ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Sweet line Project] KrisYeol : My puppy คุณหมาแสนรัก [END]

    ลำดับตอนที่ #1 : My puppy - 1

    • อัปเดตล่าสุด 21 ม.ค. 57


    มาหย่อนแล้วก็จากไป ....




    _________________________________________





    “น้องไข่หวานมากินข้าวเร็ว!!” จากนั้นไอ้ตัวอ้วนกลมขนสีน้ำตาลอ่อนก็วิ่งสับขาหลอกมาอย่างไว วิ่งมาหยุดที่หน้าชามข้าวของตัวเอง ชามสีแดงสวยๆที่เจ้าตัวอยากได้ แหงล่ะ น้องไข่หวานน่ะไม่ใช่หมาธรรมดาหรอกนะ!!
     
    ชื่อ ‘ไข่หวาน’ นั้นได้แต่ใดมา... ตอบได้ไม่ยากเลยก็คือคนเลี้ยงชอบกินและแน่นอนว่าน้องหมาตัวเล็ก(แต่อ้วนกลมซะเหลือเกิน)ก็ชอบเหมือนกัน ถ้าถามว่ารู้ได้ยังไง? มันมีที่มาไป ชานยอลทำไข่หวานตกพื้นและแน่นอนเจ้าตัวอ้วนจอมตะกละก็รีบวิ่งมาฉวยกินแล้วก็เงยหน้ามองทำตาแป๊ว กระดิกหางขออีก ชานยอลก็เลยเรียกเจ้าตัวอ้วนว่าไข่หวานซะเลย
     
    ชานยอลนั่งยองๆแล้วมองเจ้าตัวอ้วนกลมที่กำลังกินอาหารก้นโด่งแล้วหมั่นเขี้ยวก็เลยขยี้หัวมันไปสักทีก่อนที่ตัวเองจะลุกขึ้นไปนั่งกินข้าวบ้าง เจ้ามือถือเครื่องสีขาวที่วางอยู่บนโต๊ะถูกชานยอลหยิบขึ้นมาปลดล็อคหน้าจอดูแต่ก็ไม่เห็นจะมีความเคลื่อนไหวอะไรเลย หน้าจอยังคงนิ่งสนิทไม่มีข้อความ มิสคอลหรือแม้แต่โปรแกรมแชทต่างๆก็ไม่มี.. ใครบางคนที่จะติดต่อมาเลยสักนิด
     
    “นี่น้องไข่หวาน บอกพ่อแกโทรกลับหาฉันบ้างสิ” หันไปพูดด้วยแต่น้องไข่หวานก็ยังคงมุดหน้าเข้าจานข้าวไม่สนใจ ชานยอลมองค้อนใส่สักทีก่อนที่จะหันกลับมากดข้อความส่งหาใครบางคน
     
    พ่อของน้องไข่หวานก็คือคนที่ชานยอลรักและแน่นอนว่าต้องมีสถานะเป็นแฟนของชานยอล น้องไข่หวานนั้นจริงๆชานยอลเป็นคนที่อยากได้แต่เขาก็ไม่กล้าซื้อ คนๆนั้นของชานยอลก็เลยซื้อมาให้เป็นของขวัญ โชคดีที่ตัวเขาอยู่บ้านของตัวเองก็เลยสามารถที่จะเลี้ยงสัตว์ได้ ไม่เช่นนั้นน้องไข่หวานก็คงได้ระเห็จไปนอนนอกบ้านแน่ๆ
     
    “พ่อแกหายไปไหนนะน้องไข่หวาน” และเป็นอีกครั้งที่ชานยอลไม่ได้คำตอบ และน้องไข่หวานก็คงจะตอบเขาไม่ได้
     
    “ถ้าแกพูดได้ก็ดีน่ะสิ”
     
     
     
     
    กี่วันแล้วที่ชานยอลติดต่อคนๆนั้นไม่ได้ นี่ก็ขี้เกียจจะนับแล้ว นั่งมองโทรศัพท์ นั่งรอสายจนเหนื่อย นี่ตัวเขายังไม่เข้าใจเลยว่าตัวเองทำอะไรผิดหรือเปล่า หรือบางที... อาจจะมีคนที่กำลังจะเปลี่ยนใจ
     
    นั่งนิ่งๆ เงียบๆอยู่ดีๆ ก็มีเจ้าตัวอ้วนกลมเดินเข้ามาหา เงยหน้าใช้ตาแป๊วๆมองเจ้านายของตัวเองที่นั่งอยู่บนโซฟา ชานยอลยิ้มแล้วอุ้มน้องไข่หวานขึ้นมา เจ้าตัวเล็กพยายามเหลือเกินที่จะใช้ลิ้นเลียปลายจมูกของชานยอล เมื่อเห็นว่าเจ้าตัวอ้วนกำลังปลอบตัวเองอยู่ ชานยอลก็เลยจับลูกหมานั้นเข้ามาฟัดและน้องไข่หวานก็ได้โอกาสเลียเข้าที่ริมฝีปากคล้ายจะปลอมประโลม
     
    “ขอบใจนะ ฉันรู้สึกแย่มากๆเลยล่ะ อยากรู้ว่าควรจะทำยังไงต่อดี” ชานยอลวางน้องไข่หวานไว้ที่ตักแล้วก็ลูบหัวมัน น้องไข่หวานที่เริ่มเคลิ้มก็หลับตาลง ชานยอลที่มองอยู่ก็ยิ้มออกมา
     
    ไม่ว่ายังไงเขาควรจบเรื่องนี้สักที จะอยู่หรือไปก็ควรชัดเจนได้แล้ว ... ถึงจะกลัวกับผลลัพธ์ก็เถอะ
     
     ปาร์คชานยอลเกิดมาไม่ใช่คนโชคดีอะไร เรื่องอื่นๆก็คงไม่เท่าไหร่แต่ด้านความรักนี่ ... ชานยอลนั้นอาภัพในเรื่องรัก ขนาดพ่อกับแม่ที่ทำให้เขาเกิดยังไม่อยากอยู่กับเขาเลย พ่อกับแม่มีเขาด้วยความผิดพลาด พอเขาเกิดก็ไม่ได้อยู่ด้วยกัน พอเขาโตมาก็เลยขอออกมาอยู่คนเดียวดีกว่าเกรงใจคุณยายที่เลี้ยงเขามา ตอนนี้พ่อกับแม่ก็ได้แต่โอนเงินเข้าบัญชีของตัวเขา นี่เขาไม่ได้เจอพ่อกับแม่ตัวเองมากี่ปีแล้วนะ
     
    ความรักของตัวเขาเริ่มต้นกับผู้ชายคนหนึ่งที่มีอายุมากกว่า มีหน้าที่การงานมั่นคง เขาเป็นผู้ชายที่ทำงานแล้วซึ่งต่างจากตัวของชานยอลที่ยังคงเป็นแค่นักศึกษามหาวิทยาลัย การได้ถูกรักและถูกดูแลมันทำให้ตัวเขารู้สึกดีและหลงใหลไปกับความอบอุ่นของผู้ชายคนนั้น... โดยที่ไม่รู้ตัว
     
    อยู่ดีๆเจ้ามือถือที่เงียบสงบก็ส่งเสียงร้องว่ามีข้อความเข้า ชานยอลโน้มตัวไปคว้ามาอย่างไวจนเจ้าไข่หวานที่กำลังหลับสบายสะดุ้งตื่น ชานยอลยื่นปลายนิ้วไปเกาคางให้เจ้าไข่หวานก็ค่อยๆเคลิ้มหลับ ดวงตาโตไล่อ่านข้อความแล้วริมฝีปากอิ่มสีสดก็ค่อยๆวาดรอยยิ้มออกมา เมื่อใครอีกคนส่งข้อความมาหา
     
    ...คืนนี้เจอกันที่สวนเดิมนะ 3ทุ่ม...
     
    ปาร์คชานยอลเตรียมตัวตั้งแต่บ่ายสาม ไม่ค่อยจะเห่อหรอกบอกตรงๆ ลูกหมาตัวกลมนอนมองเจ้านายที่เอาแต่เลือกเสื้อผ้าที่หน้าตู้เสื้อผ้า สองขาหน้ายกขึ้นปิดตาตัวเองเมื่อเห็นว่าชานยอลกำลังเปลี่ยนเสื้อผ้า ท่าว่าเจ้านายของตัวเองวันนี้จะแต่งตัวหล่อเป็นพิเศษเลยน่ะสินะ
     
     
     
     
    เวลาสองทุ่มครึ่งชานยอลมานั่งรอที่สวนสาธารณะที่ๆพวกเขามักจะพากันมานั่งเล่นเป็นประจำ ชานยอลเลือกนั่งที่ม้านั่งตัวเดิม ตัวที่จะมองเห็นท้องฟ้าได้ชัดเจน ชานยอลมานั่งรอเพราะตื่นเต้นที่จะได้เจอใครคนนั้น นั่งมองผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาจนรู้สึกเหมือนได้ยินเสียงที่คุ้นเคยลอยมาไกลๆจากด้านหลัง 
     
    ชานยอลหันไปมองก็เห็นใครคนนั้นที่คุ้นเคยในชุดสูทกำลังยืนคุยกับผู้หญิงคนหนึ่ง ไม่รู้ว่าบทสนทนาจะเป็นยังไงแต่ดูท่าว่าผู้หญิงคนนั้นจะไม่พอใจเอามากๆด้วย พูดกันอีกไม่กี่ประโยคเขาก็เดินมา ชานยอลรีบหันกลับไปทำเป็นว่าไม่รู้ว่าเขาเดินมาหา
     
    “ชานยอล” น้ำเสียงที่เรียกตัวเขายังคงอบอุ่นเสมอในความรู้สึก ชานยอลลุกขึ้นยืนแล้วหันไปส่งยิ้มให้แต่คนๆนั้นกลับไม่ได้ส่งยิ้มกลับมาให้เลยสักนิด แววตาที่มองก็ไร้ความดีใจที่ได้เจอกัน
     
    “มาแล้วเหรอครับ วันนี้พี่ทำงานเหนื่อยไหม” ชานยอลยิ้มกว้างจนเต็มใบหน้า บ่งบอกเลยว่าดีใจกับการเจอครั้งนี้มากแค่ไหนแต่อีกฝ่ายกลับเงียบ
     
    “ชานยอล ต่อจากนี้ไม่ต้องส่งข้อความหรืออะไรมาหาพี่อีกนะ”
     
    “หมายความว่ายังไงครับ พี่จะ....” ชานยอลกลืนคำนั้นลงคอ คำที่ไม่อยากได้ยินและไม่คิดว่าจะได้ยิน
     
    “เราเลิกกันเถอะ” ชานยอลมองคนตรงหน้าที่พูดคำนี้ออกมาด้วยสีหน้าเรียบเฉย เขาไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอที่พูดคำนี้ออกมา? คำที่ตัดความสัมพันธ์ของเรา... ทำไมพี่พูดมันได้หน้าตาเฉยเลยล่ะ
     
    “ผมทำอะไรผิดเหรอครับ” แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบอะไร ชานยอลหันไปมองผู้หญิงที่เดินเข้ามา
     
    “เพราะผู้หญิงคนนั้นใช่ไหม” คนตรงหน้าถอนหายใจแล้วเสยผมหน้าขึ้น
     
    “หวังว่านายจะเข้าใจ ไม่ต้องโทร ไม่ต้องส่งข้อความมาหาพี่อีกนะ” ผู้หญิงคนนั้นควงแขนเขาออกไป ทิ้งให้ชานยอลยืนอยู่ตรงนั้นคนเดียว
     
    ชานยอลแทบจะยืนไม่อยู่ ความคิดในหัวก็ไม่มีเพราะในหัวสมองขาวโพลนไปหมด ตัวเขาจำไม่ได้เลยว่ากลับบ้านมาได้ยังไง กลับมาตอนไหนและกลับมาได้อย่างไร มารู้ตัวอีกทีเขาก็นอนร้องไห้อยู่บนเตียงเสียแล้ว ชานยอลได้ยินเสียงตัวเองสะอื้นแทบขาดใจ หยดน้ำตาที่ไหลซึมลงหมอนนั้นไม่เจ็บปวดเท่าอาการปวดหนึบที่หัวใจหรอก หัวใจที่แตกสลายมันประกอบกลับมาเป็นรูปเดิมยากเกินไป
     
    ชานยอลสะอื้นจนแทบขาดใจ ร้องไห้จนคิดว่าหยดน้ำตาจะหมดไปเสียแล้ว ชานยอลลุกขึ้นไปเหวี่ยงของที่เป็นของคนนั้นลงพื้น ทั้งเสื้อผ้า กรอบรูป ของขวัญ ของใช้บางอย่างที่คนนั้นซื้อให้ ชานยอลเหวี่ยงลงพื้นอย่างไม่ใยดี เมื่อเขาไม่มีใจชานยอลก็จะไม่เก็บซากใจของตัวเองมาประกอบ ปล่อยมันไว้แบบนั้นให้สายลมพัดมันให้หายไปเอง
     
    “ไอ้บ้า ไปตายซะ!!!” กรอบรูปอันสุดท้ายถูกเขวี้ยงออกไปเต็มแรงลงพื้นแตกกระจาย เหมือนกับหัวใจของเขาที่ก็แตกกระจายไม่ต่างกับกรอบรูปพวกนี้เลย ชานยอลปาดเช็ดน้ำตาด้วยหลังมือก่อนที่จะเดินไปทิ้งตัวนอนบนเตียง นอนนิ่งๆให้หยดน้ำตาไหลผ่านไป อีกไม่นานความเจ็บทั้งหลายก็คงจะผ่านไปเหมือนกัน ... แม้ว่าอาจจะต้องใช้เวลานานสักหน่อยก็เถอะ
     
     
     
     
     
     
     
    ชานยอลพลิกตัวกับเตียงนอนแล้วค่อยๆลืมตาขึ้น ตัวเขาหลับไปกี่ชั่วโมงหรือกี่วัน เขาก็ไม่อยากจะรู้หรอก ชานยอลยันตัวขึ้นนั่งแล้วลูบใบหน้าอย่างสร้างกำลังใจก่อนที่จะลืมตาขึ้นแล้วมองไปรอบๆห้อง แต่ทว่ากลับต้องเบิกตากว้างอย่างตกใจแทนเพราะห้องที่เคยรกและกระจัดกระจายด้วยข้าวของและเศษกระจกกลับสะอาดเรียบร้อย
     
    หรือเมื่อคืนตัวเขาฝันไป? แต่มันจะใช่ได้ยังไงล่ะสร้อยข้อมือที่เขาใส่ประจำมันหายไป เหมือนจะจำได้ลางๆว่ากระชากมันแล้วปาใส่หลังคนใจร้ายคนนั้นไป ไม่สนใจก็ช่าง จะทิ้งไว้ตรงนั้นก็ช่าง เขาไม่สนใจหรอก แล้วใครเก็บ? หรือจะเป็นน้องไข่หวาน?
     
    “แย่แล้ว น้องไข่หวาน!!” ชานยอลรีบลงจากเตียงแล้ววิ่งไปเปิดประตูห้องนอนทันที แต่ทว่ากลับได้กลิ่นหอมของอาหารลอยมาแตะจมูก น้องไข่หวานทำกับข้าวได้ด้วยเหรอ? ใครกัน?
     
    “หรือว่าจะเป็นขโมย” พอคิดได้ดังนั้นชานยอลก็ค่อยๆย่องลงไปด้านล่างทันที ในบ้านก็ดูเป็นระเบียบเหมือนเดิม ไร้วี่แววของการรื้อค้นหรือการขโมยของแน่นอน
     
    ชานยอลค่อยๆย่องเข้าห้องครัว ค่อยๆย่องไปเบาๆเพราะกลัวว่าหัวขโมยจะรู้สึกตัวแต่แล้วก็ต้องแปลกใจเมื่อโผล่หน้าเข้าไปดูในห้องครัวก็เจอเข้ากับผู้ชายตัวสูงกว่าตัวเขา ผมสีน้ำตาลทองยืนหันหลังพร้อมกับใส่ผ้ากันเปื้อนของเขาอยู่หน้าเตา ชานยอลเดินเข้าไปในห้องครัวแล้วยืนเท้าเอว
     
    “นายเป็นใคร มาทำอะไรในบ้านฉัน” คนนั้นหันหน้ามายิ้มให้ก่อนหนึ่งทีก่อนที่จะหันกลับไปปิดแก๊สแล้วหันกลับมาหาเขาทั้งตัว นี่กะจากสายตาแล้วผู้ชายตรงหน้าสูงกว่าเขาอีกด้วย ผมสีน้ำตาลทองเข้ากับใบหน้าคมและผิวขาวๆ ดวงตาคมคู่นั้นเหมือนกับมีแววประกายอะไรบางอย่าง
     
    “จำผมไม่ได้เหรอ” ชานยอลยืนกระพริบตาทำหน้างงใส่ ใครอีกคนก็เดินเข้ามาใกล้ๆแล้วจับมือของชานยอลมาลูบที่หัวของตัวเอง
     
    “ขะ... ไข่หวานเหรอ?” แม้จะดูเหลือเชื่อแต่ชื่อแรกที่ผุดขึ้นมาในหัวหลังจากที่ได้สัมผัสเส้นผมนิ่มของคนตรงหน้า
     
    “ครับ แต่จริงๆแล้วชื่อของผมคือคริสนะครับคุณพ่อชานยอล” ถามว่าชานยอลช็อคตาตั้งไปหรือยัง? ถามว่าชานยอลจะเป็นลมไหมง่ายกว่าอีก
     
    “นาย... นาย... นายคือไข่หวานที่กลายมาเป็นคนน่ะนะ!!?” ชานยอลทำตาโตแล้วมองคนตรงหน้าตาโตกว่าเก่า คริสยังคงไม่ปล่อยมือชานยอลยกมือของชานยอลแนบแก้ม
     
    “ใช่แล้ว ก็คุณพ่อชานยอลเคยพูดไม่ใช่เหรอว่าถ้าผมพูดได้ก็คงจะดี”
     
    “แต่ก็ไม่ได้คิดว่าจะกลายมาเป็นคนแบบนี้นะ!! นี่ถามจริงๆมันเกิดอะไรขึ้น” คริสดึงชานยอลมากอดแล้วลูบหลังปลอบ
     
    “เมื่อวานนี้... เจอเรื่องไม่ดีมาใช่ไหมครับผมได้ยินเสียงร้องไห้ พระเจ้าอาจจะเห็นใจให้ผมมาดูแลชานยอลก็ได้นะ” ความอบอุ่นจากตัวของคริสที่โอบกอดเขามันทำให้ชานยอลรู้สึกดีและเริ่มที่จะร้องไห้อีกครั้ง
     
    “ฮือ.. น้องไข่หวานพ่อของนายทิ้งฉันไปแล้ว” ชานยอลกอดแล้วซุกหน้าลงกับไหล่กว้างของคริส
     
    “ไม่ต้องไปสนใจหรอกเขาไม่ใช่พ่อของผม คุณมีแค่ผมและผมก็มีแค่คุณนะ” ชานยอลกอดคริสไว้แน่น แต่แล้วก็แบบฉุกคิดขึ้นมาได้
     
    “เดี๋ยวดิ” ชานยอลผลักคริสให้ออกห่าง หยดน้ำตายังคงไหลรินผ่านแก้ม คริสยื่นมือเช็ดหยดน้ำตาเหล่านั้นให้
     
    “แล้วฉันจะเชื่อได้ยังไงว่านายคือน้องไข่หวานของฉันจริงๆ”
     
     
    แบบนี้มันต้องพิสูจน์!!!!
     

     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×