ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Chapter 1
โปรยหินถามทาง อิอิ
โปรเจ็คพิเศษที่ไม่รู้มายังไง แต่มาด้วยความหมั่นไส้ล้วนๆ 555555555
_________________________________
โปรเจ็คพิเศษที่ไม่รู้มายังไง แต่มาด้วยความหมั่นไส้ล้วนๆ 555555555
_________________________________
กริ๊ง... เสียงกระดิ่งเหนือประตูร้านกาแฟดังขึ้นเมื่อโดนแรงผลักจากด้านนอก ร่างสูงที่ทำหน้าตาหงุดหงิดและกำลังอารมณ์ไม่ดีเดินตรงดิ่งเข้ามายังมุมร้านที่มีใครนั่งรออยู่ก่อนแล้ว บนโต๊ะนั้นมีแก้วกาแฟหอมกรุ่นแต่คนมาใหม่ก็ไม่ได้เลือกที่จะสนใจมัน พอนั่งได้วางกระเป๋าสะพายข้างที่ติดตัวมาไว้ข้างตัวก็ตวัดสายตามองคนตรงข้ามทันที
ดวงหน้าหวานที่มองกี่ครั้งก็ยังคงน่ารักเสมอ บัดนี้มันแดงเรื่อ ทั้งดวงตาก็บวมช้ำ ปลายจมูกรั้นก็แดง และกลีบปากอิ่มสีระเรื่อก็แดงช้ำ ชายหนุ่มถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนที่จะเอื้อมมือไปไล้แก้มใสของคนตรงข้ามเบาๆ
“อีกแล้วเหรอชานยอล” คนตรงข้ามไม่พูดแต่แค่ก้มหน้าลงหลบสายตาของคนตรงข้ามเท่านั้น
“ฉันไม่ได้ออกมาเพื่อนั่งดูนายหลบตาฉันนะชานยอล รอบนี้ไอ้คริสมันทำอะไรอีกล่ะ ไม่รับสาย? ไม่ยอมกลับบ้าน? หรือเมาหัวราน้ำอีกแล้วล่ะ” แต่ชานยอลก็ส่ายหน้าไปมา คนได้เห็นก็ได้แต่ขมวดคิ้วมุ่นด้วยความสงสัย เพราะไอ้เพื่อนตัวดีก็มักจะเป็นแบบนี้เสมอ เวลาที่ชานยอลโทรไปหามันก็มักจะไม่รับสายและก็ไม่โทรกลับด้วย บางครั้งก็ไม่กลับบ้านเป็นวันๆ บางทีกลับทีก็เมาหัวราน้ำต้องให้เด็กในร้านนั้นน่ะพามาส่ง แต่ครั้งนี้กลับไม่ใช่.. เอ? หรือว่ามันจะป่วย?
“ไม่ใช่หรอกเทา” น้ำเสียงสั่นเครือเอ่ยขัดความคิดของเขาเบาๆ
“อ้าว แล้วมันทำไมล่ะหรือมันเมาแล้วไปมีเรื่องกับใครเข้าโรง’บาลหรือเปล่า? มันอยู่โรง’บาลไหนล่ะไปเยี่ยมมันกันเลย” เทาที่กำลังจะลุกขึ้นไปโรงพยาบาลนั้นก็ต้องหยุดชะงักด้วยมือเรียวที่สั่นๆเอือมมาจับมือ
“ไม่ใช่หรอกเทา... คริสไม่ได้อยู่โรง’บาล คริสนอนอยู่ที่ห้อง” เทาลงนั่งที่เก้าอี้อีกรอบแล้วก็มองคนตรงหน้าด้วยความไม่เข้าใจ นี่คงไมได้เรียกเข้ามาเพื่อจะบอกนะว่ามันนอนตกเตียง? นี่เขาถึงกับโดดงานมาเลยนะ ว่าแต่มีอะไรนะ
“อ้าว แล้วมันเป็นอะไรล่ะ” ชานยอลก้มหน้าลง สองมือขาวบีบกันแน่นจนมันแดง เทาก็เลยย้ายตัวไปนั่งข้างๆ ฝ่ามือใหญ่จับมือของชานยอลไว้แล้วค่อยๆแกะให้มันคลาย จากนั้นก็นวดมือแดงนั้นเบาๆ
“คะ... คริส... คริสเอาคนอื่น... มานอนที่ห้อง” สิ้นเสียงสั่นเครือนั้นเทาก็เบิกตากว้างอย่างตกใจแล้วดึงตัวคนที่น้ำตาหยดมากอดไว้แนบชิด เทาลูบกลุ่มผมสีน้ำตาลอ่อนของคนในอ้อมแขนแผ่วเบา ชานยอลกำเสื้อเชิ้ตสีขาวของเทาไว้แน่นพร้อมกับหยดน้ำตาที่ไหลซึมเป็นด่างดวง
“ฉัน.. นอนที่โซฟา.. อึก... มันดึกแล้วเกรงใจ” ชานยอลเงยหน้าขึ้นสบกับดวงตาเรียวที่ก้มลงมาหา ในดวงตาคู่นั้นฉายแววเป็นห่วงอยู่เต็มหน่วยตา แขนยาวรั้งเทาเข้ามากอดให้แน่นอีกครั้ง และอ้อมแขนที่กอดชานยอลก็กระชับแน่น
“สำหรับนาย ฉันไม่เคยลำบากอะไรเลย ถ้าครั้งหน้ามีเรื่องก็บอกฉันเถอะนะ” แต่ถ้าทนไม่ไหวก็บอกฉันเถอะฉันจะได้แย่งนายมา นี่คือคำพูดที่เจ้าตัวได้แต่เก็บไว้ในใจ ไม่กล้าพูดออกไป เพราะเขาดำรงตำแหน่งเพื่อนสนิทมาแทบจะทั้งชีวิตและ... เขาก็แอบรักเพื่อนสนิทมาแทบจะทั้งชีวิตเช่นกัน
“ขอบคุณนะเทา นายเป็นเพื่อนที่ดีของฉันเสมอ”
‘เพื่อน’ คำจำกัดความที่ชานยอลขีดไว้ให้เทา แต่ปาร์คชานยอลคงไม่รู้ว่า ฮวางจือเทาไมได้ต้องการมันเลย.. ไม่ได้อยากเป็นแค่เพื่อน อยากเป็นมากกว่านั้น แต่ก็คงไม่มีสิทธิ์
“ช่างหัวมันเถอะ มากินเค้กกันดีกว่า ฉันสั่งให้เอาไหม? เอาช็อคโกแลต โมลเทน ลาวาแล้วกันเนอะ” เทาถามด้วยน้ำเสียงอบอุ่นก่อนที่จะยกมือเรียกเด็กเสิร์ฟมาจัดการสั่งเมนูให้ ชานยอลจะแย้งก็ไม่ทันแล้ว ตอนนี้เขาไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่อยากจะกินอะไรหรอกนะ ขนาดกาแฟที่สั่งมาก็ยังไมได้แตะเลยสักนิด
“กินหน่อยนะ จะได้อารมณ์ดีขึ้น” แค่มองตาก็รู้ใจ เทาส่งรอยยิ้มกว้างๆมาให้ก่อนที่จะยกแก้วกาแฟนั้นขึ้นมาจิบเสียเอง เพราะรู้ว่าคนที่นั่งอยู่ใกล้ๆคงไม่มีอารมณ์จะมานั่งจิบกาแฟนักหรอก
“ขอบใจนะเทา” ชานยอลยิ้ม เทาก็ยิ้ม ถ้าเมื่อไหร่ที่ชานยอลเจ็บ เทาก็เจ็บเหมือนกัน
“เอาน่า ชิวๆ ว่าแต่สุดสัปดาห์นี้เลี้ยงหมูย่างนะ ขอบใจนะชานยอล” ยังไม่ทันที่จะตอบรับหรือปฏิเสธเทาก็พูดเองเออเองเสร็จสรรพ คนที่ต้องเป็นเจ้ามือก็นั่งหน้าเหวอน่ะสิ ก่อนที่จะหัวเราะออกมา
“ก็ได้ๆ เห็นแก่กินจริงเชียวไอ้บ้า!”
ก้อนกลมเนื้อนิ่มของช็อคโกแลตที่โรยด้วยไอซ์ซิ่งบางเบาถูกตัดแบ่งด้วยปลายช้อนสีเงินวาววับ แล้วลาวาของช็อคโกแลตก็ไหลออกมาที่จานกระเบื้องสีขาวขุ่น คล้ายดั่งหยดน้ำตาของชานยอลที่ไหลรินเมื่อครู่ แต่พอได้ลิ้มรสหวานๆ ปนขมนิดๆของเจ้าช็อคโกแลตลาวาแล้วคนลิ้มรสก็จะยิ้มอารมณ์ดี เหมือนกับชานยอลที่กำลังนั่งยิ้มกับเนื้อนิ่มของช็อคโกแลต โมลเทน ลาวานี้
เทาที่นั่งเท้าคางมองคนข้างตัวที่กำลังนั่งลิ้มรสหวานๆนั้นก็ยิ้มตาม ชานยอลในสายตาของเทาน่ะเป็นคนน่ารัก ร่าเริงและยิ้มง่าย ยิ่งถ้ามีของกินมาล่อแล้วล่ะก็ปาร์คชานยอลจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษเลยล่ะ เทาชอบชานยอลที่เป็นแบบนี้ ชอบที่ยิ้มน่ารักๆแบบนี้ ชอบให้ใบหน้าน่ารักในสายตานั้นแต้มไปด้วยรอยยิ้ม
“กินไหม” ชานยอลยื่นช้อนที่มีเจ้าช็อคโกแลตลาวาเนื้อฉ่ำๆมาทางเทาที่ยังคงนั่งเท้าคางส่งสายตาหวานเยิ้มเหมือนเจ้าลาวานี้มาให้ เทามองปลายช้อนนั้นก่อนที่จะอ้าปากรับเจ้าขนมหวานนั้นมา เมื่อลิ้มรสได้แล้วเทาก็วาดส่งรอยยิ้มให้คนที่นั่งรอลุ้นอยู่ว่าเจ้าสิ่งที่ยื่นไปน่ะอร่อยหรือเปล่า พอเห็นว่าคนที่โดนป้อนนั้นพอใจกับเจ้าลาวา คนป้อนก็หัวเราะชอบใจ
“จะว่าไปฉันก็อยากกินชิฟฟ่อนอีกนะ~” ชานยอลตักลาวาเข้าปากอีกคำแล้วก็คาบปลายช้อนไว้ เทาที่มองอยู่ก็รู้สึกเหมือนในอกนั้นจะหัวใจสั่นไหวอย่างกับแผ่นดินไหวแน่ะ ...แบบนี้จะคิดว่าได้จูบทางอ้อมกับชานยอลได้หรือเปล่าน้า~…
“เดี๋ยวเราค่อยไปซื้อกันนะ” ชานยอลหันมามองเทาก่อนที่จะยิ้มกว้างๆ
“อืม! เทาใจดีจังเลยน้า~ ใครได้เทาไปเป็นแฟนนี่คนนั้นคงโชคดีมากเลยนะเนี่ย~” ว่าแล้วก็หันกลับไปสนใจกับช็อคโกแลตตรงหน้าต่อ ไม่ได้สนใจแววตาหม่นของคนข้างตัวเลยสักนิด
“แล้วนายอยากเป็นคนโชคดีคนนั้นหรือเปล่าล่ะ” เสียงกระซิบแผ่วเบาที่ส่งไปไม่เคยถึงคนน่ารักข้างกายเลยสักครั้ง
ชานยอลกำลังยืนถอนหายใจทิ้งอยู่หน้าประตูห้องของตัวเอง ก้มลงมองเครื่องสแกนลายนิ้วมือแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ ยืนอยู่นานกว่าที่จะพยายามทำใจให้แข็งได้ สูดลมหายใจเข้าลึกๆก่อนที่จะสแกนลายนิ้วมือแล้วกดรหัสเข้าห้อง มืออีกข้างที่ชื้นเหงื่อก็กำหูหิ้วของถุงกล่องเค้กชิฟฟ่อนไว้แน่น
ชานยอลกำลังกลัว.. ใช่ กำลังกลัว... กลัวว่าถ้าเปิดเข้าไปแล้วเห็นคนอื่นอยู่ในห้องของเขากับคริส เขาคงทำใจไม่ได้ เพราะแค่เมื่อคืนก็มากพอแล้ว..
ชานยอลที่หลับไปแล้วต้องสะดุ้งตื่นเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูรัวๆ แถมด้วยเสียงทุบดังปังๆบอกตามอารมณ์ที่เขานั้นยังไม่ลุกไปเปิดให้ คนด้านหลังประตูคงจะอารมณ์เสียมากแน่ๆ และไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเป็นใครที่อยู่หลังประตูบานนั้น แต่แน่นอนว่าจะต้องเมามาอีกแล้วแน่ๆ
“มาแล้วๆ คริสก็ใจเย็น....” พอเปิดประตู เสียงทักทายก็ขาดหายทันทีเมื่อเห็นใครอีกคนที่ยืนอยู่ข้างกัน ไม่ใช่พนักงานในผับแน่ๆ ผู้ชายตัวขาว หุ่นบางๆที่ยืนจิกสายตาใส่เขาแบบนี้...
“เปิดแล้วก็ถอยๆไปสิ” เสียงนั้นเหวี่ยงกลับมาพร้อมกับมือที่ดันตัวเขาออก และคริสก็ถูกประคองเข้ามาในห้อง
“ห้องนอนอยู่ทางไหนล่ะ” ดวงตาเรียวนั้นสะบัดหันมาจิกใส่เขาอีกที ชานยอลเดินนำทางไปยังห้องนอนก่อนที่จะเปิดประตูให้ พอจะเข้าไปช่วยประคองก็โดนผลักมือออกอีก ดังนั้นชานยอลก็เลยยืนอยู่ที่หน้าประตูห้องนอนแล้วยืนมองร่างสูงสมส่วนนั้นประคองคริสให้ลงนอนที่เตียง
“อืม..” คริสดึงใครคนนั้นเข้าไปจูบ และนั้นก็ทำให้ชานยอลยืนแข็งเป็นหิน ไม่รู้ตัวเลยว่ามือของตัวเองนั้นกำขอบบานประตูไว้แน่นเพียงไหน กำมันแน่นจนสั่นหรือตัวสั่นเพราะเห็นภาพนั้นกันแน่ คนที่ตระกองจูบกันตวัดสายตาส่งมาให้พร้อมกับคำเชือดเฉือน
“ถ้าเห็นแล้วก็รีบๆออกไปซะสิ”
แล้วบานประตูนั้นก็ปิดลงพร้อมๆกับหยดน้ำตาที่ไหลริน ห้องที่เป็นความทรงจำของเรา ห้องที่มีแต่ไอรักของเราอบอวล บัดนี้มันไม่ใช่เช่นนั้นอีกแล้ว... ภาพบาดตาที่ได้เห็นเรียกให้ชานยอลทรุดนั่งลงที่โซฟาอย่างหมดแรง เสียงครวญครางในห้องนั้นเรียกให้สองมือยกขึ้นปิดหูไว้ ไม่อยากได้ยิน ไม่อยากรับรู้ ไม่อยากอะไรทั้งนั้น!!
เขาจะคิดว่าเมื่อครู่นี้ไม่มีอะไรเลย เขาตื่นขึ้นมากลางดึกเพื่อมารอให้คริสกลับห้อง นั่งรอคริสที่กลับดึกเพราะทำงานหนัก ชานยอลนั่งรอคริส.. นั่งรอด้วยน้ำตาอยู่เพียงคนเดียว
“ไม่มีอะไรหรอก” เอ่ยให้กำลังใจตัวเองก่อนที่จะแสกนนิ้วมือแล้วกดรหัสเข้าห้องไป ในห้องนั้นดูเงียบเกินไป แม้จะเป็นเวลาเที่ยงแล้วก็ตามเถอะ สองขายาวพาชานยอลเดินไปที่ประตูห้องนอน ทำใจอยู่นานก่อนที่จะเปิดประตูเข้าไปดู
บนเตียงนั้นมีร่างของคริสนอนอยู่เพียงคนเดียว นั่นทำให้ชานยอลถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ เสียงในห้องชุดนี้เงียบเกินไปที่จะมีใครอื่นนอกจากเขาและคนที่นอนอยู่เตียง นั้นก็แสดงว่าตอนนี้ทีแค่ชานยอลและคริสเท่านั้นที่อยู่ในห้องนี้
ชานยอลเดินเข้าไปที่ข้างเตียงแล้วไล้แก้มสากของคริสเบาๆ ต่อให้คริสจะทำร้ายจิตใจของเขามากไปกว่านี้ เขาก็คงจะด้านชาไปหมดแล้ว ตั้งแต่ที่ตัวเขาย้ายมาอยู่ที่คอนโดของร่างสูงคนนี้เขาก็ไม่เคยสุขใจสักวัน ปลายนิ้วเรียวไล้ที่เปลือกตาที่ปิดสนิทแผ่วเบา
“ฉันรักนายมากนะคริส.. ถึงนายจะไม่รักฉันแล้วก็อย่าทิ้งฉันเลยนะ” ชานยอลโน้มใบหน้าลงเพื่อประทับที่ริมฝีปากบางได้รูปนั้น เขายอมที่จะทับรอยสัมผัสของคนอื่น เขายอมที่จะนอนทับรอยของคนอื่นแม้ว่าตัวเองจะมาก่อนก็ตาม เหตุผลก็คงมีอยู่ข้อเดียว...
“ฉันรักนายมากนะ” ทิ้งเสียงส่งท้ายไว้แค่นั้นก่อนที่จะเดินออกจากห้องเพื่อไปเตรียมมื้อเที่ยงให้คนที่กำลังนอนอยู่นี้
เมื่อเสียงปิดประตูจางหายไปเปลือกตาที่หลับสนิทก็ค่อยๆลืมขึ้น ร่างสูงตื่นตั้งแต่ชานยอลมาเปิดประตูห้องนอนนั่นแหละแต่เขาก็ทำเป็นนอนหลับตาอยู่แบบนั้น เมื่อคริสหยัดกายขึ้นนั่งแล้วมองรอบๆห้องภาพความทรงจำของเมื่อคืนที่ขาดหายไปก็ค่อยๆไหลเข้ามาแล้วปะติดปะต่อกันจนเป็นเรื่องราว
เขาเจอกับคนเมื่อคืนในผับ แน่นอนว่าถูกใจก็เลยนั่งดื่มกันต่อและเขาจำได้ว่าสิ่งสุดท้ายที่บอกออกไปคือที่อยู่ห้อง แล้วหลังจากนั้นเขาก็จำอะไรไม่ได้อีกเลย ถ้าถามว่าเขารู้สึกผิดไหม ก็พูดได้เต็มปากเลยว่ารู้สึกผิดที่ดันบอกที่อยู่คอนโดให้ ทั้งๆที่ควรจะไปที่อื่นมากกว่า แต่ก็อย่างว่า.. มันแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว
พอจัดการกับตัวเองเสร็จคริสก็เดินออกมาจากห้องนอนแล้วก็ได้กลิ่นหอมๆของมื้อเที่ยงนี้ สองขาพาไปยังห้องครัวก็เห็นชานยอลกำลังง่วนอยู่กับการทำอาหาร คริสยืนกอดอกพิงที่ขอบประตูแล้วก็ทอดสายตามองไปยังร่างบอบบางตรงหน้า
ชานยอลในสายตาของคริสน่ะบอบบางมาก บอบบางเหมือนกับแก้วที่เปราะบาง ถ้าเพียงเผลอจับแรงๆก็อาจจะแตกหักได้ แก้วที่มันแตกแล้วน่ะ มันเอามาประกอบกลับเป็นแก้วใบเดิมไม่ได้หรอกนะ เขาถึงต้องปกป้องแก้วใบนี้ของเขาไว้ให้คงรูปร่างเดิม วางแก้วใบนั้นไว้ที่โต๊ะด้านในเพื่อที่จะได้ไม่มีใครมาปัดแก้วใบนี้แตก
“อ๊า.. ตื่นแล้วเหรอคริส รอแปบนึงนะ” ชานยอลที่หันมาเห็นก็ส่งยิ้มหวานๆให้ก่อนที่จะหันกลับมาจัดการกับหม้อซุปตรงหน้า คริสกระตุกยิ้มนิดๆ ชานยอลไม่ใช่คนทำอาหารได้อร่อยเลิศหรูเหมือนภัตตาคารหรอก แต่เขาก็ชอบกินฝีมือชานยอลนะ... ถ้ากลับมาทัน แต่ส่วนใหญ่จะไม่ทัน พอเหลือก็ต้องทิ้งเพราะคริสไม่ชอบกินอาหารค้างคืน
“นี่เค้กใคร” คริสที่เดินมาเปิดตู้เย็นก็เห็นกล่องเค้กชิฟฟ่อนในตู้เย็น ชานยอลหันมามองก่อนที่จะยิ้มกว้าง
“อ๋อของฉันเอง ซื้อมาไงเผื่อคริสอยากกิน” ชานยอลหันมามองกล่องเค้กในมือคริสก็ยิ้มหวานก่อนที่จะหันกลับไปทำอาหารต่อ คริสขมวดคิ้วมุ่นแล้วก็โยนกล่องเค้กนั้นลงบนโต๊ะกินข้าว
“ซื้อมาตั้งแต่เมื่อไหร่” ชานยอลปิดแก๊สก่อนที่จะหันมายิ้มให้คนที่ยืนทำหน้าไม่พอใจ
“ซื้อมาเมื่อเช้านี้ เนี่ยเขาเพิ่งทำใหม่ๆเลยอร่อยนะ” ชานยอลเดินเข้ามาใกล้ก่อนที่จะโดนคว้าแขนไว้ทั้งสองข้าง คริสบีบแขนนิ่มนั้นแรงด้วยอารมณ์ที่โกรธมาก แขนขาวๆคงจะมีรอยแดงแน่ๆแต่ใครจะสนล่ะตอนนี้เขากำลังโกรธมาก
“บอกแล้วไม่ใช่หรือไงว่าไม่ให้ออกไปไหน แล้วนี่ออกไปกับใคร!” ชานยอลเบ้หน้าด้วยความเจ็บแต่พอคริสยิ่งเพิ่มแรงบีบ ยิ่งเขย่าแขนก็ต้องหันกลับมาตอบด้วยม่านน้ำที่คลอรอบหน่วยตา
“อะ... ออกไปเจอเทามา” คริสยิ่งทำหน้าโกรธเกรี้ยวมากกว่าเดิมอีก ซ้ำแรงบีบที่แขนก็ยังบีบแน่นกว่าเดิมจนชานยอลน้ำตาหยดอาบแก้ม นัยน์ตาคมดุที่เห็นหยดน้ำใสๆก็ถอนหายใจแล้วผลักคนตัวบางให้พ้นทาง แต่ด้วยแรงผลักทำเอาชานยอลถลาลงไปกองกับพื้นแทน พยายามที่จะลุกขึ้นก็ลุกขึ้นไม่ได้เหมือนว่าข้อเท้ามันจะพลิก
“คริสจะไปไหน!!” เมื่อได้ยินเสียงเปิดประตูห้องนอนชานยอลก็ค่อยๆพยุงตัวขึ้นแล้วเดินกะเพลกๆไปเกาะขอบประตูห้องครัวก็เห็นร่างสูงกำลังใส่รองเท้าอยู่หน้าประตูห้อง
“คริส ฉันขอโทษอย่าไปเลยนะ” ชานยอลพยายามที่จะเดินกะเพลกๆมาหาแต่คริสก็ยังคงยืนหันหลังอยู่แบบนั้น เพียงแค่อึดใจร่างสูงยาวนั่นก็เปิดประตูแล้วเดินออกไปเลย พร้อมๆกับหยดน้ำตาที่ไหลลงกระทบพื้นของชานยอล
“คริส...” ถ้าเพียงแต่คริสจะหันมามองก็คงจะเห็นว่าแก้วใบนี้เขยิบไปอยู่ชิดขอบโต๊ะจวนเจียนจะตกแตกอยู่แล้ว
ห้องของเราสองคน ตอนนี้มันไม่ได้อบอุ่นอีกแล้วเมื่อมีชานยอลอยู่แค่คนเดียว ไอรักที่คอยอบอวลอยู่ในห้องบัดนี้มันค่อยๆจางหายไป ชานยอลไม่รู้หรอกว่าตอนนี้คริสจะไปทำอะไรและไปที่ไหน และก็ไม่รู้ด้วยว่าจะกลับมาเมื่อไหร่ ไอ้อาการปวดตุ๊บๆที่ข้อเท้าก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นแต่มันก็ไม่ได้ทำให้อาการเจ็บที่หัวใจนี้ทุเลาเลยกลับยิ่งเจ็บหนักกว่าเดิมเสียด้วยซ้ำ
คริสกับเทาไม่ถูกกัน... อันนี้เขารู้ แต่จะไม่ถูกกันด้วยเรื่องอะไรเขาก็ไม่รู้หรอก คริส ชานยอลและเทารู้จักกันมาตั้งแต่มัธยม แต่ตัวเขาเองกับเทารู้จักกันตั้งแต่อนุบาล... เพราะฉะนั้นตอนที่ไม่สบายใจชานยอลก็จะคอยมีเทาอยู่ข้างๆเสมอ ไม่ว่าจะผ่านไปนานเท่าไหร่
“เทา.. มาหาเราหน่อยสิ” แค่เพียงเสียงสั่นๆที่รอดมาตามสาย ต่อให้ยุ่งแค่ไหนเทาก็จะมาปรากฏกายอยู่ตรงหน้าทันที เหมือนกับตอนนี้ที่เทากำลังนั่งอยู่ที่พื้นและกำลังประคบเย็นให้กับข้อเท้าที่เริ่มบวมนั้น แถมปากก็ยังคงบ่นไปเรื่อยๆไม่หยุดจนคนที่กำลังดราม่าร้องไห้อยู่นั้นต้องทำหน้ายู่
“ก็เราทำไม่เป็นนิ เรียกเทามาก็ถูกแล้วไง” เทาเงยหน้าขึ้นมองชานยอลที่ส่งยิ้มมาให้ ดวงตายังคงแดงช้ำเหมือนเดิม เฮ้อ~ ดวงตาสวยๆช้ำหมดเลยนะ
“ไม่คิดว่าฉันจะติดงานบ้างเลยใช่ไหมวะ” ชานยอลหัวเราะคิกคักก่อนที่จะส่ายหน้า
“ก็งานของนาย ไม่ใช่ของฉันนิต้องสนด้วยเหรอ?” เทาก็ทำได้แค่ส่งสายตามองค้อนให้แล้วก็ก้มหน้าบ่นไปนั่นล่ะ ที่ทำเป็นบ่นนี่ก็ทำไปอย่างนั้นเองล่ะ จริงๆแล้วคนที่โดนเรียกมาอย่างกะทันหันเร่งด่วนน่ะดีใจที่สุดแล้ว อย่างน้อยเวลาที่มีเรื่องเขาก็ยังเป็นคนแรกที่ชานยอลคิดถึงล่ะน่า~
เทาจัดการนวดประคบเย็นให้ จากนั้นก็ใช้ผ้ายืดพันรอบข้อเท้าที่บวมไว้เพื่อให้คนป่วยไม่เผลอขยับแข้งขาบ่อยๆ มันจะได้หายเร็วๆ แล้วเจ้าตัวก็วิ่งไปหยิบเก้าอี้ตัวเล็กจากในห้องนอนมารองเท้าให้ เพราะต้องยกเท้าให้ขึ้นสูงไว้เลือดจะได้ไม่ไหลไปกองที่เท้าเพิ่มทับความเจ็บปวด ให้กินยาแก้ปวดดักไว้เรียบร้อยก็มานั่งดูทีวีด้วยกันไปเรื่อยๆ ห้องทั้งห้องเงียบเสียงการพูดคุยแต่เสียจากโทรทัศน์ยังคงแจ่มชัด
“ชานยอล” อยู่ๆเสียงนุ่มของเพื่อนสนิทก็ดังขึ้น คนที่กำลังนั่งพิงพนักโซฟาใกล้จะเคลิ้มหลับก็ขานรับเบาๆ
“อืม” เทาขยับตัวหันมาทางชานยอลก่อนที่จะถอนหายใจเฮือกใหญ่ ชานยอลลืมตาขึ้นมองก็เห็นใบหน้าของเพื่อนทำหน้าตาลำบากใจอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล
“นายสบายดีแน่เหรอ” ชานยอลยิ้มแล้วตีหลังมือเพื่อนแรงๆ
“แล้วฉันบอกหรือยังล่ะว่าไม่สบายน่ะ” ไม่รู้ว่าทั้งสองคุยเรื่องเดียวกันหรือเปล่าแต่มันก็ทำให้เทาอดที่จะถอนหายใจอีกเฮือกใหญ่ๆไม่ได้
“ถอนหายใจมากๆ ระวังอายุสั้นนะ” ชานยอลหัวเราะคิกคักก่อนที่จะยื่นนิ้วไปจิ้มที่หน้าผากของคนข้างกายที่ดูท่าว่าอีกไม่นาริ้วรอยก่อนวัยอันควรคงจะถามหา
“ถ้าไม่ไหวก็บอกฉันนะ เข้าใจไหม?” ชานยอลสอดมือประสานเข้ากับฝ่ามือของเทาแล้วบีบเบาๆ
“อืม ถ้าฉันไม่ไหว ฉันจะบอกนายเป็นคนแรกเลย” เทายิ้มก่อนที่จะยกมือที่จับกันอยู่นั้นมาแนบไว้ที่อก จากนั้นทั้งสองก็หัวเราะออกมาพร้อมกัน ทำเอาบรรยากาศที่ขมุกขมัวก่อนหน้านี้หายไปด้วยเสียงหัวเราะร่าเริงของคนทั้งสอง
ไม่ว่านายจะล้มเมื่อไหร่ ขอแค่ให้นายรู้ว่าฉันยังอยู่ข้างๆและจะคอยประคองนายไว้ก็พอ... นายมองไปข้างหน้าเพื่อมองไปที่คริส ฉันก็มองไปข้างหน้าเพื่อมองนายเหมือนกัน
...นายล้มฉันจะรับ
...นายไม่ไหวฉันจะประครอง
...ถ้านายล้าเมื่อไหร่ฉันจะเป็นคนแรกที่เข้าไปดูแลนายเอง...
ฮวางจื่อเทาน่ะรักปาร์คชานยอลมากกว่าที่เจ้าตัวรู้ซะอีกนะ~
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น