะไม่สบายกายแต่ก็สบายกระเป๋าเงินด้วยราคาที่ไม่แพงเกินไปนัก ซ้ำยังวิ่งได้ในระยะทางไกลๆเสียด้วย
เมื่อเสียงออดของโรงเรียนเลิก นักเรียนทุกคนก็พร้อมใจกันเก็บกระเป๋ากลับบ้านเหมือนกับที่กลุ่มของชานยอลที่กำลังเดินคุยเรื่องการแข่งวงดนตรีในสัปดาห์หน้า ทั้งสี่หนุ่มเดินพูดคุย หยอกล้อกันไปตามทางเดินจากหน้าโรงเรียนไปยังป้ายรถเมล์ที่ตั้งอยู่เยื้องๆกับประตูทางเข้า ไค คยองซูและซูโฮขึ้นรถกระป๋องคันเล็กเพื่อกลับบ้านแต่ทว่าชานยอลต้องรอรถเมล์เพื่อกลับบ้านเพราะบ้านของตนนั้นอยู่คนละเส้นทางกัน
“เฮ้อ.... อยากกลับไปนอนแล้วนะ รีบมาสักทีสิ!” คล้ายกับสวรรค์ได้ยินคำขอ หลังจากจบประโยครถเมล์คันใหญ่ก็แล่นฉิ่วมาจอดลงอยู่ป้ายรถเมล์ตรงหน้าชานยอลเสียแล้ว ชานยอลก้าวเท้าขึ้นรถไปพร้อมๆกับเด็กนักเรียนหลายคน ภายในรถเมล์นั้นช่างแสนอึดอัดเสียจริง ชานยอลจับราวที่อยู่บนหัวแม้ว่าส่วนสูงของชานยอลก็เฉียดร้อยเก้าสิบแต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคกลับการขึ้นรถสักเท่าไหร่
“ชิดในหน่อยเพ่!!” เสียงทุ้มตะโกนบอกดังก่อนที่จะค่อยๆแทรกเข้ามาเพื่อเก็บเงินผู้โดยสาร
“เฮ้ยๆ มีน้ำใจสละที่ให้คนแก่นั่งหน่อยน้อง” ชานยอลหันไปมองก็เจอเข้ากับเด็กช่างกลที่ลุกขึ้นให้หญิงชราที่แทบจะยืนไม่ไหวลงนั่งแทน กระเป๋ารถเมล์สุดเฮี้ยวที่สวมชุดฟอร์มสีกรมท่าพร้อมกับกระบอกตั๋วยืนยิ้มที่เด็กช่างกลคนนั้นว่านอนสอนง่าย เส้นผมสีน้ำตาลอ่อนรับกับดวงหน้าขาวผ่องดูท่าแล้วคนนี้ไม่น่าจะมาเป็นกระเป๋ารถเมล์ได้เลยนะ
“ค่าโดยสารด้วยครับ~ ชิดในหน่อยน้อง!!” คือมึงบอกให้ชิดในแต่มึงช่วยดูพวกกูหน่อยไหมว่าพวกกูอัดกันจนจะได้เสียกันอยู่แล้ว .. แน่นอนชานยอลไม่กล้าพูดออกไปหรอกได้แต่กระเถิบเท้าตามเข้าไปแต่ก็ได้แค่ก้าวเดียว แล้วจะเขยิบทำไม(วะ)? เมื่อจอดป้ายก็มีคนลงป้ายและแน่นอนก็ต้องมีคนขึ้นใหม่ด้วย
“ค่าโดยสารคร๊าบ~” ชานยอลหันไปจ่ายเงินเมื่อได้ยินเสียงนั้นใกล้ๆตัว
“หมูบ้านทองสุขครับ” ชานยอลส่งเงินให้สิบสามบาท ปลายนิ้วของกระเป๋ารถเมล์สัมผัสแผ่วเบาที่เรียวนิ้วของชานยอล กระเป๋ารถเมล์ยิ้มกว้างก่อนที่จะหันไปมองเมื่อรถหยุด
“ข้างหน้าเขยิบเข้ามาด้วยครับ แบ่งๆที่กันยืนด้วยครับ!!” หันกลับไปบอกก่อนที่จะหันมายิ้มให้กับดวงตากลมใสที่จับจ้องมาที่ตัวเอง นัยน์ตาเรียวมองจ้องตอบก่อนที่จะยิ้มจนมันยิบหยี มือก็จัดการฉีกตั๋วอย่างชำนาญแม้ว่าสายตาจะจับจ้องอยู่ที่ดวงตากลมโตก็ตาม
“ส่วนน้องไม่ต้องเขยิบชิดในหรอกนะ ... เข้ามาชิดในใจพี่ก็ได้นะ” ฟัคยู.... ไอ้ห่า แดกจุด..... ชานยอลทำตาโตมองอีกคนอย่างตกใจแต่ก็แบมือรับตั๋วรถเมล์ชิ้นเล็กที่กระเป๋ารถเมล์ส่งมาให้ นัยนตากลมเลื่อนสายตาลงมองป้ายชื่อที่ปักอยู่บนหน้าอกเสื้อฟอร์มก่อนที่จะหันหน้าหนีไม่อยากเสวนาอะไรด้วยอีก
...โอเซฮุน พนักงานเก็บค่าโดยสารสาย 120... ฉันจะจำชื่อนายไว้ ไอ้หอกหัก!!!
*❤•:*'˙❤˙'*:•❤x❤•:*'˙❤˙'*:•❤ *
แม้ว่าบ้านของชานยอลจะมีฐานะแค่ไหนแต่เจ้าตัวกลับไม่ชอบให้ที่บ้านขับรถมารับแต่ชอบที่จะกลับบ้านเองเสียมากกว่า มันก็เหมือนเป็นความรู้สึกของเด็กๆที่ว่า ถ้าเราได้กลับบ้านเอง ได้แอบเถลไถลก่อนกลับบ้านสักนิดหน่อย นั่นก็คือเรากำลังก้าวเข้าสู่ความเป็นผู้ใหญ่แล้ว ... ก็แค่ความคิดของเด็กวัยรุ่นละนะ
รถเมล์สายเดิมแล่นฉิ่วมาจอดแล้ว ชานยอลก้าวเท้าขึ้นไปยืนอยู่ด้านหลังเช่นเดิม ในมือมีไอพอดทัชที่คล้องสายไว้กับข้อมือขาว ปลายเรียวนิ้วเลื่อนไปยังเพลงฮิพฮอพที่ชอบ เรียวปากอิ่มวาดรอยยิ้มเมื่อได้ฟังเสียงบีสหนักๆจากหูฟัง เมื่อปลายหางตาสังเกตถึงปลายเสื้อกรมท่าชานยอลก็หันไปจ่ายค่าโดยสาร
“หมูบ้านทองสุขครับ” เซฮุนยิ้มกว้างแล้วก้มลงฉีกตั๋ว ชานยอลหันมามองพร้อมกับแบมือรอรับตั๋วชิ้นเล็กที่เซฮุนยื่นมาให้ แต่แล้วรถเมล์เจ้ากรรมก็เบรกกะทันหันจนผู้โยสารแทบล้มคะม่ำ ชานยอลที่หันหน้าไปทางเซฮุนก็เซถลาเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนของกระเป๋ารถเมล์เสียนี่ ปลายจมูกของเซฮุนแอบสูดกลิ่นหอมๆที่กำจายอยู่กับร่างนุ่มนิ่มนี่เข้าไปเสียเต็มปอด
“ขะ..ขอโทษครับ” ชานยอลรีบดีดตัวออกพร้อมกับก้มหัวลงเพื่อขอโทษแต่เซฮุนกลับยิ้มกว้าง
“ไม่เป็นไรหรอกน้อง กอดนานกว่านี้พี่ก็ยินดี” แดกจุดอีกรอบ.... เซฮุนหัวเราะก่อนที่จะค่อยๆเดินแทรกไปด้านหน้า
“มีไรครับลูกพี่!!” หลังจากที่รถเบรกกะทันหันแล้ว รถก็ยังคงจอดนิ่งอยู่แบบนั้นแต่มีเอฟเฟคเป็นเสียงสบถด่าของคนขับตามมาพร้อม
“ไอ้ห่า รถคันหน้าแม่งปาดหน้าว่ะ ชนหรือเปล่าก็ไม่รู้” เซฮุนชะเง้อคอมอง ชานยอลที่อยู่ด้านหลังก็มองด้วยแต่ก็มองไม่เห็นหรอกเพราะรถเมล์สูงเกินกว่ารถที่ปาดหน้า
“เดี๋ยวผมเคลียร์เองลูกพี่!” ประตูรถเมล์เปิดออกแล้วเซฮุนก็กระโดดลงไปก่อนที่จะเดินไปยังด้านหน้ารถ ชานยอลพยายามที่จะชะเง้อมองแต่ก็มองไม่เห็นมากนัก ผู้โดยสารหลายคนก็เดินลงไปดู บ้างก็ชะเง้อคอมอง บ้างก็ลงไปเพื่อต่อรถคันใหม่
“ว่าไงบ้างวะ” โซเฟอร์ร่างอ้วนเอ่ยถามเมื่อเซฮุนเดินขึ้นมาบนรถ
“ไม่ชนลูกพี่จริงๆก็แค่เฉี่ยวนิดหน่อยอ่ะแต่ผมจัดการแล้วเรียบร้อย สบายหายห่วง!” แล้วเซฮุนก็หัวเราะเสียงดัง
“แล้วเอ็งจัดการยังไงวะ เห็นเถียงกันยกใหญ่เลยนิ” เซฮุนพยักหน้าแล้วลงนั่งตรงเบาะกลางที่ครอบเครื่องยนต์
“เออดิลูกพี่แม่งปากดี ด่าอยู่นั่นอ่ะผมก็เลยซัดแม่ง!!!” รถเมล์ค่อยๆออกตัวอีกครั้งเมื่อรถยนต์คันนั้นขับออกไปจากการขวางทาง
“ซัดยังไงของเอ็งวะ” ถามพร้อมกลั้วหัวเราะก่อนที่จะหัวเราะเสียงดังลั่นเมื่อได้ยินคำตอบของกระเป๋ารถสุดซ่าส์
“แม่งด่ามากๆผมก็ซัด.... ยกมือขึ้นมาไหว้แม่งแล้วก็ขอโทษมันอ่ะลูกพี่!” แล้วเซฮุนก็หัวเราะอย่างชอบใจ ชานยอลที่ยืนฟังบทสนทนานั้นก็หัวเราะตามเบาๆ เสียงพูดคุยของเซฮุนกับคนขับรถยังดังอยู่ชานยอลเองก็อมยิ้มบางๆ แม้ว่าจะยังเสียบหูฟังอยู่แต่เสียงบีสหนักๆดับไปเลยเพราะเจ้าตัวกดปิดมันไปนานแล้ว..
รอยยิ้มที่สดใสกับดวงหน้าขาวได้รูป เวลาที่เรียวปากบางวาดรอยยิ้ม ดวงตาเรียวก็จะเล็กยิบหยี ช่างดูดีเสียจนหัวใจสั่นไหว ... แก้มกลมแดงเรื่อก่อนที่ซ่อนใบหน้าร้อนของตัวเองลงกับท่อนแขนที่จับราวไว้ กลิ่นกายหอมอ่อนๆผสมกับกลิ่นเหงื่อจางๆเมื่อสักครู่ยังติดอยู่ที่ปลายจมูก
“บ้าไปแล้วเรา” ชานยอลพึมพำกับตัวเองเบาๆด้วยรอยยิ้ม เซฮุนที่หันกลับมามองก็วาดยิ้มเมื่อเห็นร่างสูงในสายตาซบหน้าลงกับท่อนแขนของตัวเอง เซฮุนไม่ได้สายตาดีถึงขนาดที่จะมองเห็นริ้วรอยสีแดงจางๆบนแก้มกลมนั้นแต่ก็ตาไม่ฟาดที่เห็นรอยยิ้มที่กลีบปากอิ่มสีสดคู่นั้น
*❤•:*'˙❤˙'*:•❤x❤•:*'˙❤˙'*:•❤ *
รถเมล์คือรถสาธารณะที่คอยบริการประชาชน แม้ว่าจะเย็นย่ำหรือดึกดื่นแค่ไหน รถเมล์ก็ยังคงวิ่งคอยให้บริการ นาฬิกาข้อมือสีดำแสนเท่ถูกยกขึ้นดูอีกครั้งเมื่อกำลังเดินออกจากประตูโรงเรียนไปยังป้ายรถเมล์ ...ห้าโมงสิบห้า...
วันนี้กลับสายกว่าทุกวันเพราะต้องซ้อมดนตรีเพื่อแข่งให้อีกไม่กี่วันข้างหน้า ทั้งสี่หนุ่มยืนรออยู่ที่ป้านรถเมล์แต่ทว่าวันนี้รถเมล์ของชานยอลมาก่อนรถกระป๋องคันเล็กของเพื่อนเสียอีก ด้วยเพราะช่วงเย็นเด็กนักเรียนไม่เยอะรถคันเล็กจึงขาดช่วง ไม่เหมือนรถเมล์ที่วิ่งตลอด
“กลับก่อนนะ เจอกันพรุ่งนี้แปดโมง” ชานยอลโบกมือลาเพื่อนก่อนที่จะก้าวเท้าขึ้นรถเมล์ที่ตอนนี้คนไม่เยอะเท่าไหร่ นัยน์ตากลมเห็นที่นั่งว่างเพียงหนึ่งที่ช่วงกลางค่อนไปทางท้ายรถ เย็นนี้มีเด็กช่างกลขึ้นมาจับจองที่นั่งด้านหลังทั้งยืนพิงเสาและนั่งเบาะหลัง ทุกสายตาของพวกช่างกลจับจองมายังผู้ขึ้นใหม่แลดูก็น่ากลัวไม่หยอก
“น้อง!!! ... มานั่งนี่มา” เสียงเรียกทำให้ชานยอลหันไปมอง เซฮุนยืนอยู่ที่เก้าอี้หน้าสุดของรถแล้วกวักมือเรียกชานยอลให้เข้าไปนั่ง ร่างสูงยาวค่อยๆเดินไปนั่งแทนที่เซฮุนที่ลงนั่งกับเบาะกลางระหว่างคนขับและที่นั่งผู้โดยสาร
“หมูบ้านทองสุขครับ” ชานยอลยื่นแบงค์ยี่สิบไปให้ เซฮุนยิ้มรับก่อนที่จะฉีกตั๋วและส่งเงินทอนให้
“ทำไมวันนี้กลับเย็นจัง” ชานยอลเอียงคอนิดหน่อยก่อนที่จะตอบออกไป
“ซ้อมดนตรีอยู่ครับเลยกลับเย็น” เซฮุนพยักหน้ารับ ชานยอลเองก็อยากที่จะถามเหมือนกันล่ะว่าทำไมเขากลับบ้านทีไรต้องเจอกระเป๋ารถเมล์คนนี้ทุกที คนขับรถกลั้วหัวเราะแล้วเอ่ยแซวเด็กกระเป๋ารถตัวเอง
“แล้วเอ็งไปยุ่งอะไรกับเขาวะไอ้เซฮุน” เซฮุนหันไปยิ้มตอบ
“โห้ยลูกพี่ก็! ผมก็เป็นห่วงน้องเขาสิกลับบ้านเย็นๆ” เสียงหัวเราะของคนขับดังขึ้นอีกระลอก
“แล้วเอ็งไปยุ่งอะไรกับเขาวะ!” เซฮุนยู่หน้าแต่ก็ไม่ได้หันไปสนใจคนที่นั่งบนเก้าอี้ข้างตัวที่นั่งหันหน้าออกนอกหน้าต่าง ภาสะท้อนในกระจกฉายใบหน้าขาวนวลที่มีสีแดงฝาดที่แก้มใสบางๆ
“ลูกพี่แล้วจะจอดรับไอ้พวกเทคโนนั่นเปล่าน่ะ?” เซฮุนเอ่ยถามพร้อมกับพยักพเยิดหน้าไปทางกลุ่มเทคโนกลุ่มใหญ่ที่ยืนอยู่ตรงป้ายรถเมล์ ชานยอลเองก็มองตามแล้วก็เบ้หน้าเพราะก่อนที่จะถึงหมู่บ้านทองสุขของตัวเองนั้นจะต้องผ่านเทคโนก่อนแล้วเลยโรงเรียนตัวเองไปอีกก็เป็นพวกช่างกลที่ขึ้นมาก่อนเขา สงสัยจะซวยบรรลัยแล้ววันนี้
“คงไม่ว่ะ ดูที่พวกแม่งถือดิ” แล้วรถเมล์ก็เลยผ่านพวกนั้นไป พวกหลังรถได้ทีก็กร่างใส่ทั้งโวยวายและท้าหาเรื่องกับพวกนั้น พวกเทคโนก็วิ่งตามหลังไล่รถมาโดยที่ไม่สนเลยว่ารถคันหลังๆที่ตามมานั้นจะเบรกกันตัวโก่งขนาดไหนเพื่อที่จะไม่ให้ชนเด็กพวกนั้น
“พวกมึงหลังรถหุบปากไป ไม่งั้นกูจะถีบพวกมึงเรียงตัวลงไปให้พวกแม่งยำ!!!” เซฮุนเดินเข้าไปหาหลังรถก่อนที่จะตะโกนเสียงดัง พวกมันหันมามองก่อนที่จะทำท่าหาเรื่อง
“ไรวะ เป็นแค่กระเป๋ารถอย่ามายุ่งดิ” ใครคนหนึ่งเอ่ยพูดกับเซฮุน ซึ่งเจ้าตัวก็คิ้วกระตุกเลย
“ปากดีใช่มะพวกมึง? ลูกพี่จอดรถ เปิดประตู!!!!” รถเมล์คันนั้นจอดจริงๆแต่ประตูยังไม่ได้เปิด และพวกเทคโนก็ยังคงวิ่งตามมา
“มึงน่ะมานี่เลย” เซฮุนลากคอเสื้อให้ลุกขึ้นมาแม้มันจะดิ้นโวยวายก็ตาม เซฮุนเสียงดังกลบเสียงโวยวายพวกมันจนนิ่งเงียบ
“มึงไม่รู้จักกูใช่มะ? กูให้พวกมึงกลับไปค้นประวัติที่โรงเรียนมึงนะแล้วค่อยมาหื้อกับกูวันหน้า! ลูกพี่ออกรถ!!!” เมื่อเห็นว่าพวกเทคโนใกล้วิ่งไล่หลังมาถึงเซฮุนก็หันกลับไปบอกลูกพี่แล้วก็เหวี่ยงคนในมือให้หงายหลังลงไปกองกับพื้นก่อนที่จะเดินกลับไปนั่งที่เดิม
“แจ๋ววุ้ยน้องกู” แล้วก็หัวเราะเสียงดัง
“โธ่ ลูกพี่ใครจะกล้าหื้อกับลูกพี่ใหญ่เซฮุนได้” แล้วเซฮุนก็หัวเราะร่าต่างกับคนที่นั่งมองด้วยสีหน้ามุ่ยและบึ้งตึง ลูกพี่หันมองเซฮุนแล้วพยักหน้าไปทางผู้โดยสารที่นั่งกอดอกทำหน้ามุ่ยไม่พอใจ เซฮุนหันมองตามก่อนที่จะยิ้มแล้วเขยิบเข้าไปใกล้อีกนิด
“ห่วงพี่เหรอน้อง?” ชานยอลหันมองก่อนที่จะสะบัดหน้ากลับ ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมต้องหงุดหงิด
“ไม่ต้องห่วงนะยังไงก็ไม่มีใครกล้าทำอะไรลูกพี่เซฮุนได้หรอก” เซฮุนยิ้มกว้างเมื่อเห็นชานยอลที่นั่งกอดอกพึมพำเสียงเบาว่า ‘ประสาท’ เซฮุนยิ้มเหมือนนึกอะไรขึ้นได้แล้วก็ล้วงมือหยิบของในกระเป๋าเสื้อฟรอ์มส่งให้ใครอีกคนที่นั่งหน้าบึ้ง
“อ่ะ อมยิ้มกินแล้วจะได้อมยิ้ม” ชานยอลหันมองอมยิ้มรสสตรอเบอร์รี่ที่อีกคนส่งมาให้ นัยน์ตากลมหันมองข้างทางก่อนที่จะลุกขึ้นแล้วเดินไปที่ประตูรถแต่ก็ไม่ลืมคว้าอมยิ้มนั้นมาด้วย เมื่อรถจอดชานยอลก็ก้าวเท้าลงไปโดยที่ไม่ได้พูดอะไรอีกเลย
ชานยอลมองอมยิ้มในมือก่อนที่จะแกะเปลือกออกแล้วเอามันเข้าไป รสชาติหวานๆของมันทำให้อารมณ์บูดบึ้งนั้นคลายออก เรียวปากสีสดวาดรอยยิ้มได้จริงๆ เซฮุนที่แอบมองอยู่ก็วาดรอยยิ้มไปด้วย ...ก็บอกแล้วว่ากินอมยิ้มแล้วจะได้อมยิ้มจริงๆ... เมื่อรถเมล์เคลื่อนตัวอีกครั้งภาพของเด็กตัวสูงที่สวมชุดนักเรียนมัธยมปลายก็ค่อยๆเลือนหายไป
“ชอบเขาล่ะสิ” เสียงของลูกพี่เอ่ยถามแม้ว่าจะไม่มองหน้าแต่เซฮุนก็รู้ว่าลูกพี่คุยกับตน
“โคตรชอบเลยดีกว่าครับลูกพี่!”
*❤•:*'˙❤˙'*:•❤x❤•:*'˙❤˙'*:•❤ *
แม้ว่าจะเป็นวันหยุดแต่รถเมล์ก็ไม่เคยหยุดวิ่ง ชานยอลยกนาฬิกาข้อมือดูอีกครั้งเมื่อตอนนี้กำลังรู้สึกหิวข้าวเอามากๆ วันเสาร์นี้ชานยอลนัดกับแก๊งเพื่อนมาซ้อมดนตรีกันแต่แล้วอีกสามคนที่เหลือก็โดนอาจารย์มาดึงตัวไปใช้งานดีนะที่ชานยอลไปเข้าห้องน้ำเสียก่อน ตอนนี้ก็เลยหนีกลับบ้านเสียเลย
รถเมล์สาย120กำลังวิ่งมาไกลลิบๆ เรียวปากได้รูปวาดรอยยิ้มเมื่อยืนรอเพียงไม่นานรถเมล์สายที่ต้องการก็มาพอดี แล้วแก้มกลมก็แดงเรื่อเมื่อนึกถึงเมื่อวานที่ได้รับอมยิ้มมาจากเซฮุนกระเป๋ารถเมล์จอมซ่าส์ สองมือกระชับสายสะพายข้างของกระเป๋าใบเก่งเอาไว้ก่อนที่จะก้าวขึ้นรถเมล์ที่ว่างไม่ค่อยมีผู้คนโดยสารเสียเท่าไหร่ ชานยอลเดินไปทางหลังรถแล้วเหลือกนั่งที่นั่งด้านในชิดริมหน้าต่าง
“เซ็นทรัลครับ” เซฮุนเลิกคิ้วที่คนตรงหน้าเอ่ยบอกสถานที่นั้น ชานยอลยิ้มแล้วหัวเราะเบาๆ
“จะไปเที่ยวก่อนกลับบ้าน” เซฮุนพยักหน้ารับแล้วยิ้มก่อนที่จะฉีกตั๋วแล้วหยิบเงินทอนส่งคืนแล้วเจ้าตัวก็ผละไปเก็บเงินคนอื่นต่อ ชานยอลที่มองตามก็วาดรอยยิ้ม ไม่รู้ว่าตัวเองมาพอดีเวลารถคันนี้วิ่งหรือรถสายนี้มีคันเดียวกันแน่ที่ทำให้เราได้พบกันทุกวัน ไม่ใช่ว่าชานยอลไม่สังเกตว่ากระเป๋ารถเมล์คันนี้ชอบส่งยิ้มมาให้แต่ก็ไม่เคยโดนรุกแบบนี้ละนะ
ชานยอลนั่งพิงพนักของเก้าอี้โดยสารแล้วก็หันหน้ามองออกนอกหน้าต่าง แม้ว่าจะเป็นวันหยุดการจารจรไม่ติดขัดก็จริงแต่รถราบนถนนก็ยังคงวิ่งเยอะอยู่ดี รถเมล์คันใหญ่แล่นมาจอดที่แยกไฟแดง วิ่งมาได้ไม่เท่าไหร่ก็ติดไฟแดงเสียแล้ว ปากอิ่มพ่นลมหายใจออกก่อนที่จะวางหัวพิงกับพนักพิงแล้วปิดเปลือกตาลง
เซฮุนค่อยๆลงนั่งเคียงข้างคนที่นอนหลับไปแล้ว ใบหน้าน่ารักที่เอียงคอพับซบอยู่ที่พนักพิงแลดูช่างน่ารักน่าชังในสายตาคนมองยิ่งนัก เรียวปากบางได้รูปวาดรอยยิ้ม นัยน์ตาเป็นประกายยิ่งนักยามที่ได้จับมองคนข้างกาย คนที่นอนซุกอยู่ข้างหน้าต่างแม้ว่าจะดูไม่ค่อยสบายนักแต่เรียวปากของคนหลับก็วาดรอยยิ้มจางๆ
“เฮ้ย ไอ้เซฮุนอย่าอู้งานโว๊ย!!” เซฮุนยู่หน้าแล้วมองลูปพี่ที่มองตนจากกระจกส่องหลัง
เปลือกตาบางค่อยๆลืมตาขึ้นเมื่อคิดถึงคงถึงเซ็นทรัลแล้วแต่ทว่าสิ่งแรกที่เห็นกลับไม่ใช่วิวทิวทัศน์ด้านนอกแต่เป็นซอกคอของใครสักคน คนเพิ่งตื่นรีบผละออกแล้วมองคนที่นั่งเอนหัวกับพนักพิงหลับอยู่ข้างกายด้วยดวงตาเบิกกว้าง เรียวปากอ้าพะงาบคล้ายว่าจะพูดอะไรสักอย่างแต่ก็พูดไม่ออก ดวงตากลมหันออกไปมองด้านนอกก่อนที่จะเบิกกว้างยิ่งกว่าเดิมด้วยไม่รู้ว่าแถวนี้น่ะมันแถวไหน แล้วที่นี่คือที่ไหน
“ที่ไหนเนี่ย แล้วจะกลับยังไงล่ะเนี่ย” ชานยอลแทบจะเกาะกระจกอยู่แล้วแต่ทว่าคนข้างกายกลับเอ่ยบอกเสียก่อน
“ที่นี่อู่รถเมล์” ชานยอลหันกลับมามองคนที่ยังคงนั่งท่าเดิมแต่ส่งยิ้มมาให้
“แล้วทำไมมาอยู่ที่นี่อ่ะ” รถเมล์ทั้งรถไม่มีใครเลยนอกเสียจากชานยอลและเซฮุน เซฮุนค่อยๆลุกขึ้นนั่งดีๆก่อนที่จะหันมาส่งยิ้ม
“ก็เข้ามาพักรถไง หิวข้าวหรือยังล่ะ? ไงเดี๋ยวพาไปกินข้าวแล้วจะพาไปส่งนะ” เซฮุนลุกขึ้นยืนแล้วยิ้มให้ชานยอลที่ยังนั่งทำหน้านิ่วคิ้วขมวด
“มาเถอะน่า~” แล้วชานยอลก็ตามเซฮุนลงจากรถ
อู่รถเมล์คือสถานที่ที่ชานยอลไม่เคยมา ดวงตากลมหันมองรอบข้างในขณะที่กำลังยืนรอเซฮุนที่บอกว่าเดี๋ยวมาอยู่ สถานที่นี้กว้างใหญ่และมีรถเมล์ที่ใช้ร่วมอู่เดียวกันอยู่สามสาย รถเมล์ใหญ่ เล็กจอดพักหลบแบ่งเป็นสัดส่วนว่ารถสายไหนใช้สถานที่ตรงไหน เหล่าพนักงานขับรถและกระเป๋ารถเมล์ที่พักกันอยู่บ้างก็นั่งล้อมวงทานข้าว บางก็นั่งพักคุยกันสนุกสนานเฮฮา คนที่ไม่เคยได้เห็นก็แย้มยิ้มออกมา
รอเพียงไม่นานเสียงรถมอเตอร์ไซด์คันเก่าก็ค่อยๆดังเข้ามาแล้วจอดอยู่ตรงหน้าคนรอ เซฮุนชี้ไปด้านหลังเพื่อให้ชานยอลขึ้นซ้อน เจ้าตัวก็ค่อยๆก้าวขาขึ้นซ้อนแล้วจับที่จับด้านหลังไว้แน่น รถมอเตอร์ไซด์คันเก่าค่อยๆแล่นออกจากอู่รถเมล์ไป
“อ้าวไอ้เซฮุนมันจะไปไหนของมัน” ร่างสูงของเจ้าของอู่รถเมล์เดินออกมาเมื่อเห็นหลังไวๆของเซฮุนที่ขับมอเตอร์ไซด์ออกไป
“ไม่ทราบครับนาย เห็นคุณเซฮุนไปยืมมอไซด์ของลุงหมานมา” พยักหน้ารับแต่ก็ไมได้สนใจอะไร
เซฮุนขับรถมอเตอร์ไซด์เก่าๆเลียบอู่รถเมล์มาได้ไม่นานก็ถึงร้านข้าวราดแกงข้างทางที่เป็นร้านประจำของเซฮุนแล้ว เมื่อดับเครื่องชานยอลก็ก้าวเท้าลงจากรถแล้วยืนเก้ๆกังๆทำตัวไม่ถูกกับสายตาที่ทอดมองมาคล้ายว่าจะล้อเลียน
“มาสิ อยากกินอะไรก็สั่งเลยเดี่ยวลูกพี่เลี้ยงเอง~” เซฮุนยิ้มแล้วเดินนำไป
“แหม เซฮุน~ วันนี้จะกินอะไรดีจ๊ะ? กับข้าวป้าหวานไปหมดแล้วเนี่ย” ป้าหัวเราะเสียงดัง เซฮุนเองก็ยิ้มตามไปด้วย
“ยังไงกับข้าวป้าก็ยังอร่อยอยู่ดีนั่นล่ะ วันไหนไม่ได้กินนะผมคงลงแดงตาย~~ เอาเหมือนเดิมนะครับป้า” ป้าก็หัวเราะอย่างถูกใจกับมุกหยอดของเด็กหนุ่มที่มักจะมากินข้าวที่นี่ทุกวัน
“ไม่เบื่อหรือไงเราน่ะ” ป้ายื่นจานข้าวกะเพาหมูสับไข่ดาวให้เซฮุน
“ไม่หรอกครับอร่อยดี อยากกินไรสั่งเลยๆอร่อยทุกอย่าง” เซฮุนหันไปยิ้มให้กับชานยอลที่ยืนอยู่ข้างหลังก่อนที่จะเดินไปนั่งรอที่โต๊ะ
“เอาไข่พะโล้กับหมูทอดครับ” เพียงไม่นานชานยอลก็เดินมานั่งลงตรงข้ามกันเซฮุน ทั้งคู่ก้มหน้าลงทานข้าวโดยที่ไม่ได้พูดกันสักคำ ส่วนคนรอบข้างทั้งป้าคนขายข้าวหรือแม้แต่พนักงานขับรถเมล์ กระเป๋ารถเมล์หรือชาวบ้านแถวนั้นที่รู้จักเซฮุนก็ยิ้มล้อกับเด็กหนุ่มที่ทำเป็นนั่งก้มหน้ากินข้าวไม่สนอะไรแต่แก้มนั้นแดงเสียจนมองเห็น เขินหรือพ่อตัวดี ฮ่าๆๆ
หลังจากกินข้าวเสร็จเซฮุนก็ขับรถมอเตอร์ไซโกลับโดยมีชานยอลนั่งซ้อนท้าย พอกลับมาถึงอู่รถเมล์ก็มีคิวรถเมล์สาย120 ออกพอดีเซฮุนเลยเดินไปส่งพร้อมกับบอกกระเป๋ารถเมล์อีกคันว่าไม่ให้เก็บเงินและผู้โดยสารคนนี้ลงที่ไหนก่อนที่จะรีบไปหาเจ้าของอู่ที่ส่งให้เด็กมาตามตั้งแต่เขายังจอดรถมอเตอร์ไซด์ยังไม่สนิทดี
“ยังไม่ทันได้ขอบคุณเลย” ชานยอลมองตามหลังของเซฮุนที่รีบวิ่งไปยังอาคารชั้นเดียวคล้ายๆสำนักงาน ดวงตากลมโตฉายแววสลด อุตส่าห์พาไปกินข้าวแถมยังพากลับมาส่งอีก ยังไม่ทันได้ขอบคุณก็ไปเสียแล้ว...
*❤•:*'˙❤˙'*:•❤x❤•:*'˙❤˙'*:•❤ *
กว่าที่ชานยอลจะได้ใช้บริการรถเมล์อีกครั้งก็เป็นวันจันทร์ ช่วงเช้าชานยอลมักจะติดรถคุณพ่อผ่านมาโรงเรียนเสมอแต่ขากลับก็มักจะกลับเอง ตอนนี้ชานยอลกำลังยืนรอรถเมล์สาย120 อยู่รวมกับเด็กนักเรียนคนอื่นๆแต่จะแปลกตาก็ตรงที่ชานยอลยืนตัวเปล่าไร้กระเป๋าคู่ใจและกลุ่มเพื่อนข้างตัว
ยืนรออยู่สักพักใหญ่ๆรถเมล์คันเดิมก็วิ่งมาจอดชานยอลขึ้นไปก่อนที่จะใช้ความสูงของตัวเองให้เป็นประโยชน์กวาดตามองหาแล้วก็เจอเซฮุนที่ยืนอยู่หน้ารถ เซฮุนหันมาส่งยิ้มให้ ชานยอลเองก็ส่งยิ้มตอบ มือที่กำกระดาษกำแน่นอย่างเขินอาย
“เซฮุน!!!” เสียงทุ้มตะโกนเรียกซึ่งเจ้าของชื่อก็เลิกคิ้วขึ้นอย่างสงสัย เสียงจอแจในรถก็เงียบลง เซฮุนค่อยๆเดินแทรกมาหาชานยอลที่ยังคงยืนเกาะเสาอยู่ตรงประตูทางขึ้น
“หื้ม?” ชานยอลค่อยๆยื่นซองกระดาษสีครีมให้เซฮุนเมื่อเจ้าตัวเดินมาใกล้ เซฮุนรับมันมาก่อนที่จะมองของในมือด้วยความแปลกใจ
“พรุ่งนี้มาให้ได้นะ” ว่าไว้แค่นั้นก่อนที่จะหันหลังลงจากรถไป เมื่อชานยอลลงไปแล้วรถเมล์ก็เคลื่อนตัวไปทันที ชานยอลที่ยังยืนอยู่ที่ป้ายรถเมล์ทำท่าบอกเซฮุนว่าให้เปิดอ่านสิ่งที่เขาส่งไปให้
เซฮุนเปิดซองจดหมายเล็กๆสีครีมออกก็พบเข้ากับบัตรเข้าชมการแสดงที่เขียนไว้ว่าการแสดงดนตรีของโรงเรียนมัธยมสุขวดี แต่สิ่งใดก็ทำให้เรียวปากบางวาดรอยยิ้มเสียเต็มใบหน้าไม่ได้เท่ากระดาษโน้ตเล็กๆที่แนบมาด้วย ลายมือที่ไม่ถึงกับน่ารักแต่ก็พออ่านออก ...ขอบคุณสำหรับเมื่อวานนะ พรุ่งนี้มาให้ได้นะ ชานยอล 0861234567... เซฮุนยิ้มแล้วเก็บมันลงกระเป๋าเสื้อก่อนที่จะไปทำหน้าที่ของตัวเอง
ก็ท่าจะอ่อยใส่ขนาดนี้ ไม่เอาก็โง่แล้วป่ะล่ะ!!!!
*❤•:*'˙❤˙'*:•❤x❤•:*'˙❤˙'*:•❤ *
เซฮุนยืนอยู่หน้าโรงเรียนมัธยมพร้อมกับดอกไม้หนึ่งดอกที่ถูกห่อด้วยพลาสติกใสทำให้มองเห็นความงามของมันได้โดยรอบ เซฮุนก้มลงสำรวจเสื้อผ้าที่สวมใส่ว่าดูดีหรือยัง เสื้อยืดสีขาวที่สกรีนลายอักษรภาษาอังกฤษสีน้ำเงินออกม่วงสวมทับด้วยเสื้อแขนยาวไล่สีน้ำเงินเข้มจากด้านล่างขึ้นด้านบนสีเทาอ่อนๆ แขนยาวถูกรูดขึ้นไปกองที่ข้อพับแขน กางเกงยีนส์สีฟอกแสนเท่และรองเท้าคอนเวิร์สสีดำ
“ดูดีแล้วมั้ง” เซฮุนพ่นลมหายใจหนึ่งเฮือกก่อนที่จะเดินเข้ารองเรียนไป เด็กนักเรียนรอบข้างต่างก็หันมองเซฮุนด้วยสายตาเดียวกัน เทพบุตรที่ไหนมาเดินอยู่ในโรงเรียนแบบนี้นะ
นัยน์ตาสีเข้มก้มลงอ่านสถานที่จัดงานในบัตรเข้าชมการแสดงในมือก่อนที่จะมองหาไปรอบๆถึงตึกประชุมใหญ่ ยังไม่ทันที่จะได้ก้าวไปไหนเสียงดนตรีก็ดังขึ้นเซฮุนเลยรีบเดินไปตามเสียงนั้น จะว่าไปเซฮุนก็มาสายอยู่นะ ไม่ใช่เพราะตื่นสายหรอกแต่เลือกชุดหล่อไม่ได้เสียที ไม่อยากจะคุยว่าเซฮุนตื่นตั้งแต่ตีห้าเชียวนะ!!
เมื่อก้าวเข้าไปแล้วเซฮุนก็มองหาทางเข้าโซนวีไอพีที่เขียนไว้ในบัตรชมการแสดง ไม่นานเซฮุนก็แทรกๆคนอื่นเข้ามาถึงหน้าเวทีได้ เก้าอี้อีกหนึ่งตัวยังคงว่างอยู่ ซึ่งนั่นคือที่นั่งของเซฮุน ชานยอลที่หันมาเห็นพอดีก็ยิ้มกว้าง เซฮุนยิ้มตอบก่อนที่จะมองวงของชานยอลเล่นดนตรี ยามที่ชานยอลหันมาสบตานั้นหัวใจของเซฮุนก็เต้นรัว
วงของชานยอลมีคยองซูเป็นนักร้องนำ ซูโฮเป็นมือกลอง ไคเป็นมือเบสและเจ้าตัวเป็นมือกีต้าร์ เพลงที่เล่นเพลงแรกคือเพลงป๊อปร็อค ต่อด้วยเพลงช้าซึ้งๆและไปจบที่เพลงดิ้นมันส์ๆ ไม่ว่าจะแนวแบบไหนนักร้องนำคนเก่งก็สามารถ เด็กนักเรียนคนอื่นที่ยืนอยู่รอบๆก็ขยับโยกตามจังหวะ ชานยอลดีดกีตาร์ไปก็โยกตัวไปตามจังหวะ ยามที่มือกีต้าร์โซโล่เสียงกีต้าร์นั้นช่างจับใจคนมองเสียเหลือเกิน
“ขอบคุณวง Exorust ด้วยครับ ไปพักผ่อนก่อนนะครับ ต่อไปเป็นวง Guardian Rare ครับ” เมื่อชานยอลเดินลงจากเวที เซฮุนก็ลุกขึ้นแล้วเดินตัดหน้าเวทีไปยังอีกฝากฝั่งทันที
“คิดว่าจะไม่มาซะแล้ว” ชานยอลเอ่ยทักเมื่อเซฮุนเดินเข้ามาใกล้ๆ แก้มกลมแดงเรื่อ เหล่าเพื่อนๆต่างก็ซุบซิบกันยิ้มกริ่ม เซฮุนยื่นดอกไม้ในมือให้ชานยอลก่อนที่จะชักมือกลับมาเกาต้นคอเขินๆ
“ก็นายชวนทั้งทีพี่จะไม่มาได้ไงล่ะ” พูดไปก็เสหน้าไปมองที่อื่นที ชานยอลเองก็ก้มหน้าลงดอกไม้ในมือ ดอกกุหลาบสีแดงหนึ่งดอกในกรวยพลาสติกใสส่งกลิ่นหอมอวลปลายจมูก แก้มกลมแดงเรื่อเมื่อสังเกตดอกกุหลาบนี้ดีๆ บางทีคนให้อาจจะไม่ได้ตั้งใจ หรือบางทีอาจจะสื่อความหมายอะไรบางอย่าง
กุหลาบ 1ดอก......รักแรกพบ
กุหลาบบานสีแดง....ฉันรักเธอเข้าแล้ว
กุหลาบบานสีแดง 1ดอก...... รักแรกพบ ฉันรักเธอเข้าแล้ว
“พี่เซฮุน... ขอบคุณสำหรับดอกกุหลาบนะครับ” ใบหน้าขาวของซฮุนแดงปรี๊ดทั่วทั้งใบหน้า สองมือก็ดูขัดหูขัดตาไม่รู้ว่าจะเอาไปวางไว้ตรงไหนเลยได้แต่ยกเกาแก้ม เกาต้นคอแก้ขัดไปก่อน
“ชานยอล... รู้ความหมายของมันไหม?” เอ่ยถามเสียงเบา ชานยอลก้มหน้าลงแล้วกัดริมฝีปากอย่างเขินๆ ใบหน้าเริ่มร้อนผ่าวจนชานยอลแทบอยากจะมุดหนี หัวกลมๆพยักรับเบาๆ เซฮุนยิ้มกว้างแม้ว่าจะเสหน้าไปทางอื่นก็ตาม คยองซูผลักไหล่เพื่อนเบาๆ ชานยอลหันกลับไปมองก่อนที่จะคว้าข้อมือของเซฮุนไว้
“ไปเดินเล่นกันนะ” ใบหน้าน่ารักที่แดงเรื่อเอียงคอน้อยๆ ก็แล้วลูกพี่ใหญ่อย่างเซฮุนมีหรือที่จะปฏิเสธ ฝ่ามือที่ชื้นเหงื่อกระชับมือที่กุมจับไว้
“เฮ้ยแล้วมึงไม่รอฟังผลประกาศรางวัลเหรอวะ?” ไคตะโกนถามเมื่อเห็นว่าเพื่อนและใครอีกคนกำลังเดินออกจากหอประชุมไป
“ช่างแม่งกูไม่สนรางวัล!” หันกลับไปตะโกนตอบก่อนที่จะโดนปลายนิ้วของเซฮุนบีบจมูกโด่งแรงๆ
“โอ๊ยเจ็บนะ!!” ใบหน้าน่ารักบูดบึ้ง ชานยอลมือปล่อยที่กุมจับกันออกมากุมจมูกตัวเอง ส่วนมืออีกข้างก็ถือดอกกุหลาบนั้นไม่ยอมปล่อย
“พูดไม่เพราะ ถ้าพูดไม่เพราะอีกลูกพี่จะลงโทษนะ” ชานยอลแล่บลิ้นใส่แล้วออกเดินนำ เซฮุนยิ้มขำแล้วเดินตาม
“วันนี้พี่มาได้เหรอ? ที่อู่ไม่มีใครว่าเหรอ? โดดงานมาน่ะ” เซฮุนเลิกคิ้วก่อนที่จะส่ายหน้าไปมา แล้วทำเนียนสอดมือเข้าจับกับมือของชานยอล
“ใครจะกล้าว่าลูกเจ้าของอู่ก็เสนอหน้ามาเลยครับ เดี๋ยวจัดการไล่ออกเอง” ชานยอลหันมองคนข้างกายอย่างตกใจพร้อมกับดวงตากลมเบิกกว้าง ลูกเจ้าของอู่!!!!
“ห๊ะ????” ก็แล้วเป็นลูกเจ้าของอู่แล้วมาเป็นกระเป๋ารถเมล์เพื่ออัลไลลลลลลลลลลลลลลลลลล อยากโวยวายไงแต่ทำไม่ได้กลัวเสียภาพพจน์
“ทำไมเหรอ?” ชานยอลส่ายหน้าไปมา แล้วเซฮุนก็หยุดเดินทำให้ชานยอลต้องหยุดเดินไปด้วย ใบหน้าที่ยังแดงเรื่อและคงเคล้าความตกใจไว้หันมาหาคนข้างกาย
“แล้วคำตอบล่ะ” ปลายนิ้วของเซฮุนชื่อไปยังดอกกุหลาบนั้นในมือของชานยอล แล้วริ้วสีแดงก็พาดบนแก้มขาวของทั้งคู่อีกครั้ง ชานยอลค่อยๆดึงมือออกจากการจับของเซฮุนก่อนที่จะเดินนำไปสามก้าวแล้วก็หันกลับมายิ้มน่ารักๆใส่
“มารับผมที่หน้าโรงเรียนทุกเย็นสิครับ”
...ลูกพี่ใหญ่เซฮุน ตกหลุมรัก เด็กมัธยมปลายอย่างชานยอลเข้าซะแล้ว ลูกพี่ใหญ่ของเราท่าจะแย่เสียแล้วล่ะ...
…FIN…
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น