ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [END] Family Project (KrisYeol) : Day&Night Secret Love

    ลำดับตอนที่ #11 : Chapter - 10

    • อัปเดตล่าสุด 28 มี.ค. 57


    140316 55%





    140328 110%


    ทุกคนอดทนรอกันได้เป็นอย่างดีค่ะ อิอิ เลยพาลูกพี่ชานยอลมาส่ง

    มีข่าวดีมาบอกกันนะจ๊ะนะจ๊ะนะจ๊ะะะะะะะะ #เอคโค่อีกสามร้อยล้านนะจ๊ะ

    ไปเจอกับบตนนและเดย์ไนท์ได้ที่งาน Korea Season Y & fiction #5 บูธ Y35 นะคะ~

    ใครรักบตนนก็ไปหากันได้นะ~~ #มีใครรักเราไหม #โอเคเงียบ 555555555555

    ไปเจอกับเดย์ไนท์ได้ที่งานนี้นะคะ~ #มันจะต้องเสร็จ 555555555555

    #หรือเปล่า

    ตอนนี้ก็รักษาสุภาพกันนะ ใครจะออกไปไหนมาไหนตอนที่มีแดดอยู่ก็หาเครื่องป้องกันด้วยเนอะ เดี๋ยวจะเป็นลมแดดเอา

    เพราะรักนะเลยห่วงใย ห่วงยางน่ะไม่รู้ แต่ห่วงยูน่ะไอเอง

    กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด พี่เสี่ยวจงอินมาเองเลยนะ #ข้ามเรื่องล่ะแจ้ 55555555555555555



     
     
    _______________________________________
     
     
     
     
    “โป้งแล้วแบร่~” เช้ามาเจ้าตัวแสบของที่บ้านก็จัดการโป้งคนที่บ้านใหญ่ คุณพ่อที่แสนจะใจดีก็จัดการขนขนมที่แวะซื้อมาฝากให้ซะถุงใหญ่แล้วไอ้คนที่โป้งเขาก็หายงอนเป็นปลิดทิ้ง ซ้ำยังจะวิ่งดุ๊กดิ๊กเข้ามากอดแน่นๆเสียอีก คุณปาร์คหันไปยักคิ้วกับทุกคนว่าผลการง้อลูกชายตัวแสบของบ้านนั้นสำเร็จ
     
    “นี่นะถ้าชานยอลได้ไปเที่ยวรอบโลกเมื่อไหร่นะขอบอกเลยว่าจะไม่เอาพ่อกับแม่แล้วก็ลู่ไปด้วยแน่ๆ ยกโทษให้แต่ก็ไม่ลืมหรอกนะ” ชานยอลยิ้มอย่างเหนือกว่าแล้วก็ล้วงมือลงในถุงขนมหยิบขึ้นมาป้อนตัวเองทีก็ป้อนคุณพ่อที่นั่งพิงที ส่วนคุณแม่ก็ขอไปจัดการกับเสื้อผ้าในกระเป๋าก่อน คริสกับลู่หานก็นั่งโซฟาเดี่ยวตรงข้ามกัน
     
    “โธ่ไอ้ลูกหมาแล้วจะไปกับใคร จะไปกับคริสหรือไง” คนที่โดนพาดพิงก็หันมองรอคำตอบ ชานยอลหยิบขนมแล้วเอื้อมตัวไปป้อนคริสที่ก็รู้งานขยับตัวมากินขนม
     
    “ไม่เอาไปคนเดียวดีกว่า เบื่อหน้ามัน” ขยับตัวกลับมาพิงคุณพ่อได้ก็แลบลิ้นใส่เลย คริสก็ยิ้มขำแล้วเตะขาใส่ ชานยอลก็ไม่ยอมเตะขาคืน
     
    “ออกไปเองให้ถึงถนนใหญ่ก่อนเถอะค่อยมาคุยนะไอ้ตัวเล็กของพ่อ พูดอะไรตลกเป็นหนังการ์ตูนไปได้”
     
    “พ่ออ่ะ! นี่ใครลูกพี่ชานยอลเลยนะ!” แต่คุณพ่อก็ยังหัวเราะไม่เลิกรา เสียงเรียกเข้ามือถือของคริสดังขึ้นชานยอลที่ไม่ค่อยอยากรู้ก็หันไปมองคริสกดรับสาย
     
    “อ้าวว่าไง... ห๊ะออมม่าน่ะเหรอ? เดี๋ยวรีบกลับเดี๋ยวนี้ล่ะ” พอกดวางสายได้หันมาก็เจอชานยอลทำหน้าตาอยากรู้เหลือเกินว่าใครโทรมาแล้วมีอะไร 
     
    “เดี๋ยวผมขอตัวกลับก่อนนะครับคุณอา”
     
    “ขับรถกลับดีๆนะแล้วก็ขอบใจที่ช่วยดูแลชานยอลไว้ให้” คริสยิ้มแล้วก้มหัวลงเพื่อลาแล้วก็หันไปยกมือลาลู่หานด้วย
     
    “เดี๋ยวเดินไปส่งหน้าบ้านนะ” ที่เดินมาไปส่งน่ะมันต้องมีลับลมคมในอะไรแน่ๆ
     
    “ที่บ้านมีเรื่องอะไรเหรอ” พอเดินพ้นตัวบ้านได้ชานยอลก็ถามในสิ่งที่อยากรู้ทันที คริสกดยิ้มแล้วหัวเราะส่งเสียงหึในลำคอ นั่นประไร.. เดาผิดที่ไหนล่ะ
     
    “เดี๋ยวโทรมาเล่าให้ฟังนะ” แม้จะอยากรู้ใจจะขาดแต่คริสก็คงรีบนั่นแหละชานยอลก็เลยต้องยอมรับแล้วพยักหน้าตอบกลับไป
     
    “ดีมากเป็นเด็กดีล่ะ” คริสเอื้อมมือไปโยกหัวของชานยอลเบาๆก่อนที่จะยื่นหน้าไปจรดริมฝีปากที่กลุ่มผมนิ่มนั้นอีกหนึ่งที
     
    “ทุกวันนี้ก็เป็นเด็กดีเถอะ” ชานยอลแบะปากใส่แล้วเชิดหน้าขึ้นหมายว่าตัวเองน่ะเป็นเด็กดีตามที่พูดจริงๆ คริสหัวเราะเบาๆแล้วยื่นหน้าไปทาบริมฝีปากด้วยเบาๆ
     
    “ชานยอลเด็กดีของคริส เข้าบ้านได้แล้วครับ” ชานยอลกระพริบตาปริบๆ ทำแก้มแดงๆมองมานี่ก็น่ารักใช่ย่อย... ไม่ค่อยอยากกลับบ้านเลยแหะ
     
    “อะ... ไอ้บ้า!!” ด่าเสร็จก็วิ่งหันหลังกลับเข้าบ้านไปเลย มองอยู่สักพักก็เดินกลับขึ้นรถแล้วขับรถออกไป คาดว่าวันนี้จะมีเรื่องยุ่งๆในบ้านให้จัดการเพียบเลยน่ะสิ
     
    ชานยอลที่วิ่งเข้าบ้านมาได้ก็วิ่งเลยขึ้นห้องนอนตัวเองไปเลย ทิ้งให้คุณพ่อกับลู่หานนั่งมองตามสายตาปริบๆ จะเรียกก็เรียกไม่ทัน มาถึงเจ้าตัวแสบก็วิ่งถลาขึ้นข้างบนไปเสียอย่างนั้น คุณพ่อที่มองอยู่ก็หัวเราะแล้วส่ายหน้าไปมากับลูกชาย การที่เขาเลี้ยงลูกเขาให้เป็นเด็กแบบนี้มันก็เป็นเรื่องที่ดีนะ จะได้ไม่ต้องมารับรู้หรืออะไรกับเรื่องลับๆของที่บ้าน... ถ้าสักวันเด็กคนนั้นรู้จะยังร่าเริงแบบนี้ได้อยู่หรือเปล่านะ
     
    พอปิดประตูได้ชานยอลก็วิ่งไปทิ้งตัวแล้วนอนซุกอยู่ในผ้าห่มเสียเลย รู้สึกแก้มมันร้อนๆ ตัวมันร้อนๆเหมือนจะระเบิดเลย ไอ้เสียงทุ้มๆที่พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน รอยยิ้มที่ส่งมาไหนจะสายตาที่มองมาอีก.. มันก็... ตอนนี้รู้สึกเหมือนได้ยินเสียงตัวเองระเบิดเลย โอ๊ยไม่ไหวแล้วลูกพี่ชานยอล!!!
     
    “ไอ้บ้า ไอ้เลว ไอ้กบเคโระ ไอ้แองกรี้เบิร์ดสีแดงโดนทับ ไอ้ไปนอนในหลุมแล้วหนอนไม่แทะ!!” ลุกขึ้นมานั่งโวยวายได้แล้วก็ล้มตัวลงไปนอนเอาผ้าห่มคลุมหัวอีกที หรือว่าไอ้การที่ขอให้มันทำตัวดีๆ พูดเพราะๆด้วยนี่จะเป็นเรื่องที่ไม่ควรกันนะเพราะพอมันพูดทีไรรู้สึกเหมือนตัวเองจะระเบิดทุกทีเลย 
     
    โว๊ย!! เออยอมรับก็ได้ว่าเขิน!! ลูกพี่ชานยอลใจๆอยู่แล้ว บอกเลยว่าตอนที่มันมาพูดเพราะๆ ทำตัวดีๆ ยิ้มให้นี่.. เชินมากจนระเบิดตายแล้ว!!
     
    พอได้นอนนิ่งๆอยู่บนเตียงอุ่นๆที่เหมือนจะได้กลิ่นเฉพาะของใครอีกคนแล้วก็เริ่มรู้สึกหน้าร้อนอีกครั้ง เหตุการณ์เมื่อคืนมันก็ไหลวนเข้าสู้โสตประสาทอีกรอบ ฉายซ้ำเหมือนเพิ่งเกิดขึ้นไม่กี่นาทีนี้ ความอ่อนโยนและเสียงกระซิบเรียกชื่อข้างหูมันช่างอ่อนโยนเหมือนการกระทำที่ถูกสัมผัสเลย แต่สิ่งเหล่านั้นก็เทียบไม่ได้กับเสียงกระซิบเบาๆก่อนที่ตัวเขาจะหลับไป แค่คำว่ารักสั้นๆมันก็ทำให้เขาหลับฝันดีแล้ว
     
    ถ้าสักวันหนึ่งไม่มีเจ้าของเสียงกระซิบบอกรักแผ่วๆนั้น ปาร์คชานยอลจะอยู่ต่อไปได้ยังไงกันนะ เขาลืมไปแล้วว่าการอยู่คนเดียวก่อนที่จะมาเจอคริสตัวเขาอยู่มาแบบไหน ก็ทุกวันคืนมีแต่คริสคนเดียวที่คอยมาวนเวียนในชีวิตเขา ถ้าพูดกันตรงๆเขาเจอหน้าคริสบ่อยกว่าเจอหน้าลู่หานที่เป็นพี่ชายเขาเสียอีก
     
    “ถ้าจะแย่แล้วสิกู” ชานยอลตลบผ้าห่มที่คลุมหัวลงไปกองไว้ที่อกก่อนที่จะล้วงมือหยิบมือถือในกระเป๋ากางเกงออกมากดส่งข้อความให้ใครอีกคนขับรถกลับบ้านดีๆจากนั้นก็หลับตาลงแล้วเข้าสู่ห้วงนิทราไป คิดว่าหลังจากจัดการเรื่องธุระอะไรที่บ้านเสร็จเดี๋ยวคนตัวสูงกว่าก็โทรมาหาเองนั่นแหละ เพราะฉะนั้นหยุดเรื่องเผือกแล้วนอนก่อนดีกว่า
     
    แต่จนแล้วจนรอดคริสก็ไม่ได้โทรกลับมา ไอ้คนที่นอนกลิ้งมองโทรศัพท์ก็ไม่กล้าโทรไปเพราะกลัวโดนไปขัด กินข้าวก็แล้ว เล่นเกมรอก็แล้ว อ่านหนังสือเตรียมสอบก็แล้ว จนอาบน้ำจะนอนแล้วเจ้ามือถือราคาแสนแพงก็ยังไม่มีการเตือนอะไรเลยสักแอะ ถ้าไม่นับข้อความแชทจากเพื่อนคนอื่นน่ะนะ ชานยอลยู่ปากใส่หน้าจอมือถือที่ขึ้นหน้าจอเป็นรูปคู่ของตัวเองกับใครอีกคนแล้วก็อยากจะพังมือถือทิ้งให้รู้แล้วรู้รอดไป
     
    ชานยอลวางเจ้าตัวที่นิ่งเงียบมานานวางไว้ข้างหมอนเผื่อว่าถ้ามันดังจะได้คว้ามารับได้ทันก่อนที่สายจะตัดไป พอได้นอนนิ่งๆแล้วก็คิดน้อยใจว่าตัวเองโดนลืมหรือเปล่าทั้งๆที่ก็สัญญาไว้แล้ว ทีตัวเขาล่ะห้ามโน้น ห้ามนี้ ต้องทำอย่างนั้น ต้องทำอย่างนี้ แล้วทำไมพอเป็นคริสถึงได้ลืมเขากันนะ ถ้าตัวเขาโกรธบ้างจะได้ไหมนะ
     
    “คอยดูนะกูจะโกรธมึงพันๆๆๆล้านแสนปีเลย!!
     
     
     
     
     
     
     
    “งื้อ..” ชานยอลพลิกตัวหนีอะไรทุกอย่างที่มารบกวนเวลานอน รู้สึกเหมือนจะมีแสงสว่างของแดดยามเช้าแล้วก็อะไรสักอย่างที่มาจิ้มตามแก้ม ตามคอ น่ารำคาญสุดๆ!!
     
    “หึหึ... ตื่นได้แล้วเด็กขี้เซา” ชานยอลหนีการรบกวนนั้นด้วยการพลิกตัวหันหลังให้ซะเลย คนกวนที่คร่อมสองมือกั้นคนขี้เซาอยู่แล้วก็หัวเราะเสียงเบาแล้วก้มหน้าลงจูบที่ขมับของคนที่ยังไม่ตื่นสักที
     
    “ตัวเล็กครับตื่นได้แล้ว” พอได้ยินคำนั้นไอ้คนที่ครึ่งหลับครึ่งตื่นก็ลืมตาโพลงแล้วหันหน้าไปทางต้นเสียงแต่ริมฝีปากก็ถูกครอบครองพร้อมกับป้อนจูบหวานๆรับอรุณ ดวงตากลมที่เบิกกว้างจนแทบจะหลุดออกมานั้นยังไม่คลายความตกใจมองสบกับนัยน์ตาสีเข้มอย่างชิดใกล้
     
    “ไอ้บ้านี่เพิ่งตื่นนะ!” พอคริสถอนจูบออกชานยอลก็ฟาดไหล่เข้าให้น่ะสิ เรื่องอะไรมาจูบคนเพิ่งตื่นแล้วมาเรียกตัวเล็กอะไรนี่ยังโกรธอยู่นะ!!
     
    “ก็เห็นอยู่” ยักคิ้วให้อีกสักที ชานยอลก็เลยชกไหล่เข้าให้
     
    “ไม่ต้องมาพูดมากเลย โกรธอยู่” คริสยิ้มแล้วใช้ปลายนิ้วเชยคางของคนโกรธให้เงยหน้าขึ้นมอง
     
    “โกรธอะไรไหนบอกมาสิ” ชานยอลแบะปากแทบคว่ำแล้วก็สะบัดสายตาใส่
     
    “ไหนใครบอกว่าจะโทรมาหา” คริสมองคนที่บอกว่าโกรธแล้วก็ทำหน้าโกรธได้น่ารักอยู๋ไม่ไกลแล้วก็เผลอตัวยิ้มละมุนใส่ ทำเอาคนฮึดฮัดเพราะโกรธไปไม่เป็น ก็ชานยอลน่ะแพ้รอยยิ้มละมุนของคริสที่สุดเลยนะ!
     
    “ไม่ได้ลืมแต่ไม่ว่างโทรมาหาจริงๆแต่ตอนนี้ว่างแล้วนะก็เลยมาชวนไปเที่ยวไถ่โทษไง” ชานยอลหันหน้าหนี
     
    “ไม่ไปด้วยหรอก โกรธ” จริงๆก็คือแสร้งทำเป็นโกรธเพราะไม่อาจต่อกรกับดวงตาคู่นั้นและรอยยิ้มละมุนได้จริงๆ ขอลูกพี่ทำใจก่อน!!
     
    “อย่าโกรธเลยนะลูกพี่หายโกรธเถอะ” คริสก้มหน้าลงซุกที่ไหล่ของชานยอลแล้วก็ไถหัวไปมาจนคนโดนง้อเริ่มจั๊กกะจี้
     
    “ไม่โกรธกันนะ นะๆๆ” ยิ่งคริสไถหัวไปมาไอ้คนที่กลั้นหัวเราะไว้ก็ตัวสั่นจนเผลอหลุดหัวเราะออกไปนั่นแหละ คริสที่ซุกหน้ากับไหล่ของชานยอลก็ยังไม่เลิก ชานยอลยกสองแขนขึ้นโอบรอบลำคอแล้วลูบกลุ่มผมของคริสเบา 
     
    “ไม่โกรธแล้วก็ได้” คริสแอบยิ้มแล้วขยับหน้าซุกเข้าที่ซอกคอของชานยอล ชานยอลก็นอนลูบกลุ่มผมของคริสไปเรื่อยๆ ไม่มีใครขยับออกจากกันก่อน
     
    “ตัวเล็กอยากไปเที่ยวไหนบอกมาเดี๋ยวพาไปทุกที่เลย”
     
    “ไปไหนก็ได้แต่ว่าต้องพาไปกินเค้กด้วยนะ” คริสกดรอยยิ้มที่ดูว่าคนที่กอดเขาไม่ปล่อยไม่มีปฏิกิริยากับคำเรียกแบบนั้น สงสัยจะชิ้นแล้วแหะ..
     
    “รับทราบครับ ไปอาบน้ำเลยเดี๋ยวพาไปกินข้าวข้างนอก” คริสขยับตัวลุกขึ้นนิดหน่อยแล้วกดจูบที่ริมฝีปากอิ่มเบาๆ ชานยอลตอบรับจูบนั้นก่อนที่จะขยับตัวลงจากเตียงไปจัดการอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า
     
    แต่พอลงมาก็ไม่เห้นใครสักคนในบ้าน สอบถามเอาจากคนสวนในบ้านที่กลับมาเริ่มทำงานแล้วได้ความว่าคุณพ่อกับคุณแม่ออกไปร้านดอกไม้ ส่วนลู่หานกลับไปนอนคอนโดตั้งแต่เมื่อคืน ไอ้พี่ชายก็ใจร้ายจริงเชียวไม่มีบอกกันสักคำหรอก แต่พอชานยอลหยิบมือถือมาเปิดดูก็เห็นข้อความแชทของลู่หานที่บอกไว้แล้วว่าตนจะกลับไปนอนคอนโด
     
    ขอโทษนะไอ้ลู่ขอให้หน้าหายยับไวๆล่ะกันนะ ขอโทษขอโพยในใจเสร็จก็เก็บมือถือแล้วไม่สนใจมันอีกเลย ก็นะ.. เล่นสวดด่าในใจไปซะเยอะเลยนิ ป่านนี้คงจะสะดุ้งสุดตัวแล้วล่ะ แหะๆ
     
    “เราจะไปไหนกันอ่ะ” พอขึ้นรถมาได้ชานยอลก็เอ่ยถามทันทีพร้อมกับดึงเข็มขัดนิรภัยมาคาดไว้
     
    “ม่านรูดดีมะ” ชานยอลหันขวับ คริสยักคิ้วให้อย่างหยอกเย้า
     
    “ตี.เหอะ ไม่เข้ากับมึงหรอก ไปเข้ากับคนอื่นดีกว่า” ชานยอลยิ้มลอยหน้าลอยตา คริสเชยปลายคางชานยอลให้หันมามองแล้วทำสายตาดุใส่ ลืมไปเลยว่าใครอีกคนพูดไม่เพราะ บริบทในนั้นมันน่าโมโหกว่ากันเยอะ
     
    “จะฆ่าให้ตายทั้งคู่เลยลองดูสิ” ชานยอลแบะปากใส่
     
    “ล้อเล่นหรอกน่า แหมทำเป็นเครียดไปได้” ชานยอลดึงมือของคริสออกแล้วยิ้มกว้างเอาใจ คริสยกยิ้มมุมปากแล้วหัวเราะเบาๆในลำคอ มันก็ดูปกติแต่ไม่รู้ทำไมชานยอลถึงรู้สึกว่ามัน... สยองกว่าทุกที
     
    “ก็มีเมียอยู่คนเดียวนิ” ชานยอลชี้นิ้วใส่คริสแล้วตีหน้าดุใส่ คริสเลิกคิ้วขึ้นสูงมอง
     
    “ก็ลองมีเมียอีกคนดูดิพ่อจะกระทืบให้ไส้แตกทั้งคู่เลย!!” คริสยกยิ้มที่แกล้งยั่วให้ชานยอลโมโหได้สำเร็จก่อนที่จะยื่นมือไปขยี้ผมของคนที่ยังทำหน้าโกรธไม่เลิกเบาๆ
     
    ...ก็พอกันล่ะวะไอ้คู่นี้...
     
     
     
    คริสพาชานยอลมาหามื้อเที่ยงกินกันที่ร้านอาหารญี่ปุ่นที่เจ้าตัวเดินผ่านแล้วอยากกินเสียเหลือเกิน ทั้งๆที่ในรถบอกว่าอยากจะกินไก่ทอด ก็เอาตามใจเขาหน่อยวันนี้มาง้อเขาแต่ถึงจะเป็นวันไหนๆคริสก็ยังตามใจชานยอลเสมอนั่นแหละทำมาเป็นพูด
     
    กินกันไป หยอกกันไปชานยอลที่รู้สึกว่ามือถือในกระเป๋ากางเกงสั่นก็ล้วงหยิบขึ้นมากดดู ลู่หานส่งข้อความมาบอกว่าให้รอที่บ้านคริสตอนเย็นจะไปรับ ชานยอลอ่านข้อความแล้วก็พยักหน้ารับพร้อมกับกดตอบกลับไป คริสก็ชะโงกหน้ามาดูด้วยเพราะนั่งอยู่ข้างกัน
     
    “ใครส่งอะไรมา” ชานยอลไม่ได้หันไปมองยังก้มหน้ากดตอบข้อความนั้นอยู่
     
    “ผัวใหม่” 
     
    “อยากโดนตบมากใช่มะ?” ชานยอลเงยหน้าแล้วทำหน้ายู่ใส่
     
    “มึงก็โหดเกิ๊น~ อย่ามาทำตัวโหดดิวะ” คริสเลิกคิ้วขึ้นสูง
     
    “เมื่อกี้ว่าอะไรนะ” 
     
    “คริสอย่าโหดดิ นี่ชานยอลกลัวนะเนี่ย” มีการทำท่ากลัวให้ดูด้วย คริสมองชานยอลที่ทำหน้าบู้ตัวสั่นแบบหวาดกลัวแล้วก็หลุดยิ้ม ก็เห็นหรอกว่าเมื่อกี้น่ะใครส่งอะไรมาก็ถามไปอย่างนั้นเอง
     
    “ก็อย่ามาทำตัวให้มันน่าโหดนัก แล้วตกลงเมื่อกี้คุยกับใคร” ชานยอลแบะปากใส่แล้วยื่นหน้าจอมือถือให้ดู คริสก็รับมาดู
     
    “ไอ้ลู่ส่งข้อความมาบอกว่าให้รอที่บ้านเดี๋ยวมันมารับตอนเย็น” 
     
    “อ่าฮะ” คริสพยักหน้ารับแล้วส่งมือถือคืน ชานยอลรับมาแล้วก็วางไว้ที่ข้างตัวก่อนที่จะหันมามองคริสที่ยังมองตัวเขาไม่เลิก เอ้าจะมองจะทะลุเลยหรือไง!?
     
    “มองอะไรน่ะ” 
     
    “เอ้ารีบๆกินจะได้ไปดูหนังกัน” คริสคีบซูชิแล้วยัดใส่ปากชานยอลที่ก็อ้าปากรับได้ทันไม่มีพลาด 
     
    “จริงดิ!” ชานยอลถามทั้งๆที่ยังเคี้ยวอยู่ คริสยิ้มแล้วส่ายหน้า
     
    “หลอก” 
     
    “อะไรวะ!!” ชานยอลยู่หน้าใส่แล้วชกแขนมันไปสักทีแล้วก็หันกลับมานั่งกินในส่วนของตัวเองไม่สนใจคนข้างๆที่นั่งหัวเราะอีกเลย หมั่นไส้อย่างบอกไม่ถูก รู้สึกไม่ค่อยอยากจะถูกชะตาด้วยล่ะ
     
     
    หลังจากที่กินมื้อเช้าที่ค่อนไปทางสายเสร็จเรียบร้อยแล้วคริสก็พาชานยอลไปดูรอบหนังกัน คนตัวบางที่รู้สึกจะตื่นเต้นเหลือเกินที่จะได้ดูหนังก็จัดการเองทุกอย่างแต่หลังจากที่เข้ามานั่งในโรงหน้าที่สลัวไม่นานก็พล็อยหลับเอียงคอมาซบไหล่เขาเสียอย่างนั้น ก็เอากับเขาสิ กินอิ่มหนังท้องตึงหนังตาก็หย่อนขึ้นมาเชียว
     
    คริสระบายยิ้มแล้วค่อยๆโอบชานยอลให้เข้ามาใกล้เพื่อที่จะได้พิงเขาได้สบายๆ การดูหนังคนเดียวน่ะมันเหงาก็จริงแต่การที่ต้องมานั่งดูหนังคนเดียวให้ใครที่เผลอหลับนั่งพิงเนี่ย.... มันก็น่าสนุกและมีความสุขดีนะ หนังที่เลือกดูก็เป็นหนังบู๊แต่ไม่รู้ทำไมคริสถึงรู้สึกว่ามันเหมือนหนังรักแปลกๆ ….. สงสัยประสาทใกล้จะพัง
     
    พอดูหนังเสร็จคริสกับชานยอลก็กลับมาที่บ้านของคริส ชานยอลก็งอนเอาน่ะสิที่ตัวเองไม่ได้ดูหนังน่ะ อุตส่าห์เลือกเพราะอยากดูแท้ๆแต่ดันหลับไปเฉยเลยแล้วไอ้คนที่สวมแว่นกันแดดนั่งยิ้มหน้าบานสะใจเขาเหลือเกินนี่ก็นะไม่มีปลุกสักคำล่ะ คริสเหลือบสายตามองชานยอลที่นั่งกอดอกพิงกระจกรถแล้วทำหน้าไม่สบอารมณ์ก็อยากจะหัวเราะนักแต่ก็ไม่อยากทำให้ชานยอลยิ่งโกรธเข้าไปอีก เดี๋ยวจะพาลงอนไม่ยอมให้ง้อแล้วจะเรื่องใหญ่
     
    “จะรีบไปไหนน่ะ” คริสรีบลงจากรถแล้วมาคว้ามือของชานยอลไว้ เจ้าตัวหันมาทำหน้างอใส่แล้วก็สะบัดหน้าหนี คริสยิ้มแล้วส่ายหน้าก่อนที่จะหันไปล็อครถ
     
    “อย่าโกรธเลยน่า” คริสล็อคตัวชานยอลไว้แต่เจ้าตัวก็ดิ้นใหญ่แถมยังตีแขนคริสที่โอบรอบเอวอีก
     
    “ปล่อยเลย บอกให้ปล่อยไง!” แต่ชานยอลก็ยังดิ้นไม่หยุด คริสก็เลยจับชานยอลเหวี่ยงไปที่รถ ทีนี้ไอ้คนโดนเหวี่ยงก็โวยวายไม่หยุดเลยน่ะสิ ทั้งเจ็บแขน ทั้งโมโหอยากจะหันไปข่วนหน้าให้ลายเลยแต่อยู่ๆก็โดนเกี่ยวเอวแล้วปล้นจูบเสียอย่างนั้น
     
    ไอ้คนที่ยังโมโหอยู่พอเจอป้อนจูบหวานมาให้ก็ลืมไปหมดแล้วน่ะสิ เผลอตัวยกแขนขึ้นกอดตอบเขาเสียอีกแถมยังเผลอใจตอบรับจูบนั้นอีกด้วย คริสเกี่ยวเอวแล้วรั้งชานยอลให้เข้ามาแนบชิดจนทุกส่วนสัมผัสกัน ใบหน้าคมเอียงหน้าเบี่ยงองศาเพื่อป้อนจูบคนในอ้อมแขนได้ถนัดขึ้น 
     
    “อื้อ... พอแล้ว” ชานยอลดันคริสที่จูบย้ำๆพร้อมกับดึงเม้มริมฝีปากตัวเองออกแต่คริสก็ไม่ยอมถอยยังคงทำอยู่แบบนั้นซ้ำๆ
     
    “พอได้แล้ว~~” ยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุจนต้องทุบไหล่ของคนที่พูดไม่รู้ฟังแรงๆนั่นแหละเจ้าตัวถึงจะยอมผละออก
     
    “ถ้าจะขนาดนี้นี่ก็เอากันเลยมะ?” ชานยอลถามพร้อมกับแบะปากใส่ คริสหัวเราะแล้วพยักหน้า
     
    “เอาได้เหรอ งั้นก็จัดไป” 
     
    “เดี๋ยวมึงจะโดนไม่ใช่น้อย” ชานยอลดันคริสให้ออกห่างแล้วพยายามจะแกะอ้อมแขนที่มาเกี่ยวรั้งตัวเองออกแต่คริสก็ไม่ยอมปล่อยแถมยังก้มลงมากดจูบย้ำๆที่ริมฝีปากอิ่มเสียอีก
     
    “พูดไม่เพราะต้องทำโทษ” คริสพูดชิดริมฝีปากอิ่มแล้วกดจูบย้ำๆ ชานยอลก็เบี่ยงหน้าหนีทำให้ริมฝีปากที่กดลงมาโดนแก้ม
     
    “ปล่อยเลยไม่เล่นแล้วเดี๋ยวก็มีคนมาเห็นหรอก” คริสยอมหยุดแล้วถอยหน้าหนี คิ้วเข้มเลิกขึ้นสูง
     
    “ต้องแคร์ด้วยเหรอ” ชานยอลทุบกำปั้นลงอกของคนหน้าไม่อายไปหนึ่งทีแรงๆ
     
    “แคร์ดิใครจะไปหน้าด้านเหมือนมึง เฮ้ย.. เหมือนคริสล่ะ” พอโดนสายตาดุจ้องเขม็งเข้าให้หน่อยก็รีบเปลี่ยนสรรพนามแทบไม่ทันเลย
     
    “เข้าบ้านกันนะ” ทำตาโต เอียงคอให้แล้วก็ทำเสียงอ้อนอีกนิด โอเคอู๋อี้ฟานไปไหนไม่รอดล่ะบอกเลยตรงนี้!!
     
    “นี่ถามหน่อยดิ ห้องนอนข้างบนอ่ะห้องใครบ้างเหรอ” ที่ถามนี่ไม่ได้มีอะไรแอบแฝงนะแต่คริสที่หรี่สายตามองนี่แหละที่ไม่คิดแบบนั้น
     
    “ถามทำไม” ชานยอลยิ้มแล้วกอดแขนคริสไว้พร้อมกับเดินเข้าบ้านไปพร้อมกัน
     
    “ก็ถามเฉยๆไง ก็มาบ้านนี้ทีไรไม่เห็นเคยรู้เลยว่าห้องใครเป็นห้องใคร รู้จักแต่ห้องน้องแบคคนเดียว” คริสหันมาชี้นิ้วใส่พร้อมกับทำหน้าดุ
     
    “อย่าคิดอะไรแผลงๆไม่งั้นกูจับมึงโยนลงบันไดแน่ๆ” ชานยอลยู่หน้าแล้วไถหัวเข้ากับไหล่ของคนที่บอกจะจับโยนลงบันได
     
    “ไม่หรอกน่า~ ถามเฉยๆใครจะกล้าล่ะ” คริสหรี่สายตาใส่แม้จะไม่ไว้ใจแต่ก็ยอมบอก
     
    “ทายดิ” ชานยอลแบะปากแล้วส่ายหน้า
     
    “ไม่เอาอ่ะทายก็ไม่ถูก บอกหน่อยดิอยากรู้” คริสหยุดเดินแล้วชี้ไปทั้งสองฝั่งที่มีห้องหันหน้าเข้าหากัน
     
    “นี่ห้องจุนมยอนตรงข้ามห้องเรา ถัดไปก็ห้องเซฮุนที่อยู่ตรงข้ามกับห้องเทาที่อยู่ข้างเรา ห้องน้องแบคก็ในสุดรู้ใช่ไหมล่ะ” ชานยอลพยักหน้า
     
    “เคยเจอตอนน้องเดินออกมากินน้ำอ่ะ” ชานยอลมองตามแต่ละห้องแล้วก็แอบปลงอยู่ในใจ พอนึกถึงคืนนั้นทีไรก็อยากจะกระทืบไอ้คนบอกห้องผิดให้มันรู้แล้วรู้รอดไป ห้องคริสอยู่ซ้าย ห้องจุนมยอนอยู่ขวา... ไม่น่าถามมันตอนเมาเลยให้ตาย
     
    แต่ถ้าไม่มีเรื่องคืนนั้น... ตัวเองกับคริสจะมาไกลถึงขนาดนี้ไหมนะ
     
    “เข้าห้องได้แล้วคิดอะไรอยู่” ชานยอลสะดุ้งนิดหน่อยแล้วหันไปมองคริสที่ยืนเปิดประตูรอให้เขาเข้าห้อง
     
    “อ่ะเข้าแล้วๆๆ” 
     
    เข้าห้องนอนได้ก็โดนรวบตัวไปกอดเสียอย่างนั้น คาดว่าก็คงไม่พ้นโดนคุณเขากินอีกนั่นแหละแต่บอกไว้ก่อนเลยนะว่าไม่ยอม พอได้แกล้งให้คุณชายเขาโมโหนิดหน่อยชานยอลก็กระโดดขึ้นเตียงแล้วนั่งเล่นเกมในมือถือทันที ไม่สนใจด้วยว่าคุณเจ้าของห้องจะมายืนทำหน้าตาน่ากลัวอยู่ข้างเตียง นี่บอกเลยนะว่าลูกพี่ชานยอลคนแมนเป็นคนไว้เนื้อถือตัวนะจะบอก!!
     
    คริสก็ยืนเท้าเอวแล้วยกยิ้มขำขันก่อนที่จะไปอาบน้ำแล้วเปลี่ยนเสื้อผ้า พอกลับมาก็เห็นเด็กน้อยนั่งเล่นเกมหลับไปเสียแล้วก็เลยต้องยอมนอนกลางวันตามไปอีกคน ก็มีความสุขดีไม่มีอะไรกวนใจ
     
    จนถึงช่วงใกล้ๆเย็นคริสก็ปลุกชานยอลให้ลงมากินข้าวและแน่นอนว่าต้องนั่งรอผู้ปกครองของเด็กน้อยขี้เซาให้มารับกลับบ้าน ชานยอลนั่งเท้าคางสองมือแล้วก็รอว่าเมื่อไหร่ลู่หานจะมารับ คริสก็นั่งอยู่ข้างๆรอเป็นเพื่อน วันนี้ไม่มีใครอยู่บ้านเลยสักคน ถ้าไม่นับพวกเหล่าคนรับใช้น่ะนะ ชานยอลถอนหายใจแล้วนั่งเตะขาเล่นไปมาแก้เซ็ง
     
    ลู่หานน่ะไม่เคยมารับช้าเลยสักครั้งนะ ขนาดที่ว่าเขาเคยหลงทางไปไกลๆลู่หานก็ขับรถมารับได้อย่างว่องไวจนชานยอลแอบคิดว่าบางทีลู่หานอาจจะตามตัวเองมาก็ได้แต่นี่มันนานเกินไปไหม? ถ้าลู่หานบอกว่าเย็น.. คือก่อนพระอาทิตย์ตกดินแต่นี่มันจวนเจียนจะมืดอยู่แล้วนะ
     
    “ไอ้ลู่มันจะมาไหมน่ะ ให้ไปส่งไหมหรือจะนอนนี่” ชานยอลพองสมใส่สองแก้มแล้วก็ส่ายหน้าไปมา
     
    “ลู่บอกว่าจะมารับก็จะรอ.. แต่นี่นานไปแล้วอ่ะมันลืมเปล่าวะเนี่ย” คริสเอื้อมมือไปขยี้ผมชานยอลอย่างหยอกเย้า
     
    “ก็ลองโทรดูดิเผื่อมันลืมหรือมีธุระ” ชานยอลพยักหน้ารับแล้วหยิบมือถือมาลองกดโทรหาลู่หานดูแต่อีกฝ่ายกลับไม่มีสัญญาณเรียกเลย พอลองกดโทรไปที่บ้านหรือเข้ามือถือของทั้งคุณพ่อและแม่แต่ก็ไม่มีใครรับเลย
     
    “ไม่เห็นมีใครรับเลย” ชานยอลขมวดคิ้วแน่นแล้วลองกดโทรหาทุกคนซ้ำๆแต่ผลตอบรับก็เช่นเดิม
     
    “ไม่มีอะไรหรอกเขาอาจจะยุ่งอยู่ก็ได้” คริสรั้งคนที่เงยหน้าขึ้นมามองด้วยสายตาเหมือนจะร้องไห้ คริสกดจูบที่กระหม่อมสวยแล้วโอบชานยอลไว้แนบชิด
     
    “เดี๋ยวโทรให้” คริสขยับตัวไปหยิบมือถือของตัวเองแล้วลองกดโทรหาลู่หาน คุณพ่อของชานยอลและเข้าที่บ้านดูแต่ก็ไม่มีใครรับเลย คริสหันมามองชานยอลที่เบ้หน้ากำลังร้องไห้แล้วก็กดจูบที่ริมฝีปากสีสดเบาๆแล้วผละออก
     
    “อาจจะกำลังเตรียมเรื่องเซอร์ไพรส์อยู่หรือไม่ก็กำลังมาแหละ เดี๋ยวรอเป็นเพื่อน” ชานยอลอิงซบคริสแล้วพยายามกดโทรออกหาใครสักคนที่จะรับแต่ก็ไม่มีใครรับเลยจนอยู่ๆก็มีสายเรียกซ้อนเข้ามาที่เครื่องของชานยอลมองเห็นเป็นเบอร์ของแบคฮยอน แม้จะรู้สึกขัดใจแต่ก็กดรับสาย
     
    “ฮัลโหลว่าไงน้องแบค” ถึงจะกำลังกังวลอยู่แต่ก็ไม่อยากเอาอารมณ์ไปใส่น้องหรอก บางทีน้องอาจจะโทรหาเขาเพราะโทรหาคริสไม่ติดก็ได้เพราะคริสก็ช่วยเขาโทรหาที่บ้านอยู่
     
    “........ชานยอล”
     
    “พี่ลู่!!!!” เสียงนี้มันเสียงของลู่หานแล้วทำไมถึงเอาเบอร์ของน้องแบคโทรมาล่ะ นี่มันเกิดอะไรขึ้น!!
     

    “ทำไมเอาเบอร์น้องแบคโทรมาแล้วทำไมถึงโทรไปไม่รับเป็นอะไรมีอะไรบอกมาเดี๋ยวนี้นะ! แล้วนี่อยู่ตรงไหนเป็นอะไรหรือเปล่าพ่อกับแม่ล่ะไปไหนตอบมาให้หมดเลยนะ!!” ชานยอลรัวยิงคำถาม ปลายสายที่ได้ยินก็หัวเราะเสียงเบา คริสเองก็หันมองอย่างอยากรู้ว่าเพราะอะไรและมีเรื่องอะไรกันแน่แล้วน้องเขาไปเกี่ยวอะไรด้วย
     
    “เอาคำถามไหนก่อนดีล่ะ” 
     
    “ยังจะมาเล่นอีก พี่ลู่อยู่ไหนบอกน้องยอลมาเดี๋ยวนี้นะ!!” ชานยอลตวาดใส่ไปพร้อมกับหยดน้ำตาที่ร่วงเผาะ ถ้าเป็นเวลาปกติคาดว่าคงโดนลู่หานทำโทษแล้วแต่ตอนนี้มันไม่ปกติ.. เขาอยากรู้ อยากได้คำอธิบายทุกเรื่อง
     
    “ฟังพี่ให้ดีๆนะ น้องยอลอยู่กับไอ้คริสไปก่อนอย่าเพิ่งกลับบ้านแล้วพี่จะไปรับเอง ตอนนี้พี่ไม่เป็นไรยังโอเคอยู่แต่อย่าเพิ่งกลับบ้านนะ” ชานยอลรู้ว่าลู่หานไม่ได้โอเคอย่างที่ปากพูดและคล้ายเหมือนจะได้ยินเสียงสะอื้นอยู่ไกลๆ.. ใคร? น้องแบค? ร้องทำไม? นี่พี่เขาแล้วน้องร้องทำไม..
     
    “พี่ลู่จะมารับน้องยอลจริงๆเหรอ ไม่เป็นอะไรจริงๆเหรอ” ถามไปก็สะอื้นไป 
     
    “พี่จะไปรับแน่นอน อยู่ใกล้คริสเอาไว้นะ พี่วางก่อนดูแลตัวเองดีๆล่ะรู้ใช่ไหมว่าพี่รักน้องยอล เลิกงอแงได้แล้วเด็กดื้อ”
     
    “น้องยอลก็รักพี่ลู่นะ รีบๆมารับน้องยอลนะ” ปลายสายตอบรับเบาแล้วสายก็ตัดไป ชานยอลดึงมือถือออกมากำไว้ในมือแล้วก็ก้มหน้าลงสะอื้นใหญ่
     
    “มีอะไรทำไมไอ้ลู่เอาเบอร์น้องแบคโทรมา” ชานยอลส่ายหน้าไปมา
     
    “ไม่รู้พี่ลู่บอกว่าให้อยู่ที่นี่” คริสขมวดคิ้วแล้วหยิบมือถือของตัวเองต่อสายเข้าไปหาเบอร์ของน้องเล็กสุด คาดว่าจะต้องอยู่ด้วยกันแน่
     
    “ไอ้เห.ลู่หานมึงอยู่ไหนแล้วทำไมแบคฮยอนอยู่กับมึง!” เมื่อปลายสายกดรับคริสก็ถามคำถามไปเสียแล้ว ไม่สนใจแล้วว่าใครจะเป็นใครหน้าไหน
     
    “พี่คริสนี่น้องแบคเอง” คริสผ่อนลมหายใจแล้วเอ่ยถามกับน้องเสียงนิ่งๆ
     
    “ไปอยู่กับไอ้ลู่หานได้ยังไงแล้วนี่มันเกิดอะไรขึ้น.... มันอยู่ข้างๆใช่ไหมส่งมือถือให้มันซิ” เมื่อแบคฮยอนเงียบและไม่ยอมตอบรับใดๆนอกจากส่งเสียงสะอื้นคริสก็เลยบอกให้น้องเอามือถือให้ตัวต้นเรื่อง
     
    “ไอ้ลู่หานนี่มันเกิดเรื่องเห.อะไรกันขึ้นวะ! มึงอธิบายมาเดี๋ยวนี้เลย” แค่เพียงลู่หานตอบรับคริสก็ใส่เต็มอารมณ์
     
    “คริสกูมีเรื่องจะขอร้อง.. ดูแลชานยอลให้กูที อย่าให้ใครทำอะไรมันได้แล้วก็ฝากดูมันอย่าให้ห่างสายตา”
     
    “มึงไม่บอกกูก็ทำอยู่แล้วแต่กูไม่เข้าใจนี่มันเรื่องห่.เหวอะไร มันเกิดอะไรขึ้นกับมึงแล้วแบคฮยอนเป็นอะไรหรือเปล่า”
     
    “กูบอกไม่ได้แต่น้องมึงสบายดี... แค่กๆ .. พี่ลู่หาน!!” หลังจากนั้นสายก็ตัดไปแล้วพอโทรกลับไปก็ไม่มีสัญญาณอะไรอีกเลย คริสวางมือถือลงกับโต๊ะแล้วยกมือขึ้นลูบหน้าอย่างคิดไม่ตกว่านี่มันเกิดอะไรขึ้น ชานยอลที่นั่งอยู่ข้างๆก็ได้แต่มองแล้วก็รอคำตอบ
     
    “คริส” ชานยอลเรียกด้วยเสียงสั่นเครือ คริสดึงชานยอลมากอดแล้วลูบหัวปลอบประโลม 
     
    “ลู่หานมันสบายดีไม่ต้องห่วงหรอกเดี๋ยวมันก็กลับมา ตอนนี้อยู่ที่นี่ไปก่อนนะ” ชานยอลพยักหน้ารับในอ้อมอกที่อิงแอบ
     
    “พี่ลู่จะกลับมาใช่ไหม” คำถามนี้ที่คริสเองก็อยากจะได้คำตอบเหมือนกันแต่ตัวเขาก็ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น อีกฝ่ายเกิดเรื่องอะไรหรือเป็นตายร้ายดียังไงและตอนนี้อยู่ที่ไหน ไม่มีใครรู้เลยนอกจากลู่หานและแบคฮยอน
     
    “อืม” คำตอบรับเพียงสั้นๆจากคริสก็ทำให้คนที่กำลังร้องไห้กังวลใจนี่ลดคลายความกังวลลงไปได้บ้าง ชานยอกอดคริสแน่นและขยับตัวซุกเข้าหาไออุ่นอย่างหาที่พึ่ง เขาก็หวังว่าพี่ชายของเขาจะปลอดภัย
     
    คริสหมายมั่นไว้ในใจว่าตัวเขาจะต้องรู้เรื่องให้ได้ ไม่ว่าจะวิธีไหนก็ตาม คริสก้มลงกดจูบที่กลุ่มผมของชานยอลแล้วกอดคนในอ้อมแขนไว้แน่น ไม่ว่ายังไงเขาก็จะไม่ปล่อยมือชานยอลและแน่นอนว่าจะไม่มีใครมาทำร้ายคนในอ้อมแขนเขาได้แน่ๆ
     
    “คริส.. นี่ใกล้จะสอบแล้วนะ ถ้าลู่หานไม่มาสอบก็โดนไล่ออกน่ะสิ” ชานยอลเงยหน้าขึ้นมอง คริสก้มหน้าลงมาแล้วกดสัมผัสที่หน้าผากมนหนักๆ
     
    “ไม่เป็นไรเดี๋ยวเราไปทำเรื่องขอลาหยุดให้ก็ได้ อาจารย์ชองใจดีจะตาย .. นะ” ชานยอลพยักหน้ารับ หยดน้ำตาใสไหลกลิ้งผ่านแก้มขาวไป
     
    “ไม่ร้องนะครับคนดี ลู่หานต้องไม่เป็นอะไรไม่ต้องกังวล” คริสช้อนสองแก้มชองชานยอลแล้วปาดเช็ดหยดน้ำตาให้ เวลาที่เห็นชานยอลร้องไห้ทีไรหัวใจของเขาก็เจ็บไปด้วยทุกที
     
    “นายจะไม่ทิ้งฉันใช่ไหม” คริสยิ้มละมุนแล้วดึงชานยอลเข้ามากอด
     
    “ไม่ทิ้งแน่นอนครับ.. คริสไม่ทิ้งชานยอลนะ” ชานยอลหลับตาพริ้มอิงแอบที่แผ่นอกอุ่นแล้วพยักหน้ารับเบาๆ คริสก้มลงกดจูบที่กลุ่มผมนิ่มอีกครั้ง เรื่องนี้มันต้องมีเบื้องหลังอะไรแน่ๆ... ถึงเวลาแล้วล่ะ
     
    “ชานยอล.. เรายังไม่เคยไปที่ห้องทำงานป๊าเลยเนอะพรุ่งนี้เย็นไปเล่นกันไหม” คริสละตัวของชานยอลออกแล้วก้มหน้าลงมองจ้องดวงตาที่แดงกร่ำของคนตรงหน้า ชานยอลเอียงคอนึกคิดก่อนที่จะคิดได้ว่าตัวเองก็ยังไม่เคยไปจริงๆนั่นแหละ
     
    “ไปดิ จะไปหาป๊า” แล้วชานยอลก็วาดรอยยิ้มกว้างคริสเองก็เบาใจที่คนตรงหน้ายิ้มได้แล้ว คริสกอดชานยอลอีกครั้งแล้วลูบหัวชานยอลเบาๆ
     
    “จำไว้นะ.. ต่อให้คนทั้งโลกจะหันหลังให้นายแต่ฉันจะยืนอยู่ข้างนายเสมอ” ชานยอลยิ้มชอบใจกับประโยคคำพูดนั้น คริสเป็นคนที่พูดแล้วคำไหนคำนั้นเพราะฉะนั้นชานยอลเชื่อคริสหมดใจเลย
     
    “ฉันก็จะอยู่ให้นายดูแลนั่นแหละ ฉันทำอะไรไม่เป็นสักอย่างนายก็รู้” คริสหัวเราะเบาๆในลำคอแล้วกอดโอบชานยอลโยกตัวไปมา
     
    เขาหวังว่าสักวัน... คงไม่มีวันนั้นที่ทำให้เขาต้องเป็นฝ่ายหันหลังให้ชานยอลเสียเอง 
     
    ชานยอลอ่อนต่อโลกและไร้เดียงสาเกินไปที่จะเดินคนเดียวบนโลกที่แสนวุ่นวายใบนี้ ขออย่าให้มีอะไรมาพรากเขาและชานยอลออกจากกันเลย
     
    ไม่ว่าเรื่องอะไรที่ลู่หานปกปิด... เขาจะต้องรู้มันให้ได้!
     
     
     
     
     
     
    กว่าที่จะปลอบจนเด็กดื้อของเขาให้หยุดสะอื้นและเลิกเป็นกังวลได้นั้นก็นานเอาการอยู่ นี่เรียกว่าใช้ทุกมุขงัดทุกไม้เด็ดที่มีออกมาใช้กันเลยทีเดียว ของกินเอย พาไปเที่ยวเอย เกมใหม่ที่จะออกสัปดาห์หน้าเอยจนไปจบที่จะพาไปเที่ยวสวนดอกไม้กับพาไปชิมสตรอเบอร์รี่สดๆที่ไร่นั่นแหละถึงจะยอมหยุดงอแงสักที นี่กำลังคิด... มีเมียหรือมีลูกอ่อน
     
    คริสยกยิ้มขำแล้วเอนหัวพิงกับขอบอ่างอาบน้ำปล่อยให้คนตัวบางเอนตัวพิงเขาเล่นฟองสบู่ในอ่างไป พอได้นอนแช่น้ำอุ่นๆเคล้ากลิ่นหอมของสบู่และกายนิ่มของคนที่นั่งพิงเขานี่ก็พาให้ผ่อนคลายเหลือเกิน ถ้าไม่ติดที่ไอ้คนที่นั่งซ้อนอยู่ด้านหน้าขยับยุกยิกไม่เกรงใจน่ะนะ
     
    “นั่งเฉยๆสิ” คริสจับไหล่ของชานยอลที่กำลังสนุกกับการเป่าฟองสบู่เสียเหลือเกิน เจ้าตัวหันหลังกลับมามองด้วยสีหน้าไม่เข้าใจ คริสหลับตาแล้วถอนหายใจสักหนึ่งเฮือก
     
    “นั่งนิ่งๆถ้าไม่อยากโดนเอาที่นี่ก็นั่งนิ่งๆ” ชานยอลแบะปากแล้วขยับตัวทำท่าจะหนีไปนั่งอีกฝั่งแต่คริสก็คว้าเอวชานยอลมากอดไว้
     
    “จะไปไหน” ชานยอลแกะมือของคริสให้เลิกโอบแต่คริสก็ไม่ยอมปล่อยซ้ำยังกดจูบตามแนวลาดไหล่อีก
     
    “ปล่อยดิเดี๋ยวเกิดอะไรๆมันลุกขึ้นมานี่ไม่ดีนะเว๊ย” คริสหัวเราะเบาๆในลำคอแล้วรั้งให้ชานยอลอิงแนบอกเขาไว้
     
    “ไม่ทำหรอกน่าบอกว่าจะแช่น้ำอย่างเดียวก็คือแช่น้ำอย่างเดียว” ชานยอลหันไปยู่ปากใส่
     
    “คนอย่างมึง.. เฮ้ยคริสน่ะเชื่อไม่ได้หรอก” แบะปากให้อีกทีแล้วก็หันมาให้ความสนใจกับฟองสบู่ในมือต่อ
     
    “เชื่อได้ไม่ได้ก็มีอยู่คนหนึ่งนั่นแหละที่ไม่ยอมหนีไปไหน” คริสก้มลงฉกหอมแก้มนิ่มไปเสียฟอดใหญ่ ชานยอลขยับดัวดิ้นหนีแล้วหนีไปอยู่อีกด้านพร้อมกับทำสีหน้าเหนือกว่า
     
    “นี่ไงหนีมาแล้ว” ชานยอลรู้สึกภูมิใจเสียเต็มประดาที่หนีออกจากคริสมาได้ตั้งอีกฝั่งของขอบอ่างอาบน้ำ คริสหัวเราะแล้วแขนแขนพาดขอบข้างไว้ข้างหนึ่งอีกข้างก็เท้าหัวตัวเองไว้
     
    “หนีไปแค่นั้นน่ะนะ” ชานยอลพยักหน้ารับด้วยสีหน้าภาคภูมิใจในเกียรติยศเสียเหลือเกิน
     
    “ถ้าหนีไปไกลกว่านี้จะหนีไปได้ไหมล่ะ” คนโดนถามทำหน้านิ่วคิ้วขมวดแล้วกำลังขบคิดว่าถ้าให้หนีไปไกลๆตัวเขาจะหนีไปได้หรือเปล่า หลังจากที่คิดทบทวนอยู่ไม่นานก็ไหลออกมาเป็นคำตอบคือการส่ายหน้า คริสยกยิ้มุมปากแล้วยื่นมือข้างที่พาดขอบด่างไว้มาด้านหน้า
     
    “ไม่ต้องหนีไปไหนหรอกมานี่สิ” ชานยอลมองคริสที่ยกยิ้มละมุนแล้วก็ขยับเลื่อนตัวเข้าไปหาคริส ชานยอลคร่อมสองขานั่งทับตักของคริสพร้อมกับคล้องสองมือรอบลำคอ
     
    “ถามอะไรหน่อยดิ” 
     
    “ว่ามา” คริสมองประสานตากับดวงตากลมโตแล้วลูบไล้ฝ่ามือไปตามแนวลำตัวบางของชานยอล ผิวกายนิ่มๆเมื่อเจอความลื่นของสบู่ก็ยิ่งลื่นมือเข้าไปใหญ่ คนลูบไล้ก็ลูบไม่หยุดเลยน่ะสิ
     
    “ถ้ากู.. ถ้าชานยอลกับคริสไม่ได้มีอะไรกันคืนนั้น ตอนนี้คริสจะยังดูแลชานยอลอยู่ป่ะ” คริสเลิกคิ้วสูงแล้วหยุดมือลูบไล้ผิวกายของชานยอลเปลี่ยนมาลูบที่แก้มกลมๆแทน
     
    “ทำไมถึงถามแบบนั้น”
     
    “ก็อยู่ๆก็เกิดคิดขึ้นมาได้อ่ะว่าถ้าคืนนั้นชานยอลไม่เผลอเดินเข้าห้องผิดคืนนี้เราจะยังอยู่ด้วยกันไหมหรือถ้าคืนนั้นเดินเข้าห้องของน้องจุนไปจริงๆ... ตอนนี้จะยังดูแลกันอยู่หรือเปล่า” ชานยอลพูดยืดยาวด้วยสีหน้าหนักใจ คริสระบายยิ้มแล้วรั้งชานยอลเข้ามากอด
     
    “ไม่เห็นจะต้องสนใจเลยเพราะยังไงตอนนี้ก็อยู่ด้วยกันนี่ไง อดีตอนาคตก็ช่างมันปัจจุบันก็อยู่ตรงนี้นี่ไง” ชานยอลที่ซบไหล่คริสอยู่ก็ยิ้มกริ่ม แหงะล่ะก็สุขใจคนฟังนี่นะ
     
    “แล้วสมมติว่าถ้าคืนนั้นชานยอลเดินเข้าห้องน้องจุนไปจริงๆล่ะ คริสจะทำยังไง” ชานยอลผละตัวออกมามองหน้ารอฟังคำตอบ คริสเลิกคิ้วแล้วทำท่าคิดก่อนที่จะระบายยิ้มบาง
     
    “ก็ไม่ทำไง... รู้ว่าทำอะไรไม่เป็นเข้าไปก็คงจะเมาหลับเอาน่ะสิ” ชานยอลแบะปากใส่แล้วฟาดไหล่เข้าให้ เอาแรงๆให้เจ็บไปเลยแต่คริสก็ยังหัวเราะเสียงดังลั่นไม่สนใจคนได้ยินเลยว่าจะอายมุดหนีไปไหนต่อไหน ก็เขาทำไม่เป็นจริงๆนิหว่า เกิดมาผู้หญิงสักคนยังไม่เคยจะแตะแล้วเรื่องจะไปแตะผู้ชายนี่ก็ทำไม่เป็นหรอกนะ.. เอ๊ะว่าแต่...?
     
    “มึงทำเป็น.. นี่มึงเคยไปนอนกับใครมาห๊ะบอกมาเดี๋ยวนี้เลยนะ!!!” ไม่สนแล้วว่าต้องพูดเพราะหรือเปล่า ชานยอลฟาดรัวๆที่ไหล่และอกของคริส ไอ้คนที่อยู่ดีๆก็โดนลูกหลงนี่ก็ปัดป้องมือเป็นพัลวันเลย
     
    “เฮ้ยเดี๋ยวฟังก่อน พอก่อนเจ็บ.. ชานยอลฟัง!” คริสจับสองมือของชานยอลให้หยุด แม้ชานยอลจะหยุดรัวฝ่ามือแต่ใบหน้าที่บูดบึ้งนี่บอกเลยว่าถ้าไม่ได้รับคำอธิบายหรือคำตอบล่ะก็งานนี้มีเฮยาวแน่ๆ
     
    “กูไม่เคยไปนอนกับใครที่ไหน มึงเป็นคนแรกแล้วก็เป็นคนเดียวด้วย เข้าใจหรือยัง” ชานยอลที่ทำหน้าบึ้งอยู่ก็ยิ้มแล้วพยักหน้า
     
    “อืมพอใจล่ะ ไม่ตีล่ะก็ได้” แล้วชานยอลก็กอดรอบคอคริสแล้วซุกไหล่อ้อนเป็นลูกแมวเลย คริสระบายยิ้มแล้วโอบกอดคนในอ้อมอกไว้
     
    “แบบนี้สิเด็กดีที่น่ารัก”
     
    “ก็เป็นเด็กดีของคริสตลอดเวลานั่นแหละ” แล้วก็ตบท้ายด้วยเสียงหัวเราะชอบใจของชานยอล คริสเองก็ยกยิ้มตามไปด้วย ก็เวลาที่ชานยอลยิ้มหรือหัวเราะคนรอบข้างก็อยากที่จะยิ้มตามไปด้วยนินา.. บางทีชานยอลอาจจะเป็นสารเสพติดที่เรียกว่าความสุขก็ได้นะ
     
    นั่งแช่น้ำกันอีกสักพักคริสกับชานยอลก็ขึ้นจากอ่างน้ำ ชานยอลไปล้างตัวก่อนคริสก็จัดการอ่างน้ำให้เรียบร้อยก่อนที่จะไปล้างตัวบ้าง พอออกมาจากห้องน้ำก็เห็นชานยอลนอนรออยู่เตียงเสียแล้ว คริสเดินไปปิดไฟให้ห้องสลัวแสงแล้วก็ขึ้นเตียงมานอนข้างๆกัน
     
    ชานยอลที่ก็รู้งานก็พลิกตัวมานอนเกยอกของเจ้าของเตียงไว้ นอนไปก็ไล้ปลายนิ้วกับรอยสักที่อกซ้ายของคริสไป ชานยอลชอบรอยสักที่คริสมีแต่จริงๆแล้วชานยอลไม่ใช่คนชอบรอยสักแต่ก็ไม่รู้ทำไมพอมันมาอยู่บนร่างของคริสแล้วตัวเขากลับนึกชอบมันนักนะ มันรู้สึกว่ารอยสักที่คริสมีมันเข้ากับคริสและมันก็ดูดีเอามากๆเสียด้วยสิ
     
    “ฝันดีนะชานยอลของคริส” คริสกดจูบที่กลุ่มผมนิ่มหนักๆ ชานยอลหัวเราะคิกคัก
     
    “ฝันดีเหมือนกันคริสของชานยอล” ชานยอลเงยหน้าขึ้นไปจูบที่ปลายคางของคริสเบา
     
     
     
    เขาว่ากันว่า... ความสุขมักจะอยู่กับเราไม่นานนัก
     
     
     
    แต่ก็อย่าเพิ่งรีบร้อนจากไปเลยนะ
     
     
     
     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×