ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Memory 01
สวัสดี.. คุณรู้จักผมไหม?
พวกคุณกำลังสงสัยใช่ไหมว่าผมเป็นใคร.. ผมชื่อชานยอล ปาร์คชานยอล.. ทีนี้คุณรู้จักผมหรือยัง?
แต่ผมยังไม่รู้จักพวกคุณเลยนะ.. แต่ก็ไม่เป็นไร เรามาทำความรู้จักกันดีกว่า
ผ่านเรื่องราวและตัวอักษรของผม ผ่านบันทึกการเดินทางในช่วงเวลาที่ผมมีทั้งความสุข เสียใจ และคิดถึงแทบขาดใจ
มันดูตลกใช่ไหมล่ะที่ผู้ชายตัวโตๆจะมาเขียนบันทึกไดอารี่อะไรแบบนี้? จริงๆผมก็ไม่ได้ชอบเขียนหรอกนะ ผมชอบเล่นกีต้าร์ พวกคุณรู้ใช่ไหม? นั่นแหละผมชอบเขียนโน้ตเขียนเนื้อเพลงมากกว่าอีกแต่ไม่รู้ทำไมตอนที่ผมไม่มีใคร ผมถึงได้หาสมุดว่างๆแล้วก็หยิบปากกามาลองนั่งเขียนดู
ค่อยๆเริ่มเขียนความทรงจำทีละอย่างออกมาเป็นตัวหนังสือ เขียนไปเขียนมาผมก็ไม่รู้ตัวเลยว่าพอมีเวลาว่างผมก็มักจะหยิบสมุดเล่มหนาปกสีดำออกมาจดๆเขียนๆแปลความทรงจำเล่าผ่านตัวอักษร
ความทรงจำที่ยังคงฉายชัดอยู่ในหัวของผม ผมพยายามที่จะถ่ายทอดมันออกมาผ่านตัวอักษรพวกนี้ ถ้าผมเล่าไม่ดียังไงก็อย่าถือสากันเลยนะ ก็อย่างที่บอกผมไม่เก่งเรื่องเขียนเล่าเรื่องสักเท่าไหร่
ความทรงจำของผมมักจะเกี่ยวข้องกับใครบางคนซะเป็นส่วนใหญ่ ใครบางคนที่สอนให้ผมรู้จักหลายๆอย่าง สอนให้ผมเรียนรู้ในสิ่งที่ผมไม่เคยรู้มาก่อน และสอนให้ผมเห็นคุณค่าของช่วงเวลาที่มีความสุขว่ามันมีค่าแค่ไหน
ผมเป็นคนที่มีความอดทนต่ำ แต่ผมก็ไม่เคยคิดเลยว่าผมจะอดทนและรอมาได้นานจนถึงขนาดนี้
รอเพียงเพื่ออยากจะถามคำถามเดียว
ไหนพี่บอกว่าจะอยู่ด้วยกันแล้วพี่ทิ้งผมไปทำไม พื่ลืมผมไปแล้วเหรอ... พี่คริส
=========================================================
ความฝันของผมคือการได้เป็นนักดนตรี ผมชอบเล่นดนตรีชอบร้องเพลงตามคุณพ่อ ส่วนคุณแม่ชอบทำอาหารและงานเรือนซึ่งนั่นก็ตกทอดมาสู่พี่สาวของผม ที่บ้านของผมไม่ปิดกั้นและสนับสนุนกับความฝันของผม คนที่ผลักดันมากที่สุดก็เป็นคุณแม่กับพี่สาวของผม ส่วนคุณพ่อก็จะแอบเชียร์อยู่เงียบๆ
จริงๆแล้วความฝันของผมไม่ได้มีแค่การเป็นนักดรตรีหรอก ผมอยากเป็นนักร้องที่โด่งดัง นักแสดงมากฝีมือและนายแบบระดับโลก คนที่รู้ความฝันนี้และคอยช่วยเหลือผลักดันก็คือพี่สาวของผม การที่ผมได้เข้ามาในค่ายนั้นถือว่าเป็นเรื่องดีและเป็นอะไรที่ที่บ้านคิดไว้อยู่แล้ว ว่ายังไงผมก็ต้องได้ทำงานสายนี้ ได้ทำตามความฝันอย่างที่ตั้งใจ
หลังจากที่เข้ามาเป็นเด็กฝึกแล้วก็ต้องเรียนรู้วิชาต่างๆทั้งร้อง เล่น เต้น แต่ที่หนักสุดสำหรับผมคงเป็นเรื่องเต้นด้วยตัวที่สูงแบบนี้ก็เลยทำให้การเต้นดูขัดๆยังไงก็ไม่รู้และผมก็ไม่มั่นใจด้วย แต่เรื่องการร้องนี่ขอให้บอก!
ผมได้ยินเรื่องเล่าของพวกเด็กเทรนมาว่ามีเด็กต่างชาติคนหนึ่งที่ดูท่าแล้วหยิ่งมากมาย พูดด้วยก็ไม่พูดตอบ ถามคำตอบคำซ้ำยังทำหน้าดุอีก ด้วยวันนี้ผมเลิกเรียนเร็วก็เลยขอแอบไปสืบดูหน่อยว่าคนที่ทุกๆคนพูดถึงนั้นเป็นยังไง ปาร์คชานยอลน่ะไม่ใช่คนสอดรู้สอดเห็นหรอกนะ... แต่ทุกเรื่องในค่ายปาร์คชานยอลจะต้องรู้!
ผู้ชายคนนั้นตัวสูงกว่าผม หน้าดูดุ แถมสายตายังดูน่ากลัวอีกแน่ะ นั่นคนหรือหุ่นยนต์? แต่ถ้าจะให้บอกจริงๆ... เขาเท่มากเลยนะ ไม่รู้ล่ะปาร์คชานยอลต้องทำความรู้จัก!!
“สวัสดีครับ!” อยู่ๆชานยอลก็กระโดดออกไปขวางทางทำเอาคนโดนขวางสะดุ้งตกใจ เด็กตัวเตี้ยกว่าตรงหน้ายิ้มกว้างจนลูกตาวาดโค้งเป็นขีด
“ผมชื่อชานยอล คุณชื่ออะไรครับ” ถามออกไปแล้วก็ยิ้มกว้างให้ด้วย ใครๆก็บอกว่าเวลาที่ชานยอลยิ้มแล้วโลกจะสดใสและคนที่ได้พบเห็นก็จะยิ้มตามแล้วมีความสุขไปด้วย... แต่ทำไมคนตรงหน้ายังทำหน้านิ่งอีกล่ะ
“คุณชื่ออะไรครับ” ถามย้ำอีกครั้งแต่คนตรงหน้าก็ยังคงยืนนิ่ง สิ่งที่เปลี่ยนไปคือหัวคิ้วที่ขมวดมุ่นนั้น
“คุณน่ะชื่ออะไร นี่บอกชื่อไปแล้วนะทำไมไม่บอกตอบล่ะ” ถามแล้วก็เอียงคอใส่อีกสเต็ป ท่านี้ถ้าได้ทำอ้อนใครรับรองมีเท่าไหร่เทหมดกระเป๋า (พี่ยูราเป็นคนบอก)
“พูดอะไรนะช้าๆ” คราวนี้ก็ถึงคราวที่ชานยอลจะต้องทำหน้างงบ้าง ที่พูดมานั่นภาษาจีนใช่ไหม?
“ห๊ะ?”
“พูดช้าๆ” อีกคนพูดเป็นภาษาอังกฤษกลับมา ชานยอลก็ทำหน้าร้องอ๋อ
“ชื่ออะไร your name?”
“คริส” ชานยอลยิ้มแล้วก็พยักหน้า
“พี่คริส~” แค่สองคำชานยอลก็ต้องตกใจที่ใบหน้านิ่งๆดูหยิ่งผยองและดวงตาที่แสนดุนั้นแปรเปลี่ยนเป็นใบหน้าที่แต้มไปด้วยรอยยิ้มละมุนและดวงตาที่ฉายแววอ่อนโยน
“พี่ว่างไหม” ชานยอลพยายามพูดช้าๆเพื่อให้อีกคนเข้าใจ คริสส่ายหน้า
“ต้องไปเรียน” ชานยอลมุ่ยหน้าแต่ก็ยอมพยักหน้าเข้าใจ คาดว่าคนตรงหน้าต้องไปเรียนภาษาเกาหลีแน่ๆเพราะฉะนั้นไม่ควรรั้งนาน อาจารย์ดุมากบอกไว้เลย
“งั้นครั้งหน้าเราไปเที่ยวกันนะ” คริสพยักหน้ารับ ชานยอลก็เลยยกมือขึ้นโบกมือลาแล้วก็เดินออกจากตึกไป วันนี้ตัวเขาไม่มีเรียนแล้วก็เลยจะกลับบ้าน ที่ค่ายก็มีหอให้อยู่นะแต่เขาไม่อยากอยู่
ถ้าชานยอลหันกลับมามองสักนิดก็อาจจะเห็นพี่ชายคนที่ดูเหมือนจะเย็นชาหันมองตามแล้วก็ยิ้มให้ก็ได้
นั่นคือครั้งแรกที่เราพบกัน แล้วหลังจากวันนั้นเรื่องที่ผมกล้าเข้าไปคุยกับพี่คริสก็กลายเป็นเรื่องดังของเด็กเทรนด์เลย ก็คนน่ากลัวแบบนั้นใครจะกล้าเข้าไปใกล้กันล่ะจริงไหม? แต่ไม่ใช่สำหรับปาร์คชานยอลหรอกนะ
พี่จุมยอนที่เทรนมาก่อนหน้าผมถึงกับเดินเข้ามาถามผมว่าไปคุยกับคริสแล้วเหรอ พี่จุนมยอนบอกว่าจริงๆแล้วคริสก็ไม่ใช่คนที่จะคุยด้วยยากหรอก คุยไปเขาก็ตอบแต่ต้องถามช้าๆนะเพราะเขาเพิ่งเรียนภาษาเกาหลีเอง ด้วยเหตุนี้ผมก็เลยคิดว่าเขาน่าจะไม่ใช่คนหยิ่งอะไรหรอกแต่เพียงแค่ฟังไม่รู้เรื่องมากกว่า
ปาร์คชานยอลน่ะมีเพื่อนเยอะและก็ชอบที่จะมีเพื่อนเยอะๆด้วย ครั้งถัดไปในวันที่ผมว่างก็ว่าจะเข้าไปคุยกับพี่คริสอีก ดูๆแล้วพี่คริสไม่ค่อยมีเพื่อนเลยแหะ หลังจากที่ส่งเจ้าเซฮุนกลับบ้านเรียบร้อย (เด็กอะไรน่ารักเป็นที่สุด) ก็เลยแวะซื้อของกินว่าจะเอาไปฝากเสียหน่อย
ผมไม่รู้ว่าพี่เขาชอบอะไร จำได้แต่ว่าเคยได้ยินใครพูดว่าพี่คริสชอบดื่มนมสตรอเบอร์รี่เพราะฉะนั้นผมก็จะซื้อนมไปฝาก ผมมายืนรอเขาที่ที่เราเจอกันเมื่อครั้งก่อนไม่นานผมก็เห็นเขามากับใครอีกคนที่ผมไม่รู้จัก เอ.. เป็นเด็กเทรนเหมือนกันนี่แหละแต่ผมไม่ค่อยได้เจอเขาเลย รู้แต่ว่าเต้นเก่ง
“พี่คริส” คนทั้งสองที่เดินพูดคุยภาษาบ้านเกิดก็หยุดหัวเราะแล้วหันมาตามเสียงเรียก
“อ้าว.. ชาน... ชาน....” คริสขมวดคิ้วเหมือนกำลังนึก
“ชานยอลครับ” ชานยอลยิ้มแล้วก็เลยเผื่อยิ้มไปให้ใครอีกคนด้วย คนนั้นก็ก้มหัวทักทาย ชานยอลก็ก้มหัวทักทายตอบ
“งั้นฉันไปก่อนนะ” เขาคนนั้นบอกเป็นภาษาจีนกับคริสแล้วก็เดินไปก่อน แต่ก่อนไปก็หันมาก้มหัวลาอีกรอบ
“ชั่นหย่อลว่าไง” ชานยอลกระพริบตาปริบๆแล้วก็ส่ายหน้า
“ไม่ใช่ ชานยอล”
“ชั่นหย่อล”
“ชานยอล” ชานยอลขมวดคิ้ว
“ชั่นหย่อล” คริสก็ขมวดคิ้ว ก็เขาเรียกถูกแล้วไง ทำไมเด็กตรงหน้าทำเหมือนเขาเรียกไม่ถูกอย่างนั้นแหละ
“เอ้าหย่อลก็หย่อล.. นี่ผมซื้อมาให้พี่” ชานยอลยื่นถุงนมไปให้ คริสก็รับมาเปิดดูแล้วก็ยิ้มกว้าง
“ขอบใจ” ชานยอลก็ยิ้มตอบ
“พี่ต้องไปเรียนใช่ไหม งั้นผมไปก่อนนะ” โบกมือลากันแล้วชานยอลก็เดินจากไป แต่ไม่รู้ทำไมครั้งนี้ชานยอลถึงหันหลังกลับไปมอง ก็เห็นว่าคริสยืนหันมองมาแล้วก็ยิ้มให้ชานยอลก็เลยโบกมือบ๊ายบายให้สองมือเลย คริสก็ยิ่งยิ้มกว้างแล้วโบกมือลากลับ
ไม่รู้ทำไมแต่ผมรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องดีๆระหว่างผมกับพี่เขา ผมหวังว่าผมกับพี่เขาเราจะสนิทกันได้ในสักวัน
ผมมีโอกาสได้เจอพี่เขาอีกหลายครั้งไม่นับที่เดินสวนกันในตึกวันหนึ่งแทบจะหลายเวลาน่ะนะ ทุกครั้งที่เจอกันเราก็มักจะยืนคุยกันบ้าง ถ้าไม่มีเวลามากก็จะยิ้มให้กัน ช่วงนี้เจ้าเซฮุนกำลังอยู่ในช่วงสอบผมก็เลยต้องมาอยู่ที่หอพักของเด็กเทรนกับเจ้าเด็กนี่เพราะจะต้องไปรับไปส่งที่โรงเรียน ก็เลยทำให้ช่วงเลิกเรียนแล้วผมก็มีเวลาว่างมากขึ้น
ผมกำลังคิดว่าน่าจะชวนพี่คริสไปกินข้าวด้วยกันเพราะผมจำได้ว่าเพื่อนเขาวันนี้มีธุระ เพราะงั้นวันนี้เราสามคน ผม พี่คริสแล้วก็เจ้าเซฮุนก็ไปกินหมูย่างกันดีกว่า เจ้าเซฮุนก็บ่นอยากกินแต่ถ้าสอบไม่เสร็จก็ไม่ให้ไปหรอก แต่วันนี้เป็นสอบวันสุดท้ายพอดีก็เลยว่าจะเลี้ยงฉลองให้เจ้าเด็กนี่สักหน่อย
ผมกับเซฮุนก็เลยมานั่งรอพี่คริสที่แถวๆห้องเรียนภาษาเกาหลีกัน เจ้าเด็กชานมไข่มุกนี่ดูดชานมสองแก้วในมือเสร็จก็นั่งซบไหล่ผมหลับซะแล้ว กินง่ายเลี้ยงง่ายจริงๆ แต่อย่าให้ได้กวนประสาทขึ้นมานะไอ้ความน่ารักน่าเอ็นดูปลิวหายไปหมด
“พี่คริส~” พอเห็นผู้ชายตัวสูงออกมาจากห้องเรียนชานยอลก็เอ่ยปากเรียกพร้อมกับเขย่าตัวปลุกเด็กตัวเล็กข้างกายไปด้วย
“มาทำอะไรกันตรงนี้น่ะ”
“มารอพี่นั่นแหละ ว่าจะชวนไปกินหมูย่างกันไปไหม?” คริสมองเลยชานยอลไปถึงเด็กคนข้างๆที่ยังนั่งกระพริบตาปริบๆมองเขาไม่วางตา
“นี่ใคร”
“นี่เซฮุนครับ น้องผมเอง” ชานยอลยิ้มกว้าง เซฮุนก็ก้มหัวลงทักทาย
“อ๋อ สวัสดีเซฮุน” แล้วเซฮุนก็ได้รอยยิ้มของคนเย็นชาไปหนึ่งที รอยยิ้มอ่อนโยนจนเด็กตัวเล็กสุดยิ้มอารมณ์ดีที่ได้พี่ชายเพิ่มมาอีกหนึ่งคน
ในร้านหมูย่างที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากหอพักนั้นเป็นร้านที่ชานยอลชอบมากและก็มากับเซฮุนแม้จะไม่บ่อยนักแต่เรียกได้ว่าถ้าคิดถึงหมูย่างอร่อยๆก็ต้องร้านนี้นั่นแหละ ภายในร้านไม่ได้ตกแต่งสวยหรือดูดีอะไรก็เป็นแค่ร้านเด็กๆที่อาหารอร่อยถูกปากก็เท่านั้นเอง
คริสเป็นคนจีน อันนี้ชานยอลรู้ แต่ก็ไม่รู้ว่าพี่เขาเคยมาร้านแบบนี้ไหม เคยกินหรือเปล่าดังนั้นสองพี่น้องตัวติดกันอย่างชานยอลและเซฮุนก็คอยดูแลปรนนิบัติแขกพิเศษเป็นอย่างดี คอยจัดการให้ทุกอย่าง แต่จริงๆแล้วเรียกว่าพาเซฮุนกับคริสมานั่งคุยกันเปลี่ยนสถานที่จะดีกว่า เพราะมีแต่ตัวเขานี่แหละที่คอยจัดการย่างและเสิร์ฟให้ถึงจาน อีกนิดคงได้มีป้อนกันบ้างล่ะ
เซฮุนเป็นเด็กน่ารักและชอบกวนประสาทดังนั้นทั้งชานยอลและเซฮุนก็เลยได้ยินเสียงหัวเราะของพี่ชายจอมเย็นชาคนนี้ ชานยอลมองพี่ชายตัวสูงกว่าที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามข้างๆเซฮุนแล้วก็ยิ้มออกมานิดๆ เขารู้แล้วล่ะว่าทำไมพี่ชายของเขาถึงได้ดูเย็นชานัก
จริงๆแล้วคริสเป็นคนขี้อาย เขามักจะซ่อนอาการเขินอายของตัวเองเอาไว้ข้างในและแทนที่ด้วยอาการนิ่งเฉยจึงทำให้ดูเหมือนคนเย็นชา ไม่สนใจรอบข้างและไม่แยแสต่ออะไรทั้งนั้น แต่ผิดถนัดเลย พี่ชายของเขาเป็นคนที่สนใจทุกอย่างรอบตัว ไม่ได้เย็นชา ออกจะยิ้มและหัวเราะบ่อยด้วยซ้ำ เพียงแต่คนอื่นไม่กล้าที่จะเข้าไปคุยและทำความรู้จักก็เท่านั้นเอง เรียกได้ว่าตัวเขานี่เหมือนเป็นผู้ค้นพบอะไรสักอย่างเลยแหะ
ภูมิใจดีจัง...
หลังจากที่อิ่มอร่อยกับหมูย่างจนพุงกางแล้วเราสามคนก็เดินกลับจากร้านไปที่หอพัก วันนี้ผมกับเซฮุนจะนอนกันที่หอแล้วพรุ่งนี้ถึงจะกลับบ้านกัน นั่นก็เลยทำให้รู้ว่าหอที่พี่คริสนอนนั้นอยู่ไม่ไกลจากหอของเราเลย เอาไว้ว่างๆผมจะไปนั่งเล่นบ้าง ห้องที่ผมอยู่นั้นอยู่กันหลายคนมันก็เลยดูแออัดและวุ่นวาย แน่นอนว่าโอเซฮุนก็เป็นหนึ่งในความวุ่นวายนั้น
พี่คริสเดินมาส่งผมกับเซฮุนที่หน้าหอก่อนที่พี่เขาจะกล่าวขอบคุณที่พาเขาไปลองกินอะไรอร่อยๆ จริงๆต้องเป็นผมสิที่ต้องขอบคุณก็มี้อนี้พี่เขาเป็นคนเลี้ยงทั้งๆที่เราคิดว่าต้องเป็นเราต่างหากที่จะต้องเลี้ยงเขา ร่ำลากันเสร็จพี่คริสก็กลับหอตัวเองไปบ้าง ผมกับเซฮุนก็เดินเข้าหอของตัวเอง
“พี่ชานยอลชอบพี่คริสเหรอ” อยู่ๆไอ้เด็กข้างตัวที่เงียบมาตลอดทางเดินกลับหอปล่อยให้ชานยอลกับคริสคุยกันสองคนก็พูดโพล่งขึ้นมาทำเอาชานยอลทำหน้าเหวอแทบไม่ทัน
“ห๊ะอะไรนะ!?”
“พี่ไม่ได้ยินที่ผมถามเหรอ? ผมถามว่าพี่ชอบพี่คริสเหรอ” สิ่งที่เซฮุนถามเจ้าตัวแค่อยากรู้ไม่ได้มีเจตนาอื่นแอบแฝงอีกเลยเพราะสีหน้าของเซฮุนมันฟ้อง
“จะบ้าเหรอพี่ไม่ได้ชอบผู้ชายนะเว๊ย!” เซฮุนแบะปากใส่
“ผมก็ไม่ได้บอกว่าพี่ชอบพี่คริสแบบนั้น ผมก็แค่ถามว่าชอบเหรอ ชอบที่แปลว่าชอบไม่ได้มีอะไรลึกซึ้งสักหน่อย หรือพี่คิด?” ประโยคยาวเหยียดจากเซฮุนช่างเป็นเรื่องแปลกแต่ที่แปลกกว่าก็คือตัวเขาที่มันคิดนำไปแล้วนี่แหละ
“ก็.. ไม่รู้ดิ แค่คิดว่าเขาเท่ดีอยากเป็นเหมือนพี่เขา” เซฮุนเงยหน้ามองชานยอลแล้วก็ยิ้มให้ เป็นรอยยิ้มที่เหมือนดูธรรมดาแต่ชานยอลคิดว่าในรอยยิ้มนั้นมันต้องมีอะไรแอบแฝงแน่ๆ
“แต่พี่เขาก็เท่จริงๆนั่นแหละ ข่าวลือที่บอกว่าพี่เขาเย็นชานี่ไม่ใช่เรื่องจริงเลยเนอะ พี่เขาออกจะใจดีจะตาย” ชานยอลไม่ได้พูดอะไรแต่ก็แค่พยักหน้าเห็นด้วยเท่านั้น
ก็พี่คริสของเขาเป็นคนใจดีจริงๆนิหน่า แถมยังเท่อีกด้วย เขาอยากเท่ได้สักครึ่งหนึ่งของพี่เขา ไม่ว่าจะทำอะไร ไม่ว่าจะมุมไหนพี่เขาก็ดูเท่และดูหล่อจนหาที่จับได้ยากเลยล่ะ
..ชานยอลอยากเดบิวต์ร่วมวงกับคริส…
ก็ไม่รู้ล่ะว่าตัวเองจะได้เดบิวต์กับพี่เขาอย่างที่ตั้งใจหรือเปล่าแต่เขาก็อยากอยู่วงเดียวกัน อยากอยู่ใกล้ๆจะได้เดินรอยตามได้ เพราะเขาเชื่อว่าพี่คริสจะดูแลเขาและทำให้วงของเรามีชื่อเสียงได้แน่ๆ ถ้าตัวเขาได้ร้องเพลงกับพี่คริสมันก็คงจะดีไมน้อยล่ะนะ
พี่ยูราเคยพูดอยู่บ่อยครั้งว่าทุกๆความฝันเราจะต้องแลกมาด้วยแรงกาย แรงใจและความมุ่งมั่น ต่อให้เราล้มแค่ไหนขอแค่เรายังมีพลังมันก็จะสำเร็จได้
ต่อให้ผมจะไม่ได้อยู่วงเดียวกับพี่เขา แต่ผมก็จะต้องทำทุกอย่างให้ได้ร้องเพลงคู่กับพี่เขา ผมจะมุ่งมั่นและทำทุกทางให้จงได้แหละน่า ปาร์คชานยอลเป็นคนดื้อ. ผมได้ยินบ่อยนะโดยเฉพาะจากแม่และพี่สาว ถ้าพี่เขาร้องผมจะเป็นคอรัสให้ ถ้าพี่ร้องผมจะเล่นกีต้าร์ให้ ถ้าพี่แร๊พผมก็จะบีทบ็อกซ์ให้พี่
อะไรก็ได้แค่ขอให้ในอนาคตผมจะได้อยู่กับพี่เขาก็พอ
ทั้งๆที่รู้จักกันได้ไม่เท่าไหร่แต่ผมกลับมีความคิดแบบนี้ ตัวผมในตอนนี้พอได้มองย้อนกลับไปแล้ว.. บรรยายไม่ถูกเลยล่ะว่าควรรู้สึกอย่างไรดี มันยังรู้สึกหน่วงในอกทุกครั้งที่ผมนึกถึงมัน
แต่ถ้าให้เลือกย้อนกลับไปแก้ไขมันได้.. ตัวผมก็ยังคงเลือกที่จะเชื่อใจและอยู่กับพี่เขาเช่นเดิม
ไม่ว่าจะตอนนี้หรือตอนไหน ปาร์คชานยอลก็จะต้องอยู่เคียงข้างคริสตลอดไปเช่นเดิม
ผมรู้ว่าผมมันบ้าและโง่ที่มีความคิดแบบนี้ แต่ถ้าคุณได้อ่านเรื่องราวของผม บางทีคุณอาจจะคิดว่าผมทำถูกแล้วก็ได้นะ.. ผมไม่รู้ว่าอีกฝ่ายอยากอยู่กับผมหรือเปล่าแต่ผมอยากอยู่กับเขา ต่อให้วงเราจะกลายเป็นตำนานที่เราเลือกทางเดินกันคนละทางแล้วในอนาคต
ผมก็เลือกที่จะอยู่เคียงข้างเขาเช่นเดิม
ผมยังอยู่ที่เดิม ยังรอเขามาตอบคำถามของผม คำถามที่ผมอยากถาม ที่ยืนที่ผมยืนอยู่แม้จะมีหมอกมาบังตาจนทำให้มองไม่เห็นเขา แต่สักวันหมอกนั้นจะจางหายไป
พี่คริส.. ผมยังจำเป็นกับพี่อยู่ใช่ไหมครับ?
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น